กัณฑ์ที่ ๕ ชูชกบรรพ
๏ ตทา กลิงครัฏ์เฐ ทุน์นวิฏ์ฐพ๎ราห๎มณคามวาสี ชูชโก นาม พ๎ราห๎มโณ ภิก์ขาจริยาย กหาปณสตํ ลภิต๎วา เอกัส๎มึ พ๎ราห๎มณ กุเล ฐเปต๎วา ปุน ธนํ ปริเยสนัต์ถาย คโต ตัส๎มึ จิรายัน์เต พ๎ราห๎มณกุลํ กหาปเณ วฬัญ์เชต๎วา ปัจ์ฉา อิตเรน อาคัน์ต๎วา โจทิยมานํ กหาปเณ ทาตุํ อสัก์โกน์ติ อมิต์ตตา ปนํ นาม ธีตรํ ตัส์ส อทาสิ ๚
๏ ตทา กาเล ในกาลเมื่อสมเด็จพระบรมหน่อสรรเพ็ชญ์เพสสันดรดาบศ กับสองตรุณปิโยรสราชมเหษีสี่กระษัตรา มาทรงพรตพรหมจรรยาอย่างผนวชไพร ในเวิ้งหว่างวงกฏไศลสละปลิโพธ เสวยบรรพชิตศุขาภิรมยปราโมทย์หมายพระโพธิญาณ กำหนดนับได้สัตตมาศประมาณโดยนิยมมา
เอโก พ๎ราห๎มโณ ยังมีพราหมณหนึ่งชราทลิทก ชูชโก นาม ชื่อว่าชูชกพฤฒาจารย์ ทชีมีปรกติอยู่ในบ้านทุนนวิฏฐพราหมณ์คามเขตร อันเปนแว่นแคว้นกระลิงคบุเรศราชธานี ตแกเปนคนไร้ทรัพย์อัปรีไม่มีศิลปสาตร รู้วิชาเชิงฉลาดแต่ภิกขาจาร ค่อยประสมประสานทรัพย์ทีละน้อยละน้อย กหาปณสตํ ลภิต๎วา จนได้ถึงร้อยกระสาปณ์เปนลาภตามเข็ญใจ ถ้าจะกำหนดนับตามสยามประเทศนี้ไซ้ ก็เปนเงินถึงสิบห้าตำลึงกับสิบสลึงด้วยกัน เอกัส๎มึพ๎ราห๎มณกุเล ฐเปต๎วา เถ้าจึงผ่อนผันเอาไปฝากแก่ตระกูลพราหมณ์แห่งหนึ่ง อันเปนที่พึงใจรู้จักกันมาแต่ก่อน ปุน ธนํ ปริเยสนัต์ถาย ทชีก็เที่ยวสัญจรสืบไป เพื่อจะหาทรัพย์มาใหม่ นั้นแล ๚
๏ ตัส๎มึ จิรายัน์เต ในเมื่อชูชกพฤฒาจารย์ตแกไปช้านานมิได้กลับมา ตระกูลพราหมณทั้งสองจึงเอาของ ๆ เถ้าชราออกจำหน่ายใช้สอย สิ้นทั้งร้อยกระสาปณ์ ปัจ์ฉา อิตเรน อาคัน์ต๎วา ครั้นภายหลังพราหมณกลับมาแต่หาลาภจึงมาทวงเอาของ ตระกูลพราหมณทั้งสองนั้นก็จนใจ ไม่มีทรัพยอันใดจะให้แก่ตาชี อมิต์ตตาปนํ นาม ธีตรํ จึงยกลูกสาวศรีชื่ออมิตดา มอบให้เปนภริยาแทนทรัพย์ของทอาจารย์ ตแกพามาสู่เคหฐานในบ้านทุนนวิฏฐประเทศ สา อมิต์ตตาปนา ส่วนนางอมิตดาตรุณนาเรศก็อุส่าห์ปรนิบัดิสามี เปนอุกฤษฐวัตรจารีอย่างยิ่ง ดูนี่ก็ประเสริฐกว่าฝูงหญิงสิ้นทั้งบ้านนั้น ด้วยมาคิดสำคัญว่าเปนทาษของเถ้าชรา
อัญ์เญ ตรุณพ๎ราห๎มณา อันว่าพราหมณทั้งหลายอื่นที่หนุ่ม ๆ อันเปนเพื่อนบ้าน อาจริยสัม์ปัต์ตึ ทิส๎วา เมื่อเห็นนางอมิตดาปรนิบัดิทอาจารย์ดูลมุนลม่อม ทั้งกริยามารยาตรพร้อมย่อมยำเกรง ครั้นมาดูเมียของตัวเองนี่ก็หยาบคาย ตัช์เชน์ติ พราหมณทั้งหลายก็ชวนกันคุกคามขู่ภริยา จะให้เอาอย่างนางอมิตดาปรนิบัดิผัว ตา พ๎ราห๎มณิโย ส่วนนางพราหมณีทั้งหลายล้วนแต่ถือตัวไม่เอาเยี่ยง ต่าง ๆ ก็มาประชุมพร้อมเพรียงปฤกษากัน ว่าแต่เรามาอยู่กับผัวนี้ก็นานครันไม่มีด่า แต่เพียงอีอมิตดามันมาอยู่ในบ้านนี้ กระทำให้สามีเราขึ้งโกรธ ถึงจะทำดีก็กลับเปนโทษเสียสิ้นทั้งนั้น ชาวเราเอ่ย มาจักชวนกันไปอยู่ที่ตีนท่า คอยมันลงมาตักน้ำ เรารุมกันร่ำด่าให้อับอาย มันทนอยู่ไม่ได้ก็จะหนีหายไปบ้านอื่น เราทั้งปวงก็จะอยู่ชมชื่นด้วยสามี เปนปรกติดีนี้แล้วแล ๚
ตมัต์ถํ ฯ อาหุวาสี กลิงเคสุ ฯลฯ
กึ ชิณ์โณ รัม์มยิส์สตีติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา พ๎ราห๎มโณ อันว่าพราหมณพฤฒาจารย์ทลิทก ชูชโก นาม ชื่อว่าชูชกชาติขอทาน อาหุ วาสี มีปรกติอยู่ในบ้านทุนนวิฏฐประเทศ อันเปนแว่นแคว้นขอบเขตรกระลิงคบุรีรมย์ ทหรา ภริยา เถ้ามีเมียสาวอุดมชื่ออมิตดากุมารี ครั้นถึงเวลาเจ้าก็จรลีลงไปตักน้ำ ส่วนนางพราหมณีทั้งหลายก็ไปคอยประจำอยู่ที่ตีนท่า ครั้นเห็นนางอมิตดามาก็กรูกันเข้าแวดล้อม ทั้งน่าแลหลังสพรั่งพร้อมเปนกุลาหล บ้างก็วิ่งวุ่นอลวนเข้ายุดยื้อ บ้างก็ตบมือร้องเยาะเย้ยว่าเหวย ๆ เจ้าอมิตดา ทั้งนรลักษณ์ภักตราของเจ้าก็เพริศพร้อม เปนสาวน้อยนวลลม่อมอยู่ทั้งตัว นี่ชรอยเจ้าทำความชั่วกะไรแต่หลัง ชิณ์ณัส์ส ปาทํสุ พ่อแม่เขาจึงชิงชังแกล้งเสือกไสให้แก่ตาเถ้า เขาชวนกันเปนศัตรูเจ้าไม่ปรานี ทั้งคณาญาติเขาก็ไม่ไยดีสิ้นทั้งนั้น มัน์ตยึสุ รโหคตา เขาเข้าที่สงัดแล้วคิดกันการที่มิให้เปนประโยชน์ ปาปกํ แต่ล้วนลามกโทษชั่วช้า อมนาปํ เขาชวนกันชังน้ำหน้าแกล้งจะให้อับอาย จึงพร้อมใจให้อ้ายเถ้าร่างร้ายรูปวิการ ให้สมกับตัวเปนหญิงสามาญอัปลักษณ์ อมิตดาเอ่ย พี่นี้นึกเอนดูเจ้านักน่าเวทนา ชิณ์เณน ปตินา สห จะมาจำใจอยู่กับเถ้าชราผู้เปนผัว มตัน์เต ชีวิตา วรํ แม้นตายเสียก็จะประเสริฐยังชั่วกว่าอยู่เปนตัวตน พ้นจากปากคำคนเขาจะค่อนไค้ ลางนางร้องว่าพ่อแม่เจ้านี่อะไรมันช่างอัปรี จะหาผัวอื่นให้ลูกที่หนุ่มที่ดีนี่ก็ขัดสน ชิณ์ณัส์ส ปาทํสุ จำเภาะมายกให้แก่เถ้าทรพลพิการกาย ทุยิฏ์ฐัน์เต นวมิยํ ฤๅเจ้าได้บูชาชั่วในวันร้ายแรมเก้าค่ำ มีกาแก่เจ้ากรรมมาแกล้งประเดิมฉาบคาบเอาก้อนเข้า อกตํ อัค์คิหุตกํ อนึ่งฤๅว่าตัวของเจ้ามิได้บูชาอัคคี ตามพราหมณประเวณีอย่างไสยสาตร อภิส์สสิ ฤๅแต่ก่อนเจ้าได้หมิ่นประมาทสมณพราหมณาจารย์ ผู้เปนพหูสูตรทรงศีลญาณอย่างยิ่ง เหตุทั้งนี้จึงบันดาลให้น้องหญิงมาอยู่กับพราหมณ์เถ้า อหินา ทัฏ์ฐํ อนึ่งแม้มาตรมีงูเห่ามาตอดขบให้สลบล้ม สัต์ติยาหตํ ทั้งบุคคลเอาหอกอันคมมาแทงซ้ำ ให้เจ็บปวดชอกช้ำแสนสาหัส ก็ได้ชื่อว่ามหันตทุกข์ของสัตวสิ้นทั้งปวง น ทุก์ขํ แต่มิเท่าทุกข์ใจใหญ่หลวงของตรุณสัตรี อันดูหน้าพฤฒิสามีเหมือนหนึ่งตัวเจ้า นัต์ถิ ขิท์ทา ถึงยามกำหนัดจะประโลมเล้านี่ก็ไม่ชื่นชม นัต์ถิ รติ ยามเมื่อจะร่วมรศภิรมย์นี่ก็ไม่ปรีดา ยามเมื่อจะพูดเล่นเจรจานี่ก็ไม่ปราโมทย์ เหมือนตแกจะกริ้วโกรธตวาดขู่ดูเปนน่ากลัว ชัค์ฆิตุํปิ น โสภติ ถึงยามเมื่อจะยิ้มแย้มหัวเหมือนตแกจะหลอก อ้าปากออกไม่มีฟัน เออนี่จะแนบน้องประคองขวัญกะไรได้ จะหางามที่ไหนก็ไม่มีสักสิ่ง ทหโร ทหรา อมิตดาเอ่ย อันธรรมดาว่าชายแลหญิงที่หนุ่มสาวคราวกัน ย่อมจะเกษมสันต์ในที่สงัด สัพ์เพ โสภา วินัส์สัน์ติ ถึงจะมีความโศกสุมกลุ้มกลัดนี่ก็เสื่อมสูญ ทหรา ต๎วํ เหมือนตัวเจ้ากระนี้ก็ยังสาวสมบูรณ์งามอยู่ทั้งกาย ย่อมเปนที่ปราถนาชายจะชมชื่น คัจ์ฉ ญาติกุเล อัจ์ฉ เจ้าจงกลับคืนไปอยู่เรือนญาติ หาผัวใหม่ให้สมชาติสมโฉม สมที่จะประเล้าประโลมทุกเวลา กถํ รัม์มยิส์สติ จะมาอยู่กับอ้ายเถ้าชราเช่นนี้ จะเอากำหนัดยินดีมาแต่ไหน มีแต่จะชอกช้ำรกำใจนี้ไม่รู้วาย ด้วยความเจ็บความอายนี้แล้วแล ๚
น เต พ๎ราห๎มณ คัจ์ฉามิ ฯลฯ
พหู เหส์สัน์ติ พ๎ราห๎มณาติ ๚
๏ สา อมิต์ตตา ส่วนนางอมิตดาสาวสอาด เมื่อได้ฟังนางพราหมณีบริภาษพื้นแต่หยาบหยาม เปนใจความว่าได้ผัวเถ้า นางก็กระเดียดกลออมน้ำเดินยะเหยาะเหย่าร้องไห้ขึ้นมา ส่วนทชีชราตแกก็ไถ่ถาม นางจึงแจ้งเนื้อความว่าดังนี้ พ๎ราห๎มณ ดูกรตาชีชาติไร้ น เต คัจ์ฉามิ แต่นี้กูมิได้ลงไปตักน้ำมาให้ท่าน ถิโย มํ ปริภาสัน์ติ อีพราหมณีเพื่อนบ้านมันรุมกันด่าข้าบรรดาเสีย ตยา ชิณ์เณน เพราะกูนี้มาอยู่เปนเมียของตาเถ้า ได้ความอัปรยศอดอายเขานี่เปนพ้นใจ ครั้นพราหมณได้ฟังก็โกรธเปนไฟอยู่ฮึดฮือ ร้องว่าเหม่ ๆ กระนั้นเจียวฤๅอีเพื่อนบ้าน มิใช่กลใช่การก็ฤษยา ช่างมันเถิดแก้วตาแม่อย่าเคืองขัด มา เม ต๎วํ อกรา กัม์มํ แต่นี้อย่าทำการงานปรนิบัดิพี่เลยนะเจ้า มา เม อุทกมาหริ อย่าตักน้ำหุงเข้าให้พี่เลยนะแม่ นั่งแต่งแง่อยู่แต่กับห้อง ไว้ธุระที่จะตักตำพร่ำหามาเลี้ยงน้องเจ้าอย่าร้อนใจ ฯ นาหัน์ตัม๎หิ กุเล ชาตา เอะว่ากระไรกระนี้นะพราหมณ์เอ๋ย อันตระกูลของข้าเจ้านี้ไม่เคยแต่เกิดมา ที่จะใช้ผัวเปนข้าเหมือนเช่นนั้น ถ้าแม้นว่าจะรักกันโดยจริง จงไปหาทาษชายหญิงมาให้ใช้ น เต วัจ์ฉามหํ ฆเร ถ้าหามิได้ข้าก็ไม่ขออยู่ เปนเพื่อนภิรมย์สมสู่ในเรือนออเถ้า ฯ นัต์ถิ เม สิป์ป ชานํ วา โอ้อนิจาเจ้าช่างไม่ปรานี เออเมื่อศิลปสาตรของพี่ก็ไม่มีสักสิ่ง ที่จะให้เกิดทรัพย์นับไปช่วยข้าชายหญิงมาให้น้อง พี่นี้ก็ถนัดแต่ทำนองเที่ยวขอทาน จะได้ศฤงฆารบริวารมาแต่ไหน อหํ โภตึ อุปัฏ์ฐิส์สํ ตัวของพี่นี่และจะมอบให้เจ้าใช้ไม่คิดยาก จะตั้งใจอุปฐากทุกเวลา มา โภติ กุป์ปิตา ฟังคำพี่ว่าแม่อย่าขึ้งโกรธ จงอดโทษโทษาแก่พี่เถ้า
สา เทวตา วิค์คหิตา วันนั้นเทพยเจ้าเข้าดลใจนางอมิตดา ใช่แต่ก่อนแต่ไรมานางจะล่วงรู้ ว่าพระเวสสันดรเสด็จอยู่ในประเทศที่ใดนั้นก็หามิได้ เหตุทั้งนี้ก็เพราะอาไศรยเพื่อจะให้สำเร็จ แก่พระสร้อยสรรเพ็ชญ์โพธิญาณ จะได้ทรงบำเพ็ญอุไภยมหาปิยบุตตทานบริจาค นางอมิตดาจึงอาจออกปากได้ดังนี้ ว่า พ๎ราห๎มณ ดูกรทชีพฤฒิพราหมณ์ เอหิ เต อหมัก์ขิส์สํ ขยับเข้ามานี่เราจะบอกความ รู้ฤๅหาไม่ เขาเลื่องฦๅตระหลอดไปทั่วทุกประเทศ เอส เวส์สัน์ตโร ราชา ว่าสมเด็จบรมขัติยาธิเบศร์เวสสันดร อันเปนมิ่งมกุฏิประเทศประชากรกรุงสีพิราฐ มีเสวตรกุญชรชาติพาหนะพระที่นั่งต้น เปนศรีสวัสดิมงคลคู่พระภารา พระราชทานแก่พราหมณพฤฒาชาวกระลิงคราฐวิไสย ประชาชนเขาขัดใจชวนกันยกโทษ ทั้งพระบิตุรงค์ก็ทรงพระโกรธสั่งให้เนียรเทศ วังเก วสติ ปัพ์พเต บัดนี้เสด็จออกไปอยู่ศีขเรศคิริยวงกฏ กับสองสุริโยรสราชมเหษีเปนสี่พระองค์ ตั้งพระไทยประสงค์จะโปรดสัตว ตํ ต๎วํ คัน์ตวาน ยาจัส์สุ ถ้าท่านอุส่าห์เดินดัดพนัศพนาวาศ ไปขอพระปิยบุตรสุดสวาดิทั้งสองรา โส เต ทัส์สติ ท้าวเธอก็จะทรงพระราชศรัทธาบริจาคให้ ท่านก็จะได้นำมาเปนทาษช่วงใช้ในเรือนเรา เออ ข้าคิดให้นี้เห็นกะไรเล่านะตาชี ฯ ชิณ์โณ หมัส๎มิ ทุพ์พโล เออแม่ว่ามาทั้งนี้นี่ก็เห็นชอบ แต่ตัวพี่นี้ก็แก่บอบหอบคราง ทีโฆ จัท์ธา สุทุค์คโม จะไต่เต้าไปตามทางนั้นเห็นสุดยาก ดูนี่ก็แสนลำบากด้วยไกลกว่าไกล กลัวจะไปสิ้นใจเสียในกลางป่า ไม่ได้กลับมาเห็นหน้าเจ้า ทั้งไม่รู้แห่งหนตำบลเขาคิริยวงกฏ มา โภติ ปริเทเวสิ แม่อย่าร้องร่ำกำสรดระทดใจ จะหาข้าไปข้างไหนไม่ต้องการ จงใช้พี่อยู่กับบ้านเถิดจะดีกว่า ฯ ยถา อคัน์ต๎วา สังคามํ ดูฤๅอ้ายเถ้าชรานี้แสนขลาด ได้ยินแต่ข่าวสิคิดขยาดย่อย่น เปรียบเหมือนนายพหลพยุหจัตุรงค์ยกพลไปประสงค์สู้สงคราม ได้ยินแต่เสียงปืนก็เข็ดขามไม่รอรับ อยุท์เธว ปราชิโต ยังไม่ทันรบก็ถอยทัพแพ้พ่าย เอวเมว ก็เหมือนหนึ่งอ้ายเถ้าแสนร้ายรูปวิกล มีแต่ชักเชือนเบือนบ่นข้างถอยหลัง ตั้งแต่ว่าจะเกียจคร้าน สเจ เม ทาสํ ทาสึ วา ถ้าแม้นมิไปขอสองกุมารมาเปนทาษทาษี กูก็ไม่อยู่ในเรือนทชีชาติไร้ อมนาปํ กริส์สามิ กูก็จะทำแต่ความเคืองใจไม่ให้มีศุข ให้ออเถ้าเฝ้าแต่ทุกข์อยู่ทุกคืนวัน นัก์ขัต์เต อุตุปุพ์เพสุ ถึงคราวฤดูเขาชวนกันเล่นนักขัตฤกษ์ เปนต้นว่าเทศกาลเอิกเกริกตรุศสารท กูก็จะแต่งตัวหัวให้ฉูดฉาดเดินกรีดกราย ไปสู่สมชมชายที่หนุ่มหนุ่ม พราหมณ์เห็นก็จะกลัดกลุ้มสุมโศก ด้วยทุกขาดูรวิโยคคลุ้มคลั่ง ภิย์โยวังกา ปลีตา จ ที่คดโกงในข้อแลเอวแลหลังมันก็หนักเข้า ทั้งผมหงอกของออเถ้ามันก็จะมากออก เพราะกูทำให้ช้ำชอกนอกใจ จากเรือนทชีไปนี้แล้วแล
ตมัต์ถํ ฯ ตโต โส พ๎ราห๎มโณ ภีโต ฯลฯ
ทาสปริเยสนัญ์จรัน์ติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิอินทรีย์ พ๎ราห๎มโณ อันว่าพราหมณกลีลามกชาติ ตแกล่วงลุอำนาจนางอมิตดา กลัวภริยาจะเอาใจออกหาก อัท์ทิโต กามราเคน ด้วยความกำหนัดในกามราคหากมาเบียดเบียน ให้บังเกิดอุสาหความเพียรที่จะเดินทาง พ๎ราห๎มณึ เอตมพ๎รวิ จึงกล่าวปลอบประโลมนางตรุณพราหมณี ว่า ภัท์เท ดูกรเจ้าผู้มีมุขอันเจริญ จะบ่นบ้าให้ช้าเนิ่นไปไยเล่า ปาเถย์ยํ เม กโรหิ ต๎วํ จงเร่งแต่งเสบียงให้พี่เถิดสิเจ้าจะได้ไคลคลา สํกุโล สํกุลานิ จ ให้มีทั้งขนมอันระคนไปด้วยถั่วงาน้ำผึ้งน้ำอ้อย มีรศหวานอร่อยทำให้หลากหลาย สัต์ตุภัต์ตํ อิกทั้งเข้าตูเข้าตากทำให้ครันครัน จะได้กินไปหลายวันในกลางป่า อานยิส์สํ พี่จะไปนำสองกุมารามาให้เปนทาษ รัต์ติน์ทิวมตัน์ทิตา จะได้อยู่บำรุงบำเรอสายสวาดิมิได้เกียจคร้านทุกทิวาวารวันคืน ส่วนนางอมิตดาได้ฟังก็ชมชื่นปรีดา ปาเถย์ยํ ปฏิยาเทต๎วา จึงเร่งตกแต่งเสบียงบรรทุกย่ามส่งให้พราหมณ์เถ้า ส่วนทชีตแกก็ซ่อมแปลงเรือนเย่าสรรพเสร็จ รเห็จออกไปหาบฟืนเข้ามาแต่ป่า ทั้งเข้าน้ำตำตักหามาไว้ให้ กรอกเต็มตุ่มไหแต่บรรดามี ตาปสเวสํ สมาทยิต๎วา เถ้าก็ถือเพศเปนดาบศฤๅษีเสร็จแล้ว จึงสั่งสอนน้องแก้วผู้เพื่อนยาก ว่า อิโต ปัฏ๎ฐาย จำเดิมแต่วันพี่ไปจากเจ้าอย่าออกไปนอกบ้าน ในเวลาราตรีกาลเปนอันขาด จงรักษาตัวอย่าประมาทกว่าพี่จะกลับมา ปฏิมุญ์จิ อุปาหนา แล้วเถ้าชราก็ใส่รองเท้า เอาย่ามเสบียงเหวี่ยงบ่าเข้าผูกให้มั่นคง จึงประทักษิณภริยาสิ้นวารเวียนวงได้สามรอบ โดยระบอบพราหมณประเพณี ปัก์กามิ ตแกก็จรลีลงจากเรือน รุณ์ณมุโข มีหน้าตาอันเฝื่อนกำสรดโศก ด้วยทารทุกขวิโยคจำไกล สิวีนํ นครํ ผิตํ เถ้าก็บ่ายหน้าตรงไปกรุงสีพิราฐ อันไพบูลย์ด้วยแสนสัตตพิธรัตนามาศอเนกเนืองนอง เพื่อจะไปขอขัติโยรสทั้งสองกุมารา มาเปนทาษทาษานี้แล ๚
ตมัต์ถํ ฯ โส ตัต์ถ คันต๎วา อวจาสิ ฯลฯ
อิมา คาถา อภาสถาติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิญาน โส พ๎ราห๎มโณ อันว่าพราหมณพฤฒาจารย์ผู้ใจบาป หลงแก่ลาภลุโลภเจตนา เมื่อไปถึงพระภาราพิไชยเชต เย ยัต์ถาสุํ สมาคตา เห็นประชาชนเขาประชุมในประเทศที่ใด ตแกก็ตรงเข้าไปสู่ที่นั้น กุหึ เวส์สัน์ตโร ราชา แล้วถามถึงพระเอกอนันตทานาธิเบศร์เวสสันดร ว่าเสด็จนิราศพระนครไปอยู่ป่า ยังใกล้ไกลถึงไหนสิหว่าท่านจงบอกเรา ปัส์เสมุ ขัต์ติยํ ข้าจะใคร่ไปพบไปเฝ้าพระจอมกระษัตริย์ ฝูงชนได้ฟังก็เคืองขัดชวนกันด่าพราหมณ์ ว่าเหม่อ้ายพวกนี้ยังติดตามมาอิกเล่า แต่เบียนขอพระลูกเจ้าจนเหลือขนาด ถึงเสวตรกุญชรชาติศรีเมือง ให้ท้าวเธอต้องทุกข์แค้นเคืองมาจำจากพรากพระบุรี กับสองขัติโยรสมหิษีศุภลักษณนาเรศ วังเก วสติ ปัพ์พเต ออกไปอยู่ถึงวงกฏบรรพตประเทศทางเถื่อน นี่เองจะไปตามเยี่ยมเยือนเอาอันใดอีก เออก็เหลือที่ท้าวเธอจะหลบจะหลีกพ้นอ้ายพวกนี้ เองจงหยุดอยู่นี่อย่าเพ่อไปก่อน บ้างก็จับไม้ค้อนก้อนดินสิ้นทุกคน ไล่ทิ้งขว้างเถ้าทรพลไปจนสุดแดน พราหมณตแกก็แล่นหนีได้ เทวตา วิค์คหิตา เทพยดาดลใจให้ออเถ้า เดินถูกทางที่จะไปเขาวงกฏคิรี ทชีก็ด่วนดัดดั้นอรัญแดนดง ด้วยอำนาจตะแกลุ่มหลงในกามคิทธิกำหนัด โจทิโต อันนางพราหมณีให้ไปขอสองกระษัตริย์พระลูกเจ้า อุส่าห์ผ่าพงดงเขาไม่คิดตัว อฆัน์ตํ ปฏิเสวิต์ถ ได้ทั้งทุกข์ทั้งกลัวที่เขาไล่ทุบตีหนีเข้าบุกป่า ไหนจะเกรงสัตวคณานิกรแรดช้าง ทั้งราชสีห์เสือสางแสนคะนองร้องปะปีบเปรี้ยงเสียงสนั่น ตะแกยิ่งหนาวระรัวตัวสั่นขวัญหาย อาทาย เวฬุวํ ทัณ์ฑํ เถ้าก็ค่อยย่างย้ายตะพายย่าม มือถือไม้เท้างามผิวดังผลมะตูม อุ้มเครื่องบูชากุณฑพิธี กมัณ์ฑลุํ ทั้งน้ำเต้าอันเต็มไปด้วยวารีหิ้วพะรุงพะรัง วิป์ปนัฏ์โฐ ตะแกก็เซซังเซอะเซิง เที่ยวกระเจอะกระเจิงละเลิงหลง ไม่รู้แห่งหนทางตรงไปวงกฏ ค่อยหลีกเลี่ยงเลี้ยวลดบทจรละเลาะตามละเมาะไพร จนใกล้แว่นแคว้นแดนเจตบุตรพราน ในอรัญทุรัศสถานนั้นแล ๚
๏ โกกา เมาะ สุนขา อันว่าฝูงสุนักข์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ของนายเจตบุตรมิคลุทธพรานป่า อันกรุงเจตราฐตั้งให้รักษาวนทวาร ครั้นเห็นพฤฒาจารย์มันก็วางวิ่งเข้าแวดล้อม บ้างโฮกเห่าแห่ห้อมทั้งน่าหลัง พราหมณก็ปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนค่าคบไม้ไกลออกไปพ้นทาง พลางตะแกก็ร้องไห้หาบรมนราธิเบศร์เวสสันดรราช ด้วยบาทพระคาถาว่า
โก ราชปุต์ตํ นิสภํ ฯลฯ
ปสเว ปุญ์ญํ อนัป์ปกันติ ๚
๏ พฤฒาจารย์ร่ำรำพรรณ ถึงพระคุณอดุลดิลกเลิศพสุธา ว่าโอ้พระผ่านฟ้าของสัตวผู้ยากเอย โก ปุค์คโล บุคคลผู้ใดใครเลยจะรู้จัก ซึ่งสถานถิ่นที่สำนักนิ์ของพระร่มเกล้า ราชปุต์ตํ อันเปนสมเด็จพระลูกเจ้าจอมขัติยวงษ์ กอปรด้วยพระยศยรรยงยิ่งมนุษชาติ นิสภํ ปานประหนึ่งว่าพระยาอุศุภราชอาชาไนย อันองอาจมิได้หวาดไหวด้วยสัททสำเนียงเสียงอสนีสนั่น ได้ละร้อยละพันลั่นคะเครงครื้น ก็เหมือนหนึ่งน้ำพระไทยท้าวเธอยั่งยืนไม่ย่อท้อต่อที่จะบำเพ็ญทาน ชยัน์ตมปราชิตํ อาจชนะมัจฉริยหมู่มารโมหันธเหตุ มิได้พ่ายแพ้แก่อกุศลเภทพวกสัคคันตราย บรรดาแสนสากลกระษัตริย์ทั้งหลายนี่ก็ไม่เปรียบปูน ด้วยพระราชศรัทธาอันไพบูลย์บเบื่อบริจาค ภเย เขมัส์ส ทาตารํ ท้าวเธอให้ซึ่งศุขแก่สัตวผู้ยากนี่บวายเว้น เปนที่จะระงับดับเข็ญเคืองขัดอุปัทวทุกข์ไภย โย เวส์สัน์ตโร สมเด็จพระเวสสันดรพระองค์ใดเปนปิ่นปก แก่ฝูงยาจกนิกรชน ธรณีริว ดุจพื้นพสุธาดลอันหนาแน่น เปนที่พึ่งพำนักนิ์แก่แสนสรรพสัตวทั้งปวง สาคโร อิว ถ้ามิฉนั้นประดุจดังห้วงมหรรณพสาคเรศ เปนที่ไหลมาแห่งปัญจมหาคงคาประเทศกุนนทีธาร ก็เหมือนด้วยพระบวรสันดานมิได้เหนื่อยหน่าย เปนที่ไหลมาแห่งฝูงพรรณิพกทั้งหลายนี่ไม่ขาดเลย พระร่มเกล้าของสัตวผู้ยากเอ่ยท้าวเธอทรงพระราชศรัทธา อาจให้สำฤทธิความปราถนาแก่นิกรสัตว รหทูปมํ อุปมาเหมือนมหาจัตุรัสโบกขรณี อันเปี่ยมไปด้วยวารีรศเอมโอช ปุณ์ฑริเกหิ สัญ์ฉัน์นํ ประดับด้วยเสวตรกุสุมสาโรชดูนี่ดาษดา ทั้งสถานถิ่นท่านั้นก็ราบรื่นพื้นพิสุทธิสอาด มโนรมํ เปนที่เจริญใจแก่นรชาติฝูงชน ถึงจะวิดวักตักตวงขนอาบกินก็ไม่รู้สิ้นสุด ก็อุปไมยเหมือนพระมิ่งมงกุฏเวสสันดร มีพระอัชฌาไศรยมิได้ย่อหย่อนที่จะบริจาคทาน ทุมํ วิย ถ้ามิฉนั้นก็เปรียบปานประหนึ่งว่าหมู่ไม้ มีต้นว่าพฤกษโพธิ์ไทรแลม่วงรัง ปเถ ชาตํ บังเกิดใกล้สถลแถวทางทุเรศ มีร่มชิดปิดแสงพระสุริเยศเย็นสบาย ปฏิค์คหํ ย่อมเปนที่พำนักนิ์แก่ฝูงชนทั้งหลายอันสัญจร ได้หยุดพักระงับร้อนสำราญรมย์ ค่อยบันเทาทุกขระทมที่เดินทาง ตถูปมํ ก็เหมือนหนึ่งน้ำพระไทยมิได้อางขนางในพระทานบารมี ย่อมเปนที่พึ่งแก่สมณพราหมณ์ชีประชาชน ทั่วทุกสกลมิได้เลือกหน้า ด้วยอำนาจพระมหากรุณานึกประดุจนั้น เอวัญ์จ เม วิลปโต โอ้โอ๋อกอาตมนี้มาจาบัลย์บ่นอยู่คนเดียว ดูนี่ก็เปล่าเปลี่ยวในพนาเวศ แต่ไห้หาบรมนราธิเบศร์เห็นปานดังนี้ อหํ ชานัน์ติ โย วชา ถ้าบุคคลผู้ใดมาช่วยชี้บอกสถานถิ่น แห่งสมเด็จพระยอดขัติโยรสนรินทรราชสุริยวงษ์ ว่าเรานี่และรู้จักซึ่งที่สำนักนิ์ของพระองค์อยู่ประเทศนั้น นัน์ทึ โส ชนเย มม ก็จะยังความเกษมสันต์ให้บังเกิดแก่เรา กำหนดนับได้ร้อยเท่าถึงแสนทวี ปสเว ปุญ์ญํ บุคคลผู้นั้นก็จะเสวยกุศลราษีจักนับมิได้ ตาย เอกวาจาย ด้วยคำเดียวอันบอกให้แก่อาตมา ในกาลบัดนี้แล ๚
ตมัต์ถํ ฯ ตัส์ส เจโต ปฏิส์โสสิ ฯลฯ
ยทิ ชานาสิ สํสเมติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิญาณ เจโต ส่วนว่านายเจตบุตรพรานพเนจรใจฉกรรจ์ ผู้ได้รักษาอรัญทวาเรศ สำหรับจะป้องกันสรรพพิบัติเหตุภยันตราย คอยระวังศัตรูหมู่ร้ายอันไปมา ปฏิส์โสสิ เมื่อเที่ยวอยู่ในป่าได้ยินสัททสำเนียงเสียงพิลาปร่ำไห้ ออกพระนามท่านไทธรรมิกธิเบศร์ เพื่อนก็เหลือบเหลียวไปทั่วประเทศทิศโดยรอบ เห็นพราหมณขึ้นไปนั่งหอบอยู่บนค่าคบไม้ จิน์เตสิ จึงนึกแต่ในใจว่าพราหมณผู้นี้ จะมาโดยสวัสดีนี่ก็เห็นผิด ชรอยมันจะตามติดออกมาทูลขอพระกุมารน้อยหน่อทั้งคู่ กับองค์เอกอรรคพธูผู้เพื่อนเข็ญเห็นประหลาด มาเรส์สามิ ควรอาตมจะพิฆาฏฆ่าเสียให้สิ้นชีพ อย่าให้มันทันถ่อถีบออกไปถึงพระองค์ เจตบุตรเพื่อนก็เดินตรงเข้าไปใกล้ ก่งธนูขึ้นไว้แล้วก็ร้องคุกคาม ว่า พ๎รห๎เม เหวยเหวยอ้ายพราหมณ์ชาติทรลักษณ์ มึงจะตามเบียนพระจอมจักรไปถึงไหน ปัพ์พาชิโต จนท้าวเธอตกไร้นี่ก็เพราะคชทาน ต้องเนียรเทศจากนิเวศน์สถานมาอยู่ป่า กับสองดรุณกุมาราราชอัศเรศ วังเก วสติ ปัพ์พเต ออกมาอยู่ยังศิงขรประเทศวงกฏ เองยังว่าไม่หย่อนพยศคอยสกดตาม อกิจ์จการี มึงนี้ไม่มีเพียรพยายามที่จะหากิน เปนต้นว่าผลกสิกรรมวานิชกิจ มีแต่จะเลี้ยงชีวิตรอย่างอ้ายชาติคร้าน คิดแต่เที่ยวขอทานมาเลี้ยงตัว ทุม์เมโธ ทั้งสติปัญญานี่ก็ชั่วปราศจากอาย เออกระไรช่างไม่รู้ขวนขวายไปอย่างอื่น รัฏ์ฐา วิวนมาคโต น้อยฤๅอุส่าห์ฝ่าฝืนเข้ามาสู่ไพร ทิ้งบ้านเมืองที่อาไศรยเสียหมดสิ้น ราชปุต์ตํ คเวสัน์โต แต่เที่ยวสืบแสวงบรมนรินทรราชบุตรา ดุจนกยางอันเที่ยวแสวงหามัจฉาในวารี กูจะเอาชีวิตรมึงเสียที่นี่มิให้รอดไป อยํ หิ เต มยา นุณ์โณ อ่อเองเห็นฤๅไม่ธนูของกูนี่ก็กำซาบ ล้วนแต่เอิบอาบอิ่มไปด้วยยาพิศม์ กูจะแผลงไปดูดโลหิตมึงเสียให้หมดตัว สิโร เต วัช์ฌยิต๎วาน แล้วจะตัดหัวมึงให้ขาด ตกลงมาจากพฤกษาชาติอันสูงสุด ดังผลตาลอันหล่นหลุดลงจากขวั้น หทยํ เฉต๎วา สพัน์ธนํ แล้วจะแหวะหวะอุระของเองนั้นออกแผ่ไว้ จะคว้านแขวะเอาทั้งขั้วหัวใจมิให้หลอเหลือ สิ้นทั้งเลือดเนื้อแลมันข้น ตลอดถึงเบื้องบนสมองหัว ให้มึงดิ้นระรัวอยู่กับฝ่าเท้า ปัณ์ฐสกุณํ ยชิส์สามิ กูก็จะเก็บผสมกันเข้าสิ้นทั้งปวง แล้วจะกระทำบวงสรวงเปลวอัคคี ตามตำหรับปัณฐสกุณพิธีอย่างยัญญเพท บูชาแก่ปัณฐเทเวศร์ผู้พิทักษ์ไพร น จ ต๎วํ เองก็จักบรรไลยอยู่กับกลางป่า มิอาจที่จะยาตราไปถึงวงกฏ เพื่อจะนำพระภริยาราโชรสมาทั้งสามองค์ เหมือนหนึ่งจิตรประสงค์นี้แล้วแล ๚
๏ โส ชูชโก ฝ่ายว่าเถ้าชูชกพราหมณ์ เมื่อได้ฟังเจตบุตรเพื่อนคุกคามขู่ฉนั้น ตแกก็ตกใจกลัวตัวสั่นขวัญบิน จึงฝืนสติแต่งลิ้นล่อลวงด้วยมุสาวาท โดยอุบายปรีชาฉลาดเพื่อจะกันไภย ว่า เจตปุต์ต ดูกรเจ้าพรานไพรเจตบุตร มิคลุทธใจฉกรรจ์ เอออย่าเพ่่อด่วนหุนหันโกรธเราก่อน เจ้าสิยังเด็กยังอ่อนติดจะใจเบา สุโณหิ เม จงฟังคำข้าจะบอกเล่ายุบลเหตุ เอออันตัวเรานี้มิใช่เผ่าหินเพศพวกกระลีเหล่ากระลิงคพราหมณ์ ซึ่งจะติดตามออกมาเบียนขอ เหมือนหนึ่งคำเจ้าพร่ำด่าทอนั้นหามิได้ พ๎ราห๎มโณ เรานี่เปนพราหมณ์อันประเสริฐสูงใหญ่ด้วยประยูรชาติ ทั้งรอบรู้ในไตรเพทางคสาตรสรรพเวทมนต์พ้นที่จะประมาณ สีลวัน์ตัต์ตา แล้วก็ทรงซึ่งศีลาจารควรจะเคารพครบทั้งสามสิ่ง ทูโต อนึ่งก็เปนราชทูตของพระมิ่งมกุฎิสีพี จำทูลศุภสุนทรคดีมาแสดงเหตุ แด่สมเด็จพระหน่อนเรศร์ราชบรมวงษ์ อาจให้สำเร็จพระกระมลประสงค์สิ้นทั้งสองฝ่าย อวัช์โฌ มิควรที่ใครจะมามุ่งหมายพิฆาฏฆ่า สนัน์ตโน อันนี้ก็เปนบุราณธรรมดาแต่ประถมกัป ห่อนที่ใครจะมากลายกลับให้แปรปรวน นิชัค์ฆา สิวีโย สัพ์เพ ด้วยบัดนี้ชาวสีพิราฐก็ประชุมชวนกันหายโกรธ ทั้งพระบิตุรงค์ก็ทรงระงับพิโรธอันรุ่มร้อน จะใคร่พบภักตร์พระเพสสันดรราชบุตรา อนึ่งทั้งองค์สมเด็จพระมารดานี่ก็กรรแสงโศก ด้วยปิโยรสวิโยคยายี อจิรา จัก์ขูนิ ชิย์ยเร จนดวงพระไนยเนตรนี้ก็เกิดราคีขุ่นเปนหมอกมัว กลั้วไปด้วยจักขุโรคาพาธ ไม่ช้านานก็จะพินาศเสียเปนมั่นคง ทั้งพระสริรรูปนี้ก็มาซูบลงแลคล้ำ ตั้งแต่ทรงพิไรร่ำถึงพระลูกเจ้า เตสาหํ ปหิโต ทูโต จึงสมเด็จพระปิ่นเกล้าทั้งสองกระษัตริย์ ใช้ให้เราเปนราชทูตนำข่าวทุกขโทมนัศออกมากราบทูล แด่พระหน่อนเรสูรสมมุติเทเวศร์ เชิญเสด็จคืนนคเรศราชธานี เจ้าทราบสารคดีแล้วก็อย่านาน สมเด็จพระจอมจักรพาฬเพสสันดรบพิตรสถิตย์ในที่ใด หลานจงบอกให้แก่ลุงไป ในกาลบัดนี้เถิด ๚
๏ เจตปุต์โต อันว่านายเจตบุตรผรุสร้ายกาจ เมื่อได้ฟังพราหมณกล่าวมุสาวาทก็ชื่นชม เชื่อถือในอารมณ์ไม่เคลือบแคลง สุนเข พััน์ธิต๎วา จึงจับสุนักข์ผูกไว้ในตำแหน่งที่อันสมควร แล้วเชื้อเชิญชวนพราหมณลงมาจากต้นไม้ นิสีทาเปต๎วา จึงยังออเถ้าจรรไรให้นั่งเหนืออาศน์ อันแล้วไปด้วยใบไม้ลาดตามประสาป่า ให้พราหมณบริโภคโภชนาอิ่มหนำสำราญ เมื่อจะกระทำปฏิสันถารก็กล่าวสารพระคาถาดังนี้
ปิยัส์ส เม ปิโย ทูโต ฯลฯ
ยัต์ถ สัม์มติ กามโทติ ๚
๏ พ๎ราห๎มณ ข้าแต่ท่านทชีพฤฒิพราหมณ์ หลานนี้ไม่ทันรู้ความแต่มูลเหตุ ว่าเปนราชทูตของสมเด็จกรุงสญไชยนเรศร์บรมนรินทร์ ซึ่งข้อที่ได้ประมาทหมิ่นนั้นขอขมาโทษ ปิยัส์ส เม ปิโย ทูโต อนึ่งท่านก็เปนทูตตัวโปรดของพระลูกเจ้า อันเปนที่รักของเราผู้ชื่อว่าเจตบุตรพราน ปุณ์ณปัต์ตํ ททามิ เต หลานนี่จะบูชาด้วยบรรณาการควรจะชอบใจ คือน้ำเต้าอันเต็มไปด้วยมธุรศวารี มิคสัต์ถิญ์จ กับขาทรายย่างเปนอย่างดีของชาวป่า ตามประสายาก อย่าว่าน้อยว่ามากเลยนะทอาจารย์ จะได้เปนเสบียงในทางทุรัศกันดารที่จะเดินดง เวส์สัน์ตโร ราชา อันว่าสมเด็จพระยอดขัติยวงษ์องค์อิศราธิเบศร์เวสสันดรราช กามโท อันอาจทรงพระประสาทสรรพโภคา ให้สำฤทธิความปราถนาแก่นิกรชน เสด็จอยู่ยังเวิ้งหว่างวนาสณฑ์ศิงขรเขตรประเทศใด หลานจะบอกให้แก่ท่านไป ตํ ปเทสํ สู่ประเทศที่นั้นแล ๚
ชูชกปัพ์พํ นิฏ์ฐิตํ
ประดับด้วยพระคาถา ๗๙ พระคาถา
----------------------------