กฎ เรื่องเจ้าหมู่มูลนายเบิกคู่ความไปใช้ราชการ

กฎให้แก่ พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกแก่ ข้าทูลลออง ฯ ฝ่ายทหารพลเรือน และข้าเจ้าต่างกรมทั้งปวงจงทั่ว ด้วยขุนอุทัย ขุนลคร ขุนเสนา แขวง ฟ้องให้กราบทูลพระกรุณา และขุนลคร ขุนอุทัย ขุนเสนา และหมื่น พัน แขวง ทั้งปวงนั้น มีการพนักงานต้องทำ และเสียส่วยในอัตรานอกอัตราแต่ละปีเปนอันมาก และแขวงรับราชการได้ทำการตามพนักงานทั้งนั้น อาศัยแต่วานราษฎรชาวบ้านและลูกอำเภอมาช่วยทำการ ได้เสียส่วยในอัตรานอกอัตรา และซื้อสิ่งของทำการนั้น ก็อาศัยได้แต่พิจารณาความของราษฎรตามกระทรวง ตามมีพระธรรมนูญสำหรับแผ่นดินมาแต่ก่อน ได้พินัยจ่ายราชการ จึ่งได้ทำการทั้งปวงสดวก และสืบมาทุกวันนี้ และราษฎรไพร่พลเมืองในท้องที่อำเภอแขวงนั้น ก็ร่วงโรยกว่าแต่ก่อน และบาญชีมังคังชิงเรือนมากนั้น มีตราคุ้มห้าม ได้เฉลี่ยวานใช้ราชการหามิได้ และบ้านสมสังกัดพรรค์ ซึ่งมิได้มีตราคุ้มห้าม ได้เฉลี่ยวานใช้ราชการนั้นมีเรือนอยู่แต่ ๙ เรือน ๑๐ เรือน ๑๕ เรือนบ้าง น้อยมิพอด้วยราชการ ประการหนึ่งราษฎรอยู่ในอำเภอนั้นมีคดีเนื้อความมาร้องฟ้อง กฎหมาย พระธรรมนูญ แขวง จะได้พิจารณาเอาพินัยจ่ายราชการนั้น ครั้นแขวงเกาะมายังมิได้ทันถาม ได้ถามถึงเทียบ และชี้พิจารณาถึงเดิรเผชิญถึงสำนวนมาชี้ขาดบ้าง ฝ่ายข้างลูกความนั้น เห็นว่าเนื้อความของตัวพิรุธบุบช้ำลง แล้วลอบไปคิดอ่านให้มีหมายรับสั่งเบิกเอาตัวไปบ้าง ลางครั้งนั้น หมายไปแต่ว่าให้หาเปนการเร็ว ครั้นแขวงเข้าไปหา ผู้รับสั่งให้เกาะหน่วงเหนี่ยวไว้ว่า ลูกความนั้นเปนข้าหลวง มีรับสั่งให้ส่งตัวไปจะใช้ทำการบ้าง ข้างแขวงกลัวก็ส่งลูกความให้ และเนื้อความเริดร้างค้างสูญเสีย เพราะด้วยกระทำฉนี้เปนอันมาก แขวงเปนคนต่ำจะติดตามว่ากล่าวคืนเอาเนื้อความมาพิจารณาสืบไป เอาพินัยจ่ายราชการนั้นมิได้ด้วยเหตุฉนี้ แขวงจะตั้งตัวทำราชการขัดสนหนักหนา จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า ส่วยหญ้าช้างสพสารซึ่งสารพากรได้เรียกเปนหลวงนั้น พระราชทานให้ยกเสีย และส่วยสัดอัตราพนักงาน ขุนเพ็ชรดา ขุนเทพนารายณ์ แพ่งเขษมได้เรียกจ่ายราชการตามธรรมเนียมแต่ก่อนนั้น ก็ให้การลงเสี่ยกึ่งหนึ่งบ้าง สองส่วนบ้าง และซึ่งผู้มีชื่อถือตราคุ้มห้าม ทำส่วย เข้า ปลา ชัน น้ำมัน ภาย กระดาษ ขี้ผึ้ง และรักษาไม้ฤษีเลี้ยงกระบือชักรถนั้น ก็ให้เฉลี่ยเอาใช้ราชการบ้างตามมีการหนักและเบาแล้ว ครั้งนี้จึงทรงพระกรุณาตรัสเหนือเกล้า ฯ สั่ง ให้มีพระราชกำหนดกฎหมายไว้ แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าราษฎรมีชื่ออยู่ในท้องอำเภอแขวง มีอรรถคดีร้องฟ้องกฎหมาย ให้แขวงพิจารณาต้องด้วยกฎพระธรรมนูญ เปนกระทรวงแขวงได้ว่ากล่าวนั้น แล้วก็ให้แขวงพิจารณาสืบไปให้สำเร็จ เอาพินัยจ่ายราชการ ถ้าและมีหมายรับสั่งไปให้หาแขวงไปกิจราชการสิ่งใดก็ดี อย่าให้มีหมายไปแก่แขวงดุจหนึ่งแต่ก่อนนั้น ให้มีหมายไปแก่กรมนครบาลซึ่งเปนนายแขวงนั้นให้ส่ง ถ้าหมายกิจราชการให้บอกข้อราชการไปให้แจ้ง ถ้าหมายเบิกคู่ความนั้นให้มีกำหนดปีเดือนวันคืนขึ้นแรมไปว่า จะเบิกไปทำการสิ่งนั้น ๆ แต่ใน ๙ วัน ๑๐ วันและ ๑๕ วัน แล้วจะส่งตัวคืนมาให้แขวงพิจารณาเนื้อความสืบไป และให้มีตรา เจ้ากรม ปลัดกรม สมุหบาญชี ผู้ใดผู้หนึ่งมาเปนสำคัญไปด้วย และให้เจ้ากรม ปลัดกรม พระนครบาล สืบสาวดู ถ้าเนื้อความนั้นยังมิถึงใบสัจปรับเปนสินไหมพินัยหามิได้ และมีหมายมาเบิกเอาไปทำราชการจริงเปนมั่นคง จึ่งให้สลักหมายนั้นบอกไปให้แขวงส่งลูกความให้ตามมีหมายเบิกนั้น และปิดตราขุนงำเมืองราชปลัดประทับหลังหมายไปเปนสำคัญจงทุกครั้ง ครั้นถึงกำหนดกฎหมายว่าจะส่งลูกความคืนให้พิจารณานั้น ถ้าและลูกความซึ่งเบิกไปนั้นยังทำการมิสำเร็จก็ดี ไปราชการยังมีกลับมาถึงก็ดี ให้ผู้มาเบิกนั้นมาบอกทุเลาแก่เจ้ากรม ปลัดกรม พระนครบาล ให้เจ้ากรม ปลัดกรม ๆ พระนครบาล แต่งไปสืบถามชันสูตร์ดูการ ถ้าเห็นการนั้นเร็วอยู่จะเร่งทำให้แล้วแต่ใน ๙ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วันอีก ก็ให้งดไว้ ให้ทำการนั้นสืบไป ถ้าและการนั้นช้าถึงเดือนหนึ่งแล้วมิสำเร็จไซ้ร ก็ให้ส่งตัวลูกความมาว่าเนื้อความไปก่อน และซึ่งจะเบิกไปราชการนั้นให้พิจารณาดูข้อราชการนั้นเปนการจำเภาะตัวผู้นั้นจะไป ผู้อื่นจะไปเห็นมิได้ เปนการจำเภาะตัวผู้นั้นจะไป และทางจะไปมาช้าพ้นพระราชกำหนดเดือนหนึ่งขึ้นไป อย่าให้ส่งตัวไป ให้ตุลาการเอาตัวไปพิจารณาให้เร่งรัดว่ากล่าวเนื้อความให้สำเร็จแต่ในสามเดือนตามกฎ อนึ่งผู้เปนตุลาการได้พิจารณาเนื้อความ ใช่ว่าแต่แขวงหามิได้ และมหาดเล็ก ชาวที่ ตำรวจใน กรมวัง ข้าทูลลอองฯ ฝ่ายทหารพลเรือน ขุนโรงขุนศาลซึ่งเปนพนักงานได้พิจารณาเนื้อความรับสั่งและโจรผู้ร้ายและเนื้อความมีคู่ และผู้พิจารณา ๆ เลขหมู่ไพรหลวงทั้งปวงนั้น ก็มีอยู่เปนอันมาก ถ้าจะมีบัตรหมายไปเอาผู้มีคดีซึ่งต้องพิจารณาทั้งปวง ไปทำราชการสิ่งใด ๆ ไซร้ ก็ให้กระทำตามเรื่องราวเนื้อความซึ่งกล่าวไว้ในกฎจงทุกหมู่ทุกกรม และหมายเบิกนั้นก็ให้ปิดตรา เจ้ากรม ปลัดกรม สมุหบาญชี เจ้าหมู่ ซึ่งเปนนายนั้น ผู้ใดผู้หนึ่งไปด้วยเปนสำคัญจงทุกครั้ง และกรมฝ่ายในซึ่งหาเจ้ากรม ปลัดกรม มิได้ ก็ให้ปิดตราสนม ซ้าย ขวา ถ้าจะบอกอรรถแปรค้นไปก็ดี หมายบอกนั้นให้ปิดตราสำคัญจงทุกใบ และเนื้อความขึ้นแก่ศาลกรมมหาดไทย กรมกลาโหม กรมคลัง นา กรมนครบาล และบรรดาซึ่งมีสมุหบาญชีนั้น ให้หมายไปสมุหบาญชีให้ว่าแก่เจ้ากรม ปลัดกรม ให้เจ้ากรม ปลัดกรม ปรึกษาว่ากล่าวให้ ถ้าเจ้ากรม กรมใดหาสมุหบาญชีไม่ จะบัตรหมายไปถึงมูลนายและผู้พิจารณาขุนศาลเองไซร้ ก็ให้มูลนายผู้พิจารณาขุนศาลว่ากล่าว คงทำตามเรื่องราวเนื้อความซึ่งกล่าวไว้นี้ ให้มีหมายมาเบิกเนื้อความณะศาลแขวงไปนั้นจงทุกประการ ถ้าและกรมใด ผู้ใด เอาคู่ความผู้พิจารณาไปนั้นมิได้กระทำตามพระราชกำหนดกฎหมายไว้นี้ และจะทำประเวประวิงหน่วงเหนี่ยวความไว้ให้ช้าพ้นพระราชกำหนดกฎหมายเบิกและทุเลาเหมือนครั้งหลังนั้น จะคิดอ่านกันแอบอิงมาเบิกเอาไปแต่จะให้พ้นจากพิจารณา ทำให้ผิดด้วยพระราชกำหนดกฎหมายซึ่งให้ไว้นี้แต่ข้อใดข้อหนึ่งไซร้ จะเอาเนื้อความผู้ซึ่งให้มีหมายมาเบิกเอาตัวไปนั้นเปนแพ้ ถ้าเลขพิจารณาจะให้เอาเลขพิจารณาเปนสัจ ส่งเข้าหมู่ แล้วจะให้ปรับโทษเอาสินไหมพินัยแก่เจ้าความผู้ให้มาเบิกผู้มีคดีเนื้อความไปนั้นด้วยตามรูปความ และให้พระสุรัศวดี ซ้าย ขวา ใน นอก ให้กฎหมายบอกแก่ข้าทูลลอองฯ ทั้งปวง และข้าหลวงฝ่ายหน้า ฝ่ายหลัง และเจ้าต่างกรมจงทั่วทุกหมู่ทุกกรมอย่าให้ขาดได้ ถ้าและกฎหมายบอกมิทั่ว จะเอาพระสุรัศวดีซ้าย ขวา เปน โทษ ถ้าแจกทั่วแล้วผู้ใดมิได้กระทำตามกฎหมายให้ไว้นี้ จะเอาผู้นั้นเปนโทษตามกฎ

กฎให้ไว้ณะวันศุกร เดือนแปดแรม ๑๐ ค่ำ จุลศักราช ๑๑๐๖ ปีชวด ฉอศก. (พ.ศ. ๒๒๘๗ รัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐ)

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ