กัณฑ์ที่ ๑๓ นครกัณฑ์

ตํ สุต๎วา มหาสัต์โต ปิตรา ลัท์ธึ สัล์ลปัน์โต อิมํ คาถมาห

ธัม์เมน รัช์ชํ กาเรน์ตํ

รัฏ์ฐา ปัพ์พาชยิต์ถ มํ

ต๎วัญ์จ ชานปทา เจว

เนคมา จ สมาคตา

ทุก์กฏัญ์จ หิ โน ปุต์ต

ภูนหัจ์จํ กตํ มยา

โยหํ สิวีนํ วจนา

ปัพ์พาเชสึ อทูสกํ

เยน เกนจิ วัณ์เณน

ปิตุ ทุก์ขํ อุทัพ์พเห

มาตุยา ภคินิยาปิ

อปิ ปาเณหิ อัต์ตโน

ตัส๎มา โทสํ อกัต๎วาน

วจนํ ต๎วํ กโรหิ เม

อิสิลิงคํ นิหริต๎วา

ราชเวสํ อคัณ๎หสีติ ๚

๏ ตํ สุต๎วา มหาสัต์โต สมเด็จพระมหาสัตวขัติยาธิเบศร์เวสสันดร เมื่อได้ทรงฟังฝูงชนมาทูลวิงวอนอาราธนา จะให้ลาผนวชเนาในสมบัติ ปิตรา สัท์ธึ สัล์ลปัน์โต จึงกราบทูลแด่พระเกษกระษัตริย์สญไชยชนกาธิราช ว่า ธัม์เมน รัช์ชํ กาเรน์ตํ เมื่อข้าพระบาทดำรงรัตนราไชยมไหสวรรย์ โดยทศพิธราชธรรมประเพณี ต๎วัญ์จ ชานปทา เจว ดังฤๅพระร่มเกล้ากับชาวสีพีนิคมชนบท สมาคตา ประชุมชวนกันพร้อมหมดมาเนียรเทศ ให้พระลูกจากนคเรศมาแรมไพร บัดนี้มาอาราธนาให้คืนเวียงไชยเสวยศิริสมบัติ ดูนี้ก็ไม่ควรแก่เหตุอันเคืองขัดแต่หนหลัง เมื่อท้าวเธอได้ทรงฟังจึงตรัสปลอบประโลมพระโอรส เพื่อจะให้อดโทษโปรดประภาษ ว่า ปุต์ต ดูกรพ่อผู้เอกอรรคชาติเฉลิมวงษ์ สิวีนํ วจนา พระบิดานี้มาลุ่มหลงเชื่อคำชาวพระนคร ปัพ์พาเชสึ อทูสกํ จึงมาขับพระหน่อนเรศร์ราชอุทรผู้เนียรโทษ ภูนหัจ์จํ กระทำให้เสื่อมสูญเสียประโยชน์วุฒิอันตราย ทุก์กฏํ ก็เปนกรรมอันทารุณกำเริบร้ายวิปริตผิดอยู่แล้ว อนึ่งธรรมดาว่าลูกแก้วเกิดกับอก ยกอย่างอภิชาติเช่นปิโยรส ชีวิตํ ปริจ์จชิต๎วา ย่อมจะเสียสละชนมชีพแทนทดสนองคุณพระชนกชนนี โดยกิจกตัญญูกตเวทีทางธรรมวิเศษ ปิตุ ทุก์ขํ อุทัพ์พเห จะพึงบำบัดเสียซึ่งทุกขเทวศของพระบิดามาตุราช ทั้งพระวงษาคณาญาติราชประยูร ตัส๎มา โทสํ อกัต๎วาน เหตุฉนั้นพ่อจงดับอาดูรดวงกระมลพิโรธ จงอดโทษานุโทษแก่พระบิดร ทั้งแสนเสนาประชากรชาวพิไชยเชต อิสิลิงคํ นิหริต๎วา เชิญพ่อเปลื้องเครื่องดาบศเพศผนวชไพร ราชเวสํ อคัณ๎หสิ จงทรงซึ่งขัติยวิไสยเสวยสวรรยาธิปัติ เปนปิ่นสีพีบุรีรัตนราชภารา ตามคำของพระบิดานี้เถิด ๚

๏ โพธิสัต์โต สมเด็จพระบรมโพธิสัตวศรีวิสุทธิเทพวงษ์ มีพระกระมลจำนงจะครองศิริสมบัติ จึงขอพรแด่สมเด็จวชิรหัดถเทเวศร์ ข้อที่ทูลทัดขัดพระบิตุเรศราชนรินทร์ ด้วยเกรงประชาชนจะชวนกันดูหมิ่นว่าพระไทยเบาไม่หนักหน่วง จะล่วงเข้ามายินร้าย จึงทูลสนองโดยคลองขัติยราโชบายดังนี้ เมื่อสมเด็จพระจอมภพสีพีตรัสอาราธนาถึงทุติยวาร ก็รับพระราชโองการว่าสาธุแล้วมิช้า สัฏ์ฐีสหัส์สา ขณะนั้นหมู่ภิมุขมาตย์สหชาติทั้งหกหมื่น รู้ว่าท้าวเธอรับอาราธนาจะลาผนวชคืนเข้านคเรศ ต่างคนก็ชวนกันน้อมเกษกราบบังคมทูล ว่าข้าแต่นเรนทรสูรศรีสมมุติวงษ์ น๎หานกาโล กาลนี้ก็ควรจะเสด็จโสรจสรงสุคนธวาริน ชำระพระสริรมลทินในสกลกาย ท้าวเธอจึงตรัสว่าท่านทั้งหลายจงยับยั้งน่อยหนึ่งก่อน ปัณ์ณสาลํ ปวีสิต๎วา แล้วเสด็จบทจรเข้าสู่อาศรมสถาน โอมุญ์จิต๎วา จึงเปลื้องเครื่องดาบศบริขารเรียงลำดับไว้ ทรงเสวตรภูสิตผ่องใสดังสีสังข์บริสุทธิสอาด แล้วเสด็จยุรยาตรยังน่ามุขพระบรรณศาลา จึงทรงพระจินตนาในพระไทย ว่า อิทํ ฐานํ โอ้พระอาศรมบทนี้ไซ้ เปนที่อาตมสืบสร้างศีลบารมี นับได้เก้าเดือนกับสิบห้าราตรีเปนกำหนด ได้ทรงประพฤติพรหมพรตพิธีฌาน บำเพ็ญมหามกุฏทานอันยอดยาก เสียสละภริยบุตรบริจาคเปนมหัศจรรย์ พื้นพสุธานี้ก็มาบันฦๅลั่นทั่วสกลโลก นับวันแต่จะวิโยคจำไกล ทรงพระอาไลยในพระบรรณศาลามิใคร่จะนิราศ ปทัก์ขิณํ กัต๎วา แล้วกระทำประทักษิณพระอาวาศสิ้นตติยวาร ถวายทศนัขสโมธานด้วยเบญจางคประดิษฐ แล้วเสด็จสถิตย์ยังน่ามุขพระอาศรม ทรงพระปรีดาภิรมย์ราชหฤไทย ด้วยสมดังพรสหัสไนยนั้นแล

ตโต เวส์สัน์ตโร ราชา ฯลฯ

สัญ์ชโย อภิรัก์ขตูติ ๚

๏ ตโต เมาะ ตทนัน์ตรํ ในลำดับนั้นหมู่ภิมุขมาตย์ราชมนตรี ทั้งแสนสุรเสนีในนอกตำแหน่ง ก็เร่งรัดจัดแจงตามกระทรวง สำหรับพระราชพิธีทั้งปวงทุกประการ กัป์ปกา ฝ่ายชาวพนักงานเครื่องต้น ก็ถวายเจริญพระเกษมัสสุมงคลควรแก่ราชกิจ แล้วเชิญบรมบพิตรสรงพระกระยาสนาน อันปรุงด้วยสุคนธารกลิ่นตลบ ชำระพระสริราพยพฟุ้งขจร สัพ์พาภรณภูสิตํ แล้วทรงเครื่องศิริราชวัตถาภรณ์พิจิตรจำรัส อันล้วนแล้วด้วยสัตตรัตนามาศ งามดังองค์สมเด็จวัชรินทรเทวราชอันเรืองเดช ราชเวสมธารยิ ทรงเสวยขัติยเวศวิสุทธิวงษ์ จึงสมเด็จบรมบิตุรงค์ราชนรินทร์ ก็อัญเชิญพระเอกอรรคบดินทร์อดูลยโอรส อันรุ่งเรืองด้วยดิเรกยศราชศฤงฆาร เสด็จขึ้นสู่อุทุมพรสาขพิมานอันเลิศแล้ว สถิตย์เหนือพระที่นั่งบัลลังก์แก้วกาญจนมณี เบื้องบนรัตนราษีอันโอภาษ ประดับด้วยเบญจพิธราชกกุธภัณฑ์สรรพราชูประโภคพร้อมเสร็จ อภิสิญ์จึสุ จึงอภิเศกสมเด็จพระหน่อนเรศร์ เปนบรมขัติเยศยอดมนุษนิกร ผ่านพระพิไชยเชตุดรดำรงราชย์ แทนองค์สมเด็จชนินทรชนกนารถในเสวตรฉัตร สืบเสวยสวรรยาธิปัติปิ่นประชาชนทั่วสกลพิภพสีพี แล้วถวายมุรธาภิสิตวารีแก่บรมกระษัตริย์ สรงด้วยสังข์ทักษิณาวัฏวิไชยมงคล แต่สังข์สุวรรณหิรัญวิมลทั้งสามประการ ท้าวเธอก็กอปรด้วยพระเกียรติยศไพศาลสุดซึ่งจะพรรณา เมื่อทอดพระเนตรในทิศานุทิศใด ก็ชลีกรไสวอยู่เดียรดาษ มุขมังคลิกา ขณะนั้นหมู่ทิชาชาติราชปโรหิต ผู้เชี่ยวชาญชำนาญนิติไตรเพท ก็โอมอ่านอิศวรเวทวิศณุมนต์ อวยศรีสวัสดิมงคลถวายไชย ตุริยานิ ปคัณ๎หสุ ชาวพนักงานก็ประโคมขานไขมโหรธึก ทั้งดุริยางคก้องกึกแตรสังข์ เสียงฆ้องกลองประนังเนียรนาท สเทือนท้องวนาวาศหิมวันต์ เมฆนิโฆโสวิย ดุจสำเนียงอสนีสนั่นในห้องมหาสมุท อมัจ์จา ฝ่ายภิมุขมาตย์ราชบุรุษเสวกากร ก็ตกแต่งพระยาปัจจัยกุญชรเสวตรคช ประดับด้วยหัตถาลงกฏกาญจนาไมย ประทับเทียบยังเกยไชยคอยรับเสด็จ โพธิสัต์โต ส่วนพระบรมหน่อสรรเพ็ชญ์โพธิพงษ์ ก็สอดสพักพระแสงขรรค์ธำรงวราวุธวิเศษ ปรัน์ตปํ อาจมล้างอรินทรปราชเยศทั่วทิศาภาค นาคมารุย๎ห เสด็จทรงมงคลรัตนนาคนาเคนทร์ อันเปนปรมอรรคคเชนทราอาศน์ สัฏ์ฐีสหัส์สานิ ฝ่ายภิมุขมาตย์สหชาติทั้งหกหมื่น ก็ชวนกันชมชื่นปรีดา ต่างๆ ประดับกายาด้วยสุภาภรณ์ มีอาวุธประจำกรถ้วนทุกคน ปริกรึสุ ก็แวดล้อมพระจอมภพสกลมกุฏิเกษกระษัตริย์ สิวีกัญ์ญาโย ฝ่ายอเนกอนงคนารีรัตนราชกัญญา ก็เชิญเสด็จพระสร้อยสุณิสามัทรีศรีอัคเรศ ให้ลาดาบศินีเพศผนวชไพร น๎หาเปสุํ แล้วโสรจสรงเสาวคนธมาไลยอุทกธารา ช่วยกันขัดสีพระกายายอดเยาวมาลย์ แล้วทรงบวรวัตถาลังการวิไลยเลิศ ต่าง ๆ ก็อวยศรีสวัสดิประเสริฐประสิทธิพร ให้เสวยศุขสถาวรวายเทวศ สรรพทุกข์ไภยพิบัติเหตุอย่าแผ้วพาน จงมีพระบวรสันดานชื่นชมด้วยบรมญาติ ทั้งสมเด็จพระชนกนารถราชสามี แลพระกัณหาชาลีสองกระษัตริย์ อย่ารู้มีพระไทยโทมนัศแหนงกัน จงทรงสมัคสโมสรเกษมสันต์สารภิรมย์ ด้วยมหามิตรธรรโมดมเปนนิรันดร ในพระนครนี้แล้วแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ อิทัญ์จ ปัจ์จยํ ลัท์ธา ฯลฯ

อชโร ต๎วํ อมโร ภวาติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวิเศษ อุโภ ขัต์ติยา อันว่าบรมขัติเยศทั้งสองพระองค์ คือสมเด็จพระเพสสันดรพงษ์พิสุทธิเทวราช แลพระเอกอรรคอนงค์นาฎมัทรีศรีสุนทรเทพกัญญา อิทัญ์จ ปัจ์จยํ ลัท์ธา ท้าวเธอมาได้คืนครองศิริสมบัติ สืบเสวยบวรเศวตรฉัตรเฉลิมวัง ปุพ์เพ กิเลสมัต์ตโน จึงทรงพระอนุสรคำนึง ถึงความหลังตั้งแต่บรรพชิตเพศ เสวยทุกขเทวศในกลางไพร บัดนี้ก็บริบูรณ์ไปด้วยมไหสุริยศฤงฆาร ควรที่จะเบิกบานทั่วพระธรณี อานัน์ทเภริญ์จาราเปต๎วา จึงให้เอาอานันทเภรีอันวิจิตรด้วยพิพิธกาญจนลดามาศ ไปตีป่าวประกาศแก่มหาชน ในเวิ้งหว่างวนาสณฑ์ศีขเรศประเทศวงกฏ ว่าบัดนี้พระเอกอรรคปิโยรสราชสุริยวงษ์ เสด็จคืนครองพิภพดำรงดังก่อนเก่า พระราชอาณาจักรเปนของพระลูกเจ้าตั้งแต่นี้ไป อานัน์ทิยํ ปริจรึสุ ให้จัตุรงคเสนาในนิกรประชา เล่นอานันทมหามหาศพคำรบตติยวาร เสียงนี้ก็เอิกเกริกสเทือนสท้านวนาวาศ ลัก์ขณา อันว่าสมเด็จพระยอดเยาวมาลย์มาศมกุฏิคณานาง อันทรงศุภลักษณสรรพางค์วิไลยเลิศ เมื่อประสบพระโอรสประเสริฐสองกุมารา ก็ทรงพระโสมนัศปรีดาด้วยพระหน่อกระษัตริย์ จึงมีพระเสาวนีตรัสปลอบประโลมพระลูกแก้วแล้วรับขวัญ ว่า เจ้าแม่เอ่ย แม่ลูกได้เห็นหน้ากันเมื่อยามยาก จำเดิมแต่วันพราหมณมาพรากไปจากอก พระชนนีนี้ก็แสนวิตกตั้งแต่ตรึกตรอม จนพระสริรรูปนี้ก็มาซูบผอมผิดพิกล เสวยแต่อัสสุชลครวญคร่ำกำสรด ด้วยบำราศพระโอรสทั้งสองรา พระแม่นี้ก็มาตั้งวัตรจริยาทรมานตน เอกภัต์ตํ ปุเร อาสึ เมื่อยามเสวยก็เสวยแต่วันละหนทนทุกขเทวศ ยามไสเยศก็ผธมกับปัถพี ปราศจากบรรจฐรณ์แท่นที่จะรองกาย ตั้งพระไทยมั่นหมายจะประสบพบพระลูกแก้ว ตํ เม วัต์ตํ สมิท์ธัช์ช บัดนี้วัตรปฏิบัตินั้นก็สำเร็จแล้วด้วยลุปราถนา แม่มาได้เห็นหน้าเจ้าทั้งสององค์ ก็สมเหมือนจิตรแม่ประสงค์ในวันนี้ ปุต์ตกา ดูกรแม่กัณหาพ่อชาลีหน่อกระษัตริย์ อันว่าสิ่งแสนโสมนัศปรีดา อันบังเกิดด้วยเสน่หาการุญจิตร แห่งสมเด็จบรมบพิตรผู้ชนกนารถราชชนนี ทั้งพระไอยกาธิบดีอันเรืองเดช ปาเลตุ จงรักษาเจ้าผู้ดวงเนตรทั้งสององค์ ยํกิญ์จิต์ถิกตํปุญ์ญํ อนึ่งทั้งพระราชอานิสงษ์กุศลสัตย์ มีต้นว่าศีลสมาธิวัตรบวรทาน อันพระชนกชนนีมีอภินิหารมาแต่ปางก่อน ตราบเท่าถึงบรรพชากรในครั้งนี้ จงมาคุ้มครองสองศรีสุริโยรส อชโรต๎วํ อมโร ภว ให้เจ้าจำเริญพระยศนิราศโรค สิ่งสรรพทุกข์โศกอย่าบีฑา จงยืนพระชนมพรรษาสืบสุริยวงษ์ เสวยพิภพดำรงราชอาณาเขตร ในกรุงสีพีพิไชยเชตุดร มหานครนั้นแล

ตมัต์ถํ ฯ กัป์ปาสิกัญ์จ โกเสย์ยํ ฯลฯ

อีสาทัน์ตํ อุรุฬ๎หวัน์ติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิอินทรีย์ ส่วนสมเด็จพระผุสดีศรีสุนทรวิลาศ ผู้เปนบรมสัสสุราชมารดร ก็ทรงจัดพระภูษาลังกาภรณ์อันเพริศแพร้ว ใส่ในผอบแก้วกาญจนมณี พระราชทานไปแก่พระสร้อยสุณิสามัทรีให้ประดับองค์ ล้วนแต่สรรพเครื่องทรงกระษัตรา กัป์ปาสิกัญจ์ คือพระภูษากัปปาสิกพัตร เกิดแต่กรุงกาสิกรัฐบุรีรมย์ กัป์ปาเสน กตํ อันนายช่างทอด้วยด้ายอุดมดูเลอียดอ่อน โกเสย์ยํ ทั้งโกไสยวัตถาภรณ์พรรณไพบูลย์ บังเกิดแต่ตระกูลโกไสยราฐ อันแล้วไปด้วยใยกิมิชาติช่างรจนา เปนสีสุวรรณอาภาพิพิธพรรณราย วิจิตรไปด้วยลวดลายนี้ก็หลายอย่าง ทั้งพื้นพรรณต่าง ๆ ประหลาดกัน โขมํ มีทั้งโขมภูษาพรรณพิสุทธิเสวตร อันขจิตรไปด้วยเปลือกไม้วิเศษในโขมราฐ โกทุม์พรานิ จ อิกทั้งบวรวัตถาชาติต่างพรรณ บังเกิดแต่เขตรขัณฑ์โกทุมพรัฐ อันนายช่างทอด้วยขนสัตววิจิตรบรรจง สตสหัส์สัค์ฆนิกํ กำหนดราคาคงได้แสนตำลึง แต่ละผืนละผืนหนึ่งก็ค่ามาก ล้วนแต่พระภูษาหายากทั้งสี่สกูล อนึ่งทั้งเครื่องอลงกรณจำรูญเรืองจำรัส กายุรํ เมาะ สุวัณ์ณวลยํ คือสุวรรณพาหุรัดบวรวิไลย ล้วนสัตตรัตนาไมยอันไพโรจ อังคทํ ทั้งกุณฑลมณีโชติชัชวาลย์ รัตพัตรแก้วกาญจโนภาษ โขมัญ์จ กายุรํ ทั้งสุวรรณรัตนราชธำมรงค์ สำหรับจะสอดสวมทรงทุกนิ้วพระหัดถ์ คีเวย์ยํรตนามยํ ทั้งสายสร้อยนพรัตนอลงกรณ์ เปนเครื่องพระกัณฐาภรณ์บวรวิเศษ อุณ์ณตํ เมาะ อุณ๎หิสปสาธนํ ทั้งพระมหามกุฏิวชิเรศอย่างขัติยนารี เปนเครื่องประดับพระเกษโมฬีวิไลยเลิศ มุขผุล์ลัญ์จ อิกอลงกฏประเสริฐสุพรรณมาลา สำหรับจะแซมใส่พระเกษานางกระษัตริย์ ล้วนแล้วด้วยพิพิธรัตนามาศ เปนเครื่องเฉลิมพระนลาตอันโอฬาร อุค์คัต์ถนํ คิงคมกํ ทั้งพระปโยธรอลังการกาญจนบวร อิกพระอังษาภรณ์พิจิตรเพริศแพร้ว ปฏิปาทุกํ ทั้งฉลองพระบาทแก้วกนกมณี ล้วนแต่เครื่องต้นอย่างดีสรรพทุกสิ่ง ราชปุต์ตี ส่วนสมเด็จพระยอดเยาวมาลย์มิ่งมกุฏิกัญญา อันเปนบรมนเรนทรธิดาดวงกระษัตริย์ ผู้ทรงศิริสวัสดิวิลาศเลิศมนุษคณานาง ด้วยบวรลักษณเบญจางค์เจริญเนตร ก็ทรงสรรพภูสิตวิเศษสุภาภรณ์ เทวกัญ์ญาว นัน์ทเน งามดังองค์อินทรอับศรเสด็จประพาศ ยังทิพนันทวันราชอุทยาน สุวัณ์ณกัท์ทลีวิย พระอรองค์อ่อนรทวยปานกาญจนกัทลี บังเกิดในสวนศรีสักกเทเวศร์ อันชื่อจิตรลดาวัลวิเศษแสนศุขภิรมย์ ยามเมื่อต้องลมรำเพยพาน ก็น้อมยอดทอดก้านอยู่ไปมา วิชิม๎หมานา ผู้ใดได้ทัศนาการก็พิศวง ด้วยพระศิริลักษณลออองค์อันวิลาศ นิโค๎รธปัก์กพิม์โพฏ์ฐิ ทั้งบวรโอษฐเอี่ยมสอาดอำไพ มีพรรณดังผลไทรที่สุกสด สรรพสิ่งงามพร้อมหมดทั่วพระอินทรีย์ มานุส์สินีว ดุจหนึ่งนางเทพกินรีวิหคอนงค์ มีรูปทรงนี้ก็เหมือนมนุษย์บริสุทธิสมบูรณ์ ทั้งปีกหางก็วิจิตรจรูญเจริญตา แล้วบินฟ้อนร่อนราในอากาศ ตัส์สา จ นาคมาเนสุํ ขณะนั้นหมู่ภิมุขมาตย์ราชมนตรี ก็ผูกคชสารศรีพระที่นั่งต้น อันเปนมหามงคลคเชนทร นาติวุฑ์ฒํ มิได้แก่อ่อนเปนมัชฌิมชาติเชื้อกุญชรเชี่ยวชาญชำนาญในพิไชยยุทธ สัต์ติก์ขมํ อาจอดกลั้นสรรพสาตราวุธหอกปืน ไม่ย่อย่นยั่งยืนอยู่สงคราม อีสาทัน์ตํ มีงาอันงอนงามดังงอนรถ ดูนี้ก็ช้อยชดเชิดขึ้นขวา อุรุฬ๎หวํ ทรงพิริยกำลังกล้าว่องไว อาจปราบอรินทรให้ปราไชยทั่วทิศาดล ประดับด้วยหัตถาภรณเครื่องต้นเสร็จแล้ว ก็นำมาประทับกับเกยแก้ววิจิตรรูจี จึงสมเด็จพระมัทรีศรีวิสุทธิกัญญา นาคมารุย๎หิ ก็ทรงบรมไอยราคชาชาติ แวดล้อมไปด้วยดิเรกราชบริพาร อุโภ ขัต์ติยา กระษัตริย์ทั้งสองก็ประดับด้วยแสนศฤงฆารมหัติยศเยศ เสด็จถึงขันธวารประเทศที่ประทับไพร สัญ์ชโย ส่วนสมเด็จพระเจ้ากรุงสญไชยราชไอยกา ก็พาบรมบุตรนัดดาคณานิกรอนงค์ ทั้งหมู่พหลจัตุรงค์ราชโยธี สิบสองอโขเภนีเที่ยวประพาศ ชมพนมพนัศพนาวาศหิมพานต์ มาสมัต์ตํ กำหนดได้เอกมาศประมาณโดยนิยมมา สรรพสัตวมิได้บีฑาซึ่งกันแลกัน ในจังหวัดวนาสัณฑ์ศิงขรเขตร มหาสัต์ตัส์ส เตเชน ด้วยบวรบุญฤทธิศักดาเดชสมดึงษบารมี แห่งหน่อพระชินสีห์นั้นแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ สัพ์พัม๎หิ ตํ อรัญ์ญัม๎หิ ฯลฯ

สิวีนํ รัฏ์ฐวัฑ์ฒเนติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิสังวร ปางเมื่อพระเวสสันดรอดุลดวงกระษัตริย์ สิวีนํ รัฏ์ฐวัฑ์ฒเน อันทรงประพฤติความเจริญศิริสวัสดิแก่ชาวสีพีราฐ เสด็จจากสักรทัติยาวาศวนาศรม สรรพสัตวในพนัศพนมแนวพนาเวศ ทั่วบริมณฑลขอบเขตรทั้งสามโยชนเปนกำหนด ซึ่งสมเด็จพระยอดประยุรยศมกุฏิกระษัตรา อันทรงแผ่พรหมวิหารสีมาไปกางกั้น คือข่ายเพ็ชรทั้งเจ็ดชั้นช่วยกำบังไภย ยาวัน์เตต์ถ ประมาณมากน้อยเท่าใดแต่บรรดามี เอกัช์ฌํ สัน์นิปตึสุ ก็มาสโมสรประชุมในประเทศที่อันเดียวดูอัศจรรย์ แล้วต่าง ๆ ก็ปรับทุกข์กันตามประสาสัตว ว่าพระเดชได้อยู่คุ้มสรรพอุปัทวันตราย เราท่านทั้งหลายนี้ก็กอบไปด้วยเมตตาการุญจิตร มิได้เกิดประทุษฐกิจก่อการพาลพิบัติเหตุ บัดนี้พระปิ่นปกเกษจะจากไกล อิโตปัต์ถาย ชาวเราเอ่ย จำเดิมแต่นี้ไปจักอนาถา ลัช์ชาวานภวิส์สติ ต่าง ๆ จะไม่มาสำรวมกายลอายบาป จักริเริ่มรันทำกรรมอันหยาบอย่างบุราณกาล จะเบียดเบียนกันเปนอาหารตามประโยชน์ตน สรรพสัตวจัตุบททวิบาทสิ้นทั้งไพรสณฑ์ชวนกันเศร้าโศก ด้วยมหาบุรุษวิโยคอาดูร นาส์ส มัญ์ชู นิกุช์ชึสุ มิได้เปล่งเสียงไพเราะห์จรูญจำเริญใจ ให้เย็นยะเยียบเงียบสงัดไปทั่วพนาเวศ สัญ์ชยนริน์โท ส่วนสมเด็จพระเจ้ากรุงสญไชยนราธิเบศร์บรมบิดา ก็ตรัสถามถึงมรรคมรรคาอันประดับ มุขมนตรีก็กราบทูลว่าเสร็จสรรพโดยพระราชประสงค์ ขออัญเชิญพระยอดขัติยวงษ์มกุฏิเกษ เสด็จดำเนินพลนิวัตนนิเวศเวียงไชย ท้าวเธอก็สั่งให้ไปทูลพระเอกอรรคดไนยหน่อกระษัตริย์ เภริญ์จาราเปต๎วา แล้วให้เอาพิไชยเภรีรัตนไปตีประกาศ แก่หมู่จัตุรงคประชาราษฎร์สิ้นทั้งปวง กำหนดจะยกพยุหทัพหลวงคืนเข้ากรุงไกรพระพิไชยสีพี มหาบุรีนั้นแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ ปฏิยัต์โต ราชมัค์โค ฯลฯ

สิวีนํ รัฏ์ฐวัฑ์ฒเนติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงจตุปาริสุทธศีลวิเศษ ราชมัค์โค อันว่าท่องแถวสถลวิถีทุเรศราชมรรคา ปฏิยัต์โต อันบุคคลตกแต่งประดับประดาดูมโหฬาร ดุจวันวิสาขบูชากาลนักขัตรมงคล เปนต้นว่าทุบปราบให้ราบรื่น เอาทรายรายเรี่ยพื้นสอ้านสอาด วิจิต์โต วิจิตรไปด้วยธงฉัตรกัทลีมาศมีนี้ต่าง ๆ ตั้งราชวัตรทั้งสองข้างทางเปนรยะไป อิกทั้งหม้อน้ำแลหม้อดอกไม้มีพรรณนานา ปุป์ผสัณ์ฐิโต ดาษไปด้วยกุสุมมาลาสรรพสิ่งวิเศษ ทุพ์พปุป์ผัญ์จ คือดอกหญ้าแพรกแลเข้าสารสุทธเสวตร กับเมล็ดพรรณผักกาด สุมนเมวจ อิกทั้งสุมนบุบผาชาติโอฬาร ลาชปัญ์จมานิ มีเข้าตอกเปนคำรบห้าประการพอครบสิ่ง จัดได้ชื่อว่าของบูชาอันยิ่งอย่างบูรพประเพณี โปรยปรายไปในราชวิถีทั่วทั้งปวง ประมาณมรรคประเทศทางหลวงได้หกสิบโยชนเปนกำหนด ตั้งแต่วงกฏบรรพตตราบเท่าถึงพระนคร ฉ ขัต์ติยา ส่วนสมเด็จบรมอดิศรทั้งหกกระษัตริย์ ก็ทรงวิภูสิตรัตนอลังการ แล้วต่าง ๆ เสด็จทรงคเชนทราธารพระที่นั่งต้น อันประดับด้วยหัตถาภรณเลิศล้นล้วนกนกมณี ตโต สัฏ์ฐีสหัส์สานิ ลำดับนั้นหมู่สหชาติมนตรีทั้งหกหมื่น อันเกิดร่วมวันทันคืนกับบรมนเรศร์ โยธิโน ล้วนแต่ทรงสุรศักดาเดชในยุทธสงคราม จารุทัส์สนา มีกายอันดูงามไปด้วยเครื่องประดับควรจะจับใจ ถืออาวุธแกว่งไกวประจำกร ปริกรึสุ ก็แห่ห้อมพระจอมพิภพเชตุดรดูเดียรดาษ โอโรธา จ กุมารา จ ส่วนแสนสุรางคอนงค์นาฎนิกรกัญญา กับทั้งขัติยกุมาราเหล่าประยูรวงษ์ ต่าง ๆ ก็ขึ้นสู่อลงกฏสีวิกามาศ ทั้งรถรัตน์อัศวราชชาติกุญชร โดยตำแหน่งถานันดรแห่งตนแลตน เวสิยานา จ พ๎ราห๎มณา กับทั้งพราหมณอันชำนาญมนต์ในไตรเวท แลพ่อค้าพานิชเพศสิ้นทั้งปวง ก็โดยเสด็จในกระบวนทัพหลวงพยุหบาตรา หัต์ถาโรหา พวกพลคเชนทรเชี่ยวชาญ ขับขี่สารดูนี้องอาจ อนีกัฏ์ฐา พลอาชาชาติเรี่ยวแรง ล้วนแต่เข้มแขงว่องไว รถิกา พลรถเรียงไสวแลเปนทิว ธงชายปลิวปัดปลายงอน ปัต์ติการกา พลบทจรดูนี้ก็เหี้ยมหาญ ล้วนชำนิชำนาญในการศึก หมู่พหลจัตุรงคพิฦกแลทั้งสี่เหล่า งามเพริศเพราไปด้วยเครื่องประดับ สรรพสรรพางคพิลาศ กุโรฏิยา สวมหมวกมาศพื้นทอง ใส่เกราะกรองเสื้อหนัง อาจป้องกำบังสรรพอาวุธ เครื่องพิไชยยุทธณรงค์ ลิล์ลิหัต์ถา มีมืออันทรงศรธนู ชูโล่ห์ดั้งแลดาบเขนเปนขนัดแน่น แสนเสโลห์โตมรกุทัณฑ์ทวน ตามกระบวนยุทธพยุหบาตร ล้วนแต่สามารถมหิมา อาจง้างเอางาคชเมามัน มิได้ถอยหนีกันด้วยกล้าแขง ต่าง ๆ ก็ถืออาวุธกวัดแกว่งสำแดงเดช ปุรโตปฏิปัช์ชึสุ ก็แห่เสด็จบรมขัติยาธิเบศร์เปนกระบวนน่า เนคมา จ สมาคตา ฝ่ายฝูงประชาชาวนิคมชนบท ก็ตามแวดล้อมพระจอมประยูรยศยอดขัติยวงษ์ ท้าวเธอก็ให้ขยายเขยื้อนพยุหจัตุรงค์ราชโยธี มาโดยลำดับสถลวิถีแถวเถื่อนทุเรศ ประทับร้อนแรมในหิมเวศตามรยะทาง ให้เดินนิกรแสนเสนางค์แต่วันละโยชน์เปนกำหนด พลางชมพนมพนัศบรรพตพฤกษคณา ทั้งห้วยลหานเหวผาศิลาลาด เสนาะเสียงปักษาทิชาชาติร้องรงมไพร ทั้งเสียงจักกระจั่นพรรณเรไรระรี่เรื่อย ฟังนี่ก็ฉ่ำเฉื่อยชื่นอาวรณ์ หกกระษัตริย์เสด็จโดยพนาดรดูมโหฬาร ด้วยแสนสุรังคพลาหาญแหนแห่แลพิฦก สนั่นเสียงไหยรถคชก้องกึกในกลางดง สัฏ์ฐีโยชนมัคคํ สิ้นมรรคาไลยไพรรหงหกสิบโยชน์โดยนิยมมา ถ้าจะนับแต่วันบรรพชากำหนดนาน ถึงเจ็ดเดือนจึงได้พระราชทานสองกระษัตริย์ ชูชกพารีบรัดมาโดยมรรคา สิบห้าวันจึงถึงพระภาราเชตุดร แต่ตระเตรียมพลนิกรอยู่เจ็ดวัน จึงยกไปยังเขตรขันธ์คิรีวงกฏ กว่าจะบรรลุพระอาศรมบทถึงเดือนหนึ่งกับยี่สิบสามราตรี แต่ยับยั้งอยู่ในพนาลีได้เดือนเศษ จึงยกพลนิวัตนนิเวศเวียงไชย สองเดือนก็ถึงกรุงไกรพระพิไชยสีพี สิริเปนปีหนึ่งกับสิบห้าราตรีไม่เคลื่อนคลา จึงคืนเข้าพระภารานี้แล้วแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ เต ปาวึสุ ปุรํ รัม์มํ ฯลฯ

สิวีนํ รัฏ์ฐวัฑ์ฒเนติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรอินทรีย์ เต ขัต์ติยา อันว่าบรมนราธิบดีทั้งหกกระษัตริย์ เสด็จถึงบุรีรัตนสีพีราฐ พหุปาการโตรณํ อันกอปรด้วยซุ้มทวารกาญจนามาศอยู่เรียงราย ทั้งปราการป้อมค่ายนี้ก็มั่นคง ดูก็สูงทรงเงื้อมตระหง่านงาม อาจป้องกันสรรพสงครามหมู่อมิตรราชปรปักษ์ อุเปตํ อัน์นปาเนหิ บริบูรณ์ด้วยอเนกนานรรครศโภชน์ ทั้งอัฐบานเอมโอชอันอุดม นัจ์จคีเตหิ จูภยํ กับสิ่งทั้งสองประเสริฐสมสำหรับนคร คือดุริยางคขับฟ้อนแสนศุขบรรเทิง เปนที่เกษมสำเริงราษฎรประชาชาวพิไชยเชต หกกระษัตริย์ก็เสด็จประเวศราชธานี พรั่งพร้อมด้วยแสนสุรชาติโยธีอันแห่แหน ตามท้องถนนแน่นอยู่เนืองนันต์ จิต์ตา ชานปทา อาสุํ ฝูงประชาชนที่ประชุมชวนกันสิ้นทั้งปวง มานั่งเบียดเสียดทั้งสองข้างถนนหลวงอยู่แออัด ต่างคนก็โสมนัศยินดี คอยรับเสด็จพระยอดขัติยาภิเศกศรีสมมุติวงษ์ อันอาจให้สรรพสิ่งประสงค์ทรัพยโภไคย เจลุก์เข โป ปวัต์เตต์ถ บ้างก็เปลืองผ้าห่มทำเปนธงไชยขึ้นโบกโบยเหนือเศียรเกล้า บูชาสมเด็จพระลูกเจ้าจอมกระษัตริย์ ต่าง ๆ ก็อวยศิริสวัสดิถวายพร ท้าวเธอก็เสด็จขึ้นสู่คฤหรัตนอลงกรณ์กาญจนพิมาน ประดับด้วยมไหสุริยศฤงฆารควรจะเปรมปรีดิ์ เสด็จเสวยอุฬาริกราชกามสมังคีศรีศุขุมศุขแสนสารภิรมย์ อันยิ่งด้วยพระยศอุดมดูวิลาศ นัน์ทึ ปเวสิ จึงให้เอาอานันทเภรีตีประกาศแก่ชนชาวพระนคร ให้ปล่อยสัตวนิกรที่กักขัง โดยต่ำมีกำหนดตั้งแต่วิฬาร์ อย่าขังไว้ให้ได้ทุกขเวทนาเร่งปล่อยไป ปัจ์จุสกาเล ครั้นเมื่อราตรีภาคปัจจุสไสมยจึงทรงพระปริวิตก ว่า เส๎ว เวลาพรุ่งนี้นี่ฝูงยาจกทั่วทั้งปวง แจ้งว่าอาตมเสด็จคืนยังเมืองหลวงจะชวนกันปรีดา ต่าง ๆ ก็จะแตกตื่นกันมาคอยรับพระราชทาน จะภูลเพิ่มบวรกฤษฎาภินิหารมหาบริจาค เออไฉนจะได้ทรัพย์อันใดโดยมากมาแจกจ่าย ให้อิ่มพระกระมลที่มุ่งหมายในครั้งนี้ ตัส๎มึ ขเณ ขณะนั้นก็ร้อนถึงอาศนโกสีย์สักกเทวราช จึงยังห่าฝนสัตตรัตนามาศมีพรรณนานา คือสุวรรณหิรัญมุกดาเวฬุริยจำรัส ทั้งวิเชียรมณีรัตนประพาฬ ก็ครบเจ็ดประการสรรพสิ่งวิเศษ ให้ตกเต็มสกลนคเรศทั่วทุกลำเนา ชาณุมัต์ตํ ฦกประมาณเพียงเข่าควรจะยินดี แต่ในบริเวณจังหวัดปราสาทศรีท่วมถึงสเอวดูอัศจรรย์ จึงป่าวประกาศให้ราษฎรชวนกันมาคุ้ยขน เปนของประชาชนตามคามเขตร เหลือนั้นให้ขนเข้าในนิเวศน์ท้องพระคลังหลวง ฝูงชนทั้งปวงก็ชวนกันชื่นบาน ทานมุเข อุปัฏ์ฐเปสิ ท้าวเธอก็ตั้งบำเพ็ญพระบรมโพธิสมภารทานบารมี โดยพุทธางกูรประเพณีนั้นแล ๚

ตโต เวส์สัน์ตโร ราชา

ทานํ ทัต๎วาน ขัต์ติโย

กายัส์ส เภทา สัป์ปัญ์โญ

สัค์คํ โส อุปปัช์ชถาติ

๏ เวส์สัน์ตโร ราชา อันว่าสมเด็จบรมขัติยาธิบดินทร์อสัมภินวงษ์เวสสันดรมหาราช สัป์ปัญโญ อันกอบไปด้วยพระปรีชาฉลาดในที่จะบำเพ็ญทาน ทานํ ทัต๎วาน ทรงสืบสร้างพระกฤษฎาภินิหารทานบริจาค อันมากบริบูรณ์แก่พระอัชฌาไศรย ตราบเท่ากำหนดพระชนมชีพได้ร้อยยี่สิบพระวรรษา กายัส์ส เภทา ก็ทำลายปัญจุปาทานักขันธ์สวรรคต ขึ้นไปอุบัติปรากฏเปนสันดุสิตเทวราช เสวยทิพยสมบัติในรัตนพิมานมาศเมืองสวรรค์ ชั้นดุสิตเทวพิภพ

สัต์ถา อิมํ คาถาสหัส์สปติมัณ์ฑิตํ มหาเวส์สัน์ตรชาตกํ อาหริต๎วา สมเด็จพระบรมนราศภศาสดาจารย์ มีพระพุทธบริหารบัณฑูรพระธรรมเทศนา ซึ่งมหาเวสสันตรชาดกอันประดับด้วยพระคาถาพันหนึ่งจบลงแล้ว ก็มีพระพุทธดำรัสว่า ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ทั้งปวง อันว่าห้วงแห่งมหาเมฆพลาหก ให้ตกซึ่งห่าฝนโบกขรพรรษปวัตนาการลง ในตำแหน่งบวรพันธุพงษ์สมาคมแต่ในกาลก่อน ครั้งตถาคตเสวยพระชาติเปนบรมขัติยเพสสันดร ด้วยประการดังนี้ ตโต สัจ์จานิ ปกาเสต๎วา ลำดับนั้นสมเด็จพระชินสีห์ ก็มีพระพุทธภาสิตสำแดงพระจตุราริยสัจธรรมทั้งสี่ มีทุกขสัจเปนต้น มีมัคคสัจเปนอวสานที่สุด เมื่อจบพระพุทธเทศนาแล้วก็ประมวญมาซึ่งอดีตชาดกยกเปนโอสานคาถา ว่า ชูชโก พ๎ราห๎มโณ ลุท์โธ ดูกรสงฆ์ อันว่าชูชกชีชราลุทธชาติฉกรรจ์กาจกลับชาติมา คือพระเทวทัตยโสธรราชอนุชา อมิต์ตตา จ นางอมิตดาพราหมณีนั้นกลับชาติมา คือนางจิญจมาณวิกาอันเปนติตถิยสาวิก เจตปุต์โต อันว่านายเจตบุตรมิคลุทธพรานป่านั้น กลับชาติมา คือพระฉัน์นเถรอันเปนสหชาติกับพระตถาคต ตาปโส พระอจุตดาบศนั้น ครั้นกลับชาติมา คือพระอรรคทักษิณสาวกธรรมเสนาบดี สัก์โก สมเด็จวชิรปาณีสุราธิบดีเทวราช กลับชาติมา คือพระมหาเถรอนุรุทธ วิส์สุกัม์โม พระเวศุกรรมเทวบุตรนั้น กลับชาติมา คือพระมหาโมคคัลลานอุตรอรรคสาวก ผู้ยกเอตทัคคฝ่ายอิทธิฤทธิอภิญญา มัค์ครุมํหิ สิโหราชา เทพยดาที่นฤมิตรเปนพระยาไกรสรสีหราชกลับชาติมา คือพระอุบาฬีมหาขีณาสพ เทพยดาที่แสร้งสรรสรีราพยพเปนพยัคฆราช กลับชาติมา คือพระมหาอริยสงฆสิมพลี เทพยดาที่ปวัติกายินทรีย์เปนทีปิราช กลับชาติมา คือพระจุลนาคมหาเถร ทารเก รัก์ขติ เทโว เทพยดาที่นฤมิตรเปนพระบรมพุทธางกูรเพสสันดรราชดาบศ มาอภิบาลสองสุริยราโชรสในมัคคันดรประเทศนั้น กลับชาติมา คือพระมหากัจจายนนราศภสาวก นางเทพธิดาที่นฤมิตรเปนพระมัทรีมารักษาสองขัติยโปดกนั้น กลับชาติมา คือนางวิสาขามหาทายิกบริจาค ปัจ์จยนาโค วารโณ พระยาเสวตรคเชนทรปัจจัยนาคนั้น กลับชาติมา คือพระมหาอริยกัสสปสังฆวุฒาจารย์ กเรณุกาสจารินี นางกเรณุเสวตรสารผู้มารดาปัจจัยนาคนั้น กลับชาติมา คือนางกีสาโคตมีสากิยวงษ์ มัท์ทราชา สมเด็จบรมกระษัตริย์มัทราชบิตุรงค์แห่งพระมัทรีนั้น กลับชาติมา คือพระยามหานามสากยราช อัพ์ภัน์ตเร มหามัจ์โจ อันว่าอำมาตย์ผู้เปนนายนักการนำข่าวสารอันเดือดร้อน ไปกราบทูลสมเด็จพระเวสสันดรนั้น กลับชาติมา คือพระอานนทเถรพุทธอุปัฏฐาก ทานเวย์ยาวัจ์จา มัจ์โจ อำมาตย์ผู้ได้จัดแจงบริจาคสัตตสดกมหาทาน ปวัติสืบสันดานมา คืออนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี สัญ์ชโย สมเด็จพระเจ้ากรุงสญไชยชนกาธิบดี กลับชาติมา คือสมเด็จบรมพุทธบิดาสุทโธทนมหาราช ผุส์สตีเทวี พระผุสดีชนนีนารถนั้น กลับชาติมา คือสมเด็จพระศิริมหามายาเทพบุตรพุทธชนนี พระมัทรีราชเทวีนั้น กลับชาติมา คือนางยโสธรพิมพา ผู้เปนมารดาพระราหุล ชาลีกุมาโร พระชาลีดรุณขัติยกุมาร ปวัติสืบสันดานมา คือพระราหุลชิโนรสาธิราช นางกัณหาชินานาฎนั้น กลับชาติมา คือนางอุบลวรรณาเถรี ปริสา สหชาตา จ อันว่าสหชาติโยธีทั้งหกหมื่นนั้น กลับชาติมา คือคณานิกรพุทธเวไนยทั้งหลายนี้ เวส์สัน์ตโร สมเด็จพระเวสสันดรนราธิบดีนั้น กลับชาติมา อหํเอว คือองค์พระตถาคตอันบรรลุโลกุตมาภิเศกสัมโพธิบารมี สิริฆโณ ทรงซึ่งศิริโสภาคย์ฉัพพิธพรรณรังษีรัศมีทึบทั้งแท่ง มีพยามปภามณฑลโดยรอบข้างละวา สัพ์พัญ์ญู ตรัสรู้ซึ่งนานาเนกวิธธรรมทั้งปวงทั่วไปในอัทธานทั้ง ๓ คือ อดีตกาล อนาคตกาล แลปัจจุบันกาล สัม์มาสัม์พุท์โธ ตรัสรู้พุทธาภิเศกสัมโพธิญาณด้วยพระองค์มีอาการอันมิได้วิปริต ธาเรถ ชาตกํ ดูกรจตุพิธบรรสัชทั้งปวง จงตั้งโสตประสาทสดับซึ่งพระมหาเวสสันตรชาดก แล้วพึงมนสิการกำหนดไว้โดยไนยพุทธภาสิตกถา อันพระตถาคตบัณฑูรพระสัทธรรมเทศนามาฉนี้ เอวํ ก็มี ด้วยประการดังนี้แล ๚

นครกัณ์ฑํ นิฏ์ฐิตํ

ประดับด้วยพระคาถา ๔๘ พระคาถา

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ