- คำนำ
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๒
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๔
เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๓
วันที่รัชกาล ๘๕๐๙ วัน ๗ ๑ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๒๔ มกราคม ๑๑๐ ว่าได้แต่งให้กรมการพร้อมกับกองทหารไปจับผู้ร้ายที่ปลายแดนเมืองนครนายกกับสระบุรีต่อกัน ได้ตัวอ้ายดี อ้ายบุญ อ้ายเชียงเหิน } แต่ตัวอ้ายสิ่งแก้วหนีไปได้
ฉบับ ๒ บอกหลวงจินดารักษฃ้าหลวงเมืองฉเชิงเทรา ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ว่าได้ชำระความนครบาล อาญาแพ่งอุทธรณ แล้วไป ๑๘๖ เรื่อง ยังค้างอยู่ ๒๘๒ เรื่องมอบให้กรมการไว้พิจารณาต่อไป
ฉบับ ๓ ว่าได้ส่งตัวอ้ายจุ่นซึ่งเอาปืนยิงอำแดงผ่องตายเข้ามากรุงเทพฯ
ฉบับ ๔ ว่าได้ส่งตัวอ้ายจีนซือ ความหากันว่าแทงจีนจิ้นตายเข้ามา ณ กรุงเทพฯ
พระวิจารณอาวุธ กรมพระกระลาโหมนำบอกพระยาศรีสรราชภักดี ข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตกขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ ลงวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าเงินภาษีฝิ่นเมืองภูเกจปี ๑๐๙ เงิน ๑๓๐๑๓๓ ๔๔ } นำฝากแบงเมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๒ ว่าภาษีผลประโยชน์เมืองถลาง ปี ๑๐๙ เงิน ๔๕๙๔ ๒๕ ๑ } เหรียญ นำฝากแบงเมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๓ ว่าเงินภาษีร้อยชักสามเมืองภูเก็จปี ๑๐๙ เงิน ๒๒๔๒๒๑ ๘๗ } เหรียญ นำฝากแบงเมืองปินังแล้ว
แล้วพระศรีเสนานำหลวงจินดารักษฃ้าหลวงเมืองฉเชิงเทรากลับเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึ่งมีพระราชดำรัสถามว่าหลวงจินดารักษออกไปกับใคร พระยาศรีสิงหเทพกราบบังคมทูลว่าตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโศภนออกไป
จึ่งดำรัสถามพระยาศรีว่าอาการพระยาคธาธรธรณินนั้นค่อยคลายแล้วไม่ใช่ฤๅ พระยาศรีกราบบังคมทูลว่าตีโทรเลขออกไปถามบอกเข้ามาว่าค่อยคลายแล้ว ภอลุกนั่งได้ แล้วดำรัสถามพระยาศรีว่าพระยามหาอำมาตย์จะออกไปเมื่อไร พระยาศรีกราบบังคมทูลว่าจะกราบถวายบังคมลาในแรมเดือนสี่
จึ่งดำรัสด้วยพระยาวุฒิการบดีว่า การที่เลื่อนพระราชาคณะผู้ใหญ่ในเดือนหกก็เหนจะได้ เอาพระธรรมวโรดมเปนสมเด็จพระวรรณรัตเอาหม่อมเจ้าพระพุทธบาทเปนพระมงคลเทพ แต่สมเด็จพระพุทธโฆษาจาริย์นั้นเปลี่ยนตาลปัดให้ใหม่ กับให้ตั้งถานาได้เตมสิบสองรูปอย่างสมเด็จพระวรรณรัต แล้วเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๑๐ วัน ๑ ๒ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เปนจัดการที่จะได้ชักศพสมเด็จพระวรรณรัต มาเข้าเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ ทรงพระกรุณาโปรดให้พระสงฆ์ แลพระบรมวงษานุวงษจัดเครื่องโต๊ะลายครามแลเครื่องฃาวมาตั้งตามเคย
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่พระที่นั่งทรงธรรม ณ วัดเทพศิรินทราวาศ ทรงจัดเครื่องโต๊ะของหลวงอยู่จนเวลาสามยามเสศ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๑๑ วัน ๒ ๓ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๓ โมงเสศ เจ้าพนักงานได้ยกโกษศพสมเด็จพระวรรณรัต วัดโสมนัศวิหาร ลงเรือขนานที่ท่าน่าพระอาราม มีเรือกันยาบรรทุกกลองมลายู แลมณฑปเพลิงนำน่า เรือดั้งบรรทุกกลองชนะ จ่าปี่ จ่ากลองแตรสังข์ มาเฃ้าเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ มีการมหอศพ โขน ๑ หุ่น ๑ หนัง ๑ พุ่มกลัปพฤกษวันละ ๒ พุ่มๆ ละ ๒๐ บาท แลมีดอกไม้เพลิง ๕ ชั้น ๒๐ พุ่ม ระทา ๘ กระถาง ๘ เพนียง ๒๐ พลุ ๕๐ จุดทั้ง ๓ คืน
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในเมรุมุขตวันออก ทรงทอดผ้าไตร ๑๐ ผ้าฃาวพับ ๒๐ บังสุกุล มีพระธรรมวโรดมนำเปนประธาน แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรเครื่องโต๊ะ แล้วโปรดเกล้า ฯ กอมมิตตีตัดสินกระถางต้นไม้แลต้นไม้แต่เครื่องโต๊ะนั้นโปรดให้พระสงฆ์เปนกอมมิตตี ประทับอยู่จนเวลา ๗ ทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๑๒ วัน ๓ ๔ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาค่ำกอมมิตตี ได้ตรวจกระถางต้นไม้ต่อไปจนเสร็จ ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๕๑๓ วัน ๔ ๕ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้ยกโกษศพ สมเด็จพระวันรัตลงมาชำระเสร็จแล้ว ยกขึ้นไปตั้งบนฐานพระราชทานเพลิงตามเคย
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในเมรุมุขตวันออก ทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ผ้าขาวพับ ๒๐ พับ บังสกุล มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์นำเปนประธาน แล้วเสด็จขึ้นพระราชทานเพลิงแล้วเสด็จทรงพระราชยานออกมาประทับพลับพลา เจ้าพนักงานก็ทิ้งผลกัลปพฤกษตามเคย โปรดเกล้า ฯ พระราชทานรางวัลกอมมิตตีตรวจกระถางต้นไม้ทั่วกันตามลำดับ เวลาทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๑๔ วัน ๕ ๖ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระพิศณุเทพฃ้าหลวงหัวเมืองลาวกาว ณ เมืองนครจำปาศักดิ์ ลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าพระศรีพิทักษข้าหลวงเมืองคูฃันธ์ จับได้ตัวอ้ายผู้ร้ายรายปล้นราชวงษเมืองเขมราฐกับฃองกลางเสร็จแล้ว
ฉบับ ๒ ว่าได้รับหีบศิลาน่าเพลิงกับของเครื่องไทยทานในการเผาศพขุนพิพาทอักษรเสมียนตรากรมนาฝ่ายพระราชวังบวรฯ เสร็จแล้วขอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๓ บอกเมืองตาก ลงวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าหลวงสุพมาตรา กับราษฎรฃอที่ผูกพัฒเสมาวัดมุฃอำพวัน กว้าง ๖ วา ยาว ๙ วา
ฉบับ ๔ บอกเมืองนครนายก ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๑๑๐ ฃอหลวงวิจารณจีนประเทศอำเภอ เปนหลวงพินิจจีนประเทศปลัดจีนเมืองนครนายก
พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ ฉบับ ๑ บอกเจ้าหมื่นเสมอใจราชฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๓๑ มกราคม ๑๑๐ ฃออนุญาตซื้อเครื่องทำแร่ดีบุกเงิน ๒๘๐ ปอล
ฉบับ ๒ ว่าตึกฅอเวอนแมนต์ที่กับตันเวเบอร์อยู่ชำรุด ขออนุญาตทำใหม่ เงิน ๓๔๕๐ ๐ เหรียญ
ฉบับ ๓ ว่าได้คัดคำหาให้การนายหนีโจท ฃุนพิทักษสมบัติจำเลยหากันเรื่องตีตราดิบุก เสร็จสิ้นสำนวนส่งเข้ามากรุงเทพ ฯ
ฉบับ ๔ ว่าได้คัดคำหาให้การนายเดชโจท ฃุนพิทักษสมบัติจำเลย หากันเปนเนื้อความ ๑๒ ข้อ เสร็จสิ้นสำนวนส่งเข้ามากรุงเทพฯ
ฉบับ ๕ บอกเมืองนครเขื่อนฃันธ์ ลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๑๑๐ ว่า วันที่ ๑๒ มกราคม ๑๑๐ เวลาดึกประมาณสามยามมีอ้ายผูร้ายขึ้นไปย่องเบาเรือนอำแดงไผ่ แล้วเอาปืนยิงนายบางบุตรเขยอำแดงไผ่ตาย ยังสืบจับตัวหาได้ไม่
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำหลวงวิจารณจีนประเทศ ผู้จะเปนพี่หลวงพินิจจีนประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จัดได้น้ำตาลทรายหนักสองหาบ ขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย
จึ่งมีพระราชดำรัสถามเจ้าหมื่นเสมอใจราชว่า ตึกที่กับตันเวเบอร์อยู่ชำรุดแล้วตัวยังอยู่ได้ฤๅไม่ได้ เจ้าหมื่นเสมอใจราชกราบบังคมทูลว่าเอาไม้เสาค้ำจุนไว้จึ่งดำรัสว่ายอมอนุญาตให้ทำไหม่ แล้วดำรัสสั่งพระวิจารณอาวุธว่า ที่ขอซื้อเครื่องทำแร่ดิบุกนั้นก็ยอมอนุญาตให้เหมือนกัน
จึ่งดำรัสถามพระยาสมุทบุรานุรักษว่า เขาว่าไม่ใคร่จะได้อยู่ในที่กลับเข้ามาเมื่อไร พระยาสมุทกราบบังคมทูลว่าเข้ามาถึงเมื่อวันที่ ๑ แล้วดำรัสถามว่าตึกนั้นจะแล้วเดือนนี้ฤๅไม่แล้ว พระยาสมุทกราบบังคมทูลว่าเหนจะแล้วทันในเดือนนี้ จึงดำรัสต่อไปว่าต้นไม้ที่เกาะทำไมมันจึ่งตายมากนัก พระยาสมุทกราบบังคมทูลว่าเพราะน้ำเคมจัด จึ่งดำรัสถามว่าในบ่ออัศฎางค์นั้นกร่อยฤๅไม่กร่อย พระยาสมุทกราบบังคมทูลว่าจืดสนิตเพราะบ่อน้ำทเลไม่ซึมเข้าได้
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้หลวงแพ่งกรมการ เปนหลวงสุนทรภักดีผู้ช่วยราชการเมืองสมุทปราการ ถือศักดินา ๕๐๐
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๑๕ วัน ๖ ๗ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๔ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เปนเปนวันสวรรคคตพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย เวลาเช้า ๔ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจักรพงษภูวนารถ เสด็จลงมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๑๕ รูป ที่พระพุทธมณเฑียร มีพระราชมุนีเปนประธาน รับพระราชทานฉันแล้วทรงสดัปกรณ์ตามเคย
เวลาทุ่มเสศโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษวโรทัย เสด็จมาจุดเทียนเครื่องนมัสการ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาถวายเทศนากะตัญญูสูตรกัณฑ์หนึ่ง จบลงแล้วทรงถวายไตรแลเครื่องปริกฃารตามสมควร
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระพิศณุเทพฃ้าหลวงหัวเมืองลาวกาว ณ เมืองนครจำปาศักดิ์ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่ามีตราส่งผ้าไตรกฐินออกไปพระราชทานวัดมหาอำมาตยาราม เสร็จแล้วขอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๒ บอกพระภักดีณรงค์ข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ฉบับ ๓ บอกเมืองยโสธร ความต้องกัน ลงวันที่ ๒๓ มกราคม ๑๑๐ ว่าพระสุนทรราชวงษาเจ้าเมืองยโสธร ป่วยเปนไข้จับ วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๑๑๐ ถึงแก่กรรม ขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ
หลวงชาติสุรินทร์นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ บอกเมืองไชยา ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๑๑๐ ว่านายหมวดนายกองซึ่งคุมส่วยน้ำรัก ทำหางว่าวมายื่นว่า ต้นรัก แลไม้ยวนถูกลมพยุห์หักไปโดยมาก
จึ่งดำรัสถามว่าใครอ่าน พระวิจารณอาวุธกราบบังคมทูลว่าหลวงชาติสุรินทร์ จึ่งดำรัสว่าหลวงชาติสุรินทร์ลูกเจ้ามั่นฤๅ พระวิจารณกราบบังคมทูลว่าพระพุทธเจ้าคะ แล้วทรงดำรัสต่อไปว่าทำไมไม่มียอดบาญน้ำบาญชี } เข้ามา พระวิจารณอาวุธกราบบังคมทูลว่า ได้คัดยอดบาญชีส่งไปยังหอรัษฎากรพิพัฒแล้ว จึ่งดำรัสว่าทำไมจึ่งไม่ใส่มาในท้ายบอก
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำพระประสิทธิศัลการฃ้าหลวงที่ ๒ หลวงวินิจวิทยาการฃ้าหลวงที่ ๓ พระรักษาเทพ ๑ หลวงฤทธิพลไชย ๑ ผู้ช่วยราชการ ๒ นายเลื่อนมหาดเล็ก ๑ นายเจริญ พระพี่เลี้ยง ในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ ๑ รวม ๖ นาย กราบถวายบังคมลาขึ้นไปคอยรับเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤติธาดา ณ เมืองนครราชสีห์มา จึงดำรัสสั่งพระยาศรีสิงหเทพ ให้สั่งโต๊ะทองกาทองมาพระราชทานพระประสิทธิศัลการ แล้วดำรัสถามกรมหมื่นพิทยลาภว่า จะไปกันเมื่อไร กรมหมื่นพิทยลาภกราบบังคมทูลว่า จะไปในวันที่ ๑๒ มีนาคม จึ่งดำรัสต่อไปว่าที่จะให้ขึ้นไปจัดราชการเมืองนครราชสีห์มาครั้งนี้ ใช่จะให้ขึ้นไปคอยแต่ชำระความเท่านั้น คือให้ไปจัดผลประโยชน์แลสินค้าคอยทางรถไฟ ฤๅถนนอันใดที่จะเจริญแก่บ้านเมือง เหมือนอย่างถนนเมืองพระตะบองที่กรมหลวงพิชิตบอกเข้ามาก็ให้คิดจัดขึ้นจะเปนเมืองนครราชสีห์มาแลเมืองชั้นกลาง ชั้นนอกก็ดี ถ้าจะเปนผลประโยชน์แล้วก็ให้คิดจัดทำขึ้น
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๓ นาย ให้นายโล๊ะมหาดเล็กเวรฤทธิ เปนฃุนยนโยควิชาชาญ ปลัดกรมพระแสงหอกดาบ ถือศักดินา ๔๐๐
ให้สมิงไชยชาญศึก เปนหลวงปราบทวายสูญ ปลัดพระชนะภูกามฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๔๐๐
ให้สมิงจำนงภูบาล เปนหลวงไกรสรเดช ปลัดปราบอังวะฝ่ายพระราชวังบวรฯ ถือศักดินา ๔๐๐
แล้วดำรัสสั่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ว่า อ้ายสมิงสองคนเข้ามายืนเฝ้ากับมหาดเล็ก ให้ฟ้องไปยังพระยามนตรีผู้ว่าการกรมพระกระลาโหม แต่ไม่เหมือนมานั่งท้าวแฃนท้าวคาง เปนแต่ไปยืนผิดตำแหน่งเฝ้า
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๑๖ วัน ๗ ๘ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๕ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันพระไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๕๑๗ วัน ๑ ๙ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๖ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกฃุนนาง พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองอินทรบุรี ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลที่ให้ทานแก่ราษฎรในการโรงพยาบาลเมืองอินทรบุรี
ฉบับ ๒ บอกเมืองพรหมบุรี ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ว่า วันที่ ๒๖ มกราคม เวลาสองยามเสศ มีอ้ายผู้ร้ายประมาน ๒๐ คน ปล้นโรงบ่อนบางกทุ่มโพรงแล้วเอาปืนยิงถูกจีนในบ่อนตาย ๓ คน จีนในบ่อนเอาปืนยิงถูกอ้ายผู้ร้ายป่วย ๒ คน อ้ายผู้ร้ายเก็บเอาทรัพย์สิ่งฃองไป ได้แต่งกรมการตามรอยโลหิตอ้ายผู้ร้ายไปเข้าบ้านฃุนเจริญกำนันแขวงเมืองอ่างทอง ได้มีหนังสือไปขอตัวฃุนเจริญแก่พระยาอ่างทองก็หาส่งตัวมาไม่
ฉบับ ๓ ว่าวันที่ ๒๖ มกราคม เวลาสองยามเสศ มีอ้ายผู้ร้าย ๖ ๗ } คน ปล้นเรือนนายกอนอำแดงปริก อ้ายผู้ร้ายเก็บเอาทรัพย์สิ่งของไปเจ้าฃองทรัพย์จำหน้าได้ว่าสำนักที่อยู่ที่บ้านนายเปี่ยม ได้หาตัวนายเปี่ยมมาถามยังหาได้ความไม่
พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๗ ฉบับ ฉบับ ๑ บอกเมืองกาญจนบุรี ลงวันที่ ๑๙ มกราคม ๑๑๐ ฃอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ พระพลสงครามจางวางด่าน
ฉบับ ๒ บอกเมืองรนอง ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าญวนเอกเมริฟิน มีหนังสือส่งตัวอ้ายมั่งผู้ร้ายกับเครื่องสาตราอาวุธมาให้ ได้เอาตัวอ้ายมั่งมาถามให้การรับเปนสัตยว่าได้ลักเอาเงินแลสิ่งของในโรงโปลิศแล้วหนีไปกับนายหิต
ฉบับ ๓ บอกเมืองไชยา ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๑๑๐ ส่งเงินค่านาปี ๑๐๙ เงิน ๗๐ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ๒ บาท ๓ สลึง ครั้งหนึ่งก่อน
ฉบับ ๔ บอกเมืองกระบุรี ลงวันที่ ๕ ธันวาคม ๑๑๐ ฃออนุญาตทำเสาแลเพดานเรือสติมลอนซึ่งถูกพยุห์พัดหักไป เปนเงิน ๑๐๐ เหรียญเสศ
ฉบับ ๕ บอกเมืองตรัง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าหม่อมเจ้าเจียกออกไปปลูกฝี ได้ชายหญิงรวม ๙๔๐๔ คน ได้จัดเรือส่งหม่อมเจ้าเจียกหมอไปเมืองสตุนแล้ว
ฉบับ ๖ บอกเมืองกาญจนดิฐ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลที่ได้รับหีบศิลาน่าเพลิง เงินเฟื้อง ผ้าไตร ร่ม รองท้าว ออกไปพระราชทานในการศพพระยากาญจนดิฐบดีเสร็จแล้ว
ฉบับ ๗ ถวายพระราชกุศล ที่ได้รับศิลาน่าเพลิง ผ้าฃาว ร่ม รองท้าว ออกไปพระราชทานในการศพพระเจริญราชภักดีผู้ว่าราชการเมืองเกาะสมุยเสร็จแล้ว
จึงดำรัสถามพระยาศรีว่า บอกเมืองพรหมเรื่องผู้ร้ายปล้นบ่อนเบี้ยนั้นเจ้าพระยารัตนบดินทร์สั่งว่ากระไรบ้าง พระยาศรีกราบบังคมทูลว่าไม่ได้สั่งว่ากระไร จึ่งดำรัสต่อไปว่าเมืองเหล่านี้เจ้าพระยารัตนบดินทร์ก็ได้ขึ้นไปจัดการอยู่แล้ว แล้วเจ้าพระยารัตนบดินทร์ก็เปนเจ้าฃองกรมควรจะคิดจัดเข้ามาเสียให้เสร็จ นี้มาคอยกราบทูลเสียก่อนพระพรหมมันมาติดที่พระยาอ่างทองแล้วก็คงไม่สำเร็จ ให้เจ้าพระยารัตนบดินทร์จัดดูฃ้าหลวงขึ้นไป ถ้ามันไปฉ้อโกงแล้วก็เฆี่ยนมันเสียอีก
แล้วพระยานรินทรราชเสนี นำพระยาศรีสรราชภักดี ซึ่งออกไปเปนฃ้าหลวงรักษาราชการหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ๑ พระยาวิชิตภักดี ฯ ผู้ว่าราชการเมืองไชยา ๑ กลับเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึ่งมีพระราชดำรัสถามพระยาศรีสรราชว่ามานานแล้วทำไมจึ่งพึ่งมาถึง พระยาศรีสรราชภักดีกราบบังคมทูลว่าป่วยแล้วมาพักอยู่รักษาที่เมืองพังงา จึ่งมีพระกะทู้ถามต่อไปว่าพระยาศรีสรราชทำไมจึงทำให้ผิดจากพระราชบัญญัติปล่อยให้เงินหลวงคั่งค้าง จึ่งดำรัสสั่งพระยานรินทรราชเสนีว่า ให้กรมพระกระลาโหมเอาตัวไปถามเสียหน่อย
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำขุนสรชาญพลไกร ๑ นายร้อยตรีหม่อมราชวงษ ๑ รวม ๒ นาย กราบถวายบังคมลา จัดทหารขึ้นไปรับพระยามหาอำมาตย ณ เมืองจำปาศักดิ์ จึงดำรัสถามพระยาสุรศักดิ์ว่าเอาทหารที่ไหนออกไป พระยาสุรศักดิ์กราบบังคมทูลว่าเอาทหารในนี้ไปกึ่งหนึ่ง ไปเอาเมืองฉเชิงเซรากึ่งหนึ่ง แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานโต๊ะทองกาทองแก่พระประสิทธิศัลการ เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๑๘ วัน ๒ ๑๐ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๗ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๔ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ว่ามีตราส่งใบบรมราชานุญาต พระราชทานขยายภูมสถานวัดนิเวศธรรมประหวัดิเพิ่มเติมออกไป วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ได้เชิญใบพระบรมราชานุญาตออกอ่านประกาศ พระสงฆ์สามเณรทราบทั่วกันแล้ว ฃอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๒ บอกเมืองพิไชย ลงวันที่ ๒๔ มกราคม ๑๑๐ ว่าราษฎรยกอพยบครอบครัวไปอยู่ต่างแขวงเพราะไม่มีเข้าจะรับพระราชทาน เดือนธันวาคม มกราคม รวม ๕๐ ครัว
ฉบับ ๓ บอกพระพิศณุเทพฃ้าหลวงหัวเมืองลาวกาว ณ เมืองนครจำปาศักดิ์ ลงวันที่ ๒๐ กันยายน ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในเฉลิมพระชนม์พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
ฉบับ ๔ บอกส่งขุนพรพิทักษ หลวงโจมพินาศ ฃุนพิศณุแสน กลับลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท
พระยานรินทรราชเสนี นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองรนอง ลงวันที่ ๒๗ พฤษจิกายน ๑๑๐ ว่าเมืองคิริรัฐนิคม ให้กรมการคุมตัวอ้ายเวศผู้ร้ายปล้นเรือนอำแดงทองบ้านเชียวกะเหลี่ยงแขวงกะเปอมาส่ง เอาตัวมาถามให้การสารภาพรับเปนสัตยซัดพวกเพื่อน ๘ คน
ฉบับ ๒ ว่าได้มีหนังสือส่งตำหนิรูปพรรณ์ นายหนู นายพัง นายนิ่ม อำแดงแย้ม ซึ่งเปนผู้ร้ายลักปืนแลเครื่องแต่งตัวโปลิศแล้วหนีไป ยังตีปุติกอมมิชเนอร์เมืองมริศ ฃอให้จับตัวคน ๔ คนกับเรือ ปืน } แลเครื่องแต่งตัวไว้ด้วย
ฉบับ ๓ บอกเมืองตรัง ลงวันที่ ๙ ตุลาคม ๑๑๐ ส่งคำปฤกษาโทษนายหนู นาย นายเอี่ยม นายเพง } เสนา ซึ่งฉ้อบังเอาเนื้อนาฃองหลวงไว้รับเปนสัตย
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำพระยามหาอำมาตยาธิบดี หลวงเสนาภักดี หลวงวิชิตเสนี นายทองมหาดเล็ก กราบถวายบังคมลา เชิญสัญญาบัตรเครื่องราชอิศริยาภรณ์ แลเครื่องยศท้องตราตั้งออกไปเลื่อนพระยาคทาธรธรณินทร์ เปนเจ้าพระยาคทาธรธรณินทร์ ณ เมืองพระตะบอง
จึ่งโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ จุลวราภรณ์ช้างเผือกสยามชั้นที่ ๒ แก่พระยามหาอำมาตยาธิบดี ๑
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร พระยาคทาธรธรณินทร์เปนเจ้าพระยา กับเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ที่ ๑ ปฐมจุลจอมเกล้าฯ
ให้พระยามหาอำมาตยรับไปพระราชทาน แล้วพระราชทานที่ ๓ ตติยจุลจอมเกล้า ฯ แก่พระอภัยพิทักษผู้ช่วยราชการเมืองพระตะบอง พระยามหาอำมาตยรับไปพระราชทานเหมือนกัน
แล้วมีพระราชดำรัสด้วยพระยามหาอ้ามาตยว่าเจ้ากลับมาอยู่บ้านใหม่
ได้สักเท่าไร ก็ต้องกลับออกไปรับราชการอีกเปนการเหน็จเหนือยมากเพราะ
จึ่งดำรัสสั่งกรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ว่า หีบทองยย่างพระราชทานพระองค์เจ้าวังน่าอย่างไม่ได้ลงยาฃ้างในเปนไม้หลังหีบเป็นตราพระคชสีห์บ้าง พระราชสีห์บ้าง คือพระยามนตรีสุรียวงษ (ชุม) ได้หีบ ๑ เจ้าพระยามุขมนตรีได้หีบ ๑ แล้วใครจะได้อีกจำหาได้ไม่ ให้เอามาพระราชทานพระยามหาอำมาตยหีบ ๑ ถ้าไม่ตราหลังก็ทำใส่ลงให้ทันในคราวนี้
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำพระสงครามภักดี ผู้ว่าราชการเมืองนำปาดกราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาราชการบ้านเมือง จึ่งโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานผ้าพรรณ์นุ่งห่มทั้งพระยามหาอำมาตย แลผู้ที่จะไปกับพระยามหาอำมาตยกับผู้ว่าราชการเมืองนำปาดด้วย
เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๑๙ วัน ๓ ๑๑ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๘ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออกแขกเมืองที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระศรีเสนานำนายน้อยรัตนรังษรี ๑ นายน้อยบุญเรือง ๑ พระยาสิทธิปัญญา ๑ แสนหลวงอนุราช ๑ แสนใจอักษร ๑ นายหนานกา ๑ รวม ๖ นาย ซึ่งคุมต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการลงมาทูลเกล้า ฯ ถวายจากนครเมืองน่าน กราบถวายบังคมลากลับขึ้นไปรักษาราชการบ้านเมือง
จึ่งมีพระบรมราโชวาท แลพระบรมราชโองการด้วยตามสมควร แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระราชทานผ้าพรรณนุ่งห่ม แล้วเสด็จขึ้น
เวลายามเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งแต่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปประทับเยี่ยมประชวรพระเจ้าราชวรวงษเธอ กรมฃุนเจริญผลพูนสวัสดิ์ เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๒๐ วัน ๔ ๑๒ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๙ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้จะเบิกทำทางรถไฟเมืองนครราชสิห์มา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลายก น่าวัดเทพศิรินทราวาศตรงกันข้ามภอพระฤกษได้เวลาทรงขุดดินถมทางเปนฤกษก่อน เจ้าพนักงานก็ประโคมเครื่องดุริยางค์ดนตรีเสร็จแล้ว เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๒๑ วัน ๕ ๑๓ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๐ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระยาศรีสิงหเทพนำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๖ ฉบับ ศุภอักษร ๑ ฉบับ รวม ๗ ฉบับ
ฉบับ ๑ ในศุภอักษรพระเจ้านครเชียงใหม่ ลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ขอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพเจ้านครลำพูน
ฉบับ ๒ บอกเจ้าอุปราชเมืองนครลำพูน ลงวันที่ ๑๑ มกราคม ๑๑๐ ว่าเจ้าบุรีรัตนป่วยเปนโรคชรา ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๑๑๐ ถึงแก่กรรม ฃอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ
ฉบับ ๓ บอกพระพิศณุเทพฃ้าหลวงหัวเมืองลาวกาว ณ เมืองนครจำปาศักดิ์ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าจีนกรมการซื้อเข้าสาร ๕๔ หาบ หม้อ ๕๔ หม้อ ถวายแก่พระสงฆ์ ฃอถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๔ บอกพระภักดีณรงค์ ข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๗ ธันวาคม ๑๑๐ ถวายพระราชกุศลในการเฉลิมพระชนม์พรรษาเมืองกาลสิน
ฉบับ ๕ บอกนายจ่ารง ผู้ช่วยฃ้าหลวง ลงวันที่ ๑๒ มกราคม ๑๑๐ ว่ามีตราส่งเหรียญที่ระฦกกับโปเครม ในการพระมหาสมณุตมาภิเศกไปถวายกรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ ได้ถวายแล้ว
ฉบับ ๖ บอกเมืองพรหม ลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ฃอหีบศีลาน่าเพลิงเผาศพ หลวงนรินทร์ภักดีปลัด หลวงสุนทรภักดีผู้ช่วย
ฉบับ ๗ บอกเมืองฉเชิงเซรา ลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ฃอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ พระพนมสารนรินทร์ เจ้าเมืองพนมสารคาม หลวงบุรีพิทักษยกรบัตรเมืองฉเชิงเซรา
พระวิจารณอาวุธ นำบอกเจ้าหมื่นเสมอใจราช ฃ้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก กรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๘ ฉบับ
ฉบับ ๑ ลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าพระนราธิราชภักดี ส่งลิสิทธิฝากแบงก์ ๙ ฉบับ เงิน ๕๒๗๕๘ ๔๔ } เหรียญ เข้ามากรุงเทพ
ฉบับ ๒ ว่าดีบุกเมืองภูเก็จจำหน่ายที่ห้างโกวาน เงิน ๑๒๓๕๓ ๔๑ } เหรียญ ฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๓ ว่าดีบุกเดือนพฤษจิกายน จำหน่ายที่ห้างโกวาน ได้เงิน ๑๖๐๗๘ ๙๗ } เหรียญ นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๔ ว่าได้รับค่าจำหน่ายฝิ่นที่พระนราธิราชภักดี ส่งเงิน ๑๒๔๐๗ ๔ } เหรียญ นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๕ ว่าได้ยกหลวงสุนทรจีนประชาออกจากตระลาการด้วยชำระความไม่แล้ว เอาหลวงบระเทศจีนารักษ์เข้าชำระความต่อไป
ฉบับ ๖ ว่าภาษีฅอเวอนแมนต์เมืองภูเก็จ เงิน ๑๓๙๗๓ ๑๕ } เหรียญ เงินภาษีผลประโยชน์เมืองถลาง เงิน ๓๓๘๐ เหรียญ รวมเปนเงิน ๑๗๐๐๙ ๓๕ ๑ } เหรียญ นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๗ ว่าพระนราธิราชภักดี ส่งเงินภาษีผลประโยชน์เมืองภูเก็จ ถลาง เงิน ๑๙๖๕๗ ๔๔ } เหรียญ ฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๘ ว่าดีบุกจำหน่ายห้างโกวาน เดือนธันวาคม เงิน ๑๓๔๗๕ ๕๒ } เหรียญ ฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
จึ่งดำรัสด้วยกรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ว่า การที่ตั้งพระเห็นจะต้องตั้งเปนสองคราว เพราะจะให้หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันท์ นั่งน่าพระธรรมวโรดมก็ไม่ได้
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๒๒ วัน ๖ ๑๔ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๑ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โปรดเกล้า ฯ ให้เดินกระบวนแห่สวนสนาม สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าสมมติวงษ์วโรทัย เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพร รับพระสุพรรณบัตร ประทับอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกกรุงเก่า ลงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ว่าวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ มีอ้ายผู้ร้าย ๖ คนปล้นเรือนจีนอิวที่บ้างไซ อ้ายผู้ร้ายเก็บเอาเงิน ๒๕ ชั่ง กับทองคำหีบหนึ่งไป แล้วเอาปืนยิงจีนอิวกับนายแดงตาย
ฉบับ ๒ ว่าวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ มีอ้ายผู้ร้าย ๑๕ ๑๖ } คน ปล้นโรงจีนอู๋ เก็บเอาทรัพย์สิ่งฃองไป
ฉบับ ๓ บอกเมืองสุพรรณบุรี ลงวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ว่าวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ มีอ้ายผู้ร้ายปล้นเรือนจีนเทียนลูกช่วงบ่อนเบี้ยที่ท่าตรวจ เก็บเอาทรัพย์สิ่งของไป แล้วเอาปืนยิงจีนเทียนตาย
จึ่งดำรัสสั่งพระยาศรีว่า พระยาสุพรรณจับผู้ร้ายไม่ได้ก็ให้ถอดเสีย
แล้วพระยาศรีสิงหเทพ นำหลวงวิเสศโอสถกรมหมอ ฝ่ายพระราชวังบวร กราบถวายบังคมลาขึ้นไปกับพระยามหาอำมาตย ณ เมืองพระตะบอง
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ๓ นาย ให้นายสรรพวิไชยมหาดเล็กหุ่มแพรนายยามเวรเดช เปนหลวงวิทยาธิกรณ์ศักดิ์ มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดิ์นา ๘๐๐
ให้หลวงวิจารณจีนประเทศ เปนหลวงผดุงกิจจีนวิจารณ์ ปลัดฝ่ายหัวน่าจีนเมืองนครนายก ถือศักดิ์นา ๖๐๐
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๒๓ วัน ๗ ๑๕ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๒ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงรับชิ้นเครื่องโต๊ะตัดสินรางวัลอยู่จนเวลา ๘ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น วันนี้พระราชทานหีบทองพระยามหาอำมาตย์ด้วย
วันที่รัชกาล ๘๕๒๔ วัน ๑ ๑ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๓ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงถวายไตรย่ามพัด แก่พระสงฆ์ ๓๐ รูป ที่จะได้เจริญพระพุทธมนต์ในเฉลิมพระประมาภิไธย มีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศร์นำ แล้วโปรดเกล้า ฯ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์ถวายด้วย พอพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายพระพรลากลับ ทรงรับชิ้นเครื่องโต๊ะแลทรงตัดสินต่อไป จนเวลา ๘ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันนี้ โปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ดุษดีมาลาแก่นายพินิจราชการ (เชย) ๑ เพราะถวายอยู่งานพัดดีกว่าผู้อื่นๆ
แลวันนี้เปลื้องเครื่องพระศรีรัตนสาศดารามตามฤดู เวลาทุ่มเสศโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองคเจ้าไชยานุชิต เสด็จไปเปลื้องเครื่องตามเคย
วันที่รัชกาล ๘๕๒๕ วัน ๒ ๒ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๔ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้จัดกระบวนแห่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษ์วโรทัย พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพร รับพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามตามเคย เวลาบ่าย ๕ โรงเสศเสด็จลงส่งพระกรแล้วเสด็จออก ทรงรับพระกรแล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จลงส่งพระกรแล้วเสด็จขึ้น
คู่เคียงในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าชายสมมติวงษ์วโรทัย
คู่ที่ ๑ พระยาภาสกรวงษ์ พระยามนตรีสุริยวงษ์
คู่ที่ ๒ พระยานครศรีธรรมราช พระยาราชประสิทธิ
คู่ที่ ๓ พระยาราชวรานุกูล พระยาอนุชิตชาญไชย
คู่ที่ ๔ พระยาพิไชยบุรินทรา พระยามณเฑียรบาล
คู่ที่ ๕ พระยาอรรคราชนารถภักดี พระยาพิพัฒโกษา
คู่ที่ ๖ พระยาเพชรชฎา พระยาเจริญราชไมตรี
คู่เคียงพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพร ๖ คู่
คู่ที่ ๑ พระยาสุรศักดิ์มนตรี พระยาสีหราชเดโชไชย
คู่ที่ ๒ พระยานรรัตนราชมานิต พระยาศรีสิงหเทพ
คู่ที่ ๓ พระยานรินทราชเสนี พระยาสุรินทฦๅไชย
คู่ที่ ๔ พระยาไชยวิชิต พระยาจ่าแสนบดี
คู่ที่ ๕ พระยาประสิทธิศุภการ พระยาเพชรปาณี
คู่ที่ ๖ พระยาไพบูลย์สมบัติ พระยาสุรินทรราชเสนี
เวลายามเสศออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงตัดสินรางวัลเครื่องโต๊ะ จนเวลา ๑๐ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๒๖ วัน ๓ ๓ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๕ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จลงส่งพระกร แลรับพระกรก็เหมือนวันที่กล่าวมาแล้ว เวลาทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จลงส่งพระกรแล้วเสด็จขึ้น
เวลายามเสศเสด็จออกตัดสินเครื่องโต๊ะ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จนเวลาสามยามเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๒๗ วัน ๔ ๔ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๖ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสตเตค็จลงส่งพระกรแลรับพระกร เวลาทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จลงส่งพระกรแล้วเสด็จขึ้น เวลายามเสศออกตัดสินเครื่องโต๊ะ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จนเวลาสามยามเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๒๘ วัน ๕ ๕ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๗ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาย่ำรุ่งเสศ สมเดจพระเจ้าลูกยาเธอ ทั้งสองพระองค์ทรงเครื่องถอด พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์ แล้วเสด็จทรงพระราชยานมาประดับที่พระที่นั่งอาภรณภิโมกข์ปราสาท รับพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงศิลแล้วเวลาเช้าโมงเสศระหว่างพระฤกษ์ เสด็จลงประทับเขาฃ้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจูงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเสด็จประทับที่สงน้ำ ณ เขา เจ้าพนักงานไขน้ำออกจากปากสัตว์ ประโคมเครื่องดุริยางคดนตรี แล้วเสด็จสู่พระแท่นที่สงน้ำพระพุทธมนต์ ทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าราชวรวงษ์เธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพัติพงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษ์วรเดช พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศร์วรฤทธิ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการ กรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ กรมหมื่นนราธิปประพันธ์พงษ์ เจ้าฟ้ากรมฃุนนริศรานุวัติวงษ์ พระองค์เจ้าสวัศดิโสภณ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล ฝ่ายฃุนนาง เจ้าพระยารัตนบดินทร ที่สมุหนายก พระยาภาสกรวงษ์ ที่เกษตราธิบดี พระยามนตรีสุริยวงษ์ แทนที่สมุหพระกระลาโหม ถวายน้ำพระพุทธมนต์ แล้วฝ่ายใน สงเสร็จเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงเครื่องเฉียงพระอังษาอย่างขัติยราชกุมาร ทรงจูงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ มาประทับเหนือพระเก้าอี้น่าพระแท่นมณฑล พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษ์ แลฃ้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย } เฝ้าโดยลำดับ จึ่งหลวงมหาสิทธิโวหารกรมพระอาลักษณ์ อ่านประกาศเฉลิมพระนามาภิธัยจบแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษ์วโรทัย เสด็จเข้าไปน่าพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์แลทรงเจิม แลพระราชทานพระสุพรรณบัตร แลใบกำกับพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษ์วโรทัย สตสมัยมงคลเฃตร บรมนฤเบศร์จักรกรีวงษ์ จุฬาลงกรณ์นารถนรินทรสยามินทรราชวโรรส อุกฤษฐวรยศอุภัยปักษ์ วิสุทธิศักดิ์อรรควิมลรัตนขัติยราชกุมาร กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ (อัชนาม) ทรงศักดิ์นา ๔๐๐๐๐ เจ้ากรม เปนฃุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ ถือศักดิ์นา ๘๐๐ ปลัดกรม เปนหมื่นสิทธิศรีสัตนาคนหุต ถือศักดิ์นา ๖๐๐ สมุหบาญชี เปนหมื่นวิสุทธิตรังกานูพล ถือศักดิ์นา ๓๐๐ แล้วพระราชทานพระลัญจกรแลเครื่องราชอิศริยาภรณ์ มหาจักรกรีบรมราชวงษ์ แลพระมาลาหุ้มตาด ฉลองพระองค์เยียระบับริ้ว เจียระบาตตาด พระธรรมรงค์นพเก้าประคำสายดิ่ง พระเครื่องรางทองคำ พานหมากเสวยลงยาเครื่องในแลหีบพร้อม พระเต้าน้ำลงยา บ้วนพระโอฐทองคำลงยา กาน้ำเสวยทองคำ ที่ชาทองคำ พระแสงดาบยีปุ่นลงยา พระแสงกระบี่สันปุระลงยา พระแสงกั้นหยั่น แต่ฃองที่พระราชทานนี้เหมือนกันทั้งสองพระองค์ แล้วพระราชทานพระสุพรรณบัตรแลใบกำกับเฉลิมพระนาม ว่าสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายยุคลทิฆัมพร จุฬาลงกรณ์ราชรวีวงษ์ อุภัยพงษ์พิสุทธิ วิรุตโมภโตสุชาติ บรมนฤนารถราชกุมาร กรมหมื่นลพบุราดิศร (คชนาม) ทรงศักดินา ๔๐๐๐๐ เจ้ากรมเปนหมื่นลพบุราดิศร ถือศักดิ์นา ๘๐๐ ปลัดกรม เปนหมื่นนนทนครอำรุง ถือศักดิ์นา ๖๐๐ สมุหบาญชี เปนหมื่นผดุงยลาพหล ถือศักดิ์นา ๓๐๐ ทรงพระราชทานพระสุพรรณบัตร์ แลเครื่องราชอิศริยาภรณ์ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอทั้งสองพระองค์เสร็จแล้ว ทรงถวายอาหารบิณทบาตรแก่พระสงฆ์ แล้วสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ทูลเกล้าฯ ถวายต้นไม้ทองเงิน } ธูปเทียนปิดทอง แล้วเสด็จขึ้นเปลี่ยนเครื่องแต่งพระองค์ที่ได้พระราชทาน เหน็บพระแสงกั้นหยั่น เวลาเช้า ๓ โฒงเสศแห่กลับเสด็จขึ้น
เวลาย่ำค่ำเสด็จลงส่งพระกร แล้วเสด็จออกทรงรับพระกร แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงสมโภชแลพระราชทานก็เหมือนคราวที่กล่าวมาแล้ว เวลาทุ่มเสศเสด็จขึ้น
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงพระราชทานรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะ แลกอมมิตตี จนเวลา ๗ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๒๙ วัน ๖ ๖ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๘ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนาง พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเจ้าหมื่นเสมอใจราช ข้าหลวงหัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๑๑๐ ว่าพระนราธิราชภักดี ส่งลิสิทธิรับแบงก์ เงิน ๒๙๘๑ เหรียญ
ฉบับ ๒ ว่าฃุนพิทักษ์สมบัติยื่นเรื่องราวว่า เงินภาษีผลประโยชน์เมืองถลาง ค้างอยู่กับหลวงนรินทรบริรักษ์ เงิน ๑๖๔๐ ๐ เหรียญ หลวงนรินทร์ว่าได้ส่งกับพระสุรินทรามาตย์ แลฃุนพิทักษสมบัติเสร็จแล้ว
ฉบับ ๓ ว่าเงินภาษีอากรเมืองตรังเมืองปะเหลียน ปี ๑๑๐ งวดที่ ๒ เงิน ๑๕๒๗๐ ๐ เหรียญ นำฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๔ บอกเมืองพัทธลุง ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๑๐ ว่าต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณา ปี ๑๐๙ ต้นไม้ทอง ๖ ต้น หนักตันละ ๑ บาท ต้นไม้เงิน ๖ ต้นหนักเท่าต้นไม้ทอง เทียนพนมเล่มละบาท ๑๐๐๐ เล่ม ผ้าฃาว ๒๐ พับ เสื่อลวด ๑๕ ลวด มอบให้หลวงบุรีบริบาล หลวงจักรานุชิต ผู้ช่วยคุมเข้ามาส่ง
ฉบับ ๕ ว่ามีตราส่งผ้าไตรกะฐิน ออกไปพระราชทานวัดพัทลุงเสร็จแล้ว ฃอถวายพระราชกุศล
แล้วพระวิจารณ์อาวุธ หลวงบุรีบริบาล หลวงจักรานุชิต ผู้ช่วยราชการเมืองพัทลุง เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จัดได้ผ้าไหมนุ่งสีต่างๆ ๔ ผืน ผ้าพื้นสีต่างๆ ๘๐ ผืน ผ้าชับอาบ ๘๐ ผืน ฃอพระราชทานทูลเกล้า ฯ ถวาย จึ่งมีพระราชดำรัสไต่ถามด้วยตามสมควร แล้วดำรัสถามพระยาวุฒิการบดีว่า การที่ตั้งสมเด็จพระราชาคณะผู้ใหญ่นั้น มีประโคมด้วยฤๅเปล่า พระยาวุฒิการกราบบังคมทูลว่าไม่มีประโคม จึงดำรัสสั่งกรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจาริยที่จะเลื่อนเปนสมเด็จพระอริยวงษาจาริย์นั้น แต่สร้อยชื่อให้เอาสร้อยของสมเด็จพระพุทธโฆษาจาริย์เดิม เปลี่ยนแต่พระพุทธโฆษาจาริย์ แลอริยวงษาจาริยเท่านั้น
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรมีศักดิ์นา ๔ นาย สัญญาบัตรทหาร ๓ นาย รวม ๗ นาย ให้จมื่นสมุหพิมาน ปลัดกรมพระตำรวจสนมขวา เปนพระศักดาเดชวรฤทธิ มีตำแหน่งราชการในกรมยุทธนาธิการ ถือศักดิ์นา ๑๐๐๐ ให้ฃุนบำรุงโยธา เปนหลวงภักดีชุมพล เจ้ากรมไพร่หลวงขึ้นกรมพระสุรัศวดีกลาง ถือศักดิ์นา ๖๐๐ ให้ฃุนภักดีภิรมย์ เปนฃุนวิเสศเสนี มีตำแหน่งราชการในกรมพระสุรัศวดีขวา ถือศักดิ์นา ๖๐๐ ให้สมิงเทวชำนาญ เปนสมิงนราเดชะ ปลัดกรมดั้งทองซ้าย ถือศักดินา ๘๐๐ ให้จ่านายสิบ นายหลำ เปนนายร้อยตรี ในกรมทหารบก ให้จ่านายสิบนายแก้ว เปนนายร้อยตรี ในกรมทหารบก ให้นายชมบุตรพระสุขุมาลบริหาร เปนนายร้อยตรี ปลัดกรมแพทย์ ในกรมทหารบก
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๓๐ วัน ๗ ๗ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๙ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกฃุนนาง พระราชพินิจจัยนำบอกเมืองลพบุรี ในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูลฉบับ ๑ ลงวันที่ ๔ มีนาคม ๑๑๐ ว่ามีตราขึ้นไปว่าหมื่นกำจัดพบบ่อทองที่พุขี้ริ้ว ให้ผู้ว่าราชการเมืองกรมการไต่สวนดูว่าทองเกิดขึ้นด้วยแร่ฤๅทองคำทราย ได้ตรวจดูว่าทองคำทรายทำแผนที่ส่งลงมาแล้ว
พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองเพชรบุรี ลงวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ ว่าวันที่ ๒ ตุลาคม ๑๑๐ อ้ายน้อยวิวาทกับศิศย์พระโตแล้วแทงพระโตตาย หนีไปอยู่เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้มีหนังสือไปถึงเมืองประจวบคีรีชันธ์ ๆ ตอบมาว่าจะส่งตัวมายังไม่ได้ มีผู้ฟ้องว่าอ้ายน้อยลักทาษแลเก็บเอาทรัพย์สิ่งของไป
ฉบับ ๒ บอกเมืองตรัง ลงวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าวันที่ ๑๓ พฤษจิกายน ๑๑๐ มีอ้ายผู้ร้าย ๗ คนปล้นเรือนนายชุ่มบ้านโพ แฃวงเมืองตรัง ได้ตัวอ้ายสมีชืน สมีชู } มาถามให้การสารภาพรับเปนสัตย์ ซัดพวกเพื่อน
จึงดำรัสสั่งพระวิจารณ์อาวุธว่าซึ่งพระวิไชยชลสินธเมืองประจวบคีรีฃันธ์ตอบมานั้นไม่ถูก เฃาหากันว่าความฆ่ากันตายที่จะเอาความอะไรมาฃัดไว้นั้นไม่ได้ แล้วพระวิจารณ์กราบบังคมทูลว่า ได้มีตราออกไปถึงเมืองประจวบคีรีฃันธ์แล้ว ให้ส่งตัวอ้ายน้อยมาพิจารณาเมืองเพชรบุรี
แล้วพระยาราชวรานุกูล นำพระอินทราภิบาล เจ้ากรมพระตำรวจใหญ่ขวาฝ่ายพระราชวังบวร กราบถวายบังคมลาขึ้นไปชำระผู้ร้าย ณ เมืองพรหมบุรี
จึ่งมีพระราชดำรัสว่า อินทราภิบาลคิดว่าจะให้ขึ้นไปรับตัวผู้ร้ายที่เมืองตากแต่ไม่สู้เปนการสำคัญให้คนอื่นขึ้นไปก็ได้แล้วดำรัสถามพระยามหามนตรีว่าอ้ายลูกชายเจ้ามันหายหน้าไปไหน พระยามหามนตรีกราบบังคมทูลว่าออกไปผูกปี้เมืองเพชรบุรี แล้วดำรัสถามว่า จมื่นราชามาตย์อยู่ฤๅเปล่า พระยามหามนตรีกราบบังคมทูลว่าอยู่จึงดำรัสว่าจมื่นราชามาตย์ก็ได้เปนการ แต่ไปรับตัวผู้ร้ายเท่านั้น แล้วดำรัสสั่งกรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ว่าพระอินทราภิบาลได้ไปราชการหลายครั้งแล้ว เปนการเห็นจเหนื่อยมากที่อินทรเดชว่างอยู่แต่ศพยังไม่ได้เผา ให้พระอินทราภิบาลมาเปนพระอินทรเดช เวลาพรุ่งนี้ให้ได้
แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรทหารนาย ๑ ให้หม่อมราชวงษ์รองในกองทหารมหาดเล็ก เปนนายร้อยตรี ในกรมทหารบก
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๓๑ วัน ๑ ๘ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๐ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เจ้าพนักงานจัดการที่วัดพระศรีรัตนสาศดารามเสร็จแล้ว พระสงฆ์ผู้ใหญ่ผู้น้อย } ที่จะได้รับบันดาศักดิ์ใหม่ ๑๖ รูป พระสงฆ์นำ ๒๐ รูป มีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศร์วริยาลงกรณ์ เปนประธาน
เวลาเช้า ๔ โมงเสศเสด็จลงพระราชยานแต่เกยพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปประทับที่ประตูวัดพระศรีรัตนสาศดาราม แล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าไปประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงศิลแล้ว หลวงมหาสิทธิโวหารกรมพระอาลักษณ์ อ่านประกาศกระแสพระบรมราชโองการจบแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายไตรแพรแลสุพรรณบัตร ใบกำกับสุพรรณบัตร มีนามตามจาฤกในสุพรรณบัตรว่า ให้เลื่อนสมเด็จพระพุทธโฆษาจาริย เปนสมเด็จพระอริยวงษาคตญาณ สุฃุมธรรมวิธานธำรงมหาสงฆ์ปรินายก ตรีปิฎกกลากุสโลภาศปรมินทรมหาราชหิโต ปสัมปทาจาริย์ ปุสสเทวาภิธานสงฆ์วิสุต ปาวจมุตมหาสาสน์โสภณ วิมลศิลสมาจาริยวัตร พุทธสาสนิบริสัชคารวสถาน วิจิตรปฏิภาณพัฒนคุณ อดุลคัมภิรญาณสุนทรมหาอุดรคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสีอรัญวาสี สถิตย ณ วัดราชประดิฐ สถิตยมหาสิมารามวรวิหาร พระอารามหลวง เปนเจ้าคณใหญ่ฝ่ายเหนือ พระราชทานนิตยภัตร ราคาเดือนละสิบสองตำลึง มีถานานุศักดิ์ควรตั้งถานานุกรมได้ ๑๒ รูป
คือ พระครูปลัดสัมพิพัฒน์สิลาจาริย์ญาณวิมล สกลคณิศร ดุดรสังฆ์นายก ปิฎกธรรมรักฃิต มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ๑ พระครูธรรมกถาสุนทร มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท ๑ พระครูวินัยกรโสภณ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๑ ตำลึง ๒ บาท ๑ พระครูวิไนยธร ๑ พระครูวิไนยธรรม ๑ พระครูเมธังกร ๑ พระครูวรวงษา ๑ พระครูธรรมราต ๑ พระครูธรรมรูจี ๑ พระครูสังฆวิจารณ์ ๑ พระครูสมุห ๑ พระครูใบฎีกา ๑ แล้วถวายผ้าฃาวพับ แลตาลิปัตแฉกพื้นตาดขาวสลับสี ปักเลื่อมดิ้นพัดรองโหมดเทศเปนเครื่องยศ แล้วทรงถวายไตรแพรแลสุพรรณบัตร ใบกำกับพระสุพรรณบัตร มีนามจาฤกในสุพรรณบัตรว่า ให้เลื่อนพระธรรมวโรดม เปนสมเด็จพระวันรัต ปริยัติพิพัฒพงษ์ วิสุทธิสงฆ์ปรินายก ตรีปิฎกโกศล วิมลคัมภิรญาณสุนทร มหาทักษิณคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสีอรัญวาสี สถิตย ณ วัดสุทัศนเทพวราราม วรวิหารพระอารามหลวง เจ้าคณใหญ่ฝ่ายใต้ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๗ ตำลึง มีถานานุศักดิ์ควรตั้งถานานุกรม ได้ ๑๐ รูป
คือ พระครูปลัดสัมพิพัฒนสุตาจาร ญาณโกศลสกลคณินทร์ ทักษิณสังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิดา มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ๑ พระครูวิไนยธร ๑ พระครูวิไนยธรรม ๑ พระครูธรรมคุด ๑ พระครูพุทธบาล ๑ พระครูพรหมสร ๑ พระครูอมรศับท์ ๑ พระครูสังฆกิจจานุรักษ์ ๑ พระสมุห ๑ พระครูใบฎีกา ๑ แล้วทรงถวายตาลิปัตพัตรองผ้าฃาวพับเหมือนกันทุกรูป แล้วทรงถวายไตรแพร แลหิรัญบัตร ใบกำกับหิรัญบัตร มีนามตามจาฤกในหิรัญบัตรว่า ให้เลื่อนพระธรรมไตรโลกาจาริย์ เปนพระธรรมวโรดม บรมญาณอดูรสุนทรนายก ตรีปิฎกคุณาลังการภูสิต ทักษิณทิศคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสีอรัญวาสี สถิตย ณ วัดราชบูรณวรวิหาร พระอารามหลวง มีนิตยภัตยราคาเดือนละ ๖ ตำลึง มีถานานุศักดิควรตั้งถานานุกรมได้ ๘ รูป คือ พระครูปลัดสุวัฒนสุตคุณ ไพบูลยคณินทร์ ทักษิณสังฆานุนายก ปิฎกธรรมรักขิต มีนิตยภัตยราคาเดือนละ ๒ ตำลึง ๑ พระครูวิไนยธร ๑ พระครูวิไนยธรรม ๑ พระครูสัททาวิมล ๑ พระครูมงคลวิลาศ ๑ พระครูสังฆรักขิต ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ รวม ๘ รูป แล้วทรงถวายไตร แลตาลิปัตพัตรองแก่พระพรหมมุนีให้ใหญ่ยิ่งขึ้นไป
แต่หามีสัญญาบัตรไม่ มีแต่คำประกาศเพิ่มนิตยภัตยราคาเดือนละ ๕ ตำลึง ๒ บาท พระราชทานเพิ่มถานานุศักดิ์ให้ตั้งถานานุกรมได้ ๘ รูป คือ พระครูปลัดพิพัฒนพรหมจริยคุณ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๖ บาท ๑ พระครูวิไนยธร ๑ พระครูวิไนยธรรม ๑ พระครูพุทธพจนประกาศ ๑ พระครูธรรมสาสน์อุโฆษ ๑ พระครูสังฆบริหาร ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑ ทรงถวายไตรแลตาลิปัตพัตรองก็เหมือนกันทุกองค์ ให้พระโพธิวงษาจาริย เปนพระธรรมไตรโลกาจาริย์ ญาณวิสาระทะนายก ตรีปิฎกปรีชามหาคณฤศร บวรสังฆารามคามวาสีอรัญวาสี สถิตย ณ วัดบพิธภิมุขวรวิหารพระอารามหลวง มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๔ ตำลึง ๓ บาท มีถานานุศักดิ์ควรตั้งถานานุกรมได้ ๕ รูป คือ พระครูปลัด ๑ พระครูวิไนยธร ๑ พระครูวิไนยธรรม ๑ พระครูสมุห ๑ พระครูใบฎีกา ๑ ให้เลื่อนพระวรญาณมุนี วัดจักรวัดิราชาวาศ เปนพระโพธิวงษาจาริย์ ญาณนายตรีปิฎกธรา มหาคณฤศร บวรสังฆาราม คามวาสีอรัญวาสี สถิตย ณ วัดจักรวัดิราชาวาศวรวิหารพระอารามหลวงมีถานานุศักดิ์ควรตั้งถานานุกรมได้ ๔ รูป พระครูปลัด ๑ พระครูสังฆวิไนย ๑ พระครูสมุห์ ๑ พระครูใบฎีกา ๑
แต่พระอมรโมลี วัดโสมนัศวิหาร แลพระเมธาธรรมรส วัดพิไชยญาติการาม เปนแต่ออกประกาศเพิ่มอิศริยยศ แลเพิ่มนิตยภัตรราคาเดือนละ ๔ ตำลึง ๒ บาท ทั้งสองรูป หามีสัญญาบัตรไม่
ให้พระมหาสาทเปรียญ ๓ ประโยค วัดหงษาราม เปนพระธรรมปหังษ์นาจาริย์ ที่พระราชาคณมีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ๒ บาท
ให้พระครูปลัดสัมพิพัฒนสุตาจารย์ วัดโสมนัศวิหาร เปนพระวิเชียรกระวีที่พระราชาคณะ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง
ให้พระครูคหาปณานุกิจ วัดบวรนิเวศวิหาร เปนพระธรรมวิโรจน์ ที่พระราชาคณมีนิตย์ภัตรราคาเดือน ๓ ตำลึง ไปอยู่วัดบุญศิริมาตยาราม ให้พระครูวรปรีชาญาณ วัดอนงคาราม เปนพระธรรมธราจาริย ที่พระราชาคณ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ให้พระครูราชสังวร วัดชนะสงคราม เปนพระอริยธัชชะ ที่พระราชาคณ มีนิตยภัตย์ราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ให้พระครูวิไนยกิจการี วัดรัชรฎาธิฐาน เปนพระวิไนยกิจการีเถร ที่พระราชาคณมีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง
ให้พระครูมหาสิทธิการ วัดอำพวันเจดียาราม เปนพระสนิทสมณคุณ ที่พระราชาคณะ เจ้าคณใหญ่เมืองสมุทสงคราม มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๓ ตำลึง ให้พระสมุหเนตร วัดเครือวัลวรวิหาร เปนพระครูธรรมาภินันท์ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๒ ตำลึง ให้พระสมุหสวน วัดเทพธิดาราม เปนพระครูธรรมสารโสภณ มีนิตยภัตรราคาเดือนละ ๒ ตำลึง
ให้พระอาจาริยโหมด วัดเสวตรฉัตร เปนพระครูวิไนยสังวร มีนิตยภัตรราคา ๒ ตำลึง ครั้นทรงถวายสุวรรณบัตร หิรัญบัตร สัญญาบัตรเสร็จแล้ว ทรงถวายอาหารบิณฑบาตรแก่พระสงฆ์ ๓๖ รูป แล้วเสด็จมาประทับที่โธรน โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรนาย ๑ ให้พระอินทราธิบาล เจ้ากรมพระตำรวจในซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร เปนพระอินทรเดช เจ้ากรมพระตำรวจนอกซ้าย ถือศักดินา ๑๖๐๐ พอพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ถวายอติเรกอนุโมทนาพระพรลา เวลาเที่ยงเสศเสด็จขึ้น
วันนี้กริ้ว หลวงมหาสิทธิโวหารกรมพระอาลักษณ ด้วยอ่านประกาศผิดๆ เพี้ยนๆ
วันที่รัชกาล ๘๕๓๒ วัน ๒ ๙ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๑ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกขุนนางตามเคย หลวงจินดารักษ์ นำบอกในกรมมหาดไทยขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๒ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกพระภักดีณรงค์ ข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ลงวันที่ ๒๑ มกราคม ๑๑๐ ว่าพระภักดีณรงค์หยิบปืนปัศตันมาวางไว้บนโต๊ะเฃียนหนังสือจะชำระฌิม ปืนลั่นไปถูกฃอเพียชาเนตรเมืองอุบลถึงแก่กรรม ได้เอาเงิน ๖ ชั่ง ๕ ตำลึง ให้กับภรรยาเพียชาเนตรทำศพ แลจะให้เงินเลี้ยงบุตรภรรยาอีกปีละ ๑๐ ตำลึง
ฉบับ ๒ บอกเมืองอ่างทอง ลงวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๑๑๐ ว่ามีอ้ายผู้ร้ายปล้นเรือนนายทิมบ้านบางแพแขวงเมืองอ่างทอง สืบจับได้ตัวอ้ายอิ่มอ้ายหร่ำ } มาถามให้การสารภาพรับเปนสัตยซัดพวกเพื่อน
พระวิจารณอาวุธ นำบอกกรมพระกระลาโหมขึ้นอ่านกราบบังคมทูล ๕ ฉบับ
ฉบับ ๑ บอกเมืองพัทลุง ลงวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๑๑๐ ฃอหีบศิลาน่าเพลิงเผาศพ พระทิพยกำแหงสงครามปลัด หลวงสิทธิศักดิ์ภักดีผู้ช่วย
ฉบับ ๒ บอกเมืองราชบุรี ลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๑๑๐ ส่งเงินค่านาปี ๑๐๙ ๑๘๐ ชั่ง
ฉบับ ๓ บอกเมืองพังงา ลงวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๑๑๐ ส่งเงินภาษีห้าอย่าง ปี ๑๐๙ เงิน ๘๒๘๖ ๑๐ } เหรียญ ฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๔ บอกเมืองหลังสวน ลงวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๑๑๐ ว่าหลวงบริรักษ์โลหวิไสย นำเงินภาษีผลประโยชน์ ปีจออัฐศก เงิน ๑๑๐ ชั่ง ฝากแบงก์เมืองปินังแล้ว
ฉบับ ๕ บอกเมืองคีริรัฐนิคม ลงวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๑๑๐ ส่งเงินอากรปี ๑๐๙ เงิน ๑๓๔๔ เหรียญ ฝากแบงก์เมืองปีนังแล้ว
จึ่งดำรัสสั่งพระยาศรีสิงหเทพว่า พระภักดีณรงค์นั้นแปนการไม่แกล้งก็แล้วกัน
จึงพระยาชลยุทธโยธินทรซึ่งตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพออกไปราชการเมืองยุโรป กลับเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทแล้วเสด็จขึ้น
โปรดเกล้าฯ ให้พระยาชลยุทธไปเฝ้าที่พระที่นั่งจักรกรีด้านตวันออก
เวลาค่ำพระสงฆ์ ๑๐ รูปจะได้เจริญพระพุทธมนต์ ในการสมโภชเดือน พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชาย ซึ่งประสูตรเมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๑๑๐ เวลาเช้า ๑ โมง ๕๐ นาที
วันที่รัชกาล ๘๕๓๓ วัน ๓ ๑๐ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๒ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าพระสงฆ์ ๑๐ รูปรับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ถวายฃองเครื่องไทยทานตามสมควร เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จลง เจ้าพนักงานแต่งพระองค์พระเจ้าลูกเธอ ตามขัติยราชประเพณี อย่างสมโภชเดือนมาแต่ก่อน แล้วพระราชทานพระนาม พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชาย อนุสรณ์ศิริประสาธน์ เวลายามเสศเสร็จการสมโภช
ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๕๓๔ วัน ๔ ๑๑ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๓ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
อนึ่ง พระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ แลโสกันต์ เกษากันต์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานจัดการที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเคย
คือพระเจ้าลูกเธอ ๒ องค์ พระองค์เจ้าศะศิพงษ์ประไพ ๑ พระองค์เจ้าพิศมัยวิมลสัตย ๑ แลเกษากันต์หม่อมเจ้า ๗ องค์ คือหม่อมเจ้าหญิงบรรสานสนิท ในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษ์วโรประการ ๑ หม่อมเจ้าหญิงนิพาภา ในกรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร ๑ หม่อมเจ้าหญิงผกามาลย์ ในพระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ หม่อมเจ้าชายสฤษดีเดช ในพระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ หม่อมเจ้าชายธำรงวรวัตร ในพระบวรวงษ์เธอ กรมหมื่นสถิตยธำรงสวัสดิ์ ๑ หม่อมเจ้าชายนรลักษณวิบูล ในพระองค์เจ้าจรูญโรจเรืองศรี ๑ หม่อมเจ้าชายจินดารักษ์ ในพระองค์เจ้าสนั่น ๑ หม่อมราชวงษ์ลดามาลย์ ในพระสัมพันธวงษ์เธอ กรมหมื่นนฤบาลมุขมาตย์ ๑
แต่พระเจ้าลูกเธอทั้ง ๒ พระองค์ แลหม่อมเจ้าในพระเจ้าน้องยาเธอทั้ง ๔ พระองค์ ซึ่งกล่าวพระนามมาฃ้างต้นนั้นแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้แห่มาทรงฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่ในพระบรมมหาราชวังชั้นในตามเคย แลหม่อมเจ้าในพระบวรวงษ์เธอ ๓ หม่อมราชวงษ์ ๑ หาได้แห่ไม่ แต่มาฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เหมือนกัน
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเดินกระบวนแห่ตามเคย เวลาทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการแล้ว พระสงฆ์ ๒๐ รูปเจริญพระพุทธมนต์ มีพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์นำเปนประธาน เวลาทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ พระสงฆ์ถวายอติเรกพระพรลากลับเสด็จขึ้น เดินกระบวนแห่กลับ
วันที่รัชกาล ๘๕๓๕ วัน ๕ ๑๒ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๔ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาย่ำรุ่งแล้ว ๓๕ นาที ระหว่างพระฤกษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงศิลแล้ว ทรงจุดเทียนถวายพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ จุดโคมเทียนไชย เจ้าพนักงานก็ประโคมเครื่องดุริยางค์ดนตรี พราหมก็เป่าสังข์บัณเฑาะ พระสงฆ์ก็สวดคาถาพร้อมกัน ครั้นจุดเทียนไชยแล้วทรงถวายอาหารบิณฑบาตร พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ ๒๐ รูป พระครู ๘ พระพิธีธรรม ๔๐ รวมพระสงฆ์ ๖๘ รูป รับพระราชทานฉันแล้ว พระสงฆ์ ๒๐ รูปก็ถวายอนุโมทนาอติเรกพระพรลากลับ แล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการ พระพิธีธรรมได้สวดภาณวารประจำเทียนไชยต่อไป มีพระราชาคณนั่งปรก ๑ ผลัดเปลี่ยนกันตามธรรมเนียม เวลาเช้า ๒ โมงเสศเสด็จขึ้น
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เดินกระบวนแห่ข้างในตามเคย เวลาทุ่มเสศโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จออกมาจุดเทียนเครื่องนมัศการ พระสงฆก็เจริญพระพุทธมนต์ เวลา ๒ ทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จขึ้น แห่กลับ
วันที่รัชกาล ๘๕๓๖ วัน ๖ ๑๓ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๕ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศ เดินกระบวนฃ้างในตามเคย เวลาทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย พระยานรินทร์ราชเสนี นำพระยารัตนเสรฐีผู้ว่าราชการเมืองระนองซึ่งตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพเข้ามา ๑ นายจงใจภักดิ์ฃ้าหลวงตรวจทางสายโทรเลข หัวเมืองฝ่ายทเลตวันตก ๑ นิเงาะหลานพระยาระแงะ ๑ เมืองกลันตัน ๔ ตนกูปัตรอ ๑ ตนกูจี ๑ จีนหลาย ๑ เถ้าแก๋ ๑ ศรีตวันกรมการเมืองระแงะ ๖ นาย เข้าไปเฝ้าทูลลองธุลีพระบาท มีพระราชปฏิสันฐานแก่นิเงาะตามสมควร แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้นิเงาะเปนพระยาภูผาภักดี ศรีสุวรรณประเทศวิเสศวังษา เจ้าเมืองระแงะ ๑ ให้ตนกูปัตรอ เปนพระพิทักษ์ประชาราษฎร์ ผู้ช่วยราชการเมืองกลันตัน ๑ ให้ตนกูจี เปนพระอำนาจอำนวยกิจ ผู้ช่วยราชการเมืองกลันตัน ๑ จีนหลายเปนหลวงประธานจีนนิกร หัวน่าจีนเมืองกลันตัน ๑
แล้วพระยาพิพัฒโกษา นำพระยาเทเวศร์วงษ์วิวัฒน์ ๑ หลวงสรยุทธโยธาหาร ๑ หลวงกำจัดไพรินทร์ ๑ หลวงสุนทรโกษา ๑ รวม ๔ นาย ซึ่งตามเสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ไปราชการ ณ ประเทศยุโรป กลับเข้ามาเฝ้าทูลลองธุลีพระบาท
แล้วพระนรินทร์ราชเสนี นำพระกาญจนดิฐบดี ผู้ว่าราชการเมืองกาญจนดิฐ ๑ พระยาภูผาภีกดีศรีสุวรรณประเทศวิเสศวังษา พระยาระแงะ ๑ พระพิทักษ์ประชาราษฎร์ ๑ พระอำนาจอำนวยกิจ ๑ ผู้ช่วยราชการเมืองกลันตัน ๒ หลวงประธานจีนนิกร หัวน่าจีนเมืองกลันตัน ๑ กราบถวายบังคมลาออกไปรักษาราชการบ้านเมือง มีพระบรมราโชวาทแลพระบรมราชโองการด้วยตามสมควร แล้วเสด็จขึ้น
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลายามเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ เสด็จขึ้น แห่กลับ
วันที่รัชกาล ๘๕๓๗ วัน ๗ ๑๔ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๖ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศเดินกระบวนแห่ พระเจ้าลูกเธอ แลหม่อมเจ้าที่จะโสกันต์เหมือนวันก่อน ทรงเปลื้องเครื่องทรงเครื่องถอด แล้วเสด็จมาประทับเก้าอี้น่าอาศนสงฆ์พร้อมกันทั้งหม่อมเจ้าแลหม่อมราชวงษ์ เจ้าพนักงานก็แบ่งพระเกษาเปนสามปอยเสร็จแล้ว
เวลาเช้า ๕ โมงเสศเสด็จออก ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการทรงศิลแล้ว พอพระฤกษได้เวลาทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ พระราชทานบนพระเกษาแล้ว ทรงจรดพระกันไกรตัด องค์ระปอยจนถึงหม่อมราชวงษ์ แล้วโปรดเกล้าฯให้พระราชวงษ์เธอ กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ กรมพระภาณุพันธุวงษวรเดช ทรงเจริญพระเกษาแลตัดเกษาต่อไป เสร็จแล้วทรงถวายอาหารบิณฑบาตร พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน พระเจ้าลูกเธอ แลหม่อมเจ้า หม่อมราชวงษ์ ไปสู่ที่สงน้ำ ณ เขาฃ้างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตามเคย แล้วเสด็จพระราชดำเนิน ไปพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ แล้วโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชแลพระบรมวงษานุวงษ์ที่สมควร แลท่านเสนาบดี รดน้ำพระพุทธมนต์ต่อไป แล้วเสด็จขึ้นมาประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระเจ้าลูกเธอ แลหม่อมเจ้า หม่อมราชวงษ์ สรงน้ำพระพุทธมนต์แล้ว เสด็จขึ้นมาแต่งพระองค์ตามธรรมเนียม แล้วเสด็จออกไปเฝ้าทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์แลทรงเจิม พระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์แล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ ถวายไตรย่ามแก่พระสงฆ์ ๒๐ รูป แล้วพระราชทานน้ำพระมหาสังข์แลทรงเจิมหม่อมเจ้า แลหม่อมราชวงษ์ทั่วแล้ว พระธรรมวโรดมประกาศเทวดาตามพิธีตรุศแล้วพระสงฆ์ก็ถวายอนุโมทนาอติเรก พระพรลากลับ เวลาเที่ยงเสศเสด็จขึ้น แห่กลับ
เวลาค่ำมีการสมโภช พระเจ้าลูกเธอ แลหม่อมเจ้า หม่อมราชวงษ์ ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ
เวลาย่ำค่ำเสศโปรดเกล้าฯสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จออกมาประทับที่เก้าอี้สนามหญ้าน่าพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ทอดพระเนตรกระบวนแห่ พระราชาคณะผู้ใหญ่ผู้น้อย } แลพระพิธีธรรมตามเคย เสร็จแล้วเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัศการพระสงฆ์ ๖๘ รูปเจริญพระพุทธมนต์ เวลายามเสศเจริญพระพุทธมนต์จบเสด็จออกพระธรรมวโรดมประกาศเทวดาเสร็จแล้ว เสด็จจุดเทียนเครื่องนมัศการพระครู ๔ รูป สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตรจบแล้ว ทรงจุดเทียน พระครู ๔ รูปสวดมหาสมัยสูตรจบแล้ว ทรงจุดเทียน พระพิธีธรรม ๔ รูปสวดอาฏานาฏิยสูตรภาณยักษ์ แล้วโปรดเกล้า ฯ พระราชทานมงคล แลตะบองเพชร พิศมอน แก่พระบรมวงษานุวงษ์ แลฃ้าราชการทั่วแล้ว เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๓๘ วัน ๑ ๑๕ฯ ๔ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๗ มีนาคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหาวชิราวุธ เสด็จออกมาเลี้ยงพระสงฆ์ ๖๘ รูป ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระพุฒาจาริย์ดับเทียนไชย เวลาบ่ายมีการเวียนเทียนสมโภช พระมหาเสวตรฉัตร แลพระพุทธรูปตามเคย