- คำนำกรมศิลปากร
- ภูมิสันฐาน
- ว่าด้วยเรือจ้างรอบกรุง
- ว่าด้วยที่ค้าขายนอกกรุง
- ว่าด้วยเรือต่างๆ ในโรง
- ว่าด้วยในพระนครกรุงศรีอยุธยา
- ว่าด้วยในกำแพงพระนครตั้งค่ายผนบบ้านหล่อรักษาพระนคร
- ว่าด้วยตะพานในพระนคร
- ว่าด้วยตลาดในพระนครศรีอยุธยา
- ว่าด้วยพระคลังโรงช้างโรงม้าคุกหอกลองซึ่งมีอยู่ในกำแพงกรุงศรีอยุทธยาดังนี้
- ว่าด้วยที่ประทับนอกพระนคร
- ว่าด้วยพระราชวังน่า
- ว่าด้วยธรรมเนียมถือน้ำ
- ว่าด้วยสิ่งซึ่งเปนหลักเปนประธานเปนศรีพระนคร
- ว่าด้วยตำแหน่งยศพระราราชาคณุฐานานุกรม
- ว่าด้วยเครื่องยศสำหรับศพ
- กระบวนแห่พระบรมศพ
- แบบอย่างการพระเมรุ เอก โท ตรี
- พระราชพิธีลงสรงเจ้าฟ้า
- พิธีโสกันต์เจ้าฟ้า
- เรื่องพระพิไชยเสนา เป็นตำราสำหรับข้าราชการควรประพฤติ
- ความแทรก "คำให้การ" เกี่ยวกับสมัยพระนครศรีอยุธยาตอนปลาย
พระราชพิธีลงสรงเจ้าฟ้า
เจ้าพนักงานจัดกระบวนแห่ แลตั้งพระราชพิธีบนพระที่นั่งสรรเพ็ชรมหาปราสาทแล้วผูกแพไม้ไผ่มาประทับที่หน้าพระฉนวนน้ำประจำท่าวาสุกรี บนแพไม้ไผ่นั้น มีพระมณฑปทำด้วยไม้อุทุมพรหุ้มผ้าขาวระจังแลกรอบปิดทองตั้งอยู่กลางแพไม้ไผ่ มีกรงที่สรงอยู่ในพระมณฑป กรงนั้นปูด้วยกระดานล้อมด้วยซี่กรงชั้นหนึ่ง ตารางไม้ไผ่ชั้นหนึ่ง ร่างแหชั้นหนึ่งผ้าหุ้มนอกอีกชั้นหนึ่งมีกระดานเรียบรอบนอกเสมอพื้นกรง พอคนลงไปยืนได้ในกรงนั้น ก็กรุผ้าชั้นล่างข้างกรงมีบันไดเงินบันไดทอง ด้านเหนือ ด้านใต้ ด้านตะวันออกริมพระฉนวนน้ำนั้น เป็นอัฒฐจรรย์ลงไป เรียกว่าบันไดแก้ว ด้านข้างตะวันตกตั้งเปนพระแท่นสองชั้นสำหรับเปนที่สรงน้ำมุรธาภิเศกในกรงนั้นมี กุ้ง ทอง นาค เงิน แล ปลา ทอง นาค เงิน มีมะพร้าวงอกคู่หนึ่งปิด ทอง เงิน มีผ้ารอบพระมณฑป มีฝารอบพระมณฑปมีซุ้มประตูซุ้มประตู ๔ ทิศมีราชวัตรฉัตรทองล้อมพระมณฑปชั้นหนึ่ง ราชวัตรฉัตรนาคชั้นหนึ่ง ราชวัตรฉัตรเงินชั้นหนึ่ง พราหมณ์ตั้งโต๊ะรองน้ำสังข์ น้ำกรดบูชาถวายชัยสี่มุมกรง ราชวัตรชั้นกลางมีทหารนั่งถือทวนด้ำหุ้มทองสามด้านๆ ละ ๑๐ คน หว่างราชวัตรชั้นนอกมีทหารนั่งถือดาบถือโล่ห์สามด้านๆ ละ ๑๕ คนทหารถือดาบนั่งรายริมแพนอกราชวัตรสามด้านๆ ละ ๑๖ คน ทหารถือดาบอยู่ในริมแพสามด้านๆ ละ ๑๖ คน ทหารถือปืนคาบศิลา อยู่นอกราชวัตรด้านเหนือแปดคน มีเรือบันลังก์ประทับหน้าพระฉนวนน้ำวาสุกรี แล้วมีเรือพิฆาตเขียนรูปสัตว์ต่างๆ มีเรือดั้ง เรือกัญญา เรือกระบี่ เรือครุฑ เรือรูปสัตว์ เรือไชยรวม ๑๐๐ ลำ ทอดทุ่นเหนือน้ำท้ายน้ำรายรอบล้อมวงพลพายสวมเสื้อแดงสวมหมวกแดง มีเรือหมอจรเข้ เรือทอดแหอยู่ในที่ล้อมวง
กระบวนแห่ญการเล่นต่างๆ ก็เหมือนกันกับการพระราชพิธีโสกัณฑ์เจ้าฟ้าแล้วเจ้าพนักงานก็จัดกระบวนแห่หน้าหลังทั้งปวงพร้อม คือ จัดเอาบุตรพระยา พระหลวง ๒๐๐ คน แต่งตัวพรรณนุ่งสองปักลายทองขาวเสื้อครุยสำริดทอง สวมพอกเกี้ยว แต่งเป็นเทวะเสนาเดินกระบวนหน้า ๔ แถวๆ ละ ๕๐ คน รวม ๒๐๐ คน แลมีนางงามเชิญพระมยุระแซ่คนหนึ่งเดินน้ำหน้าพระยานนุมาศ แลมีกระบวนพลถือสังข์แตร จ่าปี่กลองชนะมโหรทึกเดินไปข้างหน้าแต่ล้วนแต่งตัวใส่กางเกงแดง ห่มเสื้อแดง ใส่หมวกตุ้มปี่แดง แล้วมีกระบวนมยุรฉัตรเศวตฉัตร ขนัดอภิรุมชุมสายพรายพรรณกลดกลิ้งกรรเชิง ธงทิวปลิวไสวไพโรจน์ตามราชประเพณี แต่กระบวนหลังนั้นมีนางเชิญเครื่องราโชปโภคครบตามตำแหน่ง แต่งตัวแต่ล้วนเครื่องขาวทุกคน ถัดมามีกระบวนนางสะ ๒๐๐ คน แต่งตัวแต่ล้วนเครื่องขาวทั้งสิ้น เดินกระบวนหลังสี่แถวๆ ละ ๕๐ คน รวม ๒๐๐ คน ครั้นแต่งกระบวนแห่พร้อมเสร็จถึงพระฤกษ์มงคลวาร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ สอดทรงเครื่องราชกุมารอาภรณ์พร้อมเสร็จ เสด็จขี้นทรงพระที่นั่งพุดตาลยานนุมาศ สพรั่งพร้อมด้วยราชบริวาร กระบวนแห่ทั้งหลายจึ่งแห่แหนเสด็จมาตามรัฐยาราชวัตรเสด็จมาฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ที่พระที่นั่งสรรเพ็ชรมหาปราสาท ในเวลาเย็นครบทั้งสามวันครั้นรุ่งขี้นวันที่สี่ เวลาเช้าแบ่งพระสงฆ์ในพระราชพิธีลงไปคอยสวดไชยมงคลที่ทิมสรงท่าน้ำ ๑๕ รูป แล้วแห่ลงไปประทับที่เกย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคอยรับพระกรอยู่บนเกย ขุนนางราชนิกุลรับต่อพระหัตถ์จูงพระกรมาประทับที่พระพลับพลา เปลื้องเครื่องทรงผลัดเครื่องขาว แล้วพระราชวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ก็จูงพระกร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าตามเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงสู่พระมณฑป พระกระยาสนาน เสด็จประทับอยู่บน พระเก้าอี้ในราชวัตรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าประทับอยู่บนเบาะขาวริมพระเก้าอี้ พระมหาราช ครูพราหมณ์ปล่อยกุ้งทอง กุ้งนาค กุ้งเงิน สี่มุมกรงลอยมะพร้าวลงในพระกรงพระโหราลอยบัดตามสายน้ำ พอได้อุดมฤกษ์โมงหนึ่งกับสามบาท เจ้าพนักงานก็ลั่นฆ้องไชย ประโคมยิงปืนสัญญาหน้าเรือขึ้นพร้อมกัน พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุ้มสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอัฒจรรยบันใดแก้ว เจ้าฟ้ากรมขุนสุเรนทราพิทักษ์ ลงอยู่ในกรงรับต่อพระหัตถ์แล้วสรงด้วยมะพร้าวในกรงก่อนแล้ว ยกเสดจขึ้นบนพระแท่น สรง พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำสงข์ทักษิณาวัตร สมเด็จพระสังฆราชประพรหมน้ำพระปริต พระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่สรงน้ำประทุมนิมิตรพราหมณ์ถวายน้ำสังข์น้ำกรด
ครั้นเสด็จการสรงกระยาสนานแล้ว เสด็จมาทรงเครื่องอย่างเทศที่พลับพลาพักกระบวนแห่ก็ผลัดเครื่องแดงแห่กลับคืนไป ไม่ได้แวะพระมหาปราสาทเลยเข้าประตูไชยมงคลไตรภพยนต์ ขึ้นสู่พระมหามณเฑียรเปลื้องเครื่อง แล้วสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตามกระบวนแห่ขึ้นมาแวะที่พระที่นั่งสรรเพชญ์มหาปราสาท ทรงประเคนอังคาตพระสงฆ์หาภัตตากิจเสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าครั้นเปลื้องเครื่องเสร็จแล้ว เสด็จมาทางในพระราชวังขึ้นประตูหลังพระมหาปราสาท ทรงถวายผ้าไทยธรรมพระสงฆ์ แล้วเสด็จกลับเข้าในพระราชวังตามทางใน ครั้นเวลาบ่ายแห่มาสมโภชเวียนเทียน รับพระสุพรรณบัตรที่พระที่นั่งสุริยมรินทรมหาปราสาท เจ้าพนักงานตกแต่งบายศรีแก้ว บายศรีทองบายศรีเงิน ตั้งเตียงหน้าบายศรี สำหรับทรงนั่ง ห่างพระแท่นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สามศอก คือ หกนิ้ว ครั้นเวลาบ่ายก็ตั้งกระบวนแห่ออกมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้จูงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าทรงขึ้นพระราชยานแล้ว ก็เสด็จมาทางในพระราชวัง คอยรับพระกรอยู่ที่เกยหน้าพระที่นั่งสุริยามรินทรมหาปราสาท กระบวนแห่มาถึงแล้ว ก็ทรงรับเข้าไปในพระที่นั่งสุริยามรินทร ให้เสด็จขึ้นสถิตย์บนเตียง ได้ฤกษ์บ่ายสองโมงหกบาตก็พระราชทานพระสุพรรณบัตรจารึกพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าอุทุมพรบวรราชกุมาร แล้วชาวประโคมก็ประโคมเวียนพระเทียนแล้วก็แห่กลับ ครั้นรุ่งขึ้นเวลาบ่ายแห่มาสมโภชอีกสองเวลา เป็นสามเวลาด้วยกัน การลงสรงครั้งนั้น ก็เหมือนอย่างโสกันต์ทุกสิ่งทุกประการ ผิดกันอยู่แต่ที่มีกรงลงสรงแทนเขาไกรลาศเท่านั้น