เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๕๓

วันที่รัชกาล ๘๔๒๑ วัน ๓ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศเสดจออกขุนนาง พระยาศรีนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระพิเรนทรเทพฃ้าหลวงประจำหัวเมืองลาวกลางเมืองนครราชสีหมา ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

ฉบับ ๒ ว่า เดือนพฤศภาคม ฝนหาตกไม่ เดือนมิถุนายนฝนตก ๑ ครั้ง รองน้ำฝนได้ ๔ ทสางค์ เดือนกรกฎาคมฝนตก ๒ ครั้ง รองน้ำฝนได้หนึ่งนิ้ว ๑ ทสางค์ มากกว่าปี ๑๐๙ หกทสางค์ เดือนสิงหาคมฝนตก ๓ ครั้ง รองน้ำฝนได้หนึ่งนิ้ว ๗ ทสางค์ น้อยกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งนิ้ว เดือนกันยายนฝนตก ๙ ครั้ง รองน้ำฝนได้ ๕ นิ้ว ๒ ทสางค์ มากกว่าปี ๑๐๙ ๓ นิ้ว ๖ ทสางค์ นาลุ่มทำได้ประมาณ ๑ ส่วนยัง ๙ ส่วน นาดอนทำได้ ๑ ส่วนยัง ๑๙ ส่วน ราคาเข้าเปลือกซื้อขายแก่กันตวงด้วยถังๆ ๒๐ ทนาน ร้อยถังเปนเกวียนๆละ ๑๐๐ ตำลึง

ฉบับ ๓ บอกเมืองไชยนาท ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีสิงห์ปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ สองนิ้ว ราษฎรปักดำทำนาได้ประมาณ ๗ ส่วนยังส่วน ๑ ราคาเข้าเปลือกซื้อขายแก่กันสัต ๒๕ เกวียน

ฉบับ ๔ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑๕ ฝนตกสองครั้งรองน้ำฝนได้ ๑๔๙ เซน ได้เกนกรมการออกปิดคลองเล็กไว้ ๑๑๖ คลอง นาดอนน้ำแห้งนาลุ่มน้ำฦกคืบหนึ่งคืบเสศ

พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองราชบุรี ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเผาศพพระยาภักดีนฤบดินทรจางวาง แลได้มอบเครื่องราชอิศริยาภรณ์ทุติยจุลจอมเกล้าดวง ๑ พานทองคำเครื่องในพร้อม ๑ คนโททองคำ ๑ กะโถนทองคำ ๑ ลูกประคำทองสาย ๑ กระบี่บั้งทองเล่ม ๑ หมวกตุ้มปี่ ๑ เสื้อทรงประภาศ ๑ โต๊ะเงินคาว ๑ หวาน ๑ มอบให้หลวงมหาดไทยคุมมาส่ง

ฉบับ ๒ บอกพระยาศรีสรราชภักดีฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าพระยาเสนานุชิตได้จัดโปลิศรักษาถนนเมืองตะกั่วป่า ครู ๑ นาย ๑ ไพร่ ๒๔ คน ค่ากินค่าเสื้อกังเกงเงินเดือน รวมปีละ ๑๐๙๒ เหรียญ

ฉบับ ๓ บอกเมืองประทุมธานี ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ฃอพระมหาพุทธวงษ์วัดปากอ่าว เปนที่พระไตรรัตนวงษ์ แฃวงเมืองประทุมธานี

จึงดำรัสด้วยพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ว่า ที่พระยาประทุมมาฃอไปเสียนั้นดีแล้ว เพราะไปตั้งซ้อนกันอยู่ไม่รู้จะเอาไปไว้วัดไหน ครั้นจะให้ไปอยู่วัดไทยก็กลัวจะไปวิวาทกันขึ้นกับพระไทย แล้วดำรัสต่อไปว่าดูเหมือนพระไตรรัตนธัชะ ไม่ใช่พระไตรรัตนวงษ์ ฤๅเดิมจะเปนพระไตรรัตนวงษ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่จะมาทรงแก้เสียใหม่ว่าพระไตรสรณธัชะ แต่พระไตรสรณธัชะ เพราะดีกว่าพระไตรรัตนวงษ์

แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรกับข้าราชการ ๑๑ นาย ให้หลวงศิวาจาริย์ปลัดกรม เปนพระครูอัษฎาจาริย์ เจ้ากรมโหรดาจาริย์ ถือศักดินา ๘๐๐ ให้นายฉ่ำมหาดเวรศักดิ์ บุตรฃุนชลาไลยไกยกล เปนฃุนชลาไลยไกยกล มีตำแหน่งราชการในกรมมหาดเล็ก ถือศักดิ์นา ๓๐๐ ให้นายควรรู้อัดถ์นายเวร เปนหลวงเสนาภักดี มีตำแหน่งราชการในกรมมหาดไทย ถือศักดินา ๘๐๐ ให้หลวงผลาญสะเทื้อญ เปนพระประสิทธิสรจักร เจ้ากรมทหารปืนใหญ่หลัง ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๔๐๐ ให้หมื่นภาชนานุสนธิ เปนจมื่นราชภัณทนารักษ์ ปลัดกรมพระคลังในซ้าย ถือศักดิ์นา ๘๐๐ ให้ฃุนสิทธิสังหาร เปนฃุนแผลงสท้าน เจ้ากรมทหารปืนใหญ่น่าขวา ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๔๐๐ ให้นายบุก บุตรพระบันฦๅสิงหนาทคนเก่า เปนหลวงผลาญสะเทื้อญ เจ้ากรมทหารปืนใหญ่ซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๔๐๐ ให้นายแฃก บุตรหลวงแผลงสะท้านคนเก่า เปนฃุนสิทธิสังหาร ปลัดกรมปืนใหญ่น่าขวา ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๒๐๐ ให้นายเจริญ เปนฃุนฤทธิพลไชย ปลัดกรมทหารปืนใหญ่หลัง ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๒๐๐ ให้นายเคียง เปนขุนไกรตรวจพล ปลัดกรมทหารปืนใหญ่น่าซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๒๐๐ ให้หมื่นมณเฑียรพิทักษ์ ปลัดกรมพระตำรวจสนมขวา เปนหลวงเสนีพิทักษ์ มีตำแหน่งราชการในกรมมหาดไทย ถือศักดิ์นา ๘๐๐ แต่ตัวหาได้เข้ามาไม่ รับราชการอยู่เมืองนครจำปาศักดิ์ โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้กับพระยาศรีสิงหเทพในกรมมหาดไทยส่งขึ้นไปพระราชทาน

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๒๒ วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

วันนี้เปนวันจะได้พระราชทานเงินเบื้ยหวัดตามปีที่กล่าวมาแล้ว เวลาเช้า ๔ โมงเสศโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสด็จออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๔ องค์ที่จะรับพระราชทานเบี้ยหวัด มีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศร์วริยาลงกรณ์ นำเปนประธานในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

เวลาบ่าย ๓ โมงเศสโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธเสด็จออกมาจุดเทียนเครื่องนมัศการแลจุดเทียนโต๊ะเครื่องสังเวย อาลักษณ์ก็อ่านประกาศตามพระราชพิธีจบแล้ว ทรงเจิมภูเขาแท่นทองแลทรงเจิมเงินที่จะได้พระราชทานเบี้ยหวัด แล้วทรงถวายใบเบี้ยหวัดต่อ พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศร์วริยาลงกรณ์ แลพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรศ พระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร ต่อมาจนสิ้นพระสงฆ์ ๑๔ องค์ แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอติเรกพระพรลา แล้วพระราชทานพราหมณโหรต่อไป จนสิ้นงบที่ ๑ สิ้นเงิน ๒๖๕ ชั่ง ๘ บาท

วันที่รัชกาล ๘๔๒๓ วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๓ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์อธิบดีที่ ๒ ในพระคลังมหาสมบัติ แจกเบี้ยหวัดตามงบที่ ๒ ในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท สิ้นเงิน ๑๕๑ ชั่ง ๗๒ บาท

วันที่รัชกาล ๘๔๒๔ วัน ๖ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๔ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ แจกเบี้ยหวัดในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ตามงบที่ ๓ สิ้นเงิน ๑๘๖ ชั่ง ๓๔ บาท

วันที่รัชกาล ๘๔๒๕ วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๕ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก แลมีพระอาการทรงพระประชวรเสียดแน่นในพระนาภี

วันที่รัชกาล ๘๔๒๖ วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๖ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลายามเสศโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ พระราชทานเบี้ยหวัดในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทตามเคย ในงบที่ ๔ สิ้นเงิน ๑๗๙ ชั่ง ๘ บาท

วันที่รัชกาล ๘๔๒๗ วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๗ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลายามเสศโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ พระราชทานเบี้ยหวัดในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทตามเคย ในงบที่ ๕ สิ้นเงิน ๒๓๙ ชั่ง ๔๐ บาท

วันที่รัชกาล ๘๔๒๘ วัน ๓ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๘ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เปนวันพระไม่เสด็จออก แลมีการสวดมนต์แซยิดที่ตำหนักพระไปยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูรตามเคย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหาได้เสด็จไม่ เพราะยังพึ่งคลายทรงพระประชวร

วันที่รัชกาล ๘๔๒๙ วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๙ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้าพระสงฆ์ที่มาเจริญพระพุทธมนต์ ที่ตำหนักพระไปยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร รับพระราชทานฉันเสร็จแล้วถวายของเครื่องไทยทานตามสมควร แลมีการสรงแลทรงธรรมตามเคย แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหาได้เสด็จไม่

อนึ่ง ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระสงฆ์จะได้เจริญพระพุทธมนต์ ๕ รูป ในการหล่อพระพุทธรูปฉลองพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบันฑรวรรณวโรภาศ ที่สิ้นพระชนม์ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ร,ศ, ๑๑๐ มีหม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรตนำ

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งแต่ประตูน่าบันใดพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทด้านตวันออก ไปประทับทอดพระเนตรสำเภาที่น่าพระที่นั่งสุทไธสวริย จนเวลาย่ำค่ำเสศเสด็จกลับมาประทับพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงซ้อมเทศน์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสร็จแล้ว ทรงทอดพระเนตรเครื่องโต๊ะอยู่จนเวลา ๒ ยามเสศเสด็จขึ้น

อนึ่ง ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เวลาทุ่มเสศโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายอาภากรเกียรติวงษ์ เสด็จมาจุดเทียนเครื่องนมัศการ

เวลายามเสศโปรดเกล้า ฯ ให้กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ พระราชทานเบี้ยหวัดในพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทตามเคย ในงบที่ ๖ สิ้นเงิน ชั่ง บาท

วันที่รัชกาล ๘๔๓๐ วัน ๕ ๑๐ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๐ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาเช้า ๒ โมงเสศโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ เสด็จออกมาหล่อพระพุทธรูปฉลองพระองค์ พระองค์เจ้าหญิงบันฑร์วรรณวโรภาศ พระองค์เจ้าชายอาภากรเลี้ยงพระ

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปประทับที่พระที่นั่งไชยชุมพล มีกระบวนข้างในด้วยไปทอดพระเนรแบลูนที่มิศเตอร์เปนราคา ๑๐๐๐ เหรียญ เวลาย่ำค่ำเสศลูกแบนลูนขึ้นแล้ว เสด็จทรงพระราชยานจากพระที่นั่งไชยชุมพลมาออกประตูเทวาทิทักษ์ เสด็จไปประทับบนสำเภาจนเวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้นพระที่นั่งอนันต์สมาคม ทรงซ้อมเทศน์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จนเวลา ๒ ทุ่มเสศทรงซ้อมเทศน์แล้วประชุมกอมมิตตีที่จะได้ตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลาย่ำรุ่งเสศเสด็จขึ้น

อนึ่ง โดยกระแสพระราชดำริห์ว่า ในราชการที่ ๔ ขณนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงผนวชเปนสามเณร ก็เคยมีบำเพญพระราชกุศลเทศนามหาชาต ในพระบรมมหาราชวังครั้งหนึ่ง ครั้งนี้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมารทรงผนวชเปนสามเณรก็ควรมีมหาชาตกระจาดสำเภาใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช กระทรวงยุทธนาธิการจัดการทำสำเภาใหญ่ใส่กระจาดเครื่องกัณฑ์ประดับประดาตบแต่งด้วยอาหารบริโภคแลเครื่องใช้สอยต่าง ๆ ที่สนามหญ้าน่าพระที่นั่งสุทไธสวริย ได้ลงมือทำตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคมจนถึงวันที่ ๑๐ ธันวาคมเปนการแล้วเสร็จครั้นแวลาค่ำเสด็จประทับในสำเภา โปรดเกล้า ฯ ให้มีลครฉลองตั้งแต่วันนี้ไปจนสิ้นงาน

วันที่รัชกาล ๘๔๓๑ วัน ๖ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๑ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งแต่น่าเชิงบันใดพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทมีข้างในตามเสด็จด้วย ไปประทับรถพระที่นั่งที่น่าประตูมณีนพรัตน์ ทอดพระเนตรแบนลูนที่ทุ่งสนามหลวง แล้วเสด็จไปประทับในสำเภาจนเวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้นพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงซ้อมเทศสักบรรพสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชแล้ว โปรดให้ประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๑๐ เสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๒ วัน ๗ ๑๒ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๒ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลายามเสศเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๑๐ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๓ วัน ๑ ๑๓ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๓ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาย่ำค่ำเสศเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับในสำเภา เวลาทุ่มเสศเสด็จกลับมาประทับในพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงประชุมคอมมิตตีตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลาเช้าโมงเสศ โปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์ธรรมเจดีย์เข้าไปถวายเทศนามหาชาต ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แลพระเจ้าลูกเธอจุดเทียนตามโต๊ะเครื่องบูชา แล้วหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์ธรรมเจดีย์ ถวายเทศนาทศพรพรรณา ๑๙ พระคาถาจบลงแล้ว ทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร แล้วพระสงฆ์วรานุเถร ถวายเทศนาหิมพานต์ต่อไป เวลาเช้า ๒ โมงเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๔ วัน ๒ ๑๔ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๔ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ครั้นหิมพานต์ ๑๓๘ พระคาถาจบลงแล้ว พระครูธรรมวิจารณ์ ถวายเทศนาทานกันฑ์ ๒๐๙ พระครูพจนโกศล ถวายเทศนาวันประเวศน์ ๕๗ พระเจิม วัดอมรินทราราม ถวายเทศนาชูชก ๗๙ หม่อมเจ้าสามเณรนพมาศถวายเทศนาจุลพล ๓๕ พระมหาอุ่น เปรียญวัดมหาธาตุ ถวายเทศนามหาพน ๘๐ เจ้าอธิการทินวัดพิกุล ถวายเทศนากุมาร ๑๐๑ ครั้นเวลายามเสศเสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ พระศรี วัดสุวรรณารามมัทรี ๙๐ แล้วหม่อมสามเณรดนัยวรนุช ถวายเทศนาสักรบรรพ ๔๓ หม่อมเณรดนัยวรนุช ถวายเทศถูกทำนองเรียบร้อยดี พระราชทานรางวัล ๕ ชั่ง แล้วพระทัศ วัดราชบุรณะ ถวายเทศนามหาราช ๖๙ แล้วพระครูปลัดสุวัฒน์ศรีศิลคุณ ถวายเทศนาฉอกระษัตริย์ ๑๖ พระครูไกรสรวิลาศ ถวายเทศนานครกัณฑ์ เวลา ๒ ยามเสศมหาชาตจบ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา พระพรลา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งสุทไธสวริย์ โปรดเกล้า ฯ ให้ประชุมกอมมิตตีตัดสินเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลาเช้าโมงเสศ วันที่ ๑๕ วันนี้จะได้เทศนามหาเวศสันดรชาฎก สำหรับวันที่จะได้พระราชทานกระจาดสำเภาใหญ่ แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จกลับมาประทับในพระที่นั่งอนันตสมาคม โปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส เข้ามาถวายเทศนาทศพรเปนทำนองเรียบร้อยดี พระราชทานรางวัล ๓ ชั่ง แล้วพระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากร ถวายเทศนาหิมพานต์ ถูกทำนองตามแบบอย่าง พระราชทานรางวัล ๑ ชั่ง เวลาเช้า ๓ โมงเสศเสด็จขึ้น มีเทศนาตามลำดับต่อไป

วันที่รัชกาล ๘๔๓๕ วัน ๓ ๑๕ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๕ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

แล้วพระธรรมธานาจาริย์ ถวายเทศนาทานกัณฑ์จบแล้ว พระประสิทธิศิลคุณ ถวายเทศนาชูชก แล้วหม่อมเจ้าพระชัชวาลย์ ถวายเทศนาจุลพล แล้วพระญาณไตรโลกย์ ถวายเทศนามหาพล แล้วพระสาธุสังวรเถร ถวายเทศนากุมาร เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จออกประทับในพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วสมเด็จพระพุฒาจาริย์ ถวายเทศนามัทรี จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งสุตไธสวริย์ ทรงซ้อมเทศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เวลา ๑ ทุ่มเสศ สมเด็จพระพุฒาจาริย์ ถวายเทศนามัทรีจบ จึ่งเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เข้าไปถวายเทศนาสักรบรรพ แล้วโปรดให้นิมนต์ พระราชาคณผู้ใหญ่ผู้น้อย } เข้ามาฟังพระธรรมเทศนา แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานจุดเทียนเครื่องนมัศการตามโต๊ะลายครามโต๊ะเครื่องแก้วทั่วในพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วพระบรมวงษานุวงษ์ แลซ้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทคอยฟังพระธรรมเทศนาพร้อมกัน จึ่งทรงโปรดให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ซึ่งประทับในพระที่นั่งบุศบกแล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชก็ถวายเทศนาสักรบรรพ เวลา ๒ ทุ่มเสศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ถวายเทศนาจบ แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จกลับลงมาประทับบนอาศน์สงฆ์ ทรงถวายไตรแลเครื่องบรีฃารต่างๆ กับมูลค่า ๑๐ ตำลึงตามท้องกัณฑ์ แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จไปประทับในพระที่นั่งสุทไธสวริย์ พร้อมกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึ่งทรงประทานไตรแพรซึ่งตั้งไว้ในบุศบกกระจาดสำเภาใหญ่แลผลกัลปพฤกษ์ ๓ ชั่ง เปนการพระราชทานกระจาดสำเภาใหญ่ แล้วสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จกลับ จึ่งเสด็จพระราชดำเนินมาประทับในพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วพระครูศิลฃันธ์สุนทร ถวายเทศนามหาราชจบแล้ว หม่อมเจ้าพระพร้อม เปรียญ ถวายเทศนาฉอกระษัตรีย์ พระราชานุพันธ์มุนี ถวายเทศนานครกัณฑ์ เวลา ๗ ทุ่มเสศเทศนามหาชาติจบ พระสงฆ์ก็ถวายอนุโมทนาถวายพระพรลากลับ จึ่งเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระที่นั่งสุทไธสวริย์ โปรดเกล้าฯ ให้ประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๑๐ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๖ วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๖ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลาย่ำค่ำเสศ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วเสด็จพระราชดำเนินออกไปประทับที่สำเภา จนเวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จกลับมาประทับที่พระที่นั่งสุทไธสวริย์ ทรงประชุมกอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะต่อไป จนเวลา ๒ ยามเสศเสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่พระที่นั่งอนันตสมาคม จะได้ทรงธรรมเทศนาจตุราริยสัจ จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานนิมนต์หม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรต เข้ามาถวายเทศนาทุกขอริยสัจ พระราชพงษ์ปฏิพัทธมุนี ถวายเทศนาสมุทัยอริยสัจ พระญาณรักษขิต ถวายเทศนาทุกขนิโรธอริยสัจ พระเมธาธรรมรส ถวายเทศนาทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ครั้นจบแล้วทรงถวายไตรแลเครื่องบริขารตามสมควร แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอนุโมทนา ถวายพระพรลากลับ จึ่งเสด็จพระราชดำเนินทรงปักเหรียญรางวัลพระราชทานตามชิ้นเครื่องโต๊ะตามกอมมิตตีตัดสินแล้ว จนเวลาย่ำรุ่งเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๗ วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๗ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลายามเสศเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชทานเหรียญรางวัลกอมมิตตีตรวจเครื่องโต๊ะ แลพระราชทานเหรียญรางวัลผู้ที่จัดสิ่งของมาประดับแต่งในสำเภาตามลำดับชั้น จนเวลา ๘ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๘ วัน ๖ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๘ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย กรมมหาดไทยกระลาโหมหามีใครเข้ามาเฝ้าไม่ เพราะพ้นเวลา ๕ ทุ่มเกินกำหนดขุนนางเฝ้าแล้ว พากันกลับเสียหมด มีแต่กรมตำรวจแลมหาดเล็กขุนนางเฝ้าบ้างเล็กน้อย จึงมีพระราชดำรัสถามพระยามหามนตรีว่ามหาดไทยกระลาโหมไม่มีใครเข้ามาเฝ้าฤๅ พระยามหามนตรีกราบบังคมทูลว่า พอตี ๕ ทุ่มแล้วก็พากันกลับไป แล้วเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๓๙ วัน ๗ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๑๙ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองปราจิณบุรี ลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าได้ปลูกตำหนักประทับแรมถวายพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร แลได้จัดสเบียงอาหารส่งตามรายทางถึงเมืองกระบิลแล้ว

ฉบับ ๒ บอกหลวงจินดารักษ์ฃ้าหลวงเมืองฉเชิงเซา ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าหลวงจ่าเมืองกรมการเมืองฉเชิงเซา ซึ่งมีโจทหา ๒๒ ชื่อว่าปล่อยผู้ร้ายแลฆ่าอ้ายกล่อมตายกับ พระยาวิเสศฤๅไชย หลวงจ่าเมืองต้องรับอาญา ๓๐ ที แล้วกินยาครคินตาย

พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองกลันตัน ว่ามีตราโปรดออกไปว่าพี่น้องฃองฃ้าพระพุทธเจ้าไม่ปรองดองกัน ไพร่บ้านพลเมืองเปนที่หวาดหวั่น ถ้าขัดข้องอย่างไรให้มีหนังสือเข้ามาทูลพระวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงษ์นั้น ได้ทราบเกล้า ฯ แล้ว การที่เมืองกลันตันก็เปนการเรียบร้อยดี

ฉบับ ๒ บอกเมืองตะกั่วป่า ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าได้จัดเงินภาษีผลประโยชน์ ร้ายค้างปี ๑๐๙ เงิน ๒๓๓๙๗ ๓๖ } เหรียญ ส่งพระยาศรีสรราชภักดีนำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว

ฉบับ ๓ บอกเมืองระนอง ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าได้จัดเงินที่ช่วยในโรงพยาบาล ๔๔ ๗๔ } เหรียญ ซื้อสะเบียงอาหารเลี้ยงหม่อมเจ้าเจียกหมอปลูกไข้ทรพิศม์

ฉบับ ๔ บอกพระยาทิพยโกษา เจ้าหมื่นเสมอใจราช หลวงนริศรราชกิจขุนสมุทโคจร ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าได้ออกจากกรุงเทพถึงเมืองภูเก็จในวันที่ ๒๘ ตุลาคมแล้ว

พระยาสุรินทรเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมฝ่ายพระราชวังบวรขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๑ ฉบับ บอกเมืองสงขลา ลงวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๑๐๙ ว่าทองคำฉลองต่างต้นไม้ทองซึ่งขึ้นฝ่ายพระราชวังบวร จำนวนปี ๑๐๙ ทองคำหนักสามตำลึงแขก เทียนพนมหนักเล่มละบาทพันเล่ม กันแชงเตย ๒๔ ผืน ใต้น่าช้าง ๘ ดวง รางปืน ๑๐ ราง ไม้พลวงคันขอ ๑๖๐ ดุ้น หวายแซ่ม้า ๑๖๐ เส้น หวายโป่ง ๑๖๐ เส้น คลุ้มพันซีก มอบให้ หลวงอนุศรกฤษพาคย์กรมการคุมเข้ามาส่ง จึงดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า ซึ่งเมืองระนองเขาเอาเงินที่ช่วยในโรงพยาบาล มาจัดซื้อสะเบียงอาหารส่งหม่อมเจ้าเจียกนั้นไม่ถูก เพราะหม่อมเจ้าเจียกก็ได้เงินเดือนแลเบี้ยเลี้ยงแล้ว ให้มีตราออกไปให้เรียกเอาเงินมาส่งกรมศึกษาธิการส่งโรงพยาบาล

แล้วดำรัสด้วยกรมหมื่นนราธิปประพันธพงษ์ว่า ตำแหน่งฃุนนางที่ว่างอยู่ไม่มีตัวนั้น ให้คิดอ่านจัดหากันเข้ามาใส่เสียให้เตมที่ ถึงกรมมหาดเล็กก็เหมือนกัน

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๐ วัน ๑ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๐ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลายามเสศเสด็จออกพระราชทานเบี้ยหวัด ประทับที่ออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๖ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีพิจิตรหามีไม่ ที่นาดอนเข้าแห้งน้ำไปหมด ที่นาลุ่มพอวิดน้ำตามคลองไว้ได้

ฉบับ ๒ บอกเมืองอินทรบุรี ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ส่งเงินผูกปี้จีน ๓๐๐ คน เงิน ๑๕ ชั่ง มอบให้ทลวงสุนทรพิทักษยกรบัตรแลนายจ่าเรศรข้าหลวงคุมลงมาส่ง

ฉบับ ๓ บอกเมืองสิงคบุรี ลงวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๑๑๐ ส่งเงินผูกปี้จีน ๒๑๒ จีน เงิน ๑๒ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ให้นายเสนองานประภาศฃ้าหลวง ฃุนรองแขวงกรมการคุมลงมาส่ง

ฉบับ ๔ บอกพระยาสุรเดชปลัดข้าหลวงเมืองลาวพวน ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๑๑๐ ฃอราชวงษ์ เปนที่อุปฮาดราชบุตรเปนที่ราชวงษ์ หลวงศรีวรวงษ์ผู้ช่วยเปนที่ราชบุตรเมืองโพนพิไสย

ฉบับ ๕ บยกเมืองโพนพิไสย ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๑๑๐ ว่าวันที่ ๑๐ พฤจิกายน ๑๑๐ เวลายามเสศเกิดเพลิงไหม้บ้านราษฎรแล้วลามไปไหม้บ้านราษบุตร ปืนฃายกยาง ๒ บอก ปืนปลายหอก ๑๕ บอก ฃองหลวงไฟไห้เสียสิ้น ครั้นวัน ๑๒ พฤศจิกายน ๑๑๐ เวลาประยาน ๔ ทุ่มเสศเกิดเพลิงไหม้ที่เรือนพระพิไสยสรเดช เพลิงไหม้ของหลวงเสียไป ปืนหามแล่น ๑ เสื้อทหาร ๕๐ สำรับ หมอกทหาร ๕๐ หมอก สัญญาบัตร ๑ เครื่องราชอิศริยาภรณ์ ๑ เครื่องยศ สัปทน ๑ จอกหมาก ๑ ตลับยา ๑ สัญญาบัตรพระสุรศักดิสุนทรเจ้าเมืองประชุมชะนาไลย ๑

ฉบับ ๖ ว่าได้แต่งให้ท้าวไกรษรสุริยวงษ์ ไปทำบาญชีครอบครัวที่พระจันทรเทพสุริยวงษาเจ้าเมืองหมอก คุมครอบครัวเข้ามาตั้งอยู่ในโพนพิไสย ๔๗๗ ครัว ตามท้องตราลงมาส่ง

พระสุรินทรามาตย์ นำบอกพระยาศรีสรราชภักดี ฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตกเมืองภูเก็จ ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ฉบับ ๑ ว่าได้จัดทำโรงภาษีร้อยชักสามหลังหนึ่ง ขื่อกว้าง ๑๐ ศอก เฉลียงกว้าง ๕ ศอก ๔ ด้าน ยาว ๗ วา ๓ ศอก ครัวหลังหนึ่ง ขื่อกว้าง ๘ ศอก ยาว ๘ วา ๒ ศอก เฉลียงด้านน่ากว้าง ๔ ศอก สองหลัง สิ้นเงิน ๒๒๐๙ ๔๑ ๑ } เหรียญ

ฉบับ ๒ ว่าจีนหงอฮะคีเจ้าภาษีสุกรจำนวนปีรกาสัปตศก ถึงแก่กรรม เงินค้าง ๓๒๖๓ ๐ เหรียญ มีตึกแถวหลังตลาดยาว ๑๔ วา ๒ ศอก กว้าง ๘ ศอก สูง ๘ วาสองชั้น ได้ริบเอามาเปนฃองหลวงแล้ว

ฉบับ ๓ ว่าห้างโกวานจำหน่ายดีบุกที่ค้างได้อีก ๖๗ ชั่งเปนเงิน ๑๕๒๓๓ ๐ } เหรียญ หักค่าโสหุ้ยห้างโกวาน เงิน ๒๖๗ ๒๙ } เหรียญ คงเหลือ เงิน ๑๔๙๖๕ ๑๕ } เหรียญ ส่งหลวงทวีปนำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว

ฉบับ ๔ ว่าได้เก็บภาษีฝิ่นฅอเวอนแมนต์เมืองภูเก็จ เดือนสิงหาคม หักจำหน่ายราชการแล้ว คงเปนเงิน ๑๐๔๑๙ ๒๘ } เหรียญ นำฝากแบงก์ปินังแล้ว

จึงดำรัสด้วยพระยาศรีว่าเมืองโพนพิไสยบอกมาว่า ปืนหามแล่นไฟไหม้นั้นมันจะไหม้จริงฤาไม่ไหม้ก็ไม่รู้ แล้วดำรัสสั่งให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ พระราชทานเบี้ยหวัดตามงบที่ ๘ สิ้นเงิน ชั่ง บาท เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๑ วัน ๒ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๑ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกฃุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเมืองพิไชย ลงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีกันปี ๑๑๐ ฝนตก ๑๔ ครั้ง มากกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งนิ้ว ๙ ทสางค์ น้ำท่านราษีกัญปี ๑๑๐ น้อยกว่าปี ๑๐๙ เก้าศอก ๑๐ นิ้ว ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนานเกวียนละ ๑๐ ตำลึง

ฉบับ ๒ บอกเมืองพิจิตร ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีกัญปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ สิบ ๙ นิ้ว ๓ ทสางค์ น้ำท่าในราษีกัญปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ หกศอก ๓ นิ้ว ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนาน เกวียนละ ๘ ตำลึง

ฉบับ ๓ บอกเมืองอินทบุรี ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีสิงหปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ เจ็ดนิ้ว ๖ ทสางค์ น้ำท่าในราษีสิงหปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ ศอก ๗ นิ้วกึ่ง ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนานเกวียนละ ๗ ตำลึง

ฉบับ ๔ บอกเมืองสรรคบุรี ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีกัญปี ๑๑๐ น้อยกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งทสางค์ น้ำท่าในรานีกัญปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ หนึ่งศอก ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนานเกวียนลั ๘ ตำลึง ๓ บาท

ฉบับ ๕ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าน้ำฝนในราษีกัญปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ สองนิ้วหนึ่งทสางค์ น้ำท่าในราษีกัญปี ๑๑๐ มากกว่าปี ๑๐๙ ศอกสิบแปดนิ้ว ราคาเข้าเปลือกตวงด้วยสัต ๒๕ ทนาน เกวียนละ ๙ ตำลึง

พระสุรินทรามาตยนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระยาศรีสรราชภักดีข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าเมืองตะกั่วป่าส่งลิสิทธิหลวงทวีปสยามกิจรับเงินฝากแบงก์ ๑ ฉบับได้ส่งเข้ามายังเจ้าพนักงานด้วยแล้ว

ฉบับ ๒ ว่านายตาดบุตรพระภูเก็จ นำกรมการไปทำบาญชีตึกร้านบ้านเรือนสวนไร่นาทรัพยสมบัติ รวมเปนราคาเงิน ๓๓๘๑๕ ๓๕ } เหรียญมอบเปนของหลวงแล้ว

ฉบับ ๓ บอกหลวงชาติสุรินทร กรมพระกระลาโหม หลวงชนานุกูล กรมนา ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าได้ออกกรุงเทพถึงเมืองไชยาแล้ว ได้พระราชทานเข้าเกลือให้ราษฎรตามที่ทรงพระกรุณาโปรด

ฉบับ ๔ บอกเมืองไชยา ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๑๑๐ ว่านาของราษฎรในแฃวงเมืองไชยา น้ำป่าท่วมต้นเข้าเสียไปหมด เมื่อเวลาถูกลมพยุหน้ำท่วมแล้วลดลงบ้าง ภายหลังฝนตกทั้งกลางวันกลางคืน } จนทุกวันนี้ น้ำป่ากลับท่วมทวีมากกว่าแต่ก่อน แล้วไข้เกิดทรพิศม์ตายชุกชุม

จึ่งมีพระบรมราชโองการว่า เมืองฝ่ายทเลถ้าออกไข้หัวแล้วกลัวกันเสมอโรคหิวาทีเดียว

แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการ ๓ นาย ให้นายฤทธิภักดีนายเวร เปนจ่าหาญยุทธกิจ กรมพระตำรวจในซ้าย ถือศักดิ์นา ๖๐๐ ให้จำแล่นผจญผลาญ เปนหลวงพลไชย เจ้ากรมเรือดั้งคู่ชักซ้ายฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๔๐๐ ให้หมื่นนราพิทักษสมุหบาญชี เปนหลวงพิทักษ์โยธี เจ้ากรมไพร่หลวง ขึ้นกรมนครบาลฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดิ์นา ๔๐๐

แล้วพระศรีเสนา นำราชวงษ์ผู้จะเปนที่อุปฮาดเมืองโพนพิไสยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จัดขี้ผึ้งหนัก ๑ หาบขอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๒ วัน ๓ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๒ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระศรีเสนานำศุภอักษรพระเจ้านครเชียงใหม่ขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ

ฉบับ ๑ ลงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

ฉบับ ๒ ว่าเจ้าพระยาพลเทพ ที่สมุหพระกระลาโหมขึ้นไปจัดราชการแลภาษีอากรเมืองนครเชียงใหม่ ภาษียาสูบเงินขึ้นอีก ๕๐๐๐ รูเปีย

ฉบับ ๓ ว่าพระยารัตนวนาเฃตรเมืองเชียงราย ป่วยเปนโรคชรา วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๑๐ ถึงแก่กรรม อายุ ๗๓ ปี ได้ยกศพใส่หีบไว้แล้ว

พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกเจ้าหมื่นเสมอใจราช ข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่ามีท้องตราขึ้นไปว่า มิศเตอรวิลลิกนายช่างจะออกไปทำการสายโทเลข การก็ถึงแปดเดือนมาแล้วหาเหนออกไปไม่ นายจงใจภักดิ์ก็ได้มาเบิกเงินเดือนแลเบี้ยเลี้ยงไปเดือนละ ๑๐๐ เหรียญทุกเดือนหาได้ทำการไม่ เหนว่าการสายโทเลขไม่มีข้าหลวงประจำรออยู่ก็ได้ ถ้ามิศเตอร์วิลลิกออกไปเมื่อไรจึ่งจะจัดคนให้ทำต่อไป

ฉบับ ๒ บอกเมืองระนอง ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าได้ส่งเงินอากรดีบุกฝ่ายพระราชวังบวร จำนวนปีกุน ๑๐ ชั่ง ปีชวด ๑๐ ชั่ง ได้นำเงิน ๒๐ ชั่งฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว

ฉบับ ๓ บอกเมืองไชยา ลงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าเลขส่วยไม้กระดานปี ๑๐๙ เงิน ๗ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง มอบให้หลวงอุดมคุมเข้ามาส่ง

ฉบับ ๒ ว่าเลขส่วยสัพเหตุ ปี ๑๐๙ เงิน ๙ ตำลึง ๑ บาท มอบให้หลวงอุดมคุมมาส่ง

ฉบับ ๓ ว่าเลขรักษาสวนลิเล็ต ปี ๑๐๙ เงิน ๔ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง มอบให้หลวงอุดมกรมการคุมเข้ามาส่ง

พระยาสุรินทรเสนีนำบอกกรมพระกระลาโหมฝ่ายพระราชวังบวรขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ บอกเมืองสงขลา ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๐๙ ว่าภาษีดีบุกเมืองยลาปี ๑๐๘ เงิน ๗ ชั่ง ได้มอบให้หลวงอุรักษ์กฤษภาคย์กรมการคุมเข้ามาส่ง

จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า นายจงใจภักดิ์นั้นเล่าก็เผลอตัวอยู่เปล่าๆ ให้หาตัวกลับเข้ามาเสียเถิด แล้วให้ถามกรมโทรเลขเสียหน่อยหนึ่ง ว่าอีกสักกี่เดือนถึงจะพาดสายถึงเมืองภูเก็จ

แล้วมีพระราชดำรัสด้วยพระยาวุฒิการบดี พระสงฆ์ที่จะสวดมนต์ในงานรับพระสุพรรณบัติครั้งนี้เปนสองคราวให้ซ้ำแต่พระราชาคณะผู้ใหญ่ แต่พระราชาคณผู้น้อยนั้นแบ่งคราวละงาน แล้วพระยาวุฒิการกราบบังคมทูลถามว่าจะใช้พระหัวเมืองฤๅไม่ต้องใช้ จึงดำรัสว่าต้องใช้ด้วย เพราะของเครื่องไทยทานเปนการดีๆ

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๓ วัน ๔ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๓ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๔๔ วัน ๕ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๔ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระยานรินทรราชเสนีนำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระยาศรีสรราชภักดีฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าพระยาศรีสรราชภักดี ได้ส่งเงินภาษีผล ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

ฉบับ ๒ บอกเจ้าหมื่นเสมอไจราชฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตะวันตกประโยชน์เมืองภูเก็จ ปี ๑๐๙ เงิน ๑๘๖๒๔ ๗๗ } เหรียญ นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว

ฉบับ ๓ ว่าพระยาศรีสรราชภักดีจะกลับเข้ามากรุงเทพ ได้มอบการให้พระนราธิราชภักดี เปนผู้ส่งบาญชีเงินตามท้องตราแล้ว

ฉบับ ๔ บอกเมืองพังงา ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระยาศรีสิงหเทพว่า พระยาวิเสศไชยชาญเมืองอ่างทอง มีใบบอกลงมาฃอฃ้าหลวงขึ้นไปชำระผู้ร้าย การที่ผู้จะเปนฃ้าหลวงได้นั้นก็มีอยู่น้อยตัว ต้องไปราชการในที่ต่างๆหามีตัวไม่ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งเจ้าเมืองกรมการไว้ก็เพื่อจะสำหรับดับทุกข์ศุขราษฎรแลเปนพระเนตรพระกรรณของพระเจ้าแผ่นดิน ที่เกิดการผู้ร้ายขึ้นมีบอกลงมาฃอฃ้าหลวงขึ้นไปชำระ ถ้าอย่างนั้นจะตั้งเจ้าเมืองกรมการไว้ทำไม ให้พระยาศรีบอกกับเจ้าพระยารัตนบดินทรให้ว่ากล่าวเสียบ้าง

แล้วพระยาศรีกราบบังคมทูลว่า เจ้าพระยารัตนบดินทรไม่อยู่ขึ้นไปวัดไชยโย จึ่งดำรัสสั่งพระยาศรีถ้าอย่างนั้นให้ทำตราขึ้นไปถึงเจ้าพระยารัตนบดินทร ให้เจ้าพระยารัตนบดินทรหาตัวพระยาอ่างทองมาว่ากล่าวเสียบ้าง

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๕ วัน ๖ ๑๐ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๕ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระมนตรีพจนกิจนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระยาศรีพิทักษฃ้าหลวงเมืองขุฃันธ์ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษา

ฉบับ ๒ ว่ามีอ้ายผู้ร้ายปล้นราชวงษ์เมืองเขมราฐที่เมืองสิงขรภูม ซึ่งออกมาจากกรุงเทพ ได้ตัวอ้ายเป้า อ้ายเทบ อ้ายอง } มาถามให้การสารภาพรับเป็นสัจ นำฃองกลางได้ถาดหมากคนโทเงินของพระราชทาน

พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระทรงสุรเดชฃ้าหลวงเมืองราชบุรี ลงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการพระราชทานผ้าไตรกฐินออกไปทอดวัดศรีสุริยวงษาราม

ฉบับ ๒ บอกเมืองเพชรบุรี ลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการพระราชทานผ้าไตรกฐินออกไปทอดวัดมหาสมณารามวัดคงคาราม

ฉบับ ๓ บอกเมืองนครศรีธรรมราช ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการพระราชทานผ้าไตรกฐินออกไปทอดวัดพระธาตุ

ฉบับ ๔ บอกเจ้าหมื่นเสมอใจราช ข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ขออนุญาติตั้งโรงพยาบาลที่เมืองภูเก็จ

พระยาสุรินทรเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมฝ่ายพระราชวังบวรขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าพระยารัตนเสรฐีเจ้าเมืองระนอง ส่งเงินอากรดีบุกฝ่ายพระราชวังบวร ปีกุนนพศก ๑๐ ชั่ง ปีชวดสัมฤทธิศก ๑๐ ชั่ง พระยารัตนเสรฐีได้นำเงิน ๒๐ ชั่งฝากแบงค์เมืองปีนังแล้ว

จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า โรงเมืองภูเก็จเขาตั้งโรงพยาบาลนั้นเปนการดีแล้ว แต่หมอที่จะเอาออกไปจากกรุงเทพฤาจะเอาที่นอกให้ปฤกษาดูกับกรมศึกษา แลให้ฃอข้อบังคับสำหรับกรมพยาบาลไปจากกรุงเทพ ถ้าในกรุงเทพจัดข้อบังคับอันใดขึ้นใหม่ก็ให้รู้ไปถึงเมืองภูเก็จด้วย แต่เมืองภูเก็จจะตั้งโรงพยาบาลนั้นเปนหว่างกลางของเมืองอื่นๆที่จะต้องมาเมืองภูเก็จ

แล้วดำรัสถามเจ้าประภากรว่า หมอที่ออกไปปลูกฝีหัวเมืองนั้นมีเงินเดือนแลเบี้ยเลี้ยงทุกคนไม่ใช่ฤๅ หม่อมเจ้าประภากรกราบบังคมทูลว่ามีทุกคน จึ่งดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า นี่แน่พระยานรินทรให้มีตราออกไปถามดู ว่าเมืองไหนหมอได้เรียกเอาค่าอไรบ้าง ให้เจ้าเมืองกรมการบอกเข้ามาให้ชัดเจน ถ้าไม่เรียกเอาก็แล้วไปฤๅาเรียกเอาแต่เจ้าเมืองกรมการเขาออกของเฃาให้ ไม่คิดหักเงินหลวงแลเงินช่วยในโรงพยาบาลก็แล้วไป ถ้าเอาเงินหลวงแลเงินในโรงพยาบาลออกซื้อจ่ายใช้ให้ก็ให้เรียกก็เอาคืน เงินช่วยในโรงพยาบาลก็ให้เรียกมาส่งกรมศึกษา

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๖ วัน ๗ ๑๑ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๖ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

วันนี้เจ้าพนักงานจัดพระสงฆ์ วัดเสนาศนาราม คือพระพรหมเทพาจาริย์ ๑ ถานานุกรม ๒ พระอันดับ ๗ รวมเปนพระสงฆ์ ๑๐ รูป ที่จะได้รับผ้าไตรแลเครื่องบริฃาร ขึ้นไปจำพรรษาอยู่่วัดบ่อพักแฃวงเมืองตาก มาคอยอยู่ที่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทด้านตวันออก

เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกทรงถวายไตรแลเครื่องบริฃาร แก่พระสงฆ์ ๑๐ รูปทั่วแล้ว ทรงถวายจตุปัจจัยเปนราคา ๒ ชั่ง แก่พระพรหมเทพาจาริย์ แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอนุโมทนา อติเรก ถวายพระพรลา แล้วเสด็จขึ้น

วันนี้มีทรงเครื่องใหญ่ด้วย

วันที่รัชกาล ๘๔๔๗ วัน ๑ ๑๒ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๗ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ

ฉบับ ๑ บอกพระภักดีณรงค์ข้าหลวงที่ ๒ หัวเมืองลาวฝ่ายตวันออกเฉียงเหนือ ลงวันที่ ๒๘ กันยายน ๑๑๐ ว่าเรือ บำรุงบุรทิศ พานิชวัฒนา ได้ใช้จักรเดินเมล์ในลำน้ำพมูนจากเมืองอุบลราชธานี จนถึงตำบลท่าช้างแฃวงเมืองนครราชสีหมา ค่าโดยสารคนหนึ่งเงิน ๘ บาท ค่าบันทุกสิ่งของหาบละ ๓ บาท ๒ สลึง

ฉบับ ๒ บอกเมืองสุพรรณบุรี ลงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าตั้งแต่วันที่ ๑ จนวันที่ ๑๕ ธันวาคม มีผู้มาฟ้องความนครบาล ๓ เรื่อง

ฉบับ ๓ บอกเมืองพิจิตร ลงวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าหมื่นสุนทรกับราษฎร ฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดบ้านทนง ยาว ๑๑ วา กว้าง ๙ วา

พระยานรินทรราชเสนี นำบอกเจ้าหมื่นเสมอใจราชฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตกขึ้นอ่านทราบบังคมทูล ๓ ฉบับ ลงวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน

ฉบับ ๑ ว่าขุนพิทักษสมบัตินำบาญชี เงินที่ค้างเจ้าภาษีนายอากรอยู่ตั้งแต่ปีรกาสัปตศก ถึงปี ๑๐๙ รวม ๖ ปี เปนเงิน ๑๔๕๗๖๖ ๓๓ } เหรียญ ตั้งจำหน่าย ตายหนีมีตัวบ้าง

ฉบับ ๒ ว่าพระยาศรีสรราชภักดี ส่งเงินภาษีคอเวอนแมนต์เมืองภูเก็จ จำนวนเดือนกันยายน ๑๑๐ เงิน ๒๐๙๓๘ ๗๖ } ได้นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว

ฉบับ ๓ ว่าโปลิศ ๗ กอง คน ๒๖๘ คน แต่ปืนที่จะใช้ให้โปลิศรักษาหาพอไม่ ขอปืนออกไปเพิ่มเติม

จึ่งมีพระราชดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า ถ้าพระยาศรีสรราชภักดีกลับเข้ามาแล้วให้สอบถามดูเสียหน่อยรายเงินภาษีอากรที่ค้างนั้น

รายที่จะฃอปืนให้ไว้สำหรับรักษาราชการนั้น ได้ไห้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์มีหนังสือออกไปถามดูแล้ว ว่าคือที่โปลิศเมืองภูเก็จนั้นมันเปนจีนบ้างแขกบ้าง มันจะรับทำการกับเราจริง ๆ ฤๅจะไม่จริงให้พิจารณาดู หน่อยฃอเครื่องอาวุธไบให้มันถือมันจะเอาเครื่องอาวุธนั้นกลับเข้ามาสู้กับเรา ให้พระยานรินทรมีตราตอบออกไป ว่าได้มีพระบรมราชโองการให้พระองค์โสณบัณฑิตย์ถามออกไป ถ้ามันเปนการเรียบร้อยดี จะเอาอะไรบ้างก็ให้บอกขอเข้ามา

เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น

วันที่รัชกาล ๘๔๔๘ วัน ๒ ๑๓ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๘ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๔๙ วัน ๓ ๑๔ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๒๙ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ไม่เสด็จออก

วันที่รัชกาล ๘๔๕๐ วัน ๔ ๑๕ ๑ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓

วันที่ ๓๐ ธันวาคม ร,ศ, ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)

ด้วยเมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๑๑๐ เวลา ๒ ทุ่มเสศ ฝนตกพยุหพัดแรงต้องยอดพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ด้านตวันตกหักหลุดลงมาถูกสิงห์โตหินที่น่าประตูพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทฅอหักตัวหนึ่ง โปรดเกล้า ฯ ให้กรมโยธาธิการตรวจดูได้ความว่า โคนไม้ที่ยอดนั้นคลอนอยู่แล้ว เพราะช่างก่อสร้างเดิมทำไม่แน่นหนาแฃงแรงเมื่อถูกลมพยุหพัดกล้าจึ่งหักตกลงมา บัดนี้โปรดเกล้า ฯ ให้กรมโยธาธิการทำยอดขึ้นใหม่เปนการแล้วเสร็จ จึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานจัดการพิธีที่จะยกยอดพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาทด้านตวันตกตามธรรมเนียมสืบมา เวลา ๒ ทุ่มเสศโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธเสด็จไปจุดเทียนเครื่องนมัศการ ที่พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท พระสงฆ์ ๑๐ รูปจะได้เจริญพระพุทธมนต์ มีหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์ธรรมเจดีย์ นำเปนประธาน

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ