กัณฑ์ที่ ๗ มหาพนพรรณา
พระเทพโมฬี (กลิ่น) วัดราชสิทธ แต่ง
----------------------------
๏ คัจ์ฉัน์โต โส ภารท๎วาโช
อัท์ทส อจุตํ อิสึ
ทิส๎วาน ตํ ภารท๎วาโช
สัม์โมทิ อิสินา สห
กัจ์จิ นุ โภโต กุสลํ
กัจ์จิ นุ โภโต อนามยํ
กัจ์จิ อุญ์เฉน ยาเปถ
กัจ์จิ มูลผลา พหู
กัจ์จิ ฑํสา จ มกสา
อัป์ปเมว สิรึสปา
วาน พาฬมิคากิณ์เณ
กัจ์จิ หึสา น วิช์ชตีติ
กุสลัญ์เจว โน พ๎รเห๎ม
อโถ พ๎รเห๎ม อนามยํ
อโถ อุญ๎เฉน ยาเปมิ
อโถ มูลผลา พหู
อโถ ฑํสา จ มกสา
อัป์ปเมว สิรึสปา
วเน พาฬมิคากิณ์เณ
หึสา มัย๎หํ น วิช์ชติ
พหูนิ วัส์สปูคานิ
อัส์สเม สมโต มม
นาภิชานามิ อุป์ปัน์นํ
อาพาธํ อมโนรมํ ฯ
ส๎วาคตัน์เต มหาพ๎รเห๎ม
อโถ เต อทุราคตํ
อัน์โต ปวิส์ส ภัท์ทัน์เต
ปาเท ปัก์ขาลยัส์สุ เต
ติณ์ฑุกานิ ปิยาลานิ
มธุเกกา สมาริโย
ผลานิ ขุท์ทกัป์ปานิ
ภุญ์ช พ๎รเห๎ม วรํ วรํ
อิทํปิ ปานิยํ สีตํ
อาภตํ คิริคัพ์ภรา
ตโต ปิว มหา พ๎รเห๎ม
สเจ ต๎วํ อภิกังขสีติ ฯ
ปฏิค์คหิตํ ยํ ทิน์นํ
สัพ์พัส์ส อัค์ฆิยํ กตํ
สัญ์ชยัส์ส สกํ ปุต์ตํ
สิวีหิ วิป์ปวาสิตํ
ตมหํ ทัส์สนมาคโต
ยทิ ชานาสิ สํส เมติ ฯ
น ภวํ เอติ ปุญ์ญัต์ถํ
สิวีราชัส์ส ทัส์สนํ
มัญ์เญ ภวํ ปัต์ถยติ
รัญ์โญ ภริยํ ปติพ์พตํ
มัญ์เญ กัณ๎หาชินํ ทาสึ
ชาลึ ทาสัญ์จ อิจ์ฉสิ
อถวา ตโย มาตาปุต์เต
อรัญ์เญ เนตุมาคโต
น ตัส์ส โภคา วิช์ชัน์ติ
ธนธัญ์ญัญ์จ พ๎ราห๎มณาติ ฯ
อกุท์ธรูปาหํ โภโต
นาหํ ยาจิตุมาคโต
สาหุ ทัส์สนมริยานํ
สัน์นิวาโส สทา สุโข
อทิฏ์ฐปุพ์โพ สิวีราชา
สิวีหิ วิป์ปวาสิโต
ตมหํ ทัส์สนมาคโต
ยทิ ชานาสิ สํส เมติ ๚
๏ ภารท๎วาโช อันว่าพราหมณชราภารทวาชชาติเข็ญใจ คัจ์ฉัน์โต ก็ไต่เต้าตามอรัญวิถี มีสำคัญเขาแลไม้อันนายพเนจรเจตบุตรบอกแจ้งแล้วแต่หลัง อัท์ทส อจุตํ ที่ประสบพบพระสิทธาจารย์จอมอจุตใจจงเจริญจรรยายอดโยคี ก่อกองกูณฑพิธีกระทำนมัสการ จึงกล่าวปฏิสันถารถามถึงทุกขไภยพยาธิแลเหลือบยุงบุ้งร่านริ้นกินโลหิต สรรพอสรพิศม์พวกพาฬมฤคร้ายกาจอันจะรบกวน ถามถี่ถ้วนถึงที่เที่ยวแสวงหามูลผลาหาร พระสิทธาจารย์เจ้าจึงแจ้งเหตุ ว่าสรรพไภยอาเภทไม่พาธากระทำร้าย ทั้งมูลผลาหารก็หาง่ายไม่ฝืดเคืองขัดสนผลเอมโอชอันจะขบฉัน เชิญทชี ชำระเท้าเสียให้สิ้นธุลีในโรงน้ำ กระทำภุตตกิจกินผลไม้มีอยู่มากครัน ผิจะฉันจงฉันเถิด น้ำฉันเราก็ตักไว้ในตุ่มเต็มตามแต่จะปราถนา ท่านทุเรศสัญจรมาในวันนี้ นามศรีสวัสดิวิเศษเกษมสานต์ การเจริญอย่ารั้งรอเร่งฉันเถิดนะทชี พระเจ้าข้า เจ้าประคุณใจอารีรบจะให้รับประทาน ทรงพระคุณหาอันใดปานบมิได้ ข้าทอาจารย์จะขอรับดำรงไว้ที่หว่างเกล้า ด้วยข้าเถ้าอุส่าห์สืบเสาะเฉภาะหน้ามาทั้งนี้ ด้วยมีกระมลมุ่งมาดหมายประสงค์ จะใคร่ประสบพบพระองค์อรรคบรมทานาธิบดี มีนามพระเพศยันดรอดุลดวงดิลกเลิศกระษัตริย์ในสากล ยทิ ชานาสิ สํส เม ผิแลพระผู้เปนเจ้าแจ้งตำบลบพิตรที่สถิตย์สถาน จงโปรดเกล้าข้าพฤฒาจารย์ให้ทราบเหตุสักน่อย เหม่มึงนี่ชรอยถ่อยทรลักษณ์ลามกธรรม์ ใช่จะมาด้วยหวังสวัสดิเปนทางสวรรค์นั้นหามิได้ มัญ์เญ ดังกูนึกแน่ในใจไม่ผิดเนตร ชรอยจะมาขอองค์พระอัคเรศราชชายา ถ้าหาไม่ก็พระชาลีแลกัณหาทั้งสององค์ เออก็ท้าวเธอมาทรงสร้างแสวงบุญบำเพ็ญผลเพิ่มผนวชในพนัศดงดอน มีแต่ลูกรักสายสมรกับพระมเหษี เปนสามสี่องค์ด้วยกันเท่านี้เห็นหน้ากันเมื่อกาลไร้ ฤๅมีทรัพยสิ่งใดซึ่งจะได้ติดพระองค์มา มันช่างไม่คิดอนิจจา ดีแก่ใจอย่างไรหนอนะทชี
อกุท์ธรูปาหํ โภโต พระเจ้าข้าพระฤๅษีอย่าเพ่อโกรธ ข้าทชีนี้ใช่พราหมณโหดหินชาติเหมือนเช่นว่า ไม่จงหวังตั้งหน้ามาขอทาน กระทำให้เสียจารีตรามราชวิไชยมหาศาลสืบประเพณี ถึงจะบริภาษพ้อจนเพียงนี้ ข้าน้อยก็หนักแน่นนึกเกรงไม่โกรธตอบ ด้วยตัวตั้งอยู่ในความชอบไม่แผกผิด มานี่หวังจะใคร่ประสบพบพานบพิตรพุทธพงษ์ทิพากร อันเปนศรีสวัสดิสุนทรทางทัศนานุตริยธรรมอันอุดม ด้วยได้สโมสรสมาคมคบหากับพระองค์ ผู้ทรงพระปรีชาเชื้อปราชญ์ไม่มีเปรียบประยูรยศอันใหญ่ยิ่ง แต่จากเมืองมาอยู่ป่าเปนความจริง ข้าพระเจ้ายังมิได้เห็นพระองค์เลย พระคุณเจ้าเอ่ย เอนดูเถิดถ้ารู้แห่ง จงช่วยชี้ตำแหน่งนิวาศฐาน ให้แก่ข้าทอาจารย์ณกาลบัดนี้เถิด ๚
๏ ตํ สุต๎วา ตาปโส พระอจุตฤๅษีได้สดับสารคดีมุสาวาท ทชีชาติทรชนช่างรำพรรณพูดให้เชื่อก็เชื่อฟัง จึงให้พราหมณยับยั้งอยู่อาไศรย ในอาศรมสิ้นส่วนแห่งราตรี ยังทชีเถ้าทลิทกให้รับประทานมูลผลาหารของป่า ครั้นรุ่งสางสว่างเวลาอรุโณไทย จึงพาพราหมณไปสถิตย์ที่ต้นทางเถื่อนวิถี จึงยกทักขิณหัดถ์ขึ้นชี้ให้ทชีจำรยะมรรคา ก็กล่าวเปนสารพระคาถา
เอสเสโล มหาพ๎ราเห๎ม ฯลฯ
เอวํ รัม์โม ตโปวเนติ ๚
๏ พ๎ราเห๎ม ดูกรมหาพราหมณ์พรหมบุตรบรรพชาชาติทิชงคพิไสย เอสเสโล แลถนัดในเบื้องน่านั้นเขาใหญ่ ยอดเยี่ยมโพยมอย่างพยับเมฆ มีพรรณเขียวขาวแดงดูอดิเรกดังรายรัตนนพมณีแนมน่าใคร่ชม ครั้นพระสุริยแสงส่องระดมก็ดูเด่นดังดวงดาววาวแวววะวาบ ๆ ที่เวิ้งวุ้ง วิจิตรจำรัสจำรูญรุ่งเปนสีรุ้งพุ่งพ้นเพียงคัคณัมพรพื้นนภากาศ บ้างก็เกิดก่อก่อนปลาดศิลาลายแลละเลื่อม ๆ ที่งอกง้ำเปนแง่เงื้อมก็ชงุ้มชโงกชง่อนผา ผุดเผินเปนแผ่นภูตะเพิงพัก บางแห่งเล่าก็เหี้ยนหักหินเห็นเปนรอยร้าวรานระคายควรจะพิศวง ด้วยธารอุทกที่ตกลงเปนหยาดหยัดหยดย้อยเย็นเปนเหน็บหนาว ในท้องถ้ำที่สถิตย์ไกรสรราชสถาน บังเกิดแก้วเก้าประการกาญจนประกอบกัน ตลอดโล่งโปร่งปล่องเปนช่องชั้นวิเชียรฉายโชติช่วงชัชวาลย์สว่างตา แสนสนุกในห้องเหมคูหาทุกหนแห่งรโหฐาน เปนที่เสพอาไศรยสำราญแห่งสุรารักษรากโษษสรรพปิศาจมากกว่าหมื่นแสน สพรั่งพฤกษพิมานแมนทั่วทุกหมู่ไม้บรรดามีในเขานั้น ย่อมทรงทศพิธสุคันธขจรอาจจะจับใจเปนอาจิณ คัน์ธมาทโน จึงเรียกนามว่าศีขรินทรคันธมาทน์มหิมา เหตุประดับด้วยพฤกษาทรงสุคนธชาติสิบประการมี เชิญทชีจงไต่เต้าตามตีนเขาข้างอุตราภิมุข เขม้นหมายเฉียงเหนืออย่านอนใจ โน่นนั่นคือหมู่ไม้มีอเนกนา ๆ นับบมิถ้วน นีลา แลสล้างล้วนสูงสลอน ออกอรชรช่อผลผกา เกิดกับกิ่งก้านระกุแกมแนมใบวิบุลระบัดบัง เขียวชอุ่มเปนพุ่มตั้งดังจอมเมฆมัวเปนหมอกมูล สัพสรรพตระกูลทิชากรก็เกริ่นร้องกับกิ่งรุกขเรียงราย ครั้นเวลาลมชายรำพายพัด กิ่งก้านก็ไกวกวัดสบัดโบก ลำต้นยอดเขยื้อนโยกอยู่ไปมา อิว มานวา เหมือนมานพเสพสุราเมื่อแรกเริ่มพึ่งรู้รศ ได้ดูดดื่มคราวเดียวไม่ทันหมดก็เมามาย จะตั้งตรงดำรงกายบร้างรอด ด้วยสุราร้ายฤทธิแรงเมา ในพื้นภูมิภาคนั้นเล่าก็แลเลื่อน ล้วนผกากุ่มหล่นลงกลาดเกลื่อนที่กลางดินดูดาษดา สัท์ทรา หริตา พรรณหญ้าแพรกก็ขึ้นสพรั่งเขียว คือสร้อยฅอขนมยุรยลระยับอ่อนอย่างสำลีไยไม่ยาวสั้น สี่องคุลีมีเสมอกันไม่ก้ำเกิน อันทางที่จะเดินนั้นสดวกดาย สบายบาทบทจรเจริญใจ ผงไผ่ภัศมธุลีลอองอันเลอียดเปนฝุ่นฟุ้งมิได้เฟื่องฟื้น ด้วยหญ้าแพรกปูปกไปเปนพื้นภูมิพนัศสถาน เทียรย่อมให้เกิดวัฒนาการกำหนัดใน กำหนดนามมิ่งไม้อันมีผล มีอัมพพฤกษเปนต้นดังสำแดงมา ในจุลวันคาถานั้นแล ๚
๏ พ๎ราเห๎ม ดูกรมหาพราหมณ์ผู้ประพฤติพรตพรหมจรรยา เราจะพรรณาถึงสระศรี อันมีอยู่ที่แทบพระอาศรมศิวาวาศ แห่งสมเด็จบรมบาทบพิตรพิชิตพิไชยเฉลิมชาวเชตอุดรราชธานี มีนามมุจลินทสระสนาน สี่เหลี่ยมเปี่ยมไปด้วยชลธารชโลทกเทียบเทียมไพฑุริยจินดาดวงดูใสสอาด เย็นยะเยือกอย่างอมฤตยวาริน ระรื่นรวยด้วยกลิ่นอายอบอวล ฝูงกินรคณานางย่อมชักชวนกันมาอาบกินเกษมสานต์ แสนศุขสำราญสารภิรมย์ระร่าเริงบรรเทิงใจในสระนั้น อเถต์ถ ปทุมา ผุล์ลา อำพนด้วยบุษบัวเบญจพรรณมีประเภทพิจิตรอาจจะจับเอาใจ ที่ขาวก็ขาวแข่งไสวสีเสวตรวิสุทธิสดสอาด โขมาว ดังสุขุมโขมพัตรลาดแลละลิบละลานตา พรรณที่เขียวแดงดาษดาดูดังแสร้งรดับสลับสลอนล้วนเปนเหล่ากัน พวกอุบลบัวผันแลเผื่อนผุดกมุทหมู่ลิญจงขจายบาน ในคิมหันต์เหมันตกาลประกอบเกิดกับน้ำกำหนดตื้นยืนเพียงเข่าควรจะปราโมทย์ อันว่าโกสุมสโรชก็โรยรายร่วงรศเรณูนวลผกาเกสร หมู่แมลงมาศภมรก็มัวเมาเอาชาติลอองอันเลอียด เสียดแซกไซ้สร้อยเสาวคนธขจร หึ่ง ๆ บินวะวู่ว่อนร่อนร้องอยู่โดยรอบขอบจตุรสระศรี สรรพพืชผักในวารีแลริมเฉนียนอเนกนับมากกว่าหมื่นสิ่ง เปนต้นว่าสาหร่ายสายติ่งตบแลตับเต่า เหล่าถั่วเขียวถั่วราชมาศ พื้นพรรณผักกาดแกมกระเทียมหอมเห็นใบไสว เต้าแตงแฟงฟักใหญ่ยิ่งเท่าเภรี วาริโคจรา หมู่มัจฉาชาติในสระศรีสุดที่จะร่ำ คลาย ๆ ว่ายอยู่คล่ำ ๆ เข้ากินไคลแล้วเคล้าคู่ ตะเพียนทองล่องลอยอยู่ที่หลังชล กินเกสรอุบลเบือนเข้าแฝงบัวให้บังกาย นวลจันทร์พรรณเนื้ออ่อนแอบสวายแสวงวัง นลเป สิงคิกุม์ภิลา กรกฏกุ้งกั้งมังกรกุมภีล์ ตะโกกกาแกมกระดี่ชะโดดุกก็โดดดิ้น เที่ยวเล็มล่าหาอาหารกินในท้องธาร แสนสนุกในสระสนานอเนกา ดังสระสวรรค์สุนันทาทิพยสโรชโบษขรณี อันมีในไตรตรึงษตรีเนตรสหัสจักษุเทเวศร์วัชรินทร ที่ขอบสระนั้นเปนทรายอ่อนรคนดินดูสอาด พื้นพืชคามขึ้นปลาดล้วนพิเศษสรรพโอสถทุกสิ่งสมตำรา คือภิมเสนเสนียดกฤษณาหนาดโลดทนง จันทนามหาสดำดงมะเดื่อดินดีนาคราช โกฐกลำพักเพ็ชสังฆาฎขอนดอกดงกำยาน ราเชนชมดหมู่กระวานว่านวิเศษ สหัสคุณเทศขันทองเทพทาโรราชพฤกษ์กระเพราแดง พระยาสัตบรรณสมุลแว้งว่านน้ำอเนกนักสุดที่จะพรรณา ยังเล่าเหล่าพฤกษาที่เนินทราย ก็รายเรียงร่มรื่นขึ้นอยู่โดยรอบโรงพิธีกูณฑ์ แห่งสมเด็จอดิศรบดินทรสูรสรรเพ็ชญ์พุทธพงษ์เพศยันดร ยมโดยประดู่ดอกออกสลอนสลับมะลุลีกระดังงา สัล์ลกิโย จ ปุป์ผิตา กระทุ่มทองแทงทวยทั้งกรวยกร่าง จิกแจงดอกกระจ่างแลช้างน้าว กิ่งก้านก็ก่ายก้าวเกี่ยวประสาน สุรภีพิกุลกาญจนแก้วเกดกรรณิการ์แกม มหาหงประยงคุ์แย้มยี่เข่งเข็ม พรรณพุดตาลก็บานเต็มแต่ล้วนเหล่ากุหลาบตระหลบดง รวยๆ ลำดวนส่งสร้อยสุคนธา หอมประทิ่นกลิ่นโยทกาตระการใจ จำปาออกดอกไสวเรณูนวลล้วนกาหลงเหล่าบุนนาก กากะทิงกถินกลิ่นหอมหลากล้วนวิเศษ ดูกรทชีทิเชตอันชั้นนอกนั้นดาษดื่นพื้นพฤกษาสูง เหล่ายางยูงพยอมใหญ่ย่อมเยียดยัด อกุฏิลา ลำต้นตละคันฉัตรเฉิดรหง ตรงละลิ่วแลสูงสพรั่ง พรรณพฤกษเต็งรังร่มเรียงเหียงหาดเห็นเปนเหล่า ๆ สิม์พลีรุก์ขา หมู่งิ้วง้าวงามตระหง่าน ปานประหนึ่งว่านายช่างหากพิจิตรผจงเขียน ทั้งคุยข่อยแคคางนางตะเคียนก็คับคั่ง พวกผึ้งก็พากันมาจับประจำกระทำรังเจริญรวงมธุรศวารี ที่ค้อมคดกะทดกะทันนั้นก็มีอยู่มากหลาย กัท์ทลีโย อนึ่งผลกล้วยกล้ายดิบสุกทรามกำดัดกินก็เกลื่อนกลาด ย่อมมีอยู่ที่ใกล้พระอาวาศบริเวณวนาศรม แห่งพระผู้อุดมด้วยศีลวัตรวรวิเศษ สืบสร้างแสวงเพศผนวชในพนัศกันดาร อันเปนเขตรพระหิมพานต์นั้นแล ๚
อเถต์ถ สีหา พ๎ยัค์ฆา จ ฯลฯ
ชาตเวทํ นมัส์สตีติ ๚
๏ พ๎ราเห๎ม ดูกรทชีชาติทิชงค์เชื้อมหาศาล เอต์ถ พ๎รหาวเน ในห้องหิมพานต์ภูมิพนัศวิไสยสุดที่จะรำพรรณ พวกคณานิกรสัตวทั้งหลายนั้นอนันต์อเนกนับมากกว่าหมื่นแสน ย่อมอาไศรยในด้าวแดนดงกันดาร ไพรพฤกษาสารสโมสร สรรพจัตุบทนิกรกับทวิบาท เปนต้นว่าสัตวสุรสีหชาติสี่จำพวกพาฬผรุสร้ายราวี หนึ่งนามชื่อว่าติณราชสีห์เสพซึ่งเส้นหญ้าเปนอาหาร หนึ่งชื่อว่ากาฬสีหแลบัณฑุสุรมฤคินทร์ เสพซึ่งมังสนิกรกินเปนภักษา สามราชสีห์มีสริรกายาอย่างพยัคฆโคขนพิกลหลาก ๆ กัน พรรณที่มนมัวเปนมันหมึกมืดดำสำลานเหลืองแลประหลาด หนึ่งนามไกรสรราชฤทธิเริงแรง ปลายหางแลเท้าปากเปนสีแดงดังย้อมครั่ง พรรณที่อื่นเอี่ยมดังสีสังข์ใสเสวตรวิสุทธิสดสอ้าน สามลายวิไลยผ่านกลางพื้นปฤษฎางค์แดงดังชุบชาด อันนายช่างชาญฉลาดลากลวดลงภู่กันเขียน เบื้องอุรุนั้นเปนรอยเวียนวงทักษิณาวัฏ เกสรสร้อยสอดังผ้ารัตตกัมพล ย่อมสถิตย์ในคูหาเหมไหรญไพโรจรัตนผลึกเลื่อมมโนศิลาลาย ครั้นแสงพระสุริยบดบ่ายสนธยาบาต ก็ตื่นจากไกรสรไสยาศน์เยี่ยมออกมา จากถ้ำแก้วกนกรัตนคูหาห้องรโหฐาน เหยียบยืนพื้นประพาฬพรรณประไพแผ่นผลึกเลิศศิลาทอง แล้วเหยียดหยัดสลัดลองไขซึ่งลมฆาน ให้สุรศัพทสท้านสเทื้อนดังเสียงฟ้า วิ่งฉวัดเฉวียนไปมาด้วยสามารถ โผนเผ่นทยานผาดแผดเสียง พวกพยัคฆหมอบเมียงเขม้นหมาย หมู่มฤคคำรามรนแล้วเร่ร้อง อัศวมุขีก็คนองพาคณาเที่ยวในเถื่อนทาง หัต์ถิโย ฝูงช้างก็ชักโขลงคละคลายคล่ำเคลื่อนคลาขึ้นจากท่าแลลงธาร ทุกแห่งหุบห้วยละหานเที่ยวหากิน มีหัศดินทรอรรคอำนวยวงษ์ ทรงศุภลักษณพิเศษคชสารสิบตระกูลเกิดกับป่า ทั้งพวกพรรณหมู่ม้ามิ่งมงคลลักษณหลายอย่าง ทั้งเขียวขาวด่างดำแดงอดิเรกร้องหฤหรรษ์ หมู่ทรายก็ส่งเสียงกระสันแซ่เซงประสาน ฟานฝูงคณาเนื้อนิกรกวางดงดูนี่แดงดาษ หมู่ละมั่งระมาดระมัดกาย ชมดฉมันหมายเม่นหมีหมูหมู่กระทิงเถื่อนโคถึกเที่ยวทุกสถาน กาษรกำเลาะลานก็ลับเขาเข้าเคียงคู่ กระจงจามรีรู้ระวังขนมิให้ขาดระคาย ตุลิยา นลสัน์นิภา กะรอกตุ่นกระแตต่ายก็ไต่เต้น เหล่าลิ่มแลเหี้ยเห็นก็รเหหันหาภักษา พวกพรรณเลียงผาก็ผาดผันเผ่นโผน มัก์กฏา ฝูงพานรกระโจมโจนทยานยุดโยนโยกยะยวบไม้ หมู่ค่างบ่างชนีไห้คระโหยหวล เสียงโขมดนางไม้เล่าก็คร่ำครวญอยู่ครึมคราง ปางเมื่อยามย่างเข้าสายัณห์ย่ำยอแสงสหัสภาณุมาศ ได้ฟังแล้วนี่ก็หวั่นหวาดวังเวงวิเวกวนาสัณฑ์ เสียวสท้านสทึกพรั่นเย็นระย่อยะเยือกสยดสยอง หริ่ง ๆ เรไรร้องทุกราวรุกข์ระงมป่า แจ้ว ๆ จักกระจั่นจ้าประจำดง นานาทิชคณากิณ์ณํ พวกพรรณพิหคหงษ์ก็เหินหันเข้าหาคู่คณานางนกแนบในรังเรียง หมู่มยุรก็ส่งเสียงกระสันเมฆมาดหมายเปนภักษา ปภัส์สรา จ กุก์กุฏ์ฐกา สกุณกดไก่แก้วกะหรอดกะเรียนร้องระวังไพร จากพรากเพรียกจับพฤกษาไสวแสวงเหยื่อมาเผื่อเพื่อน สัตตวาวายุภักษ์เลื่อนชลอยลม เหล่ากะลิงโกกิลากระลุมภูก็โผผิน พวกพรรณประหิดหัศดินแลดอกบัว กระตั้วกระเต็นเต้นเบญจวรรณา โนรีสาลิกาตระเวนวัน พรรณขาบคุ่มกระทาขันกางเขนเขา เหล่าล้วนเลิศด้วยขนเขียวขาวแดงดูประหลาด อัณ์ฑชาทั่วทิชคณานั้นมีชาติเกิดแต่ฟองฟัก เสียงสุโนคเสนาะนักว่าใคร่ฟัง ย่อมอาไศรยทำรวงรังอยู่โดยรอบขอบจตุรกระแสสินธุ์ ชื่อว่ามุจลินทสโรชโบษขรณี ดูกรทชี อันหนทางที่จะเดินนั้นโตรกตรง จงอุส่าห์ไปอย่ากลัวอด ด้วยป่าอ้อยเอมโอชารศนั้นมีเรียดริมมรคา เวส์สัน์ตโร ราชา อันว่าสมเด็จบรมบพิตรพระยาธรรมธิเบศร์เวสสันดร กับกระษัตริย์ทั้งสามสโมสรทรงพรตเปนบรมดาบศราชฤๅษี อาสทัญ์จ มสัญ์ชฏํ ทรงกระหมวดมุ่นพระโมฬีเลิศอลังการ เฉวียงเวี่ยบวรสังวาลวิจิตรจัมมาภรณ์ ฉมา เสติ กระทำพื้นพสุธาธรเปนแท่นที่พระผธมทรง น้อมพระองค์ลงถวายกรกองกูณฑ์พิธีกระทำนมัสการ ยัต์ถ ปเทเส สำเร็จพระอิริยาบถสำราญในสถานที่ใด เชิญทชีทิชงค์จงไปสู่สถานที่นั้นเถิด ๚
ตมัต์ถํ ฯ อิทํ สุต๎วา พ๎ราห๎มณพัน์ธุ ฯลฯ
ยัต์ถ เวส์สัน์ตโร อหูติ ๚
๏ ยํ อัต์ถํ อันว่าอัตถอันใดยังมิได้ปรากฎในจุณณิยบทภายหลัง ตํ อัต์ถํ สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธบรมนารถนราสภศาสดาจารย์ เมื่อจะโปรดประทานอัตถอันนั้นให้แจ้ง จึงตรัสว่า ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวิไนย ผู้เห็นไภยในสังสารวัฏโดยวิเศษ พ๎ราห๎มณพัน์ธุ อันว่าเถ้าทิเชตชาติทิชงค์พงษ์เผ่าภารทวาชโคตรคนภิกขาจาร สุต๎วา ครั้นได้สดับสารพระนักสิทธิสิ้นสงไสยโสมนัศปราโมทย์ น้อมเศียรศิโรตม์ด้วยมโนภิรมย์ระรื่นเริง รับคำพระอจุตฤๅษีซ้องสาธุการสรรเสริญ ปทัก์ขิณํ กัต๎วา เถ้าก็ด่วนเดินกระทำประทักษิณสิ้นตติยวารกำหนด นมัสการประนตประนมลา บ่ายภิมุขมุ่งพฤกษาสำเหนียกเนินไศล ไปโดยอุดรทิศสถลมารครมัดกาย ผู้เดียวเดินสันโดษดายในแดนดงพงพนัศแสนกันดาร เห็นแต่ไพรพฤกษาสารกับเสื้อสีห์สรรพสัตวนิกรอันร้ายกาจ เวส์สัน์ตโร อันว่าพระพงษ์ภาณุมาศมิ่งมไหสวรรย์พระเวสสันดรราชฤๅษี อหุ เมาะ อโหสิ และมี ยัต์ถ ปเทเส ในอมรินทรสุราศรมบรมนิวาศฐานเทวนฤมิตรสถิตย์ประเทศที่ใด ปัก์กามิ พราหมณ์ก็รีบร้อนสัญจรไปด้วยใจหวัง ตํ ปเทสํ สู่ประเทศที่นั้นแล ๚
มหาวนวัณ์ณนา นิฏ์ฐิตา
ประดับด้วยพระคาถา ๘๐ พระคาถา
----------------------------