กัณฑ์ที่ ๓ ทานกัณฑ์

๏ ผุส์สตีปิโข เทวี ปุต์ตัส์ส เม กฏุกสาสนํ อาคตํ กึนุโข กโรติ อหํ คัน์ต๎วา ชานิส์สามีติ ปฏิจ์ฉัน์นโยเคน คัน์ต๎วา สิริสยนคัพ์ภท๎วาเร ฐิตา เตสํ ตํ สัล์ลาปํ สุต๎วา กลูนํ ปริเทวํ ปริเทวีติ ๚

๏ ผุส์สตีปิโข เทวี แม้อันว่าสมเด็จพระผุสดีศรีสมมุติเทพกระษัตริย์มัทราชวงษ์ เมื่อได้ทราบว่าพระยอดขัติยพงษ์เพสสันดรวโรรส มาทรงเสวยพระทุกข์กำสรดแสนเทวศ จักวิโยคมไหสวรรเยศไปอยู่ไพร นางท้าวเธอก็ตกพระไทยรันทดทุ่มทอดพระองค์ทรงจินตนา ว่า กฏุกสาสนํ อันว่าข่าวสารแสนทุกขาดุรพิบัติเหตุ มีมาถึงพระหน่อนเรศร์ราชดไนย กึนุโข กโรติ เธอก็จะทำเปนไฉนในครั้งนี้ ควรอาตมจะไปสดับคดีดูให้รู้ตระหนัก ในนิเวศน์พระลูกรักร่วมพระชนมาน จัน์เตต๎วา ดำริห์แล้วก็เสด็จด้วยแสนศฤงฆารขัติยสุรางคนางนาฎ ทรงสุวรรณวิสูตรสีพิกามาศมงคลยานยศ สู่สำนักนิ์บรมราโชรสราชสุณิสา ประทับแทบพระทวาราคัพภศิริไสเยศ ตํ สัลํลาปํ สุต์วา สดับเสียงสองกระษัตริย์ตรัสแถลงทุกขทุเรศที่จะแรมไพร ปริเทวิ ก็ทรงพระโศกาไลยพิลาปรัญจวนควรจะกรุณา ด้วยสองราชโอรสานั้นแล ๚

ตมัตถํ ฯ เตสํ ลาลปิตํ สุต๎วา ฯลฯ

ปัพ์พาเชน์ติ อทูสกัน์ติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวิเศษ ราชปุต์ตี ส่วนสมเด็จพระอัคเรศราชนารินทร์ ปิ่นสกลกระษัตริย์มัทราชธิดา ยสัส์สินี มีพระยศวราดิเรกราชบริพาร สุต๎วา เมื่อได้สดับสารกรรแสงกำสรดโศก ซึ่งสองขัติยวิโยคอาดูร ปริเทเวสิ นางท้าวเธอก็ยิ่งเพิ่มภูลพระทุกขวิลาปอาบพระอัสสุชลธารา จึงตรัสว่าโอ้อนิจาเจ้าแม่เอ๋ย มิควรเลยที่จะบำราศร้างรัตนราไชยมไหสุริยศฤงฆาร เออก็โทษสิ่งใดที่ให้พระยาสารสุนทรเสวตร อันเกิดสำหรับพระหน่อนเรศร์ร่วมพระบารมี ใช่เปนของประชาชาวสีพีมันหาได้ นี่กระทำให้เคืองเข็ญเปนไฉนน่าอัศจรรย์ จึงประชุมชวนกันแกล้งอุปกาศ มากล่าวร้ายพระโอรสราชสิ้นทั้งภารา จะให้เนียรเทศพระลูกยาผู้นิรโทษ ทั้งพระบิตุรงค์ก็ทรงพระพิโรธไม่ปรานี เสย์โย วิสํ เม ขายิตํ แม่จะเสวยยาพิศม์เสียให้วายชีวีดีกว่าอยู่เปนคนพ้นที่ทรมาน ฤๅหนึ่งจะโจนลงในห้วยเหวลหานให้พินาศ ฤๅหนึ่งจะเอาเชือกผูกสอให้สูญสิ้นชีวาตม์เห็นว่าจะเปนศุข ประเสริฐกว่าที่ดำรงพระชนม์อยู่ทนทุกข์ทุกคืนวัน เออเมื่อแม่ยังไม่อาสัญสิ้นอัศสาสปัศสาส ดังฤๅจะขับลูกรักราชจากพระเวียงไชย อทูสกํ พ่อก็ไม่มีโทษสิ่งใดที่กระทำผิด มีแต่จะประพฤติทศธรรมสุจริตราชประเพณี อัช์ฌายิกํ ทั้งรอบรู้ไตรเพทางคพิธีทุกสิ่งไสยเพศ แล้วก็เปนอรรคอิศราธิเบศร์ในมหาทาน ยาจโยคํ ควรที่ยาจกจะมาสู่สมภารเพิ่มพระบารมี ทั้งบวรสันดานก็มิได้ตระหนี่ในเบญจบริจาค ปูชิตํ ปฏิราชูหิ บรรดากระษัตริย์แสนสามนต์มากมาบังคมคัล ถวายกุสุมชาติหิรัญจักนับมิได้ กิต์ติมัน์ตํ ยสัส์สินํ ทั้งพระเกียรติยศก็ปรากฎไปทั่วสุธาธาร กอปรด้วยอิศริยศักดิพลาหาญอเนกมหิมา มาตาเปติภรํ ชัน์ตุํ อนึ่งพ่อก็เปนอุดมประชาพิเศษสัตวประเสริฐสุริยวงษ์ ย่อมอภิบาลบำรุงพระบิตุรงค์มาตุราช ทั้งรู้เคารพเชษฐประยูรญาติราชตระกูล ประพฤติในกุศลสมบูรณ์บุญสมบัติ รัญ์โญ หิตํ อนึ่งพ่อก็กระทำซึ่งสิ่งศิริสวัสดิ์วัฒนาการ เปนประโยชน์แก่นสารสุนทรสถาพร แก่พระบิดามารดรบวรขัติยวงษ์ ทั้งพวกพหลจัตุรงค์ประชาราษฎร์ อิกหมู่มิตรอมาตย์แลพราหมณ์ชี ทั่วพิภพสีพีสกลอาณาเขตร กัส๎มา ปัพ์พาเชน์ติ ควรแลฤๅจะมาเนียรเทศให้จำจรจากพระนครนี้แล้วแล ๚

๏ สา ปริเทวิต๎วา เมื่อสมเด็จพระผุสดีทรงพระโศกีพิไรร่ำกำสรด ด้วยจะบำราศพระโอรสเมื่อยามนั้น ครั้นระงับดับโศกศัลย์แล้วจึงปลอบประโลมสองกระษัตริย์ ให้บันเทาทุกข์โทมนัศแล้วมิช้า รัญ์โญ สัน์ติกํ คัน์ต๎วา จึงเสด็จสู่สำนักนิ์พระราชสามี นางท้าวเธอก็ถวายอัญชลีกรประนมบังคมทูลขอโทษพระปิยบุตรสุดสวาดิ ด้วยบาทพระคาถา

มธุเนว ปลีตานิ ฯลฯ

มัญ์เญ เหส์สามิ ชีวิตัน์ติ ๚

๏ เทว ข้าแต่สมเด็จพระยอดขัติยาภิเศกศรีสมมุติเทพวงษ์ จึงทรงพระกรุณาโปรด กระหม่อมฉันจะขอรับพระราชทานโทษพ่อเวสสันดร ซึ่งจะให้เนียรเทศเสียจากพระนครในครั้งนี้ไม่มีผิด ด้วยมิได้กระทำกรรมทุจริตราชประเพณี เมื่อพระองค์ทรงเชื่อแต่ชาวสีพีมันยกโทษ ก็มีพระกมลพิโรธราชบุตรา จงทรงพระวิจารณ์จินตนาดำริห์ก่อน แม้ว่าพระโอรสร่วมอุทรนิราศในวันใด อันว่าศิริรัตนราไชสวรรเยศ ก็จะทั่วไปแก่ไภยเภทพิบัติทั้งปวง มธู เนว ปลีตานิ เปรียบประดุจดังว่าผึ้งรวงอันร้างแม่ ไม่มีใครที่จะเหลียวแลช่วยหวงแหนรักษา อัม์พาว มิฉนั้นดังอัมพผลโอชารศตระการ อันหล่นลงเหนือพสุธาธารอยู่เดียรดาษ ย่อมจะทั่วไปแก่นรชาติฝูงชน ไม่ตกยากลำบากตนตามแต่ประโยชน์ ปัพ์พาเชน์ติ อทูสกํ ก็เหมือนพระโอรสอันนิรโทษมาเนียรเทศ อันว่าบุรีรัตนนิเวศน์ของบรมบาท เมื่อไร้ร้างห่างประยูรญาติราชวงษา ซึ่งจะต่างพระไทยไนยนาช่วยบริบาล ก็จะเปนของสรรพสาธารณ์เปรียบประดุจนั้น เบื้องว่าสมเด็จผ่านภพมไหสวรรย์แต่พระองค์เดียว ดูนี่ก็จะเปล่าเปลี่ยวอยู่เออาตม์ อปวิฏ์โฐ อมัจ์เจหิ อนึ่งทั้งหมู่สหชาติราชมนตรี ก็จะไม่บริรักษ์ภักดีดุจก่อนกาล จะทอดทิ้งพระมิ่งมหิบาลให้สถิตย์เดียวดูลำบากองค์ หํโส นิก์ขิณปัต์โตว เสมือนหนึ่งว่าเหมราชหงษ์บวรวิหค อันมีขนหล่นตกลงจากตน จะนอนนิ่งกลิ้งเกลือกปนอยู่กับเปือกตมระทมทุกขประดาษ เหตุฉนี้จึงทูลฉลองลอองธุลีบาทเบื้องบทมาลย์ อัต์โถ เต มา อุปัจ์จคา อันว่าสรรพสิ่งประโยชน์แก่นสารศิริสวัสดิ์ อย่าได้ล่วงละพระเกษกระษัตริย์มกุฎิประชากร มา ปัพ์พาเชสิ จงอย่าเนียรเทศเจ้าเวสสันดรราชดไนย ตามคำชาวพระเวียงไชยนี้แล้วแล ๚

๏ ราชา สมเด็จกรุงสญไชยชนกาธิบดี เมื่อได้สดับพระเสาวนีพระนุชนาฎ มาทูลขอโทษพระโอรสราชรำพรรณเหตุ จึงตรัสว่า ภัท์เท ดูกรพระอัคเรศผู้ลำเภาภักตร์ พี่นี้ขับพระลูกรักร่วมพระไทย อันเปนมหาธวัชไชยเฉลิมชาวสีพีราฐ เหตุเคารพในขัติยธรรมสาตรขัติยประเพณี ปาณาปิยตโร หิ เม แม้ว่าพระโอรสรักดังดวงชีวีแลดวงเนตร ก็จำจะเนียรเทศจากพระภารา ตามแต่โบราณจริยานั้นแล ๚

๏ สา ตํ สุต๎วา เมื่อสมเด็จพระผุสดีได้สดับสาร โดยกระแสพระราชโองการตรัสดังนั้น นางท้าวเธอก็ยิ่งกำสรวญศัลย์เศร้าสลดรันทดพระไทย ปริเทวิต๎วา พลางทรงพระกรรแสงพิไรร่ำรำพรรณทูลเฉภาะพระภักตร์พระภัศดา ว่า โอ้พระโอรสาของแม่เอ๋ย แต่ปางก่อนเจ้าเคยเสด็จประพาศราชอุทยาน ย่อมมีจัตุรงคโยธาหาญแห่สพรั่งพร้อม จะไปแห่งใดนี่ก็ห้อมล้อมแลเปนขนัด อร่ามไปด้วยเครื่องอภิรุมรัตนราชูประโภคพิพิธพรรณราย หมู่ทวยหาญล้วนประดับกายกาญจนาภรณ์ พิเศษสรรพอลงกรณ์งามเจริญตา มีมือถือสรรพสาตราแล้วแกว่งกวัด บ้างก็ถือสุวรรณธวัชแล้วโบกใบ ธชัค์คานิ อันว่าชายธงฉานแลธงไชยแห่งพลากร ซึ่งขี่ขับคชอัศดรบวรรถยาน กับอาภรณ์พวกพลหาญเห็นวิเศษ ดูก็เลื่อมเหลืองลานเนตรควรจะทัศนา กัณ์ณิการาวนานิว ปานประหนึ่งว่าป่ากรรณิการ์กาลฤดูดอก ย่อมเผล็ดช่อก่อก้านงอกผกางาม แลนี่เหลืองอร่ามเล่ห์ประดุจนั้น คัน์ธารา ปัณ์ฑุกัม์พลา อนึ่งพวกพหลพลขันธ์บ้างแต่งตน ห่มผ้ารัตตกัมพลคันธารพัตร มีพรรณไพจิตรจำรัสอยู่เรืองรอง อิน์ทโคปกวัณ์ณาภา ดุจสีแมลงค่อมทองแลละกลกัน ตามแวดล้อมพระลูกเปนนิรันตร์ทุกเวลา อนึ่งพ่อเคยเสด็จด้วยบวรไอยราคชาธาร บางทีก็ทรงสีวิกากาญจน์ยานมาศราชรถรัตนาไมย กถํ คัจ์ฉติ ปัต์ติโก เจ้าจะเดินเดียวด้วยบาทเปล่ากะไรได้ในวันนี้ ทั้งร้างไร้ราชมนตรีนิกรบริพาร จัน์ทนลิต์ตังโค อนึ่งพ่อเคยทรงเสาวคนธ์ธารวิเลปนธารา ล้วนรศจันทน์พรรณบุบผาจรุงรื่น นัจ์จคีตัป์ปโพธโน นิทรารมย์บรรธมตื่นด้วยดุริยางค์ แสนสาวพระสนมนางเคยประโคมขับ บ้างร้องรำบำเรอรับกับดนตรี ดังฤๅจะประเวศวนาลีได้แต่องค์เดียวเปลี่ยวประดาษ จะนุ่งหนังพาฬมฤคราชรวบชฎาธาร ขาริกาชัญ์จ หาริภิ จะทรงซึ่งดาบศบริกขารควรจะเวทนา ทั้งขอคานเครื่องแสวงหาผลาผล เลี้ยงชีพโดยทุรพลเพศเปนชีไพร กัส๎มา นาภิหริยัน์ติ โอ้โอ๋อกอนาถไฉนในครั้งนี้ ผู้ใดช่างไม่ปรานีพระหน่อนเรศร์ จะเข้าสู่พระหาหิมเวศด้วยไม่มีผิด ไม่นำกาสาวภูสิตอชินจัมมาภรณ์ เครื่องสำหรับผนวชพนาดรมาส่งให้ ไม่กรองคาผ้าเปลือกไม้ให้สวมทรง เจ้าจะได้ไหนที่ในดงบรรพชากร ราชปัพ์พชิตา นรา ธรรมดาว่านรชาติเชื้ออดิศรวิสุทธิกระษัตริย์ ซึ่งไพร่ฟ้าเขากำจัดจากพระเวียงไชย กถํ ธาเรน์ติ ดังฤๅจะนุ่งห่มผ้าเปลือกไม้อันระคายคม พระบวรกายจะระบุระบมอยู่ทุกเวลา อนึ่งแม่มัทรีสุณิสาสุนทรศรีสวัสดิ์ เจ้าเคยทรงแต่กาสิกพัตรโขมภูสิต ทั้งโกทุมพรพิจิตรอันเรืองรอง กถํ กุสมยํ จิรํ แม่จะมาทรงผ้าคากรองกะไรได้ โอ้โอ๋อกจะกระทำไฉนน่าอนิจอนาถ อนุจ์จังคี อนึ่งแม่ก็มีสุขุมาลชาติพิสุทธิสรรพางค์ เปนปิ่นอับศรสุรางคนาเรศราชบริจา ทั้งพื้นพระหัดถบาทาก็นวลนุ่มสุขุมอยู่ทั้งองค์ เคยเสวยสวัสดิดำรงราชศุขาภิรมย์ อุดมด้วยมไหสุริยศฤงฆาร เวย๎หาหิ ปริยายิต๎วา แม่เคยเสด็จด้วยสีพิกากาญจนราชรถ แต่ทรงสุวรรณปาทุกาก็ปรากฎเปนประหนึ่งว่าจะลำบาก โอ้วันนี้แม่จะมาพลัดพรากพระภารา กถํ คัจ์ฉติ เจ้าจะเดินด้วยบาทาที่ไหนได้ โดยอรัญมรรคาไลยแดนพระหิมพานต์ อนึ่งแม่มัทรีเคยสำราญในนิเวศน์วัง จะเสด็จแห่งใดก็ดูสพรั่งสพรึบพร้อม หมู่พระสนมนี่ห้อมล้อมบทจรลีลาศ ปุรโต คัจ์ฉติ ย่อมดำเนินน่าคณานาฎราชกำนัล อเนกนับด้วยหมื่นพันพื้นขัติยวงษ์ วนํ คัจ์ฉติ เอกิกา โอ้วันนี้แม่จะเดินดงกะไรได้ ด้วยเอกองค์ร้างไร้ราชบริพาร อนึ่งแม่ก็มีกมลสันดานสิแสนขลาด ยามเมื่อเนาในปรางมาศมณฑิราไลย สวาย สุต๎วาน ได้สดับแต่เสียงสุนักข์ในแลนกเค้าเหล่าโกสิยโคตร บันฦๅสำเนียงสนั่นโสตรในราตรี พระกมลอินทรีย์นี้ก็หวั่นหวาด ดังแม่มดอันปิศาจเข้าทรงกาย ให้เสียวสั่นขวัญหายอยู่เนือง ๆ นึกน่าปรานี วนํ คัจ์ฉติ ภิรุกา เออเมื่อแม่ขลาดถึงเพียงนี้ฤๅจะเดินไพรพนัศกันดาร ดูนี่ก็เปนสุดสงสารแสนสังเวช โอ้นับวันแม่จะแลลับเนตรทุเรศแรมร้างห่างพระลูกรักทั้งสองรา จะแล่นติดตามแสวงหาไม่เห็นหาย จะทุ่มทอดสกลกายกินแต่อัสสุชลทนทุกขทรมาน สุญ์ญํ อาคัม์มิมํ ปุรํ แม่มาเห็นแต่ห้องเหมนิเวศน์สถานเย็นยะเยียบเงียบสงัด บำราศไร้สองกระษัตริย์เคยเสวยรมย์ จิรํ ทุก์เขน ฌายิส์สํ อุระแม่นี้จะเกรียมตรมหมองไหม้ไปด้วยเพลิงทุกข์ สักกี่เดือนกี่ปีจึงจะมีศุขนี่เปนสุดประมาณ กีสา ปัณ์ฑุ ภวิส์สามิ ทั้งสริรกายก็จะวิการวิกลรูป จะเศร้าศรีซีดซูบสลดลง ด้วยลำฦกถึงพระเอกองค์อรรคโอรสราชสุณิสา แสนเทวศสุดถวิลหาไม่วายวัน สกุณี หตปุต์ตาว เปรียบประหนึ่งว่าสกุณต่างพรรค์พวก ติวิดแลออกเขาเหล่าจากพราก เที่ยวแสวงเหยื่อสู้ยากมาเลี้ยงลูกในรวงรัง มีบุคคลชิงชังแกล้งประหารบุตรให้สุดสิ้นชีพ นางนกก็เร็วรีบมาเมื่อยามเย็น สุญ์ญํ ทิส๎วา กุลาวกํ เมื่อหาลูกไม่เห็นเห็นแต่รังเปล่า จะแสนโศกสุดเศร้าซึ่งจะพรรณา จะทอดทิ้งกลิ้งกายาลงกับเปือกตมระทมทุกขกำสรด ก็เหมือนอาตมวิโยคสองเยาวยศเมื่อยามนี้ เอวัญ์จ เม วิลปัน์ติยา เบื้องว่าข้าพระบาทนี้แสนโศกีรำพรรณทูลขอพระราชทานโทษ ท้าวเธอไม่ทรงพระกรุณาโปรดหน่อนเรศร์ จะให้ขับเสียจากบวรนิเวศน์ราชภารา กระหม่อมฉันก็จะถวายบังคมลาทำลายลาญชีวาตม์ ซึ่งจะอยู่ฉลองยุคลบาทสืบไป เปนว่าหามิได้นี้แล้วแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ ตัส์สา ลาลปิตํ สุต๎วา ฯลฯ

สิวีนํ รัฏ์ฐวัฑ์ฒเนติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา ส่วนแสนสีวิกัญญาคณานาฏนิกรอนงค์ใน แห่งสมเด็จบวรกระษัตริย์ศรีสญไชยชนกาธิเบศร์ เมื่อได้สดับปริเทวเทวศควรจะปรานี อันพระมิ่งมกุฎิกระษัตรีพิไรร่ำ ก็มิอาจจะกลืนกล้ำกำสรดไว้ได้ พาหา ปัค์คัย๎ห ปัก์กัน์ทุํ ชวนกันยอกรเช็ดชลไนยพิลาปอาบอัสสุธารา เซงแซ่ด้วยเสียงโศกาเนียรนาท ทั่วปริมณฑลมณฑิรามาศราชเรือนจันทน์ ฝ่ายว่าแสนสุรางคกำนัลในบวรนิเวศน์ แห่งสมเด็จบรมขัติเยศยอดปิโยรส ได้ฟังเสียงกำสรดแซ่สนั่นทรวง ในจังหวัดพระราชวังหลวงลานเทวศ ก็ชวนกันฟูมฟายชลเนตรกรรแสงไห้ อันว่าเสียงโศกาไลยบันฦๅลั่นสเทือนสท้าน ทั่วบรมรัตนราชฐานสิ้นทั้งสองวัง ผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งจะตั้งสติตรงดำรงกายอยู่ได้นั้นมิได้มี ปริเทวมานา ต่าง ๆ ก็สิ้นสมปฤดีพิลาปเกลือกกลิ้งนิ่งนอนอนาถ สาลาว สัม์ปมัท์ทิตา ดุจป่ารังอันพินาศด้วยกำลังมหาวายุพานพัดเปนมหัศจรรย์ ในเวลาสายัณห์นั้นแล ๚

๏ ตโต รัต๎ยาวิวสเน ในเมื่อสิ้นไสมยราตรี อรุณเรืองรุ่งรังษีสุริยแสงทองผ่องพุ่งพื้นทิฆัมพรวโรภาษ ทานเวย์ยาวัต์ติโก ฝ่ายภิมุขอำมาตย์ผู้อำนวยการ เมื่อตกแต่งสัตตสดกมหาทานไว้พร้อมเสร็จ จึงกราบทูลแก่สมเด็จบรมนรินทร์ ว่า ทานวัตรนั้นก็จัดสิ้นสรรพบริบูรณ์ จึงหน่อนเรสูรสัญชโยรสราชนราธิบดี ก็โสรจสรงสินธุวารีเสาวคนธชาติ สำอางองค์ทรงศิริราชอลังการ แล้วเสวยพระบวรกระยาหารรศโอชา แวดล้อมด้วยอเนกนรานิกรราชบริวาร ทานัค์คํ อุปาคมิ เสด็จสู่โรงทานด้วยปรีดา จึงตรัสสั่งสหชาติโยธาทั้งหกหมื่น อันเกิดร่วมวันทันคืนคู่พระบารมี ให้แจกจ่ายทานวิธีตามแต่จะประโยชน์ โภชนํ โภชนัต์ถีนํ ผู้ใดจะบริโภคโภชนาหาร สรรพวัตถาลังการอันอุดม จงให้ทุกสิ่งเสร็จสมมโนรถ อย่าให้ทุรนรันทดลำบากใจ โสณ์ฑานํ เทถ วารุณึ อนึ่งท่านจงแจกให้ซึ่งสุราบาน แก่นักเลงพวกพาลผู้มีประโยชน์ อันมัชชทานนี้ก็มีโทษปราศจากผล แต่จะกันเสียซึ่งคำคนอันจะนินทา เหล่านักเลงสุราจะไม่ได้รับพระราชทาน สัม์มเทว ปเวจ์ฉถ บรรดาชนที่มาสู่สถานทานมาฬก ท่านจงให้แก่ปฏิคาหกแต่โดยดี อย่าเบียดเบียนโบยตีให้เจ็บช้ำ ตัป์เปถ อัน์นปาเนน จงให้อิ่มด้วยเข้าแลน้ำทั่วทุกคน จะได้สรรเสริญทานผลที่เราบริจาค สัม์ปัต์ตัน์ติ วณิพ์พกา ฝ่ายฝูงชาวเมืองมากหมู่พรรณิพก ต่างๆ ก็ตื่นตระหนกตกใจ กลิ้งเกลือกเสือกกายไปแล้วโศกเศร้า ดุจบริโภคสุราเมาไม่สมประดี นิก์ขมัน์เต มหาราเช ปางเมื่อพระผู้เจริญภพสีพีจะออกสู่ป่า ชวนกันแสนโศการำพรรณทูล ว่าโอ้พระเกษตระกูลมกุฎิกระษัตริย์ มิควรที่จะเสด็จพรากพลัดจากพระภาราน่าอนิจอนาถ อัจ์เฉจ์ฉุํ วตโภ รุก์ขํ ดูกรชาวเราเหล่าประชาราษฎร์อันเข็ญใจ เหมือนมีบุคคลมาตัดไม้ที่มีผล บรรดาตกอยู่เต็มต้นรศโอชา ให้สำเร็จความปราถนาแก่ยาจก ได้รับพระราชทานอิ่มอกไม่เว้นวาย เย วุฑ์ฒา เย จ ทหรา ประชาชนทั้งหลายที่หนุ่มแก่แลปานกลาง อิกทั้งพระสนมนางนิกรอนงค์ หมู่หมอภูตพวกคนทรงแลขันที ทั้งสมณพราหมณ์ชีเหล่าพรรณิพก พาหา ปัค์คัย๎ห ปัก์กัน์ทุํ ชวนกันยอกรข้อนอกพิไรร่ำ ว่าชาวเราเอ่ยกรรมเอ๋ยกรรมมาบังเกิดเปน พึ่งรู้ว่าโลกย์นี้เกิดก่อข้อเข็ญขึ้นในวันนี้ เหมือนดุจหน่อนฤบดีเวสสันดร มาทรงประสาทเสวตรกุญชรต้องเนียรเทศ บำราศร้างรัตนนิเวศน์ของพระองค์ สิวีนํ วจนัต์เถน ด้วยคำชาวเชตุดรยุยงยินร้าย มันแกล้งกระทำให้เราท่านทั้งหลายนี้อนาถา อันว่าเสียงโศกาแห่งประชาชน ฟังนี่ก็เอิกเกริกโกลาหลนี่สนั่นไป ทั่วทั้งท้องพระลานไชยนั้นแล ๚

๏ โส เวส์สัน์ตโร สมเด็จพระเวสสันดร บวรวิสุทธิกระษัตริย์อสัมภินชาติ ปางเมื่อพระองค์ทรงประสาทสัตตสดกมหาทาน คือเจ็ดร้อยคชาชาญชาติมาตงค์ ล้วนมีกายสูงทรงพ่วงพีพิฦกมหิมา เว้นจากทุฏฐลักขณางามพิเศษสรรพสมบูรณ์ เปนมิ่งมงคลตระกูลกุญชราธาร สุวัณ์ณกัจ์เฉ ประดับด้วยคเชนทรอลังการเครื่องต้น ผูกสายสพัดรัตคนพื้นสุพรรณพราย เหมกัป์ปนิวาสเส สวมใส่ข่ายกาญจนามาศ เหนือตระพองพิศโอภาษเจริญตา อารุเฬ๎ห คามนิเยภิ มีหมอควาญแต่งกายาขี่ประจำ มือถือซึ่งขอค้ำแลโตมร สัต์ตอัส์สสเต ทั้งเจ็ดร้อยอัศดรดุรงคราช ตระกูลสินธพชาติอาชาไนย สึฆพาหเน จะขับขี่หนีไล่แล่นรวดเร็วดังลมพัด สมเปนพาหนะกระษัตริย์เสด็จทรง ประดับด้วยอลงกฏอัสสาภรณ์ อิน์ทยาจาปธาริภิ นายม้ามือถือศรสพายแล่ง ทั้งอาวุธกวัดแกว่งขึ้นขี่ขับ สรรพางคประดับด้วยยรรยง สัต์ตรถสเต ทั้งเจ็ดร้อยรถทรงสุวรรณมาศ เทียมสินธพชาติทั้งคู่ขับ พร้อมอลงกรณ์ประดับดูพรรณราย ปักธงไชยสามชายบนปลายงอน หุ้มด้วยหนังพยัคฆไกรสรงามสง่า อารุเฬ๎ห คามนิเยภิ มีสารถีขึ้นนั่งน่าบัลลังก์อาศน์ ใส่หมวกสวมเกราะมาศกรกุมธนู สัต์ตอิต์ถิสเต ทั้งเจ็ดร้อยราชพธูวิมลมาลย์ สถิตย์เหนือบวรรถยานละองค์ทรง สุสัญ์ญา ตนุมัช์ฌิมา ล้วนเลิศลักษณลออองค์อาจเจริญใจ ท่ามกลางกายก็มิได้ใหญ่อย่างสามัญสัตรี อาลารมุขา หสุลา ดวงเนตรดังเนตรมฤคีควรจะเชยชม ดวงภักตร์พิศอุดมดุจปราโมทย์ อย่างประหนึ่งจะแย้มโอษฐออกพาที สุวัณ์เณหิ อลังกตา ทรงซึ่งนารีราชวิภูสิต ล้วนสุวรรณวิจิตรจำรัสเรือง มีพรรณเลื่อมเหลืองแลวิลาศ ทั่วสรรพางคโอภาษพิศไพบูลย์ ล้วนแต่ขัติยประยูรเยาวสัตรี แต่ละองค์มีแปดวัณณทาษีเปนบริวาร สัต์ตเธนุสเต อิกทั้งแม่โคนมมีประมาณได้เจ็ดร้อย พึ่งคลอดบุตรน้อย ๆ ทรามคนอง กับภาชนะเงินสำหรับรองกษิรธารา สัต์ตทาสีสเต อิกทั้งทาษบริจาชายหญิงสิ่งละเจ็ดร้อยเสมอกัน ล้วนแต่ศึกษากิจการหมั่นไม่เกียจคร้าน พอครบสัตตสดกมหาทานที่พรรณา ทั้งวัตถุอื่นนอกกว่านั้นก็มีมาก ท้าวเธอทรงบริจาคแก่มหาชน ทั่วสกลมณฑลราชอาณาเขตร ตทา ปน เทวตา ครั้งนั้นเทพยช่วยนำเหตุไปป่าวประกาศ แก่กระษัตริย์สามนตราชทั่วชมพูทวีป ต่างองค์ก็เร็วรีบมารับทาน ด้วยอานุภาพเทพบันดาลมาในทันใด ชวนกันรับยุพราชประไพพาลอัคเรศ สู่สถานถิ่นประเทศแห่งตนแลตน ท้าวเธอก็เบิกบานในทานผลพุทธบารมี พลางยอกรชลีประนมนมัสการ แล้วเปล่งพระปณิธานบัญชา ว่า อิทํ ทานํ อันว่าสัตตสดกมหาทานบริจาคอันยอดยากที่บุคคลจะกระทำได้ อาตมก็บำเพ็ญด้วยจิตรอันผ่องใสโสมนัศ จงเปนปัจจัยแก่วิมุติเสวตรฉัตรสัพพัญญุตญาณ ในอนาคตกาลเบื้องน่า ตทาสิ ยํ ภึสนกํ ขณะนั้นก็บังเกิดมหามหัศจรรย์ เปนต้นว่าโลมชาติชูชันหวั่นหวาดพิฦกพึงกลัว สท้านสเทือนทั่วจักรวาฬ พื้นแผ่นมหินทราธารนี่ก็กัมปนาท อเถต์ถ วัต์ตติ สัท์โท ลำดับนั้นแซ่เสียงประชาราษฎร์ร้อนด้วยโสกไภย ชวนกันร่ำร้องไห้อยู่อึงอล ว่าท้าวเธอประสาทพระยาช้างต้นปัจจัยนาค ต้องบัพพาชนิยกรรมจำจากพระบุรี ปุน ทานํ ททาติ โส บัดนี้พระองค์มาทรงบำเพ็ญพระทานบารมีอิกเล่า อันว่าเสียงพิลาปโศกเศร้าแห่งประชุมชน ก็บังเกิดโกลาหลเปนทุติยวาร ในกาลบัดนั้นแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ อามัน์ตยิต์ถ ราชานํ ฯลฯ

สัพ์พกามทโท หิ เมติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิปัญญา ปางเมื่อสมเด็จบรมนราธิเบศร์เวสสันดรอดูลดิลก มาทรงสละสัตตสดกมหาทานในวันนั้น พอเพลาสุริยสายัณห์ยอแสงสันธโยบาต จึงเสด็จนิวัตนนิวาศราชวังบวรสถาน จิน์เตต๎วา แล้วทรงพระจินตนาการในพระราชกมล ว่าอาตมจะไปบังคมยุคลบงกชบาท สมเด็จชนินทรชนกนารถราชชนนี ถวายกรอัญชลีลาลีลาศ เส๎ว วันพรุ่งนี้จะยุรยาตรไปวงกฏ ดำริห์แล้วก็ทรงอลงกรณ์ราชรถรัตนาไมย สู่สำนักนิ์อรรคอุไภยภูบดินทร์ปิ่นประชาชน ส่วนพระมัทรีก็ดำริห์ว่าจะจรดลด้วยพระภัศดา จะได้ถวายบังคมลาธุลีบาท พระบรมสัสสุราธิราชทั้งสององค์ ก็พาสองสุริยวงษ์วโรรสบทจรโดยเสด็จคลา ส่วนพระเอกอดุลประชาวิสุทธิกระษัตริย์ จึงยอยุคลหัดถ์วันทนากร แด่สมเด็จบรมบิดรบดีราช กราบทูลว่าข้าแต่พระบาทบพิตรมหิศวเรศ ผู้เปนอุดมขัติเยศยอดพระยาธรรม อวรุท์ธสิมํ พระร่มเกล้าจะบัพพาชนิยกรรมข้าบทมาลย์ ให้บำราศนคเรศสถานออกสู่ป่าในครานี้ กระหม่อมฉันนี้มาจินตนาคดีดำริห์การ ว่า ภูตาเยว ภวิส์สเร สรรพสัตวเกิดในสงสารเสวยวัฏฏทุกข์ ยังมิได้อิ่มในเบญจกามศุขสิ้นด้วยกัน ทั้งอดีตแลปัจจุบันอนาคต ย่อมลุ่มหลงในสังวาศรศไม่รู้วาย ครั้นดับขันธทำลายลาญชีวาตม์ ยมสาธนํ คัจ์ฉัน์ติ ก็ไปสู่ปวัตติอำนาจแห่งพระยายม ด้วยมิได้มีเพียรส่ำสมสิ่งซึ่งเปนประโยชน์ โสหํ สเก อภิส์สสึ อันข้าน้อยนี้มีโทษแต่ที่เบียนตน ให้เสียทรัพย์ด้วยกุศลสรรพบริจาค ใช่จะก่อกรรมทำทุกขยากให้แก่ชาวเมือง ได้เดือดร้อนแค้นเคืองนั้นหามิได้ ยชมาโน สเก ปุเร เมื่อบำเพ็ญทานอยู่แต่ในนิเวศน์ตน มาต้องทุกขทรพลบัพพาชนิยโทษ เพราะคำชาวนครพิโรธร้องอุปกาศ กระหม่อมฉันจะถวายบังคมลาฝ่าธุลีพระบาทออกสู่ไพร อฆันตํ ปฏิเสวิส์สํ จักเสวยทุกขวิบัติไภยในพระหิมวาศ อันอาเกียรณ์ด้วยพาฬมฤคราชจะบีฑา จะบำเพ็ญพรตพรหมจริยาเมตตาฌาน พระองค์จงทรงสำราญด้วยกามศุข บำราศสรรพสิ่งทุกข์อย่ามีไภย เมื่อกราบทูลบรมไทธิราชด้วยบาทพระคาถาฉนี้ มาตุ สันติกํ คัน์ต๎วา จึงเสด็จไปทูลลาพระชนนีเหมือนหนึ่งทูลพระชนกนารถ ให้ทรงพระอนุญาตบรรพชากร ซึ่งจะไปสถิตย์ยังศิงขรคิริยวงกฏ เมื่อนางท้าวเธอได้ฟังพระโอรสจึงเอื้อนพระเสาวนี ปัพ์พัช์ชา เต สมิช์ฌตุ พ่อจงสำเร็จแก่ฌานวิธีบรรพชิตเพศ สงสารแต่แม่มัทรีศรีสุนทเรศราชสุณิสา เจ้าสิทรงเบญจกัลยายอดเยาวอนงค์ วิไลยลักษณลออองค์สำอางอาตม์ กึ อรัญ์เญ กริส์สติ จะทำอะไรในหิมวาศที่จะเดินดง ให้อยู่กับพระหลานทั้งสององค์เถิดฤๅนะลูกยา ท้าวเธอก็ทูลพระมารดาในทันใด ว่าถ้าเจ้ามิเต็มใจจากพระบุรี กระหม่อมฉันก็มิอาจจะพาจรลีไปได้ในดงดอน สเจ มํ อิจ์ฉติ ถ้าเจ้าปราถนาจะบทจรติดตามไป ก็ตามแต่น้ําใจเจ้ามัทรี แม้นไม่ประสงค์สู่พนาลีแถวเถื่อนทุเรศ ก็จงเนาในนิเวศน์ราชภารา ตามกระมลเจตนานั้นเถิด ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิวัตร มหาราชา ส่วนสมเด็จพระปิ่นกระษัตริย์สญไชยนราธิเบศร์ เมื่อสดับสารพระหน่อนเรศร์ราชดไนย จึงตรัสวิงวอนศรีสใภ้พาลพนิดา ว่าดูกรแม่มัทรีศรีสุณิสาสุนทรสวัสดิมัทราชวงษ์ จัน์ทนสมาธาเร แม่มีสริรกายเคยทรงลูบไล้โลหิตจันทน์สุคันธชาติ ยามจะประเวศหิมวาศในครั้งนี้ พระบวรองค์จะทรงแต่มลทินธุลีต่างกระแจะจันทน์สารพันพิกล กาสิยานิ ปธาเรต๎วา แม่เคยทรงผ้าต้นกาสิกพัตร มีสุขุมสัมผัสไม่เคืองระคาย กุสจีรํ อธารยิ จะไปสวมทรงสกลกายด้วยคากรองรองพระมังษา ฉวีวรรณพรรณลักขณาสินวลนิ่มอยู่ทั้งองค์ จะวิปริตผิดทรงเสียศิริวิลาศ เปนริ้วรอยระดะดาดไม่มีดี ทุก์โข วาโส อรัญ์ญัส๎มึ อนึ่งอันเนาในพนาลีนี้ลำบาก จะหาศุขเห็นสุดยากที่กลางไพร แม่ผู้ทรงลักษณวิไลยอย่าลีลาศ จงฟังคำพระบิตุราชภิปรายปราม พ่อนี้ทั้งสอนทั้งห้ามด้วยกรุณา อย่าโดยเสด็จพระภัศดาเลยนะมัทรี อยู่เปนเพื่อนพระชนนีในนคร พระมัทรีก็ชลีกรกราบบังคมทูล ว่าข้าแต่พระปิ่นประยูรมกุฎิกระษัตริย์ ยํ เม เวส์สัน์ตรํ อันว่าศุขอันใดที่พรากพลัดพระเวสสันดรสวามี ศุขอันนั้นข้ามัทรีนี้มิได้ปราถนา จะขอโดยเสด็จพระภัศดาดำเนินไพร ทรงสดับสารศรีสใภ้จึงตรัสเล่า ว่า อิงฆ ดังบิดานี้จะเตือนเจ้าจงจำไว้ พึงพิจารณาซึ่งไภยในพระหิมวันต์ ธรรมดาว่าป่านี้เปนพ้นที่จะอดกลั้นซึ่งความลำบาก พหู กิฏา ปตังคา จ ทั้งเหลือบยุงบุ้งร่านก็มีมากหมู่ผึ้งแตน จะขบกัดนี้เปนสุดแสนทุกขเทวศ อนึ่งแม่จะได้เห็นเหตุอปรไภย จักตระหนกตกใจอยู่หวั่นหวาด สัป์ปา อชครา นาม ชื่อว่างูเหลือมเหล่าทีฆชาติอันมหิมา ย่อมอาไศรยอยู่ในเถื่อนท่านทีธาร มีกำลังดังคชสารสามารถแต่ปราศจากพิศม์ คอยสังหารผลาญชีวิตรทุกหมู่สัตว อันมาใกล้แล้วก็รวบรัดด้วยขนดกาย กระทำให้วอดวายวางชีวาตม์ ลุแก่ปวัตติอำนาจวิไสยตน อัญ์เญปิ กัณ๎หาชฏิโน อนึ่งแม่จะได้ยลซึ่งสัตว์อื่นมีพรรณดำทมื่นดูน่ากลัว ชัดไปด้วยโลมชาติสลัวทั่วทั้งอินทรีย์ อัจ์ฉา นาม อคัม์มิคา มีนามชื่อว่าหมีนับเข้าในหมู่มฤค อาจจะนำมาซึ่งทุกขพิฦกให้ลาญชีพ แม้นมันเห็นถึงจะเร็วรีบหนีขึ้นรุกขชาติ ก็มิได้พ้นอำนาจคงจะตามติด ขึ้นขบกัดตัดชีวิตรไม่ปรานี มหิสา วิจรัน์เตต์ถ ทั้งหมู่กาษรก็มีอเนกท่องเที่ยว สองเขานั้นแหลมเรียวเสี่ยวประหารกัน ย่อมโคจรจรัลอยู่ที่แทบท่า แห่งโสตุมพรานทีธาร ควํ วิจรตํ วเน อนึ่งแม่จะได้ทัศนาการฝูงกระทิงเถื่อน อันเที่ยวสัญจรกลาดเกลื่อนในกลางดง เจ้าจะพวักพะวงด้วยระวังไภย แก่สองราชดไนยหน่อกระษัตริย์ ดังแม่โคอันกำหนัดในบุตรตน จะได้แต่ทุกข์ร้อนรนลำบากใจ เออมัทรีจะกระทำเปนไฉนในพนาดร ปลวังคเม อนึ่งจะได้เห็นฝูงพานรทารุณชาติ รูปกายนี่ก็ร้ายกาจดูเปนน่ากลัว บ้างเผ่นโผนโหนห้อยหัวบนปลายพฤกษ์ ทำหลอกหลอนแลพิฦกนี่ต่างๆ เจ้าก็ไม่ชำนาญในทางวนาดล จะหลบหลีกก็ไม่พ้นเห็นสุดยาก อภิส์สเต มหัพ์ภยํ อันไภยในไพรนั้นมีมากนะมัทรี อนึ่งแม่เคยเนาในบุรีนี้แสนขลาด สดับแต่เสียงสุวาณชาติก็หวาดอยู่เนืองเนือง เออเมื่อแม่จะจากเมืองไปถึงวงกฏ จะมีแต่กระมลรันทดด้วยทุกข์ไภย เจ้าจะกระทำประการใดในครั้งนี้ มัช์ฌัน์ติเก กาเล ในเมื่อเวลาสุริยรังษีเข้ายามเที่ยง จะสงัดซึ่งเสียงสรรพทวิบาท สงบทั้งเสียงจตุบทชาติไม่ลองเชิงระเริงร้อง จะฟังพิฦกกึกก้องแต่ศัพทสำเนียงเสียงลมชายรำพายพาน ซึ่งรุกขสาขาบรรสานเสียดสีกัน ทั้งเสียงพฤกษโพรงอันวายุสัมผัศ เสียงเวฬุคุมพชาติชัฏเมื่อถูกลม จะแซ่เสียงระดมดังเนียรนาท แม่จะตกฤไทยไหวหวาดหวั่นหวั่นทรวงดวงพระภักตร์จะเผือดพิกล ด้วยไม่เคยพานพบพนสณฑ์สารพันไภย กึ คัน์ตุมิจ์ฉสิ จะประสงค์ไปอยู่ไพรไยนะมัทรี จงอยู่กับชนกชนนีในพระนคร อันเคยศุขสถาวรนี้เถิด ๚

๏ ตมพ๎รวิ ราชปุต์ตี ปางเมื่อสมเด็จพระมัทรีศรีวิสุทธิกระษัตริย์ขัติยราชธิดา อันทรงสรรพางคลักขณาวิไลยเลิศ เปนเอกอนงคประเสริฐทั่วพสุธาธาร เมื่อได้สดับสารพระสัสสุราธิราช สำแดงไภยในหิมวาศแล้ววิงวอน จะให้เนาในพระนครด้วยทรงพระกรุณา จึงทูลฉลองพระราชบัญชาขึ้นในทันใด ว่า รเถสภ ข้าแต่พระผู้อุดมในศิริสมบัติ ดำรงถวัลยราชาฉัตรเฉลิมสิพิราฐ อันว่าไภยอันใดในพนาวาศซึ่งตรัสรำพรรณ อภิสัม์โพส์สํ ข้าพระองค์อาจจะอดกลั้นไม่กลัวลำบาก จะขอติดตามไปสู่ยากด้วยพระภัศดา อุรสาปนูทเหส์สามิ จะเอาธุระฝ่าแฝกแหวกคาหญ้าคมระคาย มิให้เคืองบวรกายพระราชสามี มัทรีจะเปนมัคคุเทศ นำเสด็จประเวศวนาไลย ไม่คิดยากลำบากใจที่จะจรลี พหูหิ วัต์ตจริยาหิ ธรรมดาว่าตรุณกุมารีจะได้ผัว ย่อมกระทำตกแต่งตัวนี่ต่างต่าง มากไปด้วยปฏิบัติหลายอย่างประกอบการ อุทรัส์สุปโรเธน คือจะบริโภคอาหารก็มิให้เต็มท้อง เกรงว่ากายจะพีพองไม่เปนทรวดทรง โคหณุเวฎฐ์เนน จ อนึ่งท่ามกลางเอวองค์ไม่สู้ผึ่งผาย ก็ต้องทุบให้ขยายออกด้วยแผ่นขดาน อันมีทรงสัณฐานเหมือนหนึ่งคางโค ให้พื้นตะโพกแผ่ภิยโยใหญ่ยิ่งกว่าเก่า อัค์คิส์ส ปาริจริยาย เมื่อยามร้อนเล่าก็เฝ้าแต่รมไฟ ให้ฉวีวรรณพรรณผ่องใสสมบูรณ์งาม อุทกุม์มุช์ชเนน จ ถึงยามหนาวก็พยายามลงดำน้ำ ขัดสีกายมิให้คล้ำด้วยเหื่อไคล กว่าจะได้สามีที่ชอบใจนั้นแสนยาก เวธัพ๎ยํ กฏุกํ โลเก อันหญิงม่ายนี้ลำบากแก่ตาโลก ด้วยเสวยปิยวิโยคทุกข์ทน กระหม่อมฉันจะทูลลาจรดลโดยเสด็จพระภัศดา ไม่ยอมอยู่ดังทรงพระกรุณาโปรดประภาษ อปิส์สา โหติ อัป์ปัต์โต ประการหนึ่งนามชื่อม่ายนี้ มีชาติอันชั่วช้า ถึงชายตระกูลต่ำก็ไม่เจตนาที่จะรับประทาน ซึ่งวัตถุอันเปนเดนชานวิธวสัตรี มีแต่จะกระทำย่ำยีไม่ยำเยง อกามํ ปริกัฑ์ฒติ ถึงไม่ยินยอมก็ย่อมข่มเหงฉุดคร่า ประมาทหมิ่นไม่เวทนาได้แต่อัปมาณ บางทีก็กระทำปไสยหาการยุดยื้อเอามวยผม แล้วถูลากให้ล้มลงกับปัถพี ไม่สังกาดังทาษีอันช่วงใช้ ทัต๎วา จ โน ปัก์กมติ เบื้องว่าทำโทษให้แล้วไม่หลีกหลบ ยืนดูเล่นใครเห็นพบไม่เกรงกลัว เพราะหญิงม่ายนั้นปราศจากผัวที่จะปกครอง มีแต่เจ็บกระมลหม่นหมองนี่เปนเหลือประมาณ เวธเวรา บางทีบุรุษพวกพาลตรุณชาติ ย่อมตกแต่งให้สอาดสำอางกาย ด้วยเครื่องวิเลปนละลายชโลมทา ยังฉวีวรรณพรรณมังษาให้ใสสด หวังจะร่วมสังวาศรศด้วยวิธวสัตรี ให้ซึ่งทรัพย์แต่ตามมีที่หาได้ สุภัค์คมานิโน มาสำคัญว่าคนให้นั้นงดงาม เลี้ยงรักษาพยายามโดยอย่างยิ่ง แล้วล้อมกลุ้มประชุมชิงกันฉวยฉุด อุล์ลูกัญ์เจว วายสา ดังฝูงกาอันยื้อยุดซึ่งนกเค้า อันเปนม่ายนี้มีแต่ร้อนเร่าด้วยเจ็บอาย ถึงจะอยู่ในเรือนญาติทั้งหลายที่บริบูรณ์ มีทรัพย์นับเพิ่มภูลมากกว่าร้อย รุ่งเรืองด้วยเครื่องใช้สอยล้วนแต่เงินทอง เนวาติ วาก๎ยํ ก็คงไม่พ้นที่เคืองข้องข้อครหาไภย อันเกิดแต่สำนักนิ์ในญาติพันธุมิตร ย่อมจะหยิบยกเอาข้อผิดขึ้นติเตียน ว่าหญิงม่ายนี้ไม่มีเพียรที่จะเลี้ยงตน มานั่งกินเปนกังวลธุระเรา ต้องเลี้ยงดูอยู่ทุกค่ําเช้ากว่าจะวายชีวาตม์ พระพุทธเจ้าข้า มีแต่จะเดือดร้อนด้วยคำหมิ่นประมาทไม่เว้นวาย นที อนูทกา อนึ่งอันคงคาที่ขาดสายสินธุวารี นครร้างนฤบดีดำรงเสวตรฉัตร สัตรีม่ายอันพรากพลัดภัศดา ล้วนแต่โลกนินทาว่าไม่เปนประโยชน์ นัค์คา เมาะ อัจ์จัน์ตหินา จัดได้ชื่อว่าหินโทษแท้ทั้งสามสิ่ง ประการหนึ่งธรรมดาว่าเปนหญิงไร้สามี ถึงจะพรั่งพร้อมด้วยพี่สักสิบชาย ก็ไม่คุ้มข้อยินร้ายแห่งมหาชน จะได้แต่เจ็บช้ำด้วยคำคนไม่วายวัน อันผัวนี้แลอาจจะป้องกันซึ่งความอาย ดุจวัตถาภรณประดับกายงามเจริญตา ธโช รถัส์ส ปัญ์ญาณํ อนึ่งอันธงไชยก็เปนที่เฉลิมมหามงคลรถ ธุมาการก็เปนที่ปรากฎแก่กองอัคคี กรุงกระษัตริย์ก็เปนศักดิศรีแก่พระนคร ย่อมจะปรากฎเกียรดิขจรทั่วสุธาดล อันภัศดาก็เปนที่สถาพรผลแก่สัตรีภาพ จัดได้ชื่อว่าอุดมลาภเลิศในโลกีย์ ยา ทลิท์ที ทลิท์ทัส์ส พระพุทธเจ้าข้า นามชื่อว่านารีจำพวกใด ยามเมื่อสามีตกไร้ก็ร่วมยาก ยามเมื่อบริบูรณ์สมบัติมากก็ร่วมยศ หญิงผู้นั้นจะมีเกียรดิปรากฎด้วยความเจริญ เทพยทั้งหลายจะสรรเสริญว่ามีศีลวัตร เพราะยากที่จะปฏิบัติบังคับใจ สามิกํ อนุพัน์ธิส์สํ เหตุดังนั้นข้ามัทรีนี้จะร่วมไร้ด้วยพระภัศดา จะโดยเสด็จแดนพระหาหิมวาศ จะสู้นุ่งห่มผ้าย้อมฝาดแลแฝกคาบรรพชากร เวธัพ๎ยํ กฏุกิต์ถิยา อันร้างผัวนี้เปนที่เดือดร้อนของนารี ถึงจะเปนใหญ่ในปัถพีก็ไม่มีศุข ตั้งแต่จะเกรียมตรมระทมทุกข์ทุกวันคืน อปิสาครปริยัน์ติ แม้มาตรกระหม่อมฉานได้ผ่านพื้นสกลชมพู มีมหาสาครเปนเขตรคูคั่นรอบ ทั้งเก้าแก้วเกิดประกอบอเนกสมบัติ แต่นิราศร้างพระเกษกระษัตริย์ผู้ภัศดา มัทรีนี้มิได้ปราถนาที่จะอยู่ครอง กถํ นุตาสํ หทยํ ไฉนใจหญิงจึ่งร้ายรองหยาบช้า เมื่อผัวทุกข์ช่างมีหน้านั้นชื่นบาน ประสงค์หาศุขสำราญเอาแต่ตัว จัดเปนหญิงลามกชั่วชาติทรลักษณ์ ไม่ดูเยี่ยงให้เสียศักดิสุริยวงษ์ นิก์ขมัน์เต มหาราช ปางเมื่อพระปิ่นขัติยพงษ์ภูบดินทร อันเจริญศุขสถาวรแก่ชาวสีพิราฐ ให้สำเร็จปราถนาข้าพระบาทบทบริจา ด้วยศิริสรรพโภคาควรจะเปรมปรีดิ์ เสด็จบำราศรัตนบุรีในวันใด อนุพัน์ธิส์สํ กระหม่อมฉันก็จะพาสองขัติยดไนยโดยดำเนินจรสู่พนัศพนาดรนั้นแล ๚

ตมพ๎รวิ มหาราชา ฯลฯ

เปต์ติกํ ภวนํ มมัน์ติ ๚

๏ ตมพ๎รวิ มหาราชา ปางเมื่อพระปิ่นภพสีพีทรงสดับสาร ซึ่งพระยอดเยาวมาลย์มัทรีศรีสใภ้ มิยอมอยู่ในเวียงไชยตามพระบัญชา จึงตรัสแก่พระสร้อยสุณิสาปลอบประโลมเล่า ว่า อิเม เต ทหรา ปุต์ตา สงสารแต่สองพระลูกเจ้ากุมารกุมารี แม่กัณหาพ่อชาลีนัดดานารถ ยังย่อมเยาว์จะเข้าหิมวาศฉันใดได้ จงมอบสองพระหลานไว้ในภารา พ่อจะช่วยบำรุงรักษาให้สถาวร พระมัทรีเธอยอกรกราบบังคมทูล ว่า ปิยา เม ปุต์ตกา อันสองโอรสราชประยูรเยาวขัติเยศ เปนที่รักดังดวงเนตรแลดวงหไทย จะถวายไว้ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า จะพาไปได้เห็นหน้ากันในพงพี จะได้บันเทาที่โศกีค่อยชื่นบาน ทรงสดับก็ปรารภถึงพระเจ้าหลานพิลาปไห้ ว่าโอ้สองสายใจของพระไอยกา สาลีนโมทนํ ภุต๎วา แต่ปางก่อนเจ้าเคยเสวยบวรกระยารศเอมโอช ล้วนสูปพยัญชนสุทธาโภชน์พิสุทธสาลี กับมังษวิกัตติอันมีอเนกประการ รุก์ขผลานิ ภุญ์ชัน์ตา เจ้าจะไปเสวยแต่ผลพฤกษาผลาหารอันเฝื่อนฝาด โอ้โอ๋อกอนาถนึกน่ากรุณา อนึ่งเจ้าเคยเสวยเหนือมหาสุพรรณภาชน์ แล้วไปด้วยกาญจนามาศแปดหมื่นกล่ำ อันนายช่างฉลาดทำวิจิตรรจนา เปนลวดลายเลขาควรเจริญใจ รุก์ขปัต์เตสุ ภุญ์ชัน์ตา เจ้าจะไปเสวยเหนือใบไม้อันปูลาด ดูนี่แสนประดาษทุกขทรพล อนึ่งเจ้าเคยทรงแต่งผ้าต้นกาสิกพัตร ทั้งผ้าโขมโกทุมพรัฐอันเรืองรอง กุสจิรานิ ธาเรน์ตา เจ้าจะไปทรงผ้าคากรองแลเปลือกไม้ โอ้โอ๋จะกระทำไฉนแก่อกพระไอยกา อนึ่งเจ้าเคยเสด็จด้วยมหามงคลราชรถ บางทีก็ทรงอลงกฏสีวิกากร ปัต์ติกา ปริธาวัน์ตา เจ้าจะไปแล่นบทจรด้วยยุคลบาท นึกนี่เปนน่าอนิจอนาถในครั้งนี้ อนึ่งเจ้าเคยบรรธมในมณีมณฑิรามาศ มียอดเยี่ยมเวหาศเห็นงามตระหง่าน วิจิตรไปด้วยใบบานบัญชรทวาเรศ อันมิดชิดช่องประเวศวายุรำเพย สยัน์ตา รุก์ขมูลัส๎มึ โอ้อนิจาพระหลานเอ่ย เจ้าจะไปบรรธมใต้ร่มรุกขวนาทุเรศ ดูนี่เปนแสนสังเวชสุดที่จะทรมาน อนึ่งเจ้าเคยเกษมสำราญศุขไสยาศน์ เหนือรัตนบัลลังก์อาศน์อลงกรณ์ ลาดด้วยวิจิตรบรรจฐรณ์สุขุมสัมผัส เบื้องบนโกเชาวพัตรภูลภิรมย์ สยัน์ตา ติณสัณ์ฐเร เจ้าจะไปบรรธมกับพสุธาธาร อันลาดด้วยติณสัณฐารแทนพระยี่ภู่ดูลำบาก โอ้อกพระไอยกาจะครากเสียในครานี้ อนึ่งเจ้าเคยลูบไล้พระอินทรีย์ด้วยสุคนธา ล้วนรศจันทน์พรรณกฤษณาแลบุบผชาติ รโช ชลานิ ธาเรน์ตา เจ้าจะไปทรงสำอางอาตม์ด้วยเหื่อไคระคนปนกับธุลีแลอนาถเนตร จะเศร้าศรีเสียเพศสมมติพงษ์ อนึ่งเจ้าเคยคณานิกรอนงค์เฝ้าประจำงาน ถวายสุวรรณจามรีพานรำเพยพัด ทั้งแซ่หางมยุรปัดบำเรอองค์ มีแต่เกษมศุขดำรงในอิศริยยศ โดยวิไสยขัติโยรสราชตระกูล ผุฎ์ฐา ฑํเสหิ มกเสหิ เจ้าจะไปเสวยอาดูรด้วยแดดลมระทมฝนทนทุกขลำบาก ทั้งเหลือบยุงบุ้งทากจะขบกัดสารพัดเปน จะได้ยากแค้นเคืองเข็ญควรจะเวทนา กถํ กาหัน์ติ จะทำไฉนด้วยพระนัดดาอันจะเปนไพร เปนแสนสุดอาไลยนี้แล้วแล ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงไตรสิกขา เตสํ สัล์ลปัน์ตานํ ปางเมื่อสี่กระษัตริย์ตรัสสนทนาด้วยอัญญมัญญวิโยค ยังมิทันบันเทาโศกที่อาไลย วิภายิ ก็พอสิ้นนิสากรไสมยปัจฉิมราตรี ทิวากรรังษีขึ้นสุกส่อง แสงหิรัญเรืองรองจำรัสนภากาศ ฝ่ายว่ารถิกามาตย์ผู้พนักงาน ก็นำอลงกฎรถยานพระที่นั่งทรง เทียมด้วยสี่สินธพดุรงค์ราชมโนไมย มาประทับแทบพระทวารไชยคอยรับเสด็จ พระบรมหน่อสรรเพชญ์พุทธังกูร ส่วนพระมัทรีก็ชลีกรกราบทูลสืบไป ว่า มา ปริเทเวสิ พระบิตุรงค์อย่าทรงพระอาไลยพิลาปกำสรด ด้วยสองขัติเยศยศเยาวนัดดา ยถา มยํ กระหม่อมฉันมีศุขทุกข์ในป่าประการใด สองสุริยราชดไนยก็เปนประดุจนั้น แล้วนางท้าวเธอก็ถวายบังคมคัลบาทบงกช พลางพาสองพระโอรสบทจรลีลาศ อำลาแสนสุรางคนางนาฎราชบริพาร ลงจากพระมณเฑียรสถานเสด็จด่วน โดยวิถีท้องฉนวนตำหนักใน มาทรงมงคลรถไชยท่าพระราชสามี ตโต เวส์สันต์โร ราชา ปางนั้นพระมิ่งมกุฎิกระษัตริย์ศรีสมมุติเทเวศร์เพสสันดรราชโปดก ก็ถวายกรประนมบรมชนกชนนีนารถ กระทำปทักษิณสองราชถ้วนตติยวาร ก็มาทรงอลงกรณ์รถยานกาญจนมณี พลางขับบวรพาชีสินธพชาติ ไปโดยวิถีสถลมาศจากนิเวศน์วัง ส่วนสหชาติโยธาก็พร้อมพรั่งส่งเสด็จจร ทั้งฝูงประชาราษฎรก็แออัด เยนาสิ พหุโก ชโน ได้ทอดพระเนตรเห็นชนบริสัชประชุมในที่ใด ก็ขับพิไชยรถไปสู่ที่นั้นมิทันนาน แล้วมีพระราชบริหารดำรัสประภาษ ว่า อามัน์ตโข ตํ เราจะลาคณาญาติออกไปสู่ไพร ท่านจงอยู่อย่ามีไภยนิราศโรค สรรพสิ่งทุกข์โศกอย่ายายี จงมีศุขทุกราตรีทิวากาล อัป์ปมัต์ตา โหถ ท่านทั้งหลายจงมีสันดานตั้งในอัปปมาท พึงพยายามอย่าให้ขาดซึ่งกุศลมูล มีต้นว่าทานศีลอย่าเสื่อมสูญอุส่าห์ปรนิบัดิ ตรัสสั่งสอนราชบรรสัชพลางทางเสด็จจร ส่วนสมเด็จพระมารดรก็จินตนาการ ว่าพระโอรสรักบำเพ็ญทานไม่รู้ขาด จึงสั่งให้เอาเกวียนบรรทุกสัตตรัตนามาศมาเรียบเรียงไว้ แทบสองข้างมรรคาไลยอันจะออกจากพระภารา โส มหาสัต์โต สมเด็จพระปิ่นประชามหาสัตวศรีสมมุติวงษ์ ก็ปลดเปลื้องเครื่องทรงสรรพอาภรณ์ แจกจ่ายแก่หมู่นิกรยาจกยกออกทำทาน ถ้วนถึงอัฏฐารสวารแต่ทรงบริจาค ทั้งวัตถุอันเศษนั้นก็มากพ้นที่จะพรรณา จนรถล่วงทวาราราชธานี พระกระมลประสงค์จะทรงทฤษฎีรัตนคฤหาศน์ แห่งสมเด็จพระชนกนารถราชมารดา ตทาปิ ปฐวี กัม์ปิ ขณะนั้นอันว่าพื้นแผ่นมหามหินทเรศ อันมีพระเมรุเปนมกุฎิเกษเกิดมหัศจรรย์ ดุจมีจิตรจาบัลย์ด้วยกรุณา ก็บันดาลวิจลจลากัมปนาทกำหนดเท่าที่รถทรง ด้วยบุญญานุภาพแห่งองค์หน่อพระสรรเพชญ์ ยังพิไชยรถให้หันรเห็จบ่ายน่ามาเฉภาะพระบุรี ท้าวเธอก็ทอดพระเนตรธานีมณเฑียรนิเวศน์ แล้วตรัสแก่พระอัคเรศยอดเยาวมาลย์ ว่า นิสาเมหิ เจ้ามัทรีจงทัศนาการซึ่งปรางมาศ อันสูงสุดนภากาศตระหง่านงาม สุกสีสุวรรณอร่ามเรืองจำรัสรุ่ง ทั้งแสงสัตตรัตนโอภาษพุ่งพื้นทิฆัมพร อาวาโส สีวิเสฏ์ฐัส์ส เปนสถานที่สถิตย์อดิศรสีวิราช ผู้ประเสริฐสุริยชาติวิสุทธิประยูร เปนยอดขัติยตระกูลสากลกระษัตริย์ เสด็จดำรงถวัลยรัชราชสวรรยา ซึ่งเปนบรมชนกามกุฎิเกษ รมรูปํว ทิส์สติ โอ้เสียดายเอ่ยแต่บรมนิเวศน์ที่เสวยรมย์ เคยเขษมศุขอุดมด้วยศิริสมบัติ ปรากฎดังเวชยันต์รัตนพิมานมาศ แห่งสมเด็จวัชรินทรเทวราชในสุราไลย โอ้นับวันแต่จะจำไกลนิราศแรมร้างทุกสิ่งศุขสำราญ จักเสวยแต่ทุกขรำคาญเคืองข้องด้วยความเข็ญ ตั้งแต่จะตกต่ำลำเค็ญทุกคืนวัน ตรัสพลางก็ผันพิไชยราชรถบทจร จากพระนครนี้แล้วแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ ตํ พ๎ราห๎มณา อัน๎วาคมํ ฯลฯ

อัญ์ญมัญ์ญํ ปิยํ วทาติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงจตุปาริสุทธศีลสมบูรณ์ อถ มหาสัต์โต ปางเมื่อพระมิ่งมไหสูริย์มหาสัตว ผู้เปนเกษตระกูลขัติยยอดพิภพสีพี เสด็จจากเชตุดรบุรีบรมนคเรศ กับองค์อรรคชาเยศเยาวกุมารา จึงสั่งสหชาติโยธาหมู่อำมาตย์ ทั้งนิกรประชาราษฎร์ซึ่งส่งเสด็จจร ให้กลับคืนเข้าพระนครในทันใด รถํ ปาเชน์โต ก็ขับมงคลรถไชยด่วนดำเนินโดยสถลแถวเถินทางทุรัถยา จึงตรัสสั่งพระพาลพนิดาผู้เพื่อนไร้ ว่าเจ้าจงทัศนาในเบื้องปฤษฎางค์ ถ้ามียาจกเดินทางติดตามมา เจ้าจงแจ้งเหตุแก่เชษฐาด้วยฉับพลัน นางท้าวเธอก็บังคมคัลรับพระบัณฑูร จัต์ตาโร พ๎ราห๎มณา ยังมีพราหมณสกูลอิกสี่นาย มาไม่ทันเมื่อแจกจ่ายสัตตสดกทาน ชวนกันแล่นละลนละลานมาติดตาม พระมัทรีก็ทูลความตามรับสั่ง ครั้นทรงทราบก็รอรั้งพิไชยรถไว้ ส่วนสี่พราหมณมาใกล้ก็ทูลขอทั้งสี่ม้า ท้าวเธอก็ประสาทจตุรอัสสาสินธพที่เทียมรถ ทรงเปลื้องปลดออกเปนทาน อ้นว่าแอกรถก็บันดาลดูประหลาด เลื่อนลอยอยู่ในอากาศไม่ลดลง จัต์ตาโร เทวปุต์ตา จึงเทพยทั้งสี่องค์อันเรืองฤทธิ์ ก็ชวนกันนิรมิตรเปนลมั่งทอง วิ่งเข้ามารับรองเอาแอกรถ เปนอัจฉริยปรากฎด้วยพระบารมี ก็ทรงทราบคดีว่าเทพยบันดาล จึงตรัสแก่พระเยาวมาลย์มิ่งมกุฎิกัญญา ว่า นิสาเมหิ ดังพี่เตือนเจ้าจงทัศนามฤคชาติ ดูงามดังรูปวาดวิจิตรบรรจง มาเทียมราชรถทรงพาดำเนินไป ดุจหนึ่งว่าอาชาไนยอันฝึกชำนาญ เปนมหัศจรรย์บันดาลประจักษ์ตา อปโร พ๎ราห๎มโณ ยังมีพราหมณ์หนึ่งตามมาขอซึ่งรถทรง ก็ประสาทให้โดยประสงค์สมแก่ประโยชน์ ด้วยพระไทยเว้นมัจฉิริยโทษเบิกบาน ไม่ย่อท้อต่อพระทานบารมี ท้าวเธอก็พาพระอรรคมเหษีสองสุริโยรส ลงจากบวรยานยศบทจรด้วยบงกชบาท เทพยที่นิมิตรเปนมฤคมาศก็อันตรธาน จึงมีพระราชโองการตรัสแก่พระมัทรี ว่า กัณ๎หาชินํ คัณ๎หาหิ เจ้าจงอุ้มแก้วกุมารีรัตนกัณหาชินานาฎ เปนขนิษฐเยาวราชฝ่ายจะเบา ครุโก ภาติโก หิ โส พี่นี้จะอุ้มองค์เจ้าเชษฐชาลี พานจะหนักด้วยเปนพี่พอกำลังชาย ฝ่ายสองกระษัตริย์ก็ทรงอุ้มทั้งสองสายสุดสวาดิราชโอรสบทจร สัม์โมทมานา ต่างพระองค์ก็ทรงสมัคสโมสรโสมนัศเปรมปรีดิ์ ต่างแถลงปิยรศราชวาทีสุนทรกถาสนทนากัน บ่ายพระภักตร์ผันโดยอุดรทิศแถวเถื่อนทุรัศครรไล สู่วงกฏไศลนั้นแล ๚

ทานกัณ์ฑํ นิฏ์ฐิตํ

ประดับด้วยพระคาถา ๒๐๙ พระคาถา

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ