- ๑. กลต่อกล
- ๒. พราหมณ์กินพรหม
- ๓. ปราชญ์เถื่อน
- ๔. กรรมสูตร
- ๕. ท้าววิกรมาทิตย์ ตอนเลือกคู่
- ๖. กาไห๎น หลานพราหมณ์เฒ่า
- ๗. เทพธิดาอิตุ
- ๘. แพะ เสือ ลิง
- ๙. สองเจ้าบ่าว
- ๑๐. บรมแกว่น
- ๑๑. บรมเซอะ
- ๑๒. ธิดาของทัณฑนายก
- ๑๓. ตากาไห๎น พนักงานสวน
- ๑๔. หูหนวกทั้งสี่
- ๑๕. ต้องขโมยสามต่อ
- ๑๖. อาหารนางฑากินี
- ๑๗. มีความรู้หรือมีเชาว์ดี?
- ๑๘. โอรสพระราชากับบุตรทัณฑนายก
- ๑๙. นิ่งได้ก็ชนะ
- ๒๐. กังคลา
- ๒๑. สองเจ้าสาว
- ๒๒. ควายสองขา
- ๒๓. พราหมณ์กับกายัสถ
แพะ เสือ ลิง
คนเลี้ยงแพะหลายคน ต้อนฝูงแพะเข้าไปขายในเมือง มาตามทางแพะผู้และแพะเมียปรับทุกข์กันว่า “ถ้าถึงเมืองเมื่อไร เขาคงขายเราไป ใครซื้อไว้ก็จะฆ่าเรากินเสีย ทำอย่างไรดี? ถ้าหาทางหนีได้พอจะรอดตายบ้าง แต่หากว่าหนีได้จะไปอยู่ที่ไหนกัน ถ้าวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านเดิม เขาจะจับเราลงแบบเก่าอีก ต่างว่าหนีไปที่หมู่บ้านอื่นมันก็จะจับเราอีก ไม่เอาไปขายเสียก็ฆ่ากินเท่านั้น คิดดูมีแต่เข้าตาร้ายทุกอย่าง” นิ่งไปทั้งสองตัวได้สักครู่ แล้วนางแพะเอ่ยขึ้น- “นี่แน่ะท่าน จะหนีไปที่มีคนไม่ได้ทั้งนั้น หนีเข้าป่าเสียเป็นอย่างไร?”
แพะผู้ค้าน- “ไปอยู่ในป่าหมายว่าพ้นอันตรายหรือ? ในป่ามันก็มีสัตว์ดุร้ายน้อยเมื่อไร ขืนไปไม่เข้าไปอยู่ในท้องสีห์ก็ท้องเสือนั่นแหละเป็นแน่”
แพะเมีย- “ก็เห็นจะไม่แน่อย่างที่พูดนัก ถ้าเราหนีไปอยู่ในป่า ถึงจะมีอันตรายมา ยังพอหนีรอดไปได้บ้าง ถ้าไปอยู่ที่มีคน ความตายเป็นต้องมาถึงตัวเราแน่กว่า”
แพะผู้เห็นพ้อง ตกลงว่าจะหนีไปอยู่ป่าด้วยกัน ในคืนวันนั้นเอง กำลังเจ้าของนอนหลับ แพะทั้งสองค่อยเลี่ยงออกจากฝูงตรงเข้าป่า เดินป้วนเปี้ยน มาจนถึงป่าทึบพบต้นโพธิ์ใหญ่ต้นหนึ่งข้างในเป็นโพรงโต แพะทั้งสองอาศัยในโพรงนั้นเป็นสุขเรื่อยมาจนเกิดลูกสองหรือสามตัว
วันหนึ่งกำลังแพะทั้งสองนอนในโพรง ลูกแพะเจ้ากรรมร้องดังขึ้น เผอิญเสือผ่านมาทางนั้นด้วยได้ยินเสียงแพะร้องก็ตรงเข้ามาที่โพรงไม้ แพะทั้งสองเห็นเสือเข้ามาตกใจกลัวเป็นที่สุดจะหนีก็ไม่มีทางไป นึกว่าวันนี้ตนและลูกตนไม่ช้าคงต้องเข้าไปอยู่ในท้องเสือแน่แล้ว หมดหนทางหนี แพะผู้เดินอุบายเอาดื้อๆ ขอไปที พอเห็นเสือใกล้เข้ามาก็แกล้งทำเสียงเอ็ดลูก “เอ็งทำไมจึงกวนนัก ไม่รู้ว่าจะกินเอาไปไว้ไหน ไม่อิ่มบ้างเทียวหรือ พึ่งกินเสือเข้าไปห้าตัว หมีสามตัว แรดสองตัว และยังแถมควายล้างปากอีกห้าตัวครึ่ง ไม่สะใจยังรบกินอีก นิ่งๆ เสือมาโน่นตัวหนึ่งแล้ว พ่อจะฆ่าเอามาให้” เสือได้ยินหยุดชะงัก ป่วนปั่นใจ “ไม่ได้การ ไอ้อยู่ในโพรงจะเป็นตัวอะไรมาแต่ไหนก็ไม่รู้ ไอ้ตัวพ่อพึ่งให้ลูกมันกินเสือถึงห้าตัว หมีสามตัวและอะไรต่ออะไรอีกหลาย แต่อย่างนั้นยังไม่พอมันกิน จะออกมาเล่นงานเราอีก น่ากลัวมาก จะถลำเข้าไปใกล้นักไม่ได้” นึกพลางค่อยๆ ถอยห่างออกมา
แพะพ่อเห็นแกล้งขู่สำทับ “บอกว่าให้นิ่งๆ ไอ้ลูกริยำ ทำจนไอ้เสือได้ยินตกใจจะไปเสียแล้ว อุดปากทนสักครู่พอให้ออกไปจับมาไม่ได้หรือ” เสือได้ยินไม่รอฟังต่อไป ตกใจลืมเกียรติยศเสือ ห้อหนีไปเต็มที่ ไม่หยุดพักที่ไหน จนหมดกำลังลง หยุดนอนหอบอยู่โคนไม้.
บนต้นไม้นั้นมีลิงหนุมาน[๑] ตัวหนึ่งอาศัยอยู่เห็นเสือทำอาการวิปลาส ก็ไต่ต้นไม้ลงมาถาม “พี่เสือเป็นอะไรไป? ดูหอบฮั่กๆ”
เสือนิ่งหอบเสียพักใหญ่ พอค่อยยังชั่วจึงตอบลิงออก “อย่ารู้เลย น้องเอ๋ย นี่พ่อแม่ข้าไปทำบาปอะไรไว้จึงมาตกถึงกัน น่ากลัวจริง แต่ยังเคราะห์ดีหนีอันตรายอย่างน่ากลัวที่สุดมาได้”
ลิง- “ตายจริง ไปเจอะอะไรเข้า?”
เสือ- “เดี๋ยวจะบอกให้ รอให้หายเหนื่อยเสียก่อน” ได้สักครู่พอทุเลาเหนื่อย ชีพจรเต้นตามปกติ เสือจึงเล่าให้ลิงฟัง “เพื่อนเอ๋ย เกิดมีไอ้สัตว์พิศดารอะไรไม่รู้ บอกไม่ได้ว่ารูปร่างเป็นอย่างไร เข้ามาอยู่ในป่านี้ ทีแรกกันเข้าใจว่าเป็นแพะ ย่องเข้าไปหมายว่าจะลากเอาออกมากิน พอเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงไอ้ลูกร้องหงิงๆ และได้ยินไอ้ตัวโตดุลูกว่า ‘ไอ้ลูกริยำ ยังไม่อิ่มอีกหรือ ให้กินเสือถึงห้าตัว หมีสามตัว ยังแรดเอย ควายเอย ช้างเอย อะไรอีกบ้างจำไม่ได้’ พอมันเห็นกัน มันกำชับลูกมันว่า ‘นั่นแน่ะที่ต้องการอยู่เดี๋ยวนี้ นิ่งสักครู่ไม่ได้หรือ? เสือมาอีกตัวหนึ่งแล้วเดี๋ยวจะเอามาให้กิน’ เพื่อนเอ๋ย! ได้ยินเท่านี้ ข้าก็รออยู่อีกไม่ได้ละซิ เพราะรู้แล้วว่าหาที่ตาย ออกได้เปิดห้อเต็มกำลังมานี่ คิดดูบ้างซิเจ้าน้องแก้ว ขึ้นชื่อว่าเสือก็ย่อมกินสัตว์อื่นๆ เป็นอาหาร นี่มันเกิดมีสัตว์กินเสืออีกต่อหนึ่ง แปลกไหมล่ะ เกิดมาเคยได้ยินรู้เห็นอย่างนี้ไหม?”
ลิงเยาะ “ชะ! ทำไมแกจึงโง่จนหมดดี ไอ้ที่ไปพบเข้าใจว่าแพะมันก็แพะนั่นเอง อะไรเสียอีก มันเห็นแกตกใจ แกล้งทำเป็นขู่คุยโตกระทบหลอกดอกน่า มาไปดูด้วยกันให้เห็นเท็จและจริงเดี๋ยวนี้”
เสือ- “อะไรให้กลับไปที่นั่นอีกนะหรือ เชิญพ่อตัวกล้าเสด็จไปเองเถอะ กันเป็นไม่ไปละ”
ลิง- “ดูแน่ะ! อย่าเป็นบ้าพิศดารไปหน่อยเลยน่ะ มาเถอะ” พูดเท่าไหร่เสือไม่ยอมไปท่าเดียว ถึงที่สุดเจ้าหนุมานแนะนำให้เสือไปชี้ที่ให้ดูแต่ห่างๆ ก็แล้วกัน.
เสือ- “ไอ้ที่แกพูดนั้นมันง่ายแต่ปาก พอเอะอะยังไม่ทันไร ก็จะปีนหนีต้นไม้หนีเท่านั้น กระโดดแผลงเดียวก็พ้น แล้วไอ้กันล่ะ ก็ต้องตกเป็นเหยื่อไอ้สัตว์ยักษ์ฝ่ายเดียว”
หนุมาน- “ถ้ากลัวอย่างนั้น ทำอย่างนี้เป็นไร เราเอาหางของเราผู้ไว้ด้วยกันให้แน่น”
เสือ- “ต้องอย่างนั้นถึงจะเอา ความคิดใช้ได้ ฉวยเกิดเหตุแกจะได้ไม่เอาเปรียบเปิดหนีง่ายๆ ปล่อยให้กันตายตัวเดียว.”
ตกลงจึงเอาหางต่อหางผูกกันไว้ พากันดุ่มๆ ไปที่โพรงต้นโพธิ์ แต่เสือนั้นเดินข้างหลังเป็นทัพหนุนไว้เสมอ พอถึงแลเห็นต้นโพธิ์ เสือบอก “ที่ตรงต้นไม้นั่นแน่ กันไม่เข้าไปใกล้อีกละ”
ฝ่ายแพะเห็นเสือมาอีก ไม่ใช่แต่ตัวเดียว พาหนุมานมาด้วย ตกใจไม่น้อย นึกวิตก “เห็นจะหมดมันจริงครั้งนี้ หลอกไอ้เสือโง่รอดไปครั้งหนึ่ง เกิดไปพาเจ้าหนุมานกลับมา เจ้าลิงมันโง่อยู่เมื่อไร หลอกมันได้ง่ายอยู่หรือ” กำลังนึก พอเสือกับลิงเข้ามาใกล้ทุกที แพะจนปัญญา เลยตะโกนออกไปดื้อๆ “ไอ้ลิงริยำ กูบอกมึงหรือว่ากูจะกินเสือตัวเดียว ใช้ให้มึงไปหาทั้งวัน พึ่งลวงเสือมาได้ตัวเดียว พอกูกินที่ไหน ไอ้ลิงอัปรีย์ กูต้องกินมึงเสียด้วยจึงจะได้”
เสือได้ยินสำคัญว่าเจ้าหนุมานเป็นลูกสมุนของสัตว์ประหลาดที่อยู่ในโพรง ล่อลวงตนพามาให้นายมันกิน ก็ไม่รออยู่อีก ดึงลิงจะหนีไปฝ่ายเดียว ส่วนลิงก็รั้งไว้เต็มที่หมายจะให้เสือเห็นสัตว์ที่อยู่ในโพรงเองว่าไม่ใช่สัตว์ดุร้ายอะไร ตานี้หางต่อหางที่ผูกเอาไว้ถูกรั้งกันหนักเข้าก็ยิ่งแน่น ต่างตัวต่างดึงจนหางเสือขาดปุดออก พอหางขาดเสือก็วิ่งหนีพรวดพราดไปไม่คิดแก่ชีวิต ส่วนลิงมองดูเห็นตนมีสองหางก็กระโดดโลดเต้นไม่เป็นตำแหน่งแห่งที่เพื่อสะบัดให้หางเสือหลุด เพราะรู้สึกอยู่ว่ามีหางสองหางไม่ใช่ของดีอะไร จะทำอย่างไรมันก็ไม่หลุดเพราะไม่แก้มัน ทีนี้ไม่ว่าไปทางไหน บรรดาสัตว์ที่แลเห็นก็หัวเราะเยาะเย้ยต่างๆ จนหนีเข้าป่าสูงไปซ่อนอยู่ในดงทึบ จึงค่อยสบายใจหายขายหน้า
ส่วนแพะ แม้จะโล่งใจที่รอดอันตรายมาได้ก็ดี เห็นว่าจะอยู่ที่นั่นต่อไปไม่เหมาะ จึงพาลูกไปหาที่อยู่ใหม่ ซึ่งเชื่อว่าพอจะพ้นภัยได้.
[๑] เบงคลี-Hanuman; คำเรียกลิงชนิดหนึ่งตัวโตๆ สีเทาขาวหน้าดำ มีชุกชุมในประเทศนั้น