คุณค่าทางวรรณศิลป์
โคลงสรรเสริญพระเกียรติฯ นอกจากมีเนื้อหาโดยรวมเพื่อสรรเสริญพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแล้ว การใช้ภาษาที่สละสลวยในการบรรยายความงามที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่อง นับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมให้วรรณกรรมเรื่องนี้มีคุณค่าทางด้านวรรณศิลป์มากยิ่งขึ้น เช่น ในบทชมทัพสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกคราวเสด็จมายังกรุงธนบุรีเมื่อวันเสาร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีขาล นั้น ผู้ประพันธ์บรรยายให้เห็นถึงความงามของเครื่องแต่งกาย ตลอดจนความงามของช้างม้าในกระบวนทัพด้วยการเล่นคำทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ดังเนื้อความในโคลงว่า
เถลิงศกศักราชขึ้น | ขลาจัต วาแฮ |
กาฬปักษจิตรนักขัต | ค่ำเก้า |
วันเสาร์สิริสวัสดิ์ | วรนาถ |
ทวนทัพกลับคืนเข้า | เขตรแคว้นธนสถาน ฯ |
เมิลหมู่พยู่ห์ย่อมเชื้อ | ชาญสมร |
แซ่แซ่แสนยากร | คล่าวคล้อย |
คล่ำคล่ำส่ำอัศวดร | ดูเดช |
คั่งคั่งคชนับร้อย | เรื่อยผ้ายเพ็ญผลู ฯ |
ช้างเขนเขนคู่เคื้อ | ควรแสยง |
ช้างพชดชำนนแซง | แทรกข้าง |
ช้างดั้งพู่ทวนแดง | เดินเหมื่อย มาพ่อ |
ช้างกูบที่นั่งช้าง | เครื่องเต้ามาตาม ฯ |
สมุดไทยทั้ง ๒ เล่มกล่าวถึงกระบวนทัพสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเมื่อคราวเสด็จมายังกรุงธนบุรีว่า
ระดูแขเจดเข้า | คิมหันต์ |
เถลิงศกกาลปักขัน | นพเก้า |
ฉนำขาลจัตวาวัน | เสาเรศ |
เสดจเลิกพลคืนเต้า | สู่ด้าวดลสถาน ฯ |
เสดจโดยสถลมารรค์เข้า | เวียงทวาร |
เปื้องฝ่ายบูรรพาสถาน | ทิศไซ้ |
ดูดุจหยาดสวรรค์ปาน | ลงสู่ ดินนา |
ตอหลักฤามานได้ | ยากเบื้องบทศรี ฯ |
ทวยหารแหนแห่หน้า | หลงงตาม |
สบหมู่ชาญสงคราม | ฮึกห้าว |
พลหลวงดั่งพลราม | รอนราพ |
โจมจู่สยองทุกด้าว | เดชล้ำฦๅขจร ฯ |
นุ่งแพรศรีสอดเสื้อ | เศิกแสยง |
โพกทับทิมศรีแสง | ไพร่นั้น |
มงคลสักระหลาดแดง | สพักเครื่อง |
เถือกถ่องเปนทิวชั้น | แห่ห้อมกรรกง ฯ |
(สมุดไทยเลขที่ ๑๘๐)
ความตอนที่กล่าวถึงกระบวนทัพของเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกนี้ สมุดไทยทั้ง ๒ เล่มจะเน็นการบรรยายรูปแบบของการจัดกระบวนทัพ แต่ไม่เน้นการเล่นคำสัมผัสสระสัมผัสอักษรมากนัก นอกจากความงามในบทชมทัพเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกแล้ว ยังมีความงามของกระบวนเรือที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในงานแห่ผ้าพระกฐิน ซึ่งโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการทั้งหลายมีส่วนร่วมโดยการประดับตกแต่งเรือทำเป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ เพื่อเข้าร่วมกระบวนแห่ แล้วโปรดฯ ให้นำผ้าไตรพระกฐิน และผ้าไตรปีที่จะพระราชทานลงในเรือกิ่งและเรือเอกไชย ความในโคลงสรรเสริญพระเกียรติ ฯ มีว่า
เรือลอยเรือเลขล้วน | ลายทอง |
เรืออย่างเยียงผาผยอง | เผ่นผ้าย |
เรือเสือเช่นเสือคะนอง | นึกน่า ดูแฮ |
เรือดุรงค์รวดคล้าย | มิ่งม้าแมนเหียน ฯ |
เรือแซเรือดั้งพู่ | พันเหา |
ศรีสอดสักหลาดเพรา | เพริศจ้า |
เรือโขนขัดงามเงา | งอนแง่ |
เรือกระเชียงมอญหม้า | ใหม่แต้มตะเลงลาย ฯ |
การวิกว่องหว้ายคู่ | เคียงอิน ทรีแฮ |
เรือกิเลนลอยสินธุ์ | เสียดคล้อย |
เรือหงส์พ่างหงส์บิน | แบสลาบ เล่นนา |
เรือกิ่งเรือไชยช้อย | เชิดท้ายระทวยงาม ฯ |
เกี่ยวกับเรื่องกระบวนเรือแห่ผ้าพระกฐินนี้ไม่มีกล่าวไว้ในสมุดไทยทั้ง ๒ เล่ม แต่พระราชพงศาวดาร ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ระบุว่ามีทั้งเรือที่ประดิษฐ์เป็นรูปสัตว์น้ำและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ซึ่งภายในประดับตกแต่งด้วยเครื่องเล่นนาๆ ชนิด
“ ..โปรดให้แห่ผ้าไตรยพระกถินที่จะพระราชทาน แลผ้าไตรยปีลงเรือกึ่งเรือเอกไชยกระบวนแห่พยุหเรือ แล้วเกณฑ์พระราชวงษานุวงษ แลขุนนางข้าราชการทำเรือแห่ต่างๆ ตามแต่ปัญญา ผู้ใดจะทำเปนจรเข้บ้าง เปนหอยบ้าง เปนปลาบ้าง เปนสัตว์น้ำต่าง ๆ แล้วมีเครื่องเล่นไปในเรือนั้นด้วย แห่รอบพระนคร แล้วจึงได้เสด็จพระราชทานผ้าพระกถิน ตามธรรมเนียมเปนเอิกเกริกครั้งหนึ่ง...”
จะเห็นว่าการแห่ผ้าพระกฐินทางชลมารคในครั้งนั้นจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กระบวนเรือแห่ที่โคลงสรรเสริญพระเกียรติฯ กล่าวถึงล้วนประดิษฐ์เป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น เรือเยียงผา (เลียงผา) เรือเสือ เรือดุรงค์ (ม้า) เรือกิเลน เรือหงส์ เป็นต้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเรือที่ประดิษฐ์เป็นรูปสัตว์บกซึ่งโคลงสรรเสริญพระเกียรติฯ กล่าวถึงนี้ ความในพระราชพงศาวดารมิได้ระบุไว้