ปาจิตกุมารกลอนอ่าน เล่ม ๒

ตั้งแต่พระปาจิตกุมารทรงสุบินนิมิต ให้โหรทำนาย แล้วสั่งอำมาตย์ไปสืบข่าวยังบ้านนางอรพิม จนถึงพรานไพรยิงพระปาจิตสิ้นพระชนม์ แล้วพานางอรพิมไป

.................................... ....................................
ล้างพระพักตร์ให้ผ่องแผ้ว สำเร็จแล้วออกพระโรงวินิจฉัย
พร้อมด้วยหมู่มหาเสนาใน รับสั่งให้หาโหราเข้ามาพลัน
นี่แน่ท่านโหราพฤฒาเฒ่า คืนนี้เราให้อนาถประหลาดฝัน
จึงเล่าเรื่องในสุบินจนสิ้นพลัน ให้โหรนั้นแจ้งกระจ่างในทางความ
ฝ่ายโหรท่านฟังฝันจนสิ้นข้อ เป็นย่นย่อเยื่องแยบขยาดขาม
เป็นที่เสียเป็นที่ได้ในใจความ ต้องทายตามเรื่องนิมิตไม่ผิดตัว
พระโหรหลวงทราบทรวงกระแสฝัน จึงทูลพลันว่าพระบาทอยู่เหนือหัว
ซึ่งพระองค์ทรงฝันว่าหายตัว ยังพันพัวอยู่เป็นเพื่อนที่เรือนยาย
ในฝันว่าพานางขึ้นไปโคก ไปพบโกรกห้วยธารละหานสาย
ที่ข้อนี้ข้าพระองค์บรรจงทาย เห็นจะได้ที่ในกายพระภูธร
ที่สู้ยากพากเพียรเที่ยวหานาง ก็สมหวังยิ่งภิญโญสโมสร
เมื่อพบละหานธารโกรกที่โคกดอน ท่านายว่าพระบวรพบอรพิน
ที่ฝันทรงว่าพระองค์นั้นอยากน้ำ เที่ยวเร่ร่ำเสาะแสวงกระแสสินธุ์
จนค่ำพลบจึงได้พบซึ่งวาริน ได้กอบกินไม่ทันละก็ปะภัย
ที่ข้อนี้เห็นจะได้กับผ่านฟ้า เมื่ออาสาอยู่กับนางพิสมัย
จนเติบโตน่านอนให้ย้อนใจ พระภูวนัยมาแถลงแจ้งบิดา
ที่หิวกระแสทายแน่กำเริบรัก แม่นงลักษณ์อรพิมขนิษฐา
ที่พบน้ำนั้นพระองค์ได้กัลยา แต่เท่าว่าประเดี๋ยวนี้เห็นมีภัย
ที่ทรงฝันว่าพระนางนั้นเฝ้าหาบ พระยาเสือนั้นมาคาบเอานางได้
พระแล่นโลดโดดตามในทันใจ ก็ชิงได้กัลยานั้นมาคืน
ที่ข้อนี้เห็นจะได้กับตัวนาง อยู่ภายหลังเห็นจะมีคนข่มขืน
ประโลมขวัญสุดจะกลั้นต้องกล้ำกลืน ถึงไม่ชอบก็ต้องชื่นในเชิงชม
ฝันว่าเสือเห็นจะเชื้อเป็นผู้ใหญ่ ไม่เป็นเจ้าก็เป็นนายทำขื่นขม
ที่ชิงได้ไม่เป็นไรแต่พออม เป็นแต่ลมมิได้ล่วงในทรวงนาง
ที่ฝันว่าพาโคกเที่ยวหาน้ำ ระหิมระหามคอแห้งแทบลงผาง
จนค่ำพลบจึงได้พบนัททีทาง จะได้นางก็เห็นยากลำบากใจ
ไม่เหมือนคำขอถวายชีวาวาตม์ ประยูรญาติเอาไปล้างให้ตักษัย
ทั้งเมียลูกผูกอารีที่อาลัย ประหารให้สิ้นทั้งโคตรอย่าโปรดปราน
พระทรงฟังโหรทำนายทายสุบิน ตลอดสิ้นตั้งแต่ต้นจนอวสาน
แกขันชีวิตมิได้คิดจะวายปราณ พระภูบาลเห็นจริงไม่กริ่งใจ
พระนึกเทียบเปรียบคำบูราณว่า อนิจจาครั้นมาคิดหาผิดไม่
ถ้าเมียงามโฉมเฉิดเลิศวิไล ฝากกับยายเห็นจะเป็นเช่นวันทอง
เมื่อขุนแผนยังเป็นไพร่ชื่อพลายแก้ว ก็ว่องแวววิชาดีไม่มีสอง
มาสู่ขอได้กันกับวันทอง เข้านอนหออยู่ด้วยน้องได้สามคืน
เมืองเชียงทองคิดกบฏกับเชียงใหม่ กำเริบใจหาตัวก็ขัดขืน
รับสั่งใช้ให้นายพลายคนยงยืน ไปปราบปรามให้ราบรื่นเป็นอันดี
เป็นจนใจจ้าวใช้ก็สุดขัด ต้องพรากพลัดจากน้องให้หมองศรี
ความรักกันราวกะทรวงดวงชีวี ไม่พอปีก็วันทองเป็นสองใจ
ไอ้ขุนช้างมันมาไพล่ว่าพลายแก้ว อาสาทัพยับแล้วเป็นโทษใหญ่
ถ้าตัวอยู่ก็ยังชั่วนี่ตัวตาย ลาวจับได้ฟันแทงให้แร้งกิน
มันมุสากระดูกหมาเอามาให้ ว่าพลายตายนี่กระดูกโดยถวิล
ฝ่ายแม่ยายก็ไปเชื่อไอ้คนทมิฬ หลงด้วยลิ้นคนโกหกช่างพกลม
ขุนช้างว่าถ้าอาสาโทษอย่างนี้ ด้วยเสียทัพโทษมีทวีถม
ทั้งแม่ยายเมียลูกต้องตกจม การระดมต้องเข้าไปอยู่ในวัง
แล้วมันว่าฉันเมตตานางวันทอง จะเสียของเงินตราสักห้าชั่ง
เอ็นดูฉันถ้าเมตตันกรุณัง เถิงสิบชั่งก็จะเสียได้เมียมา
๏ ฝ่ายแม่ยายใจโลภทั้งลุ่มหลง ไปงวยงงหลงเชื่อคนมุสา
ยกวันทองให้แก่มันเป็นภรรยา ลูกเขยเก่านั้นไม่มาจนคิดเลย
นี่ตัวเราเห็นจะเป็นเช่นวันทอง เมื่อจากน้องวันจะมานิจจาเอ๋ย
ว่าหมื่นรักแสนปลื้มไม่ลืมเลย แม่คุณเอ๋ยความรักไปพากเพียร
ชะรอยมีคนเล่าไปเป่าหู หลงด้วยรู้เขาสักนิดระหิดระเหียน
ไม่กลัวเลยหนามงิ้วไม่ลิ่วเตียน เห็นจะเพี้ยนเหมือนวันทองเป็นสองใจ
เป็นแต่ฝันยังไม่มั่นเหมือนตาเห็น จนเกินเกณฑ์ตีตัวไปก่อนไข้
ทำเป็นคนเสียจริตก็ผิดไป ต้องเขาทายสืบดูให้รู้ความ
พระกรองกรึกนึกกริ่งจริงกับเท็จ ยังขามเข็ดแบกบาปไว้หาบหาม
มาพร่ำบ่นอยู่เหมือนคนเป็นบ้ากาม ตรองให้งามอย่ามักง่ายทำใจเบา
พระเอื้อนโอษฐ์โปรดประภาษแล้วตรัสว่า ทั้งน้าอาผู้รู้พระครูเฒ่า
พระยาอุเทนเสมอใจอย่างไรเรา ท่านคนเก่าท่านจะเห็นเป็นอย่างไร
เจ้าชีวิตมอบการสิทธิให้กะท่าน ที่การงานได้เสียเป็นไฉน
ที่เราฝันท่านอาจารย์ก็ทำนาย ว่าวุ่นวายทายตรงว่าเสียนาง
ท่านโหรนั้นแกก็ขันให้ชีวิต ถ้าทายผิดสิบทั้งโคตรจะให้ล้าง
จะเท็จจริงเราก็นั่งไว้บั้นกลาง ไปสืบดูให้กระจ่างจึงแจ่มใจ
พระยาพิชัยที่ยกไปเป็นกองหน้า ไปตามมากลับคืนให้รั้งไว้
พวกตำรวจขึ้นม้าพลันในทันใด ด้วยวิ่งไวตามถึงเขาทันที
พระยาพิชัยตกใจร้องเรียกถาม บังเกิดความขึ้นอย่างไรไฉนนี่
ขุนตำรวจเรียนพลันในทันที ว่าบัดนี้เกิดวุ่นให้คุณคืน
ดับนั้นท่านพระยากองกำกับ ก็คืนกลับมากระบัดไม่ขัดฃีน
เข้าเฝ้าองค์ทรงพุฒไม่หยุดยืน แล้วปลงช้างครึกครื้นริมฝั่งชล
๏ ปางพระปิ่นภิญโญวโรรส พระทรงยศกรองสังเกตที่เหตุผล
ทอดพระเนตรเห็นพระนายกับไพร่พล ภูวดลเอื้อนอรรถประภาษไป
ว่าดูกรท่านพระยาสามิภักดิ์ ท่านจงรักที่ในเราพ้นวิสัย
เมื่อคืนนี้เราอนาถประหลาดใจ พอหลับไปบังเกิดฝันประหวันทรวง
อันนิมิตวิปริตเหมือนเช่นนี้ ไม่เคยฝันแต่สักทีพระนายหลวง
พิเคราะห์ฝันก็ให้ตันน้ำตาตวง ตั้งแต่ง่วงอยู่เหมือนงั่งไม่ชั่งใจ
เล่าให้โหรแกทำนายก็ทายว่า นางกัลยาอรพิมพิสมัย
แกทายตรงว่านางหลงไปคบชาย ถ้าไม่จริงแกก็ให้วายชีวา
อันชีวิตใครไม่คิดเสียดายรัก แกประจักษ์จริงใจจึงกล่าวกล้า
ครั้นพิเคราะห์ดูในทรวงดวงชะตา ในตำรานั้นก็ว่าจะเสียนาง
อันความฝันกับตำราตาโหรหลวง ต้องในทรวงอุกรุกช่างทุกข์ผาง
ครั้นจะไปฝันก็ร้ายเกิดเป็นลาง เรารอรั้งอยู่เพียงนี้ทีเป็นไร
พระพิชัยสงครามรามนเรศ จึงก้มเกศกราบทูลสนองไข
บูราณวางถ้าเป็นลางแล้วขืนไป คงเกิดภัยขึ้นเป็นแน่กระแสทาง
นี่พระองค์ทรงฝันในทรวงอก ไม่พร่องบกจริงใจใสสว่าง
ถ้าขืนไปก็เห็นใช่จะอับปาง ขอพระองค์จงกระจ่างประจักษ์ใจ
๏ ปางพระองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติเยศ พระปาจิตอิศเรศมิ่งมไห
ทรงปรึกษากับพระยาทั้งสามไป ก็เห็นในใจความจะภัยพาล
จึงตรัสว่าท่านพระยาสงครามชัย ท่านจงไปสืบให้แน่กระแสสาร
จะเห็นจริงฤๅอย่างไรได้แจ้งการ ไม่ช้านานเต็มว่าช้าสักห้าคืน
ท่านพระยารับบัญชาใส่เกศี ขมันขมีทูลลาด้วยฝ่าฝืน
เรียกทนายผูกช้างสะพายปืน ใส่จำลองแล้วก็ขึ้นเร่งรีบไป
ประมาณทางรั้งนอนสามคืนครึ่ง บรรลุถึงบ้านหนึ่งสะหวั่นไหว
เห็นผู้คนกล่นเกลื่อนแลแต่ไกล เสียงขับนกเฝ้าไร่อยู่แซ่แซว
ให้ควาญช้างไสช้างเข้าไปใกล้ เห็นตายายมัดข้าวฟ่างวางเป็นแถว
แล้วปลงช้างทำทีไม่วี่แวว ดีแล้วพบยายคงได้การ
แล้วเดินตรงลงนั่งพลางปราสัย เพทุบายด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน
ท่านตายายทำไร่นี่นิ่งนาน สารพันถั่วงาบรรดามี
พริกมะเขือเหลือล้นผลสล้าง ดกกระจ่างลูกแยะเหมือนกล้วยหวี
ที่เก็บย่างไว้ต่างหากนั้นมากมี แต่ละปีเห็นจะหลายได้เงินตรา
พระยาท่านชั้นเชิงฉลาดเหลือ แกก็เกื้อท่วงทีดีนักหนา
ครั้นจะตรงเข้าไปถามตามสัจจา กลัวยายตาแกจะกลอกไม่บอกตรง
ครั้นจะใช้ให้ทนายไปไถ่ถาม กระแสความไม่ได้จริงสิ่งประสงค์
จะขุ่นเคืองแค้นขัดบาทบงสุ์ จักรพงศ์ก็จะโกรธพิโรธใจ
ว่าคนเก่าเรานี้หวังว่าดวงเนตร ไปสืบเหตุก็หาหายสงสัยไม่
หมายจะทำความชอบประกอบใจ จะกลับภัยเข้ามาติดผิดตำรา
พระยาท่านตรึกพลันปราสัยสาร ถามว่าบ้านนี้ชื่อไรท่านยายขา
ขึ้นอำเภอฤๅอย่างไรท่านยายตา นามพาราชื่อนั้นประการใด
ท่านยายตาว่าอะไรท่านนายหลาน มาถามบ้านถามเมืองเหตุไฉน
นี่พ่ออยู่แว่นแคว้นแดนเมืองใด ลาวฤๅไทยฤๅเขมรข้าเห็นแคลง
ท่านพระยาแหลมคารมลมฉลาด ไม่หวั่นหวาดบอกแกให้เคลือบแฝง
นี่แน่ตาข้าเจ้าจะแจ้งแจง เมืองตำแหน่งฉันนี้อยู่นครพรหม
ทั้งยายตาแกจึงว่าอย่างไรหลาน อันเมืองบ้านท่านข้างโน้นอุดมถม
ฤๅอดอยากนาไร่ไม่อุดม มัธยมฤๅกันดารพระหลานชาย
อันนามบ้านนี้ฤๅหลานตลาดโพ ทั้งใหญ่โตชายหญิงนั้นมากหลาย
แต่โรงเรือนนั้นว่าน้อยสักร้อยปลาย อันเมืองใหญ่มีปราสาทราชวัง
อันนามเมืองชื่อว่าเมืองพาราณสี แต่เดิมทีเทวดามาก่อสร้าง
กำแพงแก้วมิใช่ดินหินบั้นกลาง ปราสาทปรางค์หมดสิ้นแต่หินทำ
ยลยอดปรางค์แลสว่างด้วยแสงแก้ว ดูวาวแววแสงหล้าจินดาขำ
มันเหลือดีแล้วพระหลานท่านช่างทำ ดูประเสริฐเลิศล้ำด้วยลวดลาย
ตาเล่าก็เหมือนเอามาพูดอวด มันยิ่งยวดเกินอย่างจะกฎหมาย
ไม่เชื่อตาก็ให้ถามเอาคำยาย สงสัยใจไปดูให้เห็นเป็นขวัญตา
เจ้าแผ่นดินปิ่นเมืองชื่อพรหมทัต เสวยราชสมบัตินิวาสา
พระเอกอัครมเหสีนั้นปรีชา ชื่อกัลยาอรพิมนิ่มอนงค์
พึ่งได้นางอุปภิเษกเป็นเอกอัคร กับนงลักษณ์อรพิมนวลระหง
เมื่อเดือนยี่สี่ค่ำนั้นลงโรง แต่ลงโรงมาสำเร็จเถิงเจ็ดวัน
มีโขนหุ่นเพลงละครทั้งมอญรำ อีกมวยปล้ำไต่ลวดก็กวดขัน
ครั้นกลางคืนแล้วถวายดอกไม้พลัน พลุตะไลจุดสนั่นเป็นโกลา
เล่นสำเร็จเจ็ดวันไม่คั่นขาด ประชาราษฎร์ชื่นชมสหัสสา
พากันปรูดูงานไม่พริบตา จนพลบค่ำสนธยาจึงมาเรือน
ทั้งร้อยเอ็ดพระนครมาอ่อนเกศ จันต์ประเทศพาราก็มาเหมือน
ของบรรดาถ้าจะว่าสักท่วมเรือน บุญมาเตือนตามท่านพระหลานนาย
นี่นายท่านมาราชการฤๅธุระ ฤๅเปล่าปละเที่ยวเล่นดังใจหมาย
เป็นความจริงแจ้งกระจ่างอย่าพรางยาย พระยานายตรึกตรองเป็นสองทาง
ครั้นไม่ตรงแกก็ตรงตัวเองถาม แกแจ้งความอนุสนธิ์จนกระจ่าง
แต่แรกคิดว่าจะปิดไม่เปิดทาง ผิดด้วยอย่างสุภาษิตประดิษฐ์มา
ถ้าใครปดก็เอาปิดเข้าปดส่ง ถ้าใครตรงก็ให้ตรงจนสังขาร์
นี่แกตรงก็ต้องตรงต่อยายตา ท่านพระยาจึงขยายภิปรายความ
ท่านตาเจ้าฉันจะเล่าเป็นความจริง ถ้ารู้แล้วก็ให้นิ่งจะเสี้ยนหนาม
สมเด็จพระเจ้าลูกยาพงางาม ขององค์ประเสริฐเลิศล้ำนครพรหม
พระโองการจะให้ผ่านครองสมบัติ เป็นกษัตริย์หาคู่ภิเษกสม
แต่ร้อยเอ็ดที่มาขึ้นบูรีรมย์ มัธยมอย่างดีไม่มีเลย
ลูกอำมาตย์เสนาพระยาใหญ่ มาถวายมากนักท่านตาเอ๋ย
ท่านไม่รักไม่นิยมไม่ชมเชย จนแล้วเลยทูลลาบิดาจร
เที่ยวค้นคว้าหานางจนจวบจบ กว่าจะพบพุ่มพวงดวงสมร
ในคำเล่าว่าท่านไปหลายนคร แต่ซอกซอนซนซุกทุกบูรี
ว่าไปพบนพเก้าเล่าแถลง ในท้องแขวงเป็นอำเภอพาราณสี
แต่พากเพียรอยู่อาสาสิบห้าปี สิบหกปีทั้งยังอยู่แต่ในครรภ์
ครั้นเติบใหญ่ใคร่ครวญควรจะได้ จึงลายายบทจรมาผ่อนผัน
แจ้งกระจ่างพระบิดรนครพลัน ท่านรับขวัญชมชื่นระรื่นใจ
จึงจัดแจงแต่งคนแลสิ่งของ ทั้งเงินทองทรัพย์สินนั้นมากหลาย
ทั้งโคต่างช้างม้าแลวัวควาย มโนมัยราชรถทั้งคชา
แต่เงินทองแก้วแหวนนับลำหาบ จนทางราบเป็นผงคลีไม่มีหญ้า
เงินใส่ต่างช้างใส่ทองให้เต็มมา เป็นสินไหว้พระลูกยามารดายาย
ในคำตรัสว่าถ้าจัดแต่งการแล้ว ขอรับเอาสะใภ้แก้วมาสืบสาย
มายังกรุงสีพีบูรีพราย จะมอบให้ท่านทั้งสองนั้นครองกรุง
แต่ยกมาถ้าจะว่าสักเดือนเศษ บังเกิดเหตุมาหยุดนอนพลับพลาสูง
ที่ลำชัยใสระโยงพุนงยุง เมื่อยามรุ่งอัศจรรย์ให้ฝันไป
จึงหาโหรเข้ามาเฝ้าแล้วเล่าฝัน ท่านโหรนั้นทายตรงไม่สงสัย
จะเสียตัวถ้าไม่เสียก็เกิดภัย ไม่เหมือนทายแกให้ฟันแกขันเอา
ทรงปรึกษาท้าวพระยาพระวงศ์ญาติ ต้องพิฆาตคำโหรพระครูเฒ่า
จะขืนไปถ้าแม้นได้ก็งามเพรา ถ้าไปเปล่าแล้วก็ยิ่งกว่าแมวเลีย
พระวงศาชาวพระยาแต่ใหญ่ใหญ่ ก็มากมายบรรดามาพากันเสีย
เป็นกษัตริย์มิใช่ไพร่จะไร้เมีย แต่ไพร่เตี้ยก็ยังได้ทุกกายคน
ทรงปรึกษาหารือเห็นผ่องใส ท่านจึงใช้ฉันมาสืบอนุสนธิ์
ท่านพระครูดูแน่เหมือนแลยล แกเกินคนเหลือเล่ห์เหมือนเทวดา
ยายตาแกฟังกระแสแล้วปราสัย เอ็นดูยายอย่าให้อึงนาพ่อหนา
ถ้าทราบข่าวไปเถิงท้าวจ้าวพารา จะจับตาตียายให้วายชนม์
ท่านพระยาปราสัยว่ายายหลาน อย่ารำคาญเคืองแค้นอย่าเสียวขน
ท่านไปเอาเขาก็รู้ทุกผู้คน ไม่ต้องกลเข้าการรำคาญยาย
ทั้งยายตาแกจึงว่าพระนายหลาน ที่ข้อนั้นยายไม่กลัวดอกหัวหาย
ยายรำคาญด้วยพระหลานปานตัวตาย ไม่เป็นไส้ก็เหมือนไส้ศึกสงคราม
พระหลานนายมิใช่ไพร่อนาถา อยู่พาราสัปทนมืคนหาม
เหมือนชนวนชวนศึกให้ลึกลาม มาปลงช้างวางย่ามทำเยื่อใย
ได้ยินอย่างวางมาตำราปด ถ้าไม่คดก็เหมือนคดอย่าสงสัย
อยู่แดนลาวแล้วยังก้าวไปแดนไทย อยู่แดนไทยแล้วยังไพล่ไปคบมอญ
อยู่พม่าแล้วยังมาคบเขมร มันเกินเกณฑ์ต้องบทกำหนดสอน
นี่หลานนายอยู่ต่างถิ่นแผ่นดินดอน ถ้าเกิดศึกเห็นจะค่อนด้วยดาบคม
ไม่ชนวนเหมือนชนวนจะชวนศึก ยายนิ่งนึกหาสาเหตุก็เห็นสม
ด้วยหลานมาตายายแย้มนิยม มากล่าวลมคบค้ากับตายาย
อนึ่งว่าถ้าไม่รู้ว่าเป็นโจร มันเป็นโจรขาดเหลือเสบียงหาย
มันมาขอเอ็งก็ยอให้ง่ายดาย ให้อาศัยกินอยู่นั้นสู่โจร
มันไปลักหมากพลูแลม้าควาย เขาจับได้มันก็ว่ามาห้อยโหน
ได้อาศัยให้กำลังตั้งประโคน ว่าสมโจรเขาก็มัดข้อมือไป
นี่แลยายคิดเจือเผื่อข้างหน้า ถ้าฉวยว่าท่านนั้นเดือดไม่เหือดหาย
ดูก็เปื้อนเหมือนขโมยคอยขะมาย แต่พอพลบแล้วก็ไพล่เอาถุงเพลง
ครุ่นคิดเทียบเปรียบเหมือนตักวารีหาบ คนหนึ่งตักคนหนึ่งอาบทำข่มเหง
ยายเห็นว่าท่านสิทำไม่ยำเกรง ถึงยายเองก็ไม่ฟังคงอ้างกัน
ด้วยท่านครองอยู่ในชายใจละโมบ ยังหลงโลภยังไม่ได้พระอรหันต์
ปุถุชนฤๅจะถือได้เที่ยงธรรม์ อันสามัญฤๅจะถือซึ่งขันตี
ถ้าเว้นว่าแต่ตถาผู้ได้ตรัส ที่โปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้สุขี
จึงจะอดงดได้ไม่ไยดี นี่เต็มทีท่านอย่าห่วงในบ่วงกาม
เถิงบารมีนั้นจะสร้างแต่หลังมาก ถ้ากามราคยังไม่สิ้นคงเสี้ยนหนาม
เหมือนพระองค์ท่านยังทรงพยายาม ยังไม่ข้ามห้องกิเลสให้เด็ดไป
เอากำเนิดเกิดเป็นโพธิสัตว์ เสวยชาติชื่อสุธนปิ่นมไห
บริบูรณ์ยิ่งภิญโญด้วยโภไคย นึกอันใดสารพัดไม่ขาดแคลน
กษัตราเหมือนหนึ่งว่าพระปาจิต ยังขืนคิดหนักหน่วงยังหวงแหน
มีศึกใหญ่พระบิดาใช้ไปแทน อาจารย์พราหมณ์ทำแค้นแสนทวี
ท่านไปทัพปราบปรามอรินภัย เทพไทสู้แทนให้ศึกหนี
ข้าศึกใหญ่แพ้พ่ายพระบารมี เทพเทวีเข้านิมิตกับบิดา
ให้ทรงฝันอัศจรรย์ในกองลาภ ให้ทรงทราบว่าพระลูกเสน่หา
ชนะศึกที่ไปสู้หมู่ปัจจา อัปราท่านจงรู้ในสุบิน
พระบิดาตื่นผวาแทบขวัญหาย สำคัญใจว่าจะเสียซึ่งสิ่งสิน
ด้วยไม่รู้ในกระแสแก้สุบิน ให้เดือดดิ้นทุกตรมระทมใจ
จึงหาพราหมณ์ที่เป็นครูรู้ตำรา ได้ตัวมาแล้วให้แก้กระแสสาย
เล่าสุบินสิ้นแต่ต้นตลอดปลาย ในที่ทายแกก็รู้ว่าฝันดี
แต่พราหมณ์ร้ายใจทมิฬกาลีเมือง แกล้งยักเยื้องยกว่าไอ้หน้าผี
พระองค์ฝันร้ายฉกรรจ์แสนทวี เห็นเต็มทีจะบันดาลเสียบ้านเมือง
พระเจ้าพ่อฟังทำนายทายสุบิน ให้เดือดดิ้นโทมนาจนตาเหลือง
ทำกระไรท่านอาจารย์ที่บ้านเมือง จะปลดเปลื้องแก้เข็ญเป็นอย่างไร
ฝ่ายพราหมณ์ร้ายใจนรกโกหกว่า เร่งให้หาสัตว์สิงคาพิสัย
สิ่งละร้อยอย่าให้น้อยกว่าร้อยไป ถ้าทำได้จึงจะหายเป็นฝ่ายดี
พระเจ้าพ่อพราหมณ์มันล่อไม่รู้สิ้น ก็กลัวดิ้นให้เขาฆ่าซึ่งสัตว์ศรี
ทั้งเป็ดไก่มหิงสาแลคาวี จะพาลีเสียกรรมในทำการ
มันแสร้งว่าถ้าจะทำพิธีใหญ่ ต้องปักไม้เข้ากรรมต้องทำศาล
คนจะเข้าอย่าให้เข้าจะเสียการ คนจะออกก็ต้องทานอย่าออกมา
พระบิดาหลงหนาไปเชื่อพราหมณ์ ก็ทำตามเข้ามณฑลเหมือนมันว่า
ครั้นสมใจมันก็ไพล่ไปฉันทา มันทูลว่าจะต้องการวิชาธร
แต่วัวควายเป็ดไก่นั้นได้ครบ ยังปรารภผิดตำราอุทาหรณ์
ยังผิดไปแต่ไม่ได้วิชาธร มันกล่าวกลอนก่อเกื้อให้เชื่อฟัง
ถ้าไม่ได้ก็ไม่หายในกายเคราะห์ เป็นจำเพาะเข้ากระสายให้ได้บ้าง
ถ้าไม่มากก็สักนิดไม่ผิดดัง จึงจะล้างเคราะห์หายละลายไป
ฝ่ายบรมนาถาบิดาเจ้า พระผ่านเกล้าอัธยาอัชฌาสัย
จึงว่าพราหมณ์ท่านนี้ว่านักหนาไป ใครที่ไหนจะไปเห็นวิชาธร
แต่ก่อนเก่าเล่าบ้างแต่หลังมา ครั้งปู่ย่ายายใหญ่ไม่สังขรณ์
ได้ยินแต่ว่าเรียกว่าวิชาธร ใครบ่ห่อนที่จะเห็นเป็นอย่างไร
ข้าจนใจหาไม่ได้แล้วนะท่าน จะวายปราณแล้วจะทำอย่างไรได้
ไอ้พราหมณ์ร้ายใจทมิฬประมาทชาย มันหามบาปหาบแต่ภัยมาใส่ตัว
มันทูลว่ามโนห์ราศรีสะใภ้ ก็พอได้ชาติเชื้อก็ยังชั่ว
เป็นเนื้อแนวชาววิชาจงหาตัว จะพันพัวรักใคร่ไม่ต้องการ
พระบิดาตรัสว่ามันผิดไป เลือดในไส้ก็ว่าได้จะล้างผลาญ
ทำทั้งนี้จะให้ดีมงคลการ กลับรำคาญเข่นฆ่ารำจวนใจ
ตาพราหมณ์เปรตก้มเกศลงกราบทูล นเรนทรสูรทรงคิดผิดวิสัย
ตัวพระองค์จะไม่รักมารักไป มาหลงรักศรีสะใภ้นี้ใครมี
แต่โลหิตเลือดยางในร่างกาย ถ้าแรงร้ายก็ต้องกรอกออกนอกนี้
นี้ผู้อื่นมิใช่กายใจอารี มันผิดทีผิดด้วยอย่างทางบูราณ
ว่ารักลูกผูกพันกระสันใจ รักสะใภ้ก็ให้เหมือนลูกสงสาร
นี้โทษถึงที่ฉิบหายจะวายปราณ ไม่ต้องการรักกายทั้งได้บุญ
พระวงศาข้าแผ่นดินสิ้นทั้งนั้น พระทรงธรรม์ปกป้องสนองหนุน
ได้อยู่เย็นเป็นสบายไม่อาดูร จะวายวุ่นยับย่อยพลอยระยำ
พระเจ้าลูกผูกอาลัยเสน่หา เมื่อกลับมาแล้วจึงค่อยอุปถัมภ์
ลูกร้อยเอ็ดพระนครเหมือนถอนคำ สักสองสามนั้นไมตรีฤาอย่างไร
มันกล่าวแกล้งแสร้งเสียดมารษา จะให้ฆ่ามโนห์ราเสียจนได้
นางมีปีกหลีกบินจึงพ้นภัย เหมือนตายายแล้วชีวิตไม่ติดตัว
พระสุธนทศพลโพธิสัตว์ ครั้นแจ้งอรรถท่านก็เคืองเหมือนขาดหัว
สู้ติดตามเอานางงามจนได้ตัว ยายนี้กลัวจะเป็นอย่างปางสุธน
พระสุธนไปด้วยงามไม่ทำศึก ยายนี้นึกจะไม่เป็นเหมือนหนต้น
กลัวจะยกโยธาจะพาพล เข้าประจญรบชิงเอามิ่งนาง
ทั้งยายตาก็จะพากันยุบยับ ท่านจะจับเอาไปฟันเป็นผีสาง
ด้วยยายตาสิเป็นคนเหมือนต้นทาง มันเข้าอย่างอยู่อย่างนั้นพระหลานนาย
แต่แรกมาถ้าตารู้มาสืบคลำ แต่ถึงคำก็ไม่บอกออกขยาย
มันเฒ่าแก่พล้ำเผลอละเมอละมาย มันแก่กายแก่เปล่าไม่เข้ายา
มันเกินการภัยจะติดจึงคิดได้ แกร้องไห้แทบชีวิตจะสังขาร์
จะเอามีดกรีดคอให้มรณา ฟานพระยาจึงผวาเข้าชิงเอา
แล้วจึงว่ายายตาเอ็นดูหลาน ไม่เข้าการจะมาฆ่าตัวเปล่าเปล่า
ฉันจะว่าถ้าแม้นผิดยายอย่าเอา ถ้าแม้นถูกจึงเอาเข้าไว้ใส่ใจ
พระนายท่านฟังสารตายายว่า แกพูดจาต้องในบทกำหนดไข
แล้วตรองตรึกนั่งนึกมโนใน ถ้าวุ่นวายเขาคงยำเหมือนคำตา
ธรรมดาผู้ชายใจมานะ เป็นกษัตริย์ที่จะละนั้นอย่าหา
คงทำศึกชิงชัยจนได้มา เข้านิพพานั่นแลแคล้วจึงแล้วกัน
เอ็นดูยายแกจะตายเสียเปล่าเปล่า แกมีคุณไว้นั้นเล่าไม่กวดขัน
จะคิดช่วยมิให้ม้วยชีวาวัน ไปด้วยกันเสียก็เปล่าจะเอาใคร
ท่านพระยาจึงว่าตายายใจบุญ มาทำคุณไว้กับหลานพ้นวิสัย
ได้รู้เรื่องแน่นักประจักษ์ใจ จะแทนคุณมิให้ตายวายชีวี
ฉันนี้คิดว่าจะให้ไปกับหลาน ไปดูบ้านชมเมืองให้เรืองศรี
หลานจะเลี้ยงไปจนหายกายอินทรีย์ ตายเป็นผีก็จะเฝ้าจะเอาบุญ
ทั้งตายายฟังพระนายประโลมว่า จึงปรึกษาตายายอยู่วายวุ่น
ยายจึงว่าตาเอ๋ยท่านใจบุญ ไปกับคุณท่านเป็นไรไม่วายปราณ
ฝ่ายข้างตาแกจึงว่าสุดแต่ยาย ไปก็ไปให้มันพ้นคนเขาผลาญ
มีอะไรแต่เตาไฟกับเชิงกราน คิดด้วยลูกผูกด้วยหลานสุดอาลัย
ก็จัดแจงแต่งให้มันเป็นเรือนแล้ว เป็นผ่องแผ้วกุดขาดปัดไถม
มีแต่ตัวกับถุงหมากมีดตะไกร มาทำไร่เลี้ยงชีวาประสาจน
ยังเสียดายอยู่แต่ไร่กับข้าวฟ่าง มีอยู่บ้างยาวยืดเป็นพืชผล
แต่เงินทองของแก้วนั้นยากจน บ่อนกังวลเราเท่านั้นแล้วท่านยาย
ครั้นจะไปสั่งหลานรำคาญลูก จะพันผูกร้องไห้ไม่เหือดหาย
พิไรร่ำมันจะห้ามไว้วุ่นวาย จะพากันตายไปเสียหมดทั้งโคตรวงศ์
อนิจจังสังขารามาเพียงนี้ ไม่พอที่จะมาตายเลยตาสง
ตามทีสู้ให้มันอยู่กับเผ่าพงศ์ ไม่คืนหลังกลับเวียนวงไปสั่งมัน
ความกระสันพันผูกกับลูกหลาน แกแดดาลแทบจะสิ้นชีวาสัญ
ครั้นจะอยู่จะไม่ไปกลัวภัยยัน ครั้นจะไปก็ให้ตันคับอุรา
โอ้เสียดายไร่พริกรุ่นจะรก ใครจะถกงอกขึ้นแต่พื้นหญ้า
เสียดายไร่ถ้าไม่ตายจะกลับมา ถ้าอยู่เย็นให้พระยามาส่งคืน
เสียดายข้าวกำลังฟ้อเป็นเพิงพุ่ม เขียวชอุ่มกำลังดกดอกสะอื้น
เว้นวันนี้แต่พรุ่งนี้ไปมะรืน จะครึกครื้นไปแต่ควายเต็มไร่เรา
เสียดายข้าวแล้วมิหนำมาซ้ำงา ละลานตากำลังดอกนั้นออกขาว
ข้าวหางช้างพู่พวงเป็นรวงยาว แตงน้ำเต้าฟักทองนั้นมองมูน
โอ้มะเขือเหลือล้นผลระย้า โหระพาผักแพวแนวจะสูญ
ทำกระไรใครจะบอกไอ้ทิดบุญ มาสะรั้วดายรุ่นไว้เก็บกิน
แกขืนคิดอิดออดทอดใจใหญ่ ทั้งตายายหวนคิดจิตถวิล
พระยานายจึงว่ายายอย่าราคิน ให้ลิงกินก็เหมือนกันเป็นทานบุญ
อย่าเกี่ยวข้องร้องร่ำพิไรไร่ คิดเสียดายกลัวว่าพันธุ์จะเสื่อมสูญ
มันเหลือเดนเมืองเขมรนั้นมองมูน อย่าอาดูรพันธุ์เม็ดผักมีมากมาย
แนวข้าวโพดทั้งข้าวฟ่างมะเขือกระโหลก ขนาดดกถั่วแมงลักนั้นมากหลาย
อันพืชพันธุมีอนันต์ดอกตายาย ถั่วพุงควายฝักยาวเท่าเพลาเกวียน
แตงน้ำเต้าลูกราวกะตุ่มน้ำ มันเหลือล้ำเก็บไว้ใส่เสวียน
แต่หาแลกก็เหลือล้นขนด้วยเกวียน จะฟันไร่ให้มิดเหี้ยนทำไมตา
แต่ตายายหาไว้ทำไมมาก แต่สองปากแต่จะกินอย่าพักหา
ฉันจะเลี้ยงกว่าจะตายวายชีวา สารพากลัวแต่ยายไม่อยากกิน
จะร่ำไรกลัวจะเห็นเป็นขี้อวด ให้หนำหนวดนั่งกินให้ท้องปลิ้น
นั่งกินอ่อนแล้วจะให้ยายนอนกิน กินไม่สิ้นกลัวจะเน่าแต่เต้าแตง
ฉันมิใช่ไพร่พลเป็นคนยาก จะออกปากกับพ่อเฒ่าเล่าแถลง
อยู่บ้านเมืองนั้นก็เรืองอร่ามแดง เป็นศักดิ์แสงข้าเฝ้าท้าวเจ้าพระยา
ทูนกระหม่อมจอมพิภพก็วงศ์โคตร ท่านทรงโปรดอยู่ในฉันนั้นนักหนา
แต่เงินทองท่านประทานนั้นเหลือตรา ทั้งเสื้อผ้านั้นก็หลายแต่ให้ทาน
แล้วพระองค์ทรงยกประทานไพร่ ให้ฟันไร่ทำนาเป็นอาหาร
ไพร่เป็นร้อยคอยส่งบรรณาการ สารพันเอามาให้ท่านยายตา
ทั้งเต้าแตงแฟงฟักก็มากหลาย ทั้งเป็ดไก่หมูมันแลมังสา
ทั้งกะปิกุ้งแห้งแลแตงกวา พริกปลาร้ากล้วยกล้ายนั้นหลายพัน
จะร่ำเรื่องก็จะเคืองว่าพูดมาก ฉันเมื่อยปากนี้ฉันเหลือจงเชื่อฉัน
เอ็นดูยายดอกจึงได้พูดรำพัน เหมือนตัวฉันฆ่ายายให้วายชนม์
ไม่พาไปก็คงตายเป็นนิ่งแน่ จะกู้แก้พาไปให้ภัยพ้น
ด้วยข้อใหญ่ยายเป็นไส้เข้าแกมกล ได้เหตุผลเที่ยงแท้แน่ที่ยาย
พระยานายใจมหาปัญญาปราชญ์ เลิศฉลาดแหลมล้ำนั้นเหลือหลาย
ครั้นไม่กล่าวแกไม่กลัวตัวจะตาย ถึงแกกลัวก็จะคลายเหมือนไม่กลัว
แกอิดออดทอดใจพิไรว่า แกหันหน้าหันหลังทั้งเมียผัว
ครั้นแกตายกลัวว่ากรรมจะตามตัว จึงกล่าวยั่วขึ้นให้เข้มให้เต็มใจ
ทั้งยายตาฟังพระยาเผยอยิ้ม แกเอิบอิ่มยินดีจะมีไหน
แกจึงว่าคุณจะพาเอาฉันไป จะช้าไยไปเถิดคุณจะวุ่นวาย
พระยานายฟังยายแกรบเร้า จึงสั่งบ่าวผูกช้างหาช้าไม่
เอาตายายขึ้นขี่ช้างนั่งข้างใน จึงกั้นผ้าบังไว้ไม่เห็นตัว
แต่รีบร้อนจรเดินไม่แรมรั้ง ยายกะตาคลุ้มคลั่งทั้งเมียผัว
แต่แรมนอนก็ไม่รั้งกำลังกลัว ระวังตัวมาตามทางไม่วางใจ
ประมาณมาสามคืนกับวันครึ่ง ก็มาถึงจอมนรินทร์ปิ่นมไห
ตรงเข้าเฝ้าจักรพงศ์พระทรงชัย บังคมไท้กราบทูลมูลคดี
ขอเดชะทูนกระหม่อมพระจอมเกศ ไปสืบเหตุจนเถิงเมืองพาราณสี
พบตายายทำไร่ข้าวสาลี ถามถ้วนถี่เรื่องนางกระจ่างใจ
แกเล่าว่าเจ้าพาราชื่อพรหมทัต ว่าแน่ชัดเอานางมาพิสมัย
เมื่อเดือนยี่สี่ค่ำเป็นวันชัย แล้วอุปภิเษกให้เป็นใหญ่ยอดบูรี
ยายกะตานั้นก็พาแกมาด้วย ถ้าไม่ช่วยเขาคงฆ่าแกเป็นผี
แกเป็นต้นด้วยได้แจ้งแห่งคดี โทษทั้งนี้แต่พระองค์จะโปรดปราน
ปางพระองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติเยศ ครั้นทราบเหตุดังหนึ่งใครมาสังหาร
ฟันให้ขาดฟาดให้ตัวจนถึงการ ทรวงระงมตรมดังปานจะสิ้นใจ
โศกสะอื้นตื้นอุราหน้าครือผี ไฉนนางหนออย่างนี้ก็เป็นได้
เผยวาจาว่าเท่านั้นให้ตันใจ เสียพระทัยทรงกายไม่อยู่เลย
ก็เชล้มโทมนาอยู่บนอาสน์ สุชลนัยน์ไหลราดเปียกเขนย
โอ้ครั้งหลังเมื่อยังอยู่กับทรามเชย ไม่เห็นเลยจะมีใครผู้ใดแวว
มานึกร้ายหมายชมภิรมย์รัก สามีภักดิ์แต่ยังอยู่กับกิ่งแก้ว
ทำกิ่งก้อยไม่เป็นรอยสักนิดแนว ว่าผ่องแผ้วเต็มใจจึงได้มา
เมื่อวันจะมาจากจรอาวรณ์หวัง พิไรสั่งโศกกระสันรำพันว่า
สั่งพี่ชายรีบไปให้รีบมา โอ้อนิจจาเป็นได้อนิจจัง
ฤๅพรหมทัตธิบดีว่ามีศักดิ์ ทำหาญหักไปข่มเหงด้วยโอหัง
เห็นเป็นไพร่เตี้ยต่ำแต่ลำพัง ไปขี่คอเอาอย่างช้างฤๅอย่างไร
พระตรีกพลางแล้วตรัสประภาษว่า สั่งให้หายายกะตามาถามไถ่
พวกตำรวจก็ไม่นิ่งวิ่งออกไป เอาตัวยายกับท่านตามามินาน
พระยาสงครามนำหน้าพาเข้าเฝ้า พระองค์เจ้าตรัสถามด้วยคำหวาน
ท่านยายตาอุปมาเหมือนพยาน จงแจ้งการฉันจะถามแต่ความดี
ตายายท่านอยู่บ้านสักเพียงไหน แต่บ้านยายไปเมืองพาราณสี
ใกล้ฤๅไกลถ้าว่าไปกี่ราตรี ไกลบูรีฤๅว่าใกล้ท่านยายตา
อนึ่งท้าวพรหมทัตกษัตริย์ศักดิ์ ได้ร่วมรักอรพิมจริงฤๅขา
ไปเอาเมื่อเดือนไหนท่านยายตา ได้ยินเขาว่าฤๅแต่ข่าวเขาเล่าลือ
ฤๅได้เห็นฤๅอย่างไรท่านยายข้า เห็นกับตาได้ยินกับหูจริงจริงหรือ
ฤๅได้ข่าวคนมาเล่าเป็นความลือ ถ้าเห็นจริงจะนับถือจนวันตาย
ยายตาแกฟังกระแสพระยอดมิ่ง แกแจ้งจริงเค้ามูลทูลถวาย
ขอเดชะพระณรงค์พงศ์นารายณ์ ฉันตายายเดิมก็อยู่ที่ในเมือง
มาทำไร่อยู่กับหลานตลาดโพ แทบพุงโรอดข้าวจนตาเหลือง
แต่ไร่ตาจะเข้ามาที่ในเมือง ก็เนืองเนืองไปมาเที่ยวหากัน
ประชาชนคนแขกเที่ยวแลกฝ้าย มาแต่เช้าแต่พอบ่ายก็เถิงฉัน
ท่านท้าวพรหมกษัตราผู้ทรงธรรม์ ได้แต่งการอุปภิเษกเป็นเอกเมือง
เมื่อเดือนยี่สี่ค่ำนั้นจริงแน่ กับหม่อมแม่อรพิมนางเนื้อเหลือง
จุดดอกไม้โพลงพลามอร่ามเมือง ลือกระเดึ่องเล่ากันสนั่นไป
มีละครมอญรำทั้งโขนหุ่น ดูวายวุ่นมากเหลือทั่วเหนือใต้
ร้อยพาราที่เป็นข้าของท้าวไท มาอวยชัยมาบูชาบรรณาการ
อันตัวข้าตายายได้ไปดู รู้ก็รู้เห็นก็เห็นจึงกล่าวสาร
จึงกราบทูลมูลจริงให้แจ้งการ จะปฏิญาณให้ก็ได้ถวายตัว
ถ้าไม่จริงจับเท็จได้ข้างหน้า ล้างชีวาเสียให้สิ้นทั้งเมียผัว
ประเวณีที่ข้างในในกายตัว ทีนี้กลัวขันไม่ได้ยายนี้จน
พระปาจิตอิศรินทร์ปิ่นมไห ได้ยินยายแจ้งนิเทศที่เหตุผล
ไม่กินแหนงสิ้นสงสัยในใจตน พระจุมพลเอื้อนอรรถประภาษพลัน
แกบอกตรงจงใจท่านยายหญิง ข้าเห็นจริงลิ้นลมแกคมสัน
ไปเบิกผ้ามาให้ตาเป็นรางวัล พร้อมด้วยกันทั้งท่านยายช่างใจตรง
ทั้งเงินตราผ้ากรองสองสำรับ เป็นทางทับกินพลางเทิดตาสง
ถ้าเถิงเมืองจะให้เรืองเหมือนเขียนรง ให้ยิ่งยงมีชื่อถือศักดินา
แล้วประทานบ่าวไพร่ให้ใช้เฝ้า ให้ส่งข้าวเช้าเย็นเป็นทีท่า
ให้เลี้ยงยายมิให้วายสักเวลา ยายกะตาสุขเกษมสำราญบาน
๏ ขอหยุดยั้งรั้งเรื่องยายกะตา จะกล่าวว่าเรื่องไปให้วิตถาร
เรื่องพระไพรนั้นยังไม่พิสดาร จับนิทานกล่าวเถิงพระญาติวงศ์
ทั้งพี่ป้าน้าน้องมาพร้อมพรั่ง ประชุมนั่งบนศาลาพลับพลาโถง
สามพระยาที่ให้มาต่างพระองค์ แต่ญาติพงศ์พร้อมหน้าปรึกษากัน
พระปาจิตสุริยวงศ์พงศ์กษัตริย์ จึงเอื้อนอรรถอธิบายปราลัยผัน
ท่านทั้งหลายมากมายมาแจจัน ทั้งปวงท่านนี้จะเห็นเป็นอย่างไร
ท่านพระยาเสมอใจฝ่ายพระญาติ บังคมบาทกราบทูลสนองไข
ฉันสุดคิดจนจิตให้จนใจ เดิมจ้าวใช้ให้มาต่างมาแต่งการ
มาเกิดเหตุเพทลางขึ้นอย่างนี้ ก็ต้องที่คืนหลังยังสถาน
ไปกราบทูลมูลเหตุให้แจ้งการ พระภูบาลท่านจะโปรดประการใด
พระเจ้าป้าว่าเราพากันคืนกลับ เป็นวาสนาอาภัพจะทำไฉน
ยากไม่ว่ามาด้วยหลานว่าดวงใจ ศรีสะใภ้เขาก็ปลิ้นเป็นลิ้นแลน
พระเจ้าพี่ว่าข้านี้ก็เสียใจ ด้วยน้องชายล้วนอตส่าห์มาห้อยแขวน
เฝ้าอาสาทำซุกซนเหมือนคนแกน หญิงเจ้ากรรมทำแค้นน่าน้อยใจ
พระเจ้าลุงว่าหญิงยุ่งนิยมหยาบ ไม่อายบาปกลัวกรรมช่างทำได้
งิ้วสามต้นนั้นมันโค่นแล้วเมื่อไร ไม่เคยไปเขาจึงชื่นไปขึ้นลอง
พระเจ้าน้าว่าคืนพาราเถิดหลานชาย เป็นเคราะห์ร้ายมาคบสัตว์เดือนสิบสอง
หาเอาใหม่หายรำลึกอย่าตรึกตรอง พาให้มัวตัวก็หมองเป็นมลทิน
พระเจ้าหลานว่ารำคาญด้วยเจ้าน้า โศกโศการ้องไห้ใจถวิล
พิไรร้องเคืองข้องน้าอรพิน ถ้าไม่ได้แล้วบูรินทร์ไม่คืนไป
พระปาจิตฤทธิรงค์องค์โอรส ทรงกำสรดตันตื้นสะอื้นไห้
ทอดพระองค์ลงกับแท่นแน่นหัททัย ร่ำพิไรโศกศัลย์รำพันความ
ว่าอนิจจาชะท้าวพรหมทัต ทำบังอาจซ่อนเวียนเป็นเสี้ยนหนาม
อย่าพึงนึกคงทำศึกสู้สงคราม ไม่เข็ดขามหมิ่นประมาทบังอาจใจ
ท้าวพรหมทัตมิได้เหาะเดินเวหา เดินสุธาจะมีฤทธิ์สักเพียงไหน
เอาให้หมุนจนเป็นจุณด้วยกันไป อย่าหมายใจที่จะวางทางสงคราม
ไม่ได้ร้อนคงจะผ่อนเอาด้วยเย็น ดูทุกเล่นแต่สักนิดไม่คิดขาม
เรามาอยู่สู้เพียรพยายาม ได้กล่าวความข้อว่ามารดายาย
ในอย่างเยื่องเบื้องบทกำหนดว่า ขอมารดาถ้าแม้นให้ดังใจหมาย
พระราชกิจว่าเป็นสิทธิ์ไม่กลับกลาย เราขอไว้นี่แม่ยายก็ให้เรา
พระว่าพลางลุกจับเกวียนกระชาก ทองขันหมากจะเอาไว้ทำไมเล่า
เทลงน้ำเสียให้เตียนให้เกวียนเบา ไปเกวียนเปล่าเถิดวัวควายสบายแรง
กะทอทองพระก็ขว้างลงกลางน้ำ คนจะดำก็ไม่ได้กลัวแสยง
จระเข้ลำชัยมันร้ายแรง พระกวัดแกว่งทิ้งขว้างในกลางธาร
จนสิ้นทองที่เอาไปหลายลำหาบ แล้วสั่งทราบคำด้วยห้วยละหาน
อันลำชัยถ้ายืดไปข้างหน้านาน เราขนานนามชื่อให้ลือชา
อันลำชัยใครอย่าได้มากล่าวเรียก เราสำเนียกนามชื่อไว้ใหม่หนา
ชื่อลำเมียกเรียกอึงแต่นั้นมา ต่างภาษาถ้าคำไทยแปลว่าทอง
เขมรภาษาถ้าทองเรียกว่าเมียก เป็นคำเรียกต่างว่าภาษาสอง
กลับมาเพี้ยนเปลี่ยนไพล่ไปหลายคลอง เปลี่ยนทั้งทองเปลี่ยนซ้ำทั้งลำธาร
ลำชัยเมียกช่างมาเรียกว่าปลายมาศ ผิดโอวาทผิดคำนามขนาน
ถ้าขึ้นไม้ไต่ตกก็เถิงกาล ผิดลำธารวิปริตแต่ผิดไป
มาตรว่ารักษาศีลพระชินสีห์ พูดอย่างนี้แล้วก็ศีลนั้นตกหาย
อนิจจาคนร้อยลิ้นช่างปลิ้นไป ไม่จริงใจกล่าวผิดก็ติดตัว
พระปาจิตอิศรินทร์ปิ่นมไห เสียพระทัยดังเอาขวานมาฟันหัว
ทุ่มพระกายแทบจะตายไม่คิดตัว ให้เมามัวเหมือนหนึ่งม้าที่หลงทาง
ฉวยพระแสงแกว่งกระชั้นเข้าฟันรถ ก็หมุนหมดจับกระแทกให้แตกผาง
ทั้งกำกงทั้งงอนก็หักกลาง พระจับขว้างทวกหมุนเป็นจุณไป
พระวงศ์ญาติพิศเพ่งให้เกรงขาม ว่าจะห้ามก็หาอาจจะห้ามไม่
ผลักแต่กูไสแต่มึงออกอึงไป ด้วยกลัวไท้คลุ้มคลั่งกำลังมัว
ชาวประชาชายหญิงที่เกิดใหม่ เห็นคูค่ายอัศจรรย์ก็สั่นหัว
เห็นกงรถเรี่ยราดให้ขลาดกลัว ทุกคนตัวนึกสำคัญในสัญญา
ว่าที่นี้เห็นทีจะเป็นเมือง อร่ามเรืองค่ายคูดูนักหนา
ทั้งราบเลี่ยนรื่นดิบดีที่พลับพลา สำคัญว่าเห็นจะเป็นท้องพระโรง
แต่ชื่อเมืองถามใครไม่รู้จัก จะเรียกยากเล่ากันไม่ลืมหลง
ด้วยเรือนรถเพพังยังแต่กง ทุกคนตรงชวนกันขนานนาม
จึงให้ชื่อตามตรงว่ากงรถ จะว่าปดก็ไม่ได้เราไถ่ถาม
ผู้ใหญ่เล่าจึงได้เอามาแต่งตาม ลำดับความไว้ให้อ่านเป็นทานไป
อันที่จริงมิใช่เมืองดอกเมืองนี้ เมื่อเดิมทีพระปาจิตหยุดอาศัย
มาประทับกับฝั่งชลาลัย เมื่อจะไปแต่งงานกับอรพิม
ธรรมดาว่ากษัตริย์ถ้าเสด็จ ต้องทำเสร็จท้องพระโรงพลับพลาสิ้น
ทั้งคูค่ายขุดวุ่นให้พูนดิน ด้วยไม่หมิ่นมาทะนงในสงคราม
ที่คนไพร่ไม่เข้าใจก็ว่าเมือง ครั้นขุ่นเคืองพรหมทัตเป็นเสี้ยนหนาม
พระฟันขาดราชรถจนหมดงาม แต่กงกำนั้นยังเห็นเป็นสำคัญ
ชาวประชาเห็นพลับพลากับกงรถ นึกกำหนดจริงใจเป็นแม่นมั่น
ก็ว่าเมืองเรียกก็เป็นเห็นสำคัญ จึงชวนกันเรียกชื่อแต่นั้นมา
ที่เกิดใหม่ใหญ่หลังก็เรียกตาม ดูลามปามเรียกมาแต่ปูย่า
พากันเรียกฉาวโฉ่ทั้งโลกา เป็นตำราจึงได้ใส่ในนิทาน
๏ ปางพระหน่อสุริยวงศ์ผู้ทรงยศ ครั้นฟันรถหักแอกออกแตกฉาน
ธิบดีพระจึงมีซึ่งโองการ อย่านิ่งนานสามพระยาพากันไป
พระเจ้าลุงน้าอาที่มาด้วย จะมาช่วยมันก็ชวดจะทำไฉน
เอ็นดูหลานจึงได้มาว่ายาใจ อีหลานไท้มันก็ทำให้งามมอ
จงพากันครรไลไปสถาน พาลูกหลานคืนเมืองเถิดแม่พ่อ
แต่ตัวฉันเหลือกำลังจะรั้งรอ ไม่ย่นย่อคงตะบึงถึงพารา
แค้นครั้งนี้สุดที่จะเล่าบอก ปานเอาหอกเข้ามาแทงให้สังขาร์
ป้าอย่าหมายฉันไม่ไปดอกพารา จะไปดูหน้าพรหมทัตกับอรพิม
ฝ่ายพระน้าป้าวงศ์พงศ์กษัตริย์ จึงทานทัดห้ามปรามระหามระหิม
พระเจ้าน้องว่าพี่ทองหัวทับทิม ฉันนี้อิ่มอยากให้คืนไปพารา
เมียกของท่านมาจองบ้านประโปนไทย มันไม่ได้เหมือนหนึ่งสมปรารถนา
กลับไปเมืองหาเอาใหม่เป็นไรอา ลูกพระยากำลังชมมีถมไป
พระเจ้าป้าว่าพ่อดวงมณีเนตร ไม่สังเวชป้าบ้างฤๅไฉน
ป้าก็แก่แลเหลียวไม่เห็นใคร ป้าหวังใจว่าจะฝากซึ่งซากทรวง
พระเจ้าพี่ว่าพ่อศรีแสงสว่าง ไพร่ขุนนางจะคอยพึ่งเป็นของหลวง
อย่าไปเลยอยู่ดับเข็ญให้เย็นทรวง ไพร่ทั้งปวงจะได้พึ่งพระบารมี
พระเจ้าลุงว่าพ่อทุ่งสว่างโลก คืนไปปกครองเมืองให้เรืองศรี
ลุงจะฝากซากสิ้นแลอินทรีย์ จะฝากผีลุงนี้เล่าเฒ่าชรา
พระเจ้าหลานว่ามะบานก็ตูวิ่ง รักผู้หญิงหลงเปล่าพระเจ้าน้า
ทั้งบ้านเมืองเวียงวังอลังการ์ ไม่ลำพาวิปริตมันผิดไป
พระเจ้าอาว่าพ่อฟ้าสำหรับแข ไม่รักพ่อคิดแม่จะทำไฉน
ห้ามก็อ้อนวอนไม่ฟังนี้อย่างไร มิจนใจเราทั้งนั้นท่านทั้งปวง
สามพระยาทูลว่าพ่อก้อนแก้ว เห็นดีแล้วฤๅอย่างไรพระลูกหลวง
ข้าแผ่นดินตั้งแต่กินน้ำตาตวง ไม่รักไพร่ใยห่วงฤๅอย่างไร
ปางกษัตริย์ขัตติยาวราฤทธิ์ พระปาจิตเลิศล้ำในต่ำใต้
ได้ทรงฟังญาติกาว่าร่ำไร ทั้งไพร่นายสามพระยาก็มาทูล
พระนิ่งนึกตรึกวุ่นพูนเทวษ สุชลเนตรไม่ละเหยเขนยหนุน
ในอกรุมเหมือนเข้าสุมด้วยกองกูณฑ์ ให้อาดูรเดือดดิ้นแทบสิ้นใจ
คิดพะวงไปถึงองค์พระบิตุเรศ พูนเทวษเถิงมารดาน้ำตาไหล
คิดสงสารด้วยพระญาติแทบขาดใจ ความอาลัยสงสารคำสามพระยา
แต่เท่าว่าความแค้นนั้นแน่นนัก ด้วยเสียรู้ไปด้วยรักสหัสสา
สารพัดจัดแจงแต่แต่งมา สารพาทรัพย์สิ่งของทั้งทองคำ
ทั้งญาติวงศ์พงศ์พันธุ์นั้นก็มาก มาสู้ยากหมายจะช่วยอุปถัมภ์
พากันมาได้อายอับยับระยำ เขาทำเค็มเราก็นำจนคอคาย
ไม่แก้เค็มลูบล้างให้จางจืด ถ้ายาวยืดฉวยว่าเค็มเค็มไม่หาย
พรหมทัตก็จะเหิมเฉลิมกาย ทะนงใจก็จะตีบูรีเมือง
จำจะล้างทางเค็มให้จางหาย เป็นชาติชายไว้ชื่อให้ลือเลื่อง
พรหมทัตน้อยฤๅชิงเอามิ่งเมือง เห็นเราเงื่องถือว่าเง่าจะเอาเมีย
อันสุริยวงศ์พงศ์พันธุ์ก็แสนรัก แต่แค้นนักเขามาทำเอาช้ำเสีย
คนทั้งหลายผัวตายจึงเอาเมีย นี่เราไม่ตายเราไม่เสียเอาเมียเรา
พระตรึกพลางทั้งตรัสประภาษว่า ทั้งน้าอาสามพระยาอย่าโศกเศร้า
กลับไปบ้านทูลสารบิดาเรา ไม่คืนเข้าไปบำรุงกรุงพารา
ถ้าแก้แค้นแทนทำกันหนำใจ เอาเมียได้ก็จะไปไม่พักว่า
ถ้าไม่ได้ก็ไม่ไปใครอย่ามา ช่วยกราบทูลพระบิดาให้เราที
เรายกมือขึ้นประนมบังคมท้าว พระคุณเจ้าจงมาปกเกศเกศี
สองบาทาของบิดาพระชนนี มาเป็นที่กำแพงแก้วให้แคล้วภัย
พระเจ้าป้าพระเจ้าลุงพระเจ้าน้า คืนพาราครองวังให้แจ่มใส
ฉันกราบลาสวัสดีให้มีชัย ทั้งไพร่นายพากันไปยังบ้านตน
พระว่าพลางทางจับพระขรรค์เพชร สุชลนัยน์ไหลเล็ดดังฝอยฝน
แล้วสอดฉลองสองบาทเบื้องยุคล พระจรดลลงจากพลับพลาพลาง
พระเจ้าญาติสุริยวงศ์สิ้นทั้งนั้น ก็พากันข้อนทรวงพะผึงผาง
ร้องไห้ดิ้นแทบจะสิ้นชีวาวาง ต่างครวญครางร้องไห้พิไรความ
พิไรว่าโอ้เจ้าฟ้าของลุงเอ๋ย ไม่คิดเลยทิ้งลุงกลางสนาม
พระเจ้าป้าว่าอตส่าห์พยายาม มาติดตามหลานมาทิ้งไว้กลางทาง
ไว้กลางเถื่อนเพื่อนทุกข์ของลุงเอ๋ย ไม่ควรเลยเดินเดี่ยวอางขนาง
ลุงนี้ห้ามไม่ให้ไปช่างใจจาง ตัดหนทางไปจนได้ไม่คิดเลย
พระเจ้าน้าว่าไม่คิดเอ็นดูน้า จงกลับมาก่อนเถิดพระหลานเอ๋ย
พระหลานมิ่งช่างมาทิ้งไว้กลางเตย ผู้ใดเลยเล่าจะพาน้าไปเมือง
ต่างพิไรไห้ร่ำแต่น้ำเนตร พากันเช็ดชลนาจนตาเหลือง
พระปาจิตสุริยวงศ์ดำรงเมือง เหลือบชำเลืองเหลียวชะแง้มาแลดู
เห็นวงศ์ญาติแทบจะขาดชีวาวิต พระคืนคิดใคร่ครวญอยู่เป็นครู่
ฤๅจะกลับคืนไปอย่างไรกู เป็นสองใจต่อสู้ไม่ลงคลอง
อันใจหนึ่งนั้นรำพึงด้วยวงศ์ญาติ อันใจสองร้ายกาจให้มัวหมอง
อพิชชามันก็ลอบเข้าครอบครอง ให้ตรึกตรองไปแต่เรื่องที่เคืองเมีย
แต่แรกมาน้าน้องก็ร้องห้าม ไม่ฟังความห้ามว่าประดาเสีย
จะเกียกเกณฑ์ไปจนเห็นนางพิมเมีย มากลั้วเกลียกลับกลาดเสียชาติชาย
พระใคร่ครวญผ่อนรำพึงเป็นหนึ่งแล้ว พระพักตร์แผ้วแจ่มแจ้งดังเดือนหงาย
ไม่กลับหลังตั้งจิตประจงกาย ทั้งไพร่นายพระก็ไม่ให้ไปตาม
พระเดินเดี่ยวเปลี่ยวใจไม่มีเพื่อน ให้ฟั่นเฟือนวาบวับในอกหวาม
พระใคร่ครวญตรึกตรองทำนองความ สักโมงยามก็ไม่คลายวายระทม
๏ จะคืนกลับจับกล่าวเถิงเจ้าญาติ ครั้นหลานแก้วแคล้วคลาดเข้าไพรสม
ไม่เสื่อมสร่างโศกหายคลายอารมณ์ พากันตรมตรอมใจไม่วายวาง
แต่จำเป็นจำใจต้องคืนกลับ ต่างลำดับจัดแจงกระโชงหาง
ผูกจำลองขนของขึ้นใส่พลาง ทั้งเกวียนช้างโคต่างก็กลับมา
ครั้นเถิงเมืองเปลื้องปลงจำลองช้าง ทั้งโคต่างวัวควายได้กินหญ้า
พระวงศ์ญาติข้าพระบาทสามพระยา ตรงเข้ามาเฝ้าองค์พระทรงธรรม์
จึงทูลตามมูลความที่เกิดเหตุ ได้โปรดเกศขอประทานชีวิตฉัน
ซึ่งโปรดใช้ให้ไปต่างพระเนตรพระกรรณ ข้าทั้งนั้นตามเสด็จพระลูกยา
ประมาณทางค้างนอนได้เดือนเศษ บังเกิดเหตุหยุดนอนในกลางป่า
ที่ลำชัยไสยาสน์บนพลับพลา พระลูกยาให้นิมิตอัศจรรย์
ครั้นตื่นจากนิทราเพลาเช้า จึงพาโหรเข้ามาเฝ้าแล้วเล่าฝัน
แกทราบสิ้นในสุบินจึงทูลพลัน ในลักษณ์ฝันว่าจะเสียซึ่งเมียนาง
ไม่เสียเมียก็จะตายวายชีวิต สุบินนิมิตมิได้แฝงแจ้งกระจ่าง
ไม่เหมือนว่าแกให้ฆ่าให้วายวาง บังเกิดลางขึ้นอย่างนั้นประหวั่นใจ
พระลูกหลวงทราบทรวงทรงปรึกษา รับสั่งหาข้าทั้งสามมาถามไถ่
ข้าพระบาทเห็นว่าอัศจรรย์ใจ จึงทูลไว้ร้องขอให้รอพลาง
จึงปรึกษาให้พระยาสงครามชัย ไปสืบดูให้แจ้งใจใสสว่าง
จะเท็จจริงจะได้แจ้งไม่แพรงพราง จึงรอรั้งอยู่ลำชัยหลายราตรี
ท่านพระยาสงครามชัยไปสืบเหตุ ก็แจ้งเสร็จในกระบวนเป็นถ้วนถี่
พบตายายทำไร่ริมบูรี แกเหลือดีบอกจริงไม่กริ่งใจ
แกเล่าว่าท้าวมหาพรหมทัต แน่ถนัดเอานางมาพิสมัย
มาอุปภิเษกขึ้นเป็นเอกอนงค์ใน ถ้าไม่จริงแกถวายชีวาวัน
ทั้งยายตาพามาเฝ้าเอามาด้วย ถ้าไม่ช่วยเขาจะฆ่าแกอาสัญ
พระลูกเจ้าแกก็เล่าให้ฟังพลัน ครั้นทรงธรรม์ทราบเรื่องก็เคืองระคาย
ทรงพระโกรธชักพระขรรค์ไปฟันรถ ก็หมุนหมดงอนแปรกแตกสลาย
ทองใส่ช้างพระก็ขว้างลงน้ำปราย จระเข้รายครั้นจะมุดก็สุดกลัว
ข้าพระองค์วงศ์ญาติไม่อาจห้าม ให้ครั่นคร้ามยกมือขึ้นเหนือหัว
พิไรร่ำโศกเศร้าให้เมามัว ไม่รักตัวทุ่มกายแทบวายชนม์
ข้าพระบาทญาติวงศ์สิ้นทั้งนั้น ก็ทัดทานห้ามไว้เป็นหลายหน
พระไม่ฟังตรัสสั่งให้จรดล ให้พาพลพระเจ้าน้ามาบูรี
แล้วตรัสสั่งมาให้ทูลพระองค์เจ้า บังคมเกล้าน้อมเกศเกศี
ขอกราบลาพระบิดาพระชนนี ไปบูรีพรหมทัตกษัตรา
จะดูหน้าอรพิมกับพรหมทัต ทำบังอาจดูหมิ่นกันนักหนา
ได้อรพิมก็จะไปดอกพารา ถ้าไม่ได้ก็ไม่มาจนวันตาย
สั่งเท่านั้นจับพระขรรค์ใส่รองเท้า พระองคเจ้าก็เสด็จผันผาย
พวกข้าเฝ้าวิ่งตามออกลามราย พระขับไล่เสียให้คืนมาบ้านเมือง
ทั้งเจ้าน้าอาหลานร้องไห้แซ่ พระไม่แลตั้งแต่ร้องจนตาเหลือง
จึงได้พาพระวงศาคืนมาเมือง พระบุญเรืองษานุโทษลงโปรดปราน
๏ ปางบรมอิศยมกรุงกษัตริย์ ได้ฟังอรรถสามพระยามาทูลสาร
จอมนรินทร์แทบจะดิ้นลงแดดาล ภูมิบาลทรงกำสรดสลดใจ
พระโองการทรงดำรัสแล้วตรัสว่า อนิจจาโอ้อย่างนี้ก็เป็นได้
เป็นเวรกรรมทำสร้างแต่ปางไกล ได้พรากสัตว์พลัดพรายจากเรือนรัง
เป็นวาสนาดวงชะตาพระลูกเอ๋ย กระไรเลยไปหน้าไม่คืนหลัง
เขาห้ามว่าสักเท่าไรก็ไม่ฟัง จะเซซังทรกรรมไปทำไม
พระมารดาว่าโอ้พ่อกรแก้ว ว่าดีแล้วก็ไม่ดีจะมีไหน
เมียเขมรก็ไม่เอาไปเอาไทย สาแก่ใจยังมิหนำไปตามมัน
พระบิตุรงค์ว่าพ่อจงอำเภอใจ พ่อหาให้แต่งามงามให้เลือกสรร
แต่ลูกสาวท้าวพระยากว่าหมื่นพัน มันเกินการช่างไม่รักแต่สักคน
พระมาตุรังว่าไม่ฟังคำพ่อแม่ จนจอแจเกิดเหตุขึ้นกลางหน
คบหญิงพาลทำประจานให้หมองตน ไม่เล็งยลดีชั่วจนตัวคาว
พระบิดาว่าอนิจจาเจ้าปาจิต ช่างไม่คิดพ่อนี้บ้างเท่าหัวเหา
ลูกก็น้อยคอยก็นานยังย่อมเยาว์ การก็เจนเห็นแต่เจ้าได้ครองเมือง
พระชนนีว่าพ่อศรีชมพูเทศ ไม่สังเวชแม่บ้างเลยพ่อเนื้อเหลือง
เลี้ยงมาใหญ่หมายจะยกให้รุ่งเรือง แหวนทองคำทำให้เคืองคับอุรา
ต่างพิลาปร่ำว่าถึงปาจิต สุดจะคิดสุดจะคอยสุดจะหา
ตีทรวงซ้ำร่ำไปได้ก็ไม่มา ตามวาสนาตามกรรมทำอย่างไร
๏ ปางบดินทร์ปิ่นประเทศเกศมงกุฎ พระยาบรมบวรสุดน้ำใจใส
พระโองการสั่งสารขุนนายใน จงเร็วไปสั่งให้หาโหรโหรา
ตำรวจรีบเร็วรี่ขมีขมัน ไปเถิงบ้านบอกโหรรับสั่งหา
พระโหรเฒ่าจัดแจงแต่งกายา ก็รีบมาเฝ้าองค์พระทรงชัย
บรมบาทบรมราชกรุงกษัตริย์ ทรงดำรัสปรึกษาแล้วปราสัย
ว่านี้แน่ะโหรคนรู้คัมภีร์ไกร พระลูกชายเราสัญจรไปจากวัง
จะได้ทุกข์ขุกเข็ญเป็นไฉน จะล้มตายฤๅว่าสุขไม่ทุกขัง
พุฒาจารย์รับโองการเจ้านัครัง แล้ววางตั้งปีเดือนดวงชะตา
วันอังคารเดือนหกขึ้นสี่ค่ำ เลิศล้ำโชคลาภนั้นนักหนา
พฤหัสเข้าเสาร์แทรกอังคารคา ในทักษาเกณฑ์แทรกตำราดู
ในราศีทั้งสิบสองก็ผ่องแผ้ว แต่เป็นแนวทับลัคน์นั้นราหู
ทั้งดีชั่วเกี่ยวเกาะพิเคราะห์ดู แกแจ้งรู้ทุกขลาภนั้นแน่นอน
จึงกราบทูลจอมนรินทร์ปิ่นเสวก พระลูกเอกเอี่ยมโอ่สโมสร
ชนะมารเล่าชื่อลือขจร ไม่ม้วยมรณ์โรคาไม่ยายี
ในตำรานั้นก็ว่าทุกขลาภ ราหูทาบอยู่ที่ลัคน์ในราศี
จะได้นางที่สำอางล้ำนารี เสียราศีแต่ได้ยากลำบากกาย
ด้วยราหูตกเข้าอยู่ในเรือนลัคน์ ต้องลำบากชอกช้ำระส่ำระสาย
อีกสามวันสองเดือนจะเคลื่อนคลาย ที่เคราะห์ร้ายจึงจะหมดกำหนดวัน
ถ้าสิ้นเคราะห์ก็จะเหมาะขึ้นรวยรื่น ยังยงยืนด้วยพฤหัสนั้นขำขัน
พฤหัสท่านมั่นคงเป็นสำคัญ พระเสาร์นั้นเป็นแต่แขกมาแทรกพลอย
เมื่อเสาร์แทรกนั้นว่าแยกระยำยับ ทั้งเสียทรัพย์เศร้าโศกแทบล้มผ็อย
เมียจะตายถ้าไม่ตายก็ตองตอย เป็นเปลี้ยง่อยอัปราโรคาเบียน
ด้วยอังคารแทรกกันไม่ทันออก เหมือนหนามยอกแล้วมิหนำมาซ้ำเสี้ยน
เสาร์อังคารออกพลันก็เคราะห์เตียน เหมือนหนามเสี้ยนถอดหลุดทรุดทำลาย
อันศัตรูก็จะแพ้แก่อำนาจ จะสมมาดเหมือนหนึ่งมุ่งที่ใจหมาย
พฤหัสเป็นเจ้าเรือนไม่เคลื่อนคลาย ในที่ทายว่าจะได้อนงค์นาง
ว่าชายหญิงเป็นผู้ใหญ่จะให้ลาภ โดยสุภาพโดยคล่องไม่ขัดขวาง
พระลูกยาก็จะพามาครองปรางค์ ไม่กระจ่างจริงเหมือนคำโหราทาย
ขอถวายไม่เสียดายชีวาวิต ทั้งเมียมิตรจงประหารให้ฉิบหาย
พระจอมปรางค์แจ้งกระจ่างโหราทาย ก็เคลื่อนคลายทุกข์ระทมตรมอุรา
๏ จะกล่าวถึงหน่อกษัตริย์ขัตติยวงศ์ พระปาจิตทีเป็นองค์โอรสา
มาจากญาติองค์เดียวเปลี่ยวเอกา จะเหลียวซ้ายแลขวาเอกาใจ
สันโดษเดี่ยวเปลี่ยวกายในไพรชัฏ เห็นแต่สัตว์เสือสิงห์วิ่งไสว
รำจวนจิตคิดสะท้อนถอนหัททัย ถึงเวียงชัยนัคเรศนิเวศวัง
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่ในปรางค์รัตน์ วาลวิชนีวีพัดทั้งหน้าหลัง
บาทนรินทร์กินระกำระยำมัง เพราะรักนางสู้ม้วยด้วยชีวี
ถ้าแรดช้างเสือร้ายมันพานพบ มากัดขบก็จะม้วยลงเป็นผี
ผู้ใดเล่าจะได้เอามูลคดี ไปกราบทูลชนนีให้แจ้งใจ
ผิเลือดเนื้อเหลือซากอาสภแห้ง เป็นเหยื่อแร้งกากินจนสิ้นขัย
ทั้งหัตถีก็จะมีอยู่เรี่ยไป ทั้งท่อนน้อยท่อนใหญ่ดูก่ายกอง
ยังถือว่าตัวดีมีความคิด เที่ยวหามิตรมเหสีภิเษกสอง
ทั้งถิ่นฐานปรางค์มาศปราสาททอง ลืมพี่น้องญาติกามารดาดร
มาทรกรรมทำกายเมื่อไร้ญาติ พระยี่ภู่ปูลาดเขนยหมอน
พระเฉลียงเตียงตั่งที่นั่งนอน บรรจถรณ์มุ้งม่านละลานตา
ไม่ลำบากอยากเสวยเปรี้ยวแลหวาน กลางคืนวันก็ได้สมปรารถนา
เมื่อยามร้อนถ้าจะสรงพระคงคา ก็ลูบทาน้ำกุหลาบชโลมกาย
ไม่อาวรณ์จรดลเที่ยวทนทุกข์ ลำบากบุกป่าระนามแต่หนามหวาย
พระเสโทโทรมตนสกนธ์ระคาย แต่ท่อนไม้ต่างเขนยได้เกยนอน
พระยี่ภู่ปูลาดแต่ใบไม้ มารองกายแทนต่างซึ่งฟูกหมอน
ทั้งเวียงวังเมืองพาราไม่อาวรณ์ มากรมกรอนกรากกรำระกำใจ
ไม่พอที่เราก็มีหญิงเท่านั้น สักหมื่นพันถ้าจะเอาก็คงได้
พระบิดาก็เมตตาเป็นพ้นใจ ก็หาให้เลือกสรรกว่าพันคน
ไม่ว่าดีสักคนเดียวมาเที่ยวหา ไปพบหญิงแพศยาต้องเสือกสน
มันทำให้สาแก่ใจต้องอายคน กลับมาบ่นร่ำว่ายากลำบากใจ
ใครทำให้นี่ตัวทำใส่ตัวเอง จนครื้นเครงแต่พี่น้องเขาร้องไห้
ก็ห้ามว่ามิให้มาให้คืนไป ไม่ฟังใครขืนมาลำพาตัว
จะมาชั่วยั่วขยาดชาติผู้ชาย มันเกินมาดที่จะหมายคนจะหัว
เขาจะว่าทำเหมือนบ้าเสียจิตมัว คิดว่ากล้ามิรู้ว่ากลัวเอาจริงจัง
ดูแต่แรกเหมือนจะแบกเอาภูผา ครั้นฟังมาพูดขี้อวดทำโอหัง
แต่แรกร่ำทำขึงออกกึงกัง จะถอยหลังครั้นมาคิดผิดตำรา
สักแสนยับก็ไม่กลับคืนไปได้ จะตายหลังนี่ไม่ตายไปตายหน้า
พระพักตร์ผ่องตรองแล้วแผ้วอุรา พระบ่ายหน้ามุ่งใจครรไลเดิน
พระสุริเยเวไลจะใกล้ค่ำ เสียงครวญคร่ำร้องครางบนเขาเขิน
ผีโขมดร้องแจ้วในแนวเนิน พระด่วนเดินเสียวสยองพองโลมา
ครั้นยามเย็นสุริยาภาณุมาศ พระไสยาสน์หยุดนอนบนเนินผา
แต่เดินไพรมาก็ได้หลายเวลา ประมาณมาห้าคืนกับหกวัน
บรรลุเถิงบ้านหนึ่งแขวงพารา เป็นบ้านป่าเห็นแต่ไกลเสียงไก่ขัน
ไม่แวะหยุดด้วยว่ายังเป็นกลางวัน พระเลยบ้านมาก็หลายใกล้พารา
พระยืนนิ่งกริ่งใจแล้วใคร่ครวญ ครั้นเจอจวนจะไม่สมปรารถนา
จำจะไปบ้านไร่แต่เดิมมา ได้ถามหาเหตุผลที่ต้นปลาย
ที่เรือนไร่ใกล้กันก็มีมาก ที่รู้จักคุ้นเคยกันก็หลาย
แต่ในบ้านถ้ากลางวันอย่ากล้ำกราย หยุดอาศัยซุ้มป่าดูท่าทาง
ถ้าคนคุ้นเคยกันนั้นออกมา ได้พูดจาถามไถ่ใสสว่าง
ถ้าได้จริงแจ่มแจ้งไม่แพรงพราง ได้ท่าทางเต็มใจจะได้การ
พระเดินคิดจิตตรองมาผ่องแผ้ว เสียงไก่ขันแจ้วแจ้วแลเห็นบ้าน
ด้วยพระได้มาอาสาอยู่ช้านาน ตำแหน่งบ้านหนทางกระจ่างใจ
ครั้นริมบ้านพันโพกศีรษะเศียร ให้แปลกเปลี่ยนมิให้คนเขาจำได้
ครั้นเห็นคนพระก็ด้นเข้าป่าไป ครั้นคนไกลพระก็ไพล่มาลงทาง
จนมืดมัววัวควายไล่เข้าคอก คนจะเดินเข้าออกนั้นเปล่าว่าง
จึงด้อมมองย่องเข้ามาดูท่าทาง เห็นบ้านเศร้าเปล่าว่างไม่มีคน
ดูเรือนโล่งเซพระองค์ลงล้มผ็อย พระชลเนตรเล็ดย้อยดังฝอยฝน
ระแด่วดิ้นแทบจะสิ้นพระชีพชนม์ พระภูวดลแน่นิ่งไม่ติงกาย
จนสามยามน้ำค้างกระเซ็นสาด ผกามาศคลี่แพลมแย้มขยาย
พระพายพัดพาเกสรขจรพราย พระฟื้นกายกลางดึกรู้สึกองค์
แล้วร่ำไรไห้ว่านิจจาเอ๋ย กระไรเลยยับมุ่นเป็นฝุ่นผง
ทิ้งเรือนไร่แขมคาแต่ป่าดง พระเดินตรงพิศเพ่งไปเล็งดู
เห็นที่ทางนั่งนอนบ่อนอาศัย พระงงใจยืนฉงนอยู่เป็นครู่
สองพระกรข้อนหัวอกว่าอกกู เมื่อเคยอยู่ช่างมาเย็นเป็นลมวี
เห็นกระบานที่พระสานไว้กินข้าว ที่ขาดเก่าทิ้งเรี่ยเหมือนเสียผี
เห็นกระบานแทบจะดิ้นสิ้นชีวี เขาได้ดีร้างไว้ทั้งไร่เรือน
โอ้ว่าเรือนนี้ก็เหมือนหัวอกข้า อนิจจาอกใครจะมีเหมือน
สัญญากันไปไม่ทันจะพอเดือน ทำซ่อนเงื่อนเรือนร้างอยู่แรมรา
ทั้งตับหญ้าฝาเรือนดูเกลื่อนกลาด ทิ้งเรี่ยราดกลางบ้านสงสารฝา
พุทโธ่เอ๋ยอนิจจังสังขารา เสียแรงมาอยู่อาสาสิบห้าปี
มาทำเลี้ยงเพียงกะทาสที่สินไถ่ มาเป็นได้เด็ดเดียวทีเดียวนี่
น่าแทงคอเสียให้ตายวายชีวี ไปเมืองผีเกิดฤๅกูอย่าอยู่เลย
ชักพระแสงว่าจะแทงซึ่งคอหอย แล้วกลับถอยร่ำว่านิจจาเอ๋ย
จะฆ่าตัวเองอย่างไรใครเขาเคย ไม่ควรเลยทำเป็นบ้าจะฆ่าตัว
พระขุกคิดจิตกลับคืนมาได้ แลดูไร่โล่งลิ่วเห็นทิวรั้ว
ชะใจกระไรหนอใจแม่ยายบัว ช่างเมามัวลืมลูกไม่คิดเลย
เห็นเขาดีมีบุญสกุลมาก ลูกเขยยากนั้นไม่คิดแม่คุณเอ๋ย
เมื่อวันจากพรากไปกระไรเลย รักลูกเขยเหมือนหนึ่งว่าจะปรานี
พิไรร่ำพร่ำสั่งทุกคำว่า เผยวาจาออกปากจะฝากผี
ให้รีบมาอย่าอยู่ช้าให้เถิงปี เกลือกว่ามีมารประจญแม่หนักใจ
ลูกลาไปก็มิใช่จะอยู่ช้า ถึงพาราร้อนรนเท่าไหนไหน
ไม่พอเดือนเลื่อนปีทีเดียวไป น่าน้อยใจเถิงหัวอกใครก็ดี
ถ้าเล่นเบี้ยเสียทรัพย์ทำโอ่โถง เป็นคนโกงสูบฝิ่นกินอาหนี
เที่ยวคบเพื่อนราววิ่งเที่ยวชิงตี ชาวบูรีลือนามได้ความอาย
ถ้าชาติเช่นเหมือนอย่างนั้นฉันไม่ว่า นี่อตส่าห์เจียมตัวกลัวฉลาย
จะอยู่ไปไหว้ลามารดายาย ไปขวนขวายจัดแจงมาแต่งการ
ทั้งเงินของทองคำเป็นสินไหว้ เหล่าผู้ใหญ่ป้าอามาว่าขาน
พระบิดาก็เมตตาพ้นประมาณ ให้สมการสมหน้ามารดาเมีย
ยังเห็นอื่นชื่นชมไปเสียได้ น่าน้อยใจกลั้นจิตให้ตายเสีย
คิดฤๅหนึ่งจะมาตายอะไรกะเมีย จะออเอียบ่นพร่ำไปทำไม
จวนสว่างสางเสิงจะส่องโลก อย่าวิโยคออกป่าเที่ยวอาศัย
ไปซ่อนซุ่มอยู่ที่พุ่มพฤกษาไทร ได้เห็นใครรู้จักสำนักคอย
ออกจากบ้านพระภูธรไปซ่อนซุ่ม ได้เพิงพุ่มกิ่งพฤกษาระย้าย้อย
แล้วกินหมากสูบยาตั้งหน้าคอย นั่งตะบอยคอยดูซึ่งผู้คน
ครั้นสว่างกระจ่างแจ้งทั่วสถาน พวกชาวบ้านหากินอยู่สับสน
บ้างตักน้ำตำข้าวอยู่อลวน ที่บางคนฝนพร้าไปหาฟืน
ท่านตาสาถือพร้าออกจากบ้าน เที่ยวลนลานด้วยว่าจิตแกฝ่าฝืน
แกเพ่งแลเห็นสะแกต้นตายยืน ในใจชื้นถือพร้าเข้ามาฟัน
พระปาจิตเหลือบเขม้นเห็นตาสา แกถือพร้าฟันฟืนดูคมสัน
ดูเหื่อไหลโซมหน้าเหมือนทาละมัน หัวก็ล้านผมน้อยเหมือนรอยควาย
ตาคนนี้แกก็ดีเป็นคนซื่อ เขานับถือคนเชื่อแกเหลือหลาย
แกกะกูก็รู้จักเคยทักทาย เห็นแยบคายถามแกจะแน่การ
พระคิดพลางย่างเยื้องออกจากป่า จึงเดินมาไถ่ถามด้วยคำหวาน
ท่านอยู่ดีวัฒนาฤๅอาจารย์ แกลนลานตอบคำไปทันที
เป็นอย่างไรเหตุไฉนพ่อปาจิต ดูหายมิดเพิ่งเห็นหน้ากันเดี๋ยวนี้
อยู่ภายหลังเขาทำเค็มพ่อเต็มที ธิบดีพรหมทัตเจ้าเวียงชัย
ให้ตำรวจมากะไหล่ท่านยายบัว จะเอาตัวอรพิมไปพิสมัย
พระปาจิตตอบสารไปทันใด เป็นอย่างไรลุงเจ้าเล่าให้ฟัง
ฝ่ายตาสาฟังสารปาจิตถาม จึงเล่าความอนุสนธิ์แต่หนหลัง
เป็นความจริงลุงจะเล่าให้เจ้าฟัง เจ้าให้หลังไปไม่ช้าสักห้าคืน
ท่านข้าหลวงกองอาสาพระยาราม มามากคามวายวุ่นทั้งขุนหมื่น
มาปลงช้างหยุดช้างไม่แรมคืน ดูครึกครื้นเข้าไปหาท่านป้าบัว
ว่าจอมจักรนัคเรศเกศกษัตริย์ ท้าวพรหมทัตพระบรมอยู่หัว
รับสั่งใช้ให้มาหาท่านป้าบัว จะขอตัวอรพิมยิ้มละไม
ไปครองวังตั้งให้เป็นองค์เอก ยอดเสวกปรางค์ทองอันผ่องใส
ฝ่ายป้าบัวแกจึงว่าเจ้าคุณภัย ฉันจนใจก็ไม่ขัดพระโองการ
อรพิมก็มีคู่มาสู่ไว้ เดี๋ยวนี้ไปคืนวังยังสถาน
ไปหาของจัดแจงมาแต่งการ สิบห้าวันเดือนดับจะกลับมา
อันตัวตาเขาก็หาเป็นเถ้าแก่ อย่างนี้แน่จริงเจ้าจึงเล่าว่า
พวกข้าหลวงเขาว่าขัดพระอาญา เขาโกรธาคืนกลับไปกราบทูล
ครั้นอยู่มาห้าวันสิบแปดค่ำ กลับมาซ้ำยายบัวดูกลัววุ่น
พวกเขามาตาก็ไพล่ไปถากคูน ไปดายรุ่นไร่ครามจนค่ำเย็น
แต่ครั้งหลังตาไปไร่ไม่ได้อยู่ เป็นแต่รู้แต่เขาว่าเหมือนตาเห็น
เขาลือลั่นพูดกันทุกเช้าเย็น ไม่วายเว้นพูดกันเถิงหลานชาย
ในคำเล่าว่าท่านท้าวพรหมทัต ให้แต่งจัดช้างม้ามามากหลาย
กระโจมทองรองเรืองอร่ามราย ทั้งไพร่นายถือทวนแต่ล้วนธง
มาหยุดคามสามวันจึงคืนกลับ แล้วพารับอรพิมนวลระหง
นางอรพิมยิ้มละไมเป็นใยยง ขึ้นช้างทรงพระที่นั่งหลังคาทอง
ในคำเล่าว่าเถ้าแก่นั้นออกหน้า ถือธงพาถือทวนเป็นแถวสอง
แต่ยายบัวมิได้ขี่กระโจมทอง ขี่จำลองประออดงาออกหน้านาง
เมื่อเดือนยี่สี่ค่ำเขาทำการ ดูอลหม่านจุดประทัดเสียงโผงผาง
ตาขี้คร้านจะไปดูด้วยไกลทาง ไปนอนค้างขาดการขี้คร้านไป
พระปาจิตมิ่งมงกุฎบุตรกษัตริย์ ได้ฟังอรรถตาเฒ่าเล่าถวาย
ปานเขาฟันด้วยพระแสงแทงให้ตาย พระภูวนัยตรัสว่ากับตาพลัน
ฉันเสียใจแทบจะตายไม่ขออยู่ ด้วยเสียชู้เสียเมียเสียแล้วฉัน
ฝ่ายตาสาแกจึงว่าพระใจธรรม์ จงกลืนกลั้นดับเดือดให้เหือดไป
บูราณว่าถ้าว่าหนามเข้าตำหัก ถ้าหนามปักหนามบ่งคงจะได้
พระปาจิตว่าฉันคิดมาแต่ไกล นี่แค้นใจดอกจึงว่าให้ตาฟัง
ด้วยได้แต่งแจงจัดซึ่งข้าวของ ทั้งเงินทองนั้นนักหนาสาขยัง
ทั้งป้าอาต้องลำบากมาจากวัง มาครึ่งทางรู้ความไม่งามใจ
ฉันทิ้งของทองเงินลงน้ำสิ้น ให้เดือดดิ้นแทบจะโดดแม่น้ำไหล
ทั้งเงินทองเทกองในลำชัย ด้วยเสียใจเหลือจะกลั้นแล้วท่านตา
ฝ่ายตาสาแกจึงว่าพระปาจิต ซ่อนให้มิดอย่าให้คนเขาเห็นหน้า
อย่าว่าแต่พ่อตาก็แค้นแน่นอุรา ด้วยป้าอาต้องลำบากมาจากวัง
เดี๋ยวนี้ท่านรั้งอยู่ที่ไหนอย่างไรพ่อ พระปาจิตตอบต่อว่าคืนหลัง
แต่ตัวหลานท่านก็ห้ามฉันไม่ฟัง พิไรสั่งวอนไหว้ไม่ให้มา
แสนสงสารอกจะครากด้วยปากญาติ แค้นด้วยมิตรแทบจิตขาดท่านตาขา
ถ้าไม่ตายคงได้ไปดอกพารา จริงจริงตาฉันให้แค้นในอกตึง
ฉันตรองมาถ้าแม้นแน่จะแก้แค้น ให้สาแสนเล่นให้ท้องเหมือนกลองขึง
เอ็นดูฉันถ้าไปบ้านอย่าพูดอึง แต่หูหนึ่งอย่าได้เผยเขาเลยตา
ฝ่ายตาสาแกจึงว่าพ่อปาจิต พ่ออย่าคิดที่จะรู้ด้วยตาสา
พ่อซ่อนเร้นเขาจะเห็นสักเพลา ไม่ดอกตาฉันไม่อยู่ให้ช้าทาง
หยุดเท่านั้นเล่าก้นพอพึงรู้ กลัวคนผู้จะมาพบอกแตกผาง
ตาเฒ่าสายกฟืนใส่บ่าพลาง เข้าสู่ทางมาบ้านในทันใด
๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์มงกุฎสุดสงสาร ครั้นตาสามาบ้านหาช้าไม่
บทจรเข้าไปซ่อนใต้พุ่มไทร จนเวไลสุริยนสนธยา
ครั้นสิ้นคนในนอกจะออกเข้า เห็นปลอดเปล่าแลดูทั้งซ้ายขวา
ออกจากพุ่มเข้าทางย่างยาตรา พระรีบมาจนกระทั่งยังกรุงไกร
พอดาวรุ่งพุ่งแจ้งขึ้นแสงโพลง ดาวโยงลงมาลับเหลี่ยมไศล
เสียงกาเหว่าเร่าร้องวิเวกไพร สกุณไก่ขันแจ้วออกแซ่วเมือง
มากระทั่งยังประตูดูยังปิด พระถอยคิดคืนออกไปแฝงเฝือง
จนรุ่งแจ้งแสงทองขึ้นรองเรือง พวกชาวเมืองเขาก็ตื่นจากนิทรา
๏ ดับนั้นท่านบรมพรหมทัต ครั้นแสงทองส่องจำรัสพระเวหา
เสด็จออกนั่งนอกหน้าพลับพลา กับกัลยาอรพิมแม่นิ่มนาง
ฝ่ายพระปาสุริยวงศ์ผู้ทรงเดช ครั้นสูริเยศส่องแสงขึ้นเสิงสาง
เสียงนายประตูเปิดบานทวารทาง พระโฉมปรางค์จรเดินดำเนินมา
เข้าประตูไต่เต้าตามถนน พระจอมพลนึกคะนึงขนิษฐา
เห็นผู้คนอลหม่านละลานตา พระเดินมาจนกระทั่งประตูวัง
นายประตูผู้เฝ้าทวาเรศ เห็นทรงเดชลุกทะลึ่งทำขึงขัง
โฉมพระไพรปราสัยจะเข้าวัง นายทวารห้ามรั้งไม่ให้ไป
พระราชฐานผ่านเกล้าเจ้าชีวิต ไม่กลัวผิดเออนี่ท่านมาแต่ไหน
พระปาจิตตอบสารไปทันใด นี่แน่ะนายจงกระจ่างในทางความ
อันตัวเรากล่าวคือว่าเป็นพี่ แม่เทวีอรพิมจงทูลถาม
เราคิดถึงจึงมาเยี่ยมมาเยือนยาม ท่านจงเอาความเข้าไปทูลกับเทวี
นายประตูครั้นว่ารู้ประพฤติเหตุ ว่าทรงเดชนั้นเป็นพี่นางโฉมศรี
จึงว่าท่านงั้นรั้งอยู่เพียงนี้ที ข้าจะไปทูลแม่เทวีให้แน่ใจ
นายประตูรู้แล้วไม่นิ่งช้า ก็เข้ามาตามที่อัชฌาสัย
มานั่งอยู่ที่ประตูข้างชั้นใน บอกสาวใช้โขลนจ่าไม่ช้าที
พวกโขลนจ่าที่บรรดาเข้าเวรใช้ ครั้นแจ้งใจเข้ามาทูลนางโฉมศรี
ขอเดชะพระเชษฐาแม่เทวี จะเข้ามาหารั้งอยู่ที่ประตูวัง
นางอรพิมมเหสีเทวีหลวง แม่พุ่มพวงแจ้งใจอาลัยความหลัง
อาดูรดิ้นเจียนจะสิ้นชีวาวัง แทบอกพังเจียนจะโลดกระโดดตาย
นางกลั้นกลืนขืนดับระงับโศก ในทรวงอกปานจะแยกแตกสลาย
ด้วยเหลือเกรงกลัวจะขุ่นขึ้นวุ่นวาย จะเกิดศึกอันตรายในบูรี
ครั้นระงับดับโศกในอกแล้ว แม่กิ่งแก้วใจผ่องไม่หมองศรี
จึงตรัสสั่งโขลนพลันไปทันที ถ้าเป็นพี่ชายของเราให้เข้ามา
นางโขลนจ่ารับบัญชาพระเสาวนีย์ อัญชุลีลงบังคมก้มเกศา
มาแจ้งใจกับผู้นายทวารา ว่าแก้วตาเอกมิ่งสุมาลัย
มีรับสั่งมากับเราพระเสาวนีย์ พระเจ้าพี่ให้เข้ามาอย่าห้ามไว้
นายประตูรู้แน่ตระหนักใจ ก็เร็วไวออกมาแจ้งแห่งคดี
ว่าดูราท่านเชษฐาแม่ณหัวเจ้า พระนางท้าวออกพระโอษฐ์โปรดเกศี
ให้เชิญท้าวเข้าไปเฝ้านางเทวี พระโฉมศรีชื่นชมภิรมย์ใจ
พระปาจิตอิศโรโอรสา ก็เข้าวังรีบมาหาช้าไม่
นางอรพิมแลเขม้นเห็นพระไพร นางทรามวัยร้องทักว่าพี่มา
ฝ่ายท่านท้าวพรหมทัตกษัตริย์ศักดิ์ ได้ยินนางร้องทักพระเชษฐา
จึงโองการกล่าวสารด้วยปรีดา พระพี่ยาของนางฤๅสายทรวง
นางอรพิมรับว่าพี่ชายฉัน สนิทกันร่วมวงศ์พระองค์หลวง
ท่านท้าวพรหมหลงลมสุดาดวง เกษมทรวงชื่นชมภิรมยา
พรหมทัตสั่งให้จัดพานพระศรี ทั้งหมากพลูบุหรี่ให้แต่งหา
ประเพณีพี่น้องเคยไปมา ว่าพงศานั้นมาหาก็ดีใจ
มีโจษมาว่าเมืองพิมายนี้ แต่เดิมทีเหตุผลเป็นไฉน
จึงเรียกร่ำอยู่เป็นเรื่องเมืองพิมาย จำเลยชายผู้รู้แท้แก่คดี
จึงกล่าวว่าเทวดาท่านบอกไว้ เมืองพิมายเดิมชื่อเมืองพาราณสี
เพิ่งมาเปลี่ยนเพี้ยนเรียกเอาดิบดี เมื่อปาจิตพระจักรีกับอรพิม
เดิมปาจิตนั้นมาได้นางพิมก่อน พระเนื้ออ่อนคืนไปเมืองโดยปัจฉิม
อยู่ภายหลังพรหมทัตทำวุมวิม ไปเอานางอรพิมมาเป็นเมีย
โฉมพระปากลับมาครั้นรู้เรื่อง ให้แค้นเคืองพรหมทัตประดาเสีย
ในอกร้อนเหมือนหนึ่งไฟประลัยเลีย พระมุ่งหมายจะเอาเมียนั้นคืนมา
จักรพงศ์ตรงเข้าพระราชฐาน แม่นงคราญแลเห็นพระเชษฐา
จึงร้องทักออกประจักษ์ว่าพี่มา ชาวพาราลือสะท้อนขจรเมือง
แต่นั้นมาชาวพาราพากันเรียก นำสำเหนียกลือเล่าเป็นราวเรื่อง
ให้นามเมืองชื่อว่าพี่มาเมือง ทุกคนเนื่องเรียกเป็นเรื่องเมืองพี่มา
ที่เกิดใหม่ชายหญิงไม่รู้เรื่อง เรียกนามเมืองผิดกันนั้นนักหนา
เมืองพี่มาก็มาเพี้ยนเปลี่ยนวาจา ทุกคนว่าเรียกเป็นเรื่องเมืองพิมาย
วิปริตผิดทางในอย่างเยื่อง เรียกเป็นเรื่องรื่นสำรวยไม่ขวยขาย
หญิงบุรุษต้องพระพุทธทำนาย พระตรัสทายว่าที่ลุ่มจะพุ่มพูน
ที่หาดสูงก็จะลงเป็นวังลึก เป็นพราหมพฤฒก็จะทำให้ศีลสูญ
ผู้ถือศีลก็จะเสียพงศ์ประยูร เข้าประมูลกับมุสาทุราธรรม
พรหมทัตไม่สงสัยหมายว่าพี่ ให้ยินดีด้วยว่ารักนางงามขำ
จึงรับสั่งให้ละครมาฟ้อนรำ พระทรงธรรมหมายจะให้พี่ชายดู
ตำรวจวังรับสั่งหาช้าไม่ ก็ว่องไวเรียกละครเร็วเถิดสู
พระโองการผ่านเกล้าเจ้าชมพู รับสั่งตูมาให้เร่งเอ็งเข้าไป
ละครนางฟังตำรวจมาบอกว่า ก็แต่งตัวนุ่งผ้าหาช้าไม่
นุ่งผ้ายกดอกกระจ่างอย่างวิไล เข็มขัดใส่ทับทรวงพวงมาลา
ใส่เสื้อกรองทองคำงามวิเศษ ชฎาเทศอย่างดีอันเลขา
นายโรงนางต่างแต่งตัวออกมา หน้าพลับพลาท้องพระโรงอันเรืองพราย
แล้วบังคมพรหมทัตขัตติเยศ ทั้งปาจิตอิศเรศผู้โฉมฉาย
ขยับย่างลุกขึ้นรำทำกรีดกราย เล่นเรื่องพระสังข์ศิลป์ชัยไปตามอา
เมื่อทรงธรรม์องค์สุบรรณพระยาครุฑ ไปลักนุชมิ่งมิตรขนิษฐา
อาพระสังข์ศิลป์ชัยได้แล้วพา ไปยังวิมานฟากฟ้าฉิมพาลี
พระสังข์เจ้ารู้ข่าวเที่ยวตามหา ก็พบอาในวิมานอันเรืองศรี
พระสังข์พาอานั้นคืนมาบูรี เกษมศรีชื่นบานสำราญครัน
แล้วตีกรับรับร้องว่าไชยา บางคนว่าไชโยหัวเราะหยัน
พรหมทัตไพจิตรผู้ทรงธรรม์ ดูละครจนตะวันเพลาเย็น
ท้าวบรมพรหมทัตประสาทพร ให้เลิกละครแตรสังข์ที่รำเต้น
พอสุริยงลงเยี่ยมเหลี่ยมพระเมรุ ท้าวพรหมทัตพระนเรนทร์สำราญใจ
พระปาจิตอรพิมก็พร้อมพรั่ง พากันนั่งชมชิดพิสมัย
ต่างภิรมย์ชมชื่นระรื่นใจ ด้วยพี่ชายพร้อมพบประสบกัน
แล้วจับด้ายสายสิญจ์เคยนับถือ มาผูกมือพี่น้องเป็นมิ่งขวัญ
พิไรพรกุมกรผูกมือกัน เกษมสันต์ชื่นชมภิรมยา
ท้าวบรมพรหมทัตขัตติเยศ พระตรัสสั่งพวกวิเสททั้งซ้ายขวา
ให้จัดแจงแต่งสำรับอันโอชา เหล้าสุราอาหารทั้งหวานคาว
ท้าวไม่แคลงแหนงใจหมายว่าพี่ ของเทวีอรพิมโฉมเฉลา
ครั้นจะเฉยก็เห็นความไม่งามเพรา กลัวนงเยาว์กัลยาจะน้อยใจ
ว่าพี่ชายร่วมญาติวงศา เข้ามาหาแล้วก็เฉยทำผลักไส
แม่นิ่มนางจะระคางมโนใน ความกำหนัดรักใคร่เข้ารึงรัง
ท้าวงวยงงหลงมิตรไม่คิดรอบ ให้เห็นผิดไปเป็นชอบด้วยกรรมหลัง
จะเสียเมียตัวจะตายไม่ระวัง เวราบังเข้ามาเพิ่มให้เคลิ้มใจ
พวกวิเสทจัดสำรับสำเร็จแล้ว อันเพริศแพร้วยกมาวางทั้งเหล้าหลาย
พรหมทัตเอื้อนตรัสว่าพี่ชาย เชิญสบายบริโภคอาหารพลัน
ทั้งสามองค์ทรงเสวยกระยาหาร อันตระการเหล้าเข้มนั้นเต็มขัน
นางนงลักษณ์เป็นคนตักสุราปัน ยื่นให้ท่านพรหมทัตนั้นจอกเต็ม
แล้วนางแสร้งแกล้งว่าพระสามี ฉันรักผัวยิ่งกว่าพี่ให้เหล้าเข้ม
แต่พี่ชายไม่สู้รักไม่ตักเต็ม อันเหล้าเข้มฉันไม่ให้พี่ชายกิน
ด้วยงามชื่นฝ่าฝืนพระปาจิต นางแสนคิดตรองใจหมายถวิล
จะแก้แค้นพรหมทัตธิบดินทร์ สมถวิลก็จะทำให้เถิงตาย
นางจึงกล่าวเย้ายุให้กินเหล้า ให้มัวเมานิ่งนอนจนเหงือกหงาย
ครั้นพรหมทัตนอนนิ่งไม่ติงกาย จะได้ขยายพูดจาปรึกษากัน
ครั้นพรหมทัตไม่ระคางว่านางรัก นางต้องตักเหล้าเข้มให้เต็มขัน
กำลังปลื้มท้าวก็ดื่มไม่เงยงัน จนสิ้นขันเมาเพ้อละเมอมาย
มิให้แคลงนางเป็นแพ่งตักแต่นิด กลัวปาจิตนั้นจะเมาไปมากหลาย
นางตักยื่นล้วนแต่พื้นสุราปลาย พระโฉมฉายรู้คดีในทีนาง
พรหมทัตดื่มสุราเข้าหลายจอก พูดไม่ออกปากอ้าลูกตาขวาง
ผวาล้มจมสำรับในท่ามกลาง สรรพางค์ไม่กระดิกระริกกาย
พระปาจิตอิศเรเสน่ห์หญิง เห็นพรหมทัตนอนนิ่งดูเหงือกหงาย
โตกตะแคงแกงราดอยู่เรี่ยราย แตกกระจายหมดม้วยทั้งถ้วยชาม
พระเกศาหน้าหลังของพรหมทัต สุราราดเปื้อนเพรื่อดูเหลือหลาม
พระเสโทโซมไหลทั้งไอจาม ให้ซุ่มซ่ามสุมจิตฤทธิ์สุรา
ท้าวเวียนวิงนิ่งนอนเหมือนขอนไม้ น้ำลายไหลราดทรวงอุระสา
ระส่ำระสายแทบจะวายชวาลา ฤทธิ์สุราเฝ้าสุมให้กลุ้มใจ
พระปาจิตอิศเรศเกศกษัตริย์ เห็นพรหมทัตเมาเหล้าน้ำลายไหล
ดูแน่นิ่งนอนกลิ้งเหมือนคนตาย ก็สมใจดังพระนึกจินตนา
พระจึงกล่าวพจนารถประภาษถาม เจ้าโฉมงามมิ่งมิตรขนิษฐา
เหตุไฉนเป็นอย่างไรเจ้าพิมพา เป็นพาลีสองหน้าให้ได้อาย
พระขรรค์เพชรเราจะเด็ดเอาเกศี ประเดี๋ยวนี้ก็ชีวีจะสูญหาย
ทั้งสองศพให้ประกบประกับกาย พระง้ากรายแสงขรรค์จะฟันนาง
แม่โฉมยงกราบลงกับพระบาท พระภูวนาถโปรดน้องอย่าหมองหมาง
จงถามก่อนผ่อนโกรธไว้ท่ามกลาง ถ้าได้จริงแล้วจึงล้างให้วายชนม์
เป็นความสัตย์จะพิสูจน์เอาจริงถวาย จะดำน้ำลุยไฟสักเจ็ดหน
มิใช่น้องนอกใจพระจุมพล เป็นความจนเข้ามาขืนต้องจนใจ
ประเวณีก็ยังดีเป็นผ่องแผ้ว สักนิดแนวก็ไม่หมองยังผ่องใส
ทุกเพลาคอยท่าพระภูวนัย ร่ำพิไรคอยพักตร์พระจักรี
ว่าจะกลั้นใจตายพิไรร่ำ ไปตามกรรมคอยท่าอยู่เมืองผี
แล้วคิดได้ด้วยอาลัยพระสามี ด้วยพันปีไปพาราจะมาคืน
เมื่อกลับมาถ้าไม่เห็นอรพิม พระงามพริ้มจะอาลัยไห้สะอื้น
รู้ว่าตายวายชีพไม่คงคืน จะทุ่มกายไห้สะอื้นพิไรครวญ
คิดสงสารอกปานจะแตกร้าว ถึงผ่านเกล้าความอาลัยใจสงวน
ยังปัญญาตรองใจแล้วใคร่ครวญ เห็นสมควรเหมาะงามว่าความดี
ว่าอย่าเลยกูจะไปด้วยพรหมทัต ถึงขืนขัดก็ไม่พ้นเว้นแต่ผี
เป็นแต่เมียอย่าให้เสียประเวณี กว่าภูมีจะมาพบประสบกัน
คิดถึงยามความอาลัยพระเพื่อนยาก อกจะครากคิดยิ่งแค้นแสนกระสัน
เมื่อกินข้าวกินน้ำตาไม่ราวัน สุดจะกลั้นตั้งแต่ตรอมจนผอมโรย
แต่คอยเช้าเช้าคอยแลไม่เห็น ครั้นคอยเย็นเย็นไม่มายิ่งไห้โหย
ตั้งแต่ตีทรวงช้ำระกำโกย จนพรหมทัตไปขโมยเอาเมียมา
พระมารดาสุดท่าจะทานทัด จะขืนขัดเล่าก็กลัวซึ่งโทษา
ด้วยแม่ลูกสองคนจนระอา ไม่อยากมาก็ต้องมาด้วยบทจน
มาเถิงวังตั้งให้เป็นใหญ่เอก อุปภิเษกขึ้นครองดินปิ่นพหล
แสนระกำช้ำใจแทบวายชนม์ แต่ทนทนมาเต็มทีพระพี่อา
เสร็จภิเษกท้าวบรมพรหมทัต ดึกสงัดยามสองก็เข้าหา
ฉันตั้งสัตย์อธิษฐานด้วยสัจจา เดชะข้าซื่อสัตย์ต่อทรงธรรม์
เทวดาที่รักษาชมพูโลก ทุกกรอกโกรกอมเรศเวียงสวรรค์
เอ็นดูด้วยท่านจงช่วยมาป้องกัน ในกายฉันอย่าให้เสียประเวณี
ถ้าพรหมทัตอิศยมจะข่มขืน อันความชื่นขอให้สูญเหมือนร่างผี
ด้วยมั่นคงที่ข้าตรงต่อสามี ท่านเทวีจงมาช่วยฉันด้วยรา
เดชะสัตย์อธิษฐานบันดาลหาย พรหมทัตก็มิได้เสน่หา
ก็กลับคืนไปที่นอนบ่อนนิทรา แต่นั้นมาก็เป็นแล้วไม่แผ้วพาน
เป็นสัตย์จริงมิ่งเมียพระทูนหัว ในกายตัวก็ยังดีเหมือนธิษฐาน
ใครที่ไหนจะได้เห็นเป็นพยาน พระภูบาลถ้าจะฆ่าก็ท่าจน
ปางพระองค์ทรงฤทธิ์ปาจิตเจ้า ได้ฟังเล่าที่นางแจ้งแสดงผล
ก็เห็นจริงแจ่มกระจ่างทางยุบล ว่านิรมลมิได้ปลงประจงใจ
พระกรึกกริ่งนิ่งนึกหาความจริง อนึ่งเล่าเจ้าเป็นหญิงจะทำไฉน
แต่แม่ลูกสองคนต้องจนใจ ครั้นไม่ไปก็ต้องไปด้วยความกลัว
แต่เนื้อตัวร่างกายว่าใสผ่อง ประเวณีที่ตัวน้องยังไม่ชั่ว
จะทดลองปฏิญาณสาบานตัว ให้สิ้นมัวผ่องใสไม่มลทิน
พระภูบาลตรองสารปราสัยว่า พระน้องยาเวียนองค์เหมือนทรงศีล
พระแสงยางถ้าได้ล้างลงวาริน ถ้าใครกินแล้วก็ตายวายชีวา
ถ้าคนตรงโปร่งปลอดไม่มอดม้วย รื่นสำรวยท่วงทีดีนักหนา
ถ้าเจ็บไข้หายสิ้นเหมือนกินยา วัฒนาโรคภัยไม่แผ้วพาน
แม่นงนุชบริสุทธิ์เจ้าผ่องใส จะกินได้ฤๅไม่ได้ปราสัยสาร
อนึ่งไซร้พี่จะให้เจ้าสาบาน เยาวมาลย์ฤๅจะได้ฤๅฉัยยา
แม่น้อยฉิมอรพิมมิ่งสมร นางเนื้ออ่อนกราบทูลพระเชษฐา
ฉันจริงใจจะถวายซึ่งสัจจา จะฟันฆ่าก็ไม่คิดเสียดายกาย
จะสาบานกินฉ่ำน้ำพระแสง ไม่พรายแพร่งจะให้สัตย์พิสุทธิ์ถวาย
ในกายตัวถ้าแม้นชั่วเท่าเม็ดทราย ให้กินตายลงต่อหน้าพระสามี
น้ำพระแสงนางก็กินจนสิ้นขัน ทั้งสาบานให้สัตย์พระโฉมศรี
เห็นผ่องแผ้วเหมือนหนึ่งแก้วมณีดี พระภูมีเห็นจริงไม่กริ่งใจ
พระจึงมีเทวราชประภาษถาม แม่ไจงามเลิศล้นพ้นวิสัย
จะพาน้องเจ้าไปครองพ้นเวียงชัย เจ้าจะอยู่ฤๅจะไปเล่าขวัญตา
โอ้พระทองสองศรีมณีเนตร ไม่สังเวชน้องบ้างเลยพระเชษฐา
แต่คอยคอยแทบจะดิ้นสิ้นชีวา กินน้ำตาต่างน้ำระกำกาย
ไหนจะตรอมอกตรมด้วยพรหมทัต ยังกลับพลัดมาระกำคอยพี่หาย
ทั้งแม่ลูกแทบจะผูกคอให้ตาย ด้วยขโมยไปขมายเอาเมียมา
จะจวนแจ้งแสงทองขึ้นส่องเสิง อย่าทำเชิงเชิญเสด็จพระเชษฐา
สงัดคนกรนหลับทั้งปรางค์ปรา ด้วยราชาเข้าไปอยู่ยังวังใน
นางกำนัลก็สำคัญว่าพี่นาง ต่างคนต่างเข้าที่นอนแล้วหลับไหล
มิได้คิดที่ในจิตมโนใจ จะเกิดภัยฆ่าฟันกันในปรางค์
พอฆ้องยามย่ำเข้าได้เก้าทุ่ม พระเนื้อนุ่มตรึกตรองยิ่งหมองหมาง
ท้าวพรหมทัตนอนเพ้อละเมอคราง ยิ่งระคางเคืองแค้นแน่นอุรา
ไอ้พุงโตทำพาโลบังอาจนัก ไปลอบลักอรพิมเสน่หา
เมียของกูมึงทำชู้ไปลักพา ไอ้โจราจับได้ไม่ไว้มัน
จับพระขรรค์ฟันคอท้าวพรหมทัต เสียงฉับฉาดฟาดคอขาดสะบั้น
พระโลหิตไหลพุ่งฟุ้งเป็นควัน ก็เถิงการมรณาในราตรี
ครั้นฟันขาดพรหมทัตนั้นตายแล้ว พระกิ่งแก้วพานางจะออกหนี
ออกไม่ได้จนใจพระจักรี ด้วยเสนีเฝ้าอยู่ประตูวัง
เขานั่งยามตามไฟทั้งในนอก ครั้นจะออกก็ไม่ได้โอ้ทุกขัง
พระพานางไปมาละล้าละลัง จนจวนแจ้งแจ่มกระจ่างขึ้นรูจี
ด้วยศีลทานค้ำชูพระภูวนาถ ให้ร้อนอาสน์อมรินทร์ท้าวโกสีย์
จึงแลเล็งเพ่งทั่วพระธรณี เห็นภูมีปาจิตกับอรพิม
ไปรับคู่ติดประตูออกไม่ได้ ถ้าไม่ช่วยก็เห็นใช่จะอับฉิน
เสียดายหน่อชินวงศ์พงศ์นรินทร์ ท้าวโกสินทร์ลงจากวิมานมา
จำแลงกายกลายเป็นอาชาชาติ แล้วเหาะผาดลอยละลิ่วปลิวเวหา
ลงสู่ปรางค์พรหมทัตขัตติยา ท้าวอมราไถ่ถามเนื้อความพลัน
ว่าพี่น้องเจ้าทั้งสองจะไปไหน จึงมาไปร่อนเร่ดูเหหัน
พระโฉมงามตอบความกลับมาพลัน ไฉนนั่นเป็นอาชารู้พาที
ท้าวโกสิตที่นิมิตมาเป็นม้า จึงตอบว่าตัวเราคือโกสีย์
มารับพาเอาท่านไปจากไพรี จงขึ้นขี่หลังข้าจะพาไป
ทั้งสององค์ทรงทราบว่าโกสีย์ ให้ยินดีชื่นชมจะมีไหน
แล้วเผ่นนั่งขึ้นบนหลังอาชาไนย มโนมัยรีบเหาะระเห็จพา
จำเพาะตรงลงสู่ที่ต้นไทร อันโตใหญ่กิ่งก้านนั้นสาขา
สหัสนัยกลับกลายซึ่งกายา อันมิ่งม้านั้นก็หายกลายเป็นอินทร์
สำแดงเดชเพชฌานบันดาลหาย ไปสู่ไชยวิมานของโกสินทร์
ฝ่ายพระหน่อสุริยวงศ์พงศ์มุนินทร์ กับโฉมฉินหยุดสำนักอยู่ร่มไทร
พระสุริยนสนธยาจะยอแสง อร่ามแดงลงไปเยี่ยมเหลี่ยมไศล
หมู่ปักษาพากันร้องระงมไพร แม่สายใจคิดคะนึงถึงพารา
เสียงผีผิวพึมพำคำรามร้อง เสียวสยองเยือกเย็นเส้นเกศา
เมื่อยามพระสุริยนสนธยา นางชะนีห้อยพฤกษาพิไรคราง
เสียงพิกลเป็นทำนองร้องเรียกผัว แล้วไต่ไม้ห้อยตัวเหมือนผีสาง
นางโฉมงามวอนถามพระจอมปรางค์ ชะนีนางนี้อนาถประหลาดใจ
มาเพี้ยนเพศเหตุไฉนพระเชษฐา ดูหน้าตาเหมือนอย่างคนหาผิดไม่
แต่ก่อนปางสร้างกรรมประการใด จึงพิไรเรียกผัวอยู่มัวเมา
พระสดับวาทินยุพินถาม จึงแจ้งความเยาวยอดโฉมเฉลา
เรื่องนิยายนี้ก็คล้ายกับเรื่องเรา แม่นงเยาว์ครั้นจะเล่าเหมือนเปรียบนาง
อรพิมยิ้มแย้มแล้วตอบว่า พระเชษฐาเชิญเล่าอย่าหมองหมาง
มิใช่เงื่องจะไปเคืองนิทานปาง เป็นเยื่องอย่างเชิญพระเล่าให้เข้าใจ
พระยิ้มพลางตอบนางสุนทรสนอง นี่แน่ะน้องพี่จะแจ้งแสดงสาย
ได้ยินอย่างท่านผู้เฒ่าเล่านิยาย ว่าล่วงไปแต่ประถมนิยมมา
ว่ายังมีราชามหากษัตริย์ ชื่อพรหมทัตท้าวมีโอรสา
ครั้นเธอเฒ่าแกหง่อมผอมชรา พระลูกยานั้นจะปองให้ครองเมือง
จึงตรัสว่าดูราพระลูกแก้ว เป็นบุญแล้วสมควรพ่อเนื้อเหลือง
พ่อจะมอบธานีบูรีเรือง เป็นปิ่นเมืองปกป้องครองประชา
พระกุมารฟังสารบิดาตรัส ประนมหัตถ์แล้วบังคมก้มเกศา
จึงกราบทูลทรงฤทธิ์พระบิดา พระผ่านฟ้าตรัสควรประเพณี
แต่หม่อมฉันนี้ยังไม่รู้ศิลปศาสตร์ จะครองราชย์ยังไม่ควรโปรดเกศี
ขอกราบลาพระบิดาชนนี เข้าพงพีเสาะหาสิกขาจาร
ไปเรียนศิลป์วิชาคาถาเวท ให้เรืองเดชลูกจะกลับคืนสถาน
มาครอบครองธานีบูรีคราญ พระภูบาลทรงเดชได้เมตตา
พระบิดรอวยพรประสาทให้ เดโชชัยสมหวังนาพ่อหนา
พระกุมารกราบกรานบังคมลา จรคลาเข้าในไพรพนม
เป็นบุญสบพบองค์พระฤๅษี พระมุนีท่านให้อยู่ด้วยอาศรม
แล้วปรนนิบัติพากเพียรเรียนอาคม พระโคดมบอกบ่นพระมนตรา
ก็จำได้ใจปราชญ์ฉลาดแท้ ทั้งผูกแก้เรืองเดชเวทคาถา
อยู่สำราญนานเนิ่นจำเริญมา จึงกราบลาพระสิทธาจะมาเมือง
พระฤๅษีมีใจการุณย์รัก จูบพระพักตร์ด้วยเอ็นดูเจ้าเนื้อเหลือง
เสียดายรูปราวกะคำทำประเทือง จะไปเมืองครองศรีบูรีรมย์
พระอาจารย์เล็งญาณก็แจ้งรู้ ว่าบุญคู่จะเป็นเอกภิเษกสม
ย่านมนุษย์นั้นไม่เห็นเว้นแต่พรหม พระโคดมตรองใจอยู่ไปมา
จำจะชุบคู่ครองให้หลานแก้ว พระทัยแผ้วชื่นชมเสน่หา
เข้าสู่ไพรหาได้ขนโมรา ก็กลับมาสู่อาศรมศาลาลัย
พระนักสิทธิ์จึงนิมิตซึ่งผอบ ครั้นได้ครบจึงเอาขนมาเสกใส่
อำนาจบุญพระอาจารย์ผู้ชาญชัย ขนนกยูงนั้นก็กลายเป็นนงคราญ
ฝาผอบพระอาจารย์จารึกชื่อ ยื่นใส่มือมอบให้พระขวัญหลาน
ทั้งพระขรรค์พร้อมกันให้ควรการ สิทธาจารย์สอนสั่งไม่วางใจ
พระหลานชายเจ้าจะไปตาจะสั่ง ไปกลางทางเจ้าอย่าเปิดอย่าเผยไข
ผอบทองนั้นอตส่าห์รักษาไป เถิงเวียงชัยแล้วจึงเปิดเถิดหลานอา
พระกุมารรับสารพระฤๅษี อัญชุลีน้อมประนมก้มเกศา
ด้วยเบญจางคประดิษฐ์พระสิทธา กุมารามาจากสิทธาจารย์
ประมาณมาครึ่งทางกลางวิถี เป็นเวรีผลกรรมมาตามผลาญ
ให้ซุ่มซ่ามลืมคำพระอาจารย์ พระกุมารเผยฝาผอบทอง
เห็นอนงค์ทรงนั่งในผอบ ดูงามลบนารีไม่มีสอง
แล้วชวนชมสมสู่เป็นคู่ครอง จึงพาน้องลินลาจะมาเมือง
มาพบโจรคนป่าเข้าห้าร้อย ไอ้โจรถ่อยช่วงชิงเอาเนื้อเหลือง
ไอ้โจรหมู่สู้กับพระบุญเรือง พระจอมเมืองฟันตายทำลายชนม์
ยังเหลือตายก็แต่นายไอ้โจรป่า มันโกรธาไล่หลังมากลางหน
แต่รบรับสู้กันประจัญประจญ พระสุริยนเย็นยะย่ำจะสนธยา
ไอ้โจรป่าคว้าจับเอาแขนซ้าย พระโฉมฉายจับได้ซึ่งแขนขวา
พระขรรค์ชัยพระให้ไว้กับกัลยา พระราชาทรงธรรม์จะฟันโจร
จึงตรัสบอกว่าเจ้าดอกมณฑาสวรรค์ ยื่นพระขรรค์มาให้พี่แม่สวยสน
ขวัญอนงค์หลงรักสมัครโจร มาห้อยโหนทำสงครามความอารี
จนเสียไพร่ตายมอดลงหมดม้วย ถ้าไม่ช่วยก็เห็นชีพจะเป็นผี
ผัวก็รักราวกะทรวงดวงชีวี เป็นสองจิตใจอารีเป็นท่ามกลาง
ยื่นพระขรรค์ผันด้ามไปให้โจร พระจุมพลฉวยคมพระขรรค์ขวาง
โจรกระชากจากพระหัตถ์บาดเป็นทาง มันฟันผางล้มพับลงกับดิน
พระภูวนัยครั้นเมื่อใจจะเด็ดขาด ร้องประกาศอนุโลมกับโฉมฉิน
ช่างเป็นได้โอ้ว่าใจดวงยุพิน ล้างชีวินพี่เสียได้เอาใจชัง
เมื่อยามยากความพี่รักแม่เนื้อนุ่ม ใส่เอวอุ้มแล้วพยุงขึ้นกุง๑๐หลัง
มาเห็นใจเจ้าเมื่อวายชีวาวัง พระร้องดังร้องประกาศว่าชาติชาย
อย่าเอาเยื่องเรื่องข้าคนประมาท เกิดเสียชาติหลงเกินนอกกฎหมาย
มาคบหญิงที่พาลามันฆ่าตาย อันอย่างข้าถ้าเป็นชายใครอย่าเอา
สิ้นประกาศขาดใจอยู่ในป่า ไอ้โจรายินคำพระโฉมเฉลา
พระก้อนทองร้องประกาศนางนงเยาว์ ให้โศกเศร้าเสียใจแทบวายปราณ
อีหญิงร้ายใจทมิฬทรลักษณ์ แต่ผัวรักมันยังฆ่าให้สังขาร
ถ้ากูคบมันคงฆ่าให้ถึงกาล ผัวของมันรูปงามอร่ามตา
กูเหมือนกาหน้าดำหินชาติ ผัวของมันราวกะราชปักษา
ถ้าเอาไปฉวยว่าใช่อัปรา อีพาลามันจะล้างให้วางวาย
กูเสียทีทิ้งพหลพลฤทธิ์ จนม้วยมิดตายหมดทั้งเชื้อสาย
ฆ่ามันซ้ำฤๅกระมังอีสุรกาย ไอ้โจรร้ายกังขาให้รารอ
คิดถอยหลังชั่งใจถ้าเข่นฆ่า ถ้าฆ่าม้าก็จะดีกว่านี้หนอ
ไอ้โจรไพรคิดได้เข้ากอดคอ ไม่รารอหยุดก่อนให้นอนลง
จะเปรียบเสพมาตุคามเป็นความหยาบ คนสุภาพเชื้อชาติสกุลหงส์
จะนินทาน่าอายอัปมง ไม่แต่งลงว่าไว้แต่ใจความ
ไอ้โจรป่าครั้นว่ารู้ราครส ก็งันงดรอจิตให้คิดขาม
สละมิ่งทิ้งร่างไว้กลางทาม ไปอยู่ตามหิมวาพนาคาร
เห็นพวกไพร่ตายกลาดอยู่กลางป่า หลั่งน้ำตาแสนเสียดายพลหาญ
เดินคนเดียวเปลี่ยวจิตคิดรำคาญ คืนสถานที่อยู่แต่ก่อนมา
๏ อีหญิงร้ายฝ่ายโจรมันทิ้งขว้าง เที่ยวครวญครางเศร้าสร้อยละห้อยหา
ไม่รู้แห่งหนใดจะไปมา ก็โศกามาที่ศพพระสามี
เข้ากอดศพจบเท้าขึ้นเสยหัว เมียทำชั่วนอกใจจนเป็นผี
น้องจะกลั้นใจตายวายชีวี เอากรตีทุบอกจนฟกพอง
แล้วครวญคร่ำร่ำไรอาลัยหวัง ถึงครั้งหลังเดินดงเป็นเพื่อนสอง
น้องอยากน้ำความรักกระพักกระพอง พระพ่นเลือดมาให้น้องนั้นดื่มกิน
โอ้แต่นี้ก็เห็นทีจะลับแล้ว พระก้อนแก้วกลับคืนมาถวิล
มาตรว่าถ้าพระองค์คงชีวิน พระเพื่อนกินน้องไม่กลอกไม่นอกใจ
แต่ร่ำไรให้เวียนเจียนสลบ ชีวิตศพก็หากลับมาคืนไม่
แต่ซากผีเกลื่อนกลาดอนาถใจ นางแลไปเสียวสยองพองโลมา
นางบ่ายบากจากศพพระสามิต เที่ยวสถิตอยู่ตามพุ่มไพรพฤกษา
น้ำตานางหลั่งหล่อคลอน้ำตา ทั้งข้าวปลาอดซ้ำระกำใจ
อำนาจบุญพระกุมารอันชาญเดช ร้อนถึงเจ้าเทเวศร์ปิ่นมไห
คือพระอินทร์เจ้าฟ้าสุราลัย สหัสนัยเล็งทิพเนตรมา
ก็รู้ว่าพระกุมารผู้ชาญชัย มหาโจรฟันตายไว้กลางป่า
เพราะคบหญิงที่พาโลอีโมรา ไอ้โจรป่ามันจึงได้ทำลายชนม์
จะชุบช่วยอย่าให้ม้วยชีวาวาตม์ เสียดายชาติด้วยเป็นชายเขลาฉงน
อีหญิงร้ายราคแรงร้อนคำรน จะสาบซ้ำให้มันซนเป็นชะนี
ท้าวโกสิตคิดแล้วไม่นิ่งช้า ก็ลงมาจากวิมานของโกสีย์
จำแลงกายกลายเป็นสกุณี เป็นเหยี่ยวมีเนื้อปลาถลาบิน
ฝ่ายว่านางแลหาพญาเหยี่ยว ในตาเหลียวเห็นมังสังที่ปักษิณ
กำเริบร้อนไวปากด้วยอยากกิน ดวงยุพินร้องว่าพี่เหยี่ยวไพร
เป็นโชคดีนี่กระไรเป็นล้นเหลือ ไปได้เหยี่อเนื้อย่างมาแต่ไหน
ขอทานน้องลองกินบ้างเป็นไร ฉันอ่อนใจอดข้าวข้างเพลาแรง
ท้าวโกสินทร์อินทราพญาเหยี่ยว จึงแก้เกี้ยวแกมกลเข้าแอบแฝง
จะให้เหยี่อเนื้อย่างประทังแรง เป็นของแพงมีราคาแม่หน้านวล
แต่เท่าว่าถ้าอนงค์ประสงค์อยาก ได้ออกปากก็ไม่ขัดงามสงวน
ถ้าต่างคนต่างให้เป็นไรควร นิยมยวนตอบกันเถิดขวัญตา
เหมือนนิยายไว้อย่างเป็นทางเยื่อง เป็นราวเรื่องพระสรรเพชญ์เทศนา
บูชะโกลาภเตถาบูชา ให้ลาภาเข้ามากราบให้ลาภเรา
ในฎีกาองค์สัมมาท่านเทศน์ไว้ ว่าให้ให้ตอบคืนเหมือนของเขา
ของเขาก็ให้ดูดูของเรา จึงยืนยาวคบกันเกินไปเนิ่นครัน
บูชังวันทนังท่านเทศน์ว่า เขาวันทาก็วันทาตอบแทนผัน
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแลกัน จึงเป็นธรรม์คุ้มโทมโนใน
ก็นี่น้องปองอยากออกปากขอ ไม่ลวงล่อเนื้อฉันจะปันให้
ที่ของนางขอมั่งบ้างเป็นไร ยังจะได้ฤๅไม่ได้แม่ดวงตา
ปางยุพินยินเหยี่ยวจึงตอบสาร ที่ของฉันนั้นฉันวานอย่าพักว่า
ไม่เห็นมีอันสตรีภิรมยา ไปเที่ยวหาเพื่อนผู้ชายมาไว้นอน
เห็นฉันอยากออกปากขอเนื้อย่าง พูดกระด้างว่าให้เหมือนไม้ขอน
ถ้าไม่รักก็ให้นิ่งอย่าวิงวอน ชาวนครจะเอาเยื่องรำเคืองใจ
ท้าวโกสิตที่นิมิตมาเป็นเหยี่ยว เห็นจริงเจียวมิได้แกล้งแถลงไข
จึงตอบพลางว่าอีค่างสำหรับไพร กูแจ้งใจจริงจังไม่คลังแคลง
พระอินทราด่าทรามน่าบัดสี ตัวกูนี้จะบอกมึงอย่ากินแหนง
คือเป็นเจ้าดาวดึงส์มึงอย่าแคลง อีราคแรงร้อนรุมเหมือนสุมไฟ
มนุษย์สัตว์กบอึ่งมึงไม่เลือก มึงคันเหงือกโลภเหลือน้ำลายไหล
กูสาบมึงเป็นชะนีอีผีไพร เที่ยวห้อยไม้สมจรนอนกับลิง
นางบังอรต้องพรพระอินทร์สาป ก็กลายกลับกายเป็นชะนีหญิง
ด้วยเวราฆ่าผัวมัวประวิง เข้าปนลิงฝูงค่างอยู่กลางไพร
ครั้นยามเย็นยอแสงแดงอากาศ รำลึกชาติคิดเถิงผัวที่ตักษัย
หมายว่าเลือดผัวรักประจักษ์ใจ จึงโหยไห้เรียกผัวอยู่มัวเมา
นิทานปางนางชะนีอย่างนิมุต ไม่สมมุติว่ามาแต่ปู่เฒ่า
อันเยื่องอย่างนางชะนีเจ้าอย่าเอา แม่นงเยาว์จำใส่ไว้ในทรวง
แม่โฉมปรางค์พลางตอบสนองสาร พระกุมารนอกครูอาจารย์หลวง
พระปาจิตตอบว่าสุดาดวง ละเมิดทรวงเหมือนท่านบอกว่านอกครู
นางโฉมงามตอบคำพระร้อยชั่ง มีอยู่บ้างฤๅนิทานฉันอยากรู้
ที่ข้อขำจะได้จำไว้เป็นครู ได้ยินอยู่พี่จะเล่าให้เจ้าฟัง
แต่ครั้งหลังว่ายังมีกระทาชาย เป็นสหายสองเกลอน่าทุกขัง
หัวล้านเกลี้ยงเพียงบ้าเป็นน่าชัง เที่ยวเซซังมุ่งหมายอยากได้เมีย
ไปวอนรักปากพูดหาผู้หญิง เขาชังชิงหยาบช้าประดาเสีย
ศีรษะล้านอย่ามาหาหมาไม่เลีย น้ำตาเรี่ยสองสหายได้อายอึง
คิดจะแทงตัวตายเสียดายชาติ พยาบาทจะเป็นกรรมตามมาถึง
สองสหายความอายเข้ารุมรึง หาที่พึ่งนอนสบายก็ไม่มี
ทั้งสองคนปรึกษาแล้วปราสัย เราอย่าอยู่ไปให้ตายในไพรศรี
ไม่เทียมคนไปให้พ้นชาวบูรี ครั้นเห็นดีเข้าด้วยกันจึงครรไล
เที่ยวซุกซนด้นป่าพนาเวศ สองสหายน่าสมเพชระหินระหาย
มิได้กลัวเสือช้างในกลางไพร จะไปตายด้วยว่าอายชาวบูรี
บุญยังมีไม่เถิงที่จะสังขาร์ จึงชักพามาให้พบพระฤๅษี
สองสหายเข้าไปไหว้พระมุนี ท่านยินดีไถ่ถามเนื้อความไป
ว่าดูราประสกทั้งสองหลาน มากราบกรานพากันจะไปไหน
ฤๅพรากเมืองเคืองเข็ญเป็นอย่างไร จงเล่าไปหลานอาตาจะฟัง
สองประสกยกกรบังคมกราบ สารภาพอนุสนธิ์แต่หนหลัง
ว่าข้าแต่พระอาจารย์เป็นสัจจัง เหลือประทังที่จะทนจึงด้นมา
ด้วยคับแค้นแน่นใจของหลานนัก กำเริบรักร้อนราคนั้นนักหนา
อยากได้คู่สู่สมภิรมยา ไปพูดจากับผู้หญิงมันไยไพ
มันว่าเทียบเปรียบเหมือนหัวนกตะกรุม พากันรุมว่าฉันหัวล้านใส
อยู่ในเมืองได้ความเคืองรำคาญใจ จะมาตายเสียให้พ้นคนนินทา
เวรใดทำไว้มาตามทับ ให้อาภัพล้านเลี่ยนเศียรเกศา
กุศลช่วยไม่ให้ม้วยซึ่งชีวา จึงชักพามาให้พบพระอาจารย์
พระทรงญาณฟังสารยิ้มหัวร่อ จึงว่าอ้ออนิจจาน่าสงสาร
น่าสมเพชเวทนาทุราราน อย่ารำคาญอยู่กับรูปอย่าปรารมภ์
ประสกหลานจงสำราญจงผาสุก อย่าเป็นทุกข์คงให้มีเกศีผม
กลับไปบ้านกลัวแต่หญิงประวิงชม ยินนิยมชอบใจอาลัยปอง
ฝ่ายบุรุษที่ไม่มีเกศีผม น้อมประนมยินดีไม่มีสอง
อารมณ์ชื่นเหมือนได้ขึ้นวิมานทอง พยิ้มพย่องร้อนรนบ่นตะบอย
เกลอข้างหนึ่งพึงใจปราสัยกล่าว ถ้าผมยาวกูจะตัดเป็นผมสอย
ถ้าสาวเห็นให้มันเต้นเที่ยวตามรอย สะกิดแม่แลคอยไม่วางตา
ฝ่ายเกลอสองร้องว่าให้ฟ้าผี่ ถ้าผมมีเกลอรักอย่าพักว่า
น้ำมันหมึกจันทน์ปรุงจะหุงทา จะเที่ยวหาช่างผมให้สมใจ
ที่มือจัดแต่งตัดสันทัดผม ให้เรียบรอยสอยกลมเหมือนวงไข่
มีดตระไกรไล่เรียบเหมือนรอยไร ถ้าสาวใหญ่เมินเกี้ยวไม่เหลียวมัน
ทั้งสองเกลอพูดเผยอถ้าคืนบ้าน อีเกินการสาวแก่ลูกตาขวัญ
เถิงจะเกี้ยวเราอย่าเหลียวไปแลมัน ได้เห็นกันอุตริมันติเรา
สหายสองลองโอ่เหมือนตาเถน ท่าโพนเพนนึกลมสำเร็จเปล่า
ให้กริ่มอกยกตัวอยู่มัวเมา เอามือแทนแป้นเป้าเหมือนพรานปืน
อยู่สำราญนานเนิ่นจำเริญสุข ที่ความทุกข์นั้นอย่าหาจะฝ่าฝืน
เข้านวดบาทมิได้ขาดทุกวันคืน สำราญรื่นชื่นจิตด้วยสิทธา
เพลาบ่ายชายแสงตะวันคล้อย เที่ยวเสาะสอยเก็บผลพฤกษา
ปรนนิบัติมิได้ขาดสักทิวา ครั้นอยู่มาหลายวันนิรันดร
หวนรำลึกตรึกถึงคะนึงบ้าน เข้ากราบกรานลาองค์พระทรงศร
พระฤๅษีมีใจจำเริญพร ว่าดูก่อนหลานแก้วเหมือนแววตา
อันสระศรีมีอยู่ข้างทิศบูรพ์ ได้อรุณแล้วไปมุดเสียหลานหนา
แต่สามผุดอย่าได้มุดถึงสี่ครา เส้นเกศาก็จะมากขึ้นมูนมี
ศีรษะล้านฟังสารนักสิทธิ์สั่ง วันทนังรับคำพระฤๅษี
ได้โปรดเกล้าเจ้าประคุณพระมุนนี ในราตรีสองสหายมิได้นอน
พากันนั่งพลางระมัดอรุณรุ่ง กลัวจะพุ่งเลยเหลี่ยมเขาสิงขร
พอไก่แก้วขันแซ่วในราวคอน อรุณรุ่งพุ่งจรขึ้นดิบดี
สองหัวล้านพากันไปสู่สระ ลงชำระตามคำพระฤๅษี
พากันมุดผุดโผล่ขึ้นได้ที เส้นเกศีเริ่มดำจึงคลำดู
แล้วมุดน้ำดำได้ถึงทีสอง เส้นเกศายาวว่องขึ้นเพียงหู
จึงร้องอวดประกวดกันว่าเพื่อนกู มึงแลดูผมของกูขึ้นยาวราย
ไอ้เพื่อนกูว่ามึงดูของกูบ้าง หัวล้านยังฤๅมันไปข้างไหนหาย
ไอ้หัวล้านมันประจานให้เราอาย มันหนีไปอยู่กับตัวแต่หัวดี
สองสหายดีใจเหมือนได้เหาะ ออกปากเจาะชมฌาณพระฤๅษี
ใครจะเหมือนเจ้าพระคุณพระมุนนี ท่านเหลือดีโปรดคนให้พ้นอาย
แล้วดำมุดผุดขึ้นคำรบสาม ดูงอกงามผมยาวยิ่งใจหาย
ไม่สิ้นกรรมหัวจะล้านให้ลืมลาย จึงเคลิ้มไปนอกจิตพระสิทธา
จึงอวดกล่าวว่าผมเราดกฤๅไม่ ที่โลภมากลาภจะหายไม่นึกหา
พูดแต่อวดกวดกันอหังการ์ ข้างหนึ่งว่าเกลอสหายอย่างไรดี
ผมของเรายาวดกพอปกไหล่ ไม่หนำใจอยากได้ยาวยิ่งกว่านี้
เราดำมุดผุดขึ้นอีกสักที คำรบสี่เห็นจะยาวกว่าเก่าไป
เกลอข้างหนึ่งจึงว่าเออมึงว่าชอบ ให้รองนั่งต่างกระสอบกูอยากได้
ครั้นพร้อมกันด้นดำน้ำลงไป โผล่ขึ้นได้ล้านลิ่วทั้งคิ้วคาง
แล้วมุดซ้ำร่ำลงคำรบห้า ผุดขึ้นมาขนเลี่ยนเตียนเหมือนถาง
ร้องไห้หุยลุยน้ำขึ้นฝั่งพลาง พิไรครางร้องร่ำว่ากรรมเรา
สะอึกสะอื้นคืนมาหาพระฤๅษี ขึ้นกุฎีซบเศียรลงโศกเศร้า
พระสิทธาด่าซ้ำว่ากูสอนไม่เอา ไอ้หัวล้านยิ่งกว่าเก่าไอ้นอกครู
ท่านขับไล่ว่ามึงไปเสียจากนี่ พ้นกุฎีกูไปไม่ให้อยู่
มึงเกินครูดูเมินมึงเกินกู ไอ้หัวล้านนอกครูไปเสียไป
สองสหายได้ความระกำอก น้ำตาตกแทบจะด้นแผ่นดินหาย
หัวยิ่งล้านลื่นล้นไม่พ้นอาย เรื่องนิยายพี่จำได้ท่านเล่ามา
นางอรพิมว่าพี่ปราชญ์ฉลาดเล่า ช่างจำเอาเรื่องได้พิไรว่า
เรื่องนิยายนี่น่าจำเป็นตำรา ไปภายหน้าฉวยขย้อนได้สอนใจ
นิยายพร้องสองเรื่องนี้ขบขัน ช่างเหมือนกันนี่กระไรหนอไฉน
ช่างนอกครูให้เขารู้เป็นเรื่องไป ได้อับอายชายหมิ่นประมาทครู
พระโฉมงามจำได้ไม่ประมาท เรื่องนี้ราชรอบคอบช่างรอบรู้
หน่อกษัตริย์ตอบอรรถว่าโฉมตรู พี่เรียนรู้ไว้มามากจึงหาเมีย
ข้างอรพิมว่าพี่มหาพหูสูต ฉลาดพูดประดิษฐ์ว่าประดาเสีย
พหูเต่าให้เขาชิงเอามิ่งเมีย แล้วเย้ยเยียเยาะกันสำราญรมย์
นางโฉมงามถามเดิมคนหัวล้าน เป็นไรนั่นจึงไม่มีเกศีผม
แต่ก่อนกรรมทำไฉนได้อบรม พระทรามชมเชิญเล่าให้เข้าใจ
พระโฉมปรางค์ตอบนางปราสัยสาร เรื่องหัวล้านพี่จะแจ้งแสดงไข
แต่ครั้งหลังเล่ามาแต่ย่ายาย ว่ายังมีกระทาชายคนเฉโก
ไม่ทำมาหากินไม่ถางไร่ ชนแต่ไก่สร้างแต่กรรมคนโยโส
ไม่นิจจังสังขาราว่าพุทโธ ทำพาโลความชั่วใส่ตัวเอง
ให้ไก่ชนจิกขนกันหลุดลุ่ย ขาดกระจุยถอนขนทำข่มเหง
พนันไก่ดีใจกันครื้นเครง ไม่กลัวเกรงบาปกรรมทำพาโล
ครั้นสิ้นชนม์ด้วยว่าตนทำลามก ตกสังฆาตพนรกอยู่ผลุบโผล่
ได้พันปีในบาลีของพุทโธ เพราะพาโลชนไก่ให้จิกกัน
ครั้นสิ้นกรรมในนรกหกมาเกิด เอากำเนิดเกิดเป็นเปรตโตมหันต์
ตัวเป็นคนหัวเป็นไก่ไล่ตีกัน เป็นนิรันดร์อยู่ใต้รากเขาพระเมรุ
สิ้นชาติเปรตเศษบาปยังรุกร้น เกิดเป็นคนอัพลาทันตาเห็น
รูปก็ชั่วหัวก็ล้านด้วยกรรมเวร มันนอกเกณฑ์ทำเกินจึงเกิดกรรม
แม่ดวงใจจำไว้ได้สอนตัว สิ่งที่ชั่วอย่าได้ทำแม่งามขำ
พระสรรเพชญเทศน์ห้ามแล้วควรจำ แต่ข้อขำจำไว้อย่าคลายคืน
แม่งามพริ้งนิ่งนั่งฟังนิยาย ช่างเพราะเจาะนี่กระไรพระงามชื่น
เพราะชนไก่ใจชายไม่ยั่งยืน ให้หัวลื่นล้านโล้นคนนินทา
ครั้นสุริยงลงลับเหลี่ยมสิงขร พระพานุชหยุดนอนไทรพฤกษา
แอร่มแจ้งแสงจันทร์บนเมฆา พระพายพาหอมกลิ่นกระถินดง
รวยรวยชวยกลิ่นบุปผาชาติ ให้หวั่นหวาดวาบใจนางนวลระหง
เสียงจักจั่นร้องแซ่วในแนวพง นางเสียวองค์ให้สงสารเถิงมารดา
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่เมื่อยามยาก ไม่พลัดพรากแม่ลูกเสน่หา
ประสาจนสองคนกันสองรา อยู่บ้านไร่ไพรป่าพนาดร
ถึงแสนยากแม่มิให้ลูกได้ยาก โอ้วิบากเวรหลังมาสังหรณ์
นางคิดถึงมารดาให้อาวรณ์ สะท้อนถอนหฤๅทัยพิไรครวญ
พระโฉมปรางค์ปลอบนางว่านิ่มนาฏ อย่าหวั่นหวาดฟังพี่ห้ามงามสงวน
เมื่อแรกมาพี่ก็ว่าแต่คำนวร ได้ชักชวนพร้อมใจจึงพามา
ฤๅเห็นพี่ชวนพาให้มายาก เป็นวิบากแล้วแม่ยอดเสน่หา
ไม่เต็มใจฤๅจะไปคืนพารา พี่จะพานวลระหงไปส่งคืน
๏ โอ้พระชื่นอย่ามาขืนวาสนา ผู้ใดใครยายตาไม่ข่มขืน
ว่าคู่สร้างกันแต่หลังมายืดยืน อตส่าห์ขืนสืบสบมาพบกัน
ไม่ถามไถ่นี่อย่างไรจะไปส่ง พาโลหลงพร่ำว่าไม่น่าขัน
ฉันร้องไห้ด้วยว่าใจนั้นผูกพัน คิดสงสารเถิงมารดาดอกสามี
ฤๅเยื่องอย่างวางบทกำหนดไว้ ห้ามมิให้ร้องไห้พระโฉมศรี
ทุกมนุษย์กุลบุตรกับชนนี ต้องพิรี้คิดถึงคะนึงกัน
๏ โอ้เจ้าดวงพวงมณฑาผกาเกศ แม่เนื้อเทศแหลมลมดูคมสัน
พี่แหนงว่าเจ้านึกคะนึงครัน เคยสำราญคิดหลังที่ปรางค์เคย
๏ โอ้พระพี่ช่างพิรี้พิไรเปรียบ ดูราบเรียบนี่กะไรพี่ไพรเอ๋ย
ช่างแหลมลมเข้ามาตำเหมือนหนามเตย เห็นฉันยับแล้วก็เย้ยระยำเยิน
ยังแหนงจิตว่าฉันคิดจะคืนหลัง จะคืนปรางค์นั้นอย่าหมายน่าอายเขิน
ไม่เต็มใจพระไม่ให้ไปตามเดิน ตกสะเทินพระจะทิ้งก็ตามที
เป็นชะตาวาสนาตัวน้อยนัก มาหลงรักมาบำรุงท่านสูงศรี
ไม่เจียมใจตัวเป็นไพร่กระฎุมพี คบผู้ดีท่านก็หยามให้เจ็บอาย
แต่แรกจรใครไปวอนให้คืนกลับ กลับมารับกลับมาว่าให้หน้าขาย
ก็ทดลองไม่มลทินสิ้นระคาย พระเต็มใจจึงได้รับเอาน้องมา
๏ นิจจาโอ้พุทโธ่อกพี่ตกเข็ญ แต่หยอกเล่นก็มาเคืองเอานักหนา
แม่รูปรวยจะทำกรวยขอษมา ที่ว่าเจ้าพี่ถลำได้ก้ำเกิน
๏ โอ้เสนาะคำพระเพราะวิเวกวัง ตบหัวแล้วยังลูบหลังสรรเสริญ
เห็นโง่เง่าถือว่าเต่าไม่ไวเดิน สักร้อยเกินก็ทำเนาเป็นเจ้านาย
ษมาโทษใครเล่าโกรธจะมาขอ ช่างยกยอเยาะเย้าแย้มขยาย
เห็นไรฟันอยู่เป็นทางพี่ช่างกราย เป็นเจ้านายตามแต่ว่าเล่นท่าเดียว
๏ โอ้เจ้าพักตร์ราวกะผัดกำดัดปลื้ม ไม่หลงลืมพี่ขอโทษยิ่งโกรธเกรี้ยว
จะลุกลามขึ้นเป็นไฟฤๅไรเจียว ฤๅคิดอยู่อย่างข้าวเหนียวอยู่รุงรัง
พี่รักดอกสัพยอกให้ปลื้มจิต ทำความชอบกลับมาผิดน่าทุกขัง
ว่าเป็นบุญกลับเป็นบาปหาบรุงรัง แทบอกพังเจียวหนอเจ้าลำเพาพาน
๏ ฟังเสนาะเพราะคำพระล้ำลึก เหมือนรดน้ำอมฤตอันเย็นหวาน
เทียบกระทบแทบสลบลงแดดาล พระปรีชาญปัญญาปราชญ์ฉลาดลม
เหมือนบูราณว่าเป็นอย่างถ้ารู้เท่า ให้แบ่งเอาแต่เพียงครึ่งแต่ควรสม
รู้ไม่ถึงเอาให้หมดกดให้จม เห็นโง่งมว่าน้องรู้ไม่เท่าทัน
ครั้นเถิงใจพระก็ไพล่ว่าหยอกเย้า ไม่รู้เท่าพระก็ถีบหัวให้หัน
เห็นมีแผลพระยิ่งแหย่ให้เจ็บคัน เห็นไรฟันอยู่อย่างนี้พระพี่ชาย
๏ โอ้เจ้าดอกมลุลีมณีโชติ บอกว่าหยอกดอกก็โกรธไม่รู้หาย
กระนั้นก็ฆ่าเสียเถิดนางให้วางวาย จะสู้ตายด้วยว่าผิดมาติดตัว
๏ โอ้พระพี่มาพิรี้ว่าตัวผิด ใครนั้นคิดไปหาความว่าทำชั่ว
ฉันรู้ดอกว่าละเมียดเกลียดว่ากลัว ฉันเหมือนวัวสันหลังขาดต้องขลาดกา
๏ นิจจาหนออรพิมนิ่มขนิษฐ์ พี่ก็รับอยู่ว่าผิดขอโทษา
เป็นเคราะห์ร้ายโหรเขาทายแต่แรกมา ดวงชะตาตกลงต่ำเสียจริงจัง
พูดดีดีก็อาภัพกลับเป็นชั่ว เป็นวาสนาชะตาตัวแต่หนหลัง
รักจึงหยอกบอกก็เหลือไม่เชื่อฟัง อกใครบ้างยังจะมีเช่นนี้นา
ปลาตกคลักจับใส่ครุไปปล่อยโปรด กลับเป็นโทษบาปมาตามกรรมมาหา
น่ากลั้นใจเสียให้วายชีวาลา ให้ลือชาเห็นประจักษ์ว่ารักเมีย
๏ โอ้ขวัญหายพระจะตายเสียจริงแท้ สงสารแต่อรพิมจะเศร้าเสีย
ผีมันหลอกขวัญจะหายใครจะเยีย คราวนี้เมียจะเดินไพรไปคนเดียว
ผีมันหลอกน้องจะบอกว่าผีเหย อย่าหลอกเลยผีจะหัวไม่กลัวเสียว
จะตายจริงฤๅจะทิ้งน้องเดินเดียว ใครจะเยียวฉันไม่เห็นเว้นแต่คน
๏ โอ้นิจจังช่างกระไรแม่ฉิมน้อย พิไรเปรียบเทียบถ้อยพี่แทบฉงน
ยิ่งตอบตามก็ยิ่งลามเหมือนไฟลน ไม่เมื่อยปากอยากจะบ่นก็บ่นไป
๏ ไยมิบ่นเถิงบทจนมาจวนตัว เป็นน่าหัวยังมาซ้ำทำไถล
ว่าใส่หูใครจะรู้เท่าพี่ไพร มันเถิงใจเขาเหมือนกันเขาทันตัว
๏ เอาเถิดสิพี่จะนอนไม่ย้อนตอบ ฟังก็ชอบคิดขึ้นมาก็น่าหัว
พี่จะนิ่งแล้วแม่หม่อมพี่ยอมกลัว พระแกล้งยั่วสัพยอกให้ยวนใจ
พูดกับนางก็จนย่างเข้ายามดึก พระพายฉิวลิ่วระริกแทบขวัญหาย๑๑
พระกรกอดเข้าประทับไว้กับกาย สายสุดใจแม่อย่าหมางระคางเคือง
ประทมเถิดบุญเรือนแม่เพื่อนยาก แสนลำบากนี่กระไรเจ้าเนื้อเหลือง
กุศลพามาตรว่าไปเถิงเมือง ไม่ขัดเคืองดอกฟูกหมอนที่นอนมี
พระยี่ภู่ปูสำอางปรางค์ปราสาท ยามไสยาสน์ก็จะสุขเกษมศรี
สะพรั่งพร้อมด้วยกำนัลนางขันที มาพัดวีให้แม่นอนสะออนใจ
น้ำค้างปรายใบพฤกษ์ดึกสงัด สองกษัตริย์ไสยาสน์ก็หลับไหล
จนสว่างสางแสงอโณทัย พระภูวนัยตื่นกายรู้สึกพลัน
๏ จะกล่าวกลับจับนิทานเถิงพรานนกเอี้ยง มีชื่อเสียงในบาลีใจมหันต์
อยู่ในเมืองพาราณสีมีสำคัญ ไม่เว้นวันยิงเนื้อเที่ยวเบื่อปลา
ครั้นสว่างสางเสิงเพลาเช้า เพื่อนรบเร้าบอกเมียให้จัดหา
ได้ข้าวผอกคอนกระบอกแล้วไคลคลา ทั้งปืนยาลูกหน้าไม้ของนายพราน
ออกจากบ้านพรานเดินด้วยใจด่วน จิตรำจวนคิดพลางจะล้างผลาญ
เที่ยวซอนซอกป่าพงดงกันดาร จะพบพานกวางทรายก็ไม่มี
ตะวันบ่ายใกล้ค่ำเพื่อนคืนกลับ วันนี้ยับมันคงด่าจนบัดสี
แม่ไอ้เปลาใจราวกะยักขินี เพื่อนกลัวเมียร่ำพิรี้มาตามทาง
พอมาพบสองกษัตริย์ใต้ต้นไทร เพื่อนแลไปเห็นคิดนึกอางขนาง
หญิงคนนี้รูปดีงามสำอาง แล้วเดินพลางแลเล็งเพ่งลูกตา
ครั้นเข้าใกล้แลไปก็รู้จัก ว่านงลักษณ์หม่อมแม่แน่นักหนา
นางอรพิมที่ภิเษกเอกพารา ไฉนมาอยู่สองคนที่ต้นไทร
ฤๅหนึ่งพฤกษ์เทวดามาอาเพท สำแดงเดชมาให้เห็นเป็นไฉน
พรานสนเท่ห์เดินเฉยแล้วเลยไป สงสัยใจนึกแหนงแคลงวิญญาณ์
มาถึงบ้านนายพรานไม่เล่าใคร ด้วยกลัวภัยความผิดติดโทษา
นางเป็นหม่อมจอมชาวจ้าวประชา ไม่พูดจากลัวภัยจะพัวพัน
๏ จะคืนกลับจับเรื่องท้าวพรหมทัต ที่พระปาจิตฆ่าพิฆาตให้อาสัญ
ครั้นสว่างกระจ่างแจ้งแสงหิรัญ ฝูงกำนัลเคยมาพยาบาล
เห็นพรหมทัตหวาดจิตโลหิตราด พระศอขาดสิ้นชีพปลงสังขาร
ตกประหม่าพากันวิ่งอลหม่าน ดูแซ่ซ่านเสียงแซ่วทั้งวังใน
พระญาติวงศ์ตรงวิ่งเข้ากอดท้าว พระปิ่นเกล้าควรแลฤๅมาตักษัย
บ้างก็ว่าเร็วอย่าช้าให้วิ่งไป บอกพระนายข้าเฝ้าให้เข้ามา
ตำรวจซ้ายในนอกออกวิ่งวุ่น ชุลมุนโลดแล่นล้มถลา
มาถึงบ้านบอกอาการท้าวพระยา ใครมาฆ่าให้พระเจ้าเราบรรลัย
พระสงครามตอบถามว่านายท่าน แน่อย่างนั้นฤๅอย่างไรฤๅไฉน
ตำรวจนอกบอกว่าคุณอย่าเหลือใจ แน่ไม่แน่ก็ท่านตายวายชีวา
พระสงครามฟังความว่าแน่จริง ก็ลุกวิ่งถกเขมรถึงต้นขา
เรียกไพร่พร้อมจอมเจ้าเหล่าพระยา จึงปรึกษาว่าจะคิดอย่างไรดี
พระยาใหญ่ว่าให้รายคนสกัด รอบจังหวัดอ้อมกำแพงอย่าให้หนี
อ้อมทั้งปรางค์ให้ระวังให้ดิบดี ถ้าแม้นหนีด้านใครจะวายปราณ
พระยาใหญ่จึงเข้าไปข้างในวัง ท่านจึงสั่งให้เข้าค้นในพระฐาน
เที่ยวค้นคว้าหาจนจบไม่พบพาน ออกแซ่ซ่านไซร้ซอกทั้งนอกใน
แต่ชั้นรอยก็ไม่พบในบริเวณ หาไม่เห็นสิ้นวิมุตที่สงสัย
คุณพระยาจึงบัญชาในทันใด ชาวกรุงไกรฤๅว่าใครจะพบพาน
จงเอาฆ้องไปเที่ยวร้องแล้วตีป่าว สบผู้ใดใครเล่าจะบอกขาน
จะพบเห็นบ้างฤๅไม่ได้แจ้งการ อย่านิ่งนานเร็วอย่าช้าอย่าทำคลาย
จมื่นอินพระนรินทร์กรมตำรวจ นายยิ่งยวดเดินเร็วเหมือนควายหาย
เรียกพันตรีสูมานี่ทั้งสองนาย ยื่นฆ้องให้จงไปป่าวชาวบูรี
ขุนพันตรีพันหัตถีนายทั้งสอง รับเอาฆ้องแล้วประนมก้มเกศี
เที่ยวร้องป่าวทั่วพาราทั้งธานี พันหัตถีตีฆ้องแล้วร้องไป
หญิงผู้ใดชายก็ดียังมีบ้าง ยังพบบ้างรู้เห็นเป็นไฉน
แม่อรพิมมิ่งเมืองนั้นหายไป ถ้าผู้ใดพบบ้างอย่าพรางคำ
ถ้าพบพานจะประทานทั้งเสื้อผ้า อีกเงินตราแหวนทองของสยำ
ดีฆ้องป้องร้องไปใครอย่าอำ เที่ยวยังค่ำพอได้กึ่งครึ่งพารา
พอมาถึงซึ่งบ้านพรานนกเอี้ยง ได้ยินเสียงลงเรือนออกมาหา
จึงบอกท่านดิฉันพบแม่พิมพา ที่กลางป่าแม่ประทมอยู่ร่มไทร
เห็นทั้งนางทั้งผู้ชายก็นั่งอยู่ จะเป็นพี่ฤๅเป็นชู้หารู้ไม่
ฉันเพ่งแลแน่นักประจักษ์ใจ แน่แล้วนายจริงจังอย่าคลังแคลง
ฝ่ายสองนายที่เอาฆ้องไปร้องป่าว ได้ฟังพรานขานกล่าวเล่าแถลง
เห็นสมควรจริงใจไม่ระแวง นายพรานแจ้งข้อประเด็นเห็นสำคัญ
จึงว่าท่านคงเป็นการพรานนกเอี้ยง อย่าหลีกเลี่ยงพูดจาให้คมสัน
จะพาไปให้ท่านได้ซึ่งรางวัล ไปหาท่านคุณพระยาศาลาใน
แล้วนำหน้าพาพรานครั้นมาถึง ไม่อ้ำอึ้งกรประนมบังคมไข
ขอเดชะฝ่าละอองเจ้าคุ้มภัย นายพรานไพรคนนี้ว่าพบนาง
ท่านพระยาถามว่าพรานไปปะ ที่ไหนนะเล่าให้ใสสว่าง
พรานนกเอี้ยงบอกความไม่อำพราง ฉันเดินทางเดินคนเดียวไปเที่ยวไพร
เที่ยวดำกวางยังค่ำไม่พบปะ เหื่อไหลชะแดดร้อนตะวันบ่าย
จะกลับบ้านด้อมย่องหมองระคาย จึงแลไปเห็นต้นพระโครธา
ทั้งโตใหญ่ใบคลุมซุ้มสะอื้น ร่มระรื่นกิ่งก้านอันสาขา
จะหยุดพักเดินโด่งตรงเข้ามา เพ่งยนา๑๒ด้วยตากแดดลูกตาลาย
แลเห็นคนปนกันชายกับหญิง ให้นึกกริ่งใจสนเท่ห์คะเนหมาย
แต่ก่อนเถินเคยเดินไปใกล้กราย ไม่เห็นใครที่จะมีสักทีเดียว
ฤๅหนึ่งพฤกษ์เทวาศักดาเดช จำแลงเพศอยู่ที่ใต้พระไทรเขียว
เข้าไปใกล้แลไปว่าแน่เจียว แม่ทรามเปรียวอรพินปิ่นพารา
ยืนพินิจพิศแลแน่ตระหนัก ก็รู้จักจริงจังไม่กังขา
ไม่ถามไถ่เลยไปแล้วเดินมา เถิงเคหามิได้เล่าผู้ใดใคร
คุณพระยาพวกเสนาสิ้นทั้งนั้น ได้ฟังพรานเล่าแจ้งแสดงไข
ว่าพบนางแน่นักประจักษ์ใจ จึงปรึกษาปราสัยกันไปมา
ลางพระยาปรึกษาให้ตามจับ ทำให้ยับจับฆ่าให้สังขาร์
ลางคนว่าจ้าวก็ตายวายชีวา ผิดตำราจะเอาตัวด้วยผัวตาย
คนหนึ่งว่าในตำรากฎหมายบอก ก็ย้อนยอกมีบทกำหนดหมาย
เมียทำชู้ผัวอยู่ยังไม่ตาย จับชู้ได้ปรับไหมตามศักดินา
ถ้าเมียอยู่ชู้ยังถ้าผัวตาย จับชู้ได้สืบสมว่าชู้ฆ่า
ให้พี่น้องฟ้องเรียกโจทนา ถ้าเป็นสัตย์ก็ให้ฆ่าไปตามกัน
ถ้าผัวตายชายชู้จับไม่ได้ หญิงก็ไปเสียกับชู้ผัวอาสัญ
จะฟ้องใครโจทก์ใส่เป็นสำคัญ ก็เหมือนกันหนึ่งกับจ้าวของเราตาย
นางก็ไปจับไม่ได้ทั้งชายชู้ ก็สุดรู้ที่จะคิดผิดกฎหมาย
ถ้าตามจับเห็นจะกลับได้ความตาย ท่านเป็นนายกลับเป็นจ้าวเราทุกคน
เหมือนหนึ่งตำนานท่านเล่าแต่เก่าว่า ซึ่งพารารบพุ่งกันสับสน
ถ้าจับฆ่าจ้าวพาราได้บัดดล สิ้นทุกคนก็เป็นสิทธิ์ทั้งบ้านเมือง
ต้องไปขึ้นยื่นของบรรณาการ ตามบูราณที่ทางเป็นอย่างเยื่อง
นี่ท่านฆ่าจ้าวตายก็ได้เมือง จะคายเคืองตามติดผิดตำรา
อนึ่งเล่าท้าวก็มีศักดาเดช เหมือนเทเวศร์เหาะได้ในเวหา
แต่รอยตีนก็ไม่เห็นอย่าเจรจา อันฤทธามีจริงอย่ากริ่งใจ
ถึงตามไปก็ไม่ได้อย่าควรกล่าว เช่นอย่างเรานี้จะสู้ได้ที่ไหน
จะพาพวกพลขันธ์ไปบรรลัย ท่านทั้งปวงเห็นอย่างไรก็ว่ามา
คุณพระยาท่านจึงว่าข้าเห็นจริง เถอะเถอะนิ่งอย่าได้พูดจะปรึกษา
ทำโกศใส่ศพเจ้านายที่มรณา จะดีกว่าป่วยการคิดไปติดตาม
พวกเสนาข้าเฝ้าสิ้นทั้งนั้น ได้ยินท่านคุณพระยาบัญชาห้าม
เป็นจนใจด้วยเห็นจริงก็นิ่งความ ท่านว่างามมิให้ยากลำบากใคร
ท่านพระยาจึงให้หาพรานนกเอี้ยง ทั้งชื่อเสียงตั้งให้ดังใจหมาย
ชื่อหมื่นจบจักรวาลตระเวนไพร เป็นนายใหญ่แห่งนายพรานนั้นทั้งปวง
อีกเงินตราผ้าเสื้อเหลือขนาด ด้วยแจ้งราชการใหญ่ที่ในหลวง
มีสีสันพรานไพรเป็นใหญ่ยวง คนทั้งปวงเกรงขามไม่หยามใจ
๏ คุณพระยามีบัญชากระแสสั่ง ขุนพระคลังหาตัวมาไม่ช้าได้
จึงสั่งบอกให้ไปเบิกทองอุไร ท่าโกศใส่ศพจ้าวเถิงมรณัง
จางวางคลังฟังสั่งไม่นิ่งช้า มาเบิกทองตามบัญชาเอาครึ่งถัง
ขุนพระคลังสั่งให้ช่างสุวรรณวะรัง ตำรวจนั่งอยู่กำกับสำหรับดู
พวกช่างทองหลอมทองแผ่เป็นแผ่น แผ่แล้วจอดเป่าแล่นประสานถู
ช่างประดิษฐ์ติดเป็นโกศทองคำพู สลักแล้วพิศดูวิไลพราย
ทำสำเร็จฝาเสร็จก็พร้อมครบ ให้ยกโกศมาที่ศพพระโฉมฉาย
ท้าวพระยาทุกระทรวงข้าหลวงนาย ต่างเศร้าใจด้วยเอ็นดูพระภูธร
ทุกตัวนายว่าเสียดายร่มโพธิ์แก้ว จะลับแล้วทิ้งลูกไว้สลอน
เราจะพึ่งบุญใครไพร่นิกร จะรุมร้อนหมองหม่นทุกคนตัว
ฝูงสนมว่าพระร่มมหาโพธิ จะเข้าโกศลับไปแล้วพ่อทูนหัว
พระแท่นนั่งปรางค์ทองจะหมองมัว ฝูงดอกบัวนางสนมจะตรมกาย
พระวงศาซ้ายขวาก็มาพร้อม มานั่งอ้อมรอบศพพระฦๅสาย
บ้างยกกรข้อนอุราว่าเสียดาย จะร้องไห้แต่งว่าจะช้าทาง
ด้วยเรื่องราวนั้นยังยาวจึงสมทบ จะเผาศพนั้นจึงร้องต้องด้วยอย่าง
จะแต่งร้องก็จะพ้องนิทานปาง จึงหยุดยั้งยกนิยมพอสมควร
ครั้นมาครบยกพระศพขึ้นใส่โกศ ษมาโทษเทียนทองของสงวน
ตามจารีตชื่นชมนิยมยวน แล้วเชิญศพ๑๓เข้าไปไว้ในปรางค์วัง
๏ ขอหยุดเรื่องพรหมทัตกษัตรา มากลับว่าเรื่องต้นที่หนหลัง
จะกล่าวเถิงพระปาจิตอิศรัง เมื่ออินทราพาไปยั้งไว้ไทรพราย
พระพานางค้างนอนอยู่คืนหนึ่ง ครั้นรุ่งเช้าเดินตะบึงจนเที่ยงสาย
สองกษัตริย์อดข้าวทั้งเพรางาย ได้ลูกไม้กินต่างประทังแรง
นางทรามเชยเจ้าไม่เคยได้ความยาก มาลำบากเดินล้าให้ขาแข็ง
บาทระบมกรมระกำเป็นเลือดแดง พระศอแห้งแดดร้อนอ่อนระอา
ไหนจะพรั่นเขามาทันจะจับมัด ให้เคืองขัดขุกคิดคับนาสา
พระเท้าน้องพองทั่วพระบาทา นางฉีกผ้ามาพันพระเท้านาง
เจ็บระบมกรมพองเป็นหนองเน่า จะยกย่างเหยียบเท้าก็ขัดขวาง
ด้วยพระนางเคยสะเอนเอี่ยมสำอาง แทบจะวางวายชนม์ด้วยทนตรอม
แดดก็ร้อนอ่อนใจระหายน้ำ เดินยังค่ำโหยหิวจนผิวผอม
ฝุ่นละอองต้องตัวให้มัวมอม นางตรมตรอมกลั้นน้ำตาอตส่าห์เดิน
แต่ก่อนนางเคยสำอางในปราสาท ยามลินลาศหามแห่เหมือนเหาะเหิน
พระท้าวนางมิได้ย่างลงดินเดิน เคยจำเริญความสบายแต่ในวัง
ยามบรรทมสาวสนมมาวีพัด เป็นขนัดไหว้วันทาทั้งหน้าหลัง
ยามเสด็จมาตำหนักพระฉากบัง พระกลดกั้งมิให้หมองละอองนวล
เมื่อยามสรงชลธีวารีทด แล้วราดรดน้ำกุหลาบให้หอมหวน
บ้างเป่าสังข์ส่งเสียงสำเนียงครวญ ให้ยียวนสิ่งจะยากบ่ห่อนมี
มาลำบากสู้ยากเพราะรักผัว จนกายตัวเศร้าสรดสลดศรี
พระบาทนางอ่อนบางเหมือนสำลี มาคลุกคลีแดดลมระบมพอง
แต่ฉีกผ้าพันตีนจนสิ้นผืน นางกล้ำกลืนกลั้นโศกไม่เศร้าหมอง
จะย่างเท้าเหยียบดินก็ตีนพอง แม่ก้อนทองเหลือจะทนด้วยจนใจ
จะจดจ้องย่องเหยียบขยาดเท้า จนเล็บเน่าเลือดเรื้องน้ำเหลืองไหล
เหลือกำลังนางก็นั่งลงคลานไป ด้วยกลัวภัยเขาจะทันเข้ากลางทาง
พระบังอรเห็นสมรลงนั่งคลาน แสนสงสารนิ่มน้องให้หมองหมาง
เข้าโอบอุ้มยกพยุงจะกุงนาง แม่โฉมปรางค์ห้ามว่าอย่าพระสามี
จะเป็นกรรมตามประกอบไปกับกาย เมื่อน้องตายสิ้นชีพไปเมืองผี
ด้วยลามกจะไปตกอเวจี เพราะขึ้นขี่หลังผัวไม่กลัวกรรม
อันหญิงชั่วผัวรักไม่รอบรู้ ทำวามวู่วอกแวกไม่เกรงขาม
โอหังการ์หน้าชื่นทะลื่นลาม ทำข่มขี่ขาข้ามพระสามี
อันหญิงบาปหยาบช้าไม่ดูเยื่อง ใครค้าคบก็จะเคืองเสียราศี
อันตัวฉันถึงจะตายวายชีวี หลังสามีจะขึ้นนั่งไม่บังควร
โอ้เจ้าดวงพวงมาลัยสายสวาท เลิศฉลาดเลิศล้ำงามสงวน
ช่างรอบคอบรู้ข้อห้ามไม่ลามลวน แม่หน้านวลล้ำหญิงในโลกา
ครั้นภายหลังทางถนนที่นางคลาน คนตั้งบ้านมากมายใหญ่นักหนา
ให้ชื่อบ้านว่าถนนนางคลานมา ทุกคนว่าบ้านตั้งที่นางคลาน
คนทุกวันเรียกบ้านหาถูกไม่ เรียกผิดไปเปลี่ยนคำนามขนาน
ถนนนางคลานก็มาพลั้งเป็นวังคลาน ผิดบูราณผิดนามขนานมา
พระปาจิตอิศโรปิโยรส ทรงกำสรดด้วยสงสารขนิษฐา
เข้าพยุงว่าจะกุงนางกัลยา นางสุดามิให้กุงนางกลัวกรรม
พระปาจิตสุดคิดน้ำตาไหล ร่ำพิไรปลอบนางว่างามขำ
อย่าท้อแท้อตส่าห์จรเถิดก่อนค่ำ เถิงหนองน้ำพี่จะพาแม่พักแรง
พระพานางย่างเดินมากลางแดด กำลังแผดร้อนรุ่มพระสุริย์แสง
พระบาทาเจ็บระกำเหมือนหนามแทง นางสุดแรงที่จะทานก็คลานไป
แสนสงสารอรพิมนิ่มขนิษฐ์ แม่ดวงจิตเจ็บบาทาน้ำตาไหล
นางหน้านวลครวญคร่ำร่ำพิไร พี่สายใจโอ้พี่ไพรของน้องอา
น้องสุดแรงที่จะแข็งอารมณ์ไว้ ให้อ่อนใจสุดที่เหนื่อยทั้งเมื่อยขา
จงพาน้องหยุดสำนักพระโครธา พระสุริยาจวนจะย่ำลงค่ำเย็น
พระโฉมปรางค์พานางเข้าอาศัย ใต้ร่มไทรดอนพลับทับตาเถน
ประจวบจวนสุริย์ลับเหลี่ยมพระเมรุ จอมนเรนทร์หยุดบรรทมใต้ร่มไทร
กระยาหารมิได้ผ่านพระชิวหา เสวยแต่ผลผลาพันธุ์ลูกไม้
ลมพระพายชายพัดพฤกษาไกว ด้วยอ่อนใจหลับไปทั้งสองรา
๏ ในบาลีว่ายังมีนายพรานไพร จิตทมิฬใจใหญ่เหมือนยักษา
เป็นพ่อหม้ายเมียตายมรณา ออกอยู่ป่าดอนดงเป็นโรงเรือน
เที่ยวยิงเนื้อกินกวางต่างอาหาร เป็นเปรตพรานเอกีไม่มีเพื่อน
แปดค่ำสิบห้าค่ำไม่ย้ำเยือน ในใจเตือนคิดแต่ตั้งจะสร้างกรรม
เที่ยวขัดห้างยิงกวางกินลูกไม้ วันนั้นไปก็พอสบจะพลบค่ำ
เพื่อนแลไปเห็นต้นไทรใหญ่กำยำ ลูกดกแดงนกคล่ำมากินเกรียว
พรานดีใจตัดไม้จะขัดห้าง ฝูงหมู่กวางคงมากินลูกไทรเขียว
สะกดรอยเที่ยวจนทั่วเห็นตัวเดียว เพื่อนจึงเหลียวขึ้นไปบนต้นพระไทร
แล้วแลเล็งเพ่งมาดูที่ใต้ต้น แลเห็นคนนอนเคียงกันหลับไหล
เพื่อนนั่งลงคลานด้อมมองย่องเข้าไป เห็นสองไท้รูปงามอร่ามตา
ผู้ชายนี้จะเป็นพี่ฤๅเป็นผัว ช่างสมตัวดูเหมือนกันนั้นนักหนา
สะอาดเอี่ยมเทียบเทียมเหมือนเทวดา ดูวงหน้าราวกะจันทร์เมื่อวันเพ็ง
กูไร้คู่อยู่เดียวเป็นพ่อหม้าย ช่างสมใจเป็นจำเพาะให้เหมาะเหม็ง
เป็นบุญพาชักมาหาให้กูเอง ไอ้พรานเพ็งชอบชื่นระรื่นใจ
ยิงพี่ชายมันให้วายชีวิตเสีย จึงเอาน้องมันเป็นเมียพิสมัย
เพื่อนคิดพลางโก่งง้างหน้าไม้ไกล แล้วยิงไปลูกลำเลียบไปต้ององค์
พระปาจิตหวีดร้องให้น้องช่วย ชีวิตพี่นี้จะม้วยลงผุยผง
พี่ร้อนรุ่มกลุ้มเศียรให้เวียนวง พระโฉมยงมิได้รู้ว่าพรานยิง
ด้วยพิษยาแล่นกลุ้มเข้าสุมใจ คองุ้มในคลุกคลีเหมือนผีสิง
นางโฉมยงตกใจพระกายติง ผวาจิตลุกวิ่งเข้าหิมวา
แม่ร้อยชั่งคลั่งเดินพระกายสั่น กำลังฝันไปว่าไฟไหม้เคหา
นางกลัวไฟกลัวจะไหม้วายชีวา ในฝันว่านั้นว่าไฟจะไหม้นาง
จึงลุกวิ่งคิดว่าจริงไม่ว่าฝัน อัศจรรย์เทพเจ้าแจ้งกระจ่าง
เป็นเวรันทันดอกจึงบอกลาง ท่านผู้ฟังจงกระจ่างประจักษ์ใจ
ครั้นงามชื่นฟื้นสติขนิษฐา จะเข้ามาที่ประทมแม่พักไข้
ก็พลบเย็นแลไม่เห็นต้นพระไทร แต่ป่าไม้มืดเลือนไม่เหมือนกัน
ด้วยเทียนไต้ไฟกองก็ไม่มี ครั้นจนใจไม่รู้ที่จะผ่อนผัน
ด้วยพรานยิงมิใช่ยังเป็นกลางวัน แม่แจ่มจันทร์จนใจแทบวายชนม์
จึงนั่งมองตรองปัญญาว่าจะเรียก แล้วสำเหนียกในสังเกตจะเหตุผล
ชะรอยเหตุจะอาเพทเกิดพิกล เดิมก็นอนอยู่ใต้ต้นร่มพระไทร
เป็นสองคนเพื่อนร้อนนอนกับผัว ไม่รู้ตัวเลยสักนิดเออไฉน
กลับมาอยู่แต่คนเดียวประหลาดใจ นางนึกในกินแหนงแคลงวิญญาณ์
ชะรอยกรรมจะมาทำมีสักอย่าง จึงเหห่างมาแต่ร่มพระสาขา
นางตรึกมองตรองใจอยู่ไปมา แล้วนางว่าอย่ากระนั้นเลยอกกู
จึงนิ่งนั่งฟังเหตุสังเกตใจ จะเกิดภัยน้อยใหญ่จะได้รู้
ครั้นจะอึงภัยจะถึงเอาตัวกู นางเงี่ยหูคอยฟังยั้งวิญญาณ์
๏ จะกลับหลังตั้งกลอนย้อนขึ้นกล่าว เถิงท่านท้าวปาจิตผู้นาถา
ตั้งแต่คลุ้มรุมร้อนทรวงอุรา ด้วยพิษยาสุมใจแทบวายชนม์
ยามันชักหักหลังล้มผวา มันชักขาตัวกลับอยู่สับสน
พระเสโทไหลชะโลมออกโทรมตน ภูวดลดิ้นตะเกียกตะเกือกตะกาย
เจ็บสลักปักสันหลังลูกลำเลียบ มันชักเงียบแหงนเงยจนเหงือกหงาย
ให้จุกคอร้องออเหมือนเสียงควาย นางได้ยินร้องว้ายก็วิ่งมา
สติดิ้นขวัญหายพระกายสั่น ปานเขาฟันเอาชีวิตให้สังขาร์
มาถึงองค์ตรงกอดเอาบาทา พระผ่านฟ้าทูนเกล้าจงเล่าเมีย
พระเนื้อเกลี้ยงยินเสียงพระน้องนาง จะขานคำด้วยว่าคางนั้นแข็งเสีย
กระวนกระวายตะเกียกตะกายอยู่งัวเงีย จะสั่งเมียก็ไม่ได้แทบวายชนม์
ดิ้นกระเดือกเสือกกระเด็นเส้นมักชัก เอนกระทกอกแทบหักระเหระหน
เลือดกระทอกออกเป็นแท่งเหลือจะทน ดวงอุบลน้องเข้ากอดเอาบาทา
ว่าเจ้าประคุณทูนกระหม่อมของเมียเอ๋ย ไม่รู้เลยสักเท่ากึ่งพระเกศา
ว่าไอ้พรานมันมาผลาญด้วยปืนยา ไอ้พรานป่าเสือกินทมิฬใจ
มึงยิงผัวตัวกูมึงเข่นฆ่า เอาปืนยายิงกูเสียให้ตักษัย
มึงฆ่าผัวตัวกูเอาไว้ไย ด่วนทำได้ชั่งไม่คิดอนิจจัง
ฝ่ายพระปาสุริยวงศ์ผู้ทรงเดช หลับพระเนตรมิได้ฟื้นคืนมาหลัง
ด้วยพิษยาเผาสุมรุมอุรัง สลบหลับแข็งกระด้างเหมือนวายปราณ
๏ โอ้สงสารเยาวมาลย์นางโฉมศรี เห็นสามีสิ้นชีพสังขาร
สองพระกรข้อนพระกายของนงคราญ ให้แดดาลงงงวยระทวยองค์
เข้ากอดศพโศกอาดูรพูนเทวษ สุชลเนตรอาบพักตร์นางนวลระหง
แม่ยอดมิ่งทิ้งทุ่มพระองค์ลง แทบจะปลงชีพล่วงชีวาลัย
พ่อปาจิตคู่ชีวิตของเมียแก้ว บรรลัยแล้วไว้แต่ชื่อฤๅไฉน
ได้สั่งเสียเมียสักหน่อยไม่น้อยใจ ตัดอาลัยเจาะช่องน้อยไปผู้เดียว
ไอ้พรานไพรใจร้ายนิยมหยาบ ไม่อายบาปตามตัวไม่กลัวเสียว
มึงฆ่าผัวตัวกูอยู่ผู้เดียว มึงทำกูกรรมคงเลี้ยวไปตามมึง
นางร้องร่ำคร่ำครวญจวนสว่าง ไม่เสื่อมสร่างโศกเศร้าคะนึงถึง
เสียงสะอื้นครื้นเครงบรรเลงอึง นางรุมรึงร่ำรักจักรพงศ์
รุกขมูลเทพเจ้าในเขาโคก คิดสังโวกให้สังเวชนางนวลระหง
เย็นยะเยียบเงียบสงัดพนัสดง ก็งวยงงทุกวิมานสงสารนาง
ลมพระพายชายพัดมาฉิวช้า หมู่ปักษาส่งเสียงจะเสิงสาง
เสียงผีผิวพำพึมกระหึ่มคราง พระน้องนางเสียวเกศาโลมาพอง
จนตราบเท่าสุริย์แสงแจ้งสว่าง ไม่เสื่อมสร่างโศกศัลย์ยิ่งเศร้าหมอง
เห็นโลหิตติดกายเป็นก้อนกอง ดูเรืองรองลูกลำเลียบเสียบพระองค์
สงสารเจ้าเยาวลักษณ์วิไลโลก ยิ่งแสนโศกแทบชีวิตจะผุยผง
พระโลหิตติดกายที่ไหลลง นางโฉมยงเช็ดพลางทางรำพัน
พระบุญเรือนเพื่อนยากของน้องเอ๋ย มาทิ้งน้องกลางเตยให้โศกศัลย์
น่าเจ็บใจด้วยไอ้พรานใจฉกรรจ์ พรานเอ๋ยพรานแกล้งกลัดมึงตัดใจ
๏ ดับนั้นพรานไพรใจกระด้าง ครั้นเสิงสางส่องแสงพระสุริย์ใส
เพื่อนฟังนางครวญคร่ำร่ำพิไร แล้วคลาไคลออกจากพุ่มที่ซุ่มตน
จึงเดินกรายชายชาญเป็นเชิงเลียบ ทำทีเทียบมิให้รู้ซึ่งเหตุผล
จึงไถ่ถามว่าแม่งามนิรมล เจ้าสองคนกับผู้ชายที่วายปราณ
เหตุไฉนเป็นอย่างไรจึงตายม้วย แม่รูปรวยอนิจจาน่าสงสาร
ธุระร้อนฤๅแกล้งจรมาสำราญ มาแดดาลน่าเอ็นดูอยู่ผู้เดียว
อย่าร้องไห้ไปเลยสายสวาทพี่ ตายเป็นผีเถิงว่าผัวก็กลัวเสียว
เถิงผัวตายไม่เป็นไรดอกทรามเปรียว เป็นบุญเจียวชักมาพบประสบกัน
อันตัวพี่นี่นะน้องแม่โฉมฉาย เมียก็ตายสิ้นชีพชีวาสัญ
พี่ไร้คู่อยู่เพื่อนก็เหมือนกัน เป็นบุญครันติดตามมาค้ำชู
จะร่ำรักซากผีไม่มีอย่าง นิ่งเถิดนางร้องนักน่าหนวกหู
เป็นธรรมดาเกิดมาในชมพู เถิงกองกรรมก็สุดรู้ทุกตัวคน
ยังติดห่วงบ่วงกิเลสไม่เด็ดได้ ย่อมเกิดตายตายเกิดทุกแห่งหน
ถึงนิพพานนั้นแลมารไม่ประจญ จึงจะพ้นความตายทุกกายตัว
เป็นวาสนาพาพี่มาพานพบ แม่งามลบเลิศวิไลก็หม้ายผัว
พี่พ่อหม้ายไร้เมียอยู่แต่ตัว อย่ากลาดกลัวสมควรแล้วนวลนาง
๏ แสนสังเวชยุพเรศยอดสงสาร แลเห็นพรานแทบหัวอกจะแตกผาง
นางร่ำร้องตรองตรึกแล้วนึกพลาง เคืองระคางคิดแค้นแน่นในใจ
ไอ้พรานผีคนนี้แน่แล้วมั่นคง ที่มันยิงเอาพระองค์ให้ตักษัย
นางคิดพลางทางว่ากับพรานไพร การอะไรจึงมาห่ามพูดลามลวน
มายิงผัวกูจนตายวายชีวิต กลับมาคิดจะเอาเมียไปสงวน
ไม่ขวยจิตคิดแต่คดทำไม่ควร อย่ามาชวนเป็นน่าเฉดไอ้เปรตพราน
๏ พรานสดับงามประกอบจึงตอบว่า อนิจจาใครเล่าบอกมิ่งสมาน
ว่าพิฆาตภัสดาเจ้าถึงการ มีพยานข้อประเด็นฤๅเห็นเอง
พี่คนเปลี่ยวเคยเที่ยวมาเล่นป่า เห็นโศกาคิดสงสารใจโหรงเหรง
ผัวน้องตายหม้ายผัวเหมือนตัวเอง ให้วังเวงคิดสังเวชเถิงเมียตาย
อกของน้องก็มาพ้องกับอกพี่ จริงอย่างนี้ดอกจึงชวนนางโฉมฉาย
เห็นเอกีอยู่แต่เปลี่ยวอยู่เดียวดาย ผัวน้องตายเหมือนอย่างพี่ไม่มีเมีย
เมียพี่ตายพี่เสียดายแทบจิตขาด น้ำตาราดร่ำพิไรแทบตายเสีย
แต่ร้องร้องก็ไม่ฟื้นคืนเป็นเมีย จนเน่าเสียร้องเปล่าไม่เข้ายา
เห็นแก่ตัวพี่อย่างนี้ไม่ดีดอก จึงเล่าบอกห้ามปรามแม่งามข้า
บอกเอาบุญกลับมาผิดอนิจจา ว่าบุญพาไยจึงกรรมมาตามพราน
กลับหาความหยาบหยามประดาเสีย ว่าฆ่าผัวจะเอาเมียร่วมสงสาร
ยังด่าซ้ำร้องว่าเฉดไอ้เปรตพราน เยาวมาลย์แม่ก็ด่าเล่นท่าเดียว
ก็ตามทีเถิดตัวพี่ไม่ถือโกรธ ต้องกลั้นอดด้วยว่ารักแม่ฟักเขียว
อย่าหน่วงหนักให้พี่รักเจ้าฝ่ายเดียว จงกลมเกลียวพี่สักคำพอกล้ำกลืน
๏ เยาวมาลย์ตอบพรานแล้วซ้ำด่า ไอ้พรานป่าหน้าเป็นเช่นทะลื่น
มุทะลุไอ้อายุไม่ยาวยืน จะข่มขืนเคียงข้างอหังการ์
มึงยิงผัวกูจนตายวายชีวิต ยังกลับคิดจะมาขึ้นขืนข่มข้า
บาปฆ่าเนื้อนั้นก็เหลือทั้งเบื่อปลา กลับมาฆ่าผัวเขาจะเอาเมีย
แต่บาปกรรมทำไว้มิใช่น้อย จงคิดถอยใจกลับเอาคืนเสีย
เป็นชาติชายใช่จะไร้ซึ่งมิ่งเมีย มากลั้วเกลี้ยกล้ำกลืนขึ้นกาเม
จงรั้งจิตคิดยั้งพี่พรานเฒ่า หญิงเป็นสาวกำลังชมก็ถมเถ
งามอย่างพรานมิใช่พาลคนโลเล หญิงขี้เหร่เหมือนอย่างเราเอาทำไม
อนึ่งเล่าผัวของเราได้ถูกต้อง ไม่แผ้วผ่องพรานจงคิดผิดวิสัย
เหมือนดอกไม้เด็ดได้ดมแล้วทิ้งไป ก็เหือดหายระเหยหอมย้อมมลทิน
พี่พรานไพรก็เป็นชายย่อมเชื้อชาติ เลิศฉลาดรู้อย่างทางถวิล
ได้บวชเรียนเขียนจารอ่านกระบิล ได้ทรงศีลครองสิกขัยพี่ใจงาม
มาลามลวนกวนกรรมมาหามหาบ มาแบกบาปหาบนรกไปเต็มหาม
สิ้นชีวิตก็จะติดตัวไปตาม ไฟจะลามลุกไหม้ในโลกันต์
ยมบาลจะประหารด้วยหอกใหญ่ เท่าใบพายแทงกระทอกจนหอกหัน
ให้ขึ้นงิ้วสูงละลิ่วเป็นหมอกควัน หนามจะแทงแร้งนั้นจะจิกโครง
สุนัขใหญ่กายโตเท่าช้างโคตร จะแล่นโลดกัดกายจนตายโหง
สุนัขกัดแล้วจะมัดเอาตีนโยง ให้หัวลงเพราะว่าเอ็งไม่เกรงกรรม
๏ ไอ้พรานป่าร้องว่าชะนางนักปราชญ์ แสนฉลาดรู้หลักขับสยำ
ที่ข้อห้ามท่านกำราบว่าบาปกรรม เราเรียนร่ำมาก็ได้หลายคัมภีร์
ในวิมานลักเปรตท่านเทศน์ว่า ถ้าลักม้าลักช้างลักทาสี
เจ้าของหวงลักล่วงประเวณี ว่ากรรมมีมากมายต้องใช้กรรม
แม่พวงพักตร์พี่ไปลักของใครเล่า ตัวของเจ้าก็ผัวตายดอกงามขำ
เหมือนอย่างน้องประเดี๋ยวนี้ไม่มีกรรม ยังกลับซ้ำจะได้บุญพูนสมภาร
ท่านกล่าวไว้ถ้าผู้ใดเมตตาจิต เป็นเนืองนิตย์จิตบรรจงปลงสังขาร
เห็นคนจนทนทุกข์อยู่แดดาล เคืองรำคาญทรกรรมไปค้ำชู
ผลบุญนั้นจะได้มิใช่น้อย จะเลิศลอยทานสิ่งอื่นไม่รื่นสู้
ท่านว่าตรงบอกนิสงส์ไว้เป็นครู พี่ฟังรู้มาอย่างนี้ไม่มีกรรม
เหมือนอย่างนางก็ต้องอย่างในตกยาก ผัวตายจากพี่จะช่วยอุปถัมภ์
เป็นแต่บุญคุณก็ได้แม่ทองคำ อย่าเรื่องร่ำไปเลยน้องให้หมองนวล
พี่มิใช่ชายชาญพาลพาละ ถือทางพระดอกแม่งามทรามสงวน
ไม่ล่อลมให้น้องเหลิงในเชิงลวน ขอเชิญชวนนุชน้องไปครองเรือน
จะเชิดชูเอาไว้ชมพอใจชื้น ถึงหาอื่นก็ที่ไหนจะได้เหมือน
แม่หน้านวลจะสงวนไว้ในเรือน พอเป็นเพื่อนสนทนาเถิดตาดำ
๏ นางเนื้อเกลี้ยงฟังเสียงไอ้พรานป่า มันพูดจากล่าวมากถลากถลำ
ชาติไอ้พรานไหนจะกลัวซึ่งตัวกรรม ต้องกล่าวคำอ่อนหวานด้านพาที
แน่ะตาพรานหลานจะว่าษมาโทษ ที่หนักเบาท่านจงอดโปรดเกศี
ท่านรอบรู้เรียนร่ำพระคัมภีร์ รู้บาลีล้ำเลิศประเสริฐพราย
ที่บุญบาปท่านก็รู้ได้เรียนมาก ที่เบาหนักเย็นร้อนผ่อนขยาย
เคยเที่ยวป่าเห็นปลาเถิงที่ตาย ก็กอบกายเอาไปปล่อยลงคงคา
ท่านใจบุญไม่ทารุณเมตตาสัตว์ จะหลีกลัดข้ามห้วงบ่วงตัณหา
เที่ยวสันโดษโปรดสัตว์ในหิมวา ที่พึ่งพาเป็นร่มโพธิ์ภิญโญเย็น
เห็นสัตว์จนก็ไปขนให้ถึงเขต หลีกกิเลสตัดตัณหาไม่ขอเห็น
โปรดคนยากไม่มักมากกลัวกรรมเวร ท่านเถิงเกณฑ์แจ้งสว่างทางนิพพาน
ฉันเถิงจนคนยากประดักประเดิด จงโปรดเถิดเหมือนเมตตาว่าลูกหลาน
เอ็นดูฉันเถิดพี่พรานจงหย่อนยาน บุญสมภารก็จะมากหนักขึ้นไป
ถ้าพี่พรานโปรดฉันในครั้งนี้ กุศลพี่ก็จะได้เท่าไหนไหน
ด้วยฉุกละทุกทุกข์เถิงตัวผัวบรรลัย บุญจะได้นับด้วยโกฏิกว่าโปรดปลา
๏ พรานทมิฬยินนางสนองสาร ช่างอ่อนหวานคำวิเวกสรรเลกขา
ฟังก็เพลินสรรเสริญแกมนินทา แต่พื้นว่าพูดสำหาบจะบาปตาม
ตบปะเตะก้นจนยับกลับจะแบก แล้วย้ายแยกยกขึ้นวางกลางคานหาม
รู้หลักเหลือเลิศฉลาดปราชญ์อุทาม ที่บ่วงกามพี่ยังข้องดอกน้องนาง
จิตเมตตานกปลาพี่ก็โปรด คนต้องโทษก็ให้ทานไม่ถากถาง
ที่บาปมากพี่ก็ชักให้บาปบาง ที่ร้อนเย็นเจนกระจ่างแจ้งในใจ
ถ้าเป็นบาปพี่ก็แบกไปทิ้งสูญ ที่เป็นบุญพี่ก็หอบไม่ให้หาย
อธิษฐานพระนิพพานก็ฟูมฟาย ทั้งน้ำใจก็กำหนดจะโปรดคน
พี่ได้ยินในคัมภีร์บาลีโลก มีประโยคสรรพทานที่ให้ผล
ยังปัญญาลงบำเพ็งแล้วเล็งยล พี่ไปค้นเสียทุกตู้ดูคัมภีร์
ก็รู้แจ้งแจ่มกระจ่างทางกุศล ว่าคนจนตกยากข้างซากผี
ช่วยค้ำชูเลี้ยงดูให้เป็นดี นิสงส์มีนับกัปโกฏิด้วยโปรดคน
ธรรมดาปรารถนาจะเป็นพระ ต้องมรณะทำทานหว่านกุศล
เห็นคนยับตกยากลำบากตน โปรดให้พ้นเลี้ยงดูให้อยู่เย็น
นี่ยอดสร้อยเจ้ามาลอยอยู่กลางป่า แต่เอกาก็ได้ชื่อว่าตกเข็ญ
เดิมสองคนคนหนึ่งตายอย่าหมายเป็น พี่มาเห็นก็สมเพชเวทนา
จะเอาบุญดอกแม่คุณอย่าขึ้งเคียด พูดสอดเสียดว่าใส่ให้นักหนา
ต้องในเยื่องเบื้องกระบวนจึงชวนพา อย่าหน่วงช้าไปเถิดเจ้าลำเพาพาน
๏ เยาวมาลย์ฟังพรานทอดใจฮื่อ พูดด้านดื้อมันไม่ฟังคำอ่อนหวาน
จึงวอนว่าจงเมตตาเถิดพี่พราน อันแหวนฉันนี้จะให้ขอไถ่ตัว
เอาเถิดพี่ดีกว่าจะพาฉัน ไปขบขันไม่เป็นผลคนจะหัว
ถ้าไปดีก็จะได้แต่กายตัว ฉวยว่าชั่วก็จะตายเสียกลางทาง
ด้วยตัวฉันก็สำคัญระออบระแอบ ให้เจ็บแสบที่ฝ่าเท้าจะก้าวย่าง
จะขืนพาก็จะล้าที่กลางทาง บังเกิดลางลาภจะหายพี่ใจธรรม์
จงยับยั้งชั่งใจเป็นไรพี่ แหวนก็ได้ขายเอาปี้ให้เต็มขัน
เหมือนทำบุญคุณก็ได้หลายอนันต์ เอ็นดูฉันคนเปลี้ยง่อยจงปล่อยวาง
คำบูราณท่านแต่ก่อนก็สอนไว้ ว่าโลภนักลาภจะหายอกแตกผาง
อย่ามากน้อยเลยพี่พรานแต่ปานกลาง อันแหวนฉันนี้ก็อย่างยิ่งราคา
แต่หัวนี้ตีราคาถึงห้าชั่ง นิลบันลังตกมาแต่เวหา
ทองนี้หนักถึงตำลึงกึ่งเงินตรา เหมือนโปรดนกปล่อยปลาเถิดพี่พราน
ไม่เสื่อมสูญคุณบุญก็จะได้ ข้างหน้าไปเวรกรรมไม่ตามผลาญ
ไปช่วยสาวเอาให้สวยรวยสำราญ ไม่เกิดการบาปกรรมจะตามตัว
๏ พรานสดับสารสมรที่วอนว่า หัวเราะร่าตบหัตถ์แล้วยิ้มหัว
น้องว่าวาดใครเล่าคาดเอาค่าตัว แม่สายบัวช่างมาว่าเป็นน่าอาย
เถิงเงินทองจะมากองให้เถิงฟ้า เต็มสุธาก็ไม่เอาอย่ากล่าวหมาย
จะช่วยเจ้าให้พ้นร้อนผ่อนสบาย อย่าสองใจให้พี่ตรมอารมณ์ตรอม
เป็นลาภล้นมาพบต้นกัลปพฤกษ์ อย่าพึงนึกที่จะห่างนางเนื้อหอม
ถ้าไม่ไปก็ให้ไปคงให้ยอม ประนีประนอมกันเถิดน้องอย่าหมองนวล
๏ เยาวมาลย์ฟังพรานพูดข่มขืน ให้ตันตื้นน่าสงสารทรามสงวน
ปานเขาแทงทิ่มกระทอกด้วยหอกทวน บังเกิดกวนในกองทุกข์จะผูกกรรม
นางตรองใจถ้าเอาไปไอ้พรานป่า กูคงฆ่ามึงอย่าแหงนแทงให้หนำ
มาพูดข่มเอาด้วยคำกรรมเอ๋ยกรรม ยับระยำแล้วครั้งนี้เสียทีพราน
ไอ้พรานป่าจำจะด่ามันสักหน่อย เสียน้ำถ้อยดอกจะร่ำที่คำหวาน
กูไม่ไปมึงอย่าเอ่ยเฮ้ยไอ้พราน มึงพูดพาลผิดอาเพทเป็นเศษคน
มาขืนข่มขี่ขู่กูอย่างนี้ อเวจีมึงจะไปที่ไหนพ้น
ยมบาลท่านจะไล่เอาไฟลน มึงมืดมนขึ้นตัณหาในกาเม
๏ พรานได้ฟังนางนงเยาว์นั้นกล่าวด่า หัวเราะร่าว่านารกนั้นถมเถ
นามันรกก็จะถางให้พังเพ ตกนาเรก็ไม่เสียได้เมียงาม
อนึ่งเจ้าเถิงว่าเราจะทำบาป ก็เต็มหาบเถิงจะห้อก็พอหาม
เหมือนวารีชลธีตักเต็มชาม จะตืมตามก็คงหกตกลงไป
บาปของพี่อเวจีนั้นเที่ยงแท้ เป็นนิ่งแน่มิได้แกล้งแถลงไข
ถึงทำอีกก็ไม่มากหนักขึ้นไป กำหนดไว้อเวจีเพียงนี้เอง
ถ้าไม่ไปก็คงตายด้วยมีดเหน็บ อย่าแกะเล็บบีบน้ำตาให้โหรงเหรง
แทงสักร้อยตัดหัวห้อยไว้โตงเตง ไอ้พรานเพ็งฉวยกรากชักศัสตรา
๏ นุชน้องร้องว่าพ่อขอชีวิต จงยั้งจิตโปรดปรานพี่พรานขา
จะพาไปก็ไม่ขัดดอกอัชฌา ขอชีวาอย่าให้ตายที่วายชนม์
ไอ้พรานไพรว่าอะไรทำใจแข็ง พูดแก่งแย่งชักชวนสักสิบหน
ทำดื้อด้านดึงดื้อไม่ครือคน อย่ากังวลเลยอนงค์จงปลงใจ
อันสามีเจ้าชีวีก็ม้วยมอด จะเฝ้ากอดอยู่กับศพผิดวิสัย
ไปแต่งแง่ขึ้นให้งอนแล้วถอนไร ให้ผัวใหม่ชื่นชมภิรมยา
๏ สงสารหน่ออรพิมไม่มีขวัญ ได้ฟังพรานร้องประกาศคาดโทษา
มันกล่าวแกล้งว่าจะแทงด้วยศัสตรา นางกัลยาแทบจะดิ้นลงสิ้นใจ
ศิโรราบกราบศพพระปาจิต น้องสุดคิดน้องเสียแล้วสิ้นสงสัย
เป็นเวรกรรมตามมาตัดอาวรณ์อาลัย ไอ้พรานไพรจะมาพรากไปจากกัน
ครั้นมิไปกลัวภัยไอ้พรานป่า มันจะฆ่าเสียให้สิ้นชีวาสัญ
โอ้แต่นี้ก็จะลับจะนับวัน ที่ไหนนั้นจะได้มาหาพระองค์
น่าน้อยใจโอ้เสียดายพระเพื่อนยาก มาลำบากคับใจอยู่ไพรระหง
ถ้าน้องไปไกลจากพระโฉมยง เสือในดงก็จะลากอาสภกิน
พระคุณเอ๋ยเทพดาบนอากาศ พิมานมาศมิ่งไม้ในไพรสิณฑ์
ทุกระยะหย่อมหญ้าสาครินทร์ ท่านเทวินทร์จงเอ็นดูข้าด้วยรา
ฉันขอฝากซากศพพระสามิต มาดับจิตสิ้นใจอยู่กลางป่า
ถ้ากาแร้งเสือนั้นมันจะมา ช่วยบังตาซากศพอย่าพบพาน
ฝ่ายว่าฝูงเทพเจ้าให้เศร้าจิต ทุกเทเวศร์เทวฤทธิ์คิดสงสาร
ได้ยินสั่งฟังเสียงนางเยาวมาลย์ ให้แดดาลเจ่าจุกทุกพระองค์
แสนสังเวชยุพเรศสมรแม่ เจ้าท้อแท้แทบชีวันจะผุยผง
สองพระกรข้อนอกชกพระองค์ นางโฉมยงร้องไห้พิไรครวญ
พระบุญเรือนหาไม่เหมือนของน้องแก้ว เถิงตายแล้วเกิดใหม่ใจสงวน
แต่รูปร่างหน้าตาที่หน้านวล พอสมควรก็จะได้ดังใจปอง
จะหาใจเหมือนพระปานี้ยากนัก อารีรักใจหนึ่งไม่เป็นสอง
ถึงผิดพลั้งเจ็บไข้ใจกระพอง สักกึ่งคำก็ไม่หมองให้มัวใจ
เมียขอตั้งอธิษฐานประมาณชาติ ขออย่าคลาดให้ได้พบสบสมัย
กับพระองค์คงคงทุกชาติไป จนตราบได้พระนิพพานสำราญรมย์
ว่ากรรมเอ๋ยกรรมอะไรอย่างนี้นี่ ทุกข์ทวีทุกข์มาทับระทมถม
ไหนจะทุกข์ด้วยผัวตายใจระงม กลับระทมทุกข์ด้วยพรานจะพาไป
นางกลิ้งเกลือกเสือกเศียรเจียนสลบ เข้ากอดศพภัสดาน้ำตาไหล
ละห้อยหวนครวญคร่ำร่ำพิไร เวรใดช่างมาดลบันดาลเป็น
เมื่ออยู่บ้านพลัดกันไปไม่นานช้า ไปพาราพรหมทัตนั้นทำเข็ญ
ให้แค้นใจแทบจะเดือดเลือดกระเด็น โอ้นายเวรข่มใจไปไว้วัง
กรรมเข้าหนุนบุญไปพาให้มาพบ ประสมสบเข้ามาหนุนว่าบุญหลัง
ถึงที่จนเจียนชีวิตเข้าติดวัง พระอินทราพาไปวางร่มพระไทร
ไม่ม้วยมอดรอดตายครั้งหนึ่งแล้ว ว่าคลาดแคล้วพ้นมารจะผลาญได้
จึงพาน้องจะไปครองพระเวียงชัย ยังกลับไพล่มาให้พรานผลาญชีวี
จนตัวตายวายชีวิตเสียจนได้ กรรมอะไรกรรมกรรมกระนี้นี่
ตั้งแต่ทุกข์ทรมาทั้งตาปี มาอัปรีย์ยิ่งกว่าเขาชาวพารา
นางร่ำไรใจตื้นสะอื้นอก แล้วยอยกเอาพระบาททูนเกศา
พิไรพร่ำร่ำร้องขอษมา ที่โทษาคำปากได้หนักเบา
ว่าโยโสโทสังโทษอันใด ได้ทำไว้ด้วยวาจีสามีเจ้า
มโนใจกายกรรมที่หนักเบา จงอดโทษโปรดเกล้าให้แล้วไป
โอ้แต่นี้แล้วที่ไหนจะได้เห็น เป็นขาดเร้นกลัวแต่เกิดขึ้นชาติใหม่
จึงจะพบสบกันพระจอมไกร ขาดอาลัยขาดกันเท่านั้นเอง
๏ ฝ่ายว่าพรานมันเห็นนานมันเร่งรบ เชิงกระทบชักมีดเหน็บกระโดดเหยง
ไม่ไปฤๅอยากดูมือไอ้พรานเพ็ง กูลั่นเผงหกคะเมนจะเห็นมือ
ว่าจะไปแล้วไม่ไปอะไรนั่น อยากสองศพอยู่ด้วยกันที่นี่หรือ
พรานทำทีเข้าขยับจะจับมือ คำรามหื่อขู่ตะคอกหลอกให้กลัว
นางโฉมฉายกายสั่นพรั่นประหม่า จึงร้องว่าน้องจะไปแล้วทูนหัว
พรานสำทับว่าเจ้าไม่เสียดายตัว จะเอาผีนั่นเป็นผัวก็ตามใจ
๏ สมรมิตรหน้าซีดเป็นหน้าผี ขวัญไม่มีกลัวพรานสะท้านไหว
จึงว่าพี่ขอชีวังจงรั้งใจ จะไปไหนก็จะตามไม่ลามลวน
ไอ้พรานป่าหัวเราะร่าว่าก้อนแก้ว เอาเท่านั้นก็จะแล้วแม่งามสงวน
เฝ้ารักผีไม่รักกายเสียดายนวล ผิดกระบวนบูราณสอนแต่ก่อนมา
จงจัดแจงแต่งตัวอย่ามัวหมอง ไปเถิดน้องเจ้าอย่ารอห่อภูษา
ไอ้พรานไพรเฝ้าข่มเหงเร่งให้มา นางไคลคลาแข็งใจไปด้วยพราน
แสนสังเวชด้วยแม่เกศนพเก้า นางเจ็บเท้าขัดขาน่าสงสาร
จะย่างเหย่าก้าวเดินไม่ทันพราน ระกำกร้านเหยียบดินด้วยตีนพอง
ไอ้พรานไพรเดินไปเห็นนางช้า หยุดคอยท่ารานั่งอยู่ฝั่งหนอง
เห็นนางล้าฝ่าเท้านั้นร้าวพอง ไอ้พรานตรองตรึกใจอย่างไรดี
แล้วจึงว่าดวงสุดาเดินไม่ได้ จะจับควายรองเท้าให้เจ้าขี่
ไอ้พรานไพรตัดได้เถาวัลลีย์ แล้วเดินรี่หาควายอยู่ไปมา
พบฝูงควายคล่ำกินอยู่ตีนโคก ยืนชะเง้อมองชะโงกชะแง้หา
แลพินิจพิศตลอดสอดลูกตา จึงคิดว่ากูจะจับตัวไหนดี
แลเขม้นเห็นกระบือตัวหนึ่งใหญ่ พอจะได้ขนมันดำราวกะหมี
ไอ้เขากางกินริมกันนั้นก็ดี ดูออกพีหลังเป็นแป้นแผ่นกระดาน
ไอ้ตัวนี้เห็นทีพอจะได้ เพื่อนชอบใจตรงเข้าจับด้วยใจหาญ
ฝูงควายเพริดวิ่งออกพรูตื่นไอ้พราน เพื่อนทะยานวิ่งไล่เข้าใกล้ตัว
ควายทะลึ่งพรานทะล่องเข้าจ้องจับ ควายขยายคนขยับขมุกขมัว
พรานขึ้นหลังจับหางไว้ควายมันกลัว ดูเมามัวชุลมุนอยู่ไปมา
ควายทะล่องคนทะลุดไปอยู่ไหล่ ควายตกใจวิ่งกระโดดโลดถลา
คนก็ตกควายกะตักผิดลูกตา พรานร้องหาเข้ายุดหางกำลังมัว
ควายทะลึ่งคนทะล่องเข้าจ้องจับ ควายทะล้าพรานขยับเข้าผูกหัว
ควายก็ดีคนก็ดีไม่หนีกลัว ผูกเข้าหัวสนตะพายได้ควายมา
ไอ้พรานป่าว่าตัวข้าจะขี่หลัง จะส่งนางขึ้นไปนั่งให้ขี่หน้า
นางนงนุชว่าพรานพูดผิดตำรา ฟ้าจะผ่าหัวตายแล้วนายพราน
ไอ้พรานป่าว่าตำราข้าไม่มี ผู้หญิงขี่อยู่ข้างหลังไม่บอกขาน
หญิงขี่หน้านั้นตำราเราได้จาร เยาวมาลย์ตอบว่าสงสัยใจ
พี่พรานป่าได้ตำราเขาจารผิด จงคืนคิดหาใบลานมาจารใหม่
ตำราเก่านั้นให้เอาไปเผาไฟ ถ้าอยากได้เอาตำราข้าเป็นครู
ไอ้พรานป่าว่าตำราข้าจารถูก มีทั้งผูกทานแล้วเอาทองถู
รักก็ทาชาดก็ปิดผูกมูลู ดินสอดูก็จนเหี้ยนแต่เรียนมา
๏ นางฉัยยาตอบว่าพี่พรานเฒ่า ไม่พูดเล่นข้าจะเล่าพี่พรานขา
มีที่ทางเยื่องอย่างแต่ก่อนมา ดูแต่ว่าเหมือนผู้ชายที่ได้เมีย
แต่แรกเริ่มเดิมชายไปหาก่อน หญิงจึงผ่อนพูดตามจึงได้เสีย
มิใช่หญิงก่อนชายจึงได้เมีย ประเพณีมิเสียแต่เดิมมา
เป็นอย่างนั้นดอกจึงพรานต้องขี่ก่อน ไม่แง่งอนแต่งเปล่ามากล่าวหา
เพราะอย่างนั้นดอกจึงพรานผิดตำรา จงตรึกตราใคร่ความให้งามใจ
มิกระนั้นดูแต่พรานเมื่อได้เมีย เมื่อได้เสียเมียมาพูดแกฤๅไฉน
พรานไปก่อนพูดวอนประโลมใจ จึงหญิงได้พูดตามธรรมดา
ตำราข้าว่าจริงฤๅหาไม่ ถ้าไม่จริงสาบานได้ฤๅพรานขา
พรานก็จนไม่รู้ที่จะเจรจา สุดปัญญาพรานฉงนให้จนใจ
นางจึงเทียบเปรียบนิทานมากล่าวว่า พี่พรานป่าแกจงฟังให้แจ่มใส
องค์สมเด็จพลญาณผู้ชาญชัย ที่ล่วงไปพระนิพพานประมาณมี
ท่านว่าไว้แต่เม็ดทรายทั้งสิ้นสมุทร จะขนขุดนับประมวลให้ถ้วนถี่
มีปัญญาเปรื่องปราดฉลาดดี จะมากมีนับถ้วนประมวลทราย
จะหาตัวให้มานับองค์พระเจ้า ที่ล่วงเข้าพระนิพพานไปมากหลาย
ปัญญาปราชญ์ที่ฉลาดนับเม็ดทราย ไม่นับได้องค์พระเจ้าเข้านิพพาน
ปัญญาปราชญ์ก็มิอาจจะสังขยา โอปันนาข้ามสัตว์พ้นสงสาร
ท่านเรียนก่อนจึงได้นำเข้านิพพาน แต่โปรดปรานสัตว์มามากกว่าเม็ดทราย
องค์พระเจ้าก็เป็นชายยังไปก่อน จึงผันผ่อนโปรดสัตว์สิ้นทั้งหลาย
ไปตามท่านเราทุกวันทั้งหญิงชาย โปรดภิปรายแต่ประถมนิยมมา
นายพรานป่าจะให้ข้านั้นขี่ก่อน พรานจะย้อนขี่หลังข้านั่งหน้า
ข้านี้ว่าพรานนี้คิดผิดตำรา จริงเหมือนว่าฤๅหาไม่เล่านายพราน
ไอ้พรานไพรจนใจก็ต้องนิ่ง ด้วยความจริงไม่รู้ที่จะวิตถาร

จบเล่ม ๒

  1. ๑. ต้นฉบับว่า “เกน”

  2. ๒. ต้นฉบับว่า “ยังไร”

  3. ๓. นิพพา = นิพพาน

  4. ๔. ภาษาถิ่นภาคอีสาน = ต้นไม้ที่เกิดใหม่ในที่ที่ถูกถากถางแล้ว

  5. ๕. ต้นฉบับว่า “บันดาการ”

  6. ๖. ทวก = ไม้เครื่องประกอบเครื่องเกวียน

  7. ๗. เหล้าชนิดหนึ่งผสมด้วยเมล็ดผลไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมฉุน

  8. ๘. แพ่ง = ริน แจก แบ่ง

  9. ๙. ฉัยยา = ชายา

  10. ๑๐. กุง = แบกขึ้นหลัง

  11. ๑๑. ต้นฉบับสมุดไทยไม่มีคำสัมผัสระหว่างวรรค

  12. ๑๒. นัยนา

  13. ๑๓. ในหนังสือสมุดไทยไม่มีคำสัมผัสระหว่างวรรค

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ