โคลงสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์

สรวม แสดงพระเกียรติก้อง โกลา หลเฮย
สรวม เสด็จถวัลย์อยุธยา ยิ่งไซร้
สรวม เป็นปิ่นราชา จอมจักร พรรดิพ่อ
สรวม ชีพชุบชีพไว้ วอดแล้วคืนคง ฯ
พระ ทรงอิสรภาพเรื้อง เรืองฤทธิ์
พระ ดับเข็ญคือพิษ ณุไท้
พระ คุณอเนกนิตย์ นับร่ำ ไฉนนา
พระ บาทบำรุงให้ ฟ่องฟื้นศาสนา ฯ
ชำ นินรนาถตั้ง นามกร
นิ พัทธ์นิพนธ์กลกลอน กล่าวไว้
โว หารแห่งอักษร เสาวภาพ
หาร ยกพระยศไท้ ธิราชเจ้าจอมกรุง ฯ
ศรี มาเมืองมิ่งแก้ว เกษมศรี
ศรี สวัสดิ์สว่างใจตรี โลกย์ล้ำ
ศรี สุทธิพระศรีฉวี งามเปล่ง ปลั่งนา
ศรี โภคเพ็ญพ่างน้ำ สมุทรห้วงหากเสมอ ฯ
สิทธิ สมพรหเมศเรื้อง รังสฤษฎ์ พระนา
สิทธิ เกียรติกฤษณฤทธิ์ รุ่งเร้า
สิทธิ ธรรมทศพิธกิจ ประกอบ เนืองนา
สิทธิ จักรหักหั่นเกล้า หมู่ร้ายเสียบเศียร ฯ
ฤทธิ รงค์คงคู่ท้าว ทินกร
ฤทธิ ภาพปราบบูรบร บั่นม้วย
ฤทธิ ไกรเปรียบไกรสร สุรภาพ
ฤทธิ รุทธ์อุตดมด้วย เดชไท้ธำรง ฯ
ไช ยานุภาพล้ำ ฦๅไชย
ไชย ลาภลุหฤทัย ปิ่นเกล้า
ไชย ไชยเศิกกษัย เกษมราษ ฎรนา
ไชย ชำนะผ่านเผ้า ทั่วเที้ยรถวายไชย ฯ
ไกร เกรียงเสียงปากผู้ สรเสริญ
ไกร สาตรศัตรูเยิน ยอบเกล้า
ไกร เกียรติขจรเจริญ ยศยิ่ง
ไกร ดั่งไกรลาสเจ้า จบฟ้าดินขาม ฯ
กรุง ไกรใหญ่กว้างกว่า เวียงสวรรค์ โลกเฮย
กรุง นอกกรุงมาคัล คั่งเฝ้า
กรุง ย่อมบำนาญพรรณ แพรเพริศ ให้แฮ
กรุง เวียดนามนอบเกล้า ยอบเกล้ากลัวบุญ ฯ
๑๐ ฟุ้ง ธรรมทศพิธท้าว ธรรมดา
ฟุ้ง เกียรติก่อกรุณา สัตว์ไสร้
ฟุ้ง เฟื่องใฝ่มหา ปริจาค ท่านนา
ฟุ้ง กลิ่นกล่าวคือไท้ ธิราชสร้างศีลคุณ ฯ
๑๑ ฟ้า แจ่มเดือนแจ้งเจตร มาสา
ฟ้า ว่ายอดฟ้ามา ดับเศร้า
ฟ้า ฝนตกอัตรา เย็นไพร่ เมืองนา
ฟ้า ร่ำร้องเรียกเจ้า ผ่านฟ้ามาครอง ฯ
๑๒ ศรี ศรีสัมฤทธิ์ได้ กรุงศรี
สิทธิ เดชนฤบดีดี กว่ากี้
ฤทธิ หาญหักไพรี เร็วรวด
ไชย ชำนะนอกนี้ นับร้อยเรืองไชย ฯ
๑๓ ไกร เทพเทียบที่สร้าง พระมณ เฑียรฤๅ
กรุง ยิ่งกรุงเก่ายล หยาดฟ้า
ฟุ้ง เฟื่องวาณิชชน ชมชอบ ใจนา
ฟ้า กระจ่างแจ่มหล้า แหล่งหล้าเย็นเกษม ฯ
๑๔ ปางปิ่นนายกย้าย พลหาญ
เสด็จดำเนินไปผลาญ ละแวกเว้
ชาวกัมพุชบ่ทาน ทนเดช
เพื่อพระเป็นเอกเอ้ กัตวล้ำเฉลิมกรุง ฯ
๑๕ บารมีธรรมท่านได้ อบรม ไว้นา
กองกุศลส่ำสม มากแล้ว
จวนจักสำเร็จบรม อภิเษก สยามแฮ
มาดับอาดูรแผ้ว เผ่าพู้นนำกษัย ฯ
๑๖ ฝ่ายธนนคเรศร้อน รนทรวง
ปวงราษฎร์หญิงชายปวง คร่ำไห้
สมณะเดือดแดดวง จิตขุ่น
ศิกษ์เสื่อมเสียแหล่งไหล้ หลีกเร้นแรมพง ฯ
๑๗ เงียบเหงาเหย้าใหญ่รั้ว เรือนขุน นางเอย
เมียมิ่งหมดหม่อมคุณ ขุ่นข้อง
อุณห์อกราษฎร์ราวกุณฑ์ บังเกิด
เซ็งแซ่ซุบซิบพร้อง พร่ำพร้องติฉิน ฯ
๑๘ พระลานดาลเดือดฟุ้ง ไฟเข็ญ
เสียงหวีดกรีดกราดเห็น ห่อนได้
กลียุคอย่างจักเป็น ควันพลุ่ง แล้วเฮย
มาตรว่ามิตรฤาใกล้ กลับดั้นเดินหนี ฯ
๑๙ ฝูงชนกลัวโจทนั้น อุปมา
แม้นมฤคยั่นพยัคฆา คาบคั้น
เสียแหล่งละคฤหา หวังคลาด ภัยพ่อ
บางหมู่เมือมารคดั้น เถื่อนลี้หลบสกนธ์ ฯ
๒๐ เคหฐานปานป่าช้า เงียบเหงา
อึงแต่พวกพาลเมา หมู่ฟ้อง
จับมาเฆี่ยนขับเอา ทรัพย์สิ่ง สินนา
ผูกตรากลำบากต้อง โทษไง้เอาเงิน ฯ
๒๑ ดวงจันทราทิตย์ทั้ง ดารก
มัวมืดเมฆมาปก ปิดไว้
พิกลเกิดลามก ธุมเกตุ
อุบัติกาบาตไต้ ตกคว้างขวัญหาย ฯ
๒๒ เพรียงเมืองเคืองขุ่นแค้น คะนองมือ
เอะอะอาวุธถือ พรั่งพร้อม
สาดศรกำเพลิงพลือ พลางโห่ โหมแฮ
รายรอบรุ้งวังล้อม ลู่เข้าหักหาญ ฯ
๒๓ พระยายินศัพท์ซั้น สารถาม
เขาเบี่ยงบอกออกนาม นาถเต้า
ประหม่ามุขคือคราม ผิวผิด พู้นนา
ตาวตกตะลึงเศร้า สติสิ้นเสียกมล ฯ
๒๔ เสารวารสิบเอ็ดขึ้น ฉลูตรี
ศักราชพันร้อยมี เศษไซร้
สี่สิบกับสามปี สัมพัจฉร์ ฉินท์นา
ดาลยุคขุกเข็ญให้ ราษฎร์ร้อนขวัญหาย ฯ
๒๕ ภาคีไนยนรนาถเจ้า เสด็จดล
พักประชุมพลรณ ร่อนแกล้ว
แสวงเรื่องรหัสกล การต่อ ยุทธนา
รวมเร่งรังค่ายแล้ว ล่องป้อมปืนประจำ ฯ
๒๖ หลวงสรวิชิตเชื้อ ชาญสนาม
คุมไพร่พรานปืนสาม สิบถ้วน
เติมตั้งปีกกาตาม เทินแทบ สถลนา
รายรับรามลักษณ์ล้วน ทแกล้วทวยหาญ ฯ
๒๗ ต่างหมายต่างมาดสู้ สับสน กันนา
บางพวกกลัวกลับตน ตื่นเข้า
บางเหล่าลอบมองหน เห็นแน่ ชนะนา
เสียผิดพาพวกเต้า ต่างอ้างอาสา ฯ
๒๘ เสียงปืนสองฝ่ายโต้ ตอบกัน
ผืนแผ่นดินแดยัน ย่อนไสร้
บ่นานพวกพาลหัน เหพ่าย พังแฮ
สมเด็จภาคีไนยได้ เขตรแคว้นเมืองขวัญ ฯ
๒๙ หมื่นขุนคนยากพร้อม ใจจง
คอยเสด็จสมเด็จองค์ เอกไท้
หวังเป็นปิ่นบรมวงศ์ ถวัลย์ราช
ดับทุกข์ยุคเข็ญให้ เดือดร้อนโรยภัย ฯ
๓๐ ต่างคนละคึกไห้ โหยหา
สมเด็จมหินทรา ธิราชเจ้า
คือบุตรบ่นปรารถนา เห็นบิ ดรเอย
ลงมดถามผู้เถ้า เที่ยวให้โหรทาย ฯ
๓๐ เขาดูเขาว่าเข้า คิมหันต์
หึงอีกสักสามวัน เสด็จแล้ว
ฟังบอกแบ่งกระสัน เบาโศก น้อยนา
ครั้นว่านานวันแคล้ว คลาดช้ากลับตรอม ฯ
๓๒ นอนนั่งตั้งท่าทุกข์ เทวษถึง พระเอย
ตรับข่าวกล่าวกันอึง ออกอื้อ
เสด็จกลับประทับสทึง นายก นครนา
ยินก็เย็นใจชื้อ เฉกไท้เสด็จถึง ฯ
๓๓ เถลิงศกศักราชขึ้น ขลาจัต วาแฮ
กาฬปักษจิตรนักขัต ค่ำเก้า
วันเสาร์สิริสวัสดิ์ วรนาถ
ทวนทัพกลับคืนเข้า เขตรแคว้นธนสถาน ฯ
๓๔ เมิลหมู่พยู่ห์ย่อมเชื้อ ชาญสมร
แซ่แซ่แสนยากร คล่าวคล้อย
คล่ำคล่ำส่ำอัศวดร ดูเดช
คั่งคั่งคชนับร้อย เรื่อยผ้ายเพ็ญผลู ฯ
๓๕ ช้างเขนเขนคู่เคื้อ ควรแสยง
ช้างพชดชำนนแซง แทรกข้าง
ช้างดั้งพู่ทวนแดง เดินเหมื่อย มาพ่อ
ช้างกูบที่นั่งช้าง เครื่องเต้ามาตาม ฯ
๓๖ งามพลงามผู้มุ่ง เมือเมือง
งามสอดสักหลาดเหลือง แสดเสื้อ
งามใส่หมวกแดงเรือง ดูรุ่ง
งามแห่งามหอกเคื้อ คู่เคื้อคมงาม ฯ
๓๗ กองหลังลางหมู่เสื้อ สีเขมา
ลางส่ำสีแดงเพรา เพริศผ้า
โพกขลิบคำเงินเงา งามโอ่
แหนแห่ห้อมเจ้าหล้า ดิลกไท้ถวัลย์เมือง ฯ
๓๘ ชาวกรุงกรานกราบบ้าง บังคม
ทั่วทิศถวายไชยชม ชื่นหน้า
หมื่นขุนทั่วทุกกรม กราบบาท ยุคลนา
ขอพึ่งขอเป็นข้า ร่มเกล้าเย็นทรวง ฯ
๓๙ พละพลาสีรุ้งม่าน ทองถวาย
เสด็จประทับพลกาย ไพร่พร้อม
ทวยหาญทหารหาย หิวเรี่ยว แรงแฮ
ทุกหมู่มาตย์มาน้อม นอบเกล้ากลัวบุญ ฯ
๔๐ ผู้ผิดประทุษฐ์นั้น หนาวตัว
หวั่นหวั่นสั่นสยองกลัว โทษไท้
จำใจจำยิ้มหัว หวังเกลื่อน ความพ่อ
ทูลพิดเพิ่มใส่ไคล้ ล่อเลี้ยวหลายกล ฯ
๔๑ โองการสารมธุรท้าว ปฏิสัน ถารนา
กับหมู่มาตย์มาคัล ท่วนหน้า
เสด็จพระที่นั่งสุวรรณ์ นาเวศ
ฉากค่ามขึ้นฉนวนถ้า ประทับร้อนเรือนหลวง ฯ
๔๒ ผู้ผิดแท้ท่านให้ ลงทัณฑ์
โทษฆ่าจองไปฟัน เสียบเกล้า
น้อยโทษธผ่อนผัน ภาคโทษ ให้แฮ
ถอนแผ่นดินสิ้นเศร้า เสื่อมเสี้ยนรนามหนาม ฯ
๔๓ คือองค์หริรักษ์เรื้อง รามา ธิราชเฮย
ปราบอสุรพาลา เหล่าร้าย
เสด็จแสดงมหิทธิมหา สุรภาพ
มาเตรียกตรีภพผ้าย แผ่นฟ้าสาธุการ ฯ
๔๔ นิเวศนาวาศล้ำ อลงกรณ์
ถกลพุทธพิมพ์อมร กตแก้ว
ทรงนามศิริรัตน์บวร วิเศษศาส ดาแฮ
เป็นปิ่นหลักโลกย์แล้ว เลิศเบื้องบูชา ฯ
๔๕ พิมานพระเจ้านั่ง นิรมิต เหมือนนา
คำแผ่ภาพไพจิตร จัดตั้ง
ชั้นสิงห์สุรสถิต สถานครุฑ อัดเอย
ชุมฉัตรรายรอบกั้ง กิ่งแก้วกรถวาย ฯ
๔๖ พระระเบียงระเบียบห้อม ไพหาร
เรขเรื่องรามเอาวตาร แต่ต้น
มรฑปกุฎาคาร ทวัยสดูป
หอแห่งพระนาคพ้น แพ่งสร้างสบสรรพ์ ฯ
๔๗ หอระฆังควรคู่ฆ้อง ระฆังยาม
งามทรวดงามทรงงาม ยอดแก้ว
พรหมศรกาบทาบทาม ทวยทอด ระทวยแฮ
เสาประดับกระจกแพร้ว พร่างจ้าจับทอง ฯ
๔๘ มณเฑียรธรรมที่ร้อย ปิฎกกรอง ไว้นา
เทียรย่อมแปลสารสนอง นอบเต้า
คือโกศกรณฑ์รอง ธรรมศาสน์
เป็นที่บัณฑิตเจ้า ปราชญ์ครื้นครมเรียน ฯ
๔๙ เสร็จสร้างสมโภชไท้ ทานถวาย พระนา
สงฆ์สวดพุทธมนต์ราย รอบล้อม
อำนรรฆอำนวยบาย บิณฑบาต แล้วเฮย
ชุมหมู่มนตรีห้อม ส่งแหว้นเวียนเทียน ฯ
๕๐ แตรฝรั่งสังข์หวู่ซ้อง เสียงผสาน
พิณพาทย์ดนตรีมาน มี่ก้อง
ดุริยางค์คีตขับขาน กลอนกล่อม
เปียวปี่เป่าเพราะพร้อง แหบลิ้นลมหวาน ฯ
๕๑ มโหรสพทุกสิ่งเหล้น ฉลองพุทธ พิมพ์พ่อ
เล็งละครอนิรุท รุ่นร้อย
พิลาสพิไลสุด จักร่ำ รำนา
แต่งแง่งามอ่อนช้อย เฉิดชี้โฉมสวรรค์ ฯ
๕๒ หุ่นไทยประชันหุ่นงิ้ว จีนเขียน หน้านา
ญวนหกหัดโจนเจียน เหาะได้
หมุ่งครุ่มระเบงเวียน โพยแพ่น กลองแฮ
ลอดบ่วงหกคะเมนไม้ ลวดเลี้ยวหลีกกัน ฯ
๕๓ ชาตรีตีกรับครื้น เครงโทน
กลองเร่งซัดตัวโยน แยบฟ้อน
โรงโขนมี่หมู่โขน ขานพากย์ อยู่พ่อ
เหินเห็จหนุมานช้อน แท่นท้าวชมพู ฯ
๕๔ คู่มวยคาดหมัดเข้า คุมกัน
หลอนหลอกศอกโซมฟัน ไล่ซ้อม
ปิดปัดหมัดแรงรัน ทุบทุ่ม ถูกฮา
สิ้นฤทธิ์หอบเหนื่อยน้อม นอบเกล้าบังคม ฯ
๕๕ มัลลามล่ำข้อ แข็งขัน
สองปฏิยุทธ์ยัน แย่เท้า
สองเรียวรัดรึงพัน กลมกอด กันฮา
หลายกลับหลายกลิ้งเต้า ต่างขว้ำขวัญหาย ฯ
๕๖ กระบี่ต่อกระบี่รู้ รำถวาย
ต่างทำท่าทีกราย กรีดช้อย
จดผัดปัดไม้หมาย โจมฟาด กันนา
ลู่หลี่ตีเลือดย้อย หยดเที้ยรยังเถียง ฯ
๕๗ ดาบเขนขันคู่สู้ ดาบสอง มือนา
สองรี่รำกลมกลอง แขกครื้น
ขุนเขนกลอกเขนทอง ปะทะดาบ โดนแฮ
ดาบฟาดเขนฤาลื้น ไล่ดื้อดาบหนี ฯ
๕๘ เพลากัลปพฤกษทิ้ง ทานปราย
หญิงแต่ฝูงหญิงชาย ห่อนใกล้
ดำรวจรักษ์คอยราย ระวังแปลก ปลอมแฮ
ชายแต่พวกชายให้ ช่วงก้มชิงกัน ฯ
๕๙ ดับแสงสุริเยศดั้น ดลปฐม ยามเฮย
แสบกภาพพิศพึงชม เชิดเหล้น
คนพากย์พิเราะระดม กันรับ เพ้ยพ่อ
จำอวดอวดฤาเว้น ว่าให้คนเฮ ฯ
๖๐ ทรงสั่งจุดพุ่มแล้ว เพลิงกระถาง
ดูยะยงยนต์ราง วิ่งม้า
บันทัดปะทุผาง พลุพลุ่ง พะเนียงนา
ฝนซู่แสนทห่าส้า สรรพสิ้นพเยียมาลย์ ฯ
๖๑ มังกรโคมแข่งเลื้อย ควงลี ลาศแฮ
เลี้ยวไล่เล่ห์ยินดี กับแก้ว
ญวนโคมจุดอัคคี โคมแกว่ง กวัดนา
ขานขับเพลงญวนแล้ว แล่นเลี้ยวอลวน ฯ
๖๒ หนุ่มสาวชาวบ้านทั่ว มาทัศ นนา
ต่างแต่งตัดผมผัด ผ่องหน้า
ดูหนังหนุ่มหนุ่มนัด ไปพาด พิงแฮ
เถ้าแก่แม่น้าป้า ครอบคุ้มคอยระวัง ฯ
๖๓ หมู่ร้านแม่ค้าค่ำ คืนขาย
ของมลากหลายสิ่งราย เรียบไว้
มังสะมัศยาบาย บริโภค ก็มี
เขาต่อพ้อเพิดให้ ขู่ค้าคะรมแรง ฯ
๖๔ แสนสบายคลายคลี่หน้า นรชน
แสนสนุกทุกทางสถล เนื่องน้ำ
แสนแสวงแต่งตนตาม วัยวาส นานา
แสนเสน่ห์นฤเบศร์ล้ำ แหล่งหล้าสดุดี ฯ
๖๕ ทรงสรรค์สวนสร้อยอ่า อุยยาน
สระประทุมทิพมาลย์ มากไซร้
บรรพตแพ่งไพศาล ฟองก่อ กลนา
ดุจฉากช่างจีนไล้ เรขแต้มเตือนชม ฯ
๖๖ เชิงผาอัมพุดั้น เดินสูง มานา
ถึงกระหายหากจูง จิตรขึ้น
งามภาพพิศขุนยูง ยืนแผ่ หางเฮย
ไม้ดอกไม้ดัดสรดิ้น เทียบแกล้งแกล่ถวาย ฯ
๖๗ สวนซ้ายทรงปลูกต้น อัมพพฤกษ์
ภูมิภาคพิศพันลึก แหล่งเหล้น
มานมาบสระสินธุทึก อรอาบ องค์เอย
เริงรื่นรมย์ฤาเว้น ว่างหน้าอนงค์ใน ฯ
๖๘ เสียงสรวลทุกถิ่นถ้อ ขับขาน
คืนค่ำสุขสำราญ รื่นเหล้น
ทรนุกหนุ่มสาวสะคราญ เครียวใคร่ กันนา
รำร่ำร้องฤาเว้น ไปเว้นวันเกษม ฯ
๖๙ สมณพราหมณ์พฤฒิพร้อม มนตรี
อาราธน์ไทธิบดี ผ่านหล้า
ปราบดาภิเษกศรี สมบัติ เสวยเฮย
เป็นปิ่นปักไพร่ฟ้า ร่มกั้งเกศสกล ฯ
๗๐ ศุภวารวรฤกษ์ตั้ง การสยุม พรนา
อภิเษกสงฆ์ชุมนุม สวดพร้อม
ชีชาติทิชงค์ประชุม โอมอ่าน เวทแฮ
เครื่องกกุธภัณฑ์น้อม นอบเข้าทูลถวาย ฯ
๗๑ สังข์เสียงอุโฆษครื้น เครงพิณ
หรทึกทรไนนิน นาทก้อง
บัณเฑาะว์ประดังอินท เภริศ ระดมนา
เซ็งแซ่สารพาทย์ฆ้อง ปี่แก้วปโคมถวาย ฯ
๗๒ เสร็จงานอภิเษกซั้น ทรงปรา รภแฮ
ชีชอบชนบรรดา ทแกล้ว
บำเหน็จบำนาญนา นาเนก
สบสิ่งเสื้อแพรแพร้ว เพริศผ้าปูมตรวย ฯ
๗๓ ประทานทั่วมาตย์ผู้ ใจภักดิ์
เจียดมาศถาดจำหลัก ล่วมล้ำ
ปูนโดยอุดมศักดิ์ พระยาพระ หลวงนา
กฤชกระบี่ดาบด้ำ ฝักหุ้มทองประสาน ฯ
๗๔ โปรดเปรอไปรั้งทั่ว เมืองโท เอกเอย
กัมพชแพ่งเพียงโพ ธิสัตว์ตั้ง
ฝ่ายเหนือน่านสุโข ทัยแพร่ พร้อมนา
เบื้องต่ำจันทบูรทั้ง ตราดสิ้นสงขลา ฯ
๗๕ โองการสารสั่งสร้าง วังจันท์
ฟากฝ่ายบุรพทิศตระวัน ออกนี้
ตำหนักมาศมานพรรณ ไพโรจน์
หลายหมู่หลายมุขชี้ เฉกชั้นแมนสรวง ฯ
๗๖ พระไชยเทียบเทิดท้อง โรงธาร
พระที่นั่งกุฎาคาร แข่งฟ้า
ทิมคดคู่ควรสถาน สถิตทูต
พระปรัศว์เรือนใหม่หม้า มากล้ำเหลือไตร ฯ
๗๗ ที่นั่งเย็นยลล่งล้ำ ลมกระพือ พัดแฮ
เป็นที่สำราญฤา ว่างเว้น
พระลานเลี่ยนแลคือ หนังน่า กลองนา
ไม้ดัดสรรทรงเหล้น พุ่มแกล้งผจงเจียน ฯ
๗๘ หอปริตรวมพร้อมเครื่อง สาตรา คมแฮ
ชีชาติรามัญมา สวดซั้น
ห้องเครื่องมหาดเล็กอา ลักษณ์เรียด เรียงพ่อ
ทิมดำรวจหลังขั้น เขตรแคว้นคลังใน ฯ
๗๙ โรงแสงโรงสาตร์แพร้ว โพรงพราย
คลังหมวกคลังเสื้อหลาย หลากไว้
หอแก้วอิศวรนารายณ์ รังเรข
คลังเย็บศุภรัตได้ ฉีกย้อมไตรสงฆ์ ฯ
๘๐ โรงม้าขวาซ้ายช่าง ชาญเฉลา
ผูกอัศวพันเหาเพรา เพริศแพร้ว
โรงช้างผูกคชเนา เหนือแท่น จลุงแฮ
งามทรวดทรงยอดแก้ว กลุ่มชั้นบัวหงาย ฯ
๘๑ พระอินท์ไอยเรศช้าง เฉลิมขวัญ เมืองนา
ใช่เหตุหากบังพรรณ แม่ไว้
จอมภพผ่านไอศวรรย์ เสวยราชย์ รมย์แฮ
พระคชแสดงสีใกล้ เผือกแผ้วผิวสกนธ์ ฯ
๘๒ สุประดิษฐ์ดูพิศเพี้ยง ผลชม พูพ่อ
มาจวบสมสู่สม โพธิไท้
บรมนักขมโณดม อดูลเดช
เล็บครบยี่สิบได้ ชื่ออ้างอิศรพงษ์ ฯ
๘๓ ม้าผูกเลือกล้วนเผ่า ขัตติยวา ชีแฮ
ม้าล่อมารดรลา มล่นล้ำ
ม้าเผือกผ่องอาภา โอภาส
ลางส่ำสีผ่านน้ำ ก่านแก้วกะเลียวเหลือง ฯ
๘๔ ขึ้นระวางวันพุธม้า วิรุณรัศ มีแฮ
อีกชื่อชามพูมนัส แน่งน้อย
แดงสีใส่ชื่อปัท- มราช เร็วพ่อ
หงส์พิมานขี่คล้อย เคล่าคล้อยคลีดี ฯ
๘๕ คลังทองทุกสิ่งแก้ว โกฐา
คลังหิรัญเงินตรา เพียบพื้น
โรงใส่พระภูษา สรรพเครื่อง ทรงนา
โรงพระแสงปืนครื้น หัดซ้อมอยู่เสมอ ฯ
๘๖ ทิมดาบดำรวจทั้ง ทิมกรม วังนา
โรงราชยานอภิรมย์ เครื่องกั้ง
ทิมที่สำนักนิ์สมณ์ สถิต นั่งนา
มาลกลูกขุนยั้ง แล่งถ้อยความเมือง ฯ
๘๗ พระฉนวนเฉนียนท่าโสรจ สรงสนาน
แพดำหนักนฤมลมาน ช่อฟ้า
ดลเดือนศรัทกาล เกษมนาฏ นิกรนา
จันทร์แจ่มจอมเกศหล้า เสด็จแล้วลอยโคม ฯ
๘๘ เรือลอยเรือเลขล้วน ลายทอง
เรืออย่างเยียงผาผยอง เผ่นผ้าย
เรือเสือเช่นเสือคะนอง นึกน่า ดูแฮ
เรือดุรงค์รวดคล้าย มิ่งม้าแมนเหียน ฯ
๘๙ เรือแซเรือดั้งพู่ พันเหา
ศรีสอดสักหลาดเพรา เพริศจ้า
เรือโขนขัดงามเงา งอนแง่
เรือกระเชียงมอญหม้า ใหม่แต้มตะเลงลาย ฯ
๙๐ การวิกว่องหว้ายคู่ เคียงอิน ทรีแฮ
เรือกิเลนลอยสินธุ์ เสียดคล้อย
เรือหงส์พ่างหงส์บิน แบสลาบ เล่นนา
เรือกิ่งเรือไชยช้อย เชิดท้ายระทวยงาม ฯ
๙๑ เสร็จลอยประทีปเรื้อง ระทา ถวาย
พเยียมาศพลุพลือผกาย โด่งฟ้า
นกบินเห็จเหินหาย โหงตรวจ พะเนียงนา
เซ็งแซ่สาธุการจ้า ชื่นชี้ชมบุญ ฯ
๙๒ เมิลหมู่เรือแข่งข้าง พระฉนวน นั้นนา
เรือคู่หัดคอนควร แข่งเหล้น
เรือพายหมู่มากมวล มีชื่อ อยู่เอย
ชมรื่นชื่นฤาเว้น วิ่งโต้ตองปลิว ฯ
๙๓ เรือรบกุไหล่ร้า เคยรณ
เรือแง่อย่างญวนยล ยืดแกล้ว
เรือมาดมีดโกนกล กำบิด
ชำนะทั่วทิศแผ้ว แผ่นหล้าเหลือไตร ฯ
๙๔ ปืนรบลำหล่อล้อ กลเกวียน
รางแท่นปืนทองเจียร จัดไว้
หามแล่นหลักอาเกียรณ์ รายรอบ เรือนา
สำหรับรักษเวียงไท้ ทั่วด้าวแดนชเล ฯ
๙๕ ปราการก่ออิฐไล้ ปูนหิน
เห็นท่วยเห็นขวัญบิน บ่าไสร้
แปงป้อมคู่ศิขริน ราญศึก เห็นแฮ
ซุ้มทวารเวียงใช้ เฉกซุ้มเมืองสรวง ฯ
๙๖ สะพานช้างทางข้ามคช ครรไล เลียบแฮ
สถลมารคเชิงชวนใจ จักผ้าย
โรงร้านเรียดจีนไทย เทียรย่อม ครื้นพ่อ
ค้าเข็ดส่านเสื้อด้าย ม่านมุ้งมีเสมอ ฯ
๙๗ ร้านแพรแพรโล่แป้ง ปักเถา ก็มี
แพรเลี่ยนหลินซินเจา ดื่นจ้าน
ร้านแขกม่วงปูมเขา ขายมาก มีนา
บ้างก็ขายร่มร้าน เครื่องใช้ชินเห็น ฯ
๙๘ เทวฐานสถานที่ซุ้ม ศีวลึงค์ ก็มี
หอพิฆเนศวรสึง ปสิทธิไว้
ปราการประกิตขึง ขัณฑ์ขอบ รอบแฮ
สดมภ์ชิงช้าให้ ทวิชตั้งแขวนขดาน ฯ
๙๙ ศาลหลักนคเรศเสื้อ เมืองศาล
สรพราศพร้อมพระกาล กาจแกล้ว
ทรงเมืองธสิงสถาน สถิตเทียบ กันนา
เพรียงไพร่ไข้ทุกข์แผ้ว พาทย์ฟ้อนบวงสรวง ฯ
๑๐๐ บารมีมานมิ่งเนื้อ โบดก
ศรีเศวตวันจรก ดักได้
นำถวายแต่จอมดิลก โลเกศ วร-นา
ไท้ธบำนาญให้ ทรัพย์เสื้อเงินงาม ฯ
๑๐๑ โปรดไว้ในนิเวศเลี้ยง รักษา
รังสฤษฎ์สมญาพญา เผือกเนื้อ
ใครเห็นหากหรรษา ภิรมย์รัก มฤคแฮ
บ้างก็ชมว่าเชื้อ ชาติพ้องพุทธางกูร ฯ
๑๐๒ สำเภาเงินนาคแก้ว ชามพู นูทนา
ชมชื่ออำไพรู รื่นพร้อง
สำเภาราชสารดู ดั่งเทพ นิมิตแฮ
หูส่งทรงจิ้นก้อง ก่อไม้ตรีจีน ฯ
๑๐๓ กำปั่นปิตุเก็ดทั้ง ลันดา
คุมสิ่งสินค้ามา ไม่น้อย
เรือแบกต่วนปังกะหลา เกาะหมาก
นำเพชรนิลนับร้อย ชั่งเข้ามาถวาย ฯ
๑๐๔ สำเภาจีนจอดซ้อง สุดสาย เนตรนา
ศีรษะแดงเขียวหลาย เหล่าไซร้
สินค้าย่อมแพรพราย ไหมโหมด มากแฮ
เตียงตั่งเก้าอี้ไม้ ฉากม้วนมีขาย ฯ
๑๐๕ ชาวแพแพค้าเครื่อง ทองขาว
โคมปัดห้อยเรียงราว หมวกไว้
ตู้ฝรั่งร่มคังคาว ของมาก มีนา
พาณิชเย็นใจได้ เปลี่ยนซื้อปลดขาย ฯ
๑๐๖ วัดโพธิ์พันธุโพธิครั้ง พระผจญ มารพ่อ
โพธิ์ร่มอาสน์ทศพล อยู่เกล้า
ทรงพระศรัทธานนท์ หนุนพุทธ ศาสน์นา
จับก่อการอิฐเร้า เร่งล้ำเร็วเหลือ ฯ
๑๐๗ วิหารสี่ทิศทั้ง อุโบสถ
พระระเบียงหลั่นลด ย่อเลี้ยว
พิหารหากเห็นคด คือฉาก ช่างแฮ
มาลกดาบสเอี้ยว อัดพลิ้วแพลงกาย ฯ
๑๐๘ แสดงปดูปดิเรกเส้น เศษปัญจ วาแฮ
ดุจจักเย้ยวิชยันต์ เยี่ยมฟ้า
ด้านเบื้องระเบียงบัน รจเรข
เป็นที่ทวยทั่วหน้า เนื่องน้อมนิจกาล ฯ
๑๐๙ กุฏิสงฆ์ปลูกตั้ง เต็มสถาน
มหรรฆค่าฝากระดาน ใหม่หม้า
หอสวดดำนานมนต์ มาโนชญ์
ทรงพระปริจาคกล้า กลั่นสร้างแสวงบุญ ฯ
๑๑๐ วังบวรนิเวศสร้าง โสภณ
จัตุรมุขไพรชยนต์ เยี่ยมฟ้า
คือคู่พิมานมณ เฑียรเทพ สถานนา
เลื่อมเลื่อมหลั่งแสงจ้า แจ่มรุ้งรัศมี ฯ
๑๑๑ พระโรงธารที่ไท้ ทรงธรรม์ ก็มี
พระที่นั่งสุธาสวรรค์ ก่องแก้ว
ห้องเครื่องเนื่องคลังหิรัญ นิกขชาติ
โรงแพทย์สำพ่าห์แผ้ว โรคซั้นพลันหาย ฯ
๑๑๒ ทรงสร้างสิเนรุด้วย ฟองชล
แสดงดุจสัปดภัณฑ์ยล ยืดล้อม
เป็นที่โสรจสรงสกนธ์ วรราช ดนุชนา
พร้อมพระญาติวงศ์พร้อม ภิเษกน้ำอวยพร ฯ
๑๑๓ โรงโขนแข่งฟ้าเพริศ ไพศาล
งามฉากช่องวิมาน เมฆไม้
ปราสาทพละพลาทวาร หวังน่า ดูนา
พระราชดำริใช้ รอกกว้านแกว่นกล ฯ
๑๑๔ โรงช้างธผูกช้าง งางาม รูปแฮ
ที่นั่งทรงปืนสนาม สนุกครื้น
โรงสินธพผูกตาม ตำแหน่ง ม้านา
ถมอมารคเมิลมารคพื้น สะอ้านเอกเหลือ ฯ
๑๑๕ โรงพวกขอเฝ้าใฝ่ ฟังการ
โรงพิเศษคาวหวาน เครื่องเลี้ยง
โรงเรือร่อโรงงาน ดำรวจ พระนา
ฉนวนนาฏลงแพเพี้ยง ฉากกั้นกันเห็น ฯ
๑๑๖ ทรงเลี้ยงขุนทแกล้ว ไกรหาญ
พระอไภยสงครามชาญ เชี่ยวกล้า
หลวงไตรภพแรงราญ รณฤทธิ์ รุ่งแฮ
เสียบาปเบียนบรร้า รวดห้ำฤๅหือ ฯ
๑๑๗ พญาสัณฑมิตรแม้น มือสัณ ฑมิตรนา
สุรภาพผู้เดียวพัน หนึ่งสู้
พญาทศทั่วทิศจรัล รบบก เรือแฮ
กลเปรื่องปรีชารู้ รอบรู้การรงค์ ฯ
๑๑๘ พระแสดงพระเดชเลื้อง ฦๅจบ ทวีปแฮ
ทุกประเทศยินสยบ ยอบเกล้า
ชาญกลก่อการรบ ฤๅคาด ผิดนา
ชอบท่าทีเข้าเข้า หักเข้าเมืองเขา ฯ
๑๑๙ เสร็จกษิณเศิกเสี้ยนราบ โรมรณ
เพรียงไพร่ยั้งเย็นกมล ทั่วด้าว
ชีชาติทวิชาจล เจริญสุข เกษมนา
เพราะพระเกียรติยศท้าว ทวิไท้ธิบดินทร์ ฯ
๑๒๐ งามพุทธศาสน์เรื้อง รางชาง
งามเจิดเจดีย์ปรางค์ สรดื้น
งามสงฆ์ศึกษาทาง ปฏิบัติ ก็มี
งามเล่าเรียนมากครื้น เปรื่องรู้ปราชญ์รวย ฯ
๑๒๑ งามเจตรพระเจ้าก่อ การุญ สัตว์แฮ
งามยศเยียวจอมจุล จักรไท้
งามเบื้องบริบูรณ์บุญ ทานท่าน ทำนา
งามบ่มีโรคใกล้ เท่ห์ท้าวธรรมดา ฯ
๑๒๒ ถวายพรทุกผู้แซ่ สรเสริญ
ขอพระชนม์จงเจริญ เรื่องร้อย
อย่ามาพาธพันเอิญ เบียนบาท ยุคลนา
ใครคิดแหนงนาถน้อย หนึ่งให้เสียสกนธ์ ฯ
๑๒๓ ขอพรไตรรัตน์แก้ว อำนรรฆ์
เป็นที่ทวยอภิวันท์ นอบน้อม
ให้พระผ่านไอศวรรย์ เสวยสุข เสมอนา
ดับทุกข์โทษภัยพร้อม สิ่งร้ายมลายสูญ ฯ
๑๒๔ กรุงเกรียงไกรลาสเจ้า จอมปราณ
ชำนิโคฑวธาร แท่นไท้
ขอเชิญช่วยบันดาล ศิวเวท
ประสิทธิ์พระพรให้ เสื่อมสิ้นศัตรู ฯ
๑๒๕ เทเวนทร์วาสุเทพท้าว ผทมสินธุ์
อรอาสน์อุรัคคินทร์ ค่ำเช้า
ทรงสังข์จักราจิณ เจนหัตถ์ อยู่แฮ
หลับอย่าลืมละเจ้า ปิ่นไท้ไผทสยาม ฯ
๑๒๖ พระใดของห้าอิ่ม เอมภุญช์ นิจนา
นั้นธย่อมขี่ขุน ห่านผ้าย
ขอเชิญสุรเชษฐ์สุน ทรภาพ
มาอยู่บริรักษ์กล้าย อยู่เกล้าอย่าไกล ฯ
๑๒๗ ขอวรวาสพท้าว วชิรา วุธแฮ
พันเนตรภูวไนยตา สอดรู้
ใครคดคิดแหนงทา รุณต่อ ราชนา
เชิญช่วยสังหารผู้ คิดนั้นเลวลาญ ฯ
๑๒๘ พระสูรย์สางเสริดม้า แมนจรัล รวดแฮ
รี่รถกวัดกงผัน เผ่นด้าว
รำไพบพิตรพรรณ ไพโรจน์
ขอแบ่งโอภาสท้าว เพิ่มไท้ไผทไท ฯ
๑๒๙ ดวงโสมส่องฟ้าแจ่ม จรูญฉาย
เย็นเรื่อยรัศมีพราย เพริศพริ้ม
สรวมพรเพิ่มพูนถวาย ถวัลย์ราช สิริแฮ
ปวงราษฎร์เย็นใจยิ้ม ยิ่งแจ้งเย็นจันทร์ ฯ
๑๓๐ ขอพรพิฆเนศเกื้อ การไสย ศาสตร์แฮ
ดาลแนะนำดำไร เผือกผู้
มาเป็นชำนิใน นรนาถ
เสริมศักดิ์เจ้าช้างรู้ ทั่วแจ้งอัศจรรย์ ฯ
๑๓๑ ขอพรอารักษกั้ง กำภู ฉัตรเฮย
มาตรวจไตรแดดู ทั่วด้าว
ใครกรอกกล่าวทรหู เห็นผิด ภินนา
ใครซื่อตั้งต่อท้าว ชอบนั้นนำสนอง ฯ
๑๓๒ ขอพรพรุณศาสตร์ซ้อง สายฝน
เที้ยรทั่วภูวมณฑล เทศไท้
โดยเดือนฤดูดล ดาลตก
อย่ามากอย่าน้อยให้ เพียบน้ำพอนวล ฯ
๑๓๓ พระยศยอดเมรุเรื้อง ฤๅปาน
พระกมลไพศาล กว่าหล้า
เบญญากับพระญาณ ฦกเล่ห์ สมุทรแฮ
ชำนิโวหารข้า บาทพร้องพระคุณแสดง ฯ
๑๓๔ สุริยสูญโสมส่องม้วย เมืองสวรรค์ ก็ดี
เมรุมอดสัปดบริภัณฑ์ ทั่วทั้ง
สูญสิ้นแผ่นดินอรร ณพนาศ นาพ่อ
กลอนกล่าวโคลงนี้ตั้ง อยู่ไสร้อย่าสูญ ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ