พิธีทำการศพ

ตามปรกติราษฎรชาวบ้านที่มีเคหะสถานมั่นคง หรือคหบดีตลอดจนถึงผู้มีบันดาศักดิ์ในวงศ์ตระกูลของชนชาวพื้นเมือง ถ้าถึงแก่กรรมลง ในหมู่่วงศาคณาญาติแลผู้ที่คุ้นเคยของผู้ตายต้องมาช่วยกันล้างศพด้วยน้ำอุ่นให้สอาด เพื่อแสดงว่าผู้ที่ตายนั้นเปนอันหมดมลทินโทษ ไม่มีห่วงข้องกังวลในสิ่งใด ๆ ทั้งหมดแล้วเอาด้ายทำเปนบ่วงมัดตีนมัดมือ เพื่อแสดงว่าผู้ที่ตายยังตกอยู่ในบ่วงสงสารแลบ่วงตัณหา เสร็จแล้วเอาศพนั้นนอนคอย คือนอนหงายให้ศีร์ษะนั้นตรงไปหาทางตวันตก แล้วต่อหีบหรือโลงใส่เพื่อมิให้เปนที่รังเกียจแก่ผู้อื่น การที่จะนำศพไปเผาหรือฝังต้องไปเมื่อเวลาผีตกป่า (คือเวลาเที่ยงแล้วไปจนพลบค่ำ) ต้องนำไปเผาหรือฝังที่ป่าช้า (เรียกว่าส่งสะการะผีตาย) เมื่อพาศพไปนั้นมีพระนำจูงไปส่งถึงที่ฝังหรือเผา หมายความกันว่าให้พระจูงส่งไปสู่สุคติภพ ถ้าไปส่งสะการะผีผิดเวลา เขาถือกันว่าเปนการอัปมงคลแก่หมู่ญาติผู้ที่ยังอยู่ ถ้าเปนวันอังคารเขาถือกันเปนเด็ดขาดไม่ให้เอาศพไปเผาหรือไปฝัง (เรียกว่าถูกแก้วเก้ากองเปนวันที่ห้าม) ถ้าขืนเอาไปจะเกิดความเดือดร้อนให้ทุกข์โทษแก่วงศาคณาญาติ การที่จะไปส่งสะการะผีต้องจัดหาน้ำหอมน้ำมะพร้าวไปด้วย เพื่อรดอาบศพอีกครั้งหนึ่ง เมื่อนำลงเรือนไปแล้ว บันไดที่นำผีลงนั้นต้องหันกลับ เขาหมายความว่า ถ้าผีจะมาแล้วขึ้นเรือนไม่ได้หลงบันได แลมีเข้าตอกให้คนนำหน้าหว่านโรยไปด้วยจนตลอดถึงที่ฝังหรือเผา เขาหมายความว่า คนที่ตายไปนั้นดุจเข้าตอกไม่มีทางที่จะกลับงอกมาได้ เหมือนคนที่ตายไปแล้วไม่มีทางที่จะกลับเปนมาอีกได้ แลมีธงอีก ๔ ธงถือไปปัก (ธงนี้เพื่อเปนการบูชาพระภูมิ์เจ้าที่ทั้ง ๔ ทิศ) เมื่อศพไปถึงที่เผาหรือฝังนั้น บันดาญาติก็เอาน้ำหอมหรือน้ำมะพร้าวไปรดอาบดังที่กล่าวแล้ว ต่อไปจะฝังหรือเผาแล้วแต่ศพนั้น ๆ

ว่าด้วยบ้านผู้ตาย

ส่วนที่บ้านของผู้ตายนั้นตั้งแต่วันที่ตายไป ตอนกลางคืนมีผู้คนที่รู้จักรักใคร่แลวงศาคณาญาติ พร้อมทั้งเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงมางันกันเรียกว่างันเรือนดี (คือคนมาประชุมช่วยพร้อมกัน) การที่กระทำเช่นนี้เขากล่าวกันว่า การล้มตายเช่นนี้ย่อมเปนที่โศกสลดใจแก่วงศาคณาญาติแลครอบครัว ผู้ที่รู้จักรักใคร่นับถือแลเพื่อนบ้านใกล้เคียงต้องมาช่วยกันทำการรื่นเริงเกรียวกราวเฮฮา แทนที่จะช่วยโศกเศร้าสลด เพราะรู้อยู่แล้วว่าครอบครัววงศาคณาญาติของผู้ตาย ย่อมมีความเศร้าโศกสลดเปนธรรมดา ก็ไม่ควรจะช่วยเพิ่มเติมให้ความเศร้าโศกสลดนั้นทวีมากขึ้น ต้องช่วยกันทำความรื่นเริงเกรียวกราวเฮฮา เพื่อเจ้าของบ้านจะได้ลืมความโศกเศร้าสลดนั้น หญิงสาวชายหนุ่มก็มาพูดหยอกเย้ากันในงารนี้ ผู้ที่เป่าแคนเปนก็เอาแคนมาเข้าเล่นหมอลำ พวกที่อ่านหนังสือเปนก็หาหนังสือเรื่องคำกลอนโบราณมาอ่าน เช่นเรื่องสังข์ศิลป์ไชย เรื่องการะเกษ เหล่านี้เปนต้น แลมีการเล่นอีกหลายอย่าง เช่นหมากหาบ (หมากแยก) เสือกินหมู (เสือกินวัว) หมากเกิ้งตะเวน (เสือตกถัง) หมากแก้งขี้ช้าง (ทอดไม้) พวกของเล่นเหล่านี้มีชอบเล่นอยู่ในพวกหญิงสาวชายหนุ่ม ถ้าใครแพ้ชนะกันมักมีทุบตีหยอกเย้ากันในหมู่คณะหญิงสาวชายหนุ่ม ถ้าคนที่มีอายุแล้วหันไปฟังหนังสือที่เขาอ่าน การงันเรือนดีชนิดนี้นับตั้งแต่วันที่ตายไปบางทีมีจนถึงวันนำศพไปเผาหรือฝัง ถ้าเปนผู้มีตระกูลเชื้อวงศ์มีบันดาศักดิ์ อย่างมากงันกันตั้งเดือนอย่างน้อยก็ ๓ วัน ๕ วัน ๗ วัน ตามฐานานุรูปของคนพื้นเมือง เมื่อนำศพไปเผาหรือฝังเสร็จแล้ว กลับมาต้องทำบุญเรือนสวดมนต์เย็น ๓ วัน รุ่งขึ้นฉันเช้า ในระหว่าง ๓ วันที่สวดมนต์นั้น มีงันเรือนดีเหมือนกัน เมื่อพระฉันเช้าเสร็จแล้ว เปนเสร็จการศพผีเท่านี้

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ