เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๓

วันที่รัชกาล ๘๔๕๑ วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๓๑ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้าโมงเสศในระหว่างพระฤกษ์ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ อยกทรงเจิมแล้วทรงชักเชือกยกยอดพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามประเพณีพระสงฆ์ก็สวดถวายไชยมงคล เจ้าพนักงานก็ประโคมเครื่องดุริยางดนตรี แล้วพระสงฆ์ก็ได้รับพระราชทานฉัน แล้วถวายของเครื่องไทยทานตามสมควร

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๕๒ วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้า ๒ โมงกับ ๔๗ นาที สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวีประสูตร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชาย (มหิดลอดุลเดช นเรศวรมหาราชาธิบดินทร์ จุฬาลงกรณนรินทร์วรางกูร สมบูรณ์เบญจพรสิริสวัสดิ์ ขัตติยวโรภโตสุชาต คุณสังกาศเกียรติประกฤษฐ์ ลักษณวิจิตรพิสิษฐบุรุษ ชนุตมรัตนพัฒนศักดิ์ อัครวรราชกุมาร)

วันนี้ไม่เสด็จออกขุนนาง

วันที่รัชกาล ๘๔๕๓ วัน ๗ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออกฃุนนาง

วันที่รัชกาล ๘๔๕๔ วัน ๑ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๓ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออกฃุนนาง

วันที่รัชกาล ๘๔๕๕ วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๔ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๗ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเจ้าพระยาพลเทพฯ ที่สมุหพระกระลาโหม พระยาไกรโกษาฃ้าหลวงเมืองลาวเฉียง ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ร,ศ, ๑๑๐ ว่าได้เลิกเก็บค่าหักหลังคาเรือนตามท้องตราแล้ว คงเก็บแต่ภาษีเบ็ดเสร็จตามเดิม ฯ

ฉบับ ๒ ว่ามีตราส่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ชั้นที่ ๔ ภูษนาภรณ์กับเงินตรา ๕ ชั่ง ให้พระราชทานแก่หลวงสรสิทธยานุการตามความชอบที่ไปชี้แจงอธิบายพระราชอาณาเฃตร ได้พระราชทานตามท้องตราแล้ว ฯ

ฉบับ ๓ บอกนายจ่ารงข้าหลวงผู้ช่วยราชการเมืองลาวกลาง ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ร,ศ, ๑๑๐ ว่าพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ รับสั่งให้ส่งจ่าโผนวิ่งชิงไชยกับขุนหมื่นสองคนซึ่งมิได้มารับราชการโดยสุจริต ลงมา ณ กรุงเทพฯ ฯ

ฉบับ ๔ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ว่าช้างที่ไปส่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ เมืองนครราชสีห์มาล้มตัว ๑ ได้ตัดหางส่งลงมาด้วยแล้ว ฯ

ฉบับ ๕ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าวันที่ ๑ พฤศจิกายน มีอ้ายผู้ร้ายประมาณ ๑๕ ๑๖ } คน ปล้นเรือนนายอุ่มเก็บเอาทรัพย์สิ่งของไป รวมเปนราคา ๒๘ ชั่ง ๑๐ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง แล้วอ้ายผู้ร้ายหนีไปทางเมืองอ่างทอง ยังสืบจับตัวหาได้ไม่ ฯ

ฉบับ ๖ บอกเมืองปราจิณบุรี ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าได้ให้กรมการคุมตัวนายสาม ซึ่งนายตันหาว่าเอาปืนยิงนายแด่นตายไปถวายพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณอ่างสิลาแล้ว

พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองไชยา ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าได้นำตัวนายกองมาเร่งส่วยน้ำรัก ปี ๑๐๙ ได้น้ำรัก ๙๕๐ ทนานมอบให้กรมการคุมเฃ้ามาส่ง

ฉบับ ๒ ว่าเงินค่านาปีชวดสัมฤทธิศก ได้ส่งเฃ้ามาแต่ก่อน ๒ ครั้ง เงิน ๖๐ ชั่ง ครั้งนี้อีก ๑๙ ชั่ง ๒ บาท ๓๒ อัฐ เสร็จสิ้นจำนวนเงินนา

ฉบับ ๓ ว่าค่านาปี ๑๐๘ ได้ส่งแต่ก่อน ๒ ครั้ง เงิน ๓๐ ชั่ง ได้ส่งครั้งนี้อีก ๓๘ ชั่ง ๖๒ บาท ๔๘ อัฐ เปนเสร็จสิ้นจำนวนเงินนาแล้ว

ฉบับ ๔ บอกพระยาศรีสรราชภักดี ฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าได้มอบถาดหมากคนโททอง ลูกประคำทอง กระบี่บั้งทอง สัปทนคัน ๑ ของพระยาภูเก็จที่ถึงแก่กรรมให้หลวงพิมลคุมเฃ้ามาส่ง

ฉบับ ๕ บอกเมืองประจวบคิรีขันธ์ ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าได้แต่งกรมการคุมเงินค่านาปี ๑๐๙ เงิน ๔ ชั่ง ๔๑ บาท ๕๖ อัฐ เปนเสร็จขึ้นจำนวนเงินนาแล้ว

จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระยาศรีสิงหเทพว่า จ่าโผนวิ่งชิงไชยนั้นเฃาเอาคำสั่งลงมาแล้ว ให้เอาตัวไปสอบถามดู ว่าคนที่กรมหมื่นสรรพสิทธิ ฯ สั่งให้ปล่อยแล้วทำไมจึ่งไม่ปล่อย

แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำหลวงสมรรคสโมสรยกระบัตรซ้ายฝ่ายพระราชวังบวรฯ กรุงเก่ากราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาราชการบ้านเมือง โปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานผ้าพรรณนุ่งห่มตามสมควร

แล้วพระยาสีหราชเดโชไชย กราบถวายบังคมลายืนชิงช้า จึ่งมีพระราชดำรัสด้วยพระยาสีหราชเดโชไชยว่า คนไม่ภอกระบวนแห่ก็ฃอเอาทหารช่วยเฃ้าบ้าง แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๓ นาย ให้จหมื่นประธานมณเฑียร เปนพระสำเร็จสมบัติ มีตำแหน่งราชการในพระคลังมหาสมบัติ ฝ่ายพระราชวังบวร ฯ คงถือศักดินา ๘๐๐

ให้จ่าห้าวยุทธการ เปนพระศิริไอสวรรย์ มีตำแหน่งราชการในพระคลังมหาสมบัติฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๑๐๐๐

ให้จ่าชำนาญทั่วด้าว เปนหลวงโกษากรวิจารณ์ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๖๐๐

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๕๖ วัน ๓ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๕ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร เสด็จออกทอดพระเนตรกระบวนแห่ พระยาสีหราชเดโชไชยยืนชิงช้าที่พระที่นั่งสุทไธยสวรรย์ตามเคย

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกประทับที่ออกขุนนาง แต่หามีราชการสิ่งใดไม่ โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานเบี้ยหวัดมหาดเล็กแล้วทั้ง ๔ เวร สิ้นเงิน ชั่ง บาท เวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๕๗ วัน ๔ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๖ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมุขตวันออก พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการเสนาบดีว่าการต่างประเทศ นำ เซอ เอด เวิดโอมันเล ตระลาการใหญ่เมืองสิงคโปร์ ๑ แลเคอลแนล เปอตัน บราวน์ นายทหารปืนใหญ่อังกฤษ ๑ รวม ๒ นาย เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชปฏิสันฐารไต่ถามด้วยตามสมควร แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ ก็นำ เซอ เอดและแลเคอลแนลออกมาจากที่เฝ้า แล้วเสด็จพระราชดำเนินมาประทับพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ โปรดเกล้าฯ ให้เดินกระบวนแห่สวนสนาม แต่น่าพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์มาน่าห้องเวรชาววังถึงพระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท ภอสิ้นกระบวนแล้วเสด็จพระราชดำเนินมาประทับพระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท ทรงรับพระกรพระเจ้าลูกเธออย่างสวนสนามแล้ว เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

อนึ่ง ในเดือน มกราคมนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชายบริพัฒน์สุขุมพันธ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชายจักรพงษภูวนารถจะได้แห่รับพระสุพรรณบัตรเปนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนทั้งสองพระองค์ โปรดเกล้า ฯ ให้ซ้อมกระบวนแห่ตั้งแต่วันที่ ๒ มกราคม จนถึงวันที่ ๕

ครั้นถึงวันที่ ๖ เปนการแห่สวนสนาม คือมีพระเจ้าลูกเธอลงประทับในพระที่นั่งพุดตาลแลมีกระบวนทั้งฃ้างน่าข้างใน } เต็มที่

วันที่รัชกาล ๘๔๕๘ วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๗ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งสุทไธยสวรรย์ โปรดเกล้า ฯ ให้เดินกระบวนแห่พิธียัมพวายตามเคย เวลาย่ำค่ำเศษสิ้นกระบวนแล้ว เสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่ตำหนักสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช วัดบวรนิเวศนวิหาร จนเวลายามเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

วันที่รัชกาล ๘๔๕๙ วัน ๖ ๑๐ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๘ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

วันนี้ มีการสวนสนามตามเคย

เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับที่พระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท ทรงรับพระกรส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์แล้ว เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๐ วัน ๗ ๑๑ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๙ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๙ ฉบับ

ฉบับ ๑ เมืองเพชรบูรณ์ ลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าได้แต่งให้หมื่นภักดีกรมการ คุมเครื่องราชบรรณาการปี ๑๐๘ ฃอนดอก ๒ ท่อน ฃี้ผึ้งหนัก ๑๐ ชั่งจีน แหน่ง ๑๐๐ ชลอม เนียม ๑๐๐ ชลอม เสื่อลวด ๑๕ ลวด ลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย

ฉบับ ๒ บอกเมืองฉะเชิงเทรา ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๑๑๐ ว่า เจ้าอธิการทินกับราษฎรฃอที่ผูกพัฒเสมาวักหนองแหม ยาว ๑๑ วา กว้าง ๗ วา

ฉบับ ๓ ว่านายจันดี อำแดงแป ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดบุศบันจันดีศรัทธาราม ยาว ๑๑ วา กว้าง ๗ วา

ฉบับ ๔ บอกเมืองกำแพงเพชร ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่า พระยากำแพงเพชรกับภรรยา ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดบาง ยาว ๗ วา กว้าง ๑๐ วา

ฉบับ ๕ ว่านายยังกับราษฎร ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดบ่อถ้ำ ยาว ๑๕ วา กว้าง ๑๐ วา

ฉบับ ๖ บอกเมืองอ่างทอง ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๑๑๐ ว่า เจ้าอธิการฃ่อยกับราษฎร ขอที่ผูกพัฒเสมาวัดฃ่อย ยาว ๑๕ วา กว้าง ๙ วา

ฉบับ ๗ บอกเมืองนครสวรรค์ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่า เจ้าอธิการปั้นกับราษฎร ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดช่องลม แฃวงเมืองบรรพตพิไสย ยาว ๙ วาสองศอก กว้าง » วาสองศอกคืบ

ฉบับ ๘ ว่าเจ้าอธิการสิงกับราษฎรขอที่ผูกพัฒเสมาวัดเนิ่นฃี้เหล็ก แฃวงเมืองบรรพต ยาว ๙ วาสองศอก กว้าง ๖ วาศอกคืบ

ฉบับ ๙ ว่าเจ้าอธิการแฉ่งวัดเนิ่นมฃามเตี้ย แขวงเมืองบรรพตพิไสย ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัด ยาว ๙ วาสองศอก กว้าง ๖ วาศอกคืบ

พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหม ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเจ้าหมื่นเสมอใจราชฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่างทเลตวันตก ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าได้มีหนังสือไปเตือนผู้ว่าราชการซึ่งทำภาษีอากรเมืองรนอง ตอบมาว่าได้จ่ายราชการตามท้องตราได้ส่งบาญชีเข้ามากรุงเทพฯ

เมืองตกั่วทุ่งได้นำเงิน ๑๔๔๐๐ เหรียญ ฝากแบงก์เมืองปีนังแล้ว ฉบับ ๒ บอกเมืองหลังสวน ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๑๑๐ ว่าดีบุกอากรได้จัดไว้คอยคลื่นลมสงบแล้ว จึ่งจะคุมเข้ามาส่ง

ฉบับ ๓ บอกเมืองถลาง ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าฃอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพพระยาถลาง (เกษ)

จึ่งมีพระราชดำรัสด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย ว่าพัฒเสมานั้นเห็นจะกว่าพันกว่าหมื่นแล้ว พระองค์เจ้าโสบัณฑิคยกราบบังคมทูลว่าจะลองคิดบาญชีดูว่าจะมีมากน้อยเท่าใด แล้วดำรัสว่ากรมศึกษาได้คิดบาญชีถวายแล้ว แล่วรับสั่งถามเจ้าฟ้ากรมฃุนนริศราว่า ที่ตึกน่าวัดราชบุรณนั้น เปนการตกลงกับมิศกาซีแล้วฤๅยัง เจ้าฟ้ากรมฃุนกราบบังคมทูลว่ายังไม่ตกลง จึ่งดำรัสว่าเปนการป่วยการมาก

แล้วเจ้าฟ้ากรมขุนฯ กราบบังคมทูลว่า ก็ได้ทำไปบ้างแล้ว ในเดือนละ ๒๐๐ ชั่ง แล้วดำรัสถามว่าเอาเงินที่ไหนทำ เจ้าฟ้ากรมขุนกราบบังคมทูลว่าแบ่งมาจากห้างมิศซิก

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๑ วัน ๑ ๑๒ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๐ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกทรงรับขึ้นเครื่องโต๊ะที่พระที่นั่งดุสิดมหาปราสาท จนเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๒ วัน ๒ ๑๓ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๑ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาบ่ายพระราชาคณผู้ใหญ่ผู้น้อย รวม ๓๐ รูป มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมสมเด็จพระปวเรศร์วริยาลงกรณ์ นำเปนประธานบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลา ๒ ทุ่มเศษเด็จออกจุดเทียนเครื่องนมัศการ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายบริพัฒสุขุมพันธ์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจักรกระพงษภูวนารถ ถวายไตรแพร ย่ามกำมหญี่ปัก พัดรองปักเปนลายฃองสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์ ถวายองค์ละ ๑๕ รูป แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอติเรกพระพรลากลับ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้กอมมิดตีที่ ๑ ได้รับชิ้นลายคราม พื้นครามฃองผู้ที่นำมาตั้งแล้ว กอมมิดตีทั้ง ๓ กองประชุมตัดสินรางวัลผูกผ้าชิ้นเหล่านั้นแล้วเสร็จ

เวลา ๓ ยามเศษ เสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๓ วัน ๓ ๑๔ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๒ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

วันนี้เปนวันแห่รับพระสุพรรณบัตร เฉลิงพระนามตามเคยที่กล่าวมาแล้ว เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จส่งพระกรฃ้างในแล้วเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท ภอกระบวนแห่ถึงแล้ว ทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์ แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิดมหาปราสาท

เวลาทุ่มเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จลงส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์ท่ี่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกฃปราสาท ภอกระบวนแห่ออกประตูพิมานไชยศรีแล้ว เสด็จฃึ้นพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาททรงรับพระกรฃ้างใน

แต่คู่เคียงกระบวนแห่ครั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายบริพัฒน์สุฃุมพันธ์ ๖ คู่ คือ

ที่ ๑ พระยาภาสกรวงษ พระยามนตรีสุริยวงษ

ที่ ๒ พระยาศรีธรรมราช พระยาราชวรานุกูล

ที่ ๓ พระยานรินทรราชเสนี พระยาศรีสิงหเทพ

ที่ ๔ พระยาพิไชยบุรินทรา พระยามณเฑียรบาล

ที่ ๕ พระยาไพบูลยสมบัติ พระยาสุรินทรราชเสนี

คู่เคียงสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจักรกระพงษภูวนารถคือคู่

ที่ ๑ พระยาสุรศักดิมนตรี พระยาสีหราชเดโชไชย

ที่ ๒ พระยามหาอำมาตยาธิบดี พระยานรรัตนราชมานิติ

ที่ ๓ พระยาราชประสิทธิ พระยาอนุชิตชาญไชย มาได้วันหนึ่งป่วย พระยาพิพัฒนโกษาแทนพระยายอนุชิตฯ

ที่ ๔ พระยาไชยวิชิต พระยาสุรินทรฦๅไชย

ที่ ๕ พระยาจ่าแสนบดี พระยาประสิทธิศุภการ

ที่ ๖ พระยาราชโยธา พระยาเสนาภูเบศร

เวลายามเศษเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กอมมิดตี กองที่ ๒ รับชิ้นเครื่องโต๊ะแลประชุมตัดสินรางวัลเสร็จแล้ว

เวลา ๑๐ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๔ วัน ๔ ๑๕ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๓ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จลงส่งพระกรข้างใน แล้วเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท ทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์แล้ว เสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

เวลาทุ่มเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จลงส่งพระกร แล้วเสด็จขึ้นรับพระกรข้างใน เวลายามเศษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โปรดเกล้าฯ ให้กอมมิดตี กองที่ ๓ รับชิ้นเครื่องโต๊ะตั้งประชุมตัดสินรางวัลแล้วเสร็จ

เวลาย่ำรุ่งเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๕ วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๔ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษลงส่งพระกรข้างใน แล้วเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท เสด็จทรงพระราชยานไปประทับพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกฃปราสาท ทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์แล้ว เสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาทุ่มเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จลงส่งพระกรแล้วเสด็จขึ้นรับพระกรฃ้างใน

เวลายามเศษเสด็จออกพระที่นั่งดุสิดมหาปราสาท โปรดเกล้า ฯ ให้กอมมิดตีกองที่ ๑ ได้รื้อเครื่องโต๊ะที่คุมครั้งที่ ๑ นั้นลง กอมมิดตีกองที่ ๒ ได้คุมโต๊ะใหม่แล้วเสร็จ

เวลา ๘ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๖ วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๕ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวสาเช้าโมง ๑ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วเสด็จทรงพระดำเนินไปประทับพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ทรงส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์แล้ว เสด็จทรงพระราชยานผ่านน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มาประทับพระที่นั่งอาภรณพิโมกข์ปราสาท ภอกระบวนแห่มาถึงทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์แล้ว เสด็จฃึ้นพระที่นั่งดุสิดมหาปราสาท

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์ เปลื้องเครื่องทรงเครื่องถอด ครั้นเวลาเช้าโมง ๑ กับ ๒๕ นาทีในระหว่างพระฤกษทรงจูงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์เสด็จประทับที่สรงน้ำ ณ เขาข้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเสร็จแล้ว เสด็จมาสู่พระแท่นที่สรงน้ำพระพุทธมนต์ เพดานมีฉัตร ๕ ชั้น ทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์แล้ว โปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชประทานน้ำพระพุทธมนต์ แลพระเจ้าราชวรวงษเธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ กรมพระภาณุพันธุวงษวรเดช พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ กรมหลวงเทวะวงษวะโรประการ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ เจ้าฟ้ากรมฃุนนริศรานุวัติวงษ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล แล้วเจ้าพระยารัตนบดินทรที่สมุหนายก พระยาภาสกรวงษที่เกษตราธิบดี พระยามนตรีสุริยวงษแทนที่สมุหพระกลาโหมถวายน้ำพระพุทธมนต์ พราหมณ์ก็ถวายน้ำกลดสังข์ตามไสยวิธี

สรงเสร็จเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงเครื่องเฉียงพระอังษาอย่างขัติยราชกุมาร แล้วทรงจูงพระกรมาประทับเหนือพระเก้าอี้น่าพระแท่นมณฑล พระบรมวงษานุวงษข้าราชการประชุมพร้อมกัน อาลักษณอ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการจบแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จเข้าไปน่าพระที่นั่งทรงหลั่งน้ำพระมหาสังฃ์แลทรงเจิมแล้วพระราชทานพระสุพรรณบัตร แลใบกำกับพระสุพรรณบัตร คำประกาศเฉลิมพระนาม แลเครื่องราชอิศริยาภรณมหาจักรกรีบรมราชวงษ แลพระราชลัญจกรแล้วพระราชทานพระมาลาหุ้มตาด ประคำสายดิ่งพระเครื่องรางทองคำ พานหมากเสวยลงยา เครื่องในลงยา หีบหมากเสวยลงยา กาน้ำทองคำ ที่ชาทองคำ พระแสงดาบยี่ปุ่นฝักลงยา พระแสงกระบี่สันปรุลงยา พระแสงกั้นหยั้นเหมือนกันทั้งสองพระองค์

ครั้นพระราชทานแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมฃุนทั้งสองพระองค์ทูลเกล้า ฯ ถวายต้นไม้ทองเงิน ธูปเทียนปิดทอง แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงษานุวงษถวายอาหารบิณฑบาตพระสงฆ์ ๓๐ รูปรับพระราชทานฉันแล้ว จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมฃุนทั้งสอง ถวายของไทยธรรม แลเหรียญที่รฤกแก่พระสงฆ์ ๓๐ รูปแล้ว เสด็จขึ้นทรงเครื่องอย่างเทศที่ได้พระราชทาน ทรงพระมาลาตาดเหน็บพระแสงกั้นหยั่น เวลาเช้า ๔ โมงเศษแห่กลับ กระบวนเปลี่ยนเครื่องสีชมพูตามธรรมเนียม เสด็จฃึ้น

อนึ่ง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์นี้ คือแห่รับพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามตามในพระสุพรรณบัตรว่า

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายบริพัฒน์สุขุมพันธ์ ดิลกจันทรนิภาพงษมหามกุฎวงษนราธิราช จุฬาลงกรณนารถราชวโรรสอดุลย์ยศอุภโตพงษพิสุทธิ์ นรุดมรัตนขัติยราชกุมารกรมฃุนมไหสูริย์สงขลา มุสิกนาม ทรงศักดินา ๔๐๐๐๐

เจ้ากรม เปนฃุนมไหสูริย์สงขลา ถือศักดินา ๘๐๐

ปลัดกรม เปนหมื่นจำปาศักดิเกษตร ถือศักดินา ๖๐๐

สมุหบาญชี เปนหมื่นปลิกเทศพลานุรักษ ถือศักดินา ๓๐๐

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจักรพงษภูวนารถ นริศรราชมหามกุฎวงษ จุฬาลงกรณนรินทร สยามพิชิตินทรวรางกูรสมบูรณพิสุทธิชาติฃัติยราชกุมาร กรมฃุนพิศณุโลกย์ประชานารถ มุสิกนาม ทรงศักดินา ๔๐๐๐๐

เจ้ากรม เปนฃุนพิศณุโลกย์ประชานารถ ถือศักดินา ๘๐๐

ปลัดกรม เปนหมื่นมาตยหริภุญไชย ถือศักดินา ๖๐๐

สมุหบาญชี เปนหมื่นกลันตไนยสุริยพล ถือศักดินา ๓๐๐

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ทั้งสองพระองค์ทรงเครื่องต้นแห่มาสมโภช เสด็จลงส่งพระกรข้างในแล้ว เสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทเสด็จไปทับพระที่นั่งอาภรณพิโมกข์ปราสาท ทรงรับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอแล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอประทับเหนือพระที่นั่งกงน่าพระที่นั่งเสวตรฉัตร พราหมณ์ก็เบิกแว่น พระบรมวงษานุวงษแลเสนาบดีฃ้าราชการรับแว่นเวียนเทียนสมโภชโดยทักษิณวัฏคำรบเบญจวาร พราหมณ์ก็กระทำการศิริสมโภชตามประเพณีแล้ว จึงทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์แลทรงเจิมพระราชทานทองคำใบหนัก ๑ ชั่ง เงินพระคลังมหาสมบัติ ๒๐ ชั่ง เงินพระคลังข้างที่ ๒๐ ชั่ง กับหนังสือสำคัญเงินพระคลังข้างที่ พันชั่งแทนสมโภชซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศห้ามพระบรมวงษานุวงษแลฃ้าราชการที่จะสมโภชนั้น เท่ากันทั้งสองพระองค์แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าราชวรวงษเธอ กรมฃุนบดินทรไพศาลโสภณ ๑ สมเด็จกรมพระจักรพรรดิพงษ ๑ สมเด็จกรมพระภาณุพันธ์วงษวรเดช ๑ กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ ๑ กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ ๑ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ ๑ กรมหมื่นนราธิปประพันธพงษ ๑ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัติวงษ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑

ฝ่ายฃุนนาง เจ้าพระยารัตนบดินทร, พระยาภาสกรวงษ, พระยามนตรีสุริย์วงษ, พระยาอิศรานุภาพ, ถวายทรงเจิมตามลำดับ

เวลาทุ่มเศษแห่กลับ เสด็จฃึ้น

เวลายามเศษเสด็จออก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โปรดเกล้าฯ ให้กอมมิดตี กองที่ ๓ ได้ตั้งโต๊ะเครื่องสี

อนึ่ง ในการตั้งโต๊ะครั้งนี้ มีเหรียญรางวัลพระราชทานฉเพาะชิ้นนั้นตามชั้นที่กอมมิดตีตรวจตัดสิน แลชิ้นใดที่ดียิ่งได้ผูกแพรเหลือง แล้วพระราชทานป้ายเปนอักษรจีนว่า (เซียงฮ้อ) เปนเครื่องหมายว่า ชิ้นนั้นพิเศษแลมีรางวัลกอมมิดตีด้วย

เวลา ๘ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๖๗ วัน ๗ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๖ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๖๘ วัน ๑ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๗ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๖๙ วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๘ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

อนึ่ง วันนี้จะได้มีมหาชาตที่พระที่นั่งทรงธรรมในการบำเพ็ญพระราชกุศลของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี เวลาย่ำรุ่งเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงโปรดนิมนต์พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เข้ามาถวายเทศนามหาเวสสันดรชาฎกทศพร จบลงแล้ว พระบรมราชเทวีทรงถวายของเครื่องไทยธรรมกับเงินตรา ๕ ตำลึง พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร ถวายเทศนาหิมพานต์เครื่องไทยธรรมท้องกันตามเคย แต่มีรางวัลวิเศษอิกสองชั่ง

เพราะถวายเทศนาตามแบบอย่างเรียบร้อยดี แล้วพระครูธรรมวิจารณ วัดศรีสุดาราม ถวายเทศนาทานกัณฑ์ หม่อมเจ้าพระพร้อมเปรียญถวายเทศนากัณฑ์วันประเวศน์ พระราชทานรางวัล ๑๐ ตำลึง แล้วพระสอนวัดกุฎีเมืองอ่างทอง ถวายเทศนาชูชก พระราชทานรางวัล ๑ ชั่ง เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จขึ้น มีเทศนาต่อไป หม่อมเจ้าเณรนพมาศ ถวายเทศนาจุลพน หม่อมเจ้าชัชวาลถวายเทศนามหาพน เจ้าอธิการวัดพิกุล ถวายเทศนากุมาร เวลา๒ ทุ่มเศษเสด็จลงกุมารจบ พระราชทานรางวัล ๑ ชั่ง ๕ ตำลึง แล้วพระศรี วัดสุวรรณาราม ถวายเทศนามัทรี พระราชทานรางวัล ๑ ชั่ง ๔ ตำลึง

แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ถวายเทศนาสักกะบรรพจบลงแล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงจูงสมเด็จพระบรมโอรสาริราช ฯ เข้าไปรับเครื่องกัณฑ์ที่พระบรมราชเทวี แล้วพระแจ้ง วัดมหาธาตุ ถวายเทศนามหาราช พระราชทานรางวัล ๑๐ ตำลึง

แล้วหม่อมเจ้าเณรดไนยวรนุช ถวายเทศนาฉกษัตริย์ พระราชทานรางวัล ๑๐ ตำลึง พราะครูไกรสรวิลาศ วัดพระเชตุพน ถวายเทศนานครกัณฑ์ พระราชทานรางวัล ๑ ชั่ง แล้วเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๗๐ วัน ๓ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๙ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาบ่ายมีเทศนาจตุราริยสัจต่อไป พระธรรมราชานุวัตร ถวายเทศนาทุกฃอริยสัจ พระอมราภิรักฃิต ถวายเทศนาสมุทยอริยสัจ พระวิเชียรมุนี ถวายเทศนาทุกฃนิโรธอริยสัจ พระธรรมวโรดม ถวายเทศนานิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ

เครื่องบูชากัณฑ์ เหมือนกับเทศนามหาชาต

วันที่รัชกาล ๘๔๗๑ วัน ๔ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๐ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพ นำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองปราจิณบุรี ลงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ ส่งเงินผูกปี้ค่าแรงจีน ๕๒๔ คน เงิน ๒๖ ชั่ง ๔ ตำลึง

ฉบับ ๒ บอกเมืองสระบุรี ลงวันที่ ๑๔ กันยายน ร,ศ, ๑๑๐ ฃอหลวงแพ่งกรมการเปนที่หลวงศรีสรภูมยกรบัตร

ฉบับ ๓ บอกพระพิเรนทรเทพข้าหลวงเมืองนครราชสีห์มา ลงวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายน ได้ชำระความนครบาลแพ่งแล้วไป ๓๔ เรื่อง

พระวิจารอาวุธนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ ฉบับ ๑ บอกเมืองสงขลา ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการพระราชทานผ้าไตรกฐินออกไปพระราชทานวัดมัชฌิมาวาศ

ฉบับ ๒ บอกเมืองถลาง ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา

จึ่งดำรัสถามพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ ว่าใครมานั่งพับเพียบท้าวแฃนอยู่หลังฃุนนางเปนหมู่ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ จึ่งกราบบังคมทูลว่าผู้ที่จะเข้ามารับพระราชทานสัญญาบัตร คือกรมพระสุรัศวดี กรมพระแสงหอกดาบ กรมท่ากลางฝ่ายพระราชวังบวรฯ แล้วหลวงมหาสิทธิโวหารกรมพระอาลักษณ์นำสัญญาบัตรเข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวาย จึ่งดำรัสสั่งว่ายกเลิกยังไม่พระราชทาน ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์มีพระราชหัดถเลขาไปต่อว่า กรมพระสุรัศวดี กรมวัง กรมท่า ว่าคนที่เฃ้ามาเฝ้าคอยรับพระราชทานสัญญาบัตรเฃ้ามาพับเพียบท้าวแฃนเฝ้าจะเปนการเคารพหรือไม่เคารพ จะเปนการเคารพก็หมอบลงหรือยืนขึ้น จึงจะเห็นว่าเปนการเคารพ นี่เฃ้ามานั่งท้าวแฃนมองดูดังนี้ ตั้งแต่คราวนี้ให้กรมวังคอยตรวจดูมักมีชุมๆ ถ้าเสด็จออกขุนนางมักมีคนมานั่งมองดู ทอดพระเนตรเห็นบ่อยๆ แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ฃ้าราชการ ๕ นาย แก่ผู้ที่มายืนเฝ้าตามตำแหน่ง

ให้นายเอิบ มหาดเล็กเวรสิทธิ บุตรพระยาวิเศษโภชนา เปนนายบรรจงสารวินิจ หุ้มแพรวิเศษในกรมพระอาลักษณ์ ถือศักดินา ๕๐๐

ให้นายนาค มหาดเล็กเวรศักดิ บุตรพระยาวิชิตชลที ผู้ว่าราชการเมืองตาก (ยัง) เปนนายประสิทธิวรรณลักษณ์ หุ้มแพรวิเสศกรมพระอาลักษณ์ ถือศักดินา ๕๐๐

ให้หมื่นรจนานิมิตร เปนฃุนปฏิภาณพิจิตร มีตำแหน่งราชการในกรมพระอาลักษณ์ ถือศักดินา ๖๐๐

ให้หมื่นบวรลิกฃิต เปนฃุนพิพิธอักษรพรรณ มีตำแหน่งราชการในกรมพระอาลักษณ์ ถือศักดินา ๖๐๐

ให้ฃุนรจนาอาศน์ นายเวร ชาวที่ใหญ่ เปนฃุนพิพิธมณเฑียรเจ้ากรมเฝ้าพระที่นั่งดุสิดมหาปราสาท ถือศักดินา ๖๐๐

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จฃึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๗๒ วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๑ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๗๓ วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๒ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำศุภอักษร ๑ บอก ๗ รวม ๘ ฉบับ ในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล

ฉบับ ๑ ศุภอักษรเจ้านครเชียงใหม่ ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าในปี ๑๑๐ มีฝนตกน้อยราษฎรทำนาไม่ได้ผล ราคาเข้าเปลือกซื้อขายแก่กัน ร้อยสัตเปนเงิน ๕๐ รูเปีย

ฉบับ ๒ บอกพระภักดีณรงค์ ฃ้าหลวงที่ ๒ เมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๑๑๐ ว่าท้าวเพี้ยกรมการแลคู่ความโจทจำเลย ว่าปี ๑๐๘ ๑๐๙ } ทำนาไม่ได้ผล ปี ๑๑๐ เดือนกรกฎาคม ฃอเลิกโรงศาลไปทำนาถึงเดือนตุลาคม จึ่งจะกลับเฃ้ามาว่าความ

ฉบับ ๓ ว่าเดือนกรกฎาคม ๑๑๐ น้ำในลำมูนลำพาชียังน้อย จะเอาเรือเฃ้าไปบรรทุกเฃ้าหาได้ไม่ ราคาเฃ้าเปลือกซื้อฃายแก่กันหาบละ ๒ ตำลึง ๒ บาท

ฉบับ ๔ ว่าฃ้าหลวงคุมโคกระบือฃองหลวงไปทำนาได้ ๒๕๙ ไร่ ถึงวันที่ ๑๕ กันยายน น้ำมากท่วมเข้าของหลวงเสียไปประมาณ ๓ ส่วน ยังส่วน ๑

ฉบับ ๕ ว่าราษฎรทำนาในแขวงเมืองอุบลราชธานี เดือนตุลาคม ปี ๑๑๐ น้ำมากกว่าปี ๑๐๘/๑๐๙ ลึกประมาณ ๔ วาเศษ ท่วมเฃ้าราษฎรเสียประมาณกึ่งหนึ่ง ราคาเข้าสารซื้อขายกัน ถังละ ๓ บาท ๑๓ อัฐ

ฉบับ ๖ บอกเมืองพิไชย ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าผ้าลายผ้าขาว } ซึ่งส่งฃึ้นไปพระราชทานแจกครัวเมืองหลวงพระบาง ยังเหลืออยู่ที่เมืองพิไชยผ้าลาย ๖๑ กุลี ผ้าฃาว ๕๓ พับ มอบให้หลวงพิไชยภักดีผู้รักษาเมืองน้ำปาดคุมลงมาส่ง

ฉบับ ๗ ฃอหลวงพิไชยภักดี เปนที่พระสงครามภักดี ผู้ว่าราชการเมืองน้ำปาดฃึ้นเมืองพิไชย

ฉบับ ๘ บอกเมืองพิจิตร ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าหลวงประชาบาลกับราษฎร ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดดงกลาง ยาว ๑๓ วา กว้าง ๙ วา

พระวิจารอาวุธนำบอกเมืองรนอง กรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าลูกจ้างทำทางได้ ๑๔ ๑๕ } วัน บอกป่วยบ้าง ลาไปบ้าง

ฉบับ ๒ ว่ามีตราออกไปให้กะค่ากินค่าจ้างคนทำทางไปเมืองชุมพร ได้คิดค่ากินค่าจ้าง } รวมกันคนหนึ่งเดือนละ ๙ เหรียญ

ฉบับ ๓ ว่าซึ่งจะให้คุมคนโทษในเมืองชุมพรไปทำทางนั้นเห็นจะไม่ได้ด้วยเมืองชุมพรเฃตรแดนต่อกับเมืองมลิวัลฝ่ายอังกฤษ ถ้าคนโทษหนีไปเมืองมลิวัลผู้คุมก็จะหนีไปเสียด้วย

ฉบับ ๔ ว่าค่าจ้างช้างบรรทุกของ ตั้งแต่เมืองชุมพรถึงกระบุรี ราคา ๑ ตำลึง ๑ บาท แต่ราคาชักไม้เครื่องตะพานวันละเทียว ไม้ยาว ๕ วา ราคา ๑ บาท

จึ่งมีพระราชดำรัสด้วยเจ้าฟ้า กรมขุนนริศรานุวัติวงษ ว่าได้ทรงรับหนังสือกรมหลวงพิชิตปรีชากรฉบับ ๑ ว่าด้วยการถนนเก่าตั้งแต่พระตะบองไปเมืองศรีโสภณฃาดอยู่ใน ๓๐๐ เส้นจะถึงศรีโสภณ ถนนนั้นเปนดินแดงกว้างอยู่ในสัก ๖ วา

แต่ทางเกวียนที่เดินนั้น ไม่เปนฝุ่นฟุ้งเหมือนทางเมืองนครราชสีห์มา แล้วมีทางอยู่จำเพาะทางเกวียนเท่านั้น แต่นอกจากทางเกวียนนั้นต้นไม้ฃึ้นเสียหมด แล้วตะพานข้ามที่ตะพานนั้นแสายังดี เปนแต่รอดกับกระดานชำรุด

ฉันคิดว่าให้ใครขึ้นไปตรวจดูแต่ไม่ต้องลงทุน เพราะไพร่หลวงอาษาของเรามีเวลานี้ก็ไม่มีเกนเสาเมรุเสาเกนอไร เกนมาทำทางแลเกนไม้ทำตะพาน แต่ปีหนึ่งให้คิดออกไปตรวจทำเสียคราวหนึ่ง แล้วดำรัสสั่งพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ว่า ปริศปอนเด็นกระลาโหม มหาดไทย แลกรมท่า มีอยู่ที่ออฟฟิศหลวง เวลานี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชว่างอยู่ ให้จัดหามีมาให้อ่านแล้วกะดูจะให้อ่านวันละเท่าใดจนหมดสักกี่ปีจะแล้วก็ตาม แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๔ นาย ให้หลวงพิศณุเสนี เปนพระราชมานู เจ้ากรมกลองชนะฃวา ถือศักดินา ๑๐๐๐ ให้นายกลอมการเวก เปนหลวงพิศณุเสนี เจ้ากรมกลองชนะซ้าย ถือศักดินา ๑๐๐๐ ให้ฃุนวิเสศ เปนพันทอง ปลัดกรมอภิรมย์ ถือศักดินา ๓๐๐ ให้ราชวงษเมืองโพนพิไสย เปนอุปฮาดเมืองโพนพิไสย

เวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วันนี้เวลาเช้าโมง ๑ กับ ๑๕ มินิดเปนพระฤกษ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชลาผนวชจากสามเณร เวลาเช้า ๓ โมงเศษเสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง ประทับในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมุขด้านตวันออก

วันที่รัชกาล ๘๔๗๔ วัน ๗ ๑๐ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๓ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยฃึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๗ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระภักดีณรงค์ ข้าหลวงที่ ๒ เมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระนางเจ้า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช

ฉบับ ๒ บอกเมืองนครเสียมราษฎ์ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา

ฉบับ ๓ บอกเมืองอ่างทอง ลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการพระราชทานผ้าไตรกฐิน เครื่องบริกขารออกไปพระราชทานวัดป่าโมกข์ วัดไชโย

ฉบับ ๔ บอกเมืองอินทรบุรี ลงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการโรงพยาบาลเมืองอินทรบุรี

ฉบับ ๕ บอกเมืองสระบุรี ลงวันที่ ๑ ธันวาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการพระราชทานผ้าไตรกฐินเครื่องบริกฃารขึ้นไปให้พระราชทานวัดเฃาแก้ว วัดสมุหประดิษฐ

ฉบับ ๖ ว่าน้ำฝนในราษีกัน ปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙/๕ นิ้ว ๒ ทสาง น้ำท่าขึ้น ๔ ศอก ๑๑ นิ้ว มากกว่าปี ๑๐๙/๒ ศอก ๑๑ นิ้ว น้ำท่าในราษีดุล ปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙/๓ ศอกคืบ ราษฎรเก็บเกี่ยวได้ประมาณ ๒ ส่วน ยัง ๓ ส่วน

ฉบับ ๗ บอกเมืองสุโฃทัย ลงวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าพวกลาวเมืองนครลำปางค์ เมืองเถิน มาฃอหุงดินประสิวที่ถ้ำเจ้าราม ได้ดินประสิวสองร้อย ๙๐ หาบ ๑๐ ชั่ง เก็บชักดินประสิวไว้ ๑๐ ซัก ๑ ได้ ๒๙ หาบ ๑ ชั่ง จ่ายกรมการผู้กำกับ ๒ หาบ ฃอไว้สำหรับเมือง ๗ หาบ ๑ ชั่ง เหลืออีก ๒๐ หาบ มอบให้กรมการคุมลงมาส่ง

พระวิจารณอาวุธนำบอกกรมพระกระลาโหม ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ ฉบับ ๑ บอกเมืองสงขลา ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๑๑๐ ว่า เลขส่วยแทนไม้กระดาน ฃุนหมื่น เสมียน ทนาย เชลย ๕๔๑ คนๆ ละ ๓ บาท ๒ สลึง เลฃสม ๗๓๒ คนๆละ ๗ บาท รวม ๑๒๗๓ คน เปนเงิน ๘๒ ชั่ง ๑ บาท ๒ สลึง มอบให้กรมการคุมเฃ้ามาส่ง

ฉบับ ๒ ว่าเลฃส่วยทองปี ๑๐๙ จีน ๑๘๓ คน ทองคนละ ๑ สลึง ๑ เฟื้อง เปนทอง ๑๓ ตำลึง ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ส่งเงินแทนบาทละ ๑๗ เงิน ๑๔ ชั่ง ๑๑ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง

ฉบับ ๓ ว่าผลกระวานเกนเมืองสงฃลาจำนวนปี ๑๑๐ ผลกระวาน ๒ หาบ กรรแชงเตย ๒๐ ผืน มอบให้กรมการคุมเข้ามาส่ง

ฉบับ ๔ บอกเมืองปทุมธานี ลงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีกันปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙/๘ นิ้ว ๙ ทสาง ราษฎรปักดำทำนาได้ประมาณ ๗๐๐๐๐ ไร่ ราคาเฃ้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนาน เกวียนละ ๙ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง

ฉบับ ๕ บอกเมืองราชบุรี ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในรานีกันปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙/๑ นิ้ว ๕ ทสาง น้ำฝนในราษีดุลปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙/๓ นิ้ว ราษฎรไถหว่านปักดำทำนาได้แล้วประมาณ ๒๐๐๐๐ ไร่ราคาเฃ้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนาน เกวียนละ ๑๐ ตำลึง ๒ บาท

จึ่งมีพระราชดำรัสด้วยพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ว่า การฉลองพระพุทธรูปฃองพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบันฑรวรรโณภาษนั้น อยากจะให้ได้ฉลองเสียสิ้นเดือนนี้ แล้วจะได้เอาไปวัดเสียทีเดียว แล้วรับสั่งถามพระยาวุฒิการบดีว่า การถวายผ้าจำพรรษาปีนี้นั้น ถวายแล้วหรือยัง พระยาวุฒิการบดีกราบบังคมทูลยังไม่ได้ถวาย แล้วดำรัสว่า ถ้าอย่างนั้นไว้พร้อมกันกับแห่พระพุทธรูปไปไว้วัดทีเดียว แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๒ นาย

ให้นายอิน บุตรพระกัลยาภักดี เปนหลวงทิพยธารา ในกรมท่าขวาฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา ๔๐๐

ให้นายเปลี่ยน หลานพระกัลยาภักดี เปนหลวงสุนทรวารี ในกรมท่าขวาฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา ๔๐๐

เวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๗๕ วัน ๑ ๑๑ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๔ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๖ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองลพบุรี ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่ามีตราพระราชสีห์ส่งผ้าไตรกฐินแลเครื่องบริกขารขึ้นไปพระราชทานวัดมณีชลฃันธ์ วัดขิศรวราราม วัดเสาธงทองนั้น ได้นำผ้าไตรกฐินไปทอดเสร็จแล้ว ฃอถวายพระราชกุศล

ฉบับ ๒ บอกเมืองสิงคบุรี ลงวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่ามีตราส่งผ้าไตรกฐินแลเครื่องบริกขาร ขึ้นไปพระราชทานวัดพระนอนจักรศรีนั้น ได้นำผ้าไตรกฐินไปทอดเสร็จแล้ว ขอถวายพระราชกุศล

ฉบับ ๓ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่ามีตราส่งผ้าไตรกฐินแลเครื่องบริกขาร ออกไปพระราชทานวัดวรนายก วัดตูม วัดสาศดารามได้ทอดแล้ว ฃอถวายพระราชกุศล

ฉบับ ๔ บอกเมืองพระพุทธบาท ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่ามีตราส่งผ้าไตรกฐินแลเครื่องบริกฃาร ขึ้นไปพระราชทาน วัดพระพุทธบาทนั้นได้ทอดแล้ว ฃอถวายพระราชกุศล

ฉบับ ๕ บอกเมืองพระพิศณุโลก ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา

ฉบับ ๖ บอกเมืองนครสวรรค์ ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีกันปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ / ๓ นิ้ว ๒ ทสาง น้ำท่าในราษีกันปี ๑๑๐ ศอก ๕ นิ้ว มากกว่าปี ๑๐๙ ศอก ๘ นิ้ว เฃ้าไร่ของราษฎรได้ผลแล้ว ราคาเฃ้าเปลือกซื้อขายแก่กัน ตวงด้วยสัต ๒๕ ทนาน เกวียนละ ๘ ตำลึง ๒ สลึง

พระวิจารณอาวุธนำบอกเมืองรนอง กรมพระกระลาโหมฃึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ ฉบับ ๑ ลงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าได้จ่ายเงินลูกจ้างทำทางสายโทรเลฃแลเสบียงอาหารสิ่งของใช้ต่างๆ ตั้งแต่พลับพลาเมืองชุมพร ถึงเมืองกระบุรีรวมเปนเงิน ๔๔๕๗ ๖๔ } เหรียญ

ฉบับ ๒ ว่าเงินเหลือ ๗๐๕ ๔๓ } เหรียญ เฃ้ากล้อง ปลาเค็ม เคยเหลือเปนราคา ๒๗๒ ๑๗ } เหรียญ มอบให้พระยาเพชรกำแหงสงครามรักษาไว้

ฉบับ ๓ ว่าเงินล่วงนาภาษีปี ๑๑๐ เงิน ๖๓ ชั่ง ๓๗ บาท ๔๘ สลึง ได้จัดซื้อม้ารถส่งพระยานรรัตนราชมานิติแล้ว

ฉบับ ๔ ว่าเจ้าหมื่นเสมอใจราชฃ้าหลวง ได้มีหนังสือไปเร่งเงินภาษีปี ๑๐๘ ๑๐๙ ๑๑๐ } ที่เมืองรนอง จึงได้ตอบฃ้าหลวงไปว่า ได้หักจ่ายใช้ราชการแลบอกหักเฃ้ามาแล้ว

จึ่งดำรัสถามพระยานรรัตนราชมานิติว่า รถแลม้ารายนี้หรือไม่ใช่ที่พระยาเทเวศรวงษวิวัฒนสั่ง พระยานรรัตนฯ กราบบังคมทูลว่า รถม้ารายนี้

แล้วดำรัสสั่งพระยานรรัตน ฯ ว่า การมหาดเล็ก ถ้าคราวนี้ฃัดฃัองอันใดให้มาปฤกษากับชายใหญ่ เพราะมหาดเล็กเปนการแฃงแรง ใครว่าไม่ใคร่กลัว แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๒ นาย ให้ฃุนนเรนทรภักดี เปนหลวงศรีมหาราชา เจ้ากรมอาษาจามซ้าย ถือศักดินา ๑๖๐๐ ให้หมื่นชำนาญชลสินธุ์ เปนฃุนนเรนทรภักดี ปลัดกรมอาษาจามขวา ถิอศักดินา ๘๐๐ แล้วเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๗๖ วัน ๒ ๑๒ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๕ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยฃึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๖ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระพิศณุเทพ ฃ้าหลวงที่ ๒ รักษาราชการทัวเมืองลาวกาวลงวันที่ ๒๑ สิงหาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ ว่าในเดือนกันยายน เมืองสีทันดรเกิดโจรผู้ร้ายเทียวตีชิงแย่งทรัพย์สิ่งของๆราษฎรชุกชุม พระยามหาอำมาตย ฃ้าหลวงใหญ่แต่งให้ฃุนมหาวิไชย ฃึ้นไปรักษาราชการเมืองสีทันดรจับตัวอ้ายผู้ร้ายได้หลายรายเร่งฃองกลางได้คืนเจ้าฃองไป ผู้ร้ายก็สงบเรียบร้อยลง

ฉบับ ๒ บอกพระยาสุรเดช ข้าหลวงรักษาหัวเมืองลาวพวน ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา

ฉบับ ๓ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี

ฉบับ ๔ บอกพระยาไกรโกษา ฃ้าหลวงรักษาราชการหัวเมืองลาวเฉียง ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา

ฉบับ ๕ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา

ฉบับ ๖ บอกเมืองภนมศก ลงวันที่ ๒๕ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี

พระวิจารณอาวุธ นำบอกเมืองสงฃลา กรมพระกระลาโหมฃึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ ฉบับ ๑ ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าเมืองภัทลุงมีหนังสือมาว่าให้จับตัวอ้ายผู้ร้ายปล้นเจ้าของทรัพย์ตายหลายราย กับหลวงวิชิตสงครามอำเภอ ได้จับตัวส่งไปเมืองภัทลุงแล้ว อ้ายผู้ร้ายก็สงบเรียบร้อยลง

ฉบับ ๒ ว่าพระรัตนมนตรีผู้ช่วยราชการเมืองสายบุรี ป่วยเปนไฃ้จุกเสียด วันที่ ๙ สิงหาคม ถึงแก่กรรม ได้ทำบุญฝังศพเสร็จแล้ว ได้นำเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ช้างเผือกสยามชั้นที่ ๔ ภูษนาภรณ์ ๑ เฃ้ามาส่ง

จึ่งดำรัสว่า การที่จับโจรผู้ร้ายได้แล้วส่งไปให้ซึ่งกันแลกันดังนี้ การมันจึ่งได้เรียบร้อยลงได้ เมื่อแต่ก่อนต่างคนตั้งอิศรภาพเสียด้วยกันทุกเมือง ผูร้ายมันจึงได้เกิดชุกชุม แล้วดำรัสถามพระยานครศรีธรรมราชว่า ที่ทเลน้อยนั้นมีผู้ร้ายชุกชุมมีแต่กำนันอำเภอหรือมีกรมการไปอยู่บ้าง พระยานครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลว่ามีกรมการไปอยู่รักษา แล้วดำรัสถามต่อไปว่า ชาวบ้านนั้นทำมาหากินด้วยทำปลาหรือทำโตนด พระยานครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลว่า ทำปลากับทำนา โตนดมีบ้างก็เล็กน้อย จึงดำรัสถามต่อไปว่าโตนดไม่มากเหมือนสงฃลาดอกหรือ พระยานครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลว่า น้อยกว่าเมืองสงขลา แล้วดำรัสเล่าต่อไปว่าปลาในทเลน้อยชุมเต็มที เปนที่เอตซ์ฃองเมืองสงฃลาๆ บริบูรณด้วยปลาที่ทเลน้อยนี้ คล้ายกับทเลสาบเมืองเฃมร เว้นแต่เล็กกว่าทเลสาบหน่อยหนึ่ง เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินคราวนี้ จะเสด็จเข้าไปทอดพระเนตรแล้ว น้ำแห้งเสียเฃ้าไปไม่ได้ แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๑ นาย ให้นายร้อยตรี นายสรวงทหารมหาดเล็ก เปนฃุนสุรพลเรืองเดช มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดินา ๖๐๐

เวลาย่ำสองยามเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๗๗ วัน ๓ ๑๓ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๖ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๗๘ วัน ๔ ๑๔ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๗ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษวโรทัย เสด็จลงไปเลี้ยงพระสงฆ์ ๒๐ รูปในการพระราชพิธีตรุศจีนตามเคย มีสมเด็จพระพุทธโฆสาจาริย์นำเปนประธาน ที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย อาลักษณก็อ่านประกาศตามพระราชพิธีทั้ง ๓ เวลา

วันที่รัชกาล ๘๔๗๙ วัน ๕ ๑๕ ๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๘ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมุติวงษวโรทัย เสด็จไปเลี้ยงพระสงฆ์ ๒๐ รูปที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีสมเด็จพระพุฒาจาริย์นำเปนประธาน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ