- คำนำ
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๒
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๔
เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
วันที่รัชกาล ๘๓๙๑ วัน ๑ ๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำศุภอักษร ๒ ฉบับ ใบบอก ๕ ฉบับในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล
ในศุภอักษรพระเจ้านครเชียงใหม่ ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๑๑๐ ว่า วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๑๐๙ เวลา ๑๐ ทุ่มเกิดแผ่นดินไหวยอดพระเจดีย์บนเขาสุเทพหัก ได้จ้างช่างเอาทองคำหนัก ๓ ชั่ง ทำฉัตรสรวมยอดพระเจดีย์เสร็จแล้ว ขอถวายพระราชกุศล
ในใบบอก ๔ ฉบับๆหนึ่งขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพพระยาอุตรการโกศล ฉบับ ๒ บอกเมืองอุไทยธานี ลงวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๑๐ ว่าในราษีกรกฎปี ๑๑๐ น้ำฝนมากกว่าปี ๑๐๙ สิบสี่ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าปี ๑๐๙ สิบสี่นิ้ว เฃ้าเปลือกสัต ๒๕ เกวียนละ ๘ ตำลึง ๒ บาท
ฉบับ ๓ บอกเมืองศุโขทัย ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๑๑๐ ว่าในราษีกรกฎปี ๑๑๐ น้ำฝนน้อยกว่าปี ๑๐๙ เจตนิ้วสี่ทสางค์ น้ำท่ามากกว่าปี ๑๐๙ สามศอกสี่นิ้ว ราษฎรทำนาได้ประมาณกึ่งหนึ่ง ราคาเข้าเปลือกสัต ๒๕ เกวียนละ ๖ ตำลึง ๒ บาท
ฉบับ ๔ บอกเมืองพิไชย ลงวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๑๑๐ ว่าในราษีเมถุนปี ๑๑๐ น้ำฝนน้อยกว่าปี ๑๐๙ สองทศางค์ น้ำท่าน้อยกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งศอก ๕ นิ้ว ในราษีกรกฎปี ๑๑๐ น้ำฝนน้อยกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งนิ้ว น้ำท่าน้อยกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งศอกหนึ่งนิ้ว นาลุ่มทำได้นาดอนยังทำไม่ได้ เฃ้าที่จะซื้อขายกันไม่มี จึ่งให้พระณรงเรืองฤทธิคุมเงิน ๑๐ ชั่งมาจัดซื้อที่เมืองพิจิตร
ฉบับ ๕ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าตั้งแต่วันที่ ๒๓ ตุลาคมถึงวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๕ วัน น้ำลด ๑๓ นิ้ว
พระวิจารณอาวุธนำบอกเมืองกลันตัน ขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ ฉบับ ๑ ว่ามีตราพระคชสีห์โปรดออกไปว่า พระยาเดชานุชิตป่วยถึงแก่กรรม ให้พระโยธีประดียุทธ พระรัษฎาธิบดีบุตรบุรุษพิเสศ ปรองดองรักษาราชการบ้านเมืองนั้น ได้จัดการตามท้องตราแล้ว
ฉบับ ๒ ว่าได้รับของพระราชทานในการศพพระยาเดชานุชิต เครื่องษมาศพ ๑ สำรับ เงินสลึง ๑๐ ชั่ง เนื้อไม้หนัก ๒ ชั่ง ของสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี เงินสลึง ๒ ชั่ง ได้จัดการฝังศพเสร็จแล้ว ขอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๓ ว่าพระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงษ์ ออกไปชี้แจงวราชการเมืองกลันตัน ๗ ข้อ ข้อ ๑ ให้เอาความมาชำระที่บาไลใหญ่ ข้อ ๒ ที่เกณฑ์ราษฎรมาทำมารายาแล้วเก็บค่านาคนละ ๒ กันตัง เก็บเฃ้าเปลือกคนละ ๒ กันตังแล้วเก็บค่านาเฃ้าสารด้วยนั้น ค่านาแลเข้าเปลือกให้ยกเลิก คงเก็บแต่เข้าสาร ข้อ ๓ ป่าไม้แต่ก่อนห้ามไม่ให้ราษฎรตัดบัดนี้ยอมให้ตัด ข้อ ๔ ห้ามมิให้ตัดทางมะพร้าวให้ช้างกินคุมเหงราษฎร ข้อ ๕ เรื่องผู้ร้ายลักลอบปล้นต่าง ๆ ได้ให้คนคอยตรวจจับ ข้อ ๖ แขวงทุกๆตำบลให้จัดราชการตามแบบอย่าง ข้อ ๗ ราษฎรยกครอบครัวหนีไป ถ้ากลับมาไร่นาของราษฎรให้คืนให้ ได้ตกลง
วันที่รัชกาล ๘๓๙๒ วัน ๒ ๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองไชยนาท ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๑๑๐ ฉบับ ๒ บอกเมืองปราจิณบูรี ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๑๐ ฉบับ ๓ บอกเมืองพรหมบุรี ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๑๐ ฉบับ ๔ บอกเมืองสุพรรณบุรี ลงวันที่ ๑๘ กันยายน ๑๑๐
ฉบับ ๕ บอกเมืองศุโขทัย ลงวันที่ ๒๑ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษาทุกฉบับ
พระวิจารณอาวุธ นำบอกเมืองกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองชุมพร ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าได้มอบเงินเลขสร่วย ๒๒ ชั่ง ๒ ตำลึง ๓ บาท ๒ สลึง ให้หลวงอาวุธอัคนีฃ้าหลวงคุมเข้ามาส่ง
ฉบับ ๒ ว่าได้มอบเงินเลขสร่วยเมืองหลังสวน ๑๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ให้หลวงอาวุธอัคนีข้าหลวงคุมเข้ามาส่ง
แล้วพระยานรินทรราชเสมี นำหลวงอาวุธอัคนีฃ้าหลวงซึ่งไปชำระความแลเลขสร่วยเมืองชุมพรกลับเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึ่งดำรัสถามหลวงอาวุธอัคนีว่าฝนเมืองชุมพรตกมากฤๅน้อย ราษฎรทำนาได้ฤๅไม่ได้ หลวงอาวุธอัคนีกราบบังคมทูลว่าฝนปี ๑๑๐ น้อยกว่าปี ๑๐๙ ราษฎรทำนาได้บ้างเล็กน้อย จึ่งดำรัสว่าเมืองชุมพรเข้าสองซ้ำแล้ว เพราะปี ๑๐๙ ก็ทำไม่ได้
แล้วพระยานรินทรราชเสนี นำตนกูมะหมุดมหาดเล็กน้องพระยาไทรบุรี ซึ่งเข้ามารับราชการอยู่กรุงเทพฯ กราบถวายบังคมลากลับออกไปเยี่ยมมารดาแลพระยาไทรพี่ชาย ณ เมืองไทรบูรี
จึ่งดำรัสถามตนกูมะหมุดว่าพูดไทยแลอ่านหนังสือได้บ้างฤๅยัง พระยานรินทรกราบบังคมทูลว่าพูดไทยได้บ้าง แต่อายไม่ใคร่จะพูด หนังสือไทยนั้นอ่านได้บ้างเล็กน้อย
จึงดำรัสต่อไปว่าพวกนี้มักอาย จึ่งดำรัสว่ากลับออกไปเยี่ยมมารดาแลพี่ชายแล้ว ให้กลับเข้ามาเรียนหนังสือแลหัดพูดเสียให้ได้
แล้วดำรัสถามกรมหลวงพิชิตว่า ความมรฎกพระยาไชยสุรินทร์เจี่ยมนั้นไปค้างอยู่ด้วยอะไร กรมหลวงพิชิตกราบบังคมทูลว่า เดิมกรมสมเด็จพระสุดารัตนมาอายัดไว้ว่าเงินค้างพระยาไชยสุรินทร์อยู่ ๖๐ ชั่ง แล้วหลวงฤทธินายเวรกับสมบุญจึ่งไปแบ่งเอาสิ่งของเหล่านั้นตีถวายไปก็เป็นการตกลงกัน ของที่ยังเหลืออยู่กะดูประมาณสัก ๔๐ ชั่งเสศมอบไว้กลางตระลาการแล้วหลวงนายฤทธิแลสมบุญก็หาได้มาตักเตือนไม่การจึ่งได้ค้างช้าอยู่ จนหลวงนายฤทธิถึงแก่กรรม จึ่งดำรัสสั่งว่าชำระเสียให้แล้วก่อนกรมหลวงพิชิตจะขึ้นไปทันฤๅไม่ทัน กรมหลวงพิชิตกราบบังคมทูลว่าทัน
วันที่รัชกาล ๘๓๙๓ วัน ๓ ๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกแขกเมืองที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยานรินทรราชเสนี นำหวันสะมะแอ ๑ หวันดนดาหา ๑ หวันอัปดนลา ๑ เจะเหม ๑ เมืองสตูน ๔ นาย ตุรันบาโห ๑ แม่กองแจะเลาะ ๑ ปังลุสาหะ ๑ เมืองรามัญ ๓ นาย นำเครื่องราชบรรณาการปี ๑๑๐ เข้ามา เมืองรามัญ ต้นไม้ทองต้นหนึ่งต้นไม้เงินต้นหนึ่งสูง ๑ ๑ ๑ ๕ } มีชั้น ๓ ชั้น ๔ ชั้นทั้งยอด มีกิ่ง ๑๒ กิ่ง กาบ ๘ กาบ ก้าน ๔๑ ก้าน ดอก ๔๑ ดอก ใบประจำกิ่ง ๘๘ ใบ ใบโพห้อย ๘๘ เครื่องราชบรรณาการ ทองคำหนัก ๓ ไทย หอกคอทองเถลิงทอง ๑ คู่ หอกคอเงินเถลิงเงิน ๑ คู่ หอกคอทองเลว ๓ คู่ ผ้าขาวขาว ๒๔ ศอก ๒๐ พับ ผ้าขาวขาว ๕๐ ศอก ๑๐ พับ พรมเทศ ๕ ผืน หวายตะก้า ๒๐๐ กำ หวายหิน ๒๐๐ ขด กันแชงเตย ๒๐ ผืน
เมืองสตูน ต้นไม้ทองต้นหนึ่งต้นไม้เงินต้นหนึ่งสูง ๐ ๑ ๑ ๕ } มีชั้น ๔ ชั้น ๕ ชั้นทั้งยอด มีกิ่ง ๑๖ กิ่ง ดอก ๑๗ ดอก ใบ ๒๓๔ ใบ เครื่องราชบรรณาการ หอกคอทองเถลิงทอง ๑ คู่ หอกคอเงินเถลิงเงิน ๑ คู่ หอกคอทองเลว ๕ คู่ ผ้าขาวยาว ๘๐ ศอก ๒๐ พับ ผ้าชาวยาว ๕๐ ศอก ๒๐ พับ ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอก ๒๐ พับ ผ้าลายนอกอย่าง ๔๐ ผืน ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอกแทนพรมเทศ ๒๐ พับ ฃอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย มีพระราชปฏิสันฐานตามสมควรแล้วพระยานรินทร์ราชเสนี นำตนกูหะมิต ๑ ตนกูมะหะมัดอาเกบ ๑ ตนกูมะหะมุด ๑ เจะมหะมัดอาซัน ๑ ศรีตวันกรมการเมืองไทรบุรี ๔ นาย เสศดาโหรย ๑ ศรีเลหลามักกะดา ๑ หวันฮำกะ ๑ ปังลิมางา ๑ ศรีตวันกรมการเมืองปลิต ๔ นาย หวันสะมะแอ ๑ หวันดนดาหา ๑ หวันอัปดนลา ๑ เจะเหม ๑ ศรีตวันกรมการเมืองสตูน ๔ นาย แม่กองสามัญ ๑ แม่กองอุเสง ๑ แม่กองเจะแล ๑ แม่กองเจะหะ ๑ ศรีตวันกรมการเมืองตานี ๔ นาย แม่กองอุมา ๑ แม่กองหวันโดย ๑ แม่กองบะสอ ๑ แม่กองสาวิด ๑ ศรีตวันกรมการเมืองสายบุรี ๔ นาย แม่กองฮำามัด ๑ กูเด ๑ ดะโต๊ะ ๑ ปังลุมะ ๑ ศรีตวันกรมการเมืองยิหริ่ง ๔ นาย ตวันบาโห ๑ แม่กองเจะเลาะ ๑ ปังลุสาหะ ๑ ศรีตวันกรมการเมืองรามัญ ๓ นาย แม่กองสาวิด ๑ นิรามัญ ๑ ปังลูอาบู ๑ ศรีตวันกรมการเมืองยะลา ๓ นาย หลวงต่างตา ๑ หลวงเทพอาญา ๑ ขุนอักษร ๑ ศรีตวันกรมการเมืองหนองจิก ๓ นาย รวม ๓๓ นาย ฃอพระราชทานกราบบังคมลากลับไปรักษาบ้านเมือง มีพระราชปฏิสันฐานแลพระราชทานพรตามสมควร แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานเงิน แลผ้าพรรณนุ่งห่มตามสมควร แล้วเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๓๙๔ วัน ๔ ๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๔ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองตาก ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา
ฉบับ ๒ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าในราษีสิงหปี ๑๑๐ น้ำฝนน้อยกว่าปี ๑๐๙ ยี่สิบสี่นิ้วสองทสางค์ น้ำท่าน้อยกว่าปี ๑๐๙ สองศอก ราษฎรปักดำทำนาได้ประมาน ๒ ส่วนยังส่วน ๑ ราคาเข้าเปลือกสัต ๒๘ เกวียนละ ๙ ตำลึง ๒ บาท
ฉบับ ๓ บอกหลวงวิชิตสรสาตรข้าหลวงที่ ๓ เมืองลาวพวน ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าพระวิเสศสรฤทธิเจ้าเมืองบริคัณหนิคม ตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นประจักษศิลปาคมไปถึงเมืองสระบูรีป่วยเป็นไข้จับถึงแก่กรรม์ มีหีบศิลาน่าเพลิง
พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองปลิต ลงวันที่ ๕ กันยายน ๑๑๐ ว่ามีตราพระคชสีห์ส่งกฤษเล่ม ๑ เงิน ๒๐๐ เหรียญ ที่พระยาปลัดให้ขุนประมาณสถลมารคออกไปนั้น หาใช่เป็นสินบนไม่ให้ด้วย ทำการฉลองพระเดชพระคุณ } โดยแขงแรง
ฉบับ ๒ บอกเมืองนครเขื่อนขันธ์ ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าวันที่ ๒ ตุลาคม ๑๑๐ เวลาค่ำประมาณ ๒ ยามเสศมีอ้ายผู้ร้ายประมาณ ๙ ๑๐ } คน ปล้นแพจีนเบี้ยวอำแดงเฬิงคลองพระโขนง อ้ายผู้ร้ายเอาปืนยิงสามนัดแล้วขึ้นแพได้ จีนเบี้ยวเอาปืนยิงถูกอ้ายผู้ร้ายนัดหนึ่ง อ้ายผู้ร้ายลงเรือหนีไป ผู้ว่าราชการกรมการสืบจับตัวยังหาได้ไม่
จึงดำรัสด้วยพระยาศรีสิงหเทพว่า ให้มีตราขึ้นไปถึงกรมหมื่นประจักษว่าเมืองบริคัณหนิคมเจ้าเมืองถึงแก่กรรม์หามีตัวไม่ ให้จัดใครไว้รักษาราชการ
แล้วดำรัสด้วยเจ้าฟ้ากรมขุนนริศรว่าการนี้จะปิดกั้นมิให้เจ้าของที่หน่วงเหนี่ยวที่ไว้ในทางรถไฟนั้นถูกต้องแล้ว ถ้าไม่มีข้อบังคับไว้คงจะขอรอเป็นเรื่องราวแลฎีกาตั้งร้อยเรื่อง ก็การที่เจ้าของที่จะทำเรื่องราวแลฎีกานั้นคงจะชำระให้แต่ที่นั้นให้ทำไปก่อนซึ่งจะให้รอนั้นไม่ได้ อนึ่ง การที่เจ้าของที่วิวาทกันอยู่เจ้าพนักงานจะต้องรับเงินกลางนั้นรักษาไว้ ถ้าที่ตกลงเป็นของใครก็ให้ไปรับเงินที่เจ้าพนักงาน แล้วให้กรมขุนส่งแผนที่ทางรถไฟแลสะเตแชนเข้าไปถวายจะฃอทรงทอดพระเนตร
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกฎสยามชั้นที่ ๒ จุลสุราภรณ์ แก่พระยาศรียวงษาเมืองล่มศักดิ์
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๓๙๕ วัน ๕ ๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๕ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปลงเรือพระที่นั่งกราบขจรกรุงที่ท่าตำหนักแพไปตามลำน้ำ เฃ้าคลองผดุงกรุงเกษมประทับวัด แล้วเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยน่าตพานวัดไปประทับเกยน่าประตูกุฎี แล้วพระราชดำเนินเข้าไปประทับในกฎี ทรงพระราชทานน้ำศพ
เจ้าพนักงานแต่งศพอย่างสมณเพศ ยกศพลงลองใน ทรงสรวมลอมพอกเกี้ยวทองคำพันโหมดพระราชทานแล้ว เจ้าพนักงานยกลองในขึ้นตั้ง เมื่อชั้นแว่นฟ้า ๒ ชั้น ประกอบโกษฐ์ไม้สิบสองแวดล้อมด้วยเครื่องสูง ๕ ชั้น ๙ คันแล้วทรงทอดผ้าไตร ๑๐ ไกร ผ้าขาว ๒๐ พับ พระสงฆ์บังสกุนแล้ว เสด็จพระราชดำเนินลงเรือพระที่นั่ง เวลาเที่ยงเสศเสด็จกลับถึงพระบรมมหาราชวัง
อนึ่ง ศพสมเด็จพระวันรัตนี้ ได้พระราชทานกลองชนะเขียว ๕ คู่ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ สังข์ ๑ แตรงอน ๑ แตรฝรั่ง ๒ ประโคมประจำศพ แลพระสงฆ์สวดอภิธรรม ๘ รูป กว่าจะได้พระราชทานเพลิงศพ
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองลพบุรี ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๑๐ ส่งเงินผูกปี้จีน ๖๐๐ คน เงิน ๓๐ ชั่ง มอบให้ยกรบัตรคุมเฃ้ามาส่ง
ฉบับ ๒ บอกเมืองสุพรรณบุรี ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๑๑๐ ส่งเงินผูกปี้จีน ๘๐๔ คน เงิน ๔๑ ชั่ง ๖ ตำลึงกึ่ง
พระวิจารณอาวุธนำบอกเมืองกลันตันฉบับ ๑ ต้นหนังสือตอบพระยาพิพัฒโกษาฉบับ ๑ รวม ๒ ฉบับขึ้นกราบบังคมทูล
ในบอกว่าตวนยุนวันรอเซนพ่อค้า ที่ได้รับทำบ่อแร่ทองคำที่ตุเมาะจะฃออาไศรยเดินทางในคลองเมืองกลันตัน พาเครื่องมือไปที่ตุเมาะจะฃอเสียเงินค่าเช่าให้ปีละ ๒๐๐ เหรียญ พระยากลันตันยังหายอมรับไม่
ในต้นหนังสือพระยาพิพัฒโกษาตอบไปถึงพระยานรินทร์ว่า ลงวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าเรื่องบ่อแร่ทองคำตำบลตุเมาะนั้น ได้นำทูลกรมหลวงเทวะวงษ์แล้ว รับสั่งว่าการอนุญาตให้เดินทาง แต่สิ่งฃองที่จะเอาไปใช้ในการบ่อแร่นั้น ควรเก็บภาษีจะได้เงินมากกว่าปีละ ๒๐๐ เหรียญ
จึ่งดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า กรมท่าว่ามานั้นถูกให้ทำตามกรมท่า แล้วพระวิจารณอาวุธ นำหลวงอนุรักษ์ภูเบนทรผู้ช่วยราชการเมืองกราบถวายบังคมลากลับออกไปรักษาบ้านเมือง จึงดำรัสถามหลวงอนุรักษ์ภูเบนทรว่าจะไปเรือเมล์ฤๅเรืออะไร หลวงอนุรักษ์ภูเบนทรกราบบังคมทูลว่าไปเรือเมล์ แล้วเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๓๙๖ วัน ๖ ๖ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองสิงคบุรี ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา
ฉบับ ๒ บอกเมืองสุพรรณบุรี ลงวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าในราษีตุลปี ๑๑๐ น้ำฝนน้อยกว่าปี ๑๐๙ ห้านิ้วแปดทสางค์ น้ำท่าน้อยกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งคืบสองนิ้ว ราษฎรทำนาได้ประมาณสองส่วนยังส่วนหนึ่ง
ฉบับ ๓ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม น้ำลงสามนิ้วรวมทั้งบอกครั้งก่อนน้ำลงศอกสามนิ้ว ที่นาลุ่มน้ำฦกศอกคืบสองศอกนาคดนน้ำฦกคืบ ๑ คืบเสศ
พระวิจารณอาวุธนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองตะกัวทุ่ง ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๑๑๐ ว่ามีตราโปรดเกล้า ฯ พระราชทานหมอไปปลูกไข้ทรพิศม์ ได้ชายหญิง ๒๖๖๓ คน เสร็จแล้วขอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๒ บอกเมืองกระบี่ ลงวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๑๑๐ ว่ามีตราโปรดเกล้า ฯ พระราชทานหมอไปปลูกไข้ทรพิศม์ ได้ชายหญิง ๕๔๘ คนเสร็จแล้วขอถวายพระราชกุศล
จึ่งดำรัสด้วยพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ว่า การที่พระยาภาสกรวงษ์คิดจะขึ้นไปปิดน้ำกรุงเก่านั้นไม่สำเร็จ เพราะน้ำลดลงเสียมากแล้ว
แล้วดำรัสด้วยสมเด็จกรมพระองค์น้อยว่า การที่ท่านทรงคิดให้รางวัลนายคองนั้นผิดไปคนละทางทีเดียว ต่อเมื่อทรงเห็นเรื่องนายพลอยจึ่งได้นึกถึงนายคอง แต่การแล้วไปแล้วชั่งเถิด สมเด็จกรมพระองค์น้อยกราบบังคมทูลว่าเวลานั้นอยู่เกาะสีชังไม่ได้ทันคิด จึงดำรัสต่อไปว่าถ้าคราวนี้สงไสยให้ทูลถามเสียก่อน แล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์หยิบสมุดกอปีพระราชหัตถมาถวายสมเด็จกรมพระองค์น้อยทรงทอดพระเนตร แล้วดำรัสต่อไปถึงเรื่องนายถัด แผนที่ก็ควรจะได้รับรางวัลแต่เวลานี้กรมหมื่นดำรงเจ้าของไม่อยู่
แล้วดำรัสถามเจ้าฟ้ากรมขุนนริศว่าทางรถไฟที่เมืองสมุทนั้นอย่าให้ถูกป้อมไม่ได้ฤๅ ให้คิดคัดเป็นไปให้ถูกประตูตามเดิมจะได้ฤๅไม่ได้ เจ้าฟ้ากรมขุนกราบบังคมทูลว่าต้องลงไปดู จึงดำรัสว่าดีแล้ว ๆ ดำรัสถามต่อไปว่าทางรถแตรมเวของสมุทนั้นลงไปอย่างไร เจ้าฟ้ากรมรุนกราบทูลว่าไม่ทราบ จึ่งดำรัสสั่งให้พระองค์โสณบัณฑิตย์หยิบเอาแผนที่แลต้นหนังสือพระยาสมุทถวายมาประทานให้เจ้าฟ้ากรมขุน แล้วดำรัสสั่งให้เจ้าฟ้ากรมขุนเอาตัวพระยาสมุทลงไปด้วย เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๓๙๗ วัน ๗ ๗ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๗ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองพิไชย ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๑๑๐ ฉบับ ๒ บอกเมืองสระบุรี ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษาทั้งสองฉบับ
ฉบับ ๓ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าตั้งแต่บอกลงมาครั้งก่อนแล้ว น้ำทเลขึ้นถึงกรุงเก่า รวมน้ำลดลงครั้งก่อนครั้งนี้ศอกคืบเสศ
ฉบับ ๔ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๒ กันยายน ๑๑๐ ฃอเลขข้อมือฃาวในระหว่างความศักเป็นเลขอาษาคงเมือง
พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระยาศรีสรราชภักดีฃ้าหลวงรักษาราชการหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ว่าได้จัดเงินภาษีผลประโยชน์ปี ๑๑๐ เมืองตรัง ๑๖๓๒๐ ๐ เหรียญ เมืองปะเหลียนเงิน ๑๗๕๐ ๐ เหรียญ ส่งหลวงทวิปสยามกิจกงสุลสยามฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๒ ว่าได้จัดเงินภาษีผลประโยชน์เมืองคีรีรัฐนิคมปี ๑๐๙ เงิน ๑๓๔๔๐ ๐ เหรียญ นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๓ บอกเมืองไชยา ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่ามีอ้ายผู้ร้ายปล้นเรือนหมื่นศรีแขวงเมืองไชยา กรมการจัดได้ตัวอ้ายแดง ซัดถึงพวกอ้ายมีชื่ออยู่เมืองกาญจนดิษฐ์ ๖ คน ได้แต่งกรมการถือสูตนรายไปจับได้ตัวอ้ายผู้ร้ายแล้วผู้รักษาเมืองหาส่งมาให้ชำระไม่
พระยานรินทรราชเสนีนำบอกเมืองไทรบุรี ขึ้นกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ว่าได้แต่งให้ ตนกูมะหมัด ๑ ตนกูมะหมัดอาเกบ ๑ เจะมะหมุด ๑ เจะมะหมัดอาซัน ๑ ศรีตวันกรมการคุมฃองถวายฝ่ายพระราชวังบวร จำนวนปี ๑๑๐ ผ้าฃาวเทศยาว ๘๐ ศอก ๔๐ พับ ผ้าฃาวดิบยาว ๕๐ ศอก ๔๐ พับ ผ้าฃาวเนื้อบางยาว ๒๔ ศอก ๔๐ พับ ผ้าฃาวเนื้อบางยาว ๒๔ ศอกแทนพรมเทศ ๔๐ พับ
มีดำรัสด้วยพระยาราชวรานุกูลว่า พระยาพิไชยก็เปนคนในนี้อย่างไร ทำการเฉลิมพระชนม์พรรษาจึงผิด ให้กำหนดไว้ว่าในการเฉลิมพระชนม์พรรษาคงจะตกในวันที่ ๑๙ ๒๐ ๒๑ } กันยายน เสมอทุกปีไป พระยาราชจึงกราบบังคมทูลว่าเหนจะถือตามราชกิจา จึงดำรัสต่อไปว่าราชกิจาจะลงผิดๆ ไปดังนั้นอย่างไรได้ แล้วดำรัสสั่งให้หม่อมอนุวัติวรพงษ์ไปหยิบราชกิจาในประกาศสงกรานต์มาถวายทรงทอดพระเนตรแล้ว ทรงเรียกพระยาราชเข้ามาที่พระแท่นแล้วพระราชทานราชกิจาให้ดู พระยาราชกราบบังคมทูลว่าอ่านไน่เหนจึงพระราชทานโคมเทียนที่ชาวที่ตั้งถวายบนพระแท่น พระยาราชกราบบังคมทูลว่าไม่มีแว่นอ่านไม่ออก
วันที่รัชกาล ๘๓๙๘ วัน ๑ ๘ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๘ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๓๙๙ วัน ๒ ๙ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๙ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เจ้าพนักงานจะได้จัดการที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแห่งหนึ่ง ที่พระที่นั่งไพศาลทักษษิณแห่งหนึ่ง ที่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทแห่งหนึ่ง รวม ๓ พระที่นั่ง พระสงฆ์จะได้เจริญพระพุทธมนต์ต่อกันไปทั้งสามเวลาในการพระราชพิธีฉัตรมงคลตามเคย
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ อาลักษณอ่านประกาศตามพระพิธีจบแล้ว พระสงฆ์ ๓๓ รูปเจริญพระพุทธมนต์ มีหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์ธรรมเจดีย์นำเป็นประธาน แล้วเสด็จมาประทับออกขุนนางในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุกด้านเหนือ พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองลพบุรี ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนราษรีกันปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งนิ้ว หนึ่งทสางค์ น้ำท่าในราษรีกันปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ สิบเจดนิ้ว
ฉบับ ๒ บอกเมืองสรรคบุรี ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีสิงหปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ สี่นิ้ว น้ำท่าในราษรีสิงหปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ คืบแปดนิ้ว ราษฎรปักดำทำแล้วประมาณกึ่งหนึ่ง ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนานเกวียนละ ๘ ตำลึง ๓ บาท
พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองสงขลา ลงวันที่ ๒๙ กันยายน ๑๑๐ ว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี ๑๑๐ จนถึงเดือนกันยายนปี ๑๑๐ ราษฎรเป็นหิวาตะกะโรคตาย รวม ชาย หญิง } ๑๙๔๖ คน
ฉบับ ๒ บอกเมืองราชบุรี ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษรีกรกฎปี ๑๑๐ น้อยกว่าปี ๑๐๙ ห้าทสางค์ น้ำฝนในราษรีสิงหปี ๑๑๐ น้อยกว่าปี ๑๐๙ สามทสางค์ ว่าน้ำท่าในราษีสิงหปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ สอกศองคืบเก้านิ้ว น้ำท่ากันยายน ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ ศอกคืบ ๙ นิ้ว น้ำท่วมต้นเข้าเสียไปประมาณ ๙ ส่วน ยังส่วนหนึ่ง
แล้วพระยานรินทรราชเสนี นำรายงานเงินค่าโดยสารที่จะพระราชทานแฃกเมือง รวม ๑๐ เมือง คน ๑๖๙ คน เงิน ๕๐๗ เหรียญขึ้นอ่านกราบบังคมทูล
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำพระยาราชเสนา ๑ หลวงพิทักษสุเทพ ๑ กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาราชการเมืองอุบลราชธานี
จึงดำรัสถามกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ว่า พระยาราชเสนานั้นได้ตรา
อะไร กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์กราบบังคมทูลว่าได้ ม ม จึงดำรัสว่าให้พระราชทานนิภาภรณ์ช้างเผือกชั้นที่ ๓ เสียอีกดวงหนึ่ง
พอพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบ จึ่งเสด็จไปประทับมุกด้านตวันตก
วันที่รัชกาล ๘๔๐๐ วัน ๓ ๑๐ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสด็จออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเสร็จแล้ว
เวลาบ่ายโมงเสศเสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมากรแล้ว ทรงถวายเครื่องไทยทานของหลวงแก่หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์ธรรมเจดีย์ แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอติเรก ถวายพระพรลากลับ เสดจจุดเทียนเครื่องนมัศการบนพระแท่นเสวตรฉัตร แล้วทรงจุดเทียนโต๊ะเครื่องสังเวย โหรก็เข้าไปประกาศเทวดา พราหมณ์ก็เข้าไปอ่านดุษดีสังเวยขับไม้บันเดาะ แล้วเวียนเทียนสมโภชมีบายสีแก้ว ทอง เงิน } ตามเคย เวียนเทียนเสรจแล้วเสดจทรงเจิม พระไชยประจำรัชกาลทั้ง ๕ แผ่นดิน พระมหาเสวตรฉัตร พระมหาพิไชยมงกุฎ พระพัชวาลวิชินี พระแส้ร พระแสงต่าง ๆ ตั้งบนพระแท่นพระมหาเสวตรฉัตร แล้วโหรก็เอาผ้าสีชมภูเข้าไปผูกคันพระมหาเสวตรฉัตร พราหมณ์ก็เข้าไปเจิมต่อไป เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสดจขึ้น วันนี้เครื่องไทยทานเปนของเจ้านายฝ่ายน่า
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจลงในทระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แล้วอาลักษณก็อ่านประกาศตามพระราชพิธี พระสงฆ์ ๔๐ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศร์วริยาลงกรณ์นำเปนประธาน แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ช้างเผือก ชั้นที่ ๓ นิภากรณ์ แก่พระยาราชเสนา ปลัดทูลฉลองกรมมหาดไทยฝ่ายเหนือ ๑ เวลา ๕ ทุ่มเศษพระสงฆ์เจริญพระทุทธมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรก ถวายพระพรลากลับ เสดจขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๐๑ วัน ๔ ๑๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้าฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ ชายมหาวชิราวุธ เสดจลงมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๔๐ รูปที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณเสรจแล้ว เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสดจลงพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเครื่องนมัศการพระพุทธปฏิมากรณ์ แล้วทรงถวายของเครื่องไทยทานของหลวงแก่พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอติเรก ถวายพระพรลา
จึงเสดจทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แลโต๊ะเครื่องสังเวย โหรพราหมณ์ แลอ่านดุษดีสังเวย แลเวียนเทียนสมโภช แลทรงเจิมก็เหมือนกับวันที่กล่าวมาแล้ว เว้นแต่พระที่นั่งไพศาลทักษิณนั้น พระมหาเสวตรฉัตรหามีไม่ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสดจขึ้น ของเครื่องไทยทานวันนี้เจ้านายฝ่ายใน วันนี้เจ้าพนักงานจัดการที่พระที่นั่งอาภรพิโมขปราสาทอิกแห่งหนึ่ง ในการพระราชพิธีจองเปรียงยกโคมไชย มีพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ๘ รูป คือฝ่ายไทย ๔ ฝ่ายรามัญ ๔ พระครูปริดโกศลนำเปนประธาน
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แล้วอาลักษณก็อ่านประกาศตามพระราชพิธี จบแล้วพระสงฆ์ ๒๗ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ มีพระธรรมวโรดมนำเปนประธาน แล้วโปรดเกล้าฯให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษวโรทัย เสด็จมาจุดเทียนเครื่องนมัศการพระสงฆ์จะได้เจริญพระพุทธมนต์ที่ พระที่นั่งอาภรพิโมขปราสาท
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องอิศริยาภรณ์ที่ ๑ มหาสุราภรณ์ แก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล ที่ ๕ วิจิตราภรณ์ แก่พระเทพศิรินทรามาตย เจ้ากรมกองการกุศล ๑ ภอพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบแล้วถวายอติเรก ถวายพระพรลา จึงพระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระอินทราธิบาล ฃ้าหลวงผูกปี้เมืองปราจิณ เมืองนครนายก } ลงวันที่ ๒ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าพระอินทราธิบาลป่วยเปนไข้จับจะบอกกลับเข้ามารักษาตัว
ฉบับ ๒ บอกเมืองสรรคบุรี ลงวันที่ ๑๒ กันยายน ๑๑๐ ส่งเงินค่านาปี ๑๐๙ เงิน ๑๑๑ ชั่งกึ่งตำลึงสองสลึงเฟื้อง เสรจสิ้นจำนวน
ฉบับ ๓ บอกเมืองพระพุทธบาท ลงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าหมื่นกำจัดนายกองส่วยทองคำ ได้ทองคำทรายหนัก ๓ หลี อยู่ที่พุขี่ริ้ว
แขวงเมืองสหบุรี หมื่นกำจักนำทองคำลงมาทุณเกล้าฯ ถวาย
พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองนครศรีธรรมราช ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าได้จัดต้นไม้ทองหนักต้นลบาท ๖ ต้น ต้นไม้เงินหนักต้นลบาท ๖ ต้น รวม ๑๒ ต้น เครื่องราชบรรณาการเทียนพนมหนักเล่มลบาท ๑๐๐๐ เล่ม ผ้าฃาวยาว ๕๐ ศอก ๒๐ พับ เสื่อลวด ๑๕ ลวด
ฉบับ ๒ บอกเมืองรนอง ลงวันที่ ๑๗ กันยายน ๑๑๐ ว่าได้จัดค่าตีตราดิบุกแลภาษีปี ๑๐๙ เงิน ๓๓๘๐ เหรียน ส่งหลวงทวีปสยามกิจกงสุลสยามฝากแบงเมืองปินังแล้ว พระยาสุรินทรเสนีนำบอกกรมพระกระลาโหมฝ่ายพระราชวังบวรขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ บอกเมืองสงขลาว่าได้สั่งของถวายฝ่ายพระราชวังบวรฯ เมืองรามัญปี ๑๑๐ ทองคำทรายหนักสามตำลึงแรก ผ้าฃาวยาว ๕๐ ศอก ๑๐ พับ พรมเทศ ๕ ผืน มอบให้หลวงอนุรักษภูเบนทร์คุมเข้ามา
แล้วพระศรีเสนานำเอาทองคำ ๓ หลีเข้าไปทูลเกล้าฯถวาย ทรงทอดพระเนตรแล้ว จึงดำรัสสั่งให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตยกะรางวัลพระราชทาน เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น วันนี้เจ้าพนักงานกรมทหารบกทหารเรือยิงปืนสลุดถวายคำนับสามเวลา คือเวลาเช้า ๒ โมง เวลาเที่ยง เวลาบ่าย ๔ โมง
วันที่รัชกาล ๘๔๐๒ วัน ๕ ๑๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าโมงเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมายกโคมไชยจองเปรียงแลเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งอาภรพิโมขปราสาทตามฤกษด้วย
เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้าฯให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท
เวลาบ่ายโมงเศษเสดจออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการพระพุทธปฏิมากรณ์ แล้วทรงถวายของหลวงเรื่องไชยทานแก่พระธรรมวโรดม แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอติเรกพระพรลากลับ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการบนพระแท่นเสวตรฉัตร แลทรงจุดเทียนโต๊ะเครื่องสังเวย โหรพราหมณ์อ่านดุษดีสังเวย เวียนเทียนสมโภช แลทรงเจิมก็เหมือนกันกับพระที่นั่งดุสิทธิมหาปราสาททั้งสิ้น เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสดจขึ้น
เวลาทุ่มเศษโปรดเกล้า.ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมาจุดโคมไชยจองเปรียงที่น่าพระที่นั่งดุสิทธิมหาปราสาท
วันที่รัชกาล ๘๔๐๓ วัน ๖ ๑๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาทุ่มเศษโปรดเกล้าฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายบริพัตสุขุมพันธุ์ เสดจออกมาจุดโคมจองเปรียงที่น่าพระที่นั่งดุสิทธิมหาปราสาท
เวลายามเศษเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการพระสงฆ์ ๕๒๕ รูปจะได้เจริญพระพุทธมนต์ในการฉลองไตรปีรวมทั้งกรุงแลหัวเมือง มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์นำเปนประธาน เวลา ๕ ทุ่มเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกพระพรลากลับ
อนึ่ง พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ในวันนี้ จะได้ผ่อนกันรับพระราชทานฉันท์ทั้งสามเวลา คือวันที่ ๑๔ ที่ ๑๕ ที่ ๑๖ วันละ ๑๗๕ รูป รวมพระสงฆ์ ๕๒๕ รูปตามที่เจริญพระพุทธมนต์
แล้วพระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกหลวงจินดารักษข้าหลวงเมืองฉเชิงเทรา ลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๑๑๐ ว่ามีตราโปรดเกล้า ฯ ออกไปให้ทำบาญชีรายชื่ออ้ายผู้ร้าย ที่พระยาสรศักดิมนตรี ถวายพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณได้ทำถวายแล้ว
ฉบับ ๒ บอกเมืองปราจิณบูรี ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๑๐ ว่ามีตราโปรดเกล้า ฯ ออกไปให้ทำษาระบบความนครบาลอายาแพ่ง ส่งถวายพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเดือนลครั้ง นั้นได้ทำถวายแล้ว
ฉบับ ๓ บอกเมืองพระพุทธบาท ลงวันที่ ๔ ตุลาคม ๑๑๐ ว่ามีตราโปรดเกล้า ฯ ออกไปให้ทำษาระบบความนครบาลอายาแพ่ง ส่งถวายพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเดือนละครั้ง นั้นได้ทำถวายแล้ว
พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองสตูน ว่าวันที่ ๑๘ กันยายน ๑๑๐ ตนกูปัตรีมารดาข้าพระพุทธเจ้า เปนโรคชราถึงแก่กรรม ได้จัดทำการศพเสรจแล้ว
ฉบับ ๒ บอกเมืองกระบูรี ลงวันที่ ๑๐ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ ๖ นาย ให้หลวงโกษากรวิจารณ์ เปนพระราชธนพิทักษ์ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๘๐๐ ให้ขุนประมวลมาศก เปนพระไชยศสมบัติ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๘๐๐ ให้นายกลิ่นหมื่นรักษาพยุหพล เปนหลวงมหิศรราชบรรณาการ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๖๐๐ ให้ขุนวิเศษเสนี เปนหลวงประมวลมาศก มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๖๐๐ ให้นายพร้อม เปนขุนเยาวราชธนารักษ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๔๐๐ ให้พันเทพภักดี เปนขุนราชพลีรักษ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๔๐๐
เวลา ๕ ทุ่มเศษเสดจขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๐๔ วัน ๗ ๑๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าโมงเศษโปรดเกล้าฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๗๕ รูป ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์นำเปนประธาน
เวลาทุ่มเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมาจุดเทียนเครื่องนมัศการ ทรงธรรม์ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระเทพโมลี เข้าไปถวายเทศนากฐินทานกัณฑ์หนึ่ง จบลงแล้วทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร
เวลา ๔ ทุ่มเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจลงไปจุดเทียนลอยพระปทิป ที่เรือพระที่นั่งบัลลังคพิมาร
วันที่รัชกาล ๘๔๐๕ วัน ๑ ๑๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้าฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๗๕ รูป ที่พระที่นั่งอนันตสะมาคม มีสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์นำเปนประธาน
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทด้านตวันออก ที่เจ้าพนักงานจัดพระสงฆ์ ๑๑ รูป มีพระอริยมุนีนำเปนประธาน พระสงฆ์ที่จะได้รับสมณศักดิ์ใหม่ ๑ รูป จึงทรงถวายไตรแพรแลสัญญาบัตร ให้พระครูพุทธมนต์ปรีชา วัดบวรนิเวศวิหาร เปนพระเขมาภิมุขธรรม์ที่พระราชาคณะ มีนิตยภัตรราคาเดือน ๓ ตำลึง แลทรงถวายตาลปัตแฉกหักทองขวางเครื่องบริขารต่าง ๆ อย่างพระราชาคณะเสรจแล้ว พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอติเรกพระพรลากลับ เสด็จขึ้น
เวลา ๔ ทุ่มเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสด็จออกมาจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงธรรม์ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระอมรโมลีถวายเทศนาจิวรทานกันฑ์หนึ่งจบลงแล้ว ทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร แล้วเสดจลงลอยพระปทีปตามเคย
อนึ่งโหรได้คำนวณ จันทรูปราคาทูลเกล้าฯ ถวาย กำหนดที่ถูกต้องคือเวลา ๑๑ ทุ่ม ๑๗ นาที จับทางทิศอาคเณย์ ครั้นถึงเวลาจันทรูป ชาวประโคมได้ประโคมเครื่องดุริยางดนตรี แตรสังข์มองไชย ตามประเพณี ที่ชลาข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย
วันที่รัชกาล ๘๔๐๖ วัน ๒ ๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าย่ำรุ่งเศสเสดจออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชทานเงินแจกพระบรมวงษานุวงษ แลฃ้าทูลลอองธุลีพระบาททั่วแล้ว เวลาเช้าโมงเศษเสดจ
อนึ่ง ทรงกริ้วโหรว่า จันทรปุราคาแล้วหาเชิญเสดจสู่ที่สรงไม่ ไม่ทรงพระราชทานเงินรางวัล ได้รับพระราชทานแต่เงินแจกตามเคย
เวลาเช้า ๔ โมงเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมตติวงษวโรทัยเสดจออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๗๕ รูป ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม มีสมเดจพระพุทธาจาริยนำเปนประธาน
อนึ่ง วันนี้เปนดิถีซึ่งคล้ายกับวันพระบรมราชาภิเศก พระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งกำหนดที่จะได้ประชุมพระบรมวงษานุวงษแลฃ้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนถวายบังคมพระบรมรูปพระบาทสมเดจพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ รัชกาลที่ล่วงมาแล้ว แต่งตัวเตมยศมาคอยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน
เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสดจออกในพระที่นั่งอนันตสมาคม ประทับเหนือพระราชบันลังก์อาศน์ น่าพระที่นั่งเสวตรฉัตร
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ประฐมจุลจอมเกล้า ฯ มีสายสร้อยทองคำลงยา แก่สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ ๓ พระองค์ แก่พระเจ้าลูกยาเธอ ๑ พระองค์ คือสมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายบริพัตรสุขุมพันธ์ ๑ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษวโรทัย ๑ เจ้าฟ้าชายจักรพงษภูวนารถ ๑ พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพร ๑ ทรงสรวมพระราชทานทุกพระองค์
แล้วพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้า แก่พระบรมวงษเธอ พระองค์เจ้าจรุญโรจเรืองศรี แลพระราชทานพานทองกลมใหญ่เครื่องในพร้อม ๑ พระเต้าทองคำ ๑ บ้วนพระโอษฐทองคำ ๑ แล้วพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้า แก่พระยานรินทรราชเสนี (ชั้น) ปลัดบาญชีพระกระลาโหม แลพระราชทานพานทองเหลี่ยมเครื่องในพร้อม ๑ คนโททองคำ ๑ กระโถนทองคำ ๑ แล้วพระราชทานทุติยจุลจอมเกล้า แก่พระยามหาโยธาจางวางกองมอญ แลพระราชทานพานทองเหลี่ยมเครื่องในพร้อม ๑ คนโททองคำ ๑ กระโถนทองคำ ๑ แต่ตัวไปรับราชการอยู่เมืองลอนดอนหาได้เข้ามาไม่ โปรดเกล้าฯ ให้พระอรรคราชนารถภักดีในกรมท่ารับส่งออกไปพระราชทาน
แล้วพระราชทานตติยจุลจอมเกล้า ๕ คือหม่อมเจ้าอำพร ดำรงวงษราชตระกูล ในพระบวรวงษเธอ กรมหมื่นสถิตยธำรงสวัสดิ์ ๑ พระมหาสงคราม (บุญ) เจ้ากรมทวนทองขวา สืบตระกูลวงษพระยาศรีหราชฤทธิไกรเดชะไชย (บัว) ๑ หลวงมหาสิทธิ (หวง) ๑ พระวิชิตสงคราม (ชุ่ม) ปลัดเมืองนครเสียมราฐ สืบตระกูลวงษพระยานุภาพไตรภพ (แย้ม) แต่ตัวพระวิชิตสงครามหาได้เข้ามาไม่ พระราชทานให้กับพระยาราชวรานุกูล ปลัดทูลฉลองในกรมมหาดไทยรับส่งขึ้นไปพระราชทาน
แล้วพระราชทานพรแก่ผู้ที่ได้เครื่องราชอิศริยาภรณ์ตามสมควร จึงเสดจพระราชดำเนินขึ้นไปประทับพระที่นั่งศิวาไลยมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนถวายบังคมพระบรมรูปแล้วเสดจขึ้น
เวลา ๒ ทุ่มเศษโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกมาจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงธรรม ที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระอริยมณีถวายเทศนา ปฏิสังขรทานกันฑ์หนึ่งจบลงแล้ว ทรงถวายของเครื่องไทยทานตามสมควร แล้วเสดจลอยพระปทิปตามเคย
วันที่รัชกาล ๘๔๐๗ วัน ๓ ๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมตติวงษวโรทัย เสดจออกมาเลี้ยงพระสงฆ์กาลานุการ ๓๔ รูป มีพระธรรมราชานำเปนประธาน ภอพระสงฆ์รับพระราชทานฉันท์แล้ว ทรงผ้าสดัปกรณ์พระบรมอัฐิ แลพระอัฐิ ตามเคย แล้วมีสดัปกรณ์ รายร้อยอิก ๕๐๐ รูป หอพระนาค ๑๐๐ รูป ส่งไปฝ่ายพระราชวังบวร ๑๐๐ รูป รวม ๗๐๐ รูป
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท องค์กลาง จึงพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ใหเสดจขึ้นไปเปนฃ้าหลวงใหญ่หัวเมืองลาวกาว ประจำอยู่ ณ เมืองนครจำปาศักดิ์ ได้เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลาขึ้นไปจัดราชการตามกระแสพระราชดำริห์
จึ่งทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ แลทรงเจิมพระราชทาน แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานฉลองพระองค์เยียรบับตามธรรมเนียม จึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ราชการ ๕ นาย ให้ขุนเสพสุภาตระลาการศาลแพ่งเกษม เปนหลวงธนสารสุทธารักษ มีตำแหน่งราชการในกรมแพ่งเกษม ถือศักดินา ๖๐๐ ให้ขุนวิเศษสมบัติ สารวัดที่ ๓ เปนขุนวิเศษสมบัติ มีตำแหน่งราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๔๐๐ ให้หมื่นชำนาญอักษร เปนขุนราชพัตถุพิทธภาร มีตำแหน่งราชการในกรมแพ่งเกษม ถือศักดินา ๔๐๐ ให้ขุนขจรบูรี เปนขุนไผทไทยพิทักษ มีตำแหน่งราชการในกรมกองตระเวนซ้าย ถือศักดินา ๔๐๐ ให้นายเปลี่ยนมหาดเลกเวรศักดิ เปนขุนกัมพุชพาจา พนักงานล่ามเขมร ในตำแหน่งราชการในกรมมหาดไทย ถือศักดินา ๔๐๐
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำพระประชาคดีกิจ ๑ พระทิพยจักษุสาตร ๑ หลวงพิพิธสุนทร ๑ หลวงจำนงยุทธกิจ ๑ หลวงธนสารสุทธารักษ ๑ ขุนไผทไทยพิทักษ ๑ ขุนกัมพุชพาจา ๑ ขุนราชพัตถุพิทธภาร ๑ นายร้อยโทขุนอินประสาท ๑ นายร้อยตรีนายโชด ๑ นายผาดมหาดเลกเวรฤทธิ ๑ กราบถวายบังคมลาไปคามเสดจพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานเสื้ออัตลัดแก่ผู้ที่ตามเสดจด้วยคลตัว จึ่งพระราชทานพร แล้วเสดจขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๐๘ วัน ๔ ๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานแลเจ้าน่าที่ทั้งปวง ได้จัดการตบแต่งต่างๆ ในพระอารามวัดบวรนิเวศวิหาร เปนการฉลองพระอารามแลพระราชพิธีมหาสมณุตตมาภิเศกต่อไป แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษฃ้าราชการจัดเครื่องโต๊ะเข้ามาตั้ง ในปรำน่าพระอุโบสถซึ่งปลูกไว้สำหรับทั้งซ้ายขวา
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร เสดจพระราชดำเนินเข้าไปในอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการพระพุทธชินศรีปฏิมากร แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้าตาดให้เจ้าพนักงานสพักพระชินศรี แล้วพระราชทานผ้าตาดให้เจ้าพนักงานสพักพระพุทธรูป ณ สถานต่างๆแล้วทรงถวายไตรย่ามพัดรองแก่พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส พระวรวงษเธอ พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร แลสมเดจพระราชาคณะทั้ง ๒ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราช แลพระเจ้าลูกเธอ แลสมเดจพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ ถวายไตรย่ามพัดรองต่อไป แก่พระสงฆ์ราชาคณะพระครูถานานุกรม วัดบวรนิเวศน์แลพระอารามอื่น ๆ แลพระอันดับวัดบวรนิเวศน์ บรรดาซึ่งจะได้สวดพระพุทธมนต์ทั่วกัน รวมทั้งสิ้นเปนพระสงฆ์ ๑๐๐ รูป ต่อไปพระสงฆ์ทั้ง ๑๐๐ รูปนี้จะได้สวดมนต์ในพระอุโบสถวันละ ๒๐ รูป ที่พระวิหารสาศดา ๑๔ รูป พระวิหารเก๋ง ๑๖ รูป วิหารพระพุทธไสยาศน์ ๑๔ รูป ที่เก๋งคตพระเจดีย์ ๓๒ รูป แต่พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถนั้น คงประจำอยู่แต่พระราชาคณะผู้ใหญ่ ๑๐ รูป พระราชาคณะถานานุกรม นอกนั้นจะได้ผลัดเปลี่ยน กันเข้ามาสวดพระอุโบสถวันละ ๑๐ รูป จึ่งรวมเปนพระสงฆ์สวดมนต์ในพระอุโบสถวันละ ๒๐ รูป สวดมนต์ในที่ต่าง ๆ วันละ ๘๐ รูป ครั้นพระสงฆ์รับไตรแล้วถวายอติเรก โปรดเกล้า ฯ ให้ประชุมกอมมิตตีตัดสินชิ้นเครื่องโต๊ะแก้วหนามขนุนในพระอุโบสถ แล้วเสดจพระราชดำเนินทอดพระเนตรการตบแต่งในสถานที่ต่าง ๆ ในบริเวณพระอาราม แลโปรดเกล้าฯ ให้กอมมิตตีตัดสินขึ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๘ ทุ่มเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๐๙ วัน ๕ ๔ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่ประตูวัดบวรนิเวศวิหารด้านเหนือ แล้วเสดจพระราชดำเนินเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงศิลแล้ว พระสงฆ์ ๒๐ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธเสดจไปจุดเทียนนมัศการที่พระวิหารทั้ง ๓ แห่งแลเก๋งคดพระเจดีย์ ซึ่งพระสงฆ์จะได้เจริญพระพุทธมนต์แล้วพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถจบ ถวายอติเรกแล้ว เสดจพระราชดำเนินออกทางประตูวัดบวรนิเวศวิหารข้างตวันออก ประทับพลาทรงจุดดอกไม้เพลิง แล้วเสดจพระราชดำเนินกลับมาประทับพลาเปลื้องเครื่อง ที่ข้างประตูวัดด้านเหนือ เสรจแล้วเสดจกลับมาประทับที่ปรำเครื่องโต๊ะ ทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๘ ทุ่มเศษเสดจกลับพระบรมหาราชวัง
เวลาค่ำวันนี้ มีหนัง ๒ โรง สิงโต มังกร ดอกไม้พุ่มรำกระถางเล่นน่าพลับพลา แลโขนนอนโรง
แลเวลาเช้า ๔ โมงเศษวันนี้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร แตผู้ที่จะตามเสดจด้วยมาธงเรือพร้อมกัน ออกจากกรุงเทพฯ ไปขึ้นที่ปราจิณบูรี
วันที่รัชกาล ๘๔๑๐ วัน ๖ ๕ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงโปรดให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราช ทรงถวายอาหารบิณฑบาตรแก่พระสงฆ์ ๑๐๐ รูป ตามที่เจริญพระพุทธมนต์ การมหอศพเล่นกลางวัน คือโขนโรง ๑ งิ้วโรง ๑ มอญรำโรง ๑ ไม้ลอย ๑ ยวนหก ๑ เล่นทั้ง ๓ วัน เวลากลางคืนตั้งแต่วันนี้ไป มีลครน่าจอด้วย
เวลาย่ำค่ำเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่พลับพลาวัดบวรนิเวศ ทรงโปรยผลกลัปพฤกษ สลึง ๑ ชั่ง เฟื้อง ๑ ชั่ง แลฉลากเงินเถาพระราชทานพระบรมวงษานุวงษ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายน่า แล้วไปประทับฝ่ายใน กลัปพฤกษพุ่ม ๔ พุ่มๆ ๑๐ ตำลึง แล้วเสดจทรงพระราชยานแต่เกยน่าพลับพลาไปประทับเกยน่าพระอุโบสถ แล้วเสดจพระราชดำเนินเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงศิลแล้ว พระสงฆ์ ๒๐ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธเสดจไปจุดเทียนเครื่องนมัศการในที่ต่างๆ พระสงฆ์จะได้เจริญพระพุทธมนต์ เวลา ๒ ทุ่มเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรก แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องเสรจแล้ว เสดจไปประทับที่ตำหนักสมเดจพระบรมโอรสาธิราช แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจออกพลับพลา ทรงจุดดอกไม้เพลิง
เวลา ๔ ทุ่มเศษเสดจกลับจากตำหนักสมเดจพระบรมโอรสาริราชมาประทับที่ปรำทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลขึ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๒ ยามเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๑ วัน ๗ ๖ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าโปรดให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราชถวายอาหารบิณทบาตตามเคย
เวลาย่ำค่ำเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลาวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงโปรยผลกัลปพฤกษแลฉลากพระราชทานพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการฝ่ายน่าแลพระราชทานฝ่ายใน เวลาทุ่มเศษทรงโปรยแล้วเสดจพระราชดำเนินไปประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธเสดจไปจุดเทียนพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ในที่ต่างๆ เวลายามเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ ภอพระสงฆ์ถวายอติเรกแล้ว เสดจประทับพลับพลาเปลื้องเครื่องเปลี่ยนเครื่องแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธเสดจพลับพลา ทรงจุดดอกไม้เพลิงตามเคย แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้ประชุมคอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๒ ยามเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๒ วัน ๑ ๗ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าโปรดให้สมเดจพระบรมโอรสาธิราชถวายอาหารบิณทบาตรตามเคย
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้ตั้งบายศรี แก้ว ทอง เงิน ตองที่น่าพระอุโบสถ เวลา ๕ โมงเยนโปรดให้พระมหาราชครูพิธีพระครูพราหมณ์เบิกแว่นให้ฃ้าราชการเวียนเทียนสมโภชพระพุทธชิณศรีปฏิมากร แต่น่าพระอุโบสถเปนทักษีณาวัฏ ผ่านน่าพระวิหารมาบรรจบ
เวลาย่ำค่ำโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลา ทรงโปรยผลกัลปพฤกษแลฉลากพระราชทานพระบรมวงษานุวงษแลฃ้าราชการฝ่ายน่าฝ่ายใน } เสรจแล้วทรงจุดดอกไม้เพลิงตามเคย
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร เสดจพระราชดำเนินเข้าไปในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว ทรงโปรยสุหร่ายถวายพระพุทธปฏิมากร แล้วถวายต้นไม้ทองเงินบูชาพระพุทธชินศรีปฏิมากร คู่หนึ่งสูง ๒ ศอก ๗ นิ้ว แล้วโปรดเกล้าฯ ให้กอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๗ ทุ่มเสศเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๓ วัน ๒ ๘ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เจ้าพนักงานได้รื้อโต๊ะหมู่เครื่องโมราในพระอุโบสถ แลได้ตั้งพระแท่นมณฑลที่น่าพระชิณศรีปฏิมากร แลตั้งโต๊ะหยกสองฃ้างพระแท่นมณฑล น่าพระแท่นมณฑลตั้งพระแท่นทรงกราบ มีเครื่องนมัศการทองใหญ่แลตั้งเตียงพระสงฆ์สวดภาณวารที่ผนังฃ้างเหนือ นำเตียงพระสงฆ์ตั้งกระโจมเทียนไชย แลตั้งพระแท่นปัญจมพดลเสวตรฉัตร รว่างเสาพระอุโบสถด้านตวันตกริมโต๊ะหยกเขียว ตั้งพระแท่นทรงกราบที่นมัศการเครื่องแก้วสำหรับพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ในรว่างเสาด้านตวันออกตรงพระแท่นเสวตรฉัตร แล้วตั้งพระแท่นสรงเพดานปักเสวตรฉัตร ๕ ชั้น ที่ชลารักแลพระอุโบสถด้านตวันออกเฉียงเหนือ
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษเจ้าพนักงานได้แห่พระสุพรรณบัตรขึ้นพระราชยานเปนกระบวนแต่วัดศรีรัตนสาศดารามไปวัดบวรนิเวศวิหาร เชิญขึ้นบนพระแท่นมณฑล ในพระแท่นมณฑลตั้งม้าปิดทอง ประดิษฐานพระไชยวัฒน์ประจำรัชการที่ ๑ รัชการที่ ๔ แลประจำรัชการประจุบันนี้เรียงลำดับกัน แลตั้งไตรบาตเหนือทานพระมหากฐิน แล้วตั้งพานทองสองชั้นรองพระสุพรรณบัตร เบื้องหลังพระสุพรรณบัตรปักตาลปัตรแฉกพื้นตาดปักเลื่อมกลางเปนเบญจปดลเสวตรด้านหนึ่ง อิกด้านหนึ่งปักเปนรูปประทุมอุณาโลม ยอดงาแกะเปนบัญจปดลเสวตรฉัตรพัตรองพื้นแพรเหลืองปักตราเสวตรฉัตร จาฤกอักษร ๑๑ การพระราชพิธีมหาสมณุตตมาภิเศก ในพระแท่นมณฑลตั้งพระเต้าน้ำพระพุทธมนต์ต่างๆ
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับประตูวัดบวรนิเวศวิหารทรงพระราชดำเนินเข้าไปประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการโปรดให้พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ พระสงฆ์ราชาคณะผ้ใหญ่ผู้น้อยรวม ๒๐ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ มีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรศนำเปนประธาน เวลา ๒ ทุ่มเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ เสดจพระราชดำเนินไปประทับในปรำ ทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๒ ยามเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๔ วัน ๓ ๙ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเศษพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ถวายอาหารบิณทบาตรพระสงฆ์ที่มาเจริญพระพุทธมนต์เสรจแล้ว เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประดับที่ประตูวัดบวรนิเวศวิหาร แล้วเสดจพระราชดำเนินเข้าไปในพระอุโบสถ เวลา ๕ โมงกับ ๕๖ นาทิ เปนประฐมฤกษทรงจุดเทียนชนวนด้วยไฟฟ้า ถวายพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงอธิษฐานแล้ว ประทานพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรศทรงจุดเทียนไชย พระสงฆ์ก็สวดคาถาถวายไชยมงคล พราหมณ์ก็เป่าสังข์บันเฑาะว์ เจ้าพนักงานก็ประโคมเครื่องดุริยางดนตรีขึ้นพร้อมกัน จึ่งเสดจทรงเจิมเบญจปดลเสวตรฉัตร แล้วโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระตำรวจยกขึ้นตั้งบนแท่น แล้วโปรดให้พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ถวายบาตร ย่าม พัดรอง ปักตราเสวตรฉัตร ๕ ชั้นงานมหาสมณุตตมาภิเศก แก่พระสงฆ์ ๓๐ รูป แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรก แล้วพระราชาคณะ ๔ รูป คือพระกิจติสามนี ๑ พระสุเมธาจาริย ๑ พระโพธิวงษาจาริย ๑ พระเทพโมลี ๑ ขึ้นเตียงสงฆ์สวดภาณวาร พระธรรมวโรดมนั่งปรก แลต่อไปพระราชาคณะจะได้ผลัดเปลี่ยนกันสวดภาณวารประจำเทียนไชยคราว ๕ รูป นั่งปรก ๑ ทั้งกลางวันกลางคืน เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว แลโปรดให้พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์จุดเทียนเครื่องนมัศการ พระสงฆ์ ๓๐ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์
เวลายามเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ พระสงฆ์ก็ถวายอติเรกแล้ว เสดจพระราชดำเนินทอดพระเนตรเครื่องโต๊ะประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลต่อไป จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๕ วัน ๔ ๑๐ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ถวายอาหารบิณทบาตรพระสงฆ์ตามเคย
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แล้วโปรดให้ พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์จุดเทียนเครื่องนมัศการตามเคย พระสงฆ์ก็เจริญพระพุทธมนต์ เวลายามเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ ภอพระสงฆ์ถวายอติเรกแล้วเสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่ปรำตั้งโต๊ะ ทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๘ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๖ วัน ๕ ๑๑ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าพระเจ้าบรมวงษเรอ ถวายอาหารบิณฑบาตรตามเคย เวลา ๒ ทุ่มเสดจทรงรถพระที่นั่งไปประทับวัดบวรนิเวศ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แลโปรดให้พระเจ้าบรมวงษเธอ จุดเทียนเครื่องนมัศการตามเคย เวลายามเศษเจริญพระพุทธมนต์จบ พระสงฆ์ก็ถวายอติเรก เสดจพระราชดำเนินมาประทับในปรำตั้งโต๊ะ ทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะต่อไปจนเวลา ๓ ยามเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๗ วัน ๖ ๑๒ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าพระเจ้าบรมวงษเรอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ถวายอาหารบิณทบาตรพระสงฆ์ ๓๐ รูปรับพระราชทานฉันท์เสรจแล้ว
เวลาเช้า ๔ โมง กับ ๔๐ นาที เปนประฐมฦกษ เสดจทรงเครื่องอย่างเตมยศอย่างพลเรือน ประดับเครื่องราชอิศริยาภรณ์ มหาจักรกรีบรมราชวงษ เสดจมาทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่ประตูวัดบวรนิเวศวิหารด้านเหนือ แล้วเสดจพระราชดำเนินเข้าไปประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมศการทรงศิลแล้ว ทรงถวายไตรซึ่งตั้งไว้พระแท่นมณฑลแก่พระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วพระเจ้าบรมวงษเธอกรมพระก็เสดจไปสู่พระแท่นสรง ประทับเหนือตั่งไม้อุทมพร
เวลาเช้า ๕ โมง กับ ๑๐ นาที แล้วเสดจพระราชดำเนินไปถวายน้ำพระพุทธมนต์ แก่พระเจ้าบรมวงษเธอ พระสงฆ์ก็สวดถวายไชยมงคล พราหมณ์ก็เป่าสังข์บันเฑาะว์ เจ้าพนักงานก็ประโคมเครื่องดุริยดนตรีขึ้นพร้อมกัน แลพราหมณ์โหรดาจาริย์ พราหมณ์พฤฒิบาศ ก็เข้าไปถวายน้ำกลดสังข์ตามไสยเวท แล้วพระเจ้าบรมวงษเธอ ทรงครองไตรที่พระราชทานไหม่ เสดจมาประทับในพระอุโบสถ จึงทรงอาราธนาให้เสดจขึ้นประทับเหนือพระแท่นปัญจปดลเสวตรฉัตร พระบรมวงษานุวงษ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปยืนประชุมเฝ้าพร้อมกันที่ในพระอุโบสถ จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระอาลักษณอ่านประกาศมหาสมณุตตมาภิเศกเลื่อนพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ขึ้นเปนพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมสมเดจพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ให้ทรงศักดินา ๑๕๐๐ พระราชทานนิตยบูชาเดือน ๑๒ ตำลึง แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนเจ้ากรมเปนพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ถือศักดินา ๑๐๐๐ ปลัดกรมเปนพระสุนทรสรรพการ ถือศักดินา ๘๐๐ สมุหบาญชี เปนหลวงชำนาญเลขา ถือศักดินา ๕๐๐
ฝ่ายสมณศักดินั้นให้ทรงตั้ง พระครูปลัดมหานุนายก ธรรมยุติกาดิลกโลกยปสาทานุบาล มหาเถรานุฐานกิจการีย์คณาธิบดีศรีรัตนสรณคมกาจารีย์ มีนิตยภัตรราคาเดือนสะ ๓ ตำลึง พระครูสังฆกรรมมานุโยค มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๒ ตำลึง พระครูวราโภคสังฆกิจ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๒ ตำลึง พระครูปริตโกศล มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๖ บาท พระครูพุทธมนต์ปรีชา มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๖ บาท พระครูคหาปณานุกิจ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๖ บาท พระครูพิพิธภัณฑ์วิภัชน์ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๖ บาท พระครูวิไนยธร ๑ พระครูวิไนยธรรม ๑ พระครูอเนกสาวัน ๑ พระครูอนันตฤนาท ๑ พระครูสังฆบริบาล ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใปฎิกา ๑ รวม ๑๕ รูป ภออาลักษณอ่านประกาศจบแล้ว ทรงถวายพระสุพรรณบัตร แลตาลิปัตรแฉกพัตรรองบาตรซึ่งตั้งไว้บนพระแท่นมณฑลแลเครื่องราชประโภค เจ้าพนักงานก็ประโคมเครื่องดุริยดนตรี พระสงฆ์ก็สวดถวายไชยมงคลแล้วโปรดเกล้าฯ ให้พระยาวุฒิการบดีอาราธนาศิล กรมสมเดจถวายศิล ทรงศิลจบแล้ว ชาวประโคมก็ประโคม ๆ ดุริยดนตรีอิกครั้งหนึ่ง แล้วทรงถวายดอกไม้ธูปเทียนแลต้นไม้เงินทองสูงต้นละ ๒ ศอก ๕ นิ้ว แล้วกรมสมเดจ แลพระสงฆ์ก็ถวายอติเรกอนุโมทนา แล้วโปรดให้กรมสมเดจเสดจมาประทับพระเก้าอี้น่าอาศน์สงฆ์ ทรงประเคนของไทยธรรมแก่พระสงฆ์ ๓๐ รูป แล้วโปรดให้สมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ดับเทียนไชย ขณะนั้นพระสงฆ์ก็สวดคาถาดับเทียนไชย แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ แลสมเดจพระเจ้าลูกเธอ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแก่กรมสมเดจ พระสงฆ์ ๓๐ รูปก็ถวายอนุโมทนา แล้วกรมสมเดจได้เสด็จมาประทับรับดอกไม้ธูปเทียนฃองฃ้างในที่ศาลาการปเรียญ แลพระบรมวงษานุวงษ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยได้ถวายดอกไม้ธูปเทียนต่อไป
เวลาเที่ยงเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
เวลาบ่าย ๔ โมงเจ้าพนักงานได้ตั้งบายศรี ตอง แก้ว ทอง เงิน เวียนเทียนสมโภชพระสุพรรณบัตร
เวลายามเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการพระพุทธชิณศรีแล้ว เสดจพระราชดำเนินไปประทับที่ตำหนักสมเดจพระบรมโอรสาธิราช โปรดให้เจ้าน่าที่แจกสิ่งของรางวัล ซึ่งสมเดจพระบรมโอรสาธิราชจัดถวายในกรมสมเดจเพื่อจได้ประทานแก่ผู้ที่มาตั้งเครื่องโต๊ะทั่วกันตามชั้นรางวัล จนเวลา ๒ ยามเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๑๘ วัน ๗ ๑๓ฯ ๑๒ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งเปนกระบวนข้างในตามเสดจด้วย ไปประทับวัดบวรนิเวศวิหาร ทรงทอดพระเนตรเครื่องโต๊ะอยู่จนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสดจกลับพระบรมมหาราชวัง
อนึ่ง ในวันที่ ๒๗ ที่ ๒๘ กรมสมเดจได้มีธรรมเทศนาในพระอุโบสถรวม ๓ กัณฑ์
อนึ่ง ในการมหาสมณุตตมาภิเศกครั้งนี้ ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายนเวลาเช้าสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์วัดราชประดิษฐ์ มารับพระราชทานฉันฑ์ในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร แล้วได้รับเครื่องไทยทานฃองหลวงที่โปรดให้สมเดจถวายแก่พระสงฆ์ คือวันนั้นสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ได้โคมกับเครื่องบริฃานอื่นๆ ให้สิทธิถือตามหลังไปถึงน่าวัดมหรรณพาราม โปลิศเข้าจับเอาสิทธิสมเดจว่าลักเอาโคมของหลวงไป นำตัวเอาไปส่งให้พระประสิทธิสัลการที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระประสิทธิสัลการถามได้ความแล้วจึงว่าถ้าโคมของหลวงหายไปไม่พ้นตัวนายคนนี้ที่เปนสิทธิสมเดจแล้วสั่งให้ปล่อยตัวไป สิทธิสมเดจจึงได้ไปเรียนความกับสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ ครั้นเวลาค่ำสมเดจพระพุทธมาสวดมนต์จบแล้ว จึ่งถวายพระพรกล่าวโทษพระสิทธิว่าเปนการปมาท จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิอธิบดีกรมพระนครบาล ว่ายศสมเดจพระพุทธโฆษาจาริย์ก็เสมอกับยศสมเดจเจ้าพระยา ซึ่งพระประสิทธิว่ากล่าวเหลือเกินดังนี้ ให้พระประสิทธิไปสวดมนต์เลี้ยงพระสงฆ์ในวัดราชประดิษฐทั้งวัด แล้วให้มีลครสมโภชด้วยวันหนึ่ง ครั้นต่อมาพระประสิทธิก็ได้ทำตามพระบรมราชโองการแล้ว