ว่าด้วยการล่าโคป่าในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์

ชนิดบุคคล

ชนิดบุคคลไปทำการล่าสัตว์นั้น เปนบุคคลเราธรรมดาไม่เลือกเฟ้นคนชนิดใด แม้จะเปนคนไม่เคยไปล่าสัตว์เลย หากเปนคนใจกล้าขี่ม้าวิ่งแขงก็ไปล่าสัตว์ได้

กำหนดเวลา

ตามธรรมดากำหนดไปทำการล่าโคป่าตั้งแต่เดือน ๔ ถึงเดือน ๕ เปนเวลาไฟไหม้ป่า หญ้าเพ็กขึ้นใหม่อ่อน ๆ

พิธีออกจากบ้าน

เมื่อก่อนจะออกจากบ้านไปทำการล่าสัตว์ พวกที่จะไปล่าสัตว์ด้วยกันได้ประชุมปฤกษาตกลงกันเสียก่อน ว่าจะไปล่าสัตว์โคกไหนทิศไหน เมื่อตกลงกันแล้วก็นัดกำหนดวันออกเดิรทาง พวกที่จะไปล่าสัตว์ จะไปมากน้อยเท่าใดก็ได้ไม่จำกัด เมื่อถึงวันกำหนดจะออกเดิรทาง ได้เตรียมหอกที่จะเอาไปล่าสัตว์ เอาไปเส้นเจ้าป่าด้วยทุกคน ๆ ละเล่ม กับเย็บกรวยใบตอง ๒๔ อัน (บายศรี) ไข่ไก่ต้มสุก ๓ ใบ สุรา ๑ ขวด เทียน ๓ คู่ นำไปเส้นปู่ตา เส้นเทพารักษ์ ที่หอปู่ตา (ศาลเทพารักษ์) ซึ่งทำไว้เปนที่เคารพสำหรับผู้ที่จะไปล่าโคป่า เมื่อเวลานำของไปเส้น พวกที่มีอาวุโสสูงกว่าพวก จึงจุดเทียนขึ้นแล้วว่า สาธุ สาธุ สาธุ พิศหนู พระปู่พระตา อาญาหม้อเถ้า หมอเถ้า หมอเพ็ชร์ หม้อเถ้า หม้อโจร หมื่นหอกแสนไล่ อุปฮาดกวนหลวง เมืองแสนปู่ก็ดี ลุงก็ดี พร้อมพรับกับกัน อย่าขีนจังกอไล่ อย่าไขว่จังกอปง ให้เว้าความเดียว เปียวความหนึ่งกัน ให้งัวแล่นช้า ให้ม้าแล่นหัน แหล่งกะจอ หมอผีบ้า ม้าหมาจอก ปู่ตาบ่อฆ่า บ่อได้กินแล้ว ให้ชุกใส่ถ้ำ ปล้ำใส่เหว แทงงัวให้แม่นศอก ออกเนื้อให้แม่นทาง พ้อหลักให้ยอ พ้อตอให้เว้น แปลความตามภาษาที่กล่าวมานี้ว่า ขอให้เทพารักษ์ผู้รักษาป่าจงบันดาลให้โคป่าวิ่งผ่านมาให้เห็น แลให้ผู้ล่าสัตว์ทำการได้สมประสงค์ พอว่าความที่กล่าวนี้แล้ว คู่หนึ่งจึงเชิญเอาเครื่องเส้นกลับมาเลี้ยงดูกันตลอดจนชาวบ้านที่มาประชุมอยู่ในที่นั้นด้วย เสร็จการเลี้ยงแล้วพวกที่เตรียมจะไปล่าสัตว์ ต้องพักนอนอยู่นอกบ้าน ธรรมเนียมเรียกว่าออกบ้าน จะเข้าบ้านไม่ได้ แม้จะเข้าไปในบ้านห้ามไม่ให้ขึ้นเรือน

ข้อบัญญัติเมื่อเส้นวักแล้ว

ตั้งแต่ทำพิธีเส้นไหว้แล้วผู้ที่เปนหัวหน้าเรียกว่าหมอเถ้า ส่วนพวกบริวารเรียกชื่อตามสีม้าที่ผู้นั้นขี่ เช่นขี่ม้าดำเรียกว่าหมอดำ ถ้าขี่ม้าแดงก็เรียกว่าหมอแดงเปนต้น แลห้ามไม่ให้นั่งขอนไม้ ห้ามไม่ให้กินเนื้อที่คนอื่นเขาฆ่าตายแล้ว ห้ามไม่ให้ตัดหวายตัดแก่นคูณเก็บชัน เมื่อถึงกำหนดวันเวลา พวกล่าสัตว์ก็พร้อมกันขี่ม้าออกเดิรทางถือหอกเปนอาวุธไป หอกนี้รูปเหมือนหอกไทย ด้ามหากทำด้วยหวาย ยาวประมาณ ๓ ศอกเศษ เวลาที่เริ่มออกเดิรทางไม่มีวิธีอย่างไร แลไม่ต้องหาฤกษ์งามยามดี นอกจากพวกม้ายังมีพวกเกวียนโคตามไปด้วย ตามแต่คนมากแลน้อย รวมเวลาไปแลกลับอย่างเร็วประมาณ ๒๐ วัน อย่างช้าราวเดือน ๑

วิธีล่าสัตว์

เมื่อถึงภูมิประเทศที่ล่าสัตว์ได้พากันพักอยู่ตามร่มไม้ในป่า พอถึงเวลาเช้าพวกล่าสัตว์พร้อมกันจูงม้าถือหอกออกเดิรหารอยโคป่า มีพวกสะพายห่อสะเบียงเดิรตามหลัง ม้านั้นใช้ผูกเบาะทุกตัว เมื่อผู้ใดพบรอยโคป่าก็เดิรตามรอยไป เมื่อเห็นตัวโคป่าต่างคนขึ้นหลังม้าวิ่งตามไป มือซ้ายถือบังเหียนม้า มือขวาถือหอกถือที่คอหอกที่เหล็กกับไม้ต่อกัน เมื่อม้าใครวิ่งไปทันก็เอาหอกแทงพุ่งไป การแทงแล้วแต่ถนัดไม่มีวิธีอย่างไร ถ้าหอกถูกโค ผู้ที่แทงจับดด้ามหอกไว้ ถ้าหอกหลุดมือผู้ที่แทงต้องรีบลงจากหลังม้าหลบหาที่กำบังตามต้นไม้ คอยดูอาการโคที่ถูกแทง บางทีโคก็ตายโดยทันที หรือบางทีพวกที่ไปด้วยกันช่วยกันแทงซ้ำอีกโคจึงตายก็มี โดยมากเมื่อโคถูกแทงก็ตายทันที เมื่อขณะที่ไล่โคหนี ถ้าโคตัวใดผินหน้ามาสู้ด้วยจวนตัวของโค คนที่จะแทงโคอยู่บนหลังม้านั้น โดดลงจากหลังม้าตั้งท่าคุกเข่า ข้างหนึ่งชัน ข้างหนึ่งลงราบกับดิน ด้ามหอกที่จะแทงนั้นยันลงที่ดินที่เข่าล่าง ปลายหอกชูขึ้น พอวัวนั้นวิงเข้ามา ก็ถูกสวนหอกที่น่าอก โคก็ตายทันที เมื่อโคตายแล้ว ต่างก็ช่วยกันชำและเนื้อโคในที่นั้น แล้วเอาเกวียนไปขนมายังที่พัก ถึงที่พักแล้ว หมอเถ้าที่เปนหัวหน้าจึงจัดแบ่งเอาเนื้อโคแลเครื่องในทำเปนอาหารเครื่องสังเวยเส้นปู่ตา (เส้นเทพารักษ์) ส่วนเนื้อนอกนั้นต่างก็แบ่งกันเอามารับประทาน ถ้าได้เนื้อมากจึงใส้เกลือขนกลับมาบ้าน ไปคราวหนึ่งบางทีได้ตั้ง ๑๕-๑๖ ตัวก็มี แต่ทุกวันนี้ได้อย่างมากเพียง ๑๐ ตัวเท่านั้น

การแต่งกาย

ผู้ที่จะไปทำการล่าสัตว์จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ แต่ห้ามไม่ให้ใส่หมวกหรือเอาผ้าพันศีร์ษะเท่านั้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ