กัณฑ์ที่ ๒ หิมพานต์พรรณา
๏ อิติ สา วเร คเหต๎วา ตโต จุตา มัท์ทรัญ์โญ อัค์คมเหสิยา กุจ์ฉิม๎หิ นิพ์พัต์ติ ชายมานาย จัน์ทนจุณ์เณน ปริป์โผสิเตน วิย สรีเรน ชาตัต์ตา เตนัส์สา นามคหณทิวเส ผุส์สตีเต๎วว นามํ กรึสุ ฯ สา มหัน์เตน ปริวาเรน วฒิต๎วา โสฬสวัส์สิกกาเล อุต์ตมรูปธรา อโหสิ ๚
๏ สา ผุส์สตี อันว่าสมเด็จพระผุสดี ผู้ทรงศรีสุนทรเลิศลักษณา วเร คเหต๎วา ครั้นได้รับพระราชทานซึ่งทศวรพรสิบประการ อันท้าวมัฆวานประสิทธิ์ให้ จวิต๎วา ก็จุติจากสุราไลย ลงปฏิสนธิในมาตุคัพโภทรบวรราชวงษ์ องค์อรรคมเหษีตระกูลเกษกระษัตริย์มัทราช ทสมาสัจ์จเยน ถ้วนทศมาศประสูตรพระราชกุมารี สรีเรน ชาตัต์ตา ผิวพรรณฉวีวรรณพระองค์ประดุจหนึ่งทรงเฉลิมลูบด้วยแก่นจันทน์ ญาติกุลา พระประยูรญาติทั้งหลายนั้นถวายพระนามชื่อว่าผุสดี ก็สมมูลปณิธีอันตั้งไว้ โสฬสวัส์สิกกาเล ครั้นพระชนม์ได้สิบหกปี ก็ได้เปนองค์เอกอรรคมเหษีสมเด็จพระเจ้ากรุงสญไชย ผู้เสวยศิริมไหสุริยราชวงษ์ เปนจอมขัติยพงษ์ผ่านพิภพสีพี สัก์โก เทวราชา ส่วนสมเด็จโกสีย์สหัสไนยเทวราช รำพึงถึงพรซึ่งประสาทพระผุสดี พระพรทั้งเก้านี้ก็สำเร็จแล้ว ยังแต่พระลูกแก้วที่นางปราถนา ควรอาตมาจะประสิทธิ์ให้ สัน์ติกํ คัน์ต๎วา ก็เสด็จครรไล่ไปสู่ทิพยพิมาน อันเปนนิวาศฐานหน่อพุทธางกูร ครั้นถึงจึงบังคมทูลอาราธนา พร้อมด้วยเทพยดาทั้งหกหมื่น ก็ชวนกันชมชื่นรับปฏิญาณ ส่วนพระโพธิสัตว์ก็จุติจากทิพยสถานพิมานมาศ ทรงเสวยปฏิสนธิชาติในครรภ์พระผุสดี พระนางเธอก็เปรมปรีดิ์ทุกเวลา สัพ์เพ เทวคณา ฝ่ายฝูงเทพยดาทั้งนั้น ก็จุติจากสวรรค์พิมานมาศ ลงสู่ครรภ์ภริยาอำมาตย์ทั้งหกหมื่น ก็พร้อมวันทันคืนแลเวลา ด้วยหน่อพระศาสดาเจ้านั้นแล ๚
๏ สา ผุส์สตี อันว่าสมเด็จพระผุสดี ผู้เปนจอมนารีราชวงษ์ ทสมาเส ธารยิต๎วา เมื่อพระนางเธอทรงพระครรภ์ถ้วนทศมาศ ปราถนาจะใคร่ประพาศชมพระนคร จึงทูลวอนพระภรรดา ท้าวเธอก็ทรงพระกรุณาให้ตกแต่งนคเรศ เหมือนทิพยนิเวศน์สุราไลยมโหฬาร ให้ทรงสีวิกากาญจนประดับ เปนสีแสงสุวรรณวาบวับรยับตา พร้อมไปด้วยตระกูลราชกัญญาแห่แหนเปนขนัด ธงไชยมยุรฉัตรพัดโบกบังพระสุริยามาศ เสียงดุริยางคพิณพาทย์ฆ้องกลองประโคมแห่เปนคู่ ๆ ดูสพรั่ง ปุรํ ปทัก์ขิณํ ประทักษิณเวียนรอบพระภารา เวส์สานํ วิถิยา ตามมรรคาถนนหลวง ที่พ่อค้าทั้งปวงประชุมกันมิได้ขาด กัม์มัช์ชวาตา ลมกัมมัชวาตประพาตผัน ทรงประชวรพระครรภ์ดูอนาถ ฝ่ายประยูรญาติแวดล้อมเปนขนัด นางกระษัตริย์ก็ประสูตรพระราชกุมาร ในสถานที่นั้นแล ๚
ตโต จุตา สา ผุส์สตี ฯลฯ
สิเนรุวนวฏํสกาติ ๚
๏ มหาสัต์โต อันว่าพระบรมพุทธพงษ์โพธิญาณ เสด็จจากอุทรสถานพระมารดา อัก์ขีนิ อุม์มิเลต๎วา ลืมพระเนตรทั้งซ้ายขวาเหยียดพระกร จึงทูลวอนพระมารดาว่า อัม์ม ข้าแต่พระแม่เจ้า ยํกิญ์จิ ธนํ อันว่าทรัพย์อันใดของเราที่บรรดามี พระลูกนี้จะบำเพ็ญทาน ได้ทรงฟังก็บันดาลอนาถนัก จึ่งส่งทรัพย์ให้แก่พระลูกรักพันตำลึง จึงว่าพ่อถ้าพอพึงชอบฉันใด เจ้าจงให้ตามปราถนา โพธิสัตวตรัสด้วยพระมารดาก็ปรากฎ ชาติเปนมโหสถเวสสันดร กิติศัพท์ก็ขจรกัมปนาท ครั้งเมื่อปัจฉิมชาติก็เหมือนกัน เปนมหัศจรรย์จุฬาโลกเลิศพสุธา สัพ์เพ ขัต์ติยา ฝ่ายประยูรวงษาสโมสร นามํ กรึสุ จึงถวายพระนามว่าเวสสันดร เหตุประสูตรกลางพระนครตรอกพ่อค้า เอกากเรณุกา ยังมีนางกุญชรคชาชาติฉัททันต์เถื่อนเที่ยวอยู่ในกลางอากาศ ก็พาบุตรขาวบริสุทธิดังไกรลาศเลิศล้น มาไว้ในโรงช้างต้นเปนมงคลราชคชาธาร แล้วก็คืนยังสถานวนเวศ สัพ์เพ ชนา อันว่าประชาชนชาวพิไชยเชตอุดร จึงให้ชื่อกุญชรปัจจัยนาเคนทร์ ควรจะเปนศรีสง่างามพระนคร เพราะเกิดเปนปัจจัยแก่พระเวสสันดรมหาสมมุติวงษ์ ฝ่ายบรมพงษ์วราราช ท้าวเธอก็ประสาทพระนม ทรงศรีสวัสดิอุดมเลิศลักษณนารี หกสิบสี่ล้วนสมบูรณ์ ประทานให้ประโลมเลี้ยงพระลูกเจ้าทุกเวลา ชาติทารกา ถึงทารกที่เกิดพร้อมด้วยพระลูกรัก สมเด็จพระจอมปิ่นปักก็ประทานนางนมทุกตัวคน แล้วประทานเครื่องต้นอลังการ สำหรับพระกุมารบรมราชวงษ์อันเลิศแล้ว แต่ล้วนแก้วกาญจนมณี หน่อพระชินสีห์โมฬีโลก พระไทยนั้นปราถนาจะข้ามโอฆสงสาร มิได้ย่อหย่อนที่จะบริจาคมหาทาน เมื่อพระชนมานได้สี่ห้าพระวรรษา โอมุญ์จิต๎วา จึงเปลื้องเครื่องปิลันทนาจากพระองค์ทรงประสาทให้ แก่พระนมกำนัลในทุกถ้วนหน้า สิ้นวารเก้าครั้ง ด้วยพระไทยท้าวเธอหวังพระโพธิญาณ ในอนาคตกาลนั้นแล ๚
๏ โส โพธิสัต์โต สมเด็จบรมหน่อพุทธางกูร เมื่อพระชนมานบริบูรณแปดพระวรรษา เสด็จสถิตย์แท่นบวรมหาไสยาอาศน์ ปาสาทวรคโต ในปราสาทรัตนพิมานทอง จิน์เตสิ จึงทรงพระดำริห์โดยคลองพุทธภูมิภาคพระโพธิญาณ ว่าอาตมบริจาคทานอลังการรัตนวิภูสิตประเสริฐ ก็เปนพาหิรกทานอันล้ําเลิศควรจะเลื่อมใส โกจิ ยาจโก สถ้าแลว่ายาจกผู้ใดจะปราถนาดวงหไทยเนื้อเลือด ก็จะฉะเชือดบริจาคให้เปนทาน จะแลกเอาพระโพธิญาณอันยอดยิ่ง ครั้นพระองค์จำนงนิ่งนึกจะให้อัชฌัตติกทาน ก็บังเกิดมหัศจรรย์บันดาลในบัดดล มหาปฐวี อันว่าพื้นพระธรณีก็เกิดจลาจลกัมปนาท สิเนรุปัพ์พตราชา ทั้งพระยาเขาสิเนรุราชสัตตภัณฑคิรีเรียง ดุจเอนเอียงล้มลู่ทลาย วิช์ชูลตา เสียงฟ้าประพาศสายสเทือนสท้าน สกลพิภพหิมพานต์ก็บันฦๅพิฦกลั่น สัตวจตุบาททวิบาทก็ผาดผันแซ่ซ้องเสียงสทึกสท้าน อากาศก็บันดาลเปนเมฆหมอกมืดมัวทั่วสกลมหามงคลจักรวาฬ สาคโร ทั้งสาครก็บันดาลเปนระลอกคระโครมครึกกึกก้องโกลาหล ปลาติมิงคลมัจฉาก็ดำด้นพ่นน้ําเปนฟองฝอย เหราลอยล่องฉวัดเฉวียนเวียนว่ายคล้าย ๆ ตามคลื่นฝืนฟัด มังกรสบัดโบกหางวางวู่เข้าเพิงผา มัจ์ฉกัจ์ฉปา เต่าปลาก็ดำโดดดิ้นเล่นกระแสสินธุ์สายสาคร ภุชงค์ชูเศียรสลอนตามกระแสชลพ่นน้ําเปนฝอยฟอง ช้างน้ำก็คนองลองงวงแลเงยงา สัพ์เพ เทวา ทั้งเทพยเจ้าในชั้นฉกามาพจรโสฬศพิมาน ทุกอมรสถานเทเวศร์ ในขอบเขตรขุนเขาทุกแหล่งหล้า ก็โปรยทิพรัตนมาลาสุมณฑาร ร้องส้องสาธุการอำนวยพร แก่พระเวสสันดรนั้นแล ๚
๏ โพธิสัต์โต อันว่าพระบรมราชพุทธพงษ์ผู้ทรงญาณ ครั้นพระชนมานเจริญรุ่นสิบหกปี ทรงพระลักษณราษีพร้อมมูล ทั้งพระบารมีก็เพิ่มภูลผุดพุ่ง ดุจจันทรจำรัสรุ่งในนภา ทั้งพระปรีชาก็เชี่ยวชาญ สิป์ปานํ นิป์ผัต์ติ รู้ศิลปสาตรสิบแปดประการก็เสร็จสิ้น สัญ์ชโย ส่วนสมเด็จกรุงสญไชยนรินทร์ปิ่นพิภพพสุธา พระไทยท้าวเธอปราถนาจะมอบเวน ซึ่งศิริรัตนราเชนทร์แก่พระลูกรัก จะให้เปนจอมปิ่นปักพระภารา มัท์ทึ อาเนต๎วา จึงนำมาซึ่งพระมัทรี ผู้ทรงศรีสวัสดิอุดมเลิศลักษณกัลยา เปนตระกูลธิดามาตุลราชวงษ์ ท้าวเธอก็ทรงราชาภิเศกเปนเอกองค์อรรคมเหษี ประทานราชกุมารีพระกำนัลหมื่นหกพันพระองค์นาง พื้นสาว ๆ สวยสำอางอันอย่างยิ่ง แล้วมอบมิ่งมไหสวรรย์ ให้สืบศรีสุริยสันตติวงษ์ดำรงราชประเพณี ฝ่ายหน่อพระชินสีห์เสวยสวัสดิโภไคย เปนจอมฉัตรพิไชยสีพี ทานํ ปวัต์เตสิ ท้าวเธอก็เปรมปรีดิ์ที่จะบริจาคทานมิได้ขาด จึงให้อำมาตย์ทำฉทานศาลา ทานํ ปวัต์เตต๎วา ให้จัดแจงทั้งเงินทองเสื้อผ้า ราชวัตถาสุภาภรณ์พรรณแพรม้วนมุ้งม่านกาญจนมณี สรรพภัณฑเครื่องดีอันมีค่า ตามแต่จะปราถนาแล้วยกให้ แก่ยาจกเข็ญใจทุกถ้วนหน้า ท้าวเธอทรงพระราชศรัทธามิรู้สิ้น ดุจพื้นพระธรณินทร์อันหนาหนัก เปนที่บำรุงรักแก่ไพร่ฟ้า มัท์ที สัพ์พังคโสภณา ส่วนนางพระยามัทรีเจ้าก็ทรงพระครรภ์ อุทรนั้นมิได้คลาศเคลื่อน ถ้วนสิบเดือนจึงประสูตรพระลูกยา พระญาติวงษาจึงรับด้วยข่ายทองอันบริสุทธิ จึงถวายพระนามราชบุตรชื่อว่าชาลี แล้วพระมัทรีเธอทรงพระครรภ์คำรบสอง ประสูตรนางน้องราชธิดา พระญาติวงษาก็รับรองด้วยหนังหมี ถวายพระนามราชบุตรีชื่อว่ากัณหาชินานาฎ เวส์สันตโร ราชา อันว่าพระเวสสันดรบวรราชวงษ์ ผู้ดำรงพิภพพสุธา ครั้นเวลาพระสุริยาอรุณรุ่งจำรัส บรมกระษัตริย์เสด็จทรงมหามงคลรัตนวิภูสิตประเสริฐสถาวร ทรงพระยาเสวตรกุญชรช้างพระที่นั่งอันเลิศแล้ว ประดับด้วยแก้วกาญจนมณีสีสลับ แสงวะวาบวับรยับตา พร้อมด้วยสหชาติโยธาแห่ห้อม จอมกระษัตริย์เสด็จยังโรงธาร พระไทยท้าวเธอเกษมสานต์โสมนัศเปรมปรีดิ์ ทรงกุญชรหัตถีทอดพระเนตรทุกโรงทานศาลา ในกาลนั้นแล ๚
๏ ตทา กาเล ในกาลเมื่อพระเวสสันดรอดุลดวงกระษัตริย์ ท้าวเธอเสวยสมบัติมโหฬาร กิติศัพท์ก็สท้านทั่วสกลพิภพธานีกรุงกระษัตริย์ พอเมืองกลิงคราฐมาเกิดวิบัติเข้าแพง ทั้งฝนก็แล้งมิได้ตกทั่วประเทศ สัส์สานิ เข้ากล้าทั้งหลายก็ตายทุกนิคมเขตรแว่นแคว้น ประชาชนก็ยากแค้นแสนกันดาร อดอาหารจนซูบผอม จึงชวนกันประชุมพร้อมน่าพระลาน ร้องทูลสารอุปกาศ พระเจ้ากลิงคราฐได้ทรงฟังคำประชาชน ว่าแค้นเคืองขัดสนด้วยความอด ท้าวเธอก็ทรงรักษาอุโบสถสิ้นกำหนดเจ็ดวัน วัส์สํ นาสัก์ขิ ฝนนั้นก็มิได้ตกต้อง สัพ์เพ นาครา ประชาชนชวนกันร้องประกาศสาร ว่า เทว ข้าแต่พระองค์ผู้ผ่านพิภพภารา เวส์สัน์ตโร ราชา ยังมีมหาสมมุติราชวงษ์ ทรงพระนามพระเวสสันดรยอดกระษัตริย์ เสวยสมบัติในกรุงไกรพิไชยเชตอุดร ท้าวเธอมีคชกุญชรเลิศแล้ว เปนช้างแก้วมหามงคลอันล้ําเลิศ สัพ์พเสโต ขาวประเสริฐดังไกรลาศคิรี อารุย๎ห ครั้นคนขึ้นขับขี่ไปสู่คามนิคมใด ๆ ทุกประเทศ วัส์สํ วสิ ฝนนั้นก็ตกลงทุกขอบเขตรแหล่งหล้า ขอพระองค์จงจัดหาพราหมณผู้ฉลาด ให้ไปสู่พิไชยราชธานี ขอคชสารศรีสวัสดิมงคล แด่พระจอมพสุธาดลเวสสันดร ท้าวเธอก็จะพระราชทานคชกุญชรมากรุงศรี ฟ้าฝนก็จะตกดีบริบูรณ์ ท้าวเธอได้ฟังประชาชนทูลก็ใช้พราหมณ์ทั้งแปดคนผู้ฉลาด เต พ๎ราห๎มณา อันว่าพราหมณทั้งแปดคนบังคมลาแล้วก็ลีลาศไปสู่กรุงสีวิราชธานี รชสิรา มีสริรกายคลุกเคล้าด้วยเท่าธุลีลอองผง ทานัค์คํ คัจ์ฉสิ ก็ตรงไปสู่โรงทาน เพื่อจะขอคชสารนั้นแล ๚
๏ ตโต รัต๎ยาวิวสเน ในเมื่อพระสุริยรังษีอร่ามรุ่ง แสงสุวรรณผุดพุ่งผ่องพื้นทิฆัมพรวโรภาษ เวส์สัน์ตโร ราชา สมเด็จบรมราชกระวีวงษ์พงษ์พุทธางกูรเกษกระษัตริย์ ปพุช์ฌิต๎วา เสด็จตื่นจากบรรจฐรณ์รัตนไสยาศน์ สระสรงเสาวคนธชาติวารี ขจรกลิ่นสุมาลีตระหลบองค์ อลังกริต๎วา ท้าวเธอก็ทรงเครื่องสรรพาภรณ์บวรวิภูสิต สังวาลวิจิตรจำหลักลาย ถมวิเชียรรายเรียงระดับ แสงวะวาบวับวิเศษสี ทับทรวงมณีอร่ามแพร้ว สอิ้งแก้วกาญจนประกิจกรอง สุวรรณวไลยทองธำมรงค์ มหามงกุฎอลงกฎประดับสำหรับกระษัตริย์เสร็จแล้ว พระกรกุมพระขรรค์แก้วยุรยาตร ทรงเสวตรกุญชรชาติคชาธาร พร้อมสหชาติทวยหาญแห่สพรั่ง เสียงดุริยางคประดังประโคมขานอยู่เซงแซ่ เครื่องสูงแห่เปนคู่ ๆ ดูสลับสลอน พวกพลบทจรโกลาหล ฝ่ายยาจกคนจนกระเจิงจร เบียดเสียดแซกซ้อนกันสับสน สาลวนที่จะรับพระราชทาน ท้าวเธอก็เกษมสานต์โสมนัศ ให้แจกจัดพรรณแพรม้วนมุ้งม่านกาญจนมณี ให้แก่ยาจกตามมีมิได้เลือกหน้า เต พ๎ราห๎มณา อันว่าพราหมณมาแต่กลิงคราฐ ล้วนคนฉลาดรู้อุบาย พาหา ปัค์คัย๎ห ประนมนิ้วเหนือเศียรเกล้าแล้วร้องถวายไชย สมเด็จบรมโพธิสัตว์ก็ตรัสปราไส โดยสารพระคาถา
ปรุฬ๎หกัจ์ฉนขโลมา ฯลฯ
รัฏ์ฐา ปัพ์พาชยัน์ตุ ตัน์ติ ๚
๏ โภน์โต พ๎ราห๎มณา ดูกรพราหณผู้ประพฤติพรหมเวสวิชา ท่านจักปราถนาซึ่งสิ่งอันใด อย่าเกรงใจจงแจ้งอรรถ พราหมณได้ฟังตรัสก็ปรีดา ด้วยสมทางท่าที่จะขอคชสาร จึงทูลว่า เทว ข้าแต่พระผู้ผ่านพิภพธรณีพระพุทธเจ้าข้า กิติศัพท์ข่าวเขาฦๅชาทุกไพร่ฟ้าประชาชน ทั่วสกลพิภพจักรวาฬ กระหม่อมฉานทั้งหลายมาทั้งนี้ หวังจะขอคชสารศรีสง่างามพระที่นั่งต้น เปนมหามงคลอันเลิศแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจงให้สำเร็จมโนรถ ความปราถนาแก่ข้าพฤฒาจารย์ ครั้นท้าวเธอได้ทรงฟังก็ชื่นบ้านโสมนัศจึงตรัสว่า พราหมณ์เอ่ย เราจะให้สำเร็จความปราถนา ตรัสแล้วก็เสด็จลงจากบรมคชาไอยเรศ ท้าวเธอทอดพระเนตรเครื่องประดับสำหรับมหาคชสารอลังการอันเลิศแล้ว พื้นเพชรรัตนแพร้วอร่ามรุ่ง กาญจนผุดพุ่งจำรัสสี ราชาวดีเปนเครื่องกรอง ผ้าปกตระพองตาข่าย ทับทิมรายรัตนามาศ หลังปกลาดรัตตกัมพล ทั้งรัตคนแก้วกรอง สุวรรณวไลยทองถมมุกดา ประดับสองงาอร่ามรัตน สายรัตพัตรพิจิตรถัก ผูกชนักแนบสองหู ห้อยพวงภู่ดูพิสุทธิสำอาง พร้อมด้วยบังสุริยางคเพริศพราย อภิรุมรายรัตนจามรี วาลวิชนีวิเชียรฉัตร สำหรับบรมจักรพรรดิ คชาธารอันล้ําเลิศ ช้างแก้วประเสริฐอันหาค่ามิได้ ทั้งอาภรณวิไลยหกสิ่งสรรพ ล้วนเครื่องประดับไม่มีค่า อิกทั้งนานาอลงกรณ์ สรรพคชาภรณ์ดังพรรณา ยี่สิบสี่แสนราคาคิดควร สิ่งของทั้งมวญแลหมอควาญ สำหรับพระยาคชสารพร้อมมิได้ขาด เวส์สัน์ตโร ราชา อันว่าพระเวสสันดรราชสุริยวงษ์ พระกรซ้ายทรงจับงวงคชไอยรา พระกรขวาทรงอุทกวารีคนทีทอง ท้าวเธอก็ร้องประกาศแก่อมรเทวราชทุกห้องฟ้า ให้ช่วยอนุโมทนาคชทาน แล้วตรัสเรียกพฤฒาจารย์มิได้ช้า หลั่งอุทกธาราให้ตกลงเหนือมือพราหมณ์ ตั้งพระไทยไว้ให้งามดังดวงแก้ว แล้วก็ออกอุทานวาจาว่า อิทํ ทานํ อันว่าผลทานของข้าจงสำเร็จแก่พระสร้อยสรรเพชญ์โพธิญาณ ในอนาคตกาลนั้นเถิด ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวร ปางเมื่อพระเวสสันดรทรงประสาท พระยากุญชรราชพาหนะพระที่นั่งต้น ก็เกิดมหาวิจลจลาจลทั่วพิภพพสุธา เต พ๎ราห๎มณา อันว่าพราหมณทั้งหลายครั้นได้รับพระราชทาน ซึ่งพระยากุญชรคชสารศรี พราหมณ์ทั้งปวงขึ้นขับขี่แล้ว ก็ออกจากกรุงพิไชยเชตอุดร สัพ์เพ นาครา ฝ่ายพวกประชาชนชาวพระนครสีพี ก็กรูเกรียวเลี้ยวไล่ล้อมคลุกคลีสกัดน่าแลหลังแล้วร้องว่า โภน์โต พ๎ราห๎มณา ดูกรพราหมณกลีเหล่ากลิงคราฐวิไสย เออเองไฉนจึงองอาจมาขับขี่คชสารศรีพระที่นั่งทรง สำหรับบรมราชวงษ์องค์กระษัตริย์ เต พ๎ราห๎มณา อันว่าพราหมณที่ขับขี่คชสารได้ฟังอรรถก็เดือดดาล ตะคอกขู่ชาวพระนคร ว่า อยํ นาโค ช้างตัวนี้พระเวสสันดรประสาทให้ เออก็การอไรจึงมาถาม เต ชนา ประชาชนครั้นแจ้งความว่าท้าวเธอประสาทให้ เทวตา คหิโต หุต๎วา เทพยเจ้าเข้าดลใจชาวพิไชยราชธานีที่รักให้พิโรธร้าวราน เหตุท้าวเธอจะได้บำเพ็ญพระโพธิญาณอันยอดยาก บุตตทารบริจาคมหาทาน จึงมาบันดาลมหาชนทุกถ้วนหน้า เนคมา ทั้งชาวนิคมคามเขตรชนบท รถิกา ทั้งนายรถราชหัตถาจารย์ ทั้งเสนาทหารอันชาญเชิงชาวพิไชยเชตอุดร สมาคตา ก็สโมสรพร้อมกันน่าพระลาน อุปกาสึสุ ก็ชวนกันร้องอุปกาศสารแก่กรุงสญไชยบิตุราช ว่า เทว ข้าแต่พระบาทพิตรผู้ผ่านพิภพสีพี ราชปุต์โต บัดนี้พระเวสสันดรพระลูกเจ้ากระทำผิดราชกิจประเพณีแต่บุราณ นาคํ ทัช์ชํ ให้พระยาคชสารคชาธารพระที่นั่งต้น เปนมหามงคลอันล้นเลิศ ขาวประเสริฐดังเงินยวง พ๎ราห๎มณานํ แก่พราหมณทั้งปวงอันมาขอ ไม่ควรที่จะยกยอประสาทให้ คชสารนี้ไซ้ควรจะไว้ประดับสำหรับเมือง เมื่อพระเวสสันดรท้าวเธอกระทำให้แค้นเคืองถึงเพียงนี้ ถ้าพระองค์เห็นดีจะเอาไว้ ก็เห็นว่าไภยจะพึงมีแก่พระองค์ ครั้นท้าวเธอได้ทรงฟังก็เดือดดาล ประหนึ่งว่าเพลิงกาลเข้าลามลน จึงตรัสแก่ประชาชนทุกถ้วนหน้า ว่า เวส์สันตโร ราชา อันว่าพระลูกรักเรากระทำผิดราชกิจประเพณี กุญ์ชรํ ทัช์ชํ ให้คชสารศรีสง่างาม แก่พราหมณอันมาขอ ท่านจึงมายกยอหยิบเอาโทษ พากันพิโรธร้าวราน วิหัญ์ญเร เราจะประหารด้วยท่อนจันทน์แลสาตราหาควรไม่ ชนทั้งปวงจึงทูลว่าถ้าฉนั้นไซ้ก็ควรจะเนียรเทศ ให้บำราศจากนิเวศน์กรุงแก้ว จึงตรัสว่าเวลาวันนี้ก็จวนแล้วทุเลาก่อน พรุ่งนี้จึงจะให้บทจรเสียจากบุรี มหานครสีพีนี้แล ๚
ตมัต์ถํ ฯ อุฏ์เฐหิ กัต์เต ตรมาโน ฯลฯ
ยาว ทานิ ททามิ หัน์ติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา สมเด็จบรมนราธิบดินทร์ปิ่นกระษัตริย์ มีราชโองการตรัสประภาษสั่ง กัต์เต เหวยนายนักการใครนั่งอยู่นั่น ตรมาโน จงรีบด่วนไปพลัน ทูลสารแก่พระลูกเรานั้นให้แจ้งเหตุ ปัพ์พาเชสิ ว่าจะเนียรเทศพระลูกเสียจากเมือง ประชาชนเขาแค้นเคืองด้วยให้ช้างเปนทาน ฝ่ายนายนักการก็รีบมาทูลเหตุ แก่พระจอมปิ่นปกเกษนราราช ว่า เทว ข้าแต่ลอองธุลีพระบาทผู้ทรงพระคุณอันเลิศแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจะจากจร ด้วยชาวพระนครเขาขึ้งโกรธ ทั้งพระบิดาก็ทรงพระพิโรธด้วยช้างแก้วพระองค์ให้ไปเปนทาน จึงตรัสใช้กระหม่อมฉานมาทูลเหตุ สั่งให้เนียรเทศเสียพรุ่งนี้ ขอฝ่าธุลีจงทราบพระญาณ สมเด็จพระบรมโพธิสัตวขัติยวงษ์ทรงสดับสาร อันนายนักการมากราบทูลโดยมูลเหตุ ว่าไพร่ฟ้าเขาจะเนียรเทศไปสู่ป่า ท้าวเธอมิได้ท้อพระราชศรัทธาที่จะทำทาน จึงมีพระราชโองการตรัสว่า กึ เม พาหิรกํ ธนํ อย่าว่าแต่เสวตรคชาพาหิรกทานที่เราบริจาค ถึงอัชฌัตติกทานอันยอดยากที่จะยกให้ ถ้าแลมียาจกผู้ใดจะปราถนา ซึ่งพาหาหไทยไนยเนตรทั้งคู่ เราก็อาจจะเชือดชูออกบริจาคให้เปนทาน จะแลกพระโพธิญาณในเบื้องน่า อย่าว่าแต่จะต้องบัพพาชนิยกรรมทำโทษ ถึงไพร่ฟ้าเขาจะพิโรธรอนรานประหารชีวิตร เราก็มิได้คิดย่อท้อที่จะบำเพ็ญทาน ครั้งนั้นเทพยเจ้าเข้าดลใจให้นายนักการทูลแนะตำแหน่งวนสถานคิริยวงกฏ จึงตรัสสั่งนายนักการให้ช่วยทูลงดหลักสองราตรี แต่พอเราได้บำเพ็ญทานบารมีให้อิ่มศรัทธาแล้ว จะถวายบังคมลาทูลกระหม่อมแก้วจากพระนคร จะบุกป่าฝ่าดงดอนไปตามโทษ จงทรงพระกรุณาโปรดทุเลาก่อน ฝ่ายนายนักการชลีกรแล้วกลับมากราบทูล แก่พระนเรสูรราชบิตุรงค์ ส่วนสมเด็จบรมพงษ์พุทธางกูรเกษกระษัตริย์ ก็มีพระราชดำรัสสั่งเสนาบดี ให้ตระเตรียมโดยวิธีสัตตสดกมหาทาน พร้อมไปด้วยกุญชรคชสารสินธพยานราชรถ ปรากฎด้วยนางกระษัตริย์ ให้จัดทั้งทาษกรรมกรชายหญิง ทั้งโคนมประสมสิ่งละเจ็ดร้อยทุกประการ ไว้ยังโรงทานสถานนั้นแล ๚
ตมัต์ถํ ฯ อามัน์ตยิต์ถ ราชานํ ฯลฯ
นเต เหส์สามิ ทุพ์ภราติ ๚
๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิญาณ เมื่อสมเด็จพระจอมมกุฎิผู้ผ่านพิภพสีพี ตรัสสั่งให้แต่งทานวิธีแล้วลีลาศ ยังปราสาทพระมัทรีศรีสุนทรลักษณเลิศกัลยา สยนปิฏ์เฐ นิสีทิต๎วา เสด็จนั่งเหนือบวรรัตนมหาสยนอาศน์ จึงมีพระราชโองการ แก่พระยอดเยาวมาลย์มิ่งมหิษี ว่า ยํเต กิญ์จิ มยา ทิน์นํ อันว่าทรัพย์อันเปนของ ๆ พี่ประสาทให้แก่เจ้า อนึ่งเล่าสรรพสมบัติอันพระน้องได้มาแต่สำนักนิ์มัทราชตระกูล นิธเหย์ยาสิ เจ้าจงมั่วมูลฝังไว้ จะได้เปนมหานิธีขุมทองอันใหญ่ติดตามตน พระมัทรีได้ทรงฟังก็ฉงนในพระบัญชา จึงทูลถามสมเด็จพระภัศดาอดุลดวงกระษัตริย์ ว่าทรงพระกรุณาจะให้ฝังซึ่งสรรพสมบัติไว้ในแห่งใด จึงตรัสว่าเจ้าจงให้ซึ่งสรรพเข้าน้ำโภชนาหารวัตถาลังการอันอุดม แก่ท่านผู้ทรงศีลสมาธิพรหมจรรยา ก็จะเปนมหาสุวรรณนิธีอันประเสริฐ สิ่งอันอื่นจะล้ำเลิศกว่าทานนั้นมิได้ อนึ่งพระลูกรักสองสายใจสุดสวาดิ เจ้าจงอย่าประมาทช่วยอภิบาลบำรุงรักษา ทั้งองค์สมเด็จพระราชบิดามารดาของพี่ เจ้าจงภักดีประฏิบัติ อย่าให้เคืองขัดพระอัธยาไศรย อนึ่งสถ้าแลว่ากรุงกระษัตริย์พระองค์ใดปราถนา จะรับเจ้าไปเปนอรรคราชกัลยายอดนาง จงประกอบกิจสัจจางคประฏิบัติ อย่าให้เคืองขัดพระราชหฤไทย อย่าอาไลยถึงพี่ อันจะบำราศรัตนบุรีไปสู่ป่า เห็นชีวิตรจะมรณาเสียเปนมั่นคง ในพนัศแดนดงนั้นแล ๚
๏ สมเด็จพระมัทรีศรีสุริยราชกัญญา ได้สดับสารพระภัศดาวันนั้นพรั่นพระไทย ทรงพระวิมุติสงไสยเคลือบแคลงแหนงในพระราชโองการ จึงทูลสนองสารบรมกระษัตริย์ ว่าไฉนท้าวเธอจึงตรัสฉนี้ จะเสด็จจรลีจากพระนคร ด้วยกิจธุระร้อนสิ่งอันใด ท้าวเธอจึงตรัสบอกโดยไนยคดีการ พระมัทรีทรงทราบสาร จึงทูลสนองพระโองการพระราชสามี ว่า นุ ไฉนฉนี้พระลูกเจ้า จึงไม่โปรดเกล้าข้ามัทรี มาตรัสความไม่ดีปราศจากประโยชน์ อภูตปุพ์พํ แต่ก่อนก็มิได้เคยโปรดประภาษ ราโชวาทเหมือนครั้งนี้ ประหนึ่งว่าข้ามัทรีนี้หินชาติ ใช่เชื้อราชสุริยวงษ์ จะละให้พระองค์เสด็จเดียว เปล่าเปลี่ยวในกลางไพร เนส ธัม์โม อย่างธรรมเนียมที่ไหนพระพุทธเจ้าข้า กระษัตริย์นี้ฤๅจะเสด็จป่าพระองค์เดียวดังนี้เล่า ถึงพระร่มเกล้าปกเกษ เสด็จทุเรศไร้ราชสุริยวงษ์ จะบุกป่าผ่าดงไปแห่งใด ข้าพระบาทก็จะตามเสด็จไปไม่ขออยู่ จะเอาชีวิตรแลกายนี้ไปสู้สนองพระคุณ กว่าจะสิ้นบุญข้ามัทรี ที่จะละพระราชสามีนั้นหามิได้ แม้จะตกไร้แสนกันดาร กินมูลผลาหารต่างโภชนา ก็จะสู้ทรมานหามาปฏิบัติพระองค์ ถึงแม้มาตรจะปลดปลงก็มิได้คิด จะเอาชีวิตรนี้เปนเกือกทองรองพระบาท แม้นมิทรงพระอนุญาตให้ตามเสด็จไป อัค์คึ อุชาลยิต๎วาน ข้ามัทรีก็จะก่อไฟให้รุ่งโรจโดดเข้าตาย เห็นจะดีกว่าอยู่ให้คนทั้งหลายเขานินทา ว่ามีพระภัศดาแต่เมื่อยามศุข ถึงเมื่อยามทุกข์สิไม่ทุกข์ด้วย ดีแต่จะรื่นรวยอยู่ในพระบุรี จะขอตามเสด็จจรลีไปสู่ยากเมื่อยามจน อัเน๎วติ หัต์ถีนิ ดุจนางช้างต้นอันยุรยาตร ติดตามพระยาราชกุญชร ทัน์ตึ มีงาอันงอนงามสง่า เชสัน์ตํ อันสัญจรท่องเที่ยวไปในทุ่งท่าอันลุ่มลาด ก็ติดตามมิได้คลาศพระยาคชสาร ยถา อันนี้แลมีอาการฉันใด ข้าพระบาทก็จะพาสองดรุณราชไปมิได้ห่าง ปัจ์ฉโต แต่เบื้องพระปฤษฎางค์พระร่มเกล้า มาทว่ามีทุกข์เท่าถึงอันตราย จะวิ่งไปก่อนให้ตายต่างพระองค์ผู้ทรงพระคุณ ประกอบไปด้วยพระการุญแก่ข้าบริจาริกา เมื่อพระมัทรีจะทูลพรรณาป่าพระหิมพานต์ ก็กล่าวเปนสารพระคาถา
อิเม กุมาเร ปัส์สัน์โต ฯลฯ
น รัช์ชัส์ส สริส์สสีติ ๚
๏ สมเด็จพระยอดเยาวมาลย์มัทรีศรีสุริยราชธิดา จึงทูลพรรณาพนัศพนาเวศประเทศหิมพานต์ ดุจได้ทัศนาการจำแน่ถนัด ถวายบรมกระษัตริย์ผู้เปนภัศดา ว่า เทว ข้าแต่บรมนราธิบดินทร์ปิ่นสกล อาณาจักรจอมพิภพสีพี ปางเมื่อพระองค์เสด็จจรลีประพาศ ในพนาวาศแดนดง ปัส์สัน์โต จะได้ทรงฟังสองตรุณราชกุมาร ร้องขับขานประสานเสียงเสนาะในวนาศรม เมื่อยามรุกขชาติรื่นร่มเวลาเย็น จะแล่นเล่นในบริเวณพระอาศรมสถาน ข้ามัทรีนี้จะเก็บสุมามาลย์มากรองร้อย เปนสายสร้อยสอิ้งรัดสเอวองค์ สังวาลวงวิจิตรมาไลย ประดับสองดไนยน้อยนารถ สองตรุณราชก็จะแล่นเล่นบรรเทิงทุกเช้าค่ํา เจ้าจะฟ้อนรำสำราญจิตร มิได้รู้ที่จะคิดถึงความทุกข์ จะมีแต่เสวยศุขสนุกทุกเวลา ท้าวเธอได้เห็นจะเปนที่ปรีดาดวงกระมลปลื้ม น สริส์สสิ พระไทยท้าวเธอก็จะหลงลืมรัตนราไชยมโหสุริยสมบัติ ทัก์ขสิ มาตังคํ อนึ่งจะได้ทรงชมมหามหิทธิหัศดีเดี่ยวเดินโทนเที่ยวในกลางป่า ลางสารที่เปนคชคณาบดีดูพิฦก คำรนเสียงคระครึกมาภายน่า เงยงวงงาร้องก้องโกญจนาท นำโขลงคลาศออกจากดง ได้ทอดพระเนตรเห็นก็จะเปนที่พิศวงว่างวิตกถึงพระนคร อุภโต วนวิกาเส สองตราบข้างบทจรลำเนาป่า เดียรดาษด้วยพาฬมฤคคณานิกร หมู่พยัคฆพระยาไกรสรสรรพจัตุบาท ละมั่งระมาดหมู่มฤคสุกรโค มหิงษ์สิงโตตัวคนอง ลองเชิงระเริงร้องคระครึกป่า ได้ทรงเห็นก็จะเปนมหามหรศพเนตร จะบันเทาที่ทุกขเทวศถวิลวัง ยทา โสส์สสิ นิโฆสํ แล้วจะได้ทรงฟังเสียงกระแสสินธวนที อันตกลงแต่ยอดรัตนคิรีไหลหลั่ง สายอุทกถั่งเปนท่องแถว ทั้งเสียงกินรีร้องจะเจื้อยแจ้วจำเรียง ขับประสานเสียงสนานชล บ้างก็รำฟ้อนอยู่บนชง่อนผา โมรีหิ ปริกิณ์ณํ จะได้ทรงชมพระยาโมรมาศ แวดล้อมด้วยหมู่นิกรคณานาฏนางยูง จับเหนือยอดบรรพตอันสูงควรจะทัศนา พระองค์เห็นก็จะหรรษาโสมนัศ น สริส์สสิ จะมิได้รฦกถึงสมบัติบุรีรมย์ เหมัน์เต ปางเมื่อฤดูน้ําค้างตกประพรมพื้นพสุธา หริตํ ทัก์ขสิ เมทนึ ควรที่จะทัศนาพื้นภูมิภาคปัถพี อันเดียรดาษด้วยหญ้าแพรกพรรณต่างสีซ้อนสลับ สี่องคุลีสรรพเสมอกัน อิน์ทโคปกสัญ์ฉัน์นํ ดาษดื่นด้วยพื้นพรรณแมลงค่อมทอง ดูนี่ก็เรืองรองอร่ามงามรยับ ประเสริฐสรรพสรรพางค์ เที่ยวเล็มน้ําค้างบนปลายหญ้า วนํ ทัก์ขสิ ปุป์ผิตํ แล้วก็จะได้ทอดพระเนตรซึ่งนานาพรรณหมู่ไม้ บ้างผลิดอกออกใบรบัดอ่อน กิ่งก้านอรชรดังชั้นฉัตร บ้างก็ทรงผลกำดัดสุกทราม บ้างก็ดิบห่ามระคนปนผกามาศ ที่บานแบ่งบุปผชาติน่าใคร่ชม เสาวคนธภิรมย์ระรวยรื่น ที่โรยก็ร่วงลงยังพื้นพสุธา หอมขจรตระหลบป่า ปางเมื่อฤดูดอกเดียรดาษดารดับดง ได้ทรงชมก็จะละเลิงหลงลืมรฦกถึงพระนคร อันเคยศุขสถาวรนั้นแล ๚
๏ สมเด็จพระมัทรีศรีสุริยราชวงษ์ องค์เอกอรรคประยูรยอดกระษัตริย์มัทราชธิดา มีพระกระมลเจตนาจำนงนึกตรึกถวิล จะตามเสด็จบรมนรินทรราชสามี จึงแนะแนววนาลีลำเนาเขตร ดุจดังได้เคยทอดพระเนตรจำแน่ถนัด ในตำแหน่งพนัศพนาเวศประเทศหิมพานต์ โดยวิตถารทูลถวายพระราชสามี โดยนิยมดังนี้แล ๚
หิมวัน์ตวัณ์ณนา นิฏ์ฐิตา
ประดับด้วยพระคาถา ๑๓๔ พระคาถา
----------------------------