- คำนำ
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๒
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๗ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๘ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๐ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๑ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๔ จุลศักราช ๑๒๕๓
- เดือน ๕ จุลศักราช ๑๒๕๔
เดือน ๓ จุลศักราช ๑๒๕๓
วันที่รัชกาล ๘๔๘๐ วัน ๖ ๑ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๙ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเศษ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายสมมติวงษวโรทัย เสด็จไปเลี้ยงพระสงฆ์ ๒๐ รูปที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย มีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสนำเปนประธาน
วันที่รัชกาล ๘๔๘๑ วัน ๗ ๒ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓๐ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
มีการเลี้ยงโต๊ะจีนเครื่องเหลา ที่พระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ด้านตวันออกตามเคย
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จออก โปรดเกล้า ฯ ให้เชิญพระบรมวงษานุวงษ แล้วเสด็จประทับโต๊ะเสวย เวลา ๔ ทุ่มเศษเสวยแล้วเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๘๒ วัน ๑ ๓ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓๑ มกราคม รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๔๘๓ วัน ๒ ๔ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาค่ำพระสงฆ์ ๑๐ รูป มีพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรสเปนประธานเจริญพระพุทธมนต์ ในการสมโภชเดือนสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ซึ่งประสูตรในวันที่ ๑ มกราคม ๑๑๐ เวลาเช้า ๕ โมง ๑๑ นาที ที่ตำหนักสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี
วันที่รัชกาล ๘๔๘๔ วัน ๓ ๕ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าพระสงฆ์ ๑๐ รูปรับพระราชทานฉันเสร็จ ถวายฃองเครื่องไทยธรรมตามสมควร เวลาค่ำเจ้าพนักงานทรงเครื่องสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ตามฃัติยราชกุมาร เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จลง โปรดเกล้าฯ ให้เวียนเทียนสมโภชตามประเพณี แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายมหิตลอดุลเดช นเรศวรมหาราชาธิบดินทร จุฬาลงกรณินทรวรางกูร สมบูรณเบญจพรศิริสวัสดิ ฃัติยวโรภโต สุชาติคุณสังกาศเกียรติประกฤษฐ ลักษณวิจิตรพิสิฐบุรุษย์ ชนุตมรัตน์พัฒนศักดิ อรรควรราชกุมาร
เวลา ๔ ทุ่มเศษเสร็จการสมโภช
วันที่รัชกาล ๘๔๘๕ วัน ๔ ๖ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๓ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จออกขุนนาง พระวิจารณอาวุธ นำหลวงชาติสุเรนทร ๑ หลวงชนานุกูล ๑ หลวงวิสูตรบริหาร ๑ ซึ่งเปนฃ้าหลวงออกไปแจกเข้าเกลือพระสงฆ์สามเณร แลราษฎร ณ เมืองไชยา ซึ่งถูกอุทกภัย กลับเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จฃึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๘๖ วัน ๕ ๗ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๔ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้จัดตั้งแท่นมณฑล แลพระแท่นที่สรงแลเครื่องตบแต่งต่างๆ ที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย ตามธรรมเนียมพิธีตั้งกรม
เวลาค่ำพระสงฆ์ราชาคณผู้ใหญ่ ๑๐ รูปมีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมสมเด็จพระปวเวศรวริยาลงกรณเปนประธาน เวลายามเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่ง ไปประทับที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน
เวลา ๒ ยามเศษเสด็จกลับสู่พระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๘๗ วัน ๖ ๘ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๕ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ถวายอาหารบิณฑบาตแก่พระสงฆ์ ๑๐ รูปฉันแสร็จแล้ว
เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จทรงเครื่องจักรกรีบรมราชวงษ เสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ พอได้เวลาพระฤกษพระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ผลัดผ้าทรงแลทรงฉลองพระองค์ฃาว เสด็จสู่แท่นสรงน้ำพระพุทธมนต์ พระสงฆ์สวดไชยมงคล เจ้าพนักงานประโคมเครื่องดุริยางคดนตรีขึ้นพร้อมกัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พระราชทาน แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าราชวรวงษเธอ กรมฃุนบดินทรไพศาลโสภณ สมเด็จกรมพระจักรพรรดิพงษ สมเด็จกรมพระภาณุพันธุวงษวรเดช กรมหมื่นนเรศรวรฤทธิ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ กรมหมื่นนราธิปประพันธพงษ เจ้าฟ้ากรมฃุนนริศรานุวัติวงษ พระราชทานน้ำพระพุทธมนต์
ฝ่ายพระสงฆ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระพุทธโฆษาจาริย์ รดน้ำพระพุทธมนต์ ฝ่ายข้าราชการ เจ้าพระยารัตนบดินทร ที่สมุหนายก พระยาภาสกรวงษ ที่เกษตราธิบดี พระยามนตรีสุริยวงษแทนที่สมุหพระกระลาโหม ถวายน้ำพระพุทธมนต์
สรงเสร็จ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์ผลัดผ้าทรงสีเหลืองแก่ แลฉลองพระองค์เยียรบับพื้นเหลืองตามสีวัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับพระราชอาศน์ พร้อมด้วยพระบรมวงษานุวงษฃ้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามลำดับ
กรมพระอาลักษณอ่านประกาศตามกระแสพระบรมราชโองการซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เปนพระองค์เจ้าต่างกรม
มีพระนามตามจาฤกในพระสุพรรณบัตรว่า พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย เปนกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา มุสิกนาม ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐
เจ้ากรม เปนหมื่นพิทยลาภพฤติธาดา ถือศักดินา ๖๐๐
ปลัดกรม เปนหมื่นอุสาห์ลาภประสิทธิ ถือศักดินา ๔๐๐
สมุหบาญชี เปนหมื่นฤทธิลาภพลารักษ ถือศักดินา ๓๐๐
จบแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตย์เฝ้าน่าพระที่นั่ง ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ แลทรงเจิมแล้วพระราชทานพระสุพรรณบัตรแลใบกำกับ แลพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์ มหาจักรกรีบรมราชวงษ แลพระมาลาเส้าสเทิน ๑ พระแสงดาบยี่ปุ่นฝักกาไหล่ทอง ๑ กาน้ำเสวยทองคำ ๑ ประคำทองสำหรับ ๑
รับของพระราชทานแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดาทูลเกล้าฯ ถวายต้นไม้ทองเงิน } ธูปเทียนปิดทอง เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จกลับ
จึ่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงษวโรประการ เสนาบดีว่าการต่างประเทศนำ มฯ วิออดเซน กงสุลรุสเซีย ณ เมืองสิงคโปร์ ซึ่งเปนผู้นำเครื่องราชอิศริยาภรณ์ฃองสมเด็จพระเจ้ากรุงรุสเซียเข้ามาถวายพระบรมวงษานุวงษ แลข้าราชการผู้ที่มีหน้าที่ในการรับ แกรนต์ ดุก ซารวิศ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระราชดำรัสปฏิสัณฐารไต่ถามด้วยตามสมควร
แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๘๘ วัน ๗ ๙ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๖ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้เชิญถ้ำพระบุพโพ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบันฑรวรรณวโรภาศฃึ้นพระราชธานกงแห่ไปเฃ้าปรำวัดสะเกษ พระราชทานผ้าฃาว ๒๐ พับ เงิน ๑๐๐ เฟื้อง เวลาบ่ายพระราชทานเพลิง ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๔๘๙ วัน ๑ ๑๐ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๗ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระยาศรีสิงหเทพ นำพระยาสุริยวงษา ผู้ว่าราชการเมืองหล่มสัก อุปฮาดเมืองโพนพิไสย กราบถวายบังคมลาไปรักษาราชการเมืองโปรดเกล้าฯพระราชทานโต๊ะทองคำแก่พระยาสุริยวงษา แลผ้าพรรณแก่อุปฮาดตามสมควร
กรมมหาดไทยนำบอกขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ๔ ฉบับ
ฉบับ ๑ ว่าพระภักดีณรงค์ข้าหลวงที่ ๒ เมืองอุบล ที่ ๕๕ ลงวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๑๑๐ ว่านายรองชิตฃ้าหลวงเมืองสารคาม อุปฮาดราชวงษ ได้เชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระรูปสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชเทวี ขึ้นสถิตยที่สมควร แล้วตั้งเครื่องบูชาอาราธนา พระสงฆ์ ๕๒ รูปเจริญพระพุทธมนต์ รุ่งขึ้นเวลาเช้าได้ถวายอาหารบิณฑบาตแลมีธรรมเทศนาถวายเครื่องไทยธรรม เวลาค่ำจุดประทีปมีการเล่นต่างๆ
เสร็จการเฉลิมพระชนมพรรษาแล้ว ขอพระราชทานถวายพระราชกุศล
ฉบับ ๒ ว่าหลวงวิจารณพยุห ปลัด กรมการเมืองพยุหคีรี ที่ ๑๓ ลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๑๑๐ ว่าได้แต่งให้กรมการกำกับฃ้าหลวงผูกปี้ฃ้อมือจีน จำนวนปี ๑๑๐ ได้จำนวนจีน ๑๓๗ คนๆ ละ ๑ ตำลึง เปนเงิน ๖ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ค่าฎีกา ๑ บาท ๒ สลึง รวมเงิน ๖ ชั่ง ๑๗ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง เสร็จสิ้นจำนวนจีนแล้ว แต่งให้ฃุนแพ่งกรมการคุมเงินลงมาส่ง ณ กรุงเทพฯ
ฉบับ ๓ ว่าพระยาสุรบดินทรสุรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองไชยนาท ที่ ๗๐ ลงวันที่ ๒ มกราคม ๑๑๐ ว่าได้แต่งให้หลวงคลังกรมการกำกับเจ้าภาษีไม้ฃอนสัก จำนวนปี ๑๐๙ วัดรายกำรายวา } ไม้ฃอนสักเรียกภาษีได้จำนวนไม้ฃอนสัก ไม้หลักแพ ไม้กระยาเลย ไม้เหลี่ยม ๘๗๔๔๘ ท่อน เงิน ๑๕๘๐ ชั่ง ๑๔ บาท ๒ สลึง ๓ ไพ ได้ส่งบาญชีไม้แลรายกำรายวา } ลงมายังเจ้าพนักงานหอรัษฎากรพิพัฒน์ ฉบับ ๑ ความต้องกัน
ฉบับ ๔ ว่าพระพิสารท์สงคราม ผู้ว่าราชการเมืองสิงหบุรี ที่ ๓๐ ลงวันที่ ๑๕ กันยายน ๑๑๐ ว่า พระครูสงฆภาระสวาหะ เมืองลพบุรี นายมั่งทายกกับราษฎรบ้านคอกช้าง มีศรัทธาสร้างพระอุโบสถวัดดงยาง แขวงเมืองสิงหบุรีเสร็จแล้ว ขอรับพระราชทานที่ผูกพัฒสีมา กว้าง ๘ วา ยาว ๑๐ วา ไว้สำหรับพระสงฆ์ทำสังฆกรรมต่อไป
เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จฃึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๙๐ วัน ๒ ๑๑ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๘ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลายามเศษ เสด็จออกฃุนนาง กรมพระกระลาโหมนำบอกเมืองระนองอ่านกราบบังคมทูลพระกรุณา ๓ ฉบับ
ฉบับ ๑ ว่าพระยารัตนเศรษฐี ได้มีหนังสือถึงกอมมิชเนอร์เมืองมลิวัน ขอทราบความเรื่องผู้ร้ายปล้นเรือจีนโกยตึง จีนจีหวนที่ท่านายหมัดไต้วัดฃี้ไฟ
ครั้น ณ วันที่ ๔ สิงหาคม ร,ศ, ๑๑๐ ได้รับอักษรอังกฤษฉบับ ๑ ว่าในการเรื่องนี้ได้ชี้แจงกับจีนฮองหลายแล้ว ว่าเว้นไว้แต่จะมีโจทฟ้องผู้มีชื่อคนฃ้างอังกฤษเปนอย่างใดจึ่งจะเปนความได้ ได้ตรวจดูสำเนาจดหมายของโปลิศไม่เห็นมีฃ้อวิรุธอันใด ถ้าที่รายความใหม่อีกจึ่งจะช่วยจับตัวผู้ที่สงไสยได้
ฉบับ ๒ ว่าพระยารัตนเศรษฐี ได้รับหนังสือคอมมิชเนอร์เมืองมลิวันว่า ฃอให้จับอ้ายแดงแปะผู้ร้ายลักกระบือ พระยารัตนเศรษฐี จึงมีหนังสือส่งอ้ายแดงแปะผู้ร้ายกับคำร้องโจทพยานมาชำระ ณ เมืองรนอง ถ้าคอมมิชเนอร์มีตอบส่งมาประการใด จะมีหนังสือมาให้ทราบครั้งหลัง ได้คัดสำเนามีไปมา } รวม ๔ ฉบับส่งมาด้วยแล้ว
ฉบับ ๓ ว่าหลวงไชยสงคราม ซายันโปลิศเกาะหาดทรายฃาวมาแจ้งความว่า นายหิด นายนุ้ยตาขาว } ลงเรือไปคบคิดกับนายมั่งโปลิศเปนผู้ร้ายลักผู้คนแลเงินทองสิ่งของสำหรับโปลิศ ๆ จับตัวนายน้อยตาขาวมาซักถามให้การสารภาพ แต่นายหิดนายมั่ง } หนีไปอยู่แฃวงเมืองมลิวัน พระยารัตนเศรษฐีได้มีหนังสือส่งอ้ายนุ้ยตาฃาวนายคล้ายพยานแลคำร้องคำให้การไปเมืองมลิวัน ฃอตัวอ้ายหิดอ้ายมั่ง } อีชูอีพาน } มาชำระที่เมืองระนองตามหนังสือสัญญา ถ้ากอมมิชเนอร์ตอบมาประการใดจะบอกมาให้ทราบครั้งหลัง
เพลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๙๑ วัน ๓ ๑๒ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๙ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับทอดพระเนตรเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ พระยาศรีสิงหเทพ นำพระศักดิเสนีฃ้าหลวง พระประสิทธิวิทยา หมอยา ฃุนองค์รักษา หมอนวด กราบถวายบังคมลาออกไปรักษาพระยาคทาธรธรณินทร์ ฯ ณ เมืองพระตะบอง แล้วเสด็จเฃ้าไปทอดพระเนตรทั่วแล้ว
เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๙๒ วัน ๔ ๑๓ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย เจ้าพนักงานเชิญพระพุทธรูปฉลองพระองค์กรมสมเด็จฉลองพระเทพศิรินทรามาตย์แลพระพุทธรูปฉลองพระองค์ สมเด็จพระเจ้าน้องนาง เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภัควดีกรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ แต่ในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทราวาศ มาประดิษฐานเหนือชั้นแว่นฟ้าในพระเมรุ แล้วเชิญพระพุทธรูปฉลองพระองค์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบัณฑรวรรณวโรภาศตั้งที่ฐานบัตรด้านเหนือ แวดล้อมด้วยเครื่องสูงเปนพระเกียรติยศ
เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลายกวัดเทพศิรินทราวาศแล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าในพระเมรุ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระสงฆ ๒๐ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ มีพระธรรมราชานุวัตรนำเปนประธานในการฉลองพระพุทธรูปฉลองพระองค์ เวลา ๔ ทุ่มเสศเจริญพระพุทธมนต์จบ ทรงถวายผ้าไตรแก่พระสงฆ์ ๒๐ รูปที่เจริญพระพุทธมนต์ แล้วพระสงฆ์ก็ถวายอติเรกพระพรลากลับ
เวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จออกพลับพลาทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้ว เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เวลาค่ำมีหนัง ๒ โรง ญวนหก สิงโต มังกร รำกระถางเล่นน่าพลับพลา แลโขนนอนโรงด้วย
วันที่รัชกาล ๘๔๙๓ วัน ๕ ๑๔ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เปนวันจะได้เชิญพระศพพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบันทรวรรณวโรภาศเข้าพระเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ โปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการจัดเครื่องโต๊ะลายครามเข้าไปตั้งตามคดพระเมรุด้านตวันออก เวลาเช้าพระสงฆ์ ๒๐ รูปรับพระราชทานฉัน เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลาวัดเทพศิรินทราวาศ เจ้าพนักงานทิ้งผลกัลปพฤกษ ๔ พุ่ม ๆ ละ ๒๐ บาท แล้วทรงโปรยผลกัลปพฤกษ พระราชทานพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการฝ่ายน่าแล้วเสด็จขึ้นพระราชทานฝ่ายใน เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกประทับที่ตั้งโต๊ะ โปรดเกล้า ฯ ให้กอมมิตตีตัดสินรางวัลชิ้นเครื่องโต๊ะ จนเวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จออกพลับพลา ทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
การมหอระศพตั้งแต่วันนี้ต่อไป คือโฃน ๑ โรง หุ่น ๑ โรง งิ้ว ๑ โรง มอญูรำ ๑ หนัง ๒ โรง ญวนหก ๑ รำกระถาง ๑ สิงห์โต ๑ มังกรตามเคย เวลา ๗ ทุ่มเสศโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระโกษส่งพระศพ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบันทรวรรณวโรภาศ ขึ้นพระราชยานสามลำคานพร้อมด้วยคู่แห่ถือโคมบัว แลกลองชนะ แตรสังข์ เครื่องสูงอินทร์พรหมออกประตูศรีสุนทร สุนทรทิศา ลงท่าพระ เชิญพระโกษส่งพระศพลงเรือเอกไชย ประกอบพระโกษทองน้อยแห่ไปวัดเทพศิรินทราวาศ
เวลา ๘ ทุ่มเสศเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท ไปประทับเรือกลไฟที่ท่าพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย โปรดเกล้า ฯ ให้ล่องเรือกระบวนแห่พระศพไปเข้าคลองผดุงกรุงเกษมหยุดน่าวัดเทพศิรินทราวาศ แล้วเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๔๙๔ วัน ๖ ๑๕ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาย่ำรุ่งเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพระที่นั่งทรงธรรมที่พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ โปรดเกล้าให้เจ้าพนักงานแห่พระศพเข้าพระเมรุด้านตวันออก เวียนพระเมรุครบ ๓ รอบแล้ว เจ้าพนักงานเปลื้องพระโกษประกอบนอกออก เชิญพระโกษลองในขึ้นเสลี่ยงหิ้วไปตั้งบนเกรินบันใดนาคในพระเมรุมุขด้านใต้ เลื่อนพระโกษขึ้นตั้งที่เหนือชั้นแว่นฟ้า ๓ ชั้น ประกอบนอกตามเดิมเสร็จแล้ว ทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์สังเค็ดสำปั้นเก๋ง ๒ ไตร สำปั้นพระบิณทบาต ๕ ไตร เปล่า ๑๕ ผ้าขาว ๒๐๐ พับ พระสงฆ พระอารามต่างๆ มีพระวรวงษเธอ พระองค์อรุณนิภาคุณากรนำเปนประธานแล้วมีสดัปกรส่วนข้างในต่อไป เวลาเช้า ๓ โมงเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลา โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานทิ้งผลกัลปพฤกษ ๔ ต้น แล้วทรงโปรยผลกัลปพฤกษแลเหรียญทองคำ พระราชทานพระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการฝ่ายน่า แล้วเสด็จขึ้นพระราชทานฝ่ายใน เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกพระเมรุประทับมุขตวันออกทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์สังเค็ดเอกสำปั้นเก๋ง ๒ ไตรเรือสำปั้น พระบิณทบาต ๕ ไตร เปล่า ๑๕ ย่าม ๑๐๐ รูป มีพระสมุทมุนีพระปถมเจดีย์นำเปนประธาน แล้วเสด็จออกพลับพลาทรงจุดดอกไม้เพลิง แล้วเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งทรงธรรม พระธรรมวโรดมเข้าไปถวายเทศนากายานุปัสสนากัณฑ์หนึ่ง จบแล้วทรงถวายสังเค็ดสำปั้นเก๋งแล้วเสด็จออกตัดสินรางวัลขึ้นเครื่องโต๊ะพร้อมด้วยกอมมิตตีต่อไป จนเวลา ๕ ทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๙๕ วัน ๗ ๑ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในพระเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดเรือสำปั้นเก๋ง ๒ ไตรสังเค็ด ๒ ไตรเรือบิณทบาต ๕ ไตรเปล่า ๑๕ ผ้าขาวพับ ๒๐๐ สดัปกรณ์ สมเด็จพุฒาจาริยนำเปนประธาน แล้วเสด็จออกประทับพลับพลาทรงโปรยผลกัลปพฤกษแลเหรียญทองพระราชทานข้างน่าแล้วเสด็จขึ้นพระราชทานข้างใน แล้วเสด็จออกทอดพระเนตรรำกระบี่ ๑ คู่ เวลา ๒ ทุ่มเสศทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้วเสด็จขึ้น เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกตัดสินเครื่องโต๊ะแล้วพระราชทานดุมเงินมีพระนามพระเจ้าลูกเธอ ที่สิ้นพระชนม์แก่พระบรมวงษานุวงษแลข้าราชการ จนเวลา ๒ ยามเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง การพระราชทานดุมมีทั้งสามเวลา
วันนี้ทรงกริ้วขุนนางที่เสด็จออกพลับพลาแล้วข้างน่ายืนกลางๆ นั่ง ดำรัสสั่งให้พระองค์เจ้าไชยันตมงคล บังคับให้กรมวังเอาหวายไปคอยเฆี่ยนให้ลุกขึ้นยืนเฝ้า
วันที่รัชกาล ๘๔๙๖ วัน ๑ ๒ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานเชิญพระศพเข้าไปชำระในพระฉากรักแร้พระเมุด้ต้านตวันตกเฉียงเหนือ รื้อชั้นแว่นฟ้าตั้งถานพระราชทานเพลิงตามเคย แล้วเชิญพระโกษลองในทรงพระศพขึ้นตั้งเหนือพระจิตกาธาร ตั้งฉากบังเพลิงบนถานบัตรทั้ง ๔ ด้าน
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในพระเมรมุขตวันออก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดเรือสำปั้นเก๋ง ๕ สังเค็ดเปล่า ๑ ไตรเรือพระบิณทบาต ๑๐ ไตรเปล่า ๑๕ ย่าม ๑๐๐ ผ้าขาวพับน่า ๒๐๐ พระสงฆ์สดัปกรณ์มีพระเจ้าบรมวงษเธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์นำเปนประธาน สดัปกรณ์เสร็จแล้ว เสด็จพระราชทานเพลิง แล้วเสด็จออกพลับพลา ทรงโปรยผลกัลปพฤกษแลเหรียญทองพระราชทานข้างน่า แล้วเสด็จขึ้นพระราชทานข้างใน แล้วเสด็จออกทอดพระเนตรรำง้าว ๑ คู่ แล้วเสด็จขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเสศเสด็จออกพลับพลา ทรงจุดดอกไม้เพลิง ทอดพระเนตรรำกระถาง แล้วเสด็จพระราชดำเนินทรงปักเหรียญรางวัลโต๊ะเครื่องบูชาตามชั้นที่กอมมิตตีตรวจตัดสิน แลมีสดัปกรณ์ของหลวง ไตรเปล่า ๑๕ ฉลาก ๑๐๐ เวลา ๒ ยามเสศเสด็จประทับพระที่นั่งทรงธรรม พระพรหมมุณีเข้าไปถวายเทศนาจิตตานุปัสนากัณฑ์หนึ่ง จบแล้วทรงถวายสังเค็ดเรือสำปั้นเก๋ง เวลา ๘ ทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๙๗ วัน ๒ ๓ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาย่ำรุ่งเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพระที่นั่งทรงธรรม โปรดเกล้าฯ ให้เดินสามหาบเวียนพระเมรุครบสามรอบแล้ว เสด็จขึ้นบนถานบัตรในพระเมรุ ทรงทอดไตรแพรสามหาบหกสดัปกรณ์ แล้วทรงเก็บพระอัฐิลงบันจุในพระโกษทองคำ แล้วทรงถวายอาหารบิณฑบาตพระสงฆ์ ๖ รูปที่สดัปกรณ์ เจ้าพนักงานได้ตั้งม้าหมู่เหนืออาศน์สงฆ์ที่พระเมรุมุขตวันตกเชิญพระโกษพระอัฐิขึ้นประดิษฐาน ภอพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดเรือสำปั้นเก๋ง ๑ ไตรสังเค็ด ๒ ไตรเรือสำปั้นบิณทบาต ๕ ไตรเปล่า ๑๕ ผ้าฃาวพับ ๒๐๐ สดัปกรณ์ พระธรรมราชานุวัตรนำเปนประธาน เวลาเช้า ๓ โมงเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง เจ้าพนักงานได้จัดการบนถานบัตร เชิญพระโกษพระอัฐิขึ้นสถิตยในบุษบกเหนือชั้นแว่นฟ้า
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลาวัดเทพศิรินทราวาศ ทรงโปรยผลกัลปพฤกษแลเหรียญทองพระราชทานข้างน่าแล้วเสด็จขึ้นพระราชทานข้างใน แล้วเสด็จออกทอดพระเนตรมวย ๑ คู่ เวลาทุ่มเสศทรงจุดดอกไม้เพลิง แลพระราชทานรางวัลนายด้านทำการพระเมรุ แล้วเสด็จขึ้นประทับในพระเมรุมุขด้านตวันออก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ดเรือสำปั้นเก๋ง ๑ สังเค็ด ๓ ไตรเรือบิณฑบาต ๕ ไตรเปล่า ๑๕ ย่าม ๑๐๐ ฉลาก ๑๐๐ สดัปกรณ์พระอัฐิ พระอมราภิรักขิตนำเปนประธาน แล้วเสด็จประทับพระที่นั่งทรงธรรม พระโพธิวงษาจาริยถวายเทศนาธัมมานุปัสนากัณฑ์หนึ่ง จบแล้วทรงถวายไตรเครื่องบริกฃารตามสมควร แล้วโปรดเกล้าฯ พระราชทานเหรียญทองคำแก่พระบรมวงษานุวงษ แลข้าราชการตามที่มีน่าที่ทำการในงานพระเมรุครั้งนี้ทั่วกัน แล้วพระราชทานรางวัลแก่ผู้ที่มาตั้งโต๊ะเครื่องบูชาแลผู้ที่ตั้งกระถางต้นไม้เสร็จแล้ว เวลา ๗ ทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๔๙๘ วัน ๓ ๔ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้ามีสดัปกรณ์ของหลวง ไตรสังเค็ดเรือสำปั้นเก๋ง ๑ ไตรสังเค็ด ๑ ไตรเรือพระบิณฑบาต ๖ ไตรเปล่า ๑๕ ผ้าพับน่า ๒๐๐ ย่าม ๑๐๐ เวลาบ่ายโมงเสศเจ้าพนักงานตั้งกระบวนแห่พระอัฐิแต่พระเมรุไปส่งที่ตำหนักในพระบรมมหาราชวัง
เวลา ๒ ทุ่มเสศเจ้าพนักงานฃุดศพเจ้าจอมมารดาหญิง ซึ่งฝังไว้ ณ วัดเทพศิรินทราวาศ ขึ้นบรรจุในโกษลองใน ขึ้นเสลี่ยงหิ้วมาประดิษฐานเหนือแว่นฟ้า ๒ ชั้น ประกอบโกษแปดเหลี่ยมเปนเกียรติยศ มีฉัตรเครื่องสูงตั้งแวดล้อม ๑๒ คัน การมหอศพต่างๆ แลผลกัลปพฤกษคงมีเหมือนงานก่อน แต่เงินทรงโปรยบนพลับพลาลดคงวันละ ๑ ชั่ง เหรียญทองไม่มี
วันที่รัชกาล ๘๔๙๙ วัน ๔ ๕ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในพระเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ด ๕ ไตรเปล่า ๒๑ ผ้าพับน่า ๑๐๐ ย่าม ๕๐ พระสงฆ ณ พระอารามต่างๆ มีพระธรรมราชานุวัตรนำบังสุกุลเปนประธาน แล้วเสด็จออกพลับพลา ทรงโปรยแล้วมีมวย ๒ คู่ เวลา ๒ ทุ่มเสศทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้วเสด็จขึ้นประทับในพระเมรุ ทรงทอดผ้าฃาวพับ ๓๐ ฉลาก ๑๐๐ บังสุกุล แล้วโปรดเกล้าฯ ให้กอมมิตติตรวจโต๊ะซึ่งตั้งใหม่ที่นักแร้พระเมรุ ๔ โต๊ะ แลกระถางต้นไม้ แลพรรณไม้ที่ปลูกมาในกระถางที่ตั้งใหม่จนตลอด เวลา ๘ ทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๐๐ วัน ๕ ๖ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้ยกศพจากชั้นแว่นฟ้า มาชำระในฉากที่มุมเมรุด้านตวันตกเฉียงเหนือ แลจัดการที่จะพระราชทานเพลิงตามเคย
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในพระเมรุมุขตวันออก ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ด ๕ ไตรเปล่า ๒๐ บังสุกุล พระวรวงษเธอพระองค์เจ้าอรุณนิภาคุณากรนำเปนประธาน แล้วเสด็จขึ้นพระราชทานเพลิง แล้วเสด็จออกพลับพลา ทรงโปรยแลกัลปพฤกษพระราชทานข้างน่าข้างใน แล้วมีมวย ๑ คู่ แล้วเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งทรงธรรม พระราชทานรางวัลกอมมิตตี แลผู้ที่ตั้งกระถางว่าน เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๐๑ วัน ๖ ๗ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าเจ้าพนักงานได้แปรรูป แลมีการสามหาบ แล้วพระสงฆ์ฉัน แลอัฐิลงบันจุโกษทองคำ แลมีบังสุกุลตามสมควร เวลา ๕ โมงแห่อัฐิไปส่งที่วัง พระวรวงษเธอ พระองค์เจ้าสายสินิทวงษ
เวลาทุ่มเสศเสด็จออกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงรับชิ้นเครื่องโต๊ะ แล้วโปรดเกล้า ฯ กอมมิตตีตรวจตัดสิน จนเวลาย่ำรุ่งเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๐๒ วัน ๗ ๘ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
วันนี้เจ้าพนักงานจัดการที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ ๑๕ รูปจะได้เจริญพระพุทธมนต์ ฃองหลวง ๑๐ ฃองเจ้าภาพ ๕ จึ่งรวมเปนพระสงฆ์ ๑๕ รูป มีพระกิติสารมุณีนำเป็นประธาน ในการสัตวารพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงบันทรวรรณวโรภาศ
เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จออกในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วพระสงฆ์ ๑๕ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์ ครั้นจบแล้วทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์ทั่วแล้ว พระสงฆ์ก็ถวายอนุโมทนาพระพรลากลับ ทรงทอดผ้าไตรสังเค็ด ๒ ผ้าขาวพับ ๓๐ มีหม่อมเจ้าพระสถาพรพิริยพรต ๑ พระปลัดแช่ม ๑ นำเปนประธาน สดัปกรณ์เสร็จแล้ว โปรดให้นิมนต์พระศรีสมโภชเข้ามาถวายเทศนาสัตวารสูตรกัณฑ์หนึ่ง เปนกัณฑ์ของหลวงจบลงแล้ว ทรงถวายไตรแลเครื่องบริกขารตามสมควร แล้วพระมหาเพิ่มเข้าไปถวายเทศนาชรามรณสูตรกัณฑ์หนึ่ง เปนกัณฑ์เจ้าภาพ โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายอาภากรถวายไตรแลเครื่องบริกฃาร แลโปรดเกล้า ฯ ให้จุดดอกไม้เพลิงด้วย แล้วทรงตัดสินชิ้นเครื่องโต๊ะพร้อมด้วยกอมมิตตีต่อไป จนเวลาสามยามเสศเสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๐๓ วัน ๑ ๙ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้า ๔ โมงเสศโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอาภากรออกมาเลี้ยงพระที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเสร็จแล้ว พระครูศรีปัญญามุนีเข้ามาถวายเทศนาสังฆหะกัณฑ์หนึ่ง ของเจ้าภาพ พระองค์เจ้าอาภากรถวายไตรแลเครื่องบริกขาร แล้วมีสดัปกรณ์รายร้อยอีก ๕๐๐ รูป
เวลาทุ่มเสศเสด็จออกในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โปรดให้นิมนต์พระราชมุนีเข้ามาถวายเทศนาเบญจพลี ๕ กัณฑ์หนึ่ง เปนกัณฑ์ฃองหลวง จบแล้วทรงถวายไตรแลเครื่องบริกขารตามสมควร แล้วทรงทอดผ้าไตรสดัปกรณ์สังเค็ดหัวพาน ๑ ไตรเปล่า ๑๐ ผ้าฃาวพับ ๒๐ พับ ผ้าพับน่า ๑๐๐ ฃองเจ้าภาพ ผ้าฃาวพับ ๓๐ ผ้าพับน่า ๑๐๐ พระราชพงษปฏิพัทธมุนีนำเปนประธาน แล้วเสด็จออกมุขเด็ดพระที่นั่งดุสิดมหาปราสาท ทรงโปรยผลกลัปพฤกษ แลเหรียญทอง พระราชทานพระบรมวงษานุวงษแล้ว เวลา ๔ ทุ่มเสศเสด็จขึ้น พระองค์เจ้าอาภากรจุดดอกไม้เพลิงอิกคืนหนึ่ง
วันที่รัชกาล ๘๕๐๔ วัน ๒ ๑๐ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
อนึ่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หมายเลื่อนท้าวทองผยศ (นาค) วิเสศกลางซึ่งถึงกำม์แล้ว เปนท้าวสุจริดธำรง มีบรรดาศักดิ์เสมอท้าวสนองพระโอษฐ ถือศักดินา ๑๐๐๐ พระราชทานหิบหมากทองคำใหญ่ จำหลักเชิงชายเครื่องในพร้อม กาทองคำจำหลักเชิงชาย ถาดทองคำสำรับหนึ่ง ขันล้างหน้าพานรองทองคำสำรับหนึ่ง กระโถนทองคำ หิบหมากทองคำเล็ก โต๊ะเงินคู่ ๑ พระราชทานโกษรองศพเพิ่มขึ้นเปนเกียรติยศ
เวลายามเสศ เจ้าพนักงานได้ยกศพ ท้าวสุจริดธำรงเปลี่ยนใส่โกษที่พระราชทานแห่ออกจากบ้านพระยาราชประสิทธิ ขึ้นตั้งเหนือเสลี่ยงแปลงประกอบนอกโกษแปดเหลี่ยมตั้งกระบวนแห่แต่ถนนวัดสุทัศเทพวราราม มาเข้าเมรุวัดเทพศิรินทราวาศ มีกลองชนะเขียว ๒๐ จ่าปี่ ๑ ฉัตรเบญจา ๑๒ คัน ตั้งเหนือชั้นแว่นฟ้า ๒ ชั้น
แล้วได้ขุดศพ หม่อมเจ้าหญิงในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทววงษวโรประการหม่อมเจ้าชายในพระองค์เจ้าสวัสดิโศภน ส่งหีบทองทึบทั้งสองศพ ใส่เรือเก๋งออกจากวัดบรมนิวาศ หยุดท่าวัดเทพศิรินทราวาศ เจ้าพนักงานยกหีบศพหม่อมเจ้าชายทั้ง ๒ ใส่วอแห่เข้าในเมรุ ศพท้าวสุจริดธำรงอยู่กลาง ศพหม่อมเจ้าหญิงในกรมหลวงเทววงษอยู่ด้านเหนือ ศพหม่อมเจ้าชายในพระองค์เจ้าสวัสดิโศภนอยู่ด้านใต้
เครื่องตบแต่งในการเมรุครั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ผู้ที่เล่นเครื่องโต๊ะ จัดโต๊ะโขกเครื่องสี เครื่องสังกโลก แลเครื่องฃาวต่างๆ มาตั้ง ณ ส้างทั้ง ๓ แลตั้งที่นักแร้เมรุทั้ง ๔ มุม แต่โต๊ะของหลวง แลฃองสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช แลฃองสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ ตั้งบนพระที่นั่งทรงธรรม์ แลตั้งกระถางต้นไม้แลกระถางว่านบนร้านดอกไม้รอบเมรุด้วย
อนึ่ง การมหอศพในงานนี้ มีโฃน ๑ โรง หุ่น ๑ โรง หนัง ๑ โรง แลโปรดพระราชทานผลกลัปพฤกษพุ่มวันละ ๒ พุ่มๆละ ๒๐ บาท ทรงโปรยบนพลับพลาสำหรับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชวันละ ๑ ชั่ง พระราชทานเงินเฟื้องในส่วนศพหม่อมเจ้าทั้ง ๒ ศพละ ๒๐๐ เฟื้อง ผ้าไตรศพละ ๕ ไตร ผ้าฃาวพับศพละ ๕ พับ ศพท้าวสุจริตธำรง พระราชทานผ้าไตร ๑๐ ไตร ผ้าฃาวพับ ๒๐ พับ แลมีดอกไม้เพลิงพุ่ม ๕ ชั้น ๒๐ พุ่ม ระทา ๖ ระทา กระถาง ๘ กระถาง พเนียง ๒๐ พลุ ๕๐ พลุ จุดทั้งสองคืน
วันนี้ไม่เสด็จออก
วันที่รัชกาล ๘๕๐๕ วัน ๓ ๑๑ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่าย ๔ โมงเสศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในพระเมรุแล้วเสด็จออกพลับพลา ทรงโปรยผลกลัปพฤกษพระราชทานพระบรมวงษานุวงษแลฃ้าราชการ เจ้าพนักงานก็ทิ้งต้นกลัปพฤกษ ๒ ต้น เสร็จแล้วมีมวย ๑ คู่
เวลาทุ่มเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับพลับพลาวัดเทพศิรินทราวาศ โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชจุดดอกไม้เพลิง แล้วเสด็จประทับ ณ ส้างด้านตวันออก ทอดพระเนตรกอมมิตตีตรวจเครื่องโต๊ะ แลกระถางต้นไม้ จนเวลา ๒ ยามเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๐๖ วัน ๔ ๑๒ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาบ่ายเจ้าพนักงานได้ยกโทษศพท้าวสุจริดธำรง แลหิบศพหม่อมเจ้าชายทั้ง ๒ ไปชำระที่รักแร้เมรุด้านตวันตกเฉียงเหนือ รื้อชั้นแว่นฟ้าแลยกวอช่อฟ้า ตั้งฐานพระราชทานเพลิง ๓ ฐาน ชำระศพแล้วยกศพขึ้นตั้งตามที่ เวลาบ่าย ๓ โมงเสศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จประทับในเมรุ เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จทรงรถพระที่นั่งไปประทับในเมรุมุขตวันออก ทรงทอดผ้าไตรบังสุกุล แลสดัปกรณ์
มีพระธรรมวโรดมนำเปนประธาน แล้วเสด็จขึ้นพระราชทานเพลิง แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จออกพลับพลาทรงโปรยเหมือนวันก่อน เวลาย่ำค่ำเสศเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง
วันที่รัชกาล ๘๕๐๗ วัน ๕ ๑๓ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เวลาเช้าเจ้าพนักงานได้แปรรูป แลเก็บอัฐิท้าวสุจริดธำรง แห่ส่งบ้านพระยาราชประสิทธิ
เวลาบ่าย ๕ โมงเสศเสด็จออกพระที่นั่งจักรกรีมหาปราสาท มุขตวันออก จึ่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทววงษวโรประการ เสนาบดีว่าการต่างประเทศ นำมิศเตอ แกมเปอแมนต์ราชทูต เยอรมัน ๑ มิศเตอพูลเคอ ๑ รวม ๒ นาย เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลากลับออกไปบ้านเมือง มีพระราชปฏิสันฐานไต่ถามด้วยตามสมควร พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทววงษวโรประการ ก็นำมิศเตอทั้งสองถวายคำนับออกมาจากที่เฝ้า เสด็จขึ้น
วันที่รัชกาล ๘๕๐๘ วัน ๖ ๑๔ฯ ๓ ค่ำ ปีเถาะตรี๒๔ศก ๑๒๕๓
วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ รัตนโกสินทร๒๔ศก ๑๑๐ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
เปนวันพระไม่เสด็จออก