เจ็ดวันต่อมา เวลาเดียวกับวันที่ได้กล่าวแล้ว หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังเดินเคียงคู่กันอยู่ใน สวนด้านหลังบ้าน ‘เศกสม’ มือของชายหนุ่มอยู่ในกระเป๋าเสื้อทั้ง ๒ ข้าง ส่วนมือขวาของหญิงสาวถือดอกกุหลาบอยู่ดอกหนึ่ง ทั้ง ๒ กำลังสนทนาโต้ตอบกันอย่างเพลิดเพลิน บางครั้งชายหนุ่มได้กล่าวประโยคใดประโยคหนึ่ง ทำให้แก้มอันผุดผาดของหญิงสาวแดงเรื่อขึ้น หล่อนจึงยกดอกไม้ขึ้นดมแก้ขวย ครั้นหล่อนทำดังนั้นซ้ำๆ กันถึง ๒-๓ ครั้ง เขาก็พยายามจะแย่งดอกไม้ดอกน้อยจากมือหล่อน และยกดอกไม้ขึ้นดม โดยมิได้นำพาว่ามือของเจ้าของเดิมยังกำดอกไม้อยู่ ต่อจากนั้น สีแดงของดอกกุหลาบก็ไปปรากฏอยู่กับสีขาวของเสื้อแบบข้าราชการ...

สูงจากที่คนทั้ง ๒ กำลังรื่นรมย์กันอยู่ประมาณ ๓ วาเศษ หญิงมีอายุคนหนึ่งแฝงม่านหน้าต่างมองดูภาพเบื้องล่างอย่างเอาใจใส่ สักครู่หนึ่งจึงถอยหลังมา ๒ ก้าว แล้วพูดกับหญิงสาวที่ยืนอยู่กับตนว่า

“ดูน้องของหล่อนนะแม่อัมพร ปล่อยตัวง่ายเสียเหลือเกิน ฉันไม่รู้ว่าจะป้องกันอย่างไร เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น”

“เขาชอบกันมาก ตั้งแต่อยู่ในประเทศอังกฤษแล้ว” หญิงสาวตอบเบาๆ “เมื่อคืนที่คุณแม่เลี้ยงส่งคุณสุนทร คุณสุนทรไม่ได้เต้นรำกับใครเลยนอกจากนุช”

“ก็มันล่วงเลยมาตั้งเกือบ ๒ ปีแล้ว ฉันจะไปรู้หรือว่ายังไม่แล้วกันอีก”

อัมพรละจากที่ เดินหลีกคุณหญิงไปที่หน้าต่าง ด้วยกิริยาอันอ่อนน้อม มีการลู่ไหล่และก้มตัว ซึ่งเป็นกิริยาอันหาความจำเป็นมิได้ สำหรับที่จะใช้ระหว่างมารดากับบุตรีที่ได้เติบโตขึ้นในประเทศยุโรป เมื่อได้จ้องดูหนุ่มสาวทั้งคู่อยู่ครู่หนึ่งแล้ว แววตาอันเคยเซื่องซึมอยู่เป็นนิจ ก็เกิดประกายแห่งความแค้นเคือง หล่อนเม้มริมฝีปากแน่นหันหน้ามาทางคุณหญิงคล้ายจะกล่าวถ้อยคำรุนแรง แต่ครั้นเมื่อตาต่อตาสบกัน สีหน้าของหญิงสาวก็เผือดลง พร้อมกับลดสายตาลงในระดับต่ำทันที

คุณหญิงยังคงมองดูหล่อนอย่างสมเพช และชิงชังระคนกัน นิ่งเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วท่านก็หันหลังให้ เดินช้าๆ ไปที่ประตู ในขณะที่อัมพรมองตามท่านไปด้วยสีหน้าอันเคร่งเครียด เมื่อร่างของท่านลับตาไปแล้ว หล่อนก็ยกมือขึ้นกดหน้าผากไว้ เม้มริมฝีปากแน่นเข้ารำพึงว่า

“ข้าของความกตัญญู หนักยิ่งเสียกว่าข้าน้ำเงิน!”

๕ นาทีภายหลัง คุณหญิงรัตนวาทีนำร่างอันสูงโปร่งและสง่างามออกมาที่หน้าตึก นั่งลงบนเก้าอี้หวายคลุมด้วยปลอกสีขาว และมองดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างใจลอย ต่อมามิช้านุชกับสุนทรก็เดินมาถึง ที่นั้น ชายหนุ่มทำความเคารพคุณหญิงแล้วกล่าวว่า

“เมื่อผมมาถึงไม่เห็นใครจึงเที่ยวหา เลยได้พบนุชที่หลังตึก”

คุณหญิงวางสีหน้าเป็นปกติ “เชิญนั่งซี” ท่านกล่าวเรื่อยๆ

“ขอบพระคุณครับ ผมมีธุระเสียแล้ว ถ้าพรุ่งนี้ว่างผมจะมาใหม่”

คุณหญิงยิ้มและก้มศีรษะลงเล็กน้อย

“ผมกราบลา” สุนทรพูดและทำความเคารพอีกครั้งหนึ่ง นุชเดินลงบันไดไปส่งสุนทรถึงข้างล่าง แล้วส่งมือให้เขาจับตามเคย พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนหวาน เมื่อชายหนุ่มไปแล้ว หล่อนก็วิ่งขึ้นบันได ๘ ขั้นอย่างเครื่องจักร ตรงไปที่คุณหญิงกอดคอท่านทางเบื้องหลัง ซบศีรษะปกคลุมด้วยผมเส้นดำสนิทลงกับผมสีแดงประปราย และพึมพำด้วยน้ำเสียงแสดงความสุข

“Darling Mother!” คุณหญิงขมวดคิ้วอย่างน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ใจแข็งพอที่จะดุ ด้วยดวงหน้าที่ซบอยู่กับหน้าท่านเป็นหน้าที่แฉล้มน่ารักน่าเอ็นดูรวมอยู่พร้อมกัน เป็นหน้าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ เพราะความอ่อนโยนและบริสุทธิ์ ดวงตาทั้ง ๒ ที่ปรากฏอยู่ในวงหน้านั้นเล่าก็ใสแจ๋วแสดงความ ไม่เดียงสา เด็กหญิงผู้นั้นกำลังแสดงความรักต่อท่านอยู่ด้วยความซื่อและไว้วางใจ ถึงกระนั้น...แกะมือที่กอดไหล่ท่านอยู่ด้วยกิริยาที่ฝืนให้ละม่อม คุณหญิงพูดว่า

“ขอเสียทีเถอะ อย่าปล้ำหน่อยเลยร้อนนัก เก้าอี้นั่นแน่ะ”

นุชทำตามสั่งโดยทันที นั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะ ตรงข้ามกับคุณหญิง ชะโงกตัวมาข้างหน้าแล้วพูดว่า

“วันนี้เราจะทำอะไรกัน? กินน้ำชา...and then?” แบมือทั้ง ๒ ข้าง “No friends, no uncle พงศ์ Lets go for a drive.”

“นุช” คุณหญิงขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงชาเย็น “แม่ห้ามกี่หนแล้วว่า ไม่ให้พูดฝรั่งแกมไทยหรือไทยแกมฝรั่ง ใครเขาไม่รู้จะว่าฉันเอาลูกครึ่งชาติมาเลี้ยงเห็นเป็นเก๋ไปได้”

หล่อนทำหน้านิ่วและพูดอ่อยๆ

“นุชลืมเสมอ เมื่อวันก่อนเมื่อวานนี้น้าพงศ์ก็หัวเราะเยาะนุช ดีหละให้คอยอีกสักเดือนหนึ่งเถอะ นุชจะพูดให้ดีกว่าน้าพงศ์อีก...เอ๊ะ นี่อัมพรไปไหน...เอ้อ คุณแม่คะ ทีหลังน้ำชาเราไปขับรถนะคะ”

ในระหว่างที่พูด นุชได้จัดการแบ่งขนมและปรุงน้ำชาให้คุณหญิงและตัวหล่อนเอง เมื่อปรุงเสร็จแล้ว หล่อนก็เหลียวหาคนใช้ เมื่อไม่เห็นมีใครหล่อนจึงลุกขึ้น

“อย่าไปเลยนุช” คุณหญิงห้ามโดยเร็ว คล้ายกับท่านไม่อยากให้นุชไปพบกับอัมพรสองต่อสองในเวลานั้น “แสงอยู่ในห้องนี้เอง แสงไปเรียนคุณอัมพร มารับประทานน้ำชา”

นุชกลับนั่งลงดังเดิม และหยิบแซนด์วิชขึ้นใส่ปาก เงียบอยู่ครู่หนึ่งหล่อนจึงเอ่ยขึ้นว่า

“อีก ๒-๓ วัน สุนทรจะพาแม่เขามาหาคุณแม่”

คุณหญิงลดถ้วยน้ำชาที่กำลังดื่มลงจากระดับปาก ขยับจะพูดก็พอดีนุชถามว่า

“คุณแม่รู้จักแม่ของสุนทรไหมคะ”

“รู้จัก” เป็นคำตอบห้วนๆ นุชนิ่งตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามต่อไป

“คุณแม่คิดว่า แม่ของสุนทรจะชอบนุชไหมคะ?”

ยิ้มอย่างประหลาด ปรากฏไปทั่ววงหน้าคุณหญิง ในขณะที่ท่านตอบว่า

“ไม่ชอบ”

แววตาของนุชแสดงความพิศวงเต็มที่ ออกจะผิดธรรมดามิใช่น้อย ที่ผู้เป็นมารดาจะลงความเห็นอย่างเด็ดเดี่ยวว่า บุคคลใดบุคคลหนึ่งชังบุตรของตน ด้วยความพอใจดังที่ปรากฏอยู่ในแววตาของคุณหญิงในขณะนั้น นุชนิ่งอึดอยู่เป็นครู่แล้ว จึงถามพร้อมกับหัวเราะเฝื่อนๆ

“ทำไม นุชไม่เสียหายที่ไหนนี่นะ คิดดู นุชเป็นลูกของคุณแม่ ถ้าเสียคุณแม่ก็ต้องแก้หายแล้ว”

แววตาอันชื่อ น้ำเสียงแสดงความเชื่อมั่นในตัวท่าน ทำให้สีหน้าของคุณหญิงอ่อนลงในขณะที่ตอบว่า

“ทำไมจะไม่เสีย กิริยาของนุชเป็นอย่างใช้ไม่ได้ทีเดียวสำหรับคนไทย”

“Oh is that my fault? I was brought up in Europe. I can’t help it.”

คุณหญิงยิ้มจืดๆ พอดีกับอัมพรลงบันไดมา คุณหญิงมองเห็นเป็นโอกาสที่จะได้เปลี่ยนเรื่องสนทนา ท่านจึงรีบพูดขึ้นว่า

“มาเร็วๆ เข้า น้ำชาจะเย็นเสียหมดแล้ว”

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ