กัณฑ์ที่ ๑๑ มหาราชบรรพ
๏ เอวํ โพธิสัต์โต จ มัท์ที จ สัม์โมทมานา สัก์กทัต์ติเย อัส์สเม วสึสุ ชูชโกปิ กุมาเร คเหต๎วา สัฏ์ฐีโยชนมัค์คํ ปฏิปัช์ชิ เทวตา กุมารานํ อารัก์ขมกํสุ ชูชโกปิ สุริเย อัต์ถังคมิเต กุมาเร คัจ์เฉ พัน์ธิต๎วา ภูมิยํ นิปัช์ชาเปต๎วา สยํปิ จัณ์ฑวาฬมิคภเยน รุกขํ อารุย๎ห สาขาวิฏปัส์สัพ์ภัน์ตเร สยตีติ ๚
๏ อุโภ ขัต์ติยตาปสา อันว่าพระบรมดาบศดาบศินี ศรีสมมุติเทเวศร์เกษตระกูลกระษัตริย์ขัติยทั้งสองพระองค์ โพธิสัต์โต จ คือสมเด็จพระหน่อนเรศร์เพศยันดรพงษ์พุทธางกูรราช ผู้เปนมิ่งมกุฏิวิสุทธิสุขุมาลยชาติเฉลิมพิภพสีพี มัท์ที จ คือพระยอดเยาวมาลย์มาศมหิษีมัทรีสุนทรสวัสดิมัทราชธิดา สัม์โมทมานา ต่างพระองค์ทรงพระสมัคสโมสรภิรมย์ ด้วยอุดมอัฐวรัสวโรวาท อันท้าวสุทัศนธานินทร์สุรินทรเทวราชประสาทประสิทธิโองการ วสึสุ เสด็จสถิตย์สำราญแรมผนวชพนัศพรหมจรรย์สรรพภยันตรายนิราศ อัส์สเม ในพระอาศรมบรมสักกทัตติยาวาศคิรีวงกฏ เสวยศุขวิหารสมาธิพรตพรหมพิธีฌาน ในหิมวาวนาสถานนั้นแล ๚
๏ ชูชโกปิ แม้อันว่าชูชกทลิทกพฤฒาจารย์ พาสองกุมารมาโดยอรัญทุเรศ ประเทศวิถีหกสิบโยชน์รยะมรคา เทพยเจ้าช่วยอภิบาลบำรุงรักษาหาอันตรายบมิได้
สุริเย ในเมื่อพระสุริยสายัณหไสมยจะใกล้ค่ำ คล้อยตกต่ำอัษฎงคต เปนเพลาพาฬพยัคฆจัตุบทบรรเทิงร้อง ก้องกึกพิฦกปีบประเปรี้ยงเสียงสนั่นลั่นพนัศพนาดร แซ่เสียงโสณสิงคาลชาติ ประกาศศัพทเห่าหอนสท้อนสเทือนไพร เสียงชนีเหนี่ยวไม้ไห้อยู่โหย ๆ ละห้อยวังเวงวิเวกดง เสียงผีป่าป่งส่งศัพทอุโฆษโขมดนางไม้ กู่ก้องคนองไพรไหวหวั่นหวาด ฟังนี้ก็เยือกเย็นทุกเส้นโลมชาติประหลาดล้ำพิฦกสพึงกลัว เถ้าตาแกก็ร้อนตัวกลัวไภยพาฬยัคฆพระยาไกรสรนิกรสัตวอันร้ายกาจ จึงจูงสองพระพี่น้องกุมารกุมารีราชเข้าสู่พุ่มพฤกษา คัจ์เฉ พัน์ธิต๎วา ผูกพระพาหาด้วยลดาวัลกระสันเข้ากับกอไม้ ให้สองสุริยราชดไนยลงไสเยศ เหนือพื้นแผ่นพสุนธเรศพระเกษเกยกับขอนไม้ใช้ต่างเขนยน่าเอน็จอนาถ เถ้าชราลามกชาติก็ปีนป่ายขึ้นไปบนค่าคบไม้แล้วไสยา เหนือพุ่มพฤกษสาขานั้นแล ๚
๏ ตัส๎มึ ขเณ ในขณะนั้นควรที่จะสงสาร ด้วยสองเยาวยุพาพาลกุมารกุมารีศรีดรุณราช ผธมเหนือพื้นแผ่นพสุธามาศอนาถดาย พระสริรกายหมองมัวกลั้วไปด้วยธุลีแลเอน็จอนาถ เอโก เทวปุต์โต ยังมีเอกอมรเทวราชสุรารักษ์ สำนักนิ์ณพนัศแนวไพรพฤกษพิมาน มีพระกระมลมาสงสารสองสุริยกระษัตริย์ขัติยวโรรส จึงนฤมิตรพระกายลม้ายเหมือนพระเพสสันดรดาบศบรมบิตุราช ทรงพระภูสิตสพักพยัคฆจัมมามาศมุ่นพระโมฬี เอกา เทวธิตา ยังมีเอกอับศรนารีศรีสุนทรลักษณวิลาศ ก็นฤมิตรพระกายลม้ายเหมือนพระชนนีนารถราชเทพีมัทรีศรีวิสุทธิกระษัตริย์มัทราชวงษ์ เทพยท้าวทั้งสองพระองค์ก็ไต่เต้าตามลำเนาพนัศพนาวาศ เล่ห์ประหนึ่งว่าสมเด็จพระชนกนารถราชมารดาเที่ยวสืบเสาะแสวงทุกแห่งหามาพานพบ ประสบสองพระพี่น้องหน่อนารถราชกุมาร โมเจต๎วา จึงปลดเปลื้องวลีวัลอันพันธนาการข้อพระหัดถ์สองกระษัตริย์ออกแล้ว พระกรตระกองกอดแก้วกัณหาพระชาลีศรีดรุณเยาวเรศ สองพระหัดถ์กระทุ่มพระอุระประเทศทางปริเทวนาการพิไรร่ำ ว่าเจ้าแม่เอ๋ย ชรอยแต่ก่อนมีกรรมกระทำไว้ จึงมาตกเข็ญใจไร้ญาติประดาษแต่ยังเยาว์ ย่างยะเหยาะเหย่าตามพราหมณมันทำโพยโบยตีด้วยฝีไม้ ดูฤๅพระสริรกายนี้เปนริ้วรอยน้อยใหญ่ไม่มีดี โอ้โอ๋อกพระชนกชนนีนี้จะแตกครากสักเจ็ดภาคภินทนาการ ด้วยพระปิยบุตรสุดสงสารในครานี้ สัม์พาหิต๎วา พลางนวดฟั้นคั้นหัดถ์บาทปรามาศทั่วพระอินทรีย์สองขัติยโปดก น๎หาเปต๎วา แล้วให้สรงสนานสุคนธ์ธารอุทกทิพยธารา สำอางองค์บรรจงเกล้าพระเกษชฎาจุฬาภรณ์ ให้สวมทรงอลงกรณ์บวรวิภูสิต สำหรับเพศดาบศบรรพชิตพนัศผนวชเปนชีไพร โภชาเปต๎วา แล้วให้สองทรามไวยเสวยทิพยโภชาสุทธาโภชน์ สรรพกระยาหารตระการรศเอมโอชอันโอฬาร พลางปลอบให้บรรธมภิรมยสำราญเหนือแท่นฐานทิพยรัตนไสยาอาศน์ อันปรากฎด้วยเทวอำนาจประสาทสรรพนฤมิตร แล้วโอบอุ้มจุมพิตพระภักตรา พลางขับกล่อมถนอมแนบแอบอุราประคองชม สองดไนยได้ทิพยสัมผัสก็ผธมหลับสนิท ตราบเท่าพระสุริยวราฤทธิเรื่ออรุณราง เทพยทั้งสองก็วางพระบวรองค์ลงดังเก่า บันดาลให้เครือเขาเข้ากระสันพันธนาการ อัน์ตรธายิต๎วา ต่างพระองค์ก็อันตรธานจากสถานที่นั้นมิทันนาน แต่เทพยช่วยอภิบาลสองกุมารมาโดยนิยมดังนี้ ทางสิบห้าราตรีเปนนิรันดรกาล ปราศจากสรรพไภยพาลพยาธิบำราศอุปัทวันตราย
ชูชโก ส่วนว่าเถ้าร่างร้ายชูชกทลิทกทารุณชาติ ครั้นรุ่งเช้าก็พาสองเจ้าพระกุมารกุมารีราชมาถึงทางสองแพร่ง แห่งหนึ่งจะไปพระนครสีพี วิถีหนึ่งจะไปกลิงคราฐ เทพยดลใจให้พราหมณประมาทเคลิบเคลิ้มหลงใหลไปข้างทางเชตุดรธานี พอครบสิบห้าราตรีกำหนดนับ โดยลำดับอรัญมรรคา ก็บรรลุพระภารานี้แล้วแล ๚
๏ ตํ ทิวสํ คืนวันนั้นไซ้ปัจจุสไสมยราตรีกาล ราชา สัญ์ชโย ส่วนสมเด็จพระผู้ผ่านพิภพสีพีศรีสญไชยราช พระบาทเสด็จบรรธมเหนือบรมรัตนบัลลังก์ พระที่นั่งกนกมณีศรีศิริไสยาอาศน์ ทรงพระสุบินนิมิตรผิดประหลาดหลากมหัศจรรย์ ว่าพระองค์ทรงสถิตย์เหนือสุพรรณพิจิตรบรรจง อลงกฏสิงหาศน์รัตนามาศอร่ามเรือง แสนเสวกามาตย์บาทมุลิกากรก็นองเนือง นอบนบเคารพรายเรียงเคียงกันคับคั่ง คอยรับสั่งฟังกระแสนุสนธิสาราราช เอโก ปุริโส ขณะนั้นยังมีชายผู้หนึ่งพึงพิศ จริตกิริยานั้นก็องอาจมิได้เกรงยำ กายก็เติบโตดำล่ำพีพิฦกสพึงกลัว อาหริต๎วา นำมาซึ่งดอกบัวทั้งคู่เชิดชูเข้ามาถวาย ดอกหนึ่งพึ่งจะขยายคลายคลี่ ผกากุสุมมาลีอวลอบหอมตระหลบสุคนธกำจร ดอกหนึ่งตูมหุ้มห่อเกสรบ่แบ่งบาน บุรุษนั้นก็กราบกรานแล้ววางลงตรงพระหัดถ์ สมเด็จบรมกระษัตริย์ก็ทรงรับ มาประทับกับพระทรวงพลางทางเชยชม ซึ่งอุดมโกสุมประทุมทอง แล้วแซมใส่ไว้เหนือพระกรรณทั้งสองโสมนัศปรีดา เรณู อันว่าลอองเกสรสุคนธาผกากาญจนก็โรยร่วง ลงซึมซาบอาบพระทรวงแสนสารภิรมย์ ท้าวเธอก็ตื่นฟื้นจากพระบรรธมมิทันนาน จึงให้หาโหราจารย์มาทายทักลักษณพระสุบินนิมิตร พระโหราราชปโรหิตก็คิดควณคำนวณแล้วทูลทำนาย ว่าจะมีพระบวรพันธุพงษ์องค์ประยุรญาติทั้งหลายอันนานนิราศ มาสู่สมพระบรมบงกชบาทในพรุ่งนี้ ท้าวเธอได้ทรงสดับสารก็บานเบิกพระกระมลเปรมปรีดิปราโมทย์ ปาโตว ครั้นรุ่งรางสางแสงสุริยเรืองโรจอรุณจำรัส บรมกระษัตริย์ก็สระสรงสำอางพระองค์ทรงสุคนธรศธารา เสร็จเสวยบวรโภชากระยาหาร แล้วสวมทรงอลงการกุณฑลมกุฏิ พิสุทธิสรรพสัตตรัตนขัติยาภรณ์ พระกรกุมพระแสงแก้วแล้วลีลาศ เสด็จออกสู่พระที่นั่งบัลลังก์รัตนราชาอาศน์อลงกฏพิมานน่าพระลานไชย แสนสุรเสนาในน้อมเกล้าเข้าเฝ้าแหน เยียดยัดอัดแน่นอยู่เนืองนอง
ขณะนั้นเทพยดลใจให้พราหมณพาเจ้าพระพี่น้องทั้งสองดำเนินเดินลัดตัดน่าฉาน ผ่านมาตรงว่าพระที่นั่ง กำบังหมู่องครักษ์ทั้งปวงมิได้ทักท้วงห้ามปรามเมื่อยามนั้น ครั้นท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นพระหลานขวัญมิทันที่จะทราบตระหนัก จึงเปล่งพระสุรสีหนาทประภาษทักถามตามสารพระคาถา
กัส์เสตํ มุขมาภาติ ฯลฯ
อิเม ทิส์สันติ ทารกาติ ๚
๏ โภ อมัจ์จา ดูราหมู่ภิมุขอำมาตย์มาตยากร เอตํ มุขํ อันว่าดวงภักตรสถาพรผิวพรรณผ่องผุดพิสุทธิสอาดเอี่ยมลออตา แห่งสองดรุณกุมาราอันเดินตามพราหมณผู้นั้นไป จะเปนบุตรธิดาภาคิไนยของใครดังนี้ อาภาติ ดูนี้ก็สุกศรีสุนทรตระศักลักษณวิลาศ เหมํว ดุจหนึ่งสุวรรณวโรภาษอันผุดผ่องเมื่อต้องเพลิงก็เรืองเริงรุ่งโรจ อร่ามรัศมีสีสุพรรณช่วงโชติชัชวาลย์ ถ้ามิฉนั้นดวงภักตร์สองกุมารก็ปานประหนึ่งว่ากนกนิกขเนื้อนพคุณวิบูลย์ จรูญจรัสประภัศรรังษีสิ้นราคีมิรู้เศร้า อุก์กามุขํ กระเพื่อมอยู่ในปากเบ้าบริสุทธิประดุจนั้น อุโภ สทิสปัจ์จังคา สกลกายเจ้าทั้งสองก็ผุดผ่องเสมอกันบมิได้แปลกเปลี่ยน กุมารข้างโน้นนั้นผิวพรรณไม่ผิดเพี้ยนพ่อชาลี กุมารข้างนี้ประหนึ่งนุชแก้วกัณหาชินานาฎ น่าจะแน่ตามกระแสพระสุบินนิมิตรมิได้คลาศคำทำนาย ทั้งกิริยามารยาตรที่ผาดผายดูนี้ก็อาจอง สมเปนสกูลประยูรพงษ์กระษัตรา สีหา วิลาว นิก์ขัน์ตา สองพงางามตามกันลีลาศ เล่ห์ดุจดรุณสิงหราชตามกันยาตรา ออกจากพิจิตรคูหาห้องเหมสถานกาญจนแก้วผลึกเลิศ ทั้งสององค์ก็ทรงสุนทรลักษณประเสริฐสิ้นทุกสิ่งสรรพ์สุดจะพรรณา ชาตรูปมยา เยว เมาะ สุวัณ์ณปฏิรูปกา เสมอเหมือนรูปทองทั้งแท่งอันบุคคลแกล้งเหลาหล่อพึงพอเนตร ทิส์สัน์ติ ก็ปรากฎจักษุบถประเทศทอดทัศนา ในกาลบัดนี้แล ๚
๏ เมื่อสมเด็จบรมกระษัตริย์ตรัสชมโฉมพระเจ้าหลาน แล้วมีพระราชโองการสั่งอำมาตย์ผู้หนึ่งให้ไปจับทชี กับสองกุมารกุมารีเข้ามาอย่าช้า อำมาตย์รับสั่งบังคมลาแล้วแล่นออกไปจับพราหมณ์เถ้า กับสองยอดยุพเยาว์เข้ามาถวาย ท้าวเธอก็ผายพระสุรสีหนาทประภาษถามพราหมณ์ตามสารพระคาถา
กุโตนุ ต๎วํ ภารท๎วาช ฯลฯ
โปตานํทาสิ นิก์กยัน์ติ ๚
๏ นุ ดังกูจะขอถามพราหมณทิชาชาติ ผู้เปนพงษ์เผ่าเหล่าภารทวาชพวกภิกขาจาร อิเม อาเนสิ ทารเก สองดรุณกุมารนี้นำมาแต่สถานที่ใด จึงมาถึงกรุงไกรพิไชยเชตในวันนี้ ทชีจะพาไปสู่คามเขตรประเทศแห่งไหนนี้นะพราหมณ์ พฤฒาจารย์ก็ทูลความไปตามสัตย์ ว่า สัญ์ชย ข้าแต่กรุงสญไชยผู้ผ่านมไหสุริยราชาฉัตรเฉลิมพิภพสีพี เต ทารกา อันว่าเจ้าพระพี่น้องสองกุมารกุมารีนี้เปนโอรส แห่งพระหน่อนเรศร์เพสสันดรดาบศบรรพชากร สถิตย์ยังวงกฏบรรพตศิขรเธอทรงบริจาค ด้วยพระกระมลศรัทธาอันหายากที่จะทำได้ แต่ข้าได้สองดไนยแล้วไคลคลา อัช์ช ปัณ์ณรสา รัต์ติ กำหนดนับประมวญก็พอถ้วนสิบห้าราตรีกาล มาบรรลุพระภาราราชมหาสถานเข้าในวันนี้ จึงตรัสว่าดูกรทชีกระลีชาติทุรพล มึงนี้มาแกล้งกล่าวกลลวงฬ่อเล่นเจรจามุสา โก เต ตํ ทานมททา เออคือตัวตนบุคคลผู้ใดในโลกนี้ จะมายอยกบุตรกับอกออกเปนทานทาษขาดแก่ทชีนี้ก็ผิดทาง เกน วาจาย เปย์เยน ฤๅเองประโลมฬ่อด้วยลิ้นลมคารมอ้างเอาเล่ห์ไหน จนพระลูกกูนี้มาหลงใหลให้สองพระหลานปานประหนึ่งว่าชีวิตรปลิดออกจากกาย สัม์มาญาเยน สัท์ทเห เออเองจะมุ่งหมายเอาสิ่งอันใดเปนที่อาไศรยอ้างอิง ควรจะชอบเชื่อคือเนื้อสัตย์จริงของพฤฒาจารย์ พระพุทธเจ้าข้า ข้าทชีก็มิได้มีพยานจะอ้างเอาอันใด ให้ท้าวเธอทราบสิ่งที่จริงใจไม่เท็จทูล โย เวส์สัน์ตโร สมเด็จพระหน่อนเรสูรสวรรยาธิเบศร์เวสสันดรพระองค์ใด ผู้เปนที่พึ่งพักสำนักนิ์อาไศรยแก่นิกรชน ธรณีริว เสมอแม้นแผ่นพสุธาดลอันหนาหนัก เปนที่พึ่งพิงสิงสำนักนิ์แก่สรรพสัตวทั้งปวง อิวสาคโร มิฉนั้นประดุจหนึ่งว่าห้วงมหาสาครชลาไลย เปนที่ชลธีถั่งหลั่งไหลล่วงล้นมา แต่มหาคงคาทุกถิ่นประเทศเขตรกุนนทีธาร ก็เหมือนพระบวรสันดานของพระองค์ ซึ่งทรงพระราชศรัทธามหาปิยบุตรบริจาค อันยอดยากที่จะกระทำได้ ทรงสละให้เปนทาน อันนี้แลอาจอ้างเอาต่างพยานของข้าทชี เปนความสัตย์ดังนี้นี้แล้วแล ๚
๏ วันนั้นหมู่อำมาตย์ราชเสวก เมื่อได้ฟังลิ้นลมคารมชูชกชักทำเนียบเปรียบปรายธิบายอรรถ ก็ชวนกันเห็นว่าเปนคำสัตย์จริงของพราหมณ์สิ้น ต่าง ๆ บ้างก็กล่าวติฉินหมิ่นพระมหาสัตว โดยวัจนวิปวาท ว่า โภน์โต นครวาสิโน ดูกรชาวเราเหล่าประชาชาติราษฎร อันมาสโมสรประชุมชุมนุมในน่าพระลานหลวง นิสาเมถ ท่านทั้งปวงจงชวนกันวินิจฉัยในเนื้อคดีของพระยาชีเวสสันดร ปางเมื่อเสด็จเนานคเรศเชตุดรนครอันไพบูลย์ ก็ทรงประสาทคเชนทรชาติตระกูลเกิดกับสำหรับบุญ จนไพร่ฟ้าประชาชนชวนกันเคืองขุ่นทูลให้นิรเทศ ออกไปอยู่วงกฏศีขเรศเขตรพระหิมพานต์ ยังซ้ำทรงสละพระปิยบุตรสุดสงสารให้แก่เถ้าชรา ดูนี้แผกผิดขัติยนิติจรรยาอย่างแต่ก่อนกาล ทาสํ ทาสิญ์จ โส ทัช์ชา เออถ้าเธอยินดีที่จะทำทานก็ควรจะเสียสละ แต่เพียงทาษกรรมกรกุญชรพาหนะอาชาชาติราชรถทรง กถํ โส ทัช์ช ทารเก ควรแลฤๅบพิตรมาปลิดปลดพระราชโอรสทั้งสององค์ ให้เปนทาษขาดแก่ทอาจารย์ พ้นพิไสยจะให้ทานนี้แล้วแล ๚
๏ วันนั้นพระชาลีศรีสุริยวงษ์ได้ทรงสดับเหตุ กอปรด้วยกตัญญูรู้พระคุณสมเด็จพระบิตุเรศราชนรินทร์ มิอาจที่จะอดกลั้นซึ่งคำวิปวาทอันประมาทหมิ่นนินทา หมายจะป้องปัดขจัดข้อครหาแห่งหมู่อำมาตย์ ดุจขุนเขาสิเนรุราชอันลมประไลยโลกพัดพานบันดาลให้เอนเอียง มีมหิทธิเทพยเจ้าเอาพระกรประคองเคียงให้คืนคงตั้งตรงดังเก่า จึงทูลสนองลอองบาทพระปิ่นเกล้ามกุฏิพิภพสีพี ว่า ปิตามหา ข้าแต่สมเด็จพระไอยกาธิบดีศรีสมมุติเทพวงษ์ ควรแลฤๅหมู่อำมาตย์มาอาจองเอื้อมหมิ่นประมาท แด่บดินทร์ชนินทรชนกนารถได้ดังนี้ เพราะพระบาทบำราศรัตนบุรีแรมผนวชเนาพนาเวศ ก็หย่อนยศเสื่อมพระเดชที่ยำเยง จึงหยาบหยิ่งไม่กริ่งเกรงพระราชอาชญา มาแกล้งก่อข้อครหาเห็นว่าตกยาก ยัส์ส นาส์ส ฆเร ทาโส เมื่อพระบิตุรงค์ทรงทุกขลำบากบวชเปนชีป่า จะได้ทาษกรรมกรกุญชรอาชาชาติราชรถยาน ทุกสิ่งทรัพย์สำหรับบริจาคทานมาแต่ไหน ไม่ควรที่มันจะชวนกันมาแคะไค้ค่อนว่า เออก็มีแต่สองปิยบุตรสุดเสนหาเกิดกับอกองค์ จึงเสียสละด้วยพระกระมลประสงค์แสวงพระโพธิญาณ ก็เหตุไฉนจึงอ้ายพวกพาลมิจฉาชาติ ชวนกันสรรแสร้งแกล้งสบประมาทนินทาต่อน่าพระที่นั่ง พระองค์ได้ทรงฟังไม่เคืองข้องลอองบทเรศ ทรงพระวินิจฉัยถ่องถ้วนควรแก่เหตุอยู่ฤๅพระพุทธเจ้าข้า ท้าวเธอได้เสาวนาในนุสนธิ์สารพระหลานทูลฉลองถ้อย จึงตรัสว่า โปตก ดูกรพ่อหน่อน้อยภาคิไนยนารถชาลีศรีดรุณเรศเกษกระษัตริย์ ดังฤๅจะมาถือพระไทยโทมนัศแหนงพระไอยกา ปสํสาม เราทั้งหลายนี้ก็ปรีดาชวนกันสรรเสริญเจริญยศยิ่ง ซึ่งพระปรมัตถบารมีมิ่งโมฬีมกุฎิบุตรมหาทาน ของพระพ่อเจ้าอันยอดยากจะบริจาคดอกนะพระหลานอย่าอาดูรพิโรธ นาวนิน์ทาม เราทั้งปวงก็มิได้จาบจ้วงจะยกโทษแถลงข้อครหาพระบิดาของเจ้า ตุเม๎ห ทัต๎วา วนิพ์พเก เออขณะเมื่อพระลูกรักจักสละพระหลานเราให้เปนทาษแก่พฤฒาจารย์ผู้นี้ พระกมลหฤไทยนี้ผ่องใสบริสุทธิเปรมปรีดิ์ฤๅมัวหมอง ขุ่นแค้นเคืองข้องเปนประการใด จงแถลงแจ้งพระไอยกาไปแต่เดิมมา
วันนั้นพระชาลีจึงนำเอาคดีนุชแก้วกัณหา อันทรงโศกาพิลาปกลับมากราบทูล ตามมูลอนุสนธิ์แต่เบื้องต้นในกัณฑ์กุมารบรรพ ให้พระไอยกาเสาวนาการสดับโดยพิศดาร ในกาลบัดนั้นแล ๚
๏ ราชา สัญ์ชโย ส่วนสมเด็จพระเจ้ากรุงสญไชยไอยกาธิบดี เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเชษฐชาลีภาคิไนยราช ยังนั่งอยู่ในสำนักนิ์พราหมณอย่างเจ้ากับทาษไม่ห่างไกล จึงมีพระราชบัญชาตรัสปราไสด้วยสุนทรโองการ ว่า โปตก ดูรานะพระหลานดิลกเลิศประเสริฐสุริยวงษ์ ราชปุต์โต จ โว ปิตา อนึ่งพระบิตุรงค์องค์พระชนนีของเจ้า ก็เปนพงษ์เผ่าเหล่ากระษัตริย์สมมุติเทเวศร์ ปุพ์เพ เม อังกมารุย๎ห แต่ก่อนพ่อผู้หน่อนเรศร์ราชนัดดา เจ้าเคยเฝ้าพระไอยกาอิงแอบแนบนั่งเหนือพระเพลา บัดนี้เห็นท่วงทีกิริยาเจ้าก็เปลี่ยนแปลก เล่ห์ประหนึ่งว่าพึ่งมาเปนแขกไม่คุ้นเคย กิน์นุ ติฏ์ฐถ ไฉนเจ้าจึงไม่เหมือนเก่าแกล้งนั่งเฉย ให้เหินห่างอย่างผู้อื่นฉนี้
พระชาลีก็ทูลเฉลยสารฉลองพระโองการพระไอยกา ว่าซึ่งทรงพระกรุณานับว่าเปนหน่อเนื้อเชื้อประยูรวงษ์ พระคุณของพระองค์ก็เปนเหลือล้นพ้นจะพรรณา หาสิ่งซึ่งจะอุปมามิได้ ทาสา มยํ แต่ข้าบาทนี้เปนทาษช่วงใช้ของพฤฒาจารย์ ดังฤๅจะสามารถอาจหาญขึ้นไปนั่งร่วมบัลลังก์รัตนราชาอาศน์ คิดเจียมตัวกลัวพระราชอาชญา ตัส๎มา ติฏ์ฐาม อารกา เหตุฉนั้นกระหม่อมฉันผู้ชื่อว่าชาลี เกรงเกลือกจะหม่นหมองลอองบทศรีเสื่อมพระเดช จึ่งเฝ้าอยู่แต่ห่าง ๆ อย่างหินเพศพอภักตร์ตน สัม์ม ดูฤๅพระนัดดามาเจรจาแยบยนต์ประทบประเทียบแกล้งเสียบแทง มา อวจุต์ถ ปู่จะขอพ่ออย่าแถลงเล่ห์ดังนี้ ประหนึ่งว่าตนอยู่บนเชิงตะกอนรุ่มร้อนด้วยอัคคีอันผลาญเผาบันเทาบรรเทิงศุข ภิย์โย โสกํ ชเนถ มํ พ่ออย่ามาเพิ่มเติมเทวศทวีทุกข์ให้พระไอยกาอิกเลย พระหลานเอ่ย ปู่จะไถ่เจ้าด้วยพระราชทรัพย์นับให้แก่ตาชี มิให้สองนัดดากุมารกุมารีตกเปนทาษเถ้า กิมัค์ฆิยํ เออเมื่อพระชนกยกสองเจ้าออกบริจาค มีพิกัดขัดค่าเปนราคาน้อยมากสักเท่าใดนะพระหลาน พระพุทธเจ้าข้า พระบิดาดำรัสขัดค่ากระหม่อมฉานพันตำลึงทอง กัณ๎หาชินํ แต่พระน้องนุชแก้วกัณหาชินานาฎ ทรงพิกัดขัดค่าขาดเปนราคา ด้วยสวิญญาณกทรัพย์นับสิ่งละร้อยๆ กับสุวรรณลดถอยร้อยตำลึงด้วยกัน จึงตรัสว่า ราคาเท่านั้นดอกฤๅพระนัดดา กัต์เต เหวยนายนักการกูวานอย่าช้าเร่งรีบไป เบิกเอาสวิญญาณกทรัพย์กับทั้งทองสิ่งของทั้งนั้นให้ได้พร้อมเจ็ดสิ่ง นายนักการรับสั่งสารแล้วก็วางวิ่งไปเบิกมา ซึ่งสัตตสวิญญาณกทรัพย์กับกาญจนมาศ เพิ่มเติมทั้งปรางคปราสาทเจ็ดชั้น พระราชทานเปนสินไถ่แถมให้เปนรางวัลแก่พฤฒาจารย์ ในกาลบัดนั้นแล ๚
ตมัต์ถํ ฯ นิก์กณิต๎วา น๎หาเปต๎วา ฯลฯ
สิญ์จ โภเคหิ อัต๎รชัน์ติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวิไนย ปางเมื่อสมเด็จกรุงสญไชยไอยกาธิราช ท้าวเธอไถ่พระภาคิไนยนารถแล้วมิช้า น๎หาเปต๎วา ให้สองพระหลานโสรจสรงสนานสุคนธวาริน แล้วให้เสวยพระกระยาหารตระการรศทุกสิ่งสิ้นสูปพยัญชนโภชน์ สมลังกริต๎วา ให้สวมทรงอลงกรณเรืองโรจราชวิภูสิตพิจิตรเนาวรัตนขัติยาภรณ์ พลางโอบอุ้มจุมพิตภักตร์พระหลานรักสองสายสมรเสมอเนตร สถิตย์บนยุคลชาณุประเทศแล้วเชยชม ส่วนสมเด็จพระผุสดีไอยกีเกษนิกรสนมอเนกคณานาง กับทั้งแสนสาวสุรสุรางคราชประยูรวงษา ก็ปรีดามาแวดล้อมพรั่งพร้อมกัน แล้วสมโภชพระหลานขวัญจุดเทียนเวียนแว่นบวรรัตนามาศ บายศรีสุวรรณหิรัญมณีโดยขนาดพระหลานหลวง ประโคมดุริยดนตรีแตรสังข์ทั้งปวงกึกก้องทั้งท้องพระโรงไชย พระโหราทิชาชาติพระราชวงษ์ผู้ใหญ่ถวายพระพรบวรวิเศษสรรพพรรณา มอบมิ่งเชิญพระขวัญรำพรรณศุภมงคลกถาสาธุการอำนวยไชย ให้สองศรีสุริยราชดไนยไพบูลย์ถาวรสวัสดิวัฒนานาน นับได้ร้อยวรรษกาลนั้นแล ๚
๏ ราชา สัญ์ชโย สมเด็จพระเจ้ากรุงศรีสญไชยไอยกาธิเบศร์ ทั้งพระเอกอนงค์องค์อัคเรศราชไอยกี ครั้นเสร็จสมโภชพระนัดดากุมารกุมารีแล้วมิช้า จึงมีสุนทรราชกถาถามพระชาลีศรีสุริยวเรศ ว่า โปตก ดูกรพ่อผู้เปนหน่อนราธิเบศร์เกษกระษัตรา กัจ์จิ อุโภ อโรคา เต พระชนกนารถราชมารดาทั้งสองของพระหลาน ยังค่อยบันเทาทุกข์เปนศุขสำราญโรคันตรายนิราศ สรรพไภยในหิมวาศไม่ใกล้กลาย เปนต้นว่าจตุบาททีฆชาติทั้งหลายแลเหลือบยุงบุ้งริ้นร่าน มิได้วี่แววแผ้วพานมาพาธา เลี้ยงชนมชีพแสวงหามูลผลาผล ไม่ลำบากยากขัดสนพอขบฉันทุกวันทุกเวลาฤๅพ่อชาลี พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งตรัสถามมาก็บริบูรณ์ดีมิได้เดือดร้อน แต่พระมารดานี้บุกป่าฝ่าดงดอนอรัญทุเรศ พอรุ่งรางสางแสงพระสุริเยศอรุณทิวากาล พระกรก็กุมกระเช้าเสียมแสรกแบกขอคานเข้าสู่ไพร เที่ยวขุดมูลมันเลือกสรรสอยผลไม้อันมีรศ ต่อสายัณห์จึงกลับมาสู่พระอาศรมบทกุฎีดง แบ่งปันกันฉันทั้งสี่องค์ทุกเวลาตามประสาไร้ รัต์ตึ ภุญ์ชาม โน ทิวา จะได้รับพระราชทานมูลผลาหารครั้งไรก็ต่อราตรี ทิวาวันนั้นไม่มีสักมื้อหนึ่งเลย พระไอยกาเจ้าเอ่ย องค์สมเด็จพระชนนีศรีสุนทรราชสุณิสา ก็เปนนางกระษัตริย์ขัติยสุขุมโสภาพิมลรูป บัดนี้ดูก็เศร้าศรีซีดซูบเสียศิริวิลาศ ผู้ใดพิศก็ผิดพิกลประหลาดกว่าแต่ก่อนกาล ด้วยต้องแดดแลฝนทนทรมานมีแต่ทุกขลำบาก จะทูลบรรยายถวายซึ่งความยากสุดซึ่งจะรำพรรณ ปทุมํ อิว ดุจดวงดอกโกมุทบุษบันบงกชรัต มีบุคคลขยำชอกช้ำด้วยหัดถ์ให้เหี่ยวเห็น พระบวรกายก็กลับกลายพิกลเปนปานดังอุปมา อัม์มาย ปตนูสาเก อนึ่งพระเกษโมฬีของพระชนนีนารถ ก็ดำเปนแสงสีดุจปีกภุมรีมิได้คลาศคล้ายประดุจนั้น ตั้งแต่ประเวศพระหิมวันต์พันผูกชฎาสัญจรวนาไลย ก็เกี่ยวข้องคล้องกับกิ่งไม้จนยุ่งหยอง ทั้งผงเผ่าเล่าก็ลงรคนปนธุลีลอองอัประภาคแลลำบากตา พระพุทธเจ้าข้า อนึ่งธรรมดาว่าสรรพอนันตนิกรสัตว บังเกิดในโลกโอฆสงสารวัฏอันเวียนว่าย ย่อมเสนหาในบุตรธิดานี้มิได้เว้นวายถ้วนทุกคน แต่พระปู่นี้ดูพระกมลไม่เอื้อเฟื้อ ในพระพ่อผู้เปนหน่อเนื้อดไนยนารถ จึงเนียรเทศให้ทุเรศบำราศร้างพระนครสัญจรเข้าสู่ไพร แต่พระลูกท้าวเธอมิได้ผูกพระอาไลยนี้ประหลาดหลาก จะมาโปรดกระหม่อมฉันผู้เปนหลานมากผิดประเพณี อันห่างเนื้อนี่ฤๅจะมาเชื่อถือว่าดีกว่าสนิทไฉนพระไอยกา เมื่อทรงสดับสารพระหลานทูลพรรณานุสนธิ์สนองต้องโบราณรบอบ จึงบรรหารพจมานตอบพระชาลีศรีวิสุทธิกระษัตริย์ ซึ่งข้อความแต่หลังที่คั่งแค้นขัดก็เคืองควร เพราะปู่นี้เชื่อถ้อยพลอยประชาชวนให้กระทำ บัพพาชนิยกรรมพระบิดาเจ้า ขออไภยอย่าได้พิโรธเราเลยนะพ่อชาลี ธนธัญ์ญัญ์จ วิช์ชติ สิ่งสรรพสวรรยาบรรดามีในกรุงไกรพระพิไชยเชต ปู่ก็หมายมอบให้สิ้นแก่บดินทรบิตุเรศของพระนัดดา สิวีรัฏ์เฐ ปสาสตุ เจ้าจงไปเชิญให้ดำเนินคลาคืนสู่บุรีรัตน์ ยังประชาชาวสีพิราฐให้ประสาทโสมนัศเปรมปรีดิ์ พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งทรงพระกรุณาจะให้ชาลีนี้ออกไปรับเสด็จ เกลือกจะทรงเคลือบแคลงระแวงว่าเปนความเท็จไม่เชื่อฟัง อันคำเด็กนี่ฤๅผู้ใหญ่ใครจะหวังเอาเปนสัตย์จริง เห็นพระบิตุรงค์จะทรงกริ่งเกรงจะไม่คืนนคร ขอเชิญพระบาทยาตราพลาพลแสนยากรออกไปวงกฏ ตรัสประโลมเล้าพระโอรสเกิดกับอกองค์ สิญ์จิ โภเคหิ จะได้อภิเศกเปนเอกอรรคราชดำรงมไหสวรรยาราชาฉัตร ด้วยเบญจราชกกุธภัณฑ์สรรพศิริสมบัติสืบสุริยวงษา บำรุงราษฎรนิกรประชาชาวพิไชยเชต ทั่วขอบเขตรภูมิมณฑลสกลพิภพสีพี มหานครธานีนี้แล้วแล ๚
ตมัต์ถํ ฯ ตโต เสนาปตึ ราชา ฯลฯ
กุฏฺม์พา ทิน์ทิมานิ จาติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา สัญ์ชโย ส่วนสมเด็จกรุงสญไชยไอยกามกุฏิพิภพสีพี เมื่อทรงสดับสารพระหลานชาลีเฉลยฉลอง จึงตรัสตอบว่าพระนัดดาว่านี้ก็ต้องตามบูรพประเพณี พระปู่ก็จะยกพยุหโยธีแสนยาทัพออกไปรับพระบิดาเจ้า จึงจะเสื่อมหายวายบันเทาที่รังเกียจกล เจ้าจงนำน่าพลาพลไปวงกฏ ซึ่งเปนอาศรมบรมนักพรตแรมผนวชไพร อัช์ฌภาสถ จึงตรัสสั่งเสนาในให้ตรวจตราโยธาทัพ สรรพพลรถคชเดินเท้าเหล่าพลม้ากล้ารณรงค์ ทรงยุทธนาอาภรณ์เพริศ เทิดสรรพานานาวิธาวุธ ยุทธชาญเชี่ยวเคี่ยวสงคราม เนคมา จ มํ อัเน๎วน์ตุ ทั้งชาวนิคมคามพราหมณปุโรหิตทั้งปวง จงตามกูไปสู่เขาหลวงวงกฏคิรี ตโต สัฏ์ฐีสหัส์สานิ หมู่สหชาติโยธีมีประมาณหมื่น หกพันสรรพางค์พื้นแต่ใส่สวม เสื้อหมวกเหมาะเกราะนวมดูต่าง ๆ สีสรรพรรณสี่อย่างควรจะพึงพิศ วงผจงพิจิตรจรูญเจริญ เนตรวิเศษโสภณเพลินบางจำพวกบรร เทืองเหลืองเล่ห์สุวรรณพรรณชมพู นุทนพคุณดูอร่ามงามเพริศเพราเหล่าหนึ่งฉาดเฉิดเลิศหลากสี แดงก่ำรัศมีอรุณทิพา กรเรืองจำรัสพระเวหาเห็นประไพพรร ณรายลางบางสีสรรวรรณนีลา ภาเพียงไพฑูริยประภาพิสุทธิสด ใสเสมอมรกฏอันเข้มเขียว ขำจำพวกหนึ่งเหลือบเหลียวเล่ห์ไกรลาศ คิรีสีขาวบริสุทธิสอาดอุฬารตระการตา หิมวา ยถา ดูดังขุนเขาหิมวันต์คันธมาทนคิรี อันเดียรดาษด้วยรุกขชาติทุกสิ่งสรรพ์สารพันมีจะนับมิได้ มหาภูตคณาลโย ย่อมเปนถิ่นที่อาไศรยสุรเทพคนธรรพ์สรรพทานพนิกร ทั้งนักสิทธิวิทยาธรถ้วนทุกหมู่อยู่สโมสรภิรมย์ โอสเถหิ จ ทิพ์เพหิ มีทั้งว่านยาสารพันอุดมดับโรคาพยาธิ์ ดุจทิพโอสถปรากฏคุณประสิทธิประสาทสุดซึ่งจะพรรณา ทิสา ภาติ ก็รุ่งเรืองจำรัสประภัศรประภาพรรณผุดผ่องทั่วท้องทิศาดล ครุวรรณาดังอาภรณพวกสหชาติพหลทั้งสี่เหล่า ก็โอภาษพิลาศเพริศเพราดูประดุจนั้น ตโต นาคสหัส์สานิ แล้วเร่งรัดจัดสรรพวกพลคชาชาญ อันเกิดแต่มาตังคประเทศสถานประมาณหมื่นสี่พัน สรรแต่หาญสารตัวเหี้ยมเทียมช้างมารทานช้างหมื่น ฟื้นโถมศึกฝึกทนศร ร่อนงาส่ายร่ายเงยเศียร เรียนเชิงลู้รู้ชนสาร ร่านบ้าแทงแรงบ่ถอย ร้อยคชหนีรี่ขึ้นหน้า ข้าศึกยลขนสยอง ร้องบรรเทิงเริงบุกทัพ สรรพอลังการสารอลงกฏ บทจรคลาศบาทจรคลา ดาพยุหยืนดื่นพยุหยุทธ ดุจพสุธาพังดังพสุธาพก ยกคชผายย้ายคชพล คนตัวหมอขอติดมือ ถือหัดถ์ง่าท่าเห็นงาม ตามทำนองต้องธรรมเนียม เตรียมทุกหมวดตรวจทุกหมู่ คู่อยู่เรียงเคียงอยู่เรียบ เพียบคชยืนพื้นคชยาน สารตัวกลั่นสันตัวกล้า น่าพรรฦกนึกพรรลาย ท้ายคชง่าท่าขอเงื้อ เชื้อคนหาญชาญคำแหง แขงศึกกล้าข้าศึกกลัว ตัวกลางช้างต่างกลอกเชิด เทิดกระบี่ทีกระบวน ทวนหอกรำทำหันร่อน พลกุญชรเร่งเตรียมตรวจ ตามหมู่หมวดคชพยุหบาตรา ตโต อัส์สสหัส์สานิ แล้วเร่งรัดจัดสรรพล อาชาชาติหมื่นสี่พัน ต่างแกล้วสรรตัวกลั่นสรรพ แล่นโจมทัพไล่จับทัน จู่เข้าฟันจับคันฟาด ล้มกลิ้งดาษลงกลาดดื่น ขุนม้าพื้นขุนหมื่นพัน ตัวล่ำสันต่างลั่นศร ตั้งมือร่อนโตมรรำ เสื้อแดงก่ำสีดำแกม หมากสุกแปมม่วงแซมปน หมู่พหลม้าพลหาญ ควบรุกต้านเข้าราญต่อ ไม่รู้ท้อมิรอถอย ศึกใหญ่น้อยเสียย่อยหนี แตกน่าที่ตื่นหนีทัพ ไม่กล้ารับมิกลับรบ วิ่งหนีหลบไหว้นบลน เลือกขุนพลล้วนคนผู้ ชาญศึกรู้เชิงสู้รับ แม้ร้อยทัพมารับทัน เร่งจัดสรรพลสินธพ ครบจำนวนกระบวนพยุหบาตรา ตโต รถสหัส์สานิ แล้วเร่งรัดจัดสรรพลรถาหมื่นสี่พัน พื้นพิจิตรรังสรรค์สุวรรณรัตน์ สุวรรณรถจำรัสอร่ามเรือง อร่ามรุ่งบรรเทืองอัมพรเพริศ อัมพรพรายธงชายเฉิดเฉลิมงอน เฉลิมงามสงครามสยอนไม่ต่อติด ไม่ต่อต้านทานฤทธิ์เข้ารุกราญ เข้ารุกรับยับแตกฉานพังประลาศ พ่ายประไลยลงดื่นดาษพสุธาธาร สเทื้อนถิ่นอรินทรสถานทั่วทุกด้าว ทั่วทุกแดนสดับข่าวก็ยำเยง ก็ย่อหย่อนอ่อนเกรงไม่รอนราญ จงเร่งจัดพลาพลทวยหาญให้พร้อมเสร็จแต่ในเจ็ดทิวาวาร จะยาตราพลาพลทวยหาญจากพระภารา ออกไปรับพระลูกยานี้แล้วแล ๚
๏ ปางเมื่อสมเด็จบรมกรุงกระษัตริย์ ให้ตรวจจัดจัตุรงคนิกร จะออกไปรับพระเวสสันดรบวรราชโปดก ส่วนว่าเถ้าทลิทกชูชกพฤฒาจารย์ บริโภคโภชากระยาหารเหลือขนาด เตโชธาตุมิอาจจะผลาญเผา เถ้าก็ถึงแก่กาลกิริยา ท้าวเธอก็ให้กระทำฌาปนกิจ แล้วบรมบพิตรก็ให้ตีกลองร้องป่าวหาพงษ์เผ่าของพราหมณ์ เที่ยวไต่ถามก็มิได้พานพบประสบแต่สักคน จึงให้ขนเอาทรัพย์ซึ่งพระราชทาน คืนเข้ายังพระคลังสถานนั้นแล ๚
ตมัต์ถํ ฯ สา เสนา มหตี อาสิ ฯลฯ
ยัต์ถ เวส์สัน์ตโร อหูติ ๚
๏ สัต์ตเม ทิวเส ในเมื่อวันเปนคำรบเจ็ด จักเสด็จยกพยุหบาตร แสนเสนาพลามาตยโยธี ก็ตกแต่งตามตำแหน่งมีพนักงาน พลสารก็ขี่ขับสารออกยืนที่ พลอาชาขี่พาชีออกยืนแซง พลรถก็จัดแจงแต่งรถอันอลงกฏออกรายเรียง พลเดินเท้าก็เข้าประจำคู่เคียงเปนขนัด พร้อมทั้งพระที่นั่งต้นมงคลคเชนทรรัตนราชาอาศน์ราชรถยาน คอยรับเสด็จพระจอมจักรพาฬผู้ผ่านพิภพสีพี ส่วนสมเด็จบรมกระษัตรกระษัตรีทั้งสี่พระองค์ ก็เข้าที่ชำระสระสรงสินธุสนานสุคนธ์ธารอุทกธารา แล้วสวมทรงอลงภรณ์ศิริราชวิภูษนาขัติยาภรณ์พร้อมเสร็จเสด็จยังเกยไชย แสนสุรชาติโยธีชลีกรไสวอยู่เดียรดาษ ขณะนั้นทวิชาชาติชาวกลิงคราฐทั้งแปดนาย นำเอาช้างต้นมงคลเสวตรไอยรามาถวายคืนดังเก่า ก็พอได้เวลามหาอุดมฤกษ์เข้าในขณะนั้น พระโหราลั่นฆ้องไชยให้มหุติสัญญา เสียงสังข์แตรแซ่ศัพทมหามโหรธึกกึกก้องกลองชนะสนั่นเนียรนาท ท้าวเธอก็ให้พระชาลีศรีสุริยชาติราชนัดดา ขึ้นทรงมงคลเสวตรคชาคเชนทรปัจจัย เปนทัพน่านำพลาพลไกรล่วงลีลาศ ส่วนองค์พระไอยกาก็ทรงพาหนะหัศดินทร์กรินทรราชเปนทัพหลวง ตามกระทรวงพยุหบาตรา ส่วนสมเด็จพระไอยกีกับกุมารีรัตนกัณหาชินานาฎ ก็ทรงอลงกฎรถอาศน์ราชพิมาน อันป้องปิดมิดม่านกำบังองค์ แล้วรถประเทียบแสนสาวสุรางค์นางอเนกอนงคนิกรกำนัล เปนคู่ ๆ ดูเปนหลั่น ๆ กันเรียงราย อุย์ยุต์ตา เมาะ ปยาตา พวกพลหัวน่าก็คลี่คลายขยายเขยื้อน ยกพยุหยาตราคลาเคลื่อนออกจากบุรี เปนยัดเยียดเบียดเสียดสีกันสับสน สิบสองอโขเภนีมีประมาณพลโดยคณนา โกญ์จํ นทติ วารโณ ฝ่ายพระคชินทเรศเสวตรคชาพิเชียรพิไชยปัจจัยนาค ก็เปล่งเสียงก้องโกญจศัพทประกาศกาหลคำรนนฤโฆษ ด้วยได้กลับมาเห็นเจ้าตนก็มีกมลปราโมทย์ภิรมยปรีดา ทั้งสำเนียงจัตุรงคคณาม้ารถคชบทจรพล ก็อึงเอิกเพียงจะพกเพิกแผ่นพสุธาดลกัมปนาท ธุลีตระหลบอบอากาศบดบังทิพากร เต จัต์ตาโร ขัต์ติยา อันว่าสี่กระษัตริย์ขัติยอดิศรสมมุติเทเวศร์ เสด็จโดยเถื่อนแถวแนววนาเวศหิมวันต์อรัญทุรสถาน พหุสาขํ มโหทกํ อันมากด้วยหมู่พฤกษาชลาธารถิ่นท่าผาศุกภิรมย์ เดียรดาษด้วยรุกขชาติอุดมด้วยดวงดอก ออกผลโดยฤดูชูกิ่งก้านตระการตา นานาวัณ์ณา พหู ทิชา ฝูงสกุณอเนกนิกรรักษานานาพรรณ บ้างโผผินบินผายผันลงจับจ้องย่องยอดไม้แล้วไต่เต้า บ้างส่งเสียงสำเนียงเร้าเรียกหาคู่อยู่บนกิ่งพฤกษา ฟังเสนาะเพราะจำนรรจาแจ้วจับใจ ทั้งเสียงจักกระจั่นพรรณเรไรเรื่อยร้องระงมดง เสด็จประพาศพนาดรทุเรศเขตรไพรระหงหกสิบโยชน์รยะมรคา ประทับแรมร้อนผ่อนพักพลแสนยาพลากรนิกายเปนหลายราตรีทิวาวาร เวส์สัน์ตโร อันว่าสมเด็จพระพงษ์พิชิตมารมิ่งมกุฏิเกษเวสสันดรราชดาบศ ทรงเสวยศุขวิหารสำราญพรหมพรตในประเทศที่ใด สี่กระษัตริย์ก็รีบรัดนิกรจัตุรงค์ตรงไปถึงกระทั่ง ตํ ปเทสํ สู่ประเทศที่นั้นแล ๚
มหาราชปัพ์พํ นิฏ์ฐิตํ
ประดับด้วยพระคาถา ๖๙ พระคาถา
----------------------------