- คำนำ
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๒
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๔
เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๔
วันที่รัชกาล ๘๕๓๙ วัน ๒ ๑ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๘ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จออกมาเลี้ยงพระสงฆ์กาลานุการ ๓๔ รูป ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย รับพระราชทานฉันแล้ว ทรงทอดผ้าสดัปกรณ์ พระบรมอัฐิ แลพระอัฐิเสร็จแล้วตามเคย แลมีสดัปกรณ์รายร้อยอีก ๕๐๐ รูป แล้วส่งไปสดัปกรณ์ ณ หอพระนาค ๑๐๐ ฝ่ายพระราชวัง ๑๐๐ รูป
วันที่รัชกาล ๘๕๔๐ วัน ๓ ๒ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๙ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่วัดราชบพิธ ทรงสดัปกรณ์พระอังคาร พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบัณทรวรรณวโรภาศ แลอังคารเจ้าจอมมารดาหญิงเนื่องเสร็จแล้ว ก็เชิญพระอังคารไปบันจุอนุสาวรีฃองพระเจ้าลูกเธอ แลของเจ้าจอมมารดาตามเคย เวลาย่ำค่ำเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
เวลายามเสศเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ไปประทับที่ประตูวัดพระศรีรัตนสาสดาราม เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว อาลักษณก็อ่านคำประกาศตามพระราชพิธีศรีสัจปานกาลจบแล้วพระสงฆ์ราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย } ๓๘ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ มีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์นำเปนประธาน เวลา ๕ ทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จกลับ
วันที่รัชกาล ๘๕๔๑ วัน ๔ ๓ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓๐ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศ พระสงฆ์ ๓๘ รูป ที่เจริญพระพุทธมนต์ รับพระราชทานฉันแล้ว ก็ประชุมอยู่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนสาศดารามตามเคย เวลาบ่ายโมงเสศเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้า ฯ แก่พระยาเทเวศร์วงษวิวัฒน์ (หม่อมราชวงษ์หลาน) จางวางมหาดเล็ก แลพระราชทานพานทองคำใหญ่เครื่องในพร้อม ๑ กระโถนทองคำ ๑ คนโททองคำ ๑ ฃองเหล่านี้ได้พระราชทานแต่ปี ๑๐๘ แล้วมีความผิดในราชการต้องคืน แล้วพระราชทานตราตั้ง ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช เปนผู้บัญชาการกรมยุทธนาธิการทั่วไป แล้วเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปประทับพระราชยานที่ประตูวัดพระศรีรัตนสาศดาราม เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว อาลักษณก็อ่านคำประกาศแช่งน้ำตามเคย เวลาบ่าย ๒ โมงเสศถือน้ำพระพิพัฒสัตยาแล้วเสด็จกลับ วันนี้กริ้วหลวงมหาสิทธิโวหารกรมพระอาลักษณ์อ่านประกาศแช่งน้ำผิด ดำารัสสั่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ อธิบดีในกรมพระอาลักษณ์ ว่าอ้ายนี้ใช้ไม่ได้เปนการยกเลิก
เวลาค่ำพระสงฆ์ ๑๐ รูปจะได้เจริญพระพุทธมนต์ ที่พระที่นั่งสุทไธยสวริยปราสาท ตามพระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน มอญ ๕ ไทย ๕ มีพระสุเมธาจาริยนำเปนประธาน พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียติวงษ์เสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัศการ อาลักษณก็อ่านประกาศตามพระราชพิธี
วันที่รัชกาล ๘๕๔๒ วัน ๕ ๔ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓๑ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายอาภากรณ์เกียติวงษ์ เสด็จออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๐ รูป ที่พระที่นั่งสุทไธยสวริยปราสาท
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จออกมาทอดพระเนตรคเชนทรัศวสนาน ที่พระที่นั่งสุทไธยสวริยปราสาท
ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๕๔๓ วัน ๖ ๕ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑ เมษายน รัตนโกสินทร๒๕ศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕)
วันนี้เปนวันขึ้นปีใหม่ เจ้าพนักงานจัดโรงลครที่ลานน่าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเคย เวลาทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทองค์กลาง แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับทอดพระเนตรเครื่องฉลากที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตร จัดไว้เพื่อจะได้พระราชทานพระบรมวงษานุวงษ แลข้าราชการมุขตวันออก แล้วเสด็จกลับมาประทับโต๊ะเสวย
โปรดเกล้า ฯ ให้เชิญพระบรมวงษานุวงษมาเสวยตามลำดับ เวลา ๔ ทุ่มเสศเสวยเเล้ว โปรดเกล้า ฯ พระราชทานฉลากทั่ว จึ่งเสด็จไปประทับมุขตะวันออกพระราชทานพวงมาไลยแก่พระบรมวงษานุวงษ แลทรงรับฉลากพระราชทานของตามฉลากเสร็จ เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
เวลาวันนี้ลครหาได้เล่นไม่เพราะฝนตก
วันที่รัชกาล ๘๕๔๔ วัน ๗ ๖ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒ เมษายน รัตนโกสินทร๒๕ศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่วัง พระเจ้าราชวรวงษเธอ กรมขุนเจริญผลพูนสวัสดิ ที่สิ้นพระชนม ในคืนที่ ๑ เมษายน ๑๑๑ เวลา ๘ ทุ่มเสศชำรพระศพ เจ้าพนักงานทรงเครื่องพระศพตามขัติยราชประเพณี แล้วยกพระศพลงลองในเชิญพระโกษออกตั้งที่ ทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณพระสงฆ์ ๓๐ รูป พระวรวงษเธอ พระองคเจ้าอรุณนิภาคุณากรนำเปนประทาน แล้วทรงทอดผ้าขาวพับสดัปกรณ์อีก ๖๐ พับ เวลาทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง พระราชทานโกษมณฑปใหญ่จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ กลองชะนะแดง ๒๐ คู่ สังข์ ๑ แตร ๔ เครื่องสูง ๑๒ คัน พระสงฆสวดอภิธรรมกลางคืนกลางวัน } ๘ รูปฉันเช้า ๘ เพน ๘ รวม ๑๖ รูป
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย หลวงจินดารักษนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระพิเรนทรเทพเมืองนครราชสีห์มาว่าได้พร้อมกันกับกรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค ออกไปรับกรมหมื่นประจักษศิลปาคมที่หนองตะแบก
ฉบับ ๒ บอกเมืองศรีโสภณ ว่าได้แต่งการรับเสด็จกรมหลวงพิชิตปรีชากร แลจัดเสบียงอาหารส่งเสด็จไปเมืองสวายจีกแล้ว
ฉบับ ๓ บอกเมืองหล่มสัก ส่งเงินเลขส่วยทองปี ๑๑๙ เงิน ๑๑ ชั่ง ๑๓ ตำลึง ๑ บาท พระวิจารณอาวุธนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองเพชรบุรี ส่งเงินปี้ค่าแรงจีน ๒๒๑๔ คน เงิน ๑๑๐ ชั่ง ๑๔ ตำลึง
ฉบับ ๒ บอกเมืองนครศรีธรรมราช ว่าน้อยใหญ่เจ้าจอมมารดา อายุ ๙๑ ปี ป่วยเปนลมถึงแก่กรรม
ฉบับ ๓ บอกเมืองชุมพร ขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพพระครูจุฬามุนี
ฉบับ ๔ บอกเมืองนครเขื่อนขันธ ว่านายชื่นเอาปืนยิงนายผ่องตาย
จึ่งดำรัสด้วยพระยานครศรีธรรมราชว่า น้อยใหญ่นั้นเหนจะเปนโรคเดิมของแก่ เพราะแก่เคยเปนลมอยู่ แล้วหลวงจีนดารักษ นำพระรามฤทธี เจ้าเมืองแก่นท้าวเฝ้าทูลอองธุลีพระบาท จัดได้ขี่พึ่งหนัก ๑ หาบ ฃอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย จึงดำรัสถามว่าพระรามฤทธีนั้นเข้ามาด้วยราชการอไร พระยาศรีกราบบังคมทูลว่า ออกไปอยู่เมืองเชียงขวางกับพระยาศรีวงษาเมืองหล่มศัก จึงดำรัสต่อไปว่าออกไปอยู่เชียงขวางด้วยฤา
แล้วพระยาราช นำพระมนตรีบวร ฝ่ายพระราชวังบวรกราบถวายบังคมลาคุมสิ่งของเครื่องไทยทานแลพาเจ้าพนักงานคุมโกษฐขึ้นไปพระราชทานทำการปลงศพเจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจเมืองนครลำพูน แล้วนำหลวงผดุงกิจจีนนิกร ปลัดจีนเมืองนครนายกกราบถวายบังคมลากลับไปรักษาราชการบ้านเมือง
โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานผ้าพรรณนุ่งห่มตามสมควร แล้วพระวิจารณอาวุธ นำพระยารัตนเสรฐีผู้ว่าราชการเมืองรนอง กราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาราชการบ้านเมือง
จึงดำรัสด้วยพระยารัตนเสรฐีว่า หมั่นเข้ามาบ่อย ๆ แล้วดำรัสกับพระยารัตนเสรฐีต่อไปว่าอังกฤษจะเข้ามาขอซาระเวทางอีก เดี๋ยวนี้มาซาระเวอยู่ที่มลีวันไม่ไช่ฤๅ พระยารัตนเสรฐีกราบบังคมทูลว่าอยู่เพียงมลีวัน
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๓ นาย ให้ขุนพิพิธราชการเปนหลวงอักษรสมบูรณ เสมือนตรากรมพระตำรวจวัง ถือศักดินา ๖๐๐ ให้นายสวัสดิ์ภักดีนายเวรกรมวัง เปนขุนพิพิธราชการ มีตำแหน่งประจำราชการที่ห้องชาววัง ถือศักดิ์นา ๕๐๐ ให้ขุนพินิจอักษร กรมเฃนทองซ้าย เปนหลวงวุธกำแหง ปลัดกรมเฃนทองซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา ๓๐๐
แล้วพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ ช้างเผือกชั้นที่ ๕ ทิพยาภรณแก่ขุนพิศณุแสน (โหมด) ปลัดกรมพระตำรวจภูธรขวา ๑ มงกุฎสยามชั้นที่ ๕ วิจิตราภรณ แก่หลวงโจมพินาศ (ทอง) ปลัดกรมทวนทองขวา ๑
เวลา ๕ ทุ่มเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๔๕ วัน ๑ ๗ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓ เมษายน รัตนโกสินทร๒๕ศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕)
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย หลวงจินดารักษ์ นำบอกในกรมมหาดไทย ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๖ ฉบับ
ฉบับ ๑ บยกหลวงวิชิตสรสาตร ฃ้าหลวงที่ ๓ เมืองลาวพวน ว่าได้รับหีบศิลาน่าเพลิงร่มรองเท้าเครื่องไทยธรรมขึ้นไปพระราชทานในการศพ พระวิเสศสุรฤทธิเจ้าเมืองบริคันนิคมเสร็จแล้ว ขอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๒ ว่าพระราชทานเหรียญที่รฦกกับโปเครมในการมหาสมณุตมาภิเศกส่งไปถวายกรมหมื่นประจักษศิลปาคมได้ถวายแล้ว
ฉบับ ๓ ว่ากรมหมื่นประจักษศิลปาคม เหนท้าวดวงดีที่เปนหลานพระวิเสศสุรฤทธิที่ถึงแก่กรรม ขอให้เปนที่พระวิเสศสุรฤทธิเจ้าเมืองบริคันนิคม กับขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพอุปฮาดเมืองบริคันนิคม
ฉบับ ๔ ว่ากรมหมื่นประจักษศิลปาคม ถึงเมืองนครราชสิห์มา แลออกจากจากเมืองนครราชสิห์มา ถึงหนองคายวันที่ ๒๔ มกราคม ๑๑๐
ฉบับ ๕ บอกเมืองฉเชิงเซา ฃอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพพระเกรียงไกรกระบวนยุทธ (เสือ)
ฉบับ ๖ บอกเมืองพิจิตร ว่าเจ้าอธิการวัดบางมูลฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดบางมูล กว้าง ๙ วา ยาว ๑๑ วา
พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ บอกเมืองพัทลุง ส่งตัวอ้ายผู้ร้ายที่หนีมาจากเมืองตรัง ๑๔ คนกลับไปเมืองตรัง
แล้วพระวิจารณอาวุธ นำพระยาวิชิตภักดีผู้ว่าราชการเมืองไชยา กราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาราชการบ้านเมือง จึ่งดำรัสด้วยพระยาไชยา ว่าปีนี้ฝนเห็นจะดีพระยาไชยา แล้วดำรัสต่อไปว่าที่เกาะสมุยก็ถูกพยุห์เหมือนกันพึ่งบอกเข้ามา แล้วก็ไม่ได้บาญชีว่ามากน้อยเท่าใดด้วย เมืองนครศรีธรรมราชมันเหลวจริงๆ
จึ่งดำรัสสั่งพระยาศรีว่า ท้าวดวงดีนั้นถ้าตัวมันเข้ามาถึงหนองคายแล้วบอกให้ลงมารับสัญญาบัตรเสีย เพราะบ้านเมืองมันว่างเปล่าอยู่ไม่มีใครเปนผู้ใหญ่ แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรนายหนึ่ง ให้นายอวบมหาดเล็กเวรสิทธิ บุตรเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) เปนหลวงวิเสศภักดี ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา ถือศักดิ์นา ๑๐๐๐
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๔๖ วัน ๒ ๘ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๔ เมษายน รัตนโกสินทร๒๕ศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕)
วันที่ ๔ ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๕๔๗ วัน ๓ ๙ฯ ๕ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๕ เมษายน รัตนโกสินทร๒๕ศก ๑๑๑ (พ.ศ. ๒๔๓๕)
เวลาบ่าย ๔ โมงเสศเสด็จทรงพระราชยาน แต่เกยพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปประทับที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย รับสั่งด้วยพระบรมวงษานุวงษ์แลฃ้าราชการตามสมควร แล้วเสด็จพระราชดำเนินลงเรือพระที่นั่งสุริยมณฑลไปประพาศเกาะสีชัง ประทับแรมปากน้ำเจ้าพระยาคืนหนึ่ง