กัณฑ์ที่ ๘ กุมารบรรพ

๏ ชูชโกปิ อจุตตาปเสน กถิตมัค์เคน ยาว จตุรัส์สโปก์ขรณีตีรํ ปัต๎วา จิน์เตสิ อัช์ชติกสายัโณ๎ห อิทานิ มัท์ที อรัญ์ญา อาคมิส์สติ มาตุคาโม หิ นาม ทานัส์ส อัน์ตรายกโรติ เส๎ว ตัส์สา อรัญ์ญคตกาเล อัส์สมปทํ คัน์ต๎วา เวส์สัน์ตรํ อุปสังกมิต๎วา ทารเก ยาจิต๎วา ตาย อนาคตายเอว เต คเหต๎วา ปัก์กมิส์สา มีติ ๚

๏ อัส์สโม อันว่าพระอาศรมบรมทิพสุทธาวาศ เปนที่เจริญศีลสมาธิ์ศุขฌาน ในห้องจตุพรหมวิหารห่างนิวรณเหตุ มายอยกพระบารเมศมิ่งมกุฏิโมฬี โดยพุทธังกูรประเพณีอันสืบสร้างแสวงวิสุทธิสมบัติ ประสงค์เสวยวิมุติเสวตรฉัตรตัดเบญจมาร เวส์สัน์ตรัส์ส แห่งสมเด็จพระจอมจักรพาฬภูบดินทร์ปิ่นพิไชยเชตเพสสันดรดาบศ มาทรงประพฤติพรตพรหมพิธีทางพนัศผนวชเนานิราศไภย สัก์กทัต์ติโย อันองค์วัชรินทรดำรัสใช้พระเวศุกรรม์ มารจเรขรังสรรค์นิรันมิตร ถวายบรมบพิตรควรแก่อัชฌาภิรมย์ ในเวิ้งหว่างศิงขรพนมแนวพระหิมเวศประเทศวงกฏ ยาว เมาะ ยัต์ตกํ ทีฆมัท์ธานํ มีทุรมารคกำหนดโดยระยะโยชนเท่าใด ชูชโกปิ แม้อันว่าชูชกจรรไรรูปวิการ คัน์ต๎วา ก็ด่วนเดินทางทุรัศสถานสิ้นเท่านั้น กถิตมัค์เคน ตามคำพระอจุตแนะสำคัญมรรคาไลย ซึ่งจะไปสู่พระอาศรมอาไศรยทั้งสี่กระษัตริย์ ปัต๎วา เถ้าก็บรรลุจตุรัสโบกขรณี พอเพลาพระสุริย์ศรีจะยอแสงสนธโยบาต ฝูงปักษาทิชาชาติคืนเข้ารวงรัง ทชีก็ยืนหยุดยั้งยังฝั่งสระศรี จิน์เตสิ จึงนึกว่านี่โบกขรณีแล้วสิน่า โน่นก็หลังคาพระอาศรมสูงตระหง่านงาม อัช์ชติกสายัโณ๎ห โอเวลานี้ก็เย็นยามจะใกล้ค่ำ ปานฉนี้พระมัทรีจะนำมูลผลาหารมาแต่ป่า สี่กระษัตริย์จักฉันผลโอชาชวนกันชื่นชม เลี้ยงพระชนมชีพโดยนิยมอย่างผนวชไพร แม้ว่ากูจะเข้าไปบัดเดี๋ยวนี้ เห็นจะเสียท่วงทีทานบริจาค ฝ่ายผู้ขอผู้ให้ก็จะยากสิ้นทั้งสองข้าง ไหนพระนางจะยินยอมพร้อมใจให้พระราชบุตร ลาภของอาตมก็จะหลุดเสียเปล่าดาย มาตุคาโม นาม ชื่อว่าหญิงนี้ย่อมกระทำอันตรายแก่ทานเหตุ เส๎ว ตัส์สา คตกาเล ต่อพรุ่งนี้องค์อัคเรศเสด็จเข้าสู่ไพร แล้วก็เปนวันบรรณรัศไสมยอุโบสถ จะเข้าไปขอขัติโยรสผู้ร่วมยาก เห็นท้าวเธอก็จะบริจาคโดยสดวกดี กูก็จะพาสองกุมารกุมารีรีบลีลาศ ตาย อนาคตาย อย่าให้ทันพระเยาวมาลย์มาศคืนเข้ามาแต่ป่า เถ้าชราคิดพลางทางเกรงไภยพาฬจตุบท จึงป่ายปีนชง่อนบรรพตขึ้นเบื้องบน เห็นซอกเขาชอบกลพอจะนอนได้ เถ้าก็คลานเข้าไปซ่อนตัว ยังไม่ไว้ใจกลัวแก่สิงสัตว ปิทหิต๎วา จึงนำศิลาหนึ่งถนัดมาปิดช่องเพื่อจะป้องกันสรรพอันตราย สุขํ สยิ ตะแกก็นอนสบายในราตรี บนซอกคิรีนี้แล้วแล ๚

๏ ตํ ปน รัต์ตึ ในเมื่อปัจจุสไสมยคืนวันนั้น ส่วนสมเด็จสุดาจันทร์จอมมกุฏินารีศรีสุนทรเทพกระษัตริย์ ปางเมื่อจะพรากพลัดสองตรุณราช เสวยพระสุบินประหลาดเปนมหัศจรรย์ ว่า เอโก ปุริโส ยังมีชายผู้หนึ่งล่ำสันกำยำ กัโณ๎ห ตัวนี้ก็เติบโตดำสามารถ นุ่งห่มผ้าย้อมฝาดทั้งสองผืน ดูทมึกทมืนทมัดทแมง ปิลัน์ทิต๎วา ทัดดอกไม้แดงทั้งสองโสตร อาวุธหัต์โถ มีมือถืออาวุธพิโรธร้องตวาดมาถึงถีบทวาราพระอาศรม พังใบดาลให้ล้มทลายลง ทลวงแล่นถึงองค์อรรคนาเรศ ฉวยกระชากชฎาเกษด้วยกำลัง จนพระองค์มิทันยั้งแหงนหงาย ทุ่มทอดพระกายลงกับปัถพี วิรวัน์ติยา ในฝันว่าทรงพระโศกีร้องอยู่กรี๊ดกร๊าด ชายนั้นยิ่งกริ้วกราดโกรธเกรี้ยว ขบฟันคั้นเขี้ยวควักเอาดวงเนตร แล้วตัดพาหาประเทศทั้งซ้ายขวา อุรํ ภิน์ทิต๎วา ซ้ำแหวกอุระหวะเอาดวงหไทย หยาดพระโลหิตไหลลงโทรมองค์ ปิ้มประหนึ่งว่าจะปลดปลงพระชนมชีพ บุรุษผู้นั้นก็เร็วรีบไปจากพระอาศรม นางก็ฟื้นนิทรารมณ์ขึ้นทันใด ด้วยตกพระไทยนี้แล้วแล ๚

๏ สา ปพุช์ฌิต๎วา เมื่อสมเด็จพระยอดกัลยาเยาวมาลย์มาศมัทรี ฟื้นสมปฤดีขึ้นจากฝัน พระหฤไทยไหวหวั่นระริกระรัวทั่วสริรกาย สำคัญว่าวางวายชีวาตม์แล้ว ต่อเห็นแสงจันทร์จำรัสแผ้วพื้นนภากาศ จึงยอพระหัดถ์ปรามาศพระพาหา ก็ทราบว่าอออาตมานี้ฝันร้าย พระองค์สั่นขวัญหายด้วยความกลัว ปาปโก เม สุปิโน โอ้มัทรีนี่ฝันชั่ววิปริต เปนมหาทุนิมิตรอันใหญ่ยิ่ง ชรอยจะมีเหตุสักสิ่งที่แสนเข็ญเห็นประหลาด แม้ว่าอยู่ยังสีพิราฐเหมือนแต่ก่อนกาล จะได้หาโหราจารย์มาทายทัก เออนี่มาตกประดักอยู่ในดงดอน จะได้ใครช่วยพยากรณ์ที่ความฝัน เห็นแต่พระทรงธรรม์ผู้ปิ่นปก จะช่วยเปลื้องวิตกของมัทรี จะเปนโหราธิบดีอันล้ำเลิศ หาบุคคลจะประเสริฐเสมอสองมิได้ ปุจ์ฉิส์สามิ ควรอาตมจะครรไลไปทูลถาม ให้แจ้งประจักษ์ความร้ายแลดี ดำริห์แล้วก็เสด็จจรลีสู่พระอาศรมบรมกระษัตริย์ อาโกเฏสิ จึงยอทักขิณหัดถ์ขึ้นเคาะทวาเรศ พอทรงทราบเหตุตระหนัก ท้าวเธอจึงตรัสทักออกมาว่า โก เอโส ใครนั่นสิหว่า มาเคาะพระทวารปานฉนี้ พระพุทธเจ้าข้ากระหม่อมฉันมัทรีมาบังคมบาท กัส๎มา อกาเล เอะเจ้ามาไยประหลาดผิดเวลา ไฉนจึงทำลายสัญญาแต่หนหลัง พระพุทธเจ้าข้า ข้อที่ลเมิดรับสั่งนั้นขอพระราชทานโทษ จงทรงพระกรุณาโปรดในครั้งนี้ ใช่จะมาด้วยราคฤดีนั้นหามิได้ ปาปโก สุปิโน กระหม่อมฉันมาด้วยฝันใฝ่นี้ลามก ยิ่งคิดก็ยิ่งวิตกไม่รู้วาย หวังจะทูลให้ทรงทำนายที่ความฝัน เออเจ้านั่งอยู่แต่นอกนั้นเถิดนะมัทรี จงเล่าสุบินคดีไปให้เสร็จสุด นางท้าวเธอก็โอนมกุฎิกราบบังคมทูล ตามมูลพระสุบินสิ้นทุกประการ ยังนอกพระทวารนี้แล้วแล ๚

๏ มหาสัต์โต สมเด็จพระมหาสัตวตรัสได้ทรงฟังพระสุบินสิ้นสุด ก็ทราบว่าจะได้บำเพ็ญบุตตทานบารมี เส๎ว เพลาพรุ่งนี้จะมียาจกมาขอขัติยโปดกทั้งสององค์ แม้จะทำนายไปตามตรงบัดเดี๋ยวนี้ ไหนเลยมัทรีจะเข้าสู่ไพร ก็จะเปนพิบัติไภยแก่พระโพธิญาณ อัส์สาเสต๎วา ควรอาตมจะกล่าวสารสุนทโรวาท ประโลมจิตรกนิษฐนาฎนางกระษัตริย์ ให้บันเทาทุกขโทมนัศในความฝัน จึงตรัสว่า พระน้องเอ่ยอย่าหวาดหวั่นพรั่นพระไทย สุบินนี้มิเปนไรดอกนะเจ้า ปุพ์เพ เพราะแต่ก่อนนุชเคยเนานิเวศน์วัง อันมั่งคั่งไปด้วยโภไคยมไหสุริยสมบัติ เคยผธมบรมศิริไสยรัตนราชบรรยงก์ ล้วนสุขุมสัมผัสองค์อยู่อัตรา เคยเสวยบวรอุฬาริกาหาร สรรพรศตระการอันเอมโอช เหนือสุพรรณภาชนสุทธาโภชน์พิจิตรจำรูญ มีแต่เกษมศุขสมบูรณ์ในศิริสมบัติ โดยวิไสยสุขุมกระษัตริย์เสวยรมย์ อิทานิ ปัณ์ณสัณ์ฐเร บัดนี้พระนุชมาผธมดูประดาษ มีแต่ใบไม้ลาดรองพระกาย กลั้วเกลือกไปด้วยฝุ่นทรายแสนเทวศ ยามเมื่อเราทุเรศแรมร้างพระภารา เสวยแต่ผลพฤกษาต่างกระยาหาร สารพันจะบันดาลผิดพิกล จิต์ตํ อาฬุลิกํ เหตุฉนั้นดวงพระกมลจึงหมองมัว ถึงฝันดีก็เปนชั่วชายจะวิปริต จะถือแท้ว่าทุนิมิตรนั้นก็ผิดที เพราะธาตุมิได้ปรกติดีจึงบันดาลเปน มา ภายิ พระน้องเอ่ย อย่าครั่นคร้ามความเข็ญมิเปนใด เชิญพระนุชกลับไปสู่พระอาศรม นางท้าวเธอก็ถวายบังคมรับสั่งสาร เสด็จนิวัตนาการสู่พระลูกแก้ว วิภาตาย รัต์ติยา ครั้นอรุณจำรัสแผ้วพื้นโพยมมาศ สมเด็จพระนุชนาฎก็นำน้ำบ้วนพระโอษฐสรงพระภักตร์ มาทูลถวายพระจอมปิ่นปักผู้ภัศดา แล้วแผ้วกวาดพระบรรณศาลาโดยกิจวัตร กลับมาปลุกสองกระษัตริย์ให้ฟื้นนิทรารมณ์ ปลอบให้เจ้าเสวยนมถนอมแนบ เอนองค์ลงอิงแอบอุ่นอุรพางค์ อาลิงคิต๎วา แล้วสร้วมกอดพระลูกพลางประโลมเล้า จูบกระหม่อมจอมเกล้าแล้วให้โสรจสรง ขัดสีสำอางองค์พระหน่อกระษัตริย์ เกล้าพระเกษจุไรรัดรวบเปนชฎา พลางพิศพระภักตราแล้วรับขวัญ ว่า เจ้าแม่เอ๋ย แม่ลูกได้เห็นกันเมื่อยามไร้ คิดคิดถึงความฝันใฝ่แล้วก็ใจหาย ทุสุปิโน โอ้คืนนี้แม่นิมิตรร้ายหลากประหลาด ไปทูลถามพระชนกนารถว่ามิเปนใด แต่พระแม่นี้ยังมิไว้ใจให้หวาดหวั่น จะละเจ้าเข้าสู่หิมวันต์วนาวาศ อยู่หลังอย่าประมาททั้งสององค์ พ่อชาลีก็อย่าละเลิงหลงละพระน้องไว้ แม่กัณหาเล่าก็อย่าแล่นเล่นไปให้ไกลพี่ เจ้าค่อยอยู่จงดีแม่จะลาแล้ว นางแก้วก็บทจรสู่พระอาศรมบรมภัศดา ทูลฝากพระโอรสาสายสวาดิ อย่าให้สองเจ้าลีลาศไปลับพระเนตร ทูลพลางนางก็น้อมเกษกราบบังคมลา มาจัดหาเสียมแสรกคานกรรเช้าสานทรงหาบ เสวยพิลาปเข้าสู่วนารญ เพื่อจะหามูลผลาผลมาเลี้ยงกัน เหมือนแต่กาลทุกวันนี้แล้วแล ๚

๏ โส ชูชโกปิ แม้อันว่าเถ้าชูชกร่างร้าย ครั้นอรุณรุ่งสายส่องสว่างหล้า ตะแกก็คิดว่าเวลานี้ สมเด็จพระมัทรีจะเข้าสู่ไพร เถ้าจรรไรก็ลงจากบรรพต เอาไม้เท้าค่อยจ้องจดบทจร ดะดุ่มเดาะละเลาะมา โดยเอกบทมรรคาหนทางน้อยพอจุรอยผู้เดียวเดิน เมิลภิมุขมุ่งเหมาะเฉภาะพระอาศรม มหาสัต์โต ส่วนสมเด็จพระเอกอุดมอดุลประชา เสด็จออกจากพระบรรณศาลาทรงสถิตย์นั่ง เหนือทิพยปาสาณบัลลังก์ผลึกอาศน์ งามดังสุวรรณปฏิมามาศอันหล่อแล้วมาตั้งไว้ จิน์เตสิ จึงดำริห์ในพระไทยว่ากาลบัดนี้ ยาจกจะจรลีมาเปนมั่นคง ท้าวเธอทอดพระเนตรตรงมรรคมรรคา ตั้งพระไทยคอยหาปฏิคาหก ด้วยพระปริวิตกอยากจะทำทาน สุราโสณ์โฑ วิย ดุจนักเลงสุราบานอันอยากเหล้า ปุต์ตา ส่วนสมเด็จพระลูกเจ้าทั้งสององค์ ก็เล่นอยู่แทบบทบงสุ์พระบิตุเรศ ครั้นท้าวเธอทอดพระเนตรเห็นทอาจารย์ มีพระกมลเบิกบานเปรมปรีดิ์ อุก์ขิเปน์โตวิย ดุจหนึ่งทชีจะมาช่วยยอยก ซึ่งมหาบริจาควิตกให้บริบูรณ์ อันเริศร้างแรมสูญสิ้นถึงเจ็ดเดือน เมื่อท้าวเธอจะเอื้อนโอษฐแก่พระชาลีศรีตรุณราช ให้ไปรับทิชาชาติมิช้า ก็กล่าวเปนสารพระคาถาฉนี้

อุฏ์เฐหิ ชาลิ ปติฏ์ฐ ฯลฯ

ชาลี กัณ๎หาชินา จุโภติ ๚

๏ ตาต พ่อเอ่ยพ่อชาลีศรีสุริยชาติ เจ้าจงลุกขึ้นจากอาศน์มายืนอยู่น่าพระบิดา คอยรับบริกขารของเถ้าชราผู้นี้ พระพ่อนี้มายินดีด้วยพฤฒาจารย์ โปราณํ วิย ทิส์สติ ก็ปรากฎเหมือนคนมาขอทานแต่ทิศทั้งสี่ ปางเมื่อเราอยู่บุรีพิไชยเชต พ๎ราห๎มณํ วิย ปัส์สามิ เมื่อเห็นพราหมณทรงเพศดังดาบศ อันประพฤติพรหมพรตพิธีฌาน นัน์ทิโย มาภิกิรเร พระพ่อนี้ก็ยิ่งมาเบิกบานปรีดา ด้วยโสมนัศเวทนาญาณสัมปยุต อันอุบัติผ่องผุดในพระกมล พร้อมด้วยพระราชกุศลทั้งสองประการ กล่าวคือองค์บริจาคทานแลปฏิคาหก จะได้ยอยกยอดพระบารมี พระสกลอินทรีย์นี้ก็มาซึมซาบ อาบไปด้วยเบญจปีติปราโมทย์ ตระหลอดถึงอุตมงคศิโรตม์อันสูงสุด ก็อุปมาเหมือนบุรุษร้อนด้วยแดดเผา มีบุคคลเอาน้ำสักพันเต้ามารดกาย ก็ค่อยระงับกระวนกระวายในครั้งนี้ พระชาลีก็ฉลองพระบัญชา ว่า ตาต ข้าแต่สมเด็จพระบิดาอดุลเดช โส พ๎ราห๎มโณ อันว่าพราหมณที่ทรงเพศเปนดาบศ ดูนี้ก็ปรากฎแก่จักษุแล้ว แต่ในใจของลูกแก้วคิดคเนการ เห็นจะเปนแขกมาขอทานอันใดสักสิ่ง ทูลแล้วเจ้าก็วางวิ่งออกไปรับพราหมณ์ ถามถึงถุงไถ้บริกขารอันใดเปนของหนัก ส่งมาเถิดหลานรักจักรับเอา ชูชกตะแกก็นึกเดาว่าเด็กผู้นี้ ชรอยจะเปนพระชาลีลูกรักราช ทั้งท่วงทีนี่ก็องอาจกล้าหาญ ถึงจะได้ไปใช้การก็กลับจะล้อหลอก ควรอาตมจะขู่ตะคอกข่มเสียแต่เดิมที อัจ์ฉรํ ปหริ คิดแล้วทชีก็ดีดนิ้วมือ ยกไม้เท้าถือเงื้อง่า ร้องว่าฮ้าเฮ้ยเด็กนี้ลูกใคร มาต่อล้อผู้ใหญ่ยืนกั้นกาง อเปหิ จงหลีกไปเสียให้พ้นทางบัดเดี๋ยวนี้ พระชาลีก็เยื้องย่างห่างออกไป จึงคิดว่าพราหมณนี้ไฉนจึงหยาบยิ่ง ครั้นดูรูปก็ประจักษ์จริงเจียวสิหว่า ล้วนแต่อัฏฐารสบุรุษโทษทั่วทั้งกาย เออกระนั้นมันจึงหยาบคายก็ควรแล้ว ส่วนเถ้าใจแกล้วก็เข้าไปสู่พระอาศรม ถึงถวายบังคมบรมกระษัตริย์ ปฏิสัน์ถารํ กโรน์โต พลางกระทำปฏิสันถารวัตรตามประเวณี ท้าวเธอก็ตอบคดีโดยพิศดาร ดุจไนยวิถารในมหาวันนิเทศ แล้วตรัสบอกยุบลเหตุสืบไป ว่า พราหมณ์เอ่ย แต่เรามาอยู่ในไพรพระหิมวาศ ชีวิโสกินํ เลี้ยงพระชนม์โดยประดาษดูนี่แสนกันดาร มีแต่ทุกขรำคาญขุ่นข้องหมองมัวกลั้วไปด้วยความโศก ตั้งแต่วิโยคแรมร้างพระภารา กำหนดนับเนิ่นช้าได้ถึงเจ็ดเดือน ปฐมํ ปัส์สามิ พึ่งเห็นท่านนี่และเยี่ยมเยือนเปนปฐม มีอาการดังดาบศพรหมพฤฒาเถ้า ถือไม้เท้าผิวดังผลมะตูม อุ้มเครื่องกระยาพรตพิธี กมัณ์ฑลุํ กับทั้งอุทกกุณฑีโทนทุเรศมา ก็ควรจะภิรมยหรรษาเสมอมิตร อันร่วมรักสนิทมาพบกัน จงเข้าไปในโรงน้ำนั้นชำระเท้า แล้วเชิญท่านผู้เถ้าอาบน้ำชำระกาย ให้ระงับกระวนกระวายที่เดินทาง จงเลือกฉันผลาผลต่าง ๆ ตามแต่จะปราถนา อิทํปิ ปานิยํ สิตํ อนึ่งทั้งอุทกธารานี้ก็เย็นใสสอาด นำมาแต่เซาะศิลาลาดลหานห้วยตรวยโตรก ท่านอยากฉันก็เชิญบริโภคเถิดนะพฤฒาจารย์ ฯ เกน วา ปน เหตุนา เออซึ่งเดินดัดพนัศสถานมาถึงเรา จงบอกเถิดท่านผู้เถ้าอย่าเกรงใจ จักประสงค์สิ่งใดฤๅนะทชี พราหมณ์ก็ทูลสนองคดีด้วยปรีดา ชักทำเนียบมาอุปมาเหมือนหนึ่งน้ำพระไทย ว่า วาริวโห เมาะ ปัญ์จมหานทิโย พระพุทธเจ้าข้า อันว่ากระแสสินธุหลั่งไหลมาทั้งห้าแถวนองแนวไปด้วยชลชลา นามชื่อว่าคงคายมนาอจิรวดีมหิมหาสรภูดูมะเมือบฝั่ง สายอุทกถั่งพะแพร่งพรายย้ายแยก แตกเปนกุนนทีใหญ่น้อย นับมากกว่าร้อยกว่าหมื่น ทั่วไปในภาคพื้นชมพูทวีป เปนที่อาไศรยชุ่มชีพทุกประชาชาติ ทั้งพฤกษาลดามาศเมทนิดล สัพ์พกาลํ น ขียติ ถึงจะวิดวักตักตวงขนไปอาบกินสิ้นทั้งกลางวันแลกลางคืน กระแสสินธุมิได้ยอบยืนอยู่ดังเก่า พระสมุทเจ้ามีพระคุณฉันใด เอวํ เมาะ ตถา ก็เหมือนหนึ่งน้ำพระไทยทูลกระหม่อมแก้ว มิได้คิดสอดแคล้วต่อผลทาน ตั้งพระกมลเบิกบานในมหาบริจาค พระคุณเจ้าเอ่ย จงโปรดสัตวผู้ยากอันเข็ญใจ อุส่าห์ดั้นดงพงไพรพนาเวศ มานี้หวังจะขอพระหน่อนเรศร์ราชกุมารา ไปเปนกรรมกรทาษาแลทาษี ขอพระองค์จงยกยอดพระบารมีบรมัตถมิ่งมกุฎิบุตตมหาทาน ให้แก่ข้าพฤฒาจารย์นี้เถิด ฯ

๏ มหาสัต์โต สมเด็จพระมหาสัตวขัติยวงษ์ทรงสดับสารคดี ซึ่งทชีมาทูลขอสองกุมารา ก็โสมนัศปรีดาในพระราชกมล ฐเปน์โต วิย ดุจมีบุคคลนำเอาถุงทรัพย์นับได้พันหนึ่ง มาประดิษฐานถึงฝ่าพระหัดถ์ จึงมีพระราชดำรัสแก่ทอาจารย์ ว่า พราหมณ์เอ่ย อันสองกุมารอรรคโอรส เราก็จะเปลื้องปลดปลิดออกจากอกยกให้เปนทาษขาดแก่เถ้าชรา ไม่ย่อท้อต่อพระราชศรัทธาทานบารมี จะหวาดไหวด้วยมัจฉริยตระหนี่นั่นหามิได้ ท่านก็เปนเจ้าแก่สองดไนยหน่อกระษัตริย์แล้ว จงพาพระลูกแก้วไปตามปราถนา แต่จะขอผัดสักเวลาเถิดนะทชี ปาโต คตา เหตุด้วยเจ้ามัทรีไปโพนประพาศ ยังพระหาหิมวาศแต่ยามเช้า ต่อสายัณห์จึงจะคืนเข้าพระอาศรมสถาน จักได้ผลาผลตระการมาทุกสิ่งอัน แล้วจะชักชวนทชีฉันตามประสายาก ล้วนอร่อยรศหลากหลากแต่บรรดามี เอกรัต์ตึ วสิต๎วาน เชิญท่านยับยั้งอยู่สักราตรีเถิดนะพฤฒาจารย์ อนึ่งนางท้าวจะได้สรงสนานสองดรุณราช จะร้อยกรองกุสุมชาติมาลา สวมแซมพระเกษชฎาดูวิลาศเลิศ ประดับสองโอรสประเสริฐตามประสาไพร แล้วจะจัดแจงผลไม้ให้ท่านบ้าง จะได้ไปเปนเสบียงทางเถื่อนทุรัถยา อนึ่งพระนางจะได้อนุโมทนาบุตตบริจาค ไม่เสียทีที่เลี้ยงมายากแต่ยังเยาว์ เออต่อวันรุ่งเช้าเถิดจึงพาไป น วาสมภิโรจามิ พระพุทธเจ้าข้า กระหม่อมฉันนี้ไม่ชอบใจที่จะอยู่ดูจะช้ากาล จะรีบพาสองกุมารไปเสียโดยพลัน เกลือกพระนางมาถึงทันสิเสียที อิต์ถิโย นาม ชื่อว่าหญิงนี้ย่อมเปนราคีในทางทาน มีแต่จะตัดลาภสักการของปฏิคาหก แล้วจะตัดบุญฝ่ายทายกห้ามมิให้กระทำ ได้ชื่อว่าอันตรายถึงสองซ้ำทั้งสองสิ่ง มัน์ตํ ชานัน์ติ แล้วรู้เล่ห์การกลอกกลิ้งกลับกลาย ประโลมฬ่อลวงชายให้ใจอ่อน ซึ่งจะทำทานก็ย่อหย่อนถอยศรัทธาลง มีแต่แยบเยื้องยุยงให้ตระหนี่ สัพ์พํ คัณ๎หัน์ติ วามโต อันธรรมดาว่าสัตรีนี้ถือซ้ายฝ่ายข้างวิปริต ลุแก่โทษจิตรปราศจากคุณ ไม่ยินดีข้างฝ่ายบุญรักแต่ฝ่ายบาป ถึงพระองค์ก็ย่อมทรงทราบอยู่ทุกประการ สัท์ธาย ทานํ ททโต เออเมื่อท้าวเธอจะอำนวยทานด้วยพระราชศรัทธา ก็จะพักเนิ่นช้าไปไยเล่า จงเรียกสองยุพเยาว์ผู้ยอดรัก อย่าให้ทันพบภักตร์พระชนนี มาประสาทให้ข้าทชีเสียยังแล้ว ทูลกระหม่อมแก้วจะได้เสด็จสู่สวรรค์ เสวยผลบุญอนันต์จักนับมิได้ สเจ ต๎วํ นิจ์ฉเส ทัฏ์ฐุํ จึงตรัสว่าถ้าท่านไม่ชอบใจจะพบเจ้ามัทรี ก็ตามแต่จิตรของทชีไม่ขืนขัด ถ้ากระนั้นจงนำสองกระษัตริย์สู่บุรีเรา ถวายพระไอยกาเจ้าจอมพิไชยเชต เมื่อท้าวเธอได้ทอดพระเนตรสองกุมารา ทรงสดับมธุรกถาแสนเสนาะถ้อย อันพระหลานน้อยน้อยร่ำรำพรรณทูล ก็จะมีพระไทยเพิ่มภูลภิรมยปราโมทย์ พหุํ ทัส์สติ เต ธนํ เห็นก็จะทรงพระกรุณาโปรดพระราชทาน ซึ่งแสนสิงทรัพยสารสรรพโภคา เปนรางวัลแก่เถ้าชราอย่าร้อนใจ อัจ์เฉทนัส์ส ภายามิ พระพุทธเจ้าข้า ซึ่งโปรดมาทั้งนี้ไซ้ไม่เห็นชอบ กลัวแต่จะรบมบอบด้วยพระอาชญา ท้าวเธอจะทรงพระโกรธาแก่ข้าเถ้า จะชิงเอาพระหลานเจ้าทั้งสององค์ แล้วจะจับตัวส่งไปให้หมู่อำมาตย์ ว่าเปนโจรลักพระภาคิไนยนารถมาแต่ไพร จะให้โบยตีขับไล่ฤๅจะจองจำซ้ำถึงชีวิตร จะบอกจริงก็ไม่พ้นผิดใครจะเชื่อถือ จะถุ้งเถียงดึงดื้ออยู่ก็คงไม่รอดชีพ เออก็ใครเขาจะถ่อถีบออกมาสืบพระองค์ ถ้าพอตายก็จะตายลงเสียที่กลางคัน ทั้งบำเหน็จรางวัลก็จะสูญเปล่าเอามาแต่ไหน กลับจะเสียทาษใช้ทั้งสองคน อนึ่งนางพราหมณีมันก็จะก่นเอาพอการ จึงตรัสว่าไม่กระนั้นทอาจารย์อย่าตกใจ อันสมเด็จกรุงสญไชยชนกนารถ ธัม์เม ฐิโต ทรงสถิตย์ในทศธรรมราชประเพณี ให้เจริญแก่ชาวสีพีนิกรประชา ประกอบด้วยพระมหากรุณาแก่สรรพสัตว ไม่กระทำไภยพิบัติเหมือนหนึ่งคำท่าน คงท้าวเธอจะพระราชทานทรัพยโภไคย จงฟังคำเราเร่งไปเถิดนะพราหมณ์ นาหัน์ตํปิ กริส์สามิ พระพุทธเจ้าข้า กระหม่อมฉันมิได้ทำตามข้อรับสั่ง แม้ไม่สมสิพลาดพลั้งจนเสียตัว หัวจะเด็ดเปล่า ผิดชอบก็จะพาพระลูกเจ้าทั้งสององค์ตรงไปกลิงคราฐ ให้นางพราหมณีใช้เปนทาษจะดีกว่า จงตรัสเรียกสองกุมารามาให้ข้าทชี ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรวิเศษ สงสารด้วยสองเยาวเรศราชกุมารา เมื่อสดับทารุณกถาอันฉกรรจ์กาจ ว่าพราหมณทิชาชาติจะพาไป ภยฐิตา ต่างต่างก็ตกพระไทยอยู่ไหวหวั่น พระสริรกายสั่นดังปีศาจสิง สองกระษัตริย์เจ้าก็วางวิ่งไปจากพระบิดา แล้วซ่อนอยู่หลังพระบรรณศาลากลัวจะไม่พ้นไภย จึงหนีไปเร้นอยู่ในพุ่มไม้ก็เกรงจะมิมิด เกลือกว่าพราหมณ์จะตามติดมากับตัว พระอุระระริกระรัวตกประหม่า มิอาจดำรงพระกายาอยู่ที่ใดได้ เตน เตน ปธาวึสุ สองเจ้าแต่แล่นประลาศไปทุกหนแห่ง จนบรรลุตำแหน่งจตุรัสโบกขรณี พระกุมารกุมารีพี่น้อง ก็ทรงพระภูษาคากรองผูกให้มั่นคง แล้วชวนกันแล่นลงในสระน้ำดำซ่อนพระกาย เอาใบบัวมาเรียบรายปกพระเกษ หวังจะเร้นพระบิตุเรศด้วยกลัวไภย จะให้เถ้าชราไปนี้แล้วแล ๚

๏ ชูชโกปิ แม้อันว่าเถ้าชูชก เมื่อไม่เห็นขัติยโปดกทั้งสองรา ตะแกกล่าววาจาปริภาษ ว่า โภ เวส์สัน์ตร ดูกรพระเวสสันดรราชฤๅษี เออก็เมื่อท่านให้สองกุมารกุมารีแก่เราแล้ว ฤๅกลับสอดแคล้วคิดเสียดายต่อเมื่อภายหลัง ทำเปนผัดให้ยับยั้งอยู่ท่าพระมัทรี ครั้นเรารู้ถึงทีไม่ตามคำ กลับแนะนำจะให้ส่งไปสีพิราฐ ครั้นเราขืนจะนำไปเปนทาษให้เมียใช้ ก็จนใจสุดที่จะกลับกลอก อิงคิตสัญ์ญํ ทัต๎วา แกล้งยักคิ้วขยิบตาบอกให้ลูกหนี แล้วนั่งเฉยทำทีประหนึ่งว่าไม่เห็นไม่รู้ เราก็รู้เท่าทันอยู่ทุกสิ่ง ตยา สทิโส ใครในโลกยนี้ที่จะกลอกกลิ้งกล่าวมุสาวาท เหมือนพระเวสสันดรราชนี้ไซ้ ก็เปนว่าหามิได้นี้แล้วแล ๚

๏ มหาสัต์โต ส่วนสมเด็จพระมหาสัตวศรีวิสุทธิวงษ์ทรงสดับสาร อันพราหมณบริภาษนาการวันนั้น กัม์ปิโต หุต๎วา มีพระไทยไหวหวั่นทั่วสริรกาย ให้ขุ่นแค้นแสนอับอายออเถ้ากระยาจก จึงทรงพระปริวิตกว่ากาลบัดนี้ พระลูกจะประลาศลี้แล้วเปนมั่นแม่น จึงตรัสว่าพราหมณ์เอ่ย ท่านอย่าเพ่อเคืองแค้นค่อนขอดเรา จะไปนำสองนงเยาว์มาให้ทชี ดำรัสแล้วก็เสด็จจรลีจากพระอาวาศ แสวงหาสองตรุณราชบังอร ตามรอยบทวลัญชรจนกระทั่งถึงซึ่งฝั่งจตุรัสสระสรง ก็ทราบว่าพระลูกทั้งสององค์ลงซ่อนพระกาย เมื่อท้าวเธอจะตรัสเรียกสองสายสุดสวาดิ ก็กล่าวเปนบาทพระคาถา ว่า

เอหิ ตาต ปิยปุต์ต ฯลฯ

สิวีนํ รัฏ์ฐวัฑ์ฒโนติ ๚

๏ ตาต ปิยปุต์ต พ่อเอ่ยพ่อชาลีศรีสุริยยอดปิโยรสร่วมพระไทย เจ้าก็เปนปิ่นประยูรมไหสวรรเยศเกษกระษัตริย์สืบสมมุติวงษ์ เฉลิมมกุฏิดำรงพิภพสีวิราฐ ไยพ่อจึงมาประลาศหลบลี้พระบิดา ให้พราหมณมาจ้วงเจรจาหมิ่นประมาทได้ เออก็อันบุราณราชวิไสยสุขุมขัติยาภิเศกเอกอิศรพงษ์ ไม่เคยใครที่จะอาจองเอื้อมมาดูแคลน พระพ่อนี้ก็ยิ่งคั่งแค้นกมลมาโนช ให้เร่าร้อนดังอัคนิโรทมาสุมทรวง ภิสิญ์เจถ พระลูกเอ่ย จงขึ้นมาดับดวงพระหฤไทยอันไหม้ไปด้วยเพลิงผรุสวาท ดุจองค์อินทรลีลาศเลื่อนลงจากฟ้า นำเอาทิพธาราถ้วนถึงพันเต้า มาโสรจสรงอุระเร่าระงับร้อน ปุเรถ มม ปารมึ พ่อจงมาช่วยพระบิดรในครั้งนี้ มาช่วยเพิ่มพระบารมีมิ่งมกุฏิทาน แลกเอาพระโพธิญาณเสียยังแล้ว กโรถ วจนํ มม พระลูกแก้วจงตามคำพระบิตุเรศ ช่วยกันขนสัตวข้ามเขตรโอฆสาครยานนาวา เจ้าจงมาเปนพระที่นั่งอลังกรณ์มหาสมุทพิมาน คือทิพอุทกยานอันใหญ่ยิ่ง มิได้หวาดไหวด้วยแสนสิ่งสรรพคลื่นลมระดมดาษ กล่าวคืออกุศลจิตตุบาทบาปธรรมทั้งปวง ตริส์สามิ พระพ่อก็จะแล่นล่วงห้วงมหรรณพ กล่าวคือไตรภพสงสาร พ้นเขตรขันธกันดารแดนชาติไภย แล้วจะกลับข้ามขนเวไนยจากจตุรโอฆ สเทวกํ กับทั้งเทวโลกเหล่าสุรคณา แลแสนโสฬศพรหมาหมู่รูปฌาน ให้ถึงฝั่งพระนิพพานอันเกษมศุข เว้นจากวัฏฏทุกข์ที่เวียนว่ายตายเกิด เอหิ พระลูกเอ่ย จงขึ้นมาเถิดจากสระศรี มาช่วยยกยอดพระบารมีบรมัตถมหาทาน ในกาลบัดนี้เถิด ๚

๏ ชาลีกุมาโรปิ แม้อันว่าพระชาลีศรีสุริยราชกุมาร เมื่อได้สดับโองการพระบิตุรงค์ จึงคิดว่าอาตมก็เปนสุริยวงษ์วิสุทธิกระษัตริย์ จะมานิ่งให้พระบิดาตรัสถึงสองครั้งมิควรนัก ถึงมาทว่าเถ้าทรลักษณ์มันจะโบยรัน ฤๅจะห้ำหั่นก็มิได้คิด จะสู้เสียสละชีวิตรสนองคุณพระชนกนารถ วิยูหิต๎วา จึงเบิกใบประทุมชาติจากพระเกษ แล้วขึ้นมาเฝ้าพระบิตุเรศโดยกิจเคารพซบพระเศียรลง พระกรกอดบาทบงสุ์เบื้องขวา พลางทรงพระโศกากรรแสงไห้ ท้าวเธอจึงถามว่าพระน้องอยู่ไหนนะพ่อสุดสวาดิ เจ้าก็ทูลพระบิตุราชเปนท่ามกลาง ว่า อิเม สัต์ตา พระพุทธเจ้าข้า อันเยี่ยงอย่างสัตวทั้งหลายในโลกนี้ แม้ว่าไภยมีแล้วก็ต่างรักษาตน ท้าวเธอก็ทราบยุบลด้วยปรีชา จึงตรัสเรียกแก้วกัณหาเหมือนเรียกพระชาลี พระกนิษฐานารีก็คิดเหมือนพระเชษฐาธิราช เจ้าก็ขึ้นมากอดพระบาทเบื้องซ้าย พระพี่น้องทั้งสองก็ฟูมฟายอัสสุชลพิลาป พระชลไนยนี้ก็มาไหลอาบลงหลั่งหลั่ง ตกต้องหลังพระบาทยุคล งามดังดวงวิกสิตโกมลทั้งคู่ มาเชิดชูรับอัสสุชลธารา ท้าวเธอก็ทรงพระโศกาด้วยปิโยรส พระชลเนตรไหลย้อยหยาดหยดลงเปนท่องแถว ต้องหลังพระลูกแก้วสายสุดสวาดิ เสมือนหนึ่งแผ่นกระดานกาญจนามาศมารองรับน้ำพระเนตร ปริเทวิต๎วา สามกระษัตริย์ก็แสนเทวศพิลาปร่ำไห้ ปิ้มประหนึ่งว่าดวงพระหฤไทยจักทำลายลาญ ควรที่จะสงสารสังเวชทั่วทุกตัวสัตว ปรามสัน์โต ท้าวเธอก็เหยียดพระหัดถ์ไปปรามาศพื้นพระขนองสองกระษัตรา จึงตรัสว่า โอ้พระโอรสาของพ่อเอ่ย เงยภักตร์ขึ้นเถิดอย่าโศกเศร้า ก็ย่อมแจ้งอยู่แก่ใจเจ้าแล้วนะเจ้าเพื่อนยาก ว่าพระพ่อนี้มาพลัดพรากพระเวียงไชย ก็เพราะพอพระไทยจึงจะทำทาน หวังจะแลกเอาพระโพธิญาณในเบื้องน่า จงช่วยพระบิดาให้สำเร็จแก่พระส้อยสรรเพ็ชญ์พุทธบารมี เมื่อตรัสประโลมสองศรีเสื่อมโศกแล้ว จึงยังพระลูกแก้วให้ยืนประดิษฐาน อัค์ฆาเปสิ ท้าวเธอก็ขัดค่าพระกุมารทั้งสองรา ดุจนายโคขัดราคาอุศุภนิกร แล้วตรัสสั่งสอนพระชาลี ว่าส่วนตัวเจ้านี้จงจำไว้ แม้จะรักเปนไทยให้พ้นทาษ จงไถ่ด้วยสุวรรณชาติถ้วนถึงพันนิกขะ นิกขะหนึ่งเปนสิบห้ากหาปณโดยกำหนด ถ้าจะประมวญเข้าสิ้นทั้งหมดก็เปนทองถึงหมื่นห้าพันตำลึง จึงให้พ้นเงื้อมมือเถ้าชรา ภคินี ส่วนว่านางแก้วกัณหาสิเปนหญิง แล้วก็ทรงศุภลักษณยวดยิ่งยอดสัตรี เกลือกว่าชายชาติกระลีลามก เอาทรัพย์มาให้เถ้าชูชกแล้วไถ่ไป ก็จะกระทำสัมเภทไภยพิบัติประยูร จำจะเพิ่มภูลขัดค่าไว้จงมาก ให้พ้นวิไสยคนยากเปนอันขาด ถ้าเว้นไว้แต่ขัติยชาติจึงจะควรไถ่ สัพ์พสตทายโก คือสามารถอาจให้ทาษชายหญิง ทั้งโคคชรถม้ามิ่งสิ่งละร้อยละร้อย กับสุวรรณลดถอยร้อยนิกขะ ถ้าจะนับเปนกหาปณก็ถึงพันห้าร้อยตำลึง จึงให้พระน้องพ้นจากอำนาจพราหมณ์ เออพ่อชาลีจงจำความอย่าลืมหลง อัค์ฆาเปต๎วา ตรัสขัดค่าพระลูกทั้งสององค์แล้วก็พามาสู่พระอาวาศ จึงทรงพระเต้าอุทกชาติวารี พลางเรียกทชีเข้ามาใกล้ จึงตรัสว่า เอหิ วต โภ พราหมณ์เอ่ย จงมารับสองดไนยหน่อขัติยวงษ์ แล้วหลั่งอุทกตกลงเหนือมือพฤฒาจารย์ ก็เปล่งประณิธานบัญชา ว่าพราหมณ์เอ่ย อันพระโอรสาสองดรุณเรศ เราก็รักดังดวงเนตรแลดวงหฤไทย ปิยตรํ แต่หากรักพุทธาภิไสมยอันประเสริฐสุด ยิ่งกว่าสองพระปิยบุตรได้สักแสนเท่า อิทํ ทานํ อันว่าโอรสทานของเราในครั้งนี้ จงให้สำเร็จแก่พระสร้อยศรีสรรพัญญุตญาณ ในอนาคตกาลโน้นเถิด ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสมาธิอินทรีย์ ปางเมื่อพระมิ่งมกุฏิสีพีรวีวงษ์ องค์อรรคนราธิเบศร์เวสสันดรดาบศ มาสละสองปิโยรสราชกุมาร อันทรงไวยวัฒนาการในสุขุมศุข บำราศสรรพสิ่งทุกข์บ่บีฑา ให้แก่พราหมณชราในขณะนั้น จิต์โต ก็มีพระกมลเกษมสันต์โสมนัศชื่นชม ถวายทศนัขประนมเหนือศิโรตม์ ทรงพระปราโมทย์ในมหาทาน มหัศจรรย์ก็บันดาลจลาจลทั่วสกลโลกธาตุ โลมหํสนํ บังเกิดโลมชาติเชิดชูพิฦกบันฦๅ เสียงนี่ก็อึงอื้อตระหลบจบจังหวัดพนัศหิมเวศ ทั้งพื้นพสุนธเรศอันหนาแน่นได้สองแสนสี่หมื่นโยชน์ ก็มาอุโฆษเครงครึกกึกก้องกัมปนาท เล่ห์ประหนึ่งว่าวารณราชเมามัน แล่นรเห็จหันเหินเศียรเวียนวง ส่งสัททโกลาหลคำรนร้อง สาคโร ทั้งพระมหาสาครก็ตีฟองคนองคลื่น กระทบฝั่งกระทั่งครืนอยู่โครมเครง เสียงนี่ก็เอิกอลวนลเวงหวั่นวะไหวหวาด สิเนรุปัพ์พตราชา ทั้งขุนเขาสิเนรุราชก็เอนเอียง สัตตภัณฑคิรีเรียงก็โอนอ่อน จักรวาฬศิงขรก็น้อมยอดทอดรทวยรทด ดังยอดหวายอันจิ้มจดเข้าจ่อเพลิง สัพ์เพ เทวา ฝูงเทพยก็บรรเทิงทุกพิมานเมศ ต่างต่างก็น้อมเกษกราบก้มบังคมคัล ตบพระหัดถ์หฤหรรษ์แซ่ซ้องสาธุการ ซึ่งพระปิยบุตตทานบารมี เสียงอึงมมี่นี่สนั่นเนียรนาท บ้างก็โปรยทิพยกุสุมชาติบูชา บันดาลขณิกธาราพิรุณโรยร่วง ทั้งอากาศวิชุลช่วงทิฆัมพร ทุกทวยเทพยนิกรก็อนุโมทน์อุโฆษเครงครื้น สท้านสเทื้อนถึงพื้นภวัคพรหม หิมวัน์ตวาสิโน ฝ่ายฝูงจตุบทในพนมพนัศหิมวันต์ ก็แซ่เสียงบันฦๅลั่นแล่นละเลิงระเริงร้อง ดูพิฦกกึกก้องทั่วทิศาดล เอกนิน์นาทํ บังเกิดโกลาหลเปนอันเดียวดังนี้ ด้วยเดชะพระบารมีมิ่งมกุฏิอุดมบรมโอรสมหาทาน แห่งพระราชสมภารเจ้านั้นแล ๚

ตมัต์ถํ ฯ ตโต โส พ๎ราห๎มโณ ลุท์โธ ฯลฯ

โก ทัต๎วา อนุตัป์ปตีติ ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลวิสุทธิญาณ เมื่อมหัศจรรย์บันดาลตลอดภพจบสกลโลกธาตุ ส่วนสมเด็จพระมหาบุรุษราชบรมวงษ์ ก็ทรงพระโสมนัศเปรมปรีดิ์ พลางทอดพระเนตรสองศรีสุริยโปดก ส่วนว่าเถ้าชูชกชาติไร้ ปวีสิต๎วา ตะแกก็เข้าสู่พุ่มไม้อันรกชัฏ อ้าปากกัดเอาเครือเขา มาพันผูกพระกนิษฐาเข้าข้างพระหัดถ์ซ้าย แล้วรึงรัดมัดพระพี่ชายข้างพระหัดถ์ขวา รวบเถาลดาเข้าด้วยกัน จับปลายวลีวัลมาต้อนตี พระกุมารกุมารีไปเฉภาะพระเนตร มิได้เอื้อเฟื้อต่อพระบิตุเรศเท่าใยยอง

สงสารเอ่ย ด้วยเจ้าพระพี่น้องทั้งสองกระษัตริย์ พราหมณทำโพยเปนสาหัสไม่ปรานี ผิวพื้นพระฉวีสินวลนุ่มสุขุมอยู่ทั้งองค์ ครั้นถูกโพยโบยลงก็แย้มแยกแตกเปนริ้วรอย พระโลหิตนี้ก็มาไหลย้อยเปนหยาดหยด เอนดูสองเยาวยศยอดขัติยวงษ์ ครั้นพราหมณตีพระพี่ลงพระน้องก็เข้ารองรับ ครั้นพราหมณตะแกกลับมาหวดพระน้อง พระพี่ก็ผินหลังเข้ารองให้ถูกแทน สองกระษัตริย์เจ้าก็โศกแสนกำสรดเทวศ น้ำพระชลเนตรนองพระภักตรา พราหมณก็ต้อนตีมาทุกฝีย่าง พอบรรลุถึงทางที่ไม่เสมอ อ้ายเถ้าก็เดินเผลอล้มพลาด เครือลดามาศอันกระด้าง ก็หลุดจากพระกรทั้งสองข้างแล้วมิช้า พระพี่น้องเจ้าก็วิ่งวางมาสู่สำนักนิ์พระบิตุรงค์ ต่างต่างก็น้อมเศียรลงบังคมคัล ทรงพระกรรแสงศัลย์กำสรดโศก ด้วยทุกขาดุรวิโยคจำไกล พลางกลัวเถ้าจรรไรจะมาจับตัว พระองค์สั่นระริกระรัวทั่วสกลกาย อัส์สัต์ถ ปัต์ตํว ดังใบโพธิ์อันลมชายรำพายพัด ก็โบกโบยสบัดอยู่ไปมา พระชาลีก็ถวายวันทนากรประนมบังคมทูลพระบิตุเรศ ว่าโอ้พระปิ่นปกเกษของลูกเอ่ย อะไรเลยช่างดูได้ไม่เมตตา เมื่อพระแม่จักบังคมลาสู่พนาลี ก็พาลูกทั้งสองศรีมาทูลฝาก พระชลไนยไหลลงพรากพรากโทรมพระภักตร์ มิใคร่จะจากลูกรักเข้าสู่ไพร เกรงเกลือกจะมีไภยเมื่อภายหลัง พระคุณของลูกเอ่ย จงทรงพระกรุณาโปรดยับยั้งอยู่ท่าพระมารดา ให้ลูกได้พบพระภักตราก่อนพอชื่นเกล้า จึงพระราชทานแก่พราหมณ์เถ้าเถิดไม่น้อยใจ เออนี่มาด่วนยกลูกให้แก่ตาชี ไม่คอยท่าพระชนนีกลับมาก่อนเลย พระทูลกระหม่อมเอ่ย พราหมณ์นี้กะไรจึงร้ายกาจ ลูกไม่ผิดฤๅคิดพยาบาทแกล้งมาโบยตี วิกิณาตุ หนาตุ วา ฤๅน้ำใจของทชีโลภด้วยเงินทอง จะเอาลูกรักทั้งสองไปแลกทรัพย์เสียก็ตามใจ ฤๅออเถ้าจรรไรประสงค์แก่เนื้อเลือด จักเข่นฆ่าผ่าเชือดฉีกเปนชิ้นชิ้นกินเปนภักษา ก็ตามแต่เจตนาของตาชี แต่ขอพอพบพระชนนีเสียสักน่อยหนึ่งเถิด พระลูกก็จะยอมตายไปเกิดเอาชาติใหม่ ดีกว่าอยู่สู้ฝีไม้ของพฤฒาจารย์ อยํ พ๎ราห๎มโณ พราหมณนี้กะไรมาเหี้ยมหาญหฤโหด กอปรด้วยบุรุษโทษทั้งสิบแปดอย่าง พลังคปาโท คือเท้าทั้งสองข้างก็ใหญ่ทู่ดูนี่โค้งคด อัน์ธนโข เล็บเท้าก็ดำหมดเปนหนองเน่า โอพัท์ธปิณ์ฑิโก ทั้งปลีน่องของออเถ้าก็เปนกะติกย้อย ทีฆุต์ตโรฏ์โฐ ฝีปากเบื้องบนเมื่อหุบห้อยหุ้มฝีปากล่าง จปโล อนึ่งออเถ้าจะพลอดพลางน้ำลายไหลลงทั้งสองแก้ม กฬาโร ทั้งเขี้ยวนี้ก็แยกแย้มออกมาพ้นปาก แลประหลาดหลากเล่ห์ดังเขี้ยวหมู ภัค์คนาสโก โครงจมูกตะแกดูนี้ก็หักฟุบยุบอยู่น่าชัง กุม์โภทโร ทั้งพุงเพาะเปนกะเปาะตั้งเติบดังหม้อใหญ่ ภัค์คปิฏ์ฐิ ทั้งสันหลังสันไหล่ตะแกก็โกง ดูนี่คดโค้งเหมือนเขาแกล้งหัก วิสมจัก์ขุโก ตาทั้งสองก็ทรลักษณ์ข้างหนึ่งเล็กข้างหนึ่งใหญ่ไม่เสมอกัน โลหมัส์สุ อนึ่งหนวดเคราของเถ้านั้นมีพรรณดังลวดทองแดง แขงกระด้างดูนี้น่ากลัว หริตเกโส ทั้งผมเผ้าเล่าก็เหลืองสลัวแลประหลาดคน วัล์ลีนํ ติลกาหโก เมื่อพิศกายก็พิกลทุกประการ สครานไปด้วยแถวเอน ทั้งมูลแมลงวันมิได้เว้นดังงาโรยรายเปนหย่อมหย่อม ปิงคโล ลูกตาเหลือกเหล่กระหม่อมเหลืองเหมือนตาแมว วินโต ทั้งตัวตะแกก็ดูประหลาดแล้วล้วนแต่คดค้อม ที่ฅอแลหลังสเอวพร้อมทั้งสามแห่ง ดังหนึ่งว่าเขาแกล้งปั้น วิกโต ที่ต่อข้อกระดูกนั้นไม่ชิดติดจะห่าง เมื่อตะแกจะเยื้องย่างดังอยู่พะเผาะพะผะ ทั้งเท้านั้นก็เกกะกางเก พ๎รหาขโร ขนตัวนี้ก็หยาบเล่ห์ดังแปรงหมูดูผิดมนุษย์ ทั้งกายตะแกก็สูงสุดเกินขนาด อชินานิ จ สัน์นัท์โธ นุ่งห่มพยัคฆจัมมามาศโทนเที่ยวมา ใครเห็นก็จะสงกาชวนกันถามทัก ว่าตะแกนี่มนุษย์ฤๅยักษ์จึงน่ากลัว รูปร่างมันช่างชั่วดูนี้สมเพช แม้ใครถามก็จะบอกเหตุว่าพราหมณผู้นี้ จะว่ายักษ์ฤๅภูตผีก็สมหมด มํสโลหิตโภชโน ชรอยมันกินเลือดเนื้อสัตว์สดสดเปนอาหาร จึงมาถึงพระหิมพานต์ได้แต่ผู้เดียว ดีร้ายมันหมายจะขบเคี้ยวเนื้อพระลูกรัก แกล้งจะขอไปเปนภักษ์พอมีกำลัง ไฉนจึงทอดพระเนตรนั่งนิ่งได้ไม่อนิจอนาถ จะละให้ปิศาจมันพาไป ช่างไม่ทรงพระอาไลยแก่ลูกเลย แกล้งกระทำเพิกเฉยเหมือนหนึ่งคนอื่น อยสา ทัฬ๎หพัน์ธนํ น้ำพระไทยกะไรจึงยั่งยืนไม่หวาดไหว ดังพืดเหล็กมารัดไว้อยู่ตรึงตรา ไม่มีความกรุณานึกสังเวชบ้าง เหมือนจะแกล้งซัดขว้างเสียให้ไกลองค์ โย โน พัน์เธ น ชานาสิ โอ้สมเด็จพระบิตุรงค์ของลูกเอ่ย อะไรเลยช่างไม่ปรานี ไม่ทรงทราบฤๅว่าทชีมันจองจำแกล้งกระทำโพย ดังนายโคบาลโบยซึ่งโคฝูง มันผูกพระหัดถ์มัดจูงไปต่อพระเนตร ลูกนี้ก็แสนเทวศสุดซึ่งจะทรมาน พระคุณของลูกเอ่ย ถึงว่าตัวกระหม่อมฉานนี้ไม่โปรดแล้ว ก็จงโปรดแต่เจ้าแก้วกัณหาน้อย ด้วยยังเด็กกระจ้อยร่อยไม่รู้ความ จะให้ไปเปนทาษพราหมณ์กะไรได้ เจ้าก็จะกรรแสงไห้ด้วยอยากนม ตั้งแต่จะเกรียมตรมกระหิวโหยโรยแรง เห็นจะเหือดแห้งอัศสาสปัศสาส มิคีว ขีรสัม์มัต์ตา ก็เปรียบเหมือนลูกมฤคชาติอันพลัดฝูงมุ่งแต่จะหาแม่ ตั้งตาชแง้ไม่เห็นหาย ก็จะโดดดิ้นตายเสียด้วยความตรึกนึกถึงมารดา ด้วยความอยากถันธารานี้สุดกำลัง จงทรงพระกรุณาโปรดยับยั้งให้แก้วกัณหาอยู่พระอาศรม พระน้องจะได้เสวยนมพระชนนี แต่ตัวข้าชาลีนี้จะบังคมลาฝ่าพระบาท ไปเปนทาษของพฤฒาจารย์ ดังพระราชโองการนี้แล้วแล ๚

๏ เมื่อพระชาลีศรีสุริยวงษ์ทรงพระกำสรดพิลาปกราบทูลฉนี้ พระราชฤๅษีจะได้ตรัสด้วยพระโอรสาหามิได้ พระลูกท้าวเธอก็กรรแสงไห้สอื้นอ้อนวอนทูลพระบิตุราช ว่า ยํ ทุก์ขํ อันว่าทุกข์อันใดที่เถ้าฉกรรจ์กาจแกล้งมาโบยตี ก็เปนทุกข์ตามประเวณีสำหรับชาย อันเวียนว่ายอยู่ในสงสารวัฏ ย่อมจะต้องทุกข์ไภยพิบัติไม่เว้นคน พระลูกนี้ก็จะอดทนสู้ไปได้ น ทุก์ขํ ไม่เปนทุกข์อันยิ่งใหญ่เท่าที่ทำจากพรากพระชนกชนนี อันทุกข์ที่มิได้อยู่ทูลธุลีลอองบาท สมเด็จพระบิดามาตุราชผู้ร่มเกล้า ไม่ได้เห็นพระภักตร์เฝ้าอยู่เช้าเย็น ตํ เม ทุก์ข ตรํ อนี้แลเปนทุกข์แสนเข็ญอันใหญ่หลวง ยิ่งกว่าทุกข์ทั้งปวงที่เจ็บช้ำด้วยฝีไม้ กัณหาพระน้องเอ่ย เราทั้งสองนี้จะจำใจจากฝ่าพระบาท สงสารแต่องค์พระชนกนารถราชมารดา ก็จะเปนกัปนานิราศบุตร ตั้งแต่จะโทรมทรุดด้วยโศกศัลย์ ทุกราตรีทิวาวันไม่เว้นวาย พระอัสสุชลจะฟูมฟายเปนฟองฝอย ด้วยไม่เห็นกัณหาน้อยผู้งามเนตร จักเสด็จประเวศในพระอาศรม พระอุระจะเกรียมตรมชอกช้ำ ตั้งแต่จะทรงพิไรร่ำทุกเวลา จะลำฦกพระลูกหาไม่เห็นหาย จะทุ่มทอดพระกายรบมองค์ ถึงยามบรรธมจะไม่หลับลงสนิทได้ ตั้งแต่อัฒรัตติกไสมยจนปัจจุสกาล พระบวรสันดานจะหมองไหม้ไปด้วยไฟโศก ซึ่งเสวยบุตตวิโยคอาดูร เห็นก็จะเสื่อมสูญสิ้นอัศสาสปัศสาส ในเพลาภาณุมาศเยี่ยมยุคันธร นทีว อวสุส์สติ ดุจแสงจามิกรอันเผาผลาญ ซึ่งบึงบ่อท่อธารอุทกนที ให้เหือดแห้งหายวารีไม่มีหยาด ก็เหมือนอกพระชนกชนนีนารถทั้งสององค์ กัณหาเจ้าพี่เอ่ยเราทั้งสองนี้จะจากกุฎีดงแดนพระหิมพานต์ จักเสวยทุกขทุเรศแรมร้างที่สำราญรมย์ เสียดายเอ่ยแต่พระอาศรมแสนศุโขฬาร ดังหนึ่งเทวสถานพิมานมาศ เสียดายเอ่ยเราเคยประพาศตามประสาไพร อิเมเต ชัม์พุกา รุก์ขา โน่นก็พฤกษาหว้าใหญ่ร่มชะชื้อชัฏ กิ่งก้านก็โบกโบยสบัดอยู่ไปมา โน่นก็โพพฤกษสาขาขนุนหนัง ทั้งคนทีสอสคร้อครั่งกระสังไทร ทุกสิ่งสรรพหมู่ไม้มีนี่ต่างต่าง ต้นก็สูงสล้างแลระรื่นร่ม เราทั้งสองเคยประพาศชมทุกเช้าเย็น อิเม ติฏ์ฐัน์ติ อารามา เสียดายเอ่ยแต่สวนสนามเล่นเหล่ารุกขชาติ ทรงผลผกามาศสารพันมี เสียดายเอ่ยแต่โบกขรณีที่เคยสรง เราพี่น้องสนานองค์อยู่อัตรา เสียดายเอ่ยแต่ภูผาพื้นพนมเนิน เราเคยขึ้นประพาศเพลินด้วยหมู่ไม้ ดูเรียบเรียงไสวดังชั้นฉัตร บ้างก็ทรงผลกำดัดสุกห่ามงามระย้าย้อย บ้างก็ชูช่อช้อยชื่นเสาวคนธ์ หอมลเวงวนาสณฑ์อยู่รวยริน เราพี่น้องเคยเก็บกินผลพฤกษา แล้วชวนกันเด็ดดวงผกามาแซมเกล้า ชหาม แต่นี้พี่น้องสองเราจักนิราศ จะละทุกถิ่นประพาศที่เคยชม ที่เคยเกษมสำราญรมย์จะเสื่อมแล้วนะเจ้าแก้วกัณหาเอ๋ย ตั้งแต่วันนี้นี่จะเสวยทุกขพิลาปอาบอัสสุชลไม่เว้นวาย อิเม โน หัต์ถิกา อัส์สา โน่นก็รูปสัตวทั้งหลายนี่ต่างต่าง คืออุศุภอาชาช้างชาติจตุบท พระบิตุรงค์ทรงปั้นให้หมดทุกสิ่งสรรพ์ เราพี่น้องเคยชวนกันมาอุ้มเล่น ชหาม แต่นี้ก็จะว่างเว้นทอดทิ้งไว้ที่กลางทราย จะไปด้วยเถ้าร่างร้ายรูปวิการ ไกลทุกสิ่งศุขสำราญนี้แล้วแล ๚

๏ เมื่อพระชาลีศรีสุริโยรส ทรงพระกำสรดกับแก้วกัณหา ส่วนเถ้าชราผุดลุกขึ้นได้ไม่เห็นสองกุมาร ตะแกก็แล่นลนลานกลับมาจับสองเจ้า แล้วผูกมัดข้อพระหัดถ์เข้าเหมือนดังก่อน โปเถน์โต พลางไล่ตีต้อนให้วิ่งไป

สงสารเอ่ย ด้วยสองดไนยหน่อขัติเยศ เจ้าทูลสั่งพระบิตุเรศอยู่แจ้วแจ้ว ว่าโอ้พระทูลกระหม่อมแก้วของลูกเอ่ย กะไรเลยมานิ่งได้ไม่เวทนา ให้พราหมณชรามันทำโพย ตั้งแต่ตีโบยลูกนี้บอบช้ำล้ำเหลือที่จะอดทน จนเนื้อหนังนี่จะเปื่อยป่นไปด้วยฝีไม้ จะทูลลาพระพ่อเจ้าไปสู่ผลกรรม ตามที่ลูกได้กระทำแต่ปุเรชาติ จะขอสั่งถึงพระมาตุโมฬี จงตรัสบอกว่าลูกทั้งสองนี้นิราศโรค ทั้งทุกข์ไภยพิบัติโศกไม่บีฑา พราหมณตะแกกรุณาเหมือนหนึ่งลูกหลาน เลี้ยงรักษาพยาบาลไปโดยดี อย่าให้พระแม่เจ้าโศกีถึงข้าพระบาท อนึ่งลูกรักจักนิราศจำไกล จะเปนตายประการใดนี่ก็ไม่ทราบเหตุ จะได้กลับมาทูลบทเรศนี้ก็ยากแล้ว สุขีภว พระทูลกระหม่อมแก้วจงเสวยศุข ปราศจากสรรพทุกข์เปนนิรันดร อนึ่งถ้าพระแม่ยังอาวรณ์ไม่วายสวาดิ จงประทานรูปมฤคชาติอันเปนเครื่องเล่น โสกํ ปฏีวิเนส์สติ พระชนนีได้เห็นก็จะเสื่อมโศก ซึ่งปิโยรสวิโยคเดือดดาล จงดูต่างภักตร์กระหม่อมฉานทั้งสององค์ อันบำราศบาทบงสุ์นี้แล้วแล ๚

๏ ภิก์ขเว ดูกรสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรสิกขา เมื่อสองกุมาราราชดไนย ทรงกรรแสงไห้พิไรทูลถึงพระชนนี ส่วนสมเด็จบรมขัติยาธิบดีทรงสดับสาร พระกมลรลุงลานร้อนเร่า ดังเพลิงกาลมาผลาญเผาสักพันดวง ให้อัดอั้นหวั่นทรวงอยู่ไหวหวาด ดุจกเรนทรราชเมามัน อันมิคินทรคาบคั้นขบไว้ ถ้ามิฉนั้นไซ้ดังนิสากรเทเวศร์ อันล่วงลุมุขประเทศอสุรินทราหูดูเวทนา มิอาจจะดำรงพระกายาอยู่ได้ พระอัสสุชลหลั่งไหลนองพระเนตร เสด็จประเวศในพระอาศรม ซบพระภักตร์ลงบรรธมทอดพระกาย ปริเทวยิ พลางกำสรดถึงสองสายสุดสวาดิ ว่าโอ้สองโอรสราชของพ่อเอ่ย ยามเย็นปานฉนี้ พระสุริยรังษีส่องลงรอนรอน เอนดูสองบังอรจะอยากผลาผล สังเวสนากาเล กาลนี้ก็เปนเวลามหาชนเข้าสู่เรือน ลูกเต้าจะตักเตือนกินกระยาหาร โอ้พระพ่อนี้สงสารเจ้าทั้งสองรา เมื่อยามอยากจะเข้าหาผู้ใดได้ โก เน ทัส์สติ โภชนํ เออก็ตัวของใครจะให้น้ำแลเข้าเจ้าทั้งสองเสวย ลูกรักเจ้าพ่อเอ่ย พราหมณชรามันพาไป มรรคานี้ยังไกลถึงหกสิบโยชน์ พ้นที่พระลูกจะแล่นโลดก็สุดแรง เจ้าก็ไม่สู้ขันแขงที่จะบทจร เออเมื่อพื้นพระบาทอ่อนเปนนวลนุ่มสุขุมไม่เคยเดิน กถํ คัจ์ฉัน์ติ เจ้าจะเสด็จดำเนินกระไรได้ ไม่มีฉลองพระบาทใส่บาทา จะบุกแฝกแหวกคาผ่าพง จะลำบากพระองค์เดินแต่บาทเปล่า ก็จะพุพองเปนหนองเน่าไม่มีดี จะดำรงพระอินทรีย์ที่ไหนได้ โก เน หัต์เถ คเหส์สติ เออก็จะมีผู้ใดมาช่วยพยุงจูงพระกรเจ้า ก็จะล้มอยู่แทบเท้าพฤฒาจารย์ อลัช์ชีวต พ๎ราห๎มโณ พราหมณ์นี้กะไรมาเหี้ยมหาญหยาบคาย ช่างไม่มีความลอายอดสู มาข่มเหงพระลูกกูผู้เนียรโทษ ตั้งแต่จะเกรี้ยวโกรธกระทำโพย สัม์มุขา ปหรํ มม แต่ต่อหน้ายังตีโบยถึงเพียงนี้ ลับหลังแล้วจะด่าตีอิกสักกี่เท่า เปสิโย เออแต่ชั้นทาษของเราต่อต่อออกไปถึงสี่ชั่ว ก็ยังมีผู้เกรงกลัวไม่หยาบหยาม เปนไฉนอ้ายพราหมณ์จึงมาดูถูก แกล้งกระทำข่มเหงลูกต่อหน้าพ่อ นี่เนื้อมันจะกวนก่อให้เสียศรัทธาทาน เออเมื่อกูข้องในข่ายพระโพธิญาณเยี่ยมจะลุแล้ว ฤๅจะมากลับให้คลาศแคล้วเคลื่อนคลา วาริชัส์เสว ดังบุรุษตีมัจฉาที่น่าไทร ปลาอันข้องอยู่ภายในก็รทดถอย เหมือนกูเห็นพระลูกน้อยน้อยต้องไภยพิบัติ ก็กลับท้อโทมนัศหน่ายในบุตตทาน พระสัพพัญญุตญาณก็จะพลอยสูญ เมื่อพระไทยเพิ่มภูลไปด้วยพระกรุณา ในสองกุมาราฉนี้ ก็น้อมลงสู่อกุศลวิถีทางมโนทุจริต คิดไปด้วยวิหิงสาพยาบาท ว่าการอะไรจะให้พราหมณผรุสชาติมันเบียดเบียนพระลูกรัก ขัค์คํ พัน์ธิต๎วา กูจะสอดสพักพระแสงขรรค์อันคมกล้า โดยเฉียงพระอังษาสำหรับองค์ พระหัดถ์เบื้องขวาก็จะทรงสรธนู ดูพิฦกสง่างาม จะแล่นไล่ติดตามไปให้ทันที จะแผลงผลาญทชีด้วยสราวุธ จะตัดศีศะให้ขาดหลุดลงด้วยคมขรรค์อันวิเศษ แล้วก็จะพาสองตรุณเรศคืนกุฎีดง เมื่อท้าวเธอทรงปริวิตกฉนี้ พระปัญญินทรีย์ญาณสัมปยุตผุดขึ้นในสันดาน ประหารหักอกุศลสังกิเลศ อนุส์สริ ก็ทรงรฦกกุศลเหตุแห่งพุทธังกูรประเพณี ว่าเยี่ยงอย่างหน่อพระชินสีห์แต่ก่อนมา มิได้สละทรัพยโภคาทารโอรส กับองค์แลชีวิตรปลิดปลดออกทำทาน จะลุพระโพธิญาณนั้นหามิได้ อันจะสำเร็จพุทธาภิไสมยก็เพราะปัญจมหาบริจาค ย่อมบำเพ็ญมามากทุก ๆ พระองค์ เอออาตมนี้ก็นับเข้าในพงษ์โพธิญาณแล้ว เมื่อพระไทยคืนผ่องแผ้วในบุตตทาน ก็ตรัสปริภาษนบรรหารแก่พระองค์เองฉนี้ ว่า โภ เวส์สัน์ตร ดูกรฤๅษีเวสสันดร เออก็แต่ก่อนท่านไม่รู้ฤๅว่าให้ทานลูกเปนทาษขาดไปแก่ผู้อื่นฉนั้น ย่อมจะเกิดทุกข์โศกศัลยสาหัส เมื่อให้เขาแล้วสิเคืองขัดคิดจะฆ่าพราหมณ์ เออทีนี้เห็นงามอยู่แล้วฤๅไร อันธรรมดาบัณฑิตย์ใดใดที่เชื่อผล เมื่อให้แล้วก็ไม่ดิ้นรนร้อนเร่า นี่กลับเอาทุกข์ของลูกเต้าเข้ามาใส่ตัว อัฏ์ฐานเมตํ เออวิตกอันนี้นี่ชั่วไม่ควรแก่ท่าน ปริภาสิต๎วา เมื่อตรัสปริภาษนาการพระองค์แล้ว ก็มีพระกมลผ่องแผ้วกระเษมสันต์ จึงทรงพระอธิษฐสมาทานมั่นในพระไทย ว่า อิโต ปัฏ์ฐาย แต่นี้ไปแม้มาตรว่าพฤฒาจารย์ จะฆ่าทั้งสองกุมารเสียให้วายชีวาตม์ อาตมก็มิได้ไหวหวาดเหมือนหนหลัง เมื่อพระสมาธิตั้งไม่จลาจล พิมพ์พระภักตร์บริมณฑลก็ผ่องใส จึงเสด็จครรไลจากพระบรรณศาลา สถิตย์เหนือปาสาณทิพอาศน์ กาญ์จนปติมาวิย งามดังรูปกาญจนามาศทั้งแท่ง อันบุคคลแกล้งหล่อแล้วมาประดิษฐานไว้ในน่ามุขพระอาศรม ตั้งแต่จะเชยชมบรมบุตตมหาทาน อยู่ในสถานที่นั้นแล ๚

สัจ์จํ กิเรวมาหํสุ ฯลฯ

กิน์นุ ตาต อุทิก์ขสีติ ๚

๏ ชูชโก ส่วนว่าเถ้าชูชกลามกชาติ เมื่อพาสองตรุณราชมาครานั้น เถ้าก็โบยรันมาต่อหน้าพระบิตุเรศ สงสารเอ่ย ด้วยพระชาลีศรีสุริเยศยอดขัติยวงษ์ทรงพระกรรแสงศัลย์ แล้วตรัสปรับทุกข์กันกับแก้วกัณหาชินานาฎ ว่า พระน้องเอ่ย เราทั้งสองนี้อนาถอนาถา สมเด็จพระบิดาก็ไม่โปรดเกษ ตั้งแต่ทนทุกขเทวศอยู่ด้วยฝีไม้ของทอาจารย์ ก็สมเหมือนปราชญ์แต่โบราณท่านกล่าวไว้ ว่า ยัส์ส นัต์ถิ สกา มาตา ทารกทั้งหลายใด ๆ ในโลกนี้ แม้มาตรว่าชนนีนั้นวอดวาย ประการหนึ่งฤๅว่าพลัดพรายไปจากกัน ฝ่ายว่าบุตรนั้นจะมีชีวิตรอยู่ก็ดูเหมือนดับสูญ เพราะหาผู้จะอนุกูลบมิได้ ก็เหมือนสองเราอันร้างไร้พระมารดร ไม่มีใครมาช่วยร้อนในครั้งนี้ กัณหาเจ้าพี่เอ่ย อันประเพณีผู้จะเปนทาษ ก็ชอบแต่เชื้อหินชาติต่ำช้า เหมือนอย่างเราเผ่ามหาสมมุติวงษ์ ไม่ควรเลยที่จะตกลงเปนทาษพราหมณ์ ให้มันล่วงหยาบหยามมาตีด่า จนเสียขัติยวงษาสุริยชาติ ทั้งนี้ก็เพราะพระบิตุราชท่านไม่โปรดเรา มายกให้แก่อ้ายเถ้าผู้ใจบาป ธเนสิโน อันโลภแสวงหาลาภมาถึงไพร มันโบยตีนี่อะไรเปนสาหัส เราพี่น้องสองกระษัตริย์สุดที่จะอดทน นัต์ถัต์โถ ชีวิเตน โน กัณหาพระน้องเอ่ย เราจะครองพระชนม์ประโยชน์อันใดเล่า มาชวนกันตายเสียเถิดนะเจ้าจะประเสริฐกว่า ดีกว่าอยู่เปนข้าของพฤฒาจารย์ อันต้องทุกขทรมานอยู่นี้แล ๚

๏ เมื่อสองกุมารตรัสปรับทุกข์กันฉนี้ ฝ่ายทชีตะแกก็ฉุดกระชากลากให้เดินไปตามมรรคา พอถึงที่หินผาศิลามาก เถ้าก็ก้าวชงากล้มผลุง เครือเขาสดุ้งหลุดจากข้อพระหัดถ์ สองกระษัตริย์เจ้าก็วางวิ่งมาหาพระบิดา พระสกลกายานี่กัมปนาท เล่ห์ประหนึ่งว่ากุกกุฏชาติอันบุคคลเอาไม้ไล่ประหาร ด้วยความกลัวพฤฒาจารย์จะมาจับตัว ส่วนออเถ้าผงกหัวลุกขึ้นได้ ตะแกก็วิ่งวางใหญ่มาเต็มแรง โกรธดังเพลิงถเกิงแสงสังหารกัป จับสองกุมารได้แล้ว เถ้าใจแกล้วก็ขู่ตวาด ว่าเหม่ออเจ้านี่ฉลาดเหลือใจ ล้มทีไรหนีทีนั้น เถ้าก็ผูกพันข้อพระหัดถ์รัดรึงทึ้งถูพระกุมารทั้งคู่ไปเฉภาะภักตร์พระบิดา

สงสารเอ่ย ด้วยแก้วกัณหาชินานาฎราชกุมารี เจ้าก็ทรงพระโศกีลห้อยไห้ น้ำพระอัสสุชลหลั่งไหลลงนองคลองพระไนยนา จึงผันพระภักตรามาทูลพระบิตุเรศ ว่าโอ้พระมิ่งมงกุฏเกษของลูกเอ๋ย กัณหาน้อยนี่ไม่เคยได้ตกยากจากพระชนกชนนี มาอยู่ในเนื้อมือทชีฉกาจฉกรรจ์ อยํ พ๎ราห๎มโณ พราหมณ์นี้กะไรมาหุนหันเกรี้ยวโกรธ แกล้งจองจำกระทำโทษนี้เปนล้นเกล้า มันตีด้วยไม้เท้าเหมือนตัวลูกจะขาด มันตีด้วยลดามาศเหมือนตัวลูกจะบั่น ลูกรักจักทานทนไปนั้นที่ไหนได้ ฆเร ชาตํว ทาสิยํ มันเคี่ยวเข็นนี่กะไรไม่ดูดี ดังหนึ่งว่าลูกทาษีเกิดกับกลางเรือน พระคุณของลูกเอ่ย พราหมณ์นี้ผิดเพื่อนพวกทิชาชาติ ใช่พราหมณผู้ทรงสาตรสรรพเพทา อันกอปรด้วยกรุณาแก่ฝูงสัตว นี่น้ำใจมันสาหัสพิโรธร้าย ชรอยอสุรแกล้งแปลงกายเปนทิชเพศ มาลวงฬ่อพระบิตุเรศให้ลุ่มหลง แล้วขอลูกทั้งสององค์จะเอาไปกัดกินสิ้นทั้งเลือดแลเนื้อ ไฉนพระพ่อจึงมาเชื่ออ้ายปิศาจไพร จะให้มันพาพระลูกไปกินเสียทั้งเปนเห็นอนิจอนาถ โอ้สมเด็จพระบิตุราชของลูกเอ๋ย กะไรเลยมาทอดพระเนตรได้ไม่ปรานี ลูกนี้ถวายอัญชลีเปนที่สุดอยู่แล้ว จะทูลลาพระทูลกระหม่อมแก้วเสียในครั้งเดียว แต่นี้จะไม่ได้เหลือบเหลียวมาสบพระเนตร นับวันแต่จะทุเรศแรมร้างพระบาทา ไปเปนทาษเถ้าชรานี้แล้วแล ๚

๏ กุมาริกาย วิลปิต๎วา ในเมื่อแก้วกัณหาทรงพระโศกาพิลาปกราบทูลฉนี้ ฝ่ายทชีก็เร่งตีต้อนสองบังอรให้รีบเดิน เจ้าก็วิ่งรหกรเหินไปตามทาง พลางพระกายสั่นพรั่นด้วยฝีไม้ ส่วนบรมไทธิบดินทร์ปิ่นบิตุเรศ ก็เสวยทุกขเทวศเปนกำลัง หทยวัต์ถุํ อุณ๎หํ จนดวงพระกมลไหม้ไปด้วยไฟโศกสุดที่รุ่มร้อน จะผ่อนอัศสาสปัศสาสก็คับคั่งไม่คล่องโดยคลองพระนาสา ค่อยขยับพระโอษฐอ้าออกหายพระไทย หยาดพระอัสสุชลหลั่งไหลลงเปนโลหิตติดคลองพระเนตร ดูนี่ก็สุดแสนเทวศในครานั้น จึงเอาพระปัญญาขันธ์มาข่มขู่ ว่า อิทํ ทุก์ขํ ทุกข์ทั้งนี้บังเกิดก็เพราะอาไศรยสิเนหจิตร คิดไปด้วยบุตตวิโยค วิโนเทต๎วา ท้าวเธอก็หยั่งพระญาณประหารโศกให้เสื่อมหาย ก็มีพระกมลสบายเบิกบาน เสด็จนิสินนาการรำงับพระอินทรีย์ เปนปรกติดีนี้แล้วแล ๚

อิเม โน ปาทุกา ทุก์ขา ฯลฯ

กุมารา มาตุคิท์ธิโนติ

๏ อุโภ กุมารา สงสารเอ่ย ด้วยสองศรีสุริยวงษ์วิสุทธิกระษัตริย์ เมื่อพราหมณรีบรัดเร่งให้เดิน โดยสถลแถวเถินทางทุเรศ เกือบจะถึงศิงขรประเทศทวารวงกฏ สงสารเอ่ย ด้วยพระเยาวยศยอดขัติยอนงค์ องค์กนิษฐนาฎราชธิดา เจ้าก็ปริเทวโหยหาลห้อยไห้พิไรทูลพระพี่ ว่า โอ้พระเชษฐาชาลีของน้องเอ๋ย เราพี่น้องนี้ไม่เคยลำบากองค์ มาบุกป่าผ่าพงพนัศแสนเทวศ อิเม โน ปาทุกา ทุก์ขา จนพื้นยุคลบทเรศนี่ก็รบุรบมตรมเปนหนองช้ำ สุดที่น้องจะเหยียบย่ำลงย่างได้ อนึ่งพระพาหาทั้งสองไซ้ก็เมื่อยมึน จะยอยกนี่ก็ไม่ขึ้นให้เคืองขัด ด้วยพราหมณมันรึงรัดถูลากกระชากฉุด ปิ้มประหนึ่งว่าจะลุ่ยหลุดออกจากตัว โอ้พระทูลหัวของน้องเอ๋ยสุดกำลังแล้ว ที่ไหนเลยพระน้องแก้วจะไปได้ ทีโฆ จัท์ธา สุทุก์ขโม ทั้งมรรคานี่ก็ยังไกลเดินก็ยาก ดูก็แสนลำบากที่จะบทจร นีเจ โวลัม์พเก สุริเย ทั้งพระสุริยรอน ๆ เร่งรถลดลงปลายไม้ ดูประหนึ่งว่าจะเกือบใกล้ถึงยอดเขา พราหมณก็เร่งเร้าให้รีบเดิน จะให้พ้นพนมเนินพนัศแสนกันดาร สุดที่น้องจะแล่นทยานไปตามมัน อนึ่งทั้งพระเศียรก็เวียนหวั่นอยู่วิงวิง เหมือนประหนึ่งว่าน้องจะทอดทิ้งพระองค์ลงบรรธม ให้หิวโหยกระหายนมเหนื่อยที่สุดแล้ว พระชาลีจึงปลอบว่าแก้วกัณหาเอ่ย อย่าท้อแท้พระไทยเลยฟังคำพี่ อุส่าห์จรลีเถิดนะแม่ จะเหลียวแลไปพึ่งใครในไพรสณฑ์ เห็นแต่หน้ากันสองคนเราพี่น้อง จะหาใครไปกว่าสองนี้ไม่มีเลย กัณหาพระน้องเอ่ย มาเราจะชวนกันชลีกร แก่แสนสุรเทพอมรทุกพิมานเมศ สั่งไว้ให้บอกเหตุถึงพระชนนี พระพี่น้องเจ้าก็ก้มเกษีประนมหัดถ์ตรัสประภาษ ว่า โภน์โต เทวสํฆาโย ข้าแต่ฝูงเทวราชสุราฤทธิ์ อันสิงสถิตย์พนัศพนมเนินเทินเขาทุกลำเนาไพร ย่อมอยู่รุกขพิมานไม้แลหย่อมหญ้าลดาวัลสรรพโอสถพิเศษ ทุกประเทศบึงบ่อท่อนทีธาร ห้วยลหานหุบเหวเปลวปล่องในห้องหิมวาศ กับทั้งเหล่าอุรุคราชสกูล ซึ่งเสวยศุขสมบูรณ์อยู่ทุกถิ่นท่ามหาสโรชสระสรง เทพท้าวทุก ๆ องค์จงโปรดเกษ ช่วยนำประพฤดิเหตุบอกพระมารดา ว่าเจ้าชาลีกัณหานิราศโรค แต่ต้องเสวยทุกขวิโยคจำไกล พราหมณมันพาไปโดยหนทางนี้ ถ้าพระแม่มัทรีทรงพระปรารภ จะติดตามมาให้พบพระลูกยา ก็เร่งเชิญเสด็จมาโดยทางน้อย พอจุรอยบทจรผู้เดียวเหลียวตรงตระหลอดพระอาศรม จะได้มาทันเชยชมพระลูกแก้ว แม้ว่าช้าก็จะคลาศแคล้วที่ทวารคิรี อโห วต เร ชฏินิ โอ้พระแม่ดาบศินีผู้ทรงชฎาเกษ ปานฉนี้จะประเวศวนาไลย เมื่อได้ผลไม้แล้วจะคืนอาศรมสำนักนิ์ จะไม่เห็นลูกรักทั้งสองรา จะเห็นแต่บรรณศาลาอันเปลี่ยวเปล่า ก็จะเกิดทุกขร้อนเร่ารลุงลาน อติเวลํ โอ้เวลานี้ก็นานกว่าแต่ก่อนก่อน ไฉนพระแม่มิใคร่จรมาจากไพร ฤๅว่าได้ผลไม้วันนี้มาก จะทรงนำมานั้นยากจึงเนิ่นช้า โอ้พระร่มเกล้าเกษาของลูกเอ่ย ยังไม่ทรงทราบเลยที่พิบัติเหตุ ว่าลูกทั้งสองนี้ทุเรศแรมร้างห่างธุลีบาท พราหมณฉกรรจ์กาจมาพาไป มันโบยรันนี่กะไรไม่รามือ ดังหนึ่งว่าตีโคกระบือก็ปานกัน พระคุณของลูกเอ๋ย แม้ว่าเสด็จกลับมาในสายัณห์ก็จะติดตาม เมื่อมาทันลูกกับพราหมณ์แล้วจะโศกเศร้า ด้วยเห็นทุกข์ของลูกเต้านี้เหลือทน อปัช์ช อัม์มํ ลูกรักทั้งสองคนก็จะได้พบภักตร์พระมารดา จะได้ถวายบังคมลาเสียในวันนี้ พระแม่มัทรีจะได้แบ่งมูลผลาหาร รคนด้วยมธุรศตระการอันโอชา เปนคำนันแก่เถ้าชราอย่าให้ทำโพย พราหมณอันหิวโหยแสบไส้ ก็จะหยุดกินผลไม้เปนกำลัง น พาฬ๎หํ ตรเยย์ย โน มันก็จะค่อยยับยั้งไม่สู้เร่งรัด เราพี่น้องสองกระษัตริย์ก็จะค่อยคลายใจ สุนา จ วต โน ปาทา อนิจาเอ่ย พราหมณช่างเร่งไม้ไม่เงือดงด เท้าทั้งสองจะจ้องจดก็เจ็บรบุรบม จนพุพองเปนหนองตรมปวดนี่จริงจริง สุดที่สองเราจะวางวิ่งไปให้ทันเถ้า

เต กุมารา ควรจะสงสารเอ่ย ด้วยสองยุพเยาวยอดกระษัตรา มาตุคิท์ธิโน ทรงพระกำหนัดเสนหาในพระชนนี วิลปึสุ ต่าง ๆ ก็แสนโศกีกรรแสงไห้ ฟังนี่ก็เย็นยะเยือกไปทั่ววนาเวศ เทพท้าวทุกประเทศห้องพระหิมวันต์ ต่าง ๆ ก็กำสรวญศัลย์แสนสังเวชจิตรพิศวง ด้วยสองศรีสุริยวงษ์ทรงกำสรดโศก ซึ่งเสวยทุกขวิโยคร้างไร้ไกลพระบิดามาตุราช ทุกสิงสัตวจัตุบททวิบาทในดงดอน ก็ชวนกันสยบสยอนแสยงเกล้าหนาวใจ ให้เย็นรย่อไปทุกกอไม้แลใบหญ้าลดาวัลสรรพพฤกษาสาร เสมือนหนึ่งมีจิตรวิญญาณรู้เศร้าสร้อย สงสารสองหน่อน้อยราชดไนย ไม่ไหวกิ่งติงใบดูนี่นิ่งแน่แลประหลาดหลากมหัศจรรย์ ปางเมื่อสองเจ้าโศกศัลย์แสนเทวศ ใกล้ศิงขรขอบเขตรทวารคิรี อิติ เมาะ อิมินา ปกาเรน ด้วยประการดังนี้แล ๚

กุมารปัพ์พํ นิฏ์ฐิตํ

ประดับด้วยพระคาถา ๑๐๑ พระคาถา

----------------------------

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ