เนื่องจากศัพท์บางคำมีหลายความหมาย การทำคำอธิบายศัพท์ในครั้งนี้จึงให้ความหมายเฉพาะที่ปรากฏในเรื่องโคลงสรรเสริญพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์เท่านั้น พร้อมทั้งได้ยกตัวอย่างประกอบและบอกลำดับที่ของบทโคลงไว้ในวงเล็บข้างท้าย
กรณฑ์ |
ภาชนะมีฝาปิด เช่น “คือโกศกรณฑ์รอง ธรรมศาสน์” (๔๘) |
กระเชียง |
กรรเชียง ไม้รูปคล้ายแจว มีหลักสำหรับพาดใช้เหนี่ยวพุ้ยน้ำให้เรือเดิน เช่น “เรือกระเชียงมอญหม้า ใหม่แต้มตะเลงลาย” (๘๙) |
กระสัน |
คะนึง คิดถึง เช่น “ฟังบอกแบ่งกระสัน เบาโศก น้อยนา” (๓๑) |
กล้าย |
ใกล้ ไม่ห่าง เช่น “มาอยู่บริรักษ์กล้าย อยู่เกล้าอย่าไกล” (๑๒๖) |
กว้าน |
เครื่องมือสำหรับฉุดดึงหรือยกของหนัก เช่น “พระราชดำริใช้ รอกกว้านแกว่นกล” (๑๑๓) |
กษัย |
การสิ้นไป หมดไป เสื่อมไป เช่น “มาดับอาดูรแผ้ว เผ่าพู้นนำกษัย” (๑๕) |
กะเลียว |
สีของม้าชนิดหนึ่ง เป็นสีเขียวอมดำ เช่น “ลางส่ำสีผ่านน้ำ ก่านแก้วกะเลียวเหลือง” (๘๓) |
กัมพุช |
เขมร หรือกัมพูชา เช่น “ชาวกัมพุชบ่ทาน ทนเดช” (๑๔) |
ก่าน |
สีกระดำกระด่าง เช่น “ลางสำสีผ่านนำ ก่านแก้วกะเลียวเหลือง” (๘๓) |
กาฬปักษ |
กาฬปักษ์ ฝ่ายดำ คือ ข้างแรม เช่น “กาฬปักษจิตรนักขัต ค่ำเก้า” (๙๓) |
กำบิด |
มีด เช่น “เรือมาดมีดโกนกล กำบิด” (๙๓) |
กำเพลิง |
ปืนไฟ (ข. กำเภฺลีง) เช่น “สาดศรกำเพลิงพลือ พลางโห่ โหมแฮ” (๒๒) |
กิเลน |
ชื่อสัตว์ในนิยายจีน หัวเป็นมังกร มีเขาอ่อน ๑ เขา ตัวเป็นกวาง เท้ามีกีบเหมือนม้า หางเป็นพวง เช่น “เรือกิเลนลอยสินธุ์ เสียดคล้อย” (๙๐) |
กุฎาคาร |
เรือนยอด เช่น “มรฑปกุฎาคาร ทวัยสดูป” (๔๖) |
กุณฑ์ |
หลุมไฟ เช่น “อุณห์อกราษฎร์ราวกุณฑ์ บังเกิด” (๑๗) |
กุไหล่ |
กุไล ชื่อเรือขุดชนิดหนึ่งเสริมข้างกระดาน มีรูปเพรียว หัวและท้ายแหลมสูง เช่น “เรือรบกุไหล่ร้า เคยรณ” (๙๓) |
กูบ |
ประทุนบนหลังช้าง เช่น “ช้างกูบที่นั่งช้าง เครื่องเต้ามาตาม” (๓๕) |
แกล่ |
ใกล้ เกือบ เช่น “ไม้ดอกไม้ดัดสรดื้น เทียบแกล้งแกล่ถวาย” (๖๖) |
แกว่น |
ว่องไว เช่น “พระราชดำริใช้ รอกกว้านแกว่นกล” (๑๑๓) |
ไกรสร |
ไกรศร แผลงมาจาก เกสรี หมายถึง ราชสีห์ที่มีขนสร้อยคอ เช่น “ฤทธิ ไกรเปรียบไกรสร สุรภาพ” (๖) |
คด |
สิ่งปลูกสร้างซึ่งมีสันฐานคดเป็นรูปคล้ายข้อศอก เช่น “ทิมคดคู่ควรสถาน สถิตทูต” (๗๖) |
ครรไล |
แผลงมาจาก ไคล ไป เช่น “สะพานช้างทางข้ามคช ครรไล เลียบแฮ” (๙๖) |
คราม |
ในที่นี้หมายถึงหน้าดำเป็นสีดั่งคราม เพราะความกลัว เช่น “ประหม่ามุขคือคราม ผิวผิด พู้นนา” (๒๓) |
คฤหา |
คฤห บ้าน เรือน เช่น “เสียแหล่งละคฤหา หวังคลาด ภัยพ่อ” (๑๙) |
คล่ำคล่ำ |
มากมาย เช่น “คล่ำคล่ำส่ำอัศวดร ดูเดช” (๓๔) |
คลี |
การเล่นแข่งขันอย่างหนึ่ง โดยผู้เล่นขี่ม้าตีลูกกลมด้วยไม้ เช่น “หงส์พิมานขี่คล้อย เคล่าคล้อยคลีดี” (๘๔) |
คว้าง |
อาการของสิ่งที่หมุนหรือลอยไปอย่างไม่มีจุดหมายหรือที่ยึดเหนี่ยว เช่น “อุบัติกาบาตไต้ ตกคว้างขวัญหาย” (๒๑) |
คอน |
อาการที่คนนั่งค่อนไปทางท้ายเรือ หรือหัวเรือคนเดียวแล้วพายไป เช่น “เรือคู่หัดคอนควร แบ่งเหล้น” (๙๒) |
คั้น |
จับไว้มั่น ไม่ปล่อยให้หลุด เช่น “แม้นมฤคยั่นพยัคฆา คาบคั้น” (๑๙) |
คัล |
เฝ้าอย่างเข้าเฝ้าเจ้านาย เช่น “กรุง นอกกรุงมาคัล คั่งเฝ้า” (๙) |
เครียว |
รีบไป รีบมา เช่น “ทรนุกหนุ่มสาวสะคราญ เครียวใคร่ กันนา” (๖๘) |
เคล่า |
ตัดศัพท์จาก เคล่าคล่อง หมายถึง ว่องไว รวดเร็ว เช่น “หงส์พิมานขี่คล้อย เคล่าคล้อยคลีดี” (๘๔) |
เคื้อ |
งาม ตัดศัพท์จาก อะเคื้อ เช่น “ช้างเขนเขนคู่เคื้อ ควรแสยง” (๓๕) |
จรก |
ผู้เดินไป ผู้เที่ยวไป วันจรก = วนจรก หมายถึง พรานป่า เช่น “ศรีเศวตวันจรก ดักได้” (๑๐๐) |
จรัล |
ไป เช่น “พญาทศทั่วทิศจรัล รบบก เรือแฮ” (๑๑๗) |
จลุง |
ตะลุง เสาสำหรับผูกช้าง เช่น “โรงช้างผูกคชเนา เหนือแท่น จลุงแฮ” (๘๐) |
จักราจิณ |
จักร + อาจิณ ผู้ถือจักรอยู่เสมอ คือ พระนารายณ์ เช่น “ทรงสังข์จักราจิณ เจนหัตถ์ อยู่แฮ” (๑๒๕) |
จันทราทิตย์ |
จันทร + อาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ เช่น “ดวงจันทราทิตย์ทั้ง ดารก” (๒๑) |
จำหลัก |
แกะให้เป็นลวดลาย เช่น “เจียดมาศถาดจำหลัก ล่วมล้ำ” (๗๓) |
จิ้นก้อง |
จิ้มก้อง การเจริญพระราชไมตรีด้วยเครื่องบรรณาการ เช่น “หูส่งทรงจิ้นก้อง ก่อไม้ตรีจีน” (๑๐๒) |
เจตร |
แผลงมาจาก จิตร เดือนที่พระจันทร์เสวยฤกษ์จิตรา เรียกว่า จิตรมาส คือเดือน ๕ ราวเดือนเมษายน เช่น “ฟ้า แจ่มเดือนแจ้งเจตร มาสา” (๑๑) |
ดั้ง |
ชื่อเรือในกระบวนแห่ เช่น “เรือแซเรือดั้งพู่ พันเหา” (๘๙) |
ดารก |
ดวงดาว เช่น “ดวงจันทราทิตย์ทั้ง ดารก” (๒๑) |
ดำรวจ |
แผลงมาจาก ตำรวจ หมายถึง ผู้ตรวจ เช่น “ดำรวจรักษ์คอยราย ระวังแปลก ปลอมแฮ” (๕๘) |
ดำไร |
ดำรี ช้าง เช่น “ดาลแนะนำดำไร เผือกผู้” (๑๓๐) |
ดื่น |
มากเกินปกติ เช่น “แพรเลี่ยนหลินซินเจา ดื่นจ้าน” (๙๗) |
ดุรงค์ |
ม้า เช่น “เรือดุรงค์รวดคล้าย มิ่งม้าแมนเหียน” (๘๘) |
ดุริยางค์คีต |
เครื่องดนตรี (ดุริย + องค์ + คีต) เช่น “ดุริยางค์คีตขับขาน กลอนกล่อม” (๕๐) |
แดยัน |
แทบขาดใจ เช่น “ผืนแผ่นดินแดยัน ย่อนไสร้” (๒๘) |
ทแกล้ว |
ผู้กล้าหาญ ทหาร เช่น “รายรับรามลักษณ์ล้วน ทแกล้วทวยหาญ” (๒๖) |
ทรนุก |
น่าจะมาจาก สรนุก สนุก เช่น “ทรนุกหนุ่มสาวสะคราญ เครียวใคร่ กันนา” (๖๘) |
ทรไน |
สรไน ปี่ไฉน เช่น “หรทึกทรไนนิน นาทก้อง” (๗๑) |
ทรหู |
ร้องดัง ดิ้นรนอยากรู้ เช่น “ใครกรอกกล่าวทรหู เห็นผิด ภินนา” (๑๓๑) |
ท่วย |
หมู่ เหล่า เช่น “เห็นท่วยเห็นขวัญบิน บ่าไสร้” (๙๕) |
ทวัย |
ทั้งสอง เช่น “มรฑปกุฎาคาร ทวัยสดูป” (๔๖) |
ทวิช |
ผู้เกิด ๒ ครั้ง ในที่นี้หมายถึง พราหมณ์ เช่น “สดมภ์ชิงช้าให้ ทวิชตั้งแขวนขดาน” (๙๘) |
ทศพล |
แปลว่าผู้มีกำลัง ๑๐ หมายถึง พระนามของพระพุทธเจ้า เช่น “โพธิ์ร่มอาสน์ทศพล อยู่เกล้า” (๑๐๖) |
ทิชงค์ |
ทิช + องค์ ผู้เกิด ๒ ครั้ง ในที่นี้หมายถึง พราหมณ์ เช่น “ชีชาติทิชงค์ประชุม โอมอ่าน เวทแฮ” (๗๐) |
ทิม |
ศาลาแถว หรือ ห้องแถวใช้เป็นที่พักหรือไว้ของในพระราชวัง เช่น “ทิมคดคู่ควรสถาน สถิตทูต” (๗๖) |
ทึก |
น้ำ เช่น “มานมาบสระสินธุทึก อรอาบ องค์เอย” (๖๗) |
เทเวนทร์ |
หัวหน้าเทวดา (เทว + อินทร์) เช่น “เทเวนทร์วาสุเทพท้าว ผทมสินธุ์” (๑๒๕) |
เทิน |
เนินดิน เช่น “เติมตั้งปีกกาตาม เทินแทบ สถลนา” (๒๖) |
เที้ยร |
ย่อม ล้วนแล้วไปด้วย เช่น “ไชย ชำนะผ่านเผ้า ทั่วเที้ยรถวายไชย” (๗) |
ไท้ |
ผู้เป็นใหญ่ เช่น “คอยเสด็จสมเด็จองค์ เอกไท้” (๒๙) |
บริรักษ์ |
ดูแล รักษา เช่น “มาอยู่บริรักษ์กล้าย อยู่เกล้าอย่าไกล” (๑๒๖) |
บัณเฑาะว์ |
กลองสองหน้าขนาดเล็ก มีหลักอยู่ด้านบน ผูกตุ้มห้อยลงมาทางหน้ากลอง ใช้ไกวให้ตุ้มแกว่งกระทบหน้ากลองทั้ง ๒ ข้าง เช่น “บัณเฑาะว์ประดังอินท เภริศ ระดมนา” (๗๑) |
บันทัด |
ประทัด ชื่อดอกไม้ไฟของจีน เช่น “บันทัดปะทุผาง พลุพลุ่ง พะเนียงนา” (๖๐) |
บาย |
ข้าว เช่น “มังสะมัศยาบาย บริโภค ก็มี” (๖๓) |
บำนาญ |
สิ่งตอบแทนความดีความชอบที่รับราชการหรือทำงานมาเป็นเวลานาน ในที่นี้หมายถึง ตอบแทนความจงรักภักดี เช่น “กรุง ย่อมบำนาญพรรณ แพรเพริศ ให้แฮ” (๙) |
บูร |
บุระ ป้อม เมือง เช่น “ฤทธิ ภาพปราบบูรบร บั่นม้วย” (๖) |
เบญญา |
ปัญญา เช่น “เบญญากับพระญาณ ฦกเล่ห์ สมุทรแฮ” (๑๓๓) |
เบียน |
รบกวน ทำให้เดือดร้อน เช่น “อย่ามาพาธพันเอิญ เบียนบาท ยุคลนา” (๑๒๒) |
โบดก |
ลูกสัตว์ เช่น “บารมีมานมิ่งเนื้อ โบดก” (๑๐๐) |
ปดูป |
สถูป เช่น “แสดงปดูปดิเรกเส้น เศษปัญจ วาแฮ” (๑๐๘) |
ปฏิยุทธ์ |
การสู้รบ เช่น “สองปฏิยุทธ์ยัน แย่เท้า” (๕๕) |
ประกิต |
ประกอบ ประดับ เช่น “ปราการประกิตขึง ขัณฑ์ขอบ รอบแฮ” (๙๘) |
ประทุษฐ์ |
ชั่ว ร้าย เช่น “ผู้ผิดประทุษฐ์นั้น หนาวตัว” (๔๐) |
ปรัศว์ |
เรือนหลวงซึ่งอยู่ขนานทั้ง ๒ ข้างของเรือนหลวงหรือพระที่นั่งซึ่งเป็นประธาน เช่น “พระปรัศว์เรือนใหม่หม้า มากล้ำเหลือไตร” (๗๖) |
ปสิทธิ |
ประสิทธิ ประสิทธิ์ ความสำเร็จ เช่น “หอพิฆเนศวรสึง ปสิทธิไว้” (๙๘) |
ปังกะหลา |
บังคลา หมายถึง แคว้นเบงกอล เช่น “เรือแบกต่วนปังกะหลา เกาะหมาก” (๑๐๓) |
ปัญจวา |
๕ วา ในที่นี้หมายถึง สถูปมีความสูง ๑ เส้น ๕ วา เช่น “แสดงปดูปดิเรกเส้น เศษปัญจ วาแฮ” (๑๐๘) |
ปัทมราช |
ปัทมราค พลอยสีแดง เช่น “แดงสีใส่ชื่อปัท- มราช เร็วพ่อ” (๘๔) |
ปิตุเก็ด |
ประเทศโปรตุเกส เช่น “กำปั่นปิตุเก็ดทั้ง ลันดา” (๑๐๓) |
ปูม |
ผ้าไหมชนิดหนึ่ง เช่น “ร้านแขกม่วงปูมเขา ขายมาก มีนา” (๙๗) |
เปียว |
เป่า เช่น “เปียวปี่เป่าเพราะพร้อง แหบลิ้นลมหวาน” (๕๐) |
พยู่ห์ |
พยุหะ กระบวนทัพ เช่น “เมิลหมู่พยู่ห์ย่อมเชื้อ ชาญสมร” (๓๔) |
พรหมศร |
ชื่อลายบัวเป็นกาบหุ้มโคนเสา เช่น “พรหมศรกาบทาบทาม ทวยทอด ระทวยแฮ” (๔๗) |
พรหเมศ |
พระพรหม (พรหม + อีศ) เช่น “สิทธิ สมพรหเมศเรื้อง รังสฤษฎ์ พระนา” (๕) |
พรุณศาสตร์ |
พิธีขอฝนมีพราหมณ์เป็นผู้กระทำพิธี เช่น “ขอพรพรุณศาสตร์ซ้อง สายฝน” (๑๓๒) |
พฤฒิ |
ความเจริญ มั่งคั่ง สมบูรณ์ เช่น “สมณพราหมณ์พฤฒิพร้อม มนตรี” (๖๙) |
พละพลา |
พลับพลา ที่ประทับชั่วคราวสำหรับรับรองพระเจ้าแผ่นดิน เช่น “ปราสาทพละพลาทวาร หวังน่า ดูนา” (๑๑๓) |
พลือ |
สว่าง เช่น “สาดศรกำเพลิงพลือ พลางโห่ โหมแฮ” (๒๒) |
พะเนียง |
ดอกไม้ไฟชนิดหนึ่ง ทำจากกระบอกไม้ไผ่ บรรจุดินจุด ใช้ตั้งจุดไฟให้ลุกเป็นช่องาม เช่น “บันทัดปะทุผาง พลุพลุ่ง พะเนียงนา” (๖๐) |
พันเหา |
พรรเหา มาก ยิ่ง เช่น “ผูกอัศวพันเหาเพรา เพริศแพร้ว” (๘๐) |
พันเอิญ |
เผอิญ เช่น “อย่ามาพาธพันเอิญ เบียนบาท ยุคลนา” (๑๒๒) |
พ่าง |
เหมือน เพียง เช่น “ศรี โภคเพ็ญพ่างน้ำ สมุทรห้วงหากเสมอ” (๔) |
พิลาสพิไล |
พิลาส (ฟ้อนรำ งามสดใส) + พิไล (งาม) การฟ้อนรำอย่างงดงาม เช่น “พิลาสพิไลสุด จักร่ำ รำนา” (๕๑) |
พิษณุ |
วิษณุ พระนารายณ์ เช่น “พระ ดับเข็ญคือพิษ ณุไท้” (๒) |
พุทธางกูร |
พุทธังกูร หน่อเนื้อพระพุทธเจ้า หมายถึง พระโพธิสัตว์ เช่น “บ้างก็ชมว่าเชื้อ ชาติพ้องพุทธางกูร” (๑๐๑) |
เพรียงเมือง |
ชาวเมือง เช่น “เพรียงเมืองเคืองขุ่นแค้น คะนองมือ” (๒๒) |
แพ่ง |
สร้าง เช่น “กัมพชแพ่งเพียงโพ ธิสัตว์ตั้ง” (๗๔) |
โพยแพ่น |
ตีลงด้วยกำลังแรง เช่น “หมุ่งครุ่มระเบงเวียน โพยแพ่น กลองแฮ” (๕๒) |
โพรงพราย |
แพรวพราย งามระยิบระยับ เช่น “โรงแสงโรงสาตร์แพร้ว โพรงพราย” (๗๙) |
ไพรี |
ข้าศึก เช่น “ฤทธิ หาญหักไพรี เร็วรวด” (๑๒) |
มรฑป |
มณฑป เรือนยอดรูปสี่เหลี่ยม เช่น “มรฑปกุฎาคาร ทวัยสดูป” (๘๖) |
มล่น |
วิ่งอย่างรวดเร็ว เช่น “ม้าล่อมารดรลา มล่นล้ำ” (๘๓) |
มลาก |
มาก เช่น “ของมลากหลายสิ่งราย เรียบไว้” (๖๓) |
มล่ำ |
ล่ำ เช่น “มัลลามล่ำข้อ แข็งขัน” (๕๕) |
มหรรฆค่า |
มหัคฆ มีค่ามาก เช่น “มหรรฆค่าฝากระดาน ใหม่หม้า” (๑๐๙) |
มหิทธิ |
มหา + อิทธิ มีฤทธิ์มาก เช่น “เสด็จแสดงมหิทธิมหา สุรภาพ” (๔๓) |
มังสะ |
เนื้อ เช่น “มังสะมัศยาบาย บริโภค ก็มี” (๖๓) |
มัลลา |
มัลละ นักมวย เช่น “มัลลามลำข้อ แข็งขัน” (๕๕) |
มาตรว่า |
แม้นว่า เช่น “มาตรว่ามิตรฤๅใกล้ กลับดั้นเดินหนี” (๑๘) |
มาน |
มี เช่น “พิณพาทย์ดนตรีมาน มี่ก้อง” (๕๐) |
มาบ |
พื้นที่ลุ่มกว้างใหญ่ซึ่งมีทางน้ำไหลอยู่เบื้องล่าง เช่น “มานมาบสระสินธุทึก อรอาบ องค์เอย” (๖๗) |
มาลก |
โรง ประรำ เช่น “มาลกดาบสเอี้ยว อัดพลิ้วแพลงกาย” (๑๐๗) |
มาสา |
มาส พระจันทร์ เดือน เจตรมาสา หมายถึง เดือน ๕ เช่น “ฟ้า แจ่มเดือนแจ้งเจตร มาสา” (๑๑) |
เมิล |
ดู เช่น “เมิลหมู่เรือแข่งข้าง พระฉนวน นั้นนา” (๙๒) |
เมือ |
ไป กลับ เช่น “บางหมู่เมือมารคดั้น เถื่อนลี้หลบสกนธ์” (๑๙) |
รหัส |
ความลับ เช่น “แสวงเรื่องรหัสกล การต่อ ยุทธนา” (๒๕) |
ร่อ |
ใกล้ เช่น “โรงเรือร่อโรงงาน ดำรวจ พระนา” (๑๑๕) |
ระทา |
เรือนรูปสี่เหลี่ยมสูงประดับด้วยดอกไม้ไฟสำหรับจุดในงานเมรุ เช่น “เสร็จลอยประทีปเรื้อง ระทา ถวาย” (๙๑) |
ระเบง |
ระเบ็ง การเล่นมหรสพของหลวงอย่างหนึ่ง เช่น “หมุ่งครุ่มระเบงเวียน โพยแพ่น กลองแฮ” (๕๒) |
รังเรข |
มีลวดลาย งดงาม เช่น “หอแก้วอิศวรนารายณ์ รังเรข” (๗๙) |
รังสฤษฎ์ |
สร้าง แต่งตั้ง เช่น “สิทธิ สมพรหเมศเรื่อง รังสฤษฎ์ พระนา” (๕) |
รางชาง |
สวย งาม เช่น “งามพุทธศาสน์เรื้อง รางชาง” (๑๒๐) |
เรข |
เรขา เขียน เช่น “เรขเรืองรามเอาวตาร แต่ต้น” (๔๖) |
เรียด |
เรียงเป็นแถว เช่น “โรงร้านเรียดจีนไทย เทียรย่อม ครื้นพ่อ” (๙๖) |
เรื้อง |
โด่งดัง กระเดื่อง เช่น “พระ ทรงอิสรภาพเรื้อง เรืองฤทธิ์” (๒) |
โรงธาร |
ท้องพระโรง เช่น “พระไชยเทียบเทิดท้อง โรงธาร” (๗๖) |
สกนธ์ |
ร่างกาย เช่น “บางหมู่เมือมารคดั้น เถื่อนลี้หลบสกนธ์” (๑๙) |
สดูป |
สถูป สิ่งก่อสร้างสำหรับบรรจุของควรบูชาอย่างเช่นกระดูกของบุคคลที่ควรนับถือ เช่น “มรฑปกุฎาคาร ทวัยสดูป” (๔๖) |
สทึง |
สรทึง ฉทึง แม่น้ำ เช่น “เสด็จกลับประทับสทึง นายก นครนา” (๓๒) |
สยุมพร |
ในที่นี้หมายถึง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก เช่น “ศุภวารวรฤกษ์ตั้ง การสยุม พรนา” (๗๐) |
สรดื้น |
สรดื่น มากมาย เกลื่อนกลาด เช่น “ไม้ดอกไม้ดัดสรดื้น เทียบแกล้งแกล่ถวาย” (๖๖) |
สรวม |
ขอ เช่น “สรวม แสดงพระเกียรติก้อง โกลา หลเฮย” (๑) |
สลาบ |
ปีกของนก ขนนก เช่น “เรือหงส์พ่างหงส์บิน แบสลาบ เล่นนา” (๙๐) |
สัปดภัณฑ์ |
สัตบริภัณฑ์ หมู่เขาที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุรวม ๗ ชั้น คือ ยุคนธร อิสินธร กรวิก สุทัส เนมินธร วินตกะ และอัสกัณ เช่น “แสดงดุจสัปดภัณฑ์ยล ยืดล้อม” (๑๑๒) |
สัมพัจฉร์ |
สัมพัจฉรณินท์ พิธีตรุษ พิธีสิ้นปี เช่น “สี่สิบกับสามปี สัมพัจฉร์ ฉินท์นา” (๒๔) |
สัมฤทธิ |
สัมฤทธิ์ ความสำเร็จ เช่น “ศรี ศรีสัมฤทธิได้ กรุงศรี” (๑๒) |
ส่าน |
ผ้าขนสัตว์โบราณ เช่น “ค้าเข็ดส่านเสื้อด้าย ม่านมุ้งมีเสมอ” (๙๖) |
ส่ำ |
หมู่ เหล่า เช่น “คล่ำคล่ำส่ำอัศวดร ดูเดช” (๓๔) |
สึง |
อยู่ ประจำ เช่น “หอพิฆเนศวรสึง ปสิทธิไว้” (๙๘) |
สุรภาพ |
อำนาจของเทวดา เช่น “ฤทธิ ไกรเปรียบไกรสร สุรภาพ” (๖) |
เสริด |
หลีกหนี เช่น “พระสูรย์สางเสริดม้า แมนจรัล รวดแฮ” (๑๒๘) |
เสาวภาพ |
สุภาพ ละมุนละม่อม เช่น “โว หารแห่งอักษร เสาวภาพ” (๓) |
แสนยากร |
กองทัพ เช่น “แซ่แซ่แสนยากร คล่าวคล้อย” (๓๔) |
แสบก |
หนัง ในที่นี้หมายถึงหนังใหญ่ เช่น “แสบกภาพพิศพึงชม เชิดเหล้น” (๕๙) |
โสรจ |
อาบ ชำระ มักใช้คู่กับ “สรง” เป็น “โสรจสรง” เช่น “พระฉนวนเฉนียนท่าโสรจ สรงสนาน” (๘๗) |
หมุ่งครุ่ม |
โมงครุ่ม การเล่นมหรสพอย่างหนึ่งในงานหลวง เช่น “หมุ่งครุ่มระเบงเวียน โพยแพ่น กลองแฮ” (๕๒) |
หม้า |
งาม เช่น “เรือกระเชียงมอญหม้า ใหม่แต้มตะเลงลาย” (๘๙) |
หรทึก |
มโหระทึก กลองโลหะชนิดหนึ่งใช้ตีเป็นสัญญาณและประโคม เช่น “หรทึกทรไนนิน นาทก้อง” (๗๑) |
หริรักษ์ |
พระนารายณ์ เช่น “คือองค์หริรักษ์เรื้อง รามา ธิราชเฮย” (๔๓) |
หลิน |
แพรจีน มีหลายชนิด เช่น “แพรเลี่ยนหลินซินเจา ดื่นจ้าน” (๙๗) |
หึง |
นาน เช่น “หึงอีกสักสามวัน เสด็จแล้ว” (๓๑) |
เหมื่อย |
เรื่อยๆ เช่น “ช้างดั้งพู่ทวนแดง เดินเหมื่อย มาพ่อ” (๓๕) |
เหย้า |
บ้าน เรือน เช่น “เงียบเหงาเหย้าใหญ่รั้ว เรือนขุน นางเอย” (๑๗) |
เหียน |
หัน เช่น “เรือดุรงค์รวดคล้าย มิ่งม้าแมนเหียน” (๘๘) |
แหว้น |
แว่น เครื่องสำหรับติดเทียนเพื่อใช้เวียนในการทำขวัญต่างๆ เป็นรูปแบน ทำด้วยเงิน ทอง หรือทองเหลือง เช่น “ชุมหมู่มนตรีห้อม ส่งแหว้นเวียนเทียน” (๔๙) |
โหมด |
ชื่อผ้าชนิดหนึ่ง เดิมทำด้วยกระดาษทองตัดเป็นเส้นแล้วทอกับไหม ต่อมาใช้กระดาษเงินกระดาษทองพันเส้นไหมทอกับไหมสี เช่น “สินค้าย่อมแพรพราย ไหมโหมด มากแฮ” (๑๐๔) |
อัมพพฤกษ์ |
ต้นมะม่วง เช่น “สวนซ้ายทรงปลูกต้น อัมพพฤกษ์” (๖๗) |
อัมพู |
น้ำ เช่น “เชิงผาอัมพูดั้น เดินสูง มานา” (๖๖) |
อาสน์ |
เครื่องปูรองนั่งสำหรับภิกษุสามเณร เช่น “โพธิ์ร่มอาสน์ทศพล อยู่เกล้า” (๑๐๖) |
อำนรรม |
อนรรฆ มีค่าเกินกว่าจะประมาณราคาได้ เช่น “อำนรรฆอำนวยบาย บิณฑบาต แล้วเฮย” (๔๙) |
อุณห์ |
ร้อน เช่น “อุณห์อกราษฎร์ราวกุณฑ์ บังเกิด” (๑๗) |
อุยยาน |
อุทยาน สวนอันรื่นรมย์ เช่น “ทรงสรรค์สวนสร้อยอ่า อุยยาน” (๖๕) |
อุรัคคินทร์ |
อุรเคนทร์ พญานาค เช่น “อรอาสน์อุรัคคินทร์ ค่ำเช้า” (๑๒๕) |
เอ้กัตว |
เอกัตว ความเป็นหนึ่งเดียว เช่น “เพื่อพระเป็นเอกเอ้ กัตวล้ำเฉลิมกรุง” (๑๔) |
เอาวตาร |
การแบ่งภาคลงมาเกิดในโลก แผลงมาจาก อวตาร เช่น “เรขเรื่องรามเอาวตาร แต่ต้น” (๔๖) |