กลอนอ่าน |
ชาดก |
ปาจิตผู้ซึ่งยกกระบวนขันหมากมาสู่ขอนางอรพิมได้มาหยุดพำนักที่ตำบลลำชัย บังเกิดนิมิตร้ายโหรทำนายว่าจะเกิดการพลัดพราก พระยาสงครามชัยรับอาสาไปสืบความจนทราบว่า พระเจ้าพรหมทัตรับนางอรพิมไปเข้าพิธีเสกสมรสเมื่อ ๗ วันที่แล้ว ปาจิตเศร้าโศกอย่างแสนสาหัส ขว้างทองขันหมากลงในธารน้ำ (ธารน้ำนั้นจึงมีชื่อใหม่ว่าลำเมียก ซึ่งแปลว่าลำทอง) และฟาดฟันกำกงของเกวียนจนหักทลาย (บริเวณนั้นจึงมีชื่อว่าเมืองกงรถ) เหล่าประยูรญาติเฝ้าปลอบโยนให้พระองค์แสวงหาชายาใหม่ แต่ปาจิตไม่ยอมฟัง ออกติดตามนางตามลำพัง ปาจิตมาถึงบ้านไร่ได้ทราบเรื่องจากชาวบ้าน ชื่อตาสา จึงติดตามไปถึงเมืองของพระเจ้าพรหมทัต |
กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เมื่อปาจิตตกุมารไม่พบนาง ได้สอบถามความจากมารดานางจนได้ความจริง และผู้ที่ให้รับตัวนางเข้าไปคือพรหมทัตกุมาร มิใช่พระเจ้าพรหมทัต |
พระเจ้าพรหมทัตเข้าใจว่าปาจิตเป็นพี่ชายนาง |
ตรงกัน |
นางอรพิมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางด้วยการดื่มน้ำชำระพระแสง |
ไม่ปรากฏ |
|
|
ปาจิตถือโอกาสขณะที่พระเจ้าพรหมทัตเมาสุราสิ้นสติฟันเศียรพระเจ้าพรหมทัตขาด |
นางอรพิมพ์เป็นผู้ฟัน |
ทั้งสองหาทางออกจากวังไม่ได้ ร้อนถึงท้าวสักกะแปลงเป็นม้าลงมาช่วยเหลือ |
ตรงกัน |
ขณะที่ทั้งสองมาหยุดพำนักอยู่ใต้ต้นไทร พรานป่าผ่านมาพบเข้า ใช้หน้าไม้ยิงปาจิตซึ่งนอนหลับอยู่สิ้นชีวิต และขู่เข็ญนำตัวนางไป |
นายพรานขี่ควายผ่านมาพบเข้าและลอบยิงปาจิตตกุมารซึ่งนั่งอยู่กับนาง ถึงสิ้นชีวิตแล้วพานางขึ้นหลังควายไป |
นางคร่ำครวญขอฝากศพสวามี ไว้กับเทพารักษ์ |
ไม่ปรากฏ |
นายพรานจับควายใช้เป็นพาหนะขี่ไปเพราะนางเดินไม่ไหว |
ไม่ปรากฏ |
นางอรพิมใช้มีดแทงนายพรานขณะที่หลับอยู่ใต้ต้นไม้จนตาย |
นางอรพิมพ์รับอาสาถือดาบให้นายพราน เพราะนั่งอยู่ตอนท้าย และใช้ดาบนั้นแทงนายพรานตาย |
ท้าวสักกะและมาตุลีเทพบุตรแปลงกายเป็นพังพอนและงูเห่าสู้กันต่อหน้านาง เมื่อฝ่ายหนึ่งสิ้นชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งจะกัดเถาวัลย์มาพ่นรด จนฟื้นชีวิต นางอรพิมพ์กระทำตามอย่าง ปาจิตจึงกลับมีชีวิตขึ้นมา |
สลับกัน ท้าวสักกะแปลงเป็นงูเห่า ส่วนมาตุลีเป็นพังพอน ท้าวสักกะนำแท่งยาลงมาวางไว้ |
ทั้งสองมาถึงริมฝั่งน้ำ เณรผู้หนึ่งชื่อว่าทอง ใคร่จะได้นางเป็นภรรยา รับอาสานำข้ามฝั่งโดยรับปาจิตไปก่อนและย้อนกลับมารับนางแล้วพานางไปทางอื่น ระหว่างทางได้พูดโลมเล้านางมาตลอดแต่นางไม่ยินดีด้วย นางทำอุบายขอให้สามเณรเก็บผลมะเดื่อให้ขณะที่สามเณรอยู่บนต้นไม้ นางสะหนามไว้ใต้ต้นและพายเรือหนีไป สามเณรขาดใจตายเพราะเสียรู้ ไปบังเกิดเป็นแมลงหวี่ในผลมะเดื่อ |
มิได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าเณรน้อยปรารถนาจะได้นางเป็นชายา เป็นแต่จะนำตัวนางไปเท่านั้น และการที่ไปบังเกิดเป็นแมลงหวี่ก็ไม่ปรากฏ |
ทั้งสองพลัดพรากจากกัน นางอรพิมออกติดตามสวามีโดยอธิษฐานขอกลับเพศเป็นบุรุษ และฝากหน้าอกไว้ที่ต้นงิ้ว ฝากอวัยวะเพศไว้บนต้นสำโรง นางได้ใช้ชื่อว่าปาจิต |
ตรงกัน เว้นเสียแต่ตอนฝากอวัยวะที่ไม่มี |
นางสั่งความถึงสวามีไว้กับนกแก้ว |
ไม่ปรากฏ |
นางเดินทางมาถึงเมืองจัมปาก ได้แก้ไขนางอมรธิดาของพระเจ้ากรุงจัมปาก ซึ่งสิ้นชีวิตเพราะถูกงูกัด จนฟื้นขึ้นมาด้วยอำนาจยาวิเศษ พระเจ้ากรุงจัมปากยกราชสมบัติและธิดาให้แก่นาง แต่นางไม่ยอมรับขอออกบวช และได้เล่าเรียนหนังสือด้วยความอุตสาหะ จนได้รับสถาปนาเป็นสังฆราช นางให้สร้างศาลาทานไว้มุมเมือง และให้วาดภาพเรื่องราวแต่หนหลังไว้ที่ฝาผนัง พร้อมทั้งกำชับผู้เฝ้าให้คอยสังเกตกิริยาของผู้ชมภาพ |
ตรงกัน แต่บอกว่าธิดาพระเจ้ากรุงจัมปากซึ่งไม่ปรากฏชื่อสิ้นชีวิตด้วยโรคอันเกิดขึ้นในขณะนั้น |
นางอมรธิดาของพระเจ้ากรุงจัมปากมีจิตใจผูกพันกับปาจิตแปลง มีสารมาตัดพ้อต่อว่า และขอให้สึก |
ไม่ปรากฏ |
กล่าวฝ่ายปาจิตมาพำนักอยู่กับตายายที่บ้านไร่แห่งหนึ่ง เป็นเวลาประมาณปีเศษ ไม่ได้ข่าวนางจึงขออำลาเพื่อติดตามหานางต่อไป พฤกษเทวดาซึ่งแปลงเป็นนกแก้วได้ชี้ทางให้ |
ไม่ปรากฏ |
ปาจิตร้องไห้คร่ำครวญเมื่อเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่โรงทาน ผู้เฝ้าศาลาจึงพาไปพบกับสังฆราช สังฆราชเมื่อแน่ใจว่าสวามียังซื่อสัตย์ต่อนาง รับอาสาจะทำให้ปาจิตได้พบกับนาง |
สังฆราชแนะนำให้ปาจิตตกุมารบวชเพื่อจะได้พบกับนาง ต่อมาสังฆราชเข้าไปอธิษฐานในโบสถขอกลับเพศดังเดิม และลาสิกขาเดินทางกลับสู่เมืองพรหมพันธุ์ ทั้งสองได้รับการอภิเษกให้ครองเมืองตอนท้ายเป็นการกลับชาติ |
สังฆราชสึก และเดินทางไปพร้อมกับปาจิตจนถึงบริเวณต้นสำโรง นางขออวัยวะคืนและอธิษฐานกลับเพศเป็นสตรีดังเดิม นางพรรณนาความแต่หนหลังให้สวามีฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน ทั้งสองคิดขึ้นได้ว่าความทุกข์ยากในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากผลกรรมที่ได้กระทำไว้กับพระเจ้าพรหมทัต จึงชวนกันไปปลงศพพระเจ้าพรหมทัตที่เมืองพาราณสี เพื่อเป็นการอโหสิกรรม เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ว ทั้งสองกลับสู่นครพรหมท่ามกลางความชื่นชมของทุกคน ทั้งสองได้รับอภิเษกให้ครองเมือง |
ไม่ปรากฏ |
สโมธาน |
สโมธาน |