กัณฑ์ที่ ๑ ทศพรพรรณา

๏ ผุส์สติ วรวัณ์ณาเภติ อิทํ สัต์ถา กปิลวัต์ถุํ อุปนิส์สาย นิโค๎รธาราเม วิหรัน์โต โปก์ขรวัส์สํ อารัพ์ภ กเถสีติ ๚

๏ สัต์ถา สมเด็จพระสรรเพชญ์ ปางเมื่อพระองค์เสด็จอาไศรยซึ่งกรุงกบิลพัสดุ์บุรีเปนที่ภิกษาจาร ทรงสำราญพระพุทธหฤไทยในนิโครธารามบรมพุทธาธิวาศ แห่งสากยราชร่วมพระประยูรวงษบริวัตร อารัพ์ภ ทรงปรารภซึ่งฝนโบกขรพรรษให้เปนอุบัติเหตุ กเถสิ จึงตรัสเทศนาพระมหาเวสสันดรชาดก ให้เปนผลาดิลกยอดยิ่งพระญาณ พระอรหันต์นับประมาณห้าร้อยพระองค์ แต่ล้วนทรงพระปฏิสัมภิทา มีพระมหากัสสปเถรเปนต้น มีพระอานนท์เปนปริโยสาน อุปลิกขิตนาการ กำหนดด้วยบทต้นพระคาถาว่า ผุส์สติ วรวัณ์ณาเภ เปนปฐมบาทดังนี้ก่อน

๏ ยทา กาลใดพระศาสดาจารย์ ได้ตรัสแด่พระปรมาภิเศกสัมโพธิญาณยอดธรรมวิเศษ พระองค์จึงตรัสเทศนาพระธัมมจักกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ภิกษุทั้งห้า แล้วพระองค์ก็เสด็จไปยังราชคฤหบุรีโดยลำดับ เสด็จยับยั้งอยู่สิ้นเหมันตฤดูในพระเวฬุวนารามมหาวิหาร พระกาฬุทายีเถรเจ้า เปนมัคคุเทศผู้แสดงทางพระพุทธดำเนิน พระองค์จึงเสด็จพระพุทธลีลาโดยมรรคาครั้งนั้น ล้วนพระขีณาสพอรหันต์เจ้าสองหมื่นชื่นชมตามเสด็จมิทันช้า พระศาสดาก็เสด็จไปยังกระบิลพัสดุ์บุรี เปนปฐมทีแรก เสด็จประทับอยู่ที่ฝั่งชลนที แลมรรคาแต่ราชคฤห์มาถึงกระบิลพัสดุ์ไกลถึง ๖๐ โยชน์เปนกำหนด เมื่อสมเด็จพระบรมศรีสุคตเสด็จพระพุทธดำเนินโดยอตุริตจาริกมิได้เร่งรีบ ล่วงมรรคาวันละโยชน์ ๆ ถึง ๖๐ ราตรี ก็บรรลุกระบิลพัสดุ์มหานคร เมื่อวันวิสาขบุรณมีเพ็ญเดือนหก เปนมหามงคลสมัย ๚

๏ ปางนั้นพระบรมวงษ์สากยราช ทราบว่าพระบรมโลกนารถศาสดาเสด็จมาถึง จึงพร้อมกันทุกพระองค์ทรงพระปราโมทย์ ตรัสสั่งให้แต่งนิโครธมหาวิหารแล้ว จึงประดับเครื่องอลังการทุกพระองค์ ทรงพระภูษาทุกุลพัตร พระหัดถ์ทรงเครื่องสักการบูชา แล้วก็ปัจจุคมนาการเชิญเสด็จสมเด็จพระศรีสรรเพชญ์ให้ทรงพระที่นั่งเรือขนาน จากชลธารถึงนิโครธารามบรมนิเวศน์ สมเด็จพระโลกเชษฐเสด็จประทับเหนือบวรพุทธอาศน์ ส่วนพระบรมญาติทุกพระองค์ทรงมานะทิฐิ ต่างพระองค์ทรงพระดำริห์ตริตรึกนึกในพระไทย ว่าสมเด็จพระสิทธัตถมีพระบวรวิลาศสดใส พึ่งจะทรงพระเจริญไวยหนุ่มนัก ทั้งพระบวรลักษณก็งามบริสุทธิ มีพระชนมายุคราวบุตรแลนัดดา เราจะอภิวันทนาดูไม่สมควร ก็ชวนกันนั่งอยู่ในเบื้องหลัง ยังพระราชกุมารหนุ่มๆ ทั้งนั้นให้ถวายวันทนา สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบพระอัชฌาไศรยฤไทยพระบรมญาติทุกพระองค์ อันทรงซึ่งมานะไปหมด ควรตถาคตจะทรมานพระประยูรญาติให้ปราศจากมานะทิฐิ สมเด็จพระผู้ทรงบุญศิริก็เข้าสู่พระจตุตถฌาน มีอภิญญาณเปนที่ตั้งดำรงพระองค์ เสร็จเหาะตรงขึ้นสู่นภากาศ ประดุจจะยังธุลีลอองพระบาทให้เรี่ยรายลงถูกต้องเศียรเกล้าพระวงษ์สากยราช เปล่งพระฉัพพรรณรังษิโยภาษรุ่งเรืองสว่าง อย่างพระยมกปาฏิหาร ในมณฑลสถานไม้คันธามพพฤกษ์ ดูพิฦกเลิศมหัศจรรย์ ฯ

๏ ลำดับนั้น สมเด็จพระเจ้าศิริสุทโธทนพุทธบิดา ทอดพระเนตรเห็นมหัศจรรย์ ยกพระกรอภิวันท์สรรเสริญพุทธเดชานุภาพ ว่า ภัน์เต ข้าแต่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาคย์เจ้า เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาวอุดม พระพี่เลี้ยงพระนมข้างฝ่ายใน เชิญเสด็จพระองค์เข้าไปจะให้วันทนานมัสการชฏิลดาบศ ปาเท ปริวัต์ติต๎วา พระบาทบงกชทั้งคู่ดูประดุจจะขึ้นประดิษฐานอยู่เหนือเศียรเกล้าแห่งชฎิลดาบศ ข้าพระพุทธเจ้าก็ประนตน้อมนมัสการโดยคำนับ วัป์ปมังคลทิวเส วันเมื่อข้าพระพุทธเจ้าทำวัปมงคลจรดพระนังคัล แรกนาขวัญในท้องสนามหลวง พระพี่เลี้ยงทั้งปวงเชิญเสด็จพระองค์ไปบรรธมอยู่เหนือพระยี่ภู่ ปูด้วยผ้าทุกุลพัตร ในบริเวณจังหวัดร่มไม้หว้า ชัม์พุฉายา เมื่อตวันชายเงาไม้มิได้บ่ายไปตามตวัน บังกั้นพระองค์อยู่ดูประดุจพระกลด ครั้งนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ประนตนบเปนคำรบสอง สามทั้งครั้งนี้ เมื่อสมเด็จพระบรมชนกาธิบดีศิริสุทโธทน์ ทรงพระปราโมทย์ถวายอภิวาท เหล่าสากยราชสิ้นทุกพระองค์ มิอาจจะทรงมานะอยู่ได้ ก็พร้อมกันถวายวันทนา นาโถ สมเด็จพระบรมโลกนารถศาสดาจารย์ เมื่อพระองค์ยังพระบรมญาติทั้งหลายให้ถวายนมัสการทุก ๆ พระองค์แล้ว จึงเสด็จคลาแคล้วลีลาลงจากนภดลอากาศ เสด็จนั่งเหนือพระบวรพุทธอาศน์อย่างเอก ขณะนั้นมหาเมฆอันใหญ่ตั้งขึ้นมา ยังท่อธาราห่าฝนโบกขรพรรษให้ปวัตนาการเปนท่อธารไหลไป สีน้ำนั้นแดงใสบริสุทธิ์ แม้ว่ามนุษย์หญิงชายผู้ใด ปราถนาจะมิให้ถูกต้องกายแห่งตน แม้มาตรว่าแต่ขุมขนก็มิได้ชุ่มไปด้วยน้ำน่ามหัศจรรย์ ตกลงแล้วก็ไหลลั่นสนั่นไปใต้พื้นพสุธา ส่วนพระบรมวงษาสากยราช ทอดพระเนตรเห็นพุทธอำนาจมหัศจรรย์ ก็พากันทรงพระปราโมทย์ ออกพระโอษฐตรัสว่ามหัศจรรย์ในครั้งนี้ แต่ก่อนไม่เคยมีเราไม่เคยเห็น หากบันดาลเปนด้วยอำนาจพุทธานุภาพพระบรมศาสดา ตรัสแล้วก็น้อมพระเศียรเกล้าบังคมลาสมเด็จพระมหากรุณาธิคุณเจ้า ต่างเสด็จกลับเข้ายังพระราชวัง ๚

๏ วีสติสหัส์สานิ ฝ่ายพระอรหันต์สองหมื่นก็ชื่นชมปรีดา สั่งสนทนากันว่า แต่กาลก่อนมิได้เคยทัศนาเหมือนครั้งนี้ สัต์ถา สมเด็จพระชินสีห์สัพพัญญู เสด็จมาสู่ที่ประชุมจึงตรัสถาม ทรงทราบความตามเรื่องที่ภิกษุสั่งสนทนา จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหัศจรรย์ห่าฝนสวรรค์โบกขรพรรษปวัตนาการตกลงมาในที่ประชุมพระบรมญาติทั้งนี้ ย่อมมีมาแล้วแต่กาลก่อน พระองค์ตรัสฉนี้แล้วก็ทรงดุษณีภาพ พระภิกษุทั้งหลายปราถนาจะใคร่ทราบ จึงทูลอาราธนา สมเด็จพระศาสดาก็นำมาซึ่งอดีตนิทาน ตรัสเทศนาว่า อตีเต ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ทั้งหลาย ในอดีตกาลล่วงแล้วแต่ปางหลัง ยังมีบรมกระษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงพระนามพระเจ้าสีวิราชบรมกระษัตริย์ เถลิงถวัลยราชสมบัติในกรุงสีวิราฐบุรี พระองค์มีพระราชบุตรพระองค์หนึ่ง ชื่อว่าสญไชยราชกุมาร ครั้นทรงวัฒนาการเจริญไวย สมเด็จพระราชบิดามอบศิริราชสมบัติให้ครอบครองพระภาราสีวิราฐบุรี อภิเศกกับพระผุสดีราชธิดา แห่งสมเด็จบรมกระษัตราจอมจุฑามัทราช พระเยาวมาลย์มาศมิ่งมกุฎิผุสดี แต่ปางก่อนพระนางมีมูลปณิธีได้ตั้งไว้ ตั้งแต่ภัททกัปนับถอยหลังลงไปได้เก้าสิบแปดกัป พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้มาอุบัติในโลก พระองค์เสด็จอยู่ในพระวิหารมฤคทายวัน ใกล้พันธุมดีมหานคร ๚

๏ กาลครั้งนั้น กระษัตริย์พระองค์หนึ่งเสวยราชสมบัติในนครอันเปนเขตรขึ้นนครพันธุมดี ส่งมาซึ่งสุวรรณมาลีวิมลมาศราชบรรณาการ กับทั้งรัตตจันทนสารแก่นจันทน์แดง มาถวายแด่พระเจ้าพันธุมราช พระองค์ก็ประสาทจันทนสารให้แก่พระผุสดี สุวรรณมาลีดอกไม้ทอง พระองค์ประทานให้แก่พระธิดาผู้น้องด้วยความเสนหา ส่วนพระราชธิดาทั้งสองก็มาตริตรองการ เห็นแท้ว่ามิได้เปนแก่นสารที่จะประดับในกาย ควรจะนำไปถวายเปนพุทธบูชา สองพระราชธิดาจึงกราบทูลแด่สมเด็จพระบิตุราช พระองค์ก็ทรงพระอนุญาตยอมอนุโมทนา ด้วยพระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ฝ่ายพระราชบุตรีผู้พี่นั้น ก็ให้บดแก่นจันทน์เปนวิเลปนเครื่องลูบไล้ ใส่ลงในผะอบทองอันบรรจงวิจิตร ฝ่ายพระกนิษฐนารีผู้น้องน้อยก็พลอยมีศรัทธา จึงเอาสุวรรณมาลาดอกไม้ทอง ให้นายช่างประดิษฐกรองกระทำเปนสุวรรณมาลาเครื่องประดับอุรพางค์ แล้วพระนางโปรดให้สาวใช้หยิบยกไปสู่พระวิหาร สรีรํ ปูเชต๎วา ฝ่ายพระเยาวมาลย์ราชธิดาองค์ใหญ่นั้น ก็บูชาพระทศพลด้วยจุณจันทน์ ที่เหลือนั้นก็เรี่ยรายปรายโปรยในสถานที่คันธกุฎี พระนางก็ตั้งปณิธานวาที ด้วยบาทพระคาถาว่า

เอสา จัน์ทนจุณ์เณน

ปูชา ตุเม๎หสุ เม กตา

ตุม๎หาทิสัส์ส พุท์ธัส์ส

มาตา เหส์สํ อนาคเตติ

๏ ภัน์เต ข้าแต่สมเด็จพระผู้ทรงพระภาคย์ เอสา ปูชา อันว่าการสักการบูชาอันข้าพระพุทธเจ้ากระทำในพระองค์ ด้วยผงจุณแก่นจันทน์นี้ ขอให้ข้าได้สมความยินดีเปนพุทธมารดาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล อันทรงพระคุณวิเศษญาณปรากฎเหมือนดังพระองค์ฉนี้ ส่วนพระกนิษฐนารีผู้น้องก็นำเอาดอกไม้ทองเครื่องประดับอุราบูชาสมเด็จพระศาสดา แล้วก็ตั้งปณิธานความปราถนาในที่เฉภาะพระภักตร์พระวิปัสสิสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนางกล่าวเปนบาทพระคาถาว่า

ภัน์เต สุวัณ์ณมาลาย

มยา ต๎วํ ปูชิโต อสิ

เตน มัย๎หํ อุเร โหตุ

มาลาปุญ์เญน นิม์มิตาติ

๏ ภัน์เต ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงทศพลญาณ เดชะเกล้ากระหม่อมฉานกระทำสักการบูชาแก่พระองค์ ด้วยสุวรรณมาลีเครื่องประดับสำหรับอุระนี้ ขอให้บุญราษีตกแต่งสำเร็จความปราถนา ให้ลายลักษณวราบุบผาชาติพิเศษ เกิดปรากฎในอุระประเทศแห่งข้าพระบาท สมเด็จพระโลกนารถก็ตรัสอนุโมทนา โดยบาทพระคาถาดังนี้

ยาเจต์ถ ท๎วีหิ ตุเม๎หหิ

ปูชา มัย๎หํ ปติฏ์ฐิตา

ตาย อิช์ฌัน์ตุ ตุม๎หากํ

ยถา โว ปัต์ถนา ตถาติ

๏ โดยบรมพุทธภาสิตว่า มโนปณิธานความปราถนาดังนี้ ที่ท่านทั้งสองตั้งไว้เปนอันดีในสำนักนิ์ตถาคต ขอจงให้สำเร็จมโนรถแก่ท่านทั้งสอง ด้วยผลอานิสงษ์ซึ่งได้กระทำพุทธบูชา พระราชธิดาทั้งสองพระองค์ ก็ทรงภิรมยเปรมปรีดิ์ ถวายนมัสการลาสมเด็จพระชินสีห์แล้วก็เสด็จกลับยังปราสาท พระพี่น้องสองราชนารี ก็เกษมศรีเสวยสมบัติสิ้นกาลช้านาน เมื่อสิ้นพระชนมานก็บังเกิดในสวรรค์ ครั้นจุติจากเทวโลกนั้น พระราชธิดาผู้พี่ก็ได้เปนพระบรมพุทธชนนีสมพระปราถนา ทรงพระนามพระนางศิริมหามายาราชเทวี ส่วนพระกนิษฐากุมารีผู้น้องนั้นครั้นจุติจากสวรรค์ ก็ได้มาบังเกิดในขัติยพันธุเปนพระราชธิดาพระเจ้ากึกิราช ในสาสนาพระพุทธกัสสปชินสีห์ พระราชบุตรีกอปรด้วยฉัพพรรณรังษีสุวรรณมาลามาศ ประดุจนายช่างผู้ฉลาดวาดเขียนเปนเครื่องประดับพระอุระองค์อันรจนา จึงทรงพระนามอุรัจฉทาราชกุมารี เมื่อพระชนมายุได้สิบหกปีได้ฟังภัตตานุโมทนาสมเด็จพระสัพพัญญู พระนางก็ตรัสรู้พระอรหัตตัดกิเลศเปนสมุจเฉทประหาน เข้าสู่พระนิพพานในสาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ราชา สมเด็จพระเจ้ากึกิราช พระองค์มีพระราชธิดาอื่นอิก ๗ พระองค์ ทรงพระนามต่างกัน คือนางสมณี นางสมณโคตตา นางภิกขุนี นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา นางสุธัมมา นางสังฆทาสี ส่วนนางสุธัมมานั้นครั้นสิ้นชีพแล้ว ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์ ทรงพระนามพระผุสดี เปนพระอรรคมเหษีสมเด็จอมรินทรา เมื่อบุพนิมิตรปรากฎแก่พระผุสดีเทพกัญญา เปนเหตุจะจุติสิ้นพระชนมพรรษานิราศร้างจากทิพยสถาน สัก์โก เทวราชา สมเด็จท้าวมัฆวานตรีเนตร ทราบเหตุปัญจบุพนิมิตรห้าประการ อันบังเกิดแก่พระเยาวมาลย์มิ่งมเหษี จึงพาเทพยผุสดีไปยังแท่นที่นันทวโนทยาน ยังพระเยาวมาลย์ให้บรรธมในแท่นทิพยไสยาศน์อันยิ่งยง ท้าวเธอก็เสด็จทรงพระไสยาศน์ ร่วมทิพยอาศน์ด้วยพระผุสดีเทพอับศร เมื่อท้าวเธอจะประสาทพร ก็กล่าวเปนบาทพระคาถาฉนี้

ผุส์สติ วรวัณ์ณาเภ ฯลฯ

วเร ทส ปเวจ์ฉโตติ ๚

๏ สัก์โก สมเด็จอมรินทราธิราช จึงมีเทวราชบัญชาตรัสประภาษว่า ภัท์เท ดูกรเจ้าผู้มีสุนทรภักตร์ กอปรด้วยศุภลักษณอันวิเศษหาผู้จะติเตียนมิได้ ยํ วรํ พระพรสิ่งใดเปนที่เจริญใจแห่งเจ้า อันจะลงไปบังเกิดในมนุษโลก จะต้องวิโยคจากทิพย์พิมาน วรัส์สุ เจ้าจงเลือกเอาพระพรสิบประการตามความปราถนา พระผุสดีเทพกัญญาก็อัญชลีกรประนมบังคมทูลถามท้าวสหัสไนยเทวราช ว่ากรรมอันใดจะให้เคลื่อนคลาศจากทิพยพิมาน เหมือนลมพายุมาพัดพานเพิกถอนหมู่ไม้ ให้กำจัดไปจากพื้นพสุธา จงทรงพระกรุณาตรัสให้ทราบแก่ข้าผุสดี สมเด็จท้าวโกสีย์อมรินทราธิราช เมื่อพระเยาวมาลย์มาศผุสดีสิ้นสมปฤดีประมาท จึงตรัสประภาษตอบสุนทรวาที ว่า ภัท์เท ดูกรเจ้าผุสดี อย่าหมองศรีโทรมนัศ เราทั้งสองจะต้องกำจัดจากกันในครั้งนี้ เจ้าจงภิรมยยินดีรับเอาซึ่งทศวรพรสิบประการ พระผุสดีสดับเทวโองการ พลางพระเยาวมาลย์ก็กล่าวเปนพระคาถาว่า

วรัญ์เจ เม อโท สัก์ก ฯลฯ

ตัต์ถ อัส์สํ มเหสิยาติ ๚

๏ สัก์ก ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช ข้าพระบาทจะจากไปสู่มนุษเมืองไกล จะขอรับพระพรไชยทูลสนองเหนือเกษา ข้าพระบาทจะถวายบังคมลาลงไปเอาชาติกำเนิด ขอให้ข้าไปบังเกิดในปราสาท แห่งพระเจ้าสีวิราชอันทรงศักดิ มีพระราชอาณาจักรปกแผ่ไปในสกลชมพูทวีป ให้หมู่ประชาชนอยู่เปนศุขสำราญเกษมสานต์ชื่นชม พระพรนี้เปนประถมขอให้สมดังปราถนา นีลเนต์ตา ขอให้ข้ามีดวงเนตรทั้งสองดำเปนสี เหมือนหนึ่งตามฤคีลูกเนื้อทราย อันเกิดได้ขวบปีปลายเปนกำหนด พระพรนี้เปนคำรบสองจงปรากฎแก่ข้าพระเจ้า นีลภมู อนึ่งเล่า ขอให้ขนคิ้วข้าเขียวดูงามขำบริสุทธิ์ เปนสีรยับดุจสร้อยคอมยุรยูงงาม พระพรนี้เปนคำรบสามจงสมด้วยความปราถนา ผุส์สตี นาม นาเมน ข้าแต่สมเด็จอมรินทราธิราช นามกรข้าพระบาทจงชื่อว่าผุสดี พระพรนี้เปนคำรบสี่จงประสิทธิดังประสงค์ ปุต์ตํ ลเภถ ขอให้ข้าพระองค์มีโอรส ทรงพระเกียรติยศยิ่งกว่ากระษัตริย์ในสากล ทรงพระราชศรัทธาเพิ่มกุศล แก่หมู่ประชาชนทุกขอบเขตรขัณฑสิมาอาณาจักร พระพรนี้เปนคำรบห้าข้าผู้บริรักษ์ต้องประสงค์ เมื่อข้าพระองค์ทรงพระครรภ์พระโอรส อย่าให้ครรภ์ข้าพระบาทปรากฎนูน เหมือนสัตรีทั้งมูลดูเวทนา จาปํว ลัก์ขิตํ สมํ ให้มีครรภ์โอรสดูงามพร้อม เหมือนคันธนูดูลม่อมอันนายช่างฉลาดเหลาเกลี้ยงเกลาพร้อมเสมอสมาน พระพรเปนคำรบหกประการจงสำเร็จแก่ข้าพระเจ้า ถนา เม นัป์ปวัต์เตย์ยุํ อนึ่งเล่ายุคลถันทั้งสองของข้าพระบาท เมื่อทรงครรภ์อย่าวิปลาศแปรผันดำปรากฎ แม้พระบวรปิโยรสจะเสวยทุกวันทุกเวลา อย่าคล้อยเคลื่อนเลื่อนลดลงมาจากพระทรวง ให้เต่งตั้งดังประทุมบัวหลวงงามบริสุทธิวิเศษเสร็จ พระพรนี้เปนคำรบเจ็ดขอให้ลุดังปราถนา ปลิตา นัส์สัน์ตุ อนึ่งขอให้เส้นเกษาสีดำขลับสลับสลวยบริสุทธิ์ ประดุจสีปีกแมลงค่อมทอง เปนมันรยับย่องควรจะทัศนา พระพรเปนคำรบแปดขอให้สมเจตนาฉนี้ สุขุมฉวี ขอให้ผิวเนื้อเลอียดเปนนวลลอองดังทองคำธรรมชาติ สกลกายใสสอาดดูผ่องแผ้วหมดราคี พระพรเปนคำรบเก้านี้จงประสิทธิ์ วัช์ฌัญ์จาปิ ปโมจเย อนึ่งคนโทษทุจริตอันเข้มขัน จะพินาศด้วยพระราชทัณฑ์ทำลายล้างชีวิตร ขอให้ข้าได้เปลื้องปล่อยปลิดให้พ้นตาย ด้วยกำลังยศปริยายปัญญาญาณ พระพรเปนคำรบสิบประการ เรียกว่า พระพรไชยสิทธิอันวิเศษ ข้าแต่ท้าวสหัสเนตรเทวราช ขอพระองค์จงโปรดประสาทให้แก่ข้าพระเจ้าผู้เปนบริจาริกา ๚

๏ สัก์โก สมเด็จอมรินทราธิราช ได้ทรงฟังพจนาดถ์สุนทรวาจา อันนางผุสดีเทพกัญญาทูลขอทศวรพรสิบประการ ก็ตรัสพระราชทานพรด้วยพระคาถาดังนี้

เย เต ทส วรา ทิน์นา ฯลฯ

สัพ์เพเต ลัจ์ฉสิ วเรติ ๚

๏ ภัท์เท ดูกรเจ้าผุสดี ผู้มีสุนทรภักตร์พร้อมด้วยสรรพลักษณวิไลยเลิศ เย เต ทส วรา ทิน์นา วรพรพิเศษประเสริฐสิ่งใดทั้งสิบประการ ที่เราประทานประสิทธิให้ พระพรนั้นไซ้เจ้าจักได้สำเร็จเสร็จสิ้นทุกประการ ในพระราชฐานแว่นแคว้นแดนอาณาจักรจอมนารถ แห่งสมเด็จพระเจ้าสีวิราชนั้นเทอญ ๚

ตมัต์ถํ ฯ อิทํ วัต๎วาน มฆวา ฯลฯ

อนุโมทิต์ถ วาสโวติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสิกขา มฆวา อันว่าท้าวมัฆวานเทวราช ผู้เปนพระราชสามีนางอับศรราชสุชาดา ทรงพระราชทานซึ่งทศวรพิธพรสิบประการแก่พระผุสดีเทพนารีแล้ว ก็ทรงเกษมสันต์โสมนัศปรีดาผ่องแผ้วด้วยพระไทยอนุโมทนา ในกาลบัดนั้นแล ๚

ทสวรวัณ์ณนา นิฏ์ฐิตา

ประดับด้วยพระคาถา ๑๙ พระคาถา

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ