ตำนานภาษีฝิ่น

ตั้งเมื่อปีกุญ พ.ศ. ๒๓๙๔

หนังสือเจ้าพระยาจักรีมาถึงผู้ว่าราชการเมือง

ด้วยหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ ทำเรื่องราวมายื่นแก่เจ้าพนักงาน ขอได้นำขึ้นกราบบังคมทูลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทว่า แต่ก่อนห้ามปรามมิให้ผู้ใด ซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝื่น ถ้าผู้ใดมิฟังจับได้ให้ปรับไหมแล้วลงพระราชอาญาผู้ซึ่งลอบลัก ซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น ลูกค้าไทย ลูกค้าจีน ก็ลับลอบซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น ก็มีอยู่เปนอันมาก แลผู้ซึ่งลักลอบซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น นั้นเปนพวกจีนมากกว่าภาษาอื่นๆ หลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร จะขอรับพระราชทานเปนเจ้าภาษี หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติเปนผู้เข้าส่วนทำภาษีฝิ่น ซื้อขายกันสูบแต่ตามพวกจีนซึ่งอยู่ในกรุงเทพ ฯ แลหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือ พวกไทย แลมอญ ลาว เขมร แขก ญวน พม่า หวาย พราหมณ์ พุทธเกตเดิมจะไม่ขายให้ ถ้าแลไทย มอญ ลาว เขมร แขก พม่า ทวาย ญวน พราหมณ์ ฝรั่ง พุทธเกตเดิม เปนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินซึ่งห้ามไม่ให้สูบฝิ่น กินฝิ่น จะจ้างวานจีนให้ไปซื้อฝิ่นที่โรงภาษีไปกินไปสูบชำระได้ความจริงเปนสัจแล้ว ขอให้เอาโทษเสียให้เข็ดหลาบ เจ้าภาษีจะขอซื้อขอขายเอง ทำภาษีทูลเกล้า ฯ ถวายในแขวงกรุงเทพ ฯ และหัวเมือง ปีหนึ่งเปนเงินขึ้นเจ้าจำนวนในพระบรมมหาราชวัง ๑,๘๐๐ ชั่ง ขึ้นในพระบวรราชวัง ๑๐๐ ชั่ง ขึ้นต่างกรม ๑๐๐ ชั่ง เข้ากันเปนเงินภาษีปีละ ๒,๐๐๐ ชั่ง ทำภาษีครบปีมีกำไรจะบวกภาษีทูลเกล้า ฯ ถวายขึ้นอีก

เจ้าพนักงานได้พาเอาเรื่องราวปรึกษา สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ วรุตมพงศนายก สยามดิลกโลกานุปาลนาถ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ นรเนตรนาถราชสุริวงศ์ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ มหินทรมหากัลยาณมิตร และลูกขุนณศาลาแล้วกราบทูลกรมสมเด็จพระเดชาดิศร กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ กรมพระพิทักษ์เทเวศ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท พิเคราะห์ดูความในเรื่องราวเห็นพร้อมกันว่า ฝิ่นเปนของชั่ว ผู้ใดสูบฝิ่นกินฝิ่นติดแล้ว ให้เกิดโทษในสันดานกระทำการทุจริตต่าง ๆ สมเด็จพระมหากษัตราธิราชเจ้าแต่ปางก่อน มีพระราชบัญญัติห้ามปรามก็หลายแผ่นดินมาแล้ว ผู้ซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่น ก็มิได้ทดถอยน้อยลง ไทยจีนซึ่งเปนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินก็พากันสูบฝิ่น กินฝิ่น มากขึ้นทุก ๆ แผ่นดินจนฝิ่นแผ่พ่านไปทุกบ้านทุกเมือง ไทยจีนที่เปนคนซื้อฝิ่น ขายฝิ่น ก็ลอบลักเอาเงินตราไปซื้อฝิ่นเข้ามา จนเงินในบ้านในเมืองร่อยหรอน้อยไปทุกที ซึ่งหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร จะขอรับเปนเจ้าภาษี หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ เปนผู้เข้าส่วนทำภาษีฝิ่น จะแบ่งเบิกทางซื้อขายกันแต่ตามพวกจีน จะมิได้ขายให้แก่ไทย และมอญ ลาว เขมร แขก ญวน พม่า ทวาย พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม ซึ่งเปนไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินอยู่ในพระราชอาณาเขตร์เปนทแกล้วทหารสำหรับที่จะได้สู้รบข้าศึกศัตรูนั้นก็ชอบอยู่ กับประการหนึ่งเงินตราในบ้านเมืองซึ่งไทยจีนลักลอบเอาออกไปซื้อฝิ่นเงินออกไปเสียนอกประเทศปีหนึ่ง ๆ ก็มีเปนอันมาก ฝิ่นมีภาษีขึ้นแล้วเจ้าภาษีเอาสินค้าแลกผ่านกัน เงินตราในบ้านในเมืองก็จะได้คงอยู่มีข้อความในเรื่องราวและคำปรึกษาเปนหลายประการ

เจ้าพนักงานจึงนำเอาเรื่องราวและคำปรึกษา พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดีผู้ใหญ่ ลูกขุนณศาลา ขึ้นกราบบังคมทูลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแล้ว มีพระบรมราชโองการตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า ซึ่งหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ ทำเรื่องราวยื่นแก่เจ้าพนักงาน จะขอรับทำภาษีฝิ่นตั้งโรงกงสีซื้อขายกันแต่พวกจีน พระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดีผู้ใหญ่ ปรึกษาเห็นพร้อมกันว่า จะไม่เกี่ยวข้อง เปนโทษกับแผ่นดินแล้ว ก็ให้ตั้งหลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร เปนเจ้าภาษีฝิ่นไปตามเรื่องราวและคำปรึกษานั้นเถิด เจ้าพนักงานได้เรียกเอานายประกันไว้มั่นคง สมควรแก่เงินภาษีของหลวงอยู่แล้ว จึงตั้งให้หลวงเสน่ห์วาณิช หลวงอนุรักษ์วาณิช ขุนศรีสมบัติ ขุนเทพอากร เปนเจ้าภาษี หลวงพิทักษ์ทศกร ขุนวิเศษภักดี ขุนทิพสมบัติ เปนผู้เข้าส่วนเข้ารับทำภาษีฝิ่น ตั้งแต่ณวันเดือนปีขึ้นค่ำ ๑ ปีกุญตรีนิศกสืบไป

ให้เจ้าภาษีส่งเงินภาษีแก่เจ้าจำนวน ๔ งวด ๆ เดือน ๔ งวดหนึ่ง เงิน ๕๐๐ ชั่ง งวดเดือน ๗ งวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง งวดเดือน ๑๐ งวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง งวดเดือนอ้ายงวดหนึ่งเงิน ๕๐๐ ชั่ง ถ้าปีใดเปนอธิกมาสก็ให้บวกเงินภาษีขึ้นอีกเดือนหนึ่งเงิน ๑๖๖ ชั่ง ๑๓ ตำลึง ๑ บาท ให้เจ้าภาษีส่งเงินภาษีของหลวงให้ครบจงทุกงวดทุกปี อย่าให้เงินภาษีของหลวงขาดค้างล่วงงวดล่วงปีไปแต่จำนวนหนึ่งได้ ถ้าทำภาษีครบปีมีกำไร ก็ให้บวกภาษีทูลเกล้า ฯ ถวายขึ้นอีก และภาษีฝิ่นแรกมีเปนการใหญ่ต้องลงทุนรอนมาก อย่าให้ผู้ใดชิงแย่งเอาภาษีไปทำใน ๓ ปี ให้เจ้าภาษีตั้งโรงกงสีซื้อขายเอง ควรแก่ราคาจะซื้อขายกัน ห้ามอย่าให้เจ้าภาษีขายฝิ่นให้กับไทย มอญ ลาว เขมร ญวน พม่า ทวาย แขก พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิมเปนอันขาดทีเดียว ถ้าเจ้าภาษีลักลอบขายฝิ่นให้กับไทย มอญ ลาว เขมร ญวน พม่า หวาย แขก พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม มีผู้มาว่ากล่าวพิจารณาเปนสัจ จะเอาตัวเจ้าภาษีเปนโทษตามกฎหมาย

ถ้าพวกไทย มอญ ลาว เขมร พม่า ทวาย แขก ญวน พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม จะจ้างวานจีนผู้ใดไปซื้อฝิ่นที่โรงภาษีมาสูบ จับได้พิจารณาเปนสัจ จะเอาตัวจีนผู้ไปซื้อฝิ่นเปนโทษจงหนัก ตัวผู้จ้างจีนให้ไปซื้อฝิ่นนั้น จะกระทำโทษตามพระราชบัญญัติหมายประกาศห้าม

อนึ่งถ้าผู้ใดลอบลักเอาฝิ่นไปขายที่บ้านเรือนของตัว และเข้าแอบแฝงซื้อขายที่บ้านขุนนางและวังเจ้าต่างกรมหากรมมิได้ เจ้าภาษีสืบจับได้ ให้เจ้าภาษีริบเอาฝิ่นเสีย แล้วให้เจ้าภาษีเอาตัวจำไว้ณโรงภาษีให้เข็ดหลาบ ถ้าจะมีผู้รับสินบนนำเจ้าภาษีไปจับฝิ่น ถ้าจับฝิ่นมาได้ เจ้าของฝิ่นจะต่อสู้เถียงว่า ผู้นำจับและพวกเจ้าภาษีเอาฝิ่นไปใส่ไว้ แล้วแกล้งพาลพาโลจับโดยสาเหตุต่าง ๆ ก็จะให้ตระลาการไปสืบพยานรังวัดเพื่อนบ้าน ถ้าพยานเบิกความว่า คนที่จับฝิ่นเปนคมซื้อฝิ่น ขายฝิ่น สูบฝิ่นแล้ว ให้เจ้าภาษีปรับไหมเอาตัวทำโทษจำไว้กว่าจะเข็ดหลาบ ถ้าพยานเบิกความว่าเปนคนตี ไม่เปนคนซื้อฝิ่น ขายฝิ่น กินฝิ่น สูบฝิ่น จะเอาโทษปรับไหมผู้นำจับให้กับผู้ที่ต้องจับเสมอโทษลักลอบขายฝิ่น

ประการหนึ่งเจ้าภาษีจะต้องจ้างเรือและคน ให้ไปลาดตระเวนในท้องทะเลข้างฝั่งตวันตกตวันออก พบปะเรือเล็กมีแต่เงินตราเงินเหรียญออกไป ไม่มีหนังสือเบิกล่องไม่มีหนังสือนามเมือง และเงินมากกว่าหนังสือเบิกล่องหนังสือนามเมืองเกินกำหนด ที่จะไปซื้อสินค้าผิดประหลาด ก็ให้กองตระเวนจับเปนเรือเอาเงินไปซื้อฝิ่น เอาตัวไปส่งต่อเจ้าพนักงานให้ชำระตามสัจตามธรรม ชำระได้ความจริงว่าเอาเงินไปซื้อฝิ่นแล้ว ก็ให้ปรับไหมเอาเงินในลำซึ่งจับให้เปนบำเหน็จแก่ผู้จับ ตัวจีนเจ้าของเงินนั้นให้ปล่อยเสีย ถ้าจับได้ฝิ่นในลำมากน้อยเท่าใดก็ให้กองตระเวนเอาฝิ่นมาส่งกับเจ้าภาษี ให้เจ้าภาษีคิดราคาฝิ่นให้เปนบำเหน็จแก่ผู้จับ ตัวเจ้าของฝิ่นนั้นให้เจ้าภาษีจำไว้ใช้การงานให้เข็ดหลาบ อย่าให้ผู้ใดล้กลอบเอาเงินไปซื้อฝิ่นเข้ามาได้

ประการหนึ่งเจ๊สัวเจ้าภาษีและขุนนาง แต่งสลุบกำปั่น สำเภาเรือปากใต้ไปค้าขายเมืองต่างประเทศ จะซื้อฝิ่นเข้ามาเปนสินค้าโดยมากเพียง ๕ ปักลงมา เจ้าภาษีรับซื้อเอาฝิ่นไว้ คิดราคาได้ปักละ ๑๐ ชั่ง ถ้าเรือลำใดซื้อฝิ่นมากกว่า ๕ ปักขึ้นไป ก็ให้เจ้าภาษีรับซื้อขึ้นไว้ทั้งสิ้น แต่ให้คิดเงินให้แต่ ๕ ปักก่อน ฝิ่นนอกจาก ๕ ปักขึ้นไปนั้นให้ค้างไว้หนึ่งปีจึงให้เจ้าภาษีคิดเงินให้ครบ

ประการหนึ่งห้ามมิให้เรือปากใต้ซื้อฝิ่นเมืองใหม่ เมืองเกาะหมาก เข้ามาถ่ายลำบันทุกสำเภาไปเมืองจีน ถ้าเจ๊สัวซึ่งแต่งสำเภาเรือปากใต้ ซื้อฝิ่นเข้ามาถ่ายลำบันทุกไปเมืองจีน ก็ให้เจ้าภาษีปรับไหมเอาอย่างลูกค้าผู้ลักลอบซื้อฝิ่น ขายฝิ่นในท้องที่ และกำปั่นหลวงนายกำปั่นเปนจีน จะซื้อฝิ่นเข้ามาก็ให้ซื้อมายแต่ในกำหนด ๕ ปัก ให้ขายแก่เจ้าภาษีตามราคาลูกค้าในกรุงเทพ ฯ ซื้อขายกัน อย่าให้เอาไปขายให้ลูกค้าอื่น แต่กลาสีลูกเรือนั้นเปนคนอยู่ในต้องห้าม อย่าให้ซื้อฝิ่นเข้ามาเปนอันขาด ถ้านายกำปั่นหลวงกลาสีลูกเรือมิฟัง เจ้าภาษีสืบจับได้ ให้เจ้าภาษีปรับไหมนายกำปั่นหลวงเหมือนอย่างลูกค้าในกรุงเทพ ฯ กลาสีลูกเรือนั้นจะเอาโทษตามพระราชบัญญัติซึ่งห้าม

อนึ่งกำปั่นลูกค้าชาติอังกฤษ วิลันดา พุทธเกต ฝรั่งเศส อเมริกัน ซึ่งเข้ามาค้าขายในกรุงเทพ ฯ และหัวเมืองชายทเล และอังกฤษ พม่า มอญ ตองซู่ ลูกค้าเมืองเมาะลำเลิง เข้ามาทางบกค้าขายเมืองฝ่ายเหนือ จะมีฝิ่นเข้ามามากน้อยเท่าใด ให้บอกบาญชีกับเจ้าพนักงานและกรมการเจ้าภาษีให้รู้ก่อน ถ้าเจ้าภาษีจะซื้อฝิ่นไว้ก็ให้เอาสินค้าแลกเปลี่ยนเอาฝิ่นไว้ อย่าให้ซื้อด้วยเงิน เจ้าของจะขายให้ก็ตามใจ ไม่ขายให้จะเอากลับออกไปก็ตามใจ ห้ามอย่าให้เอาฝิ่นไปขายกับลูกค้าทั้งปวง ห้ามอย่าให้ลูกค้าทั้งปวงไปลักลอบซื้อฝิ่นที่กำปั่นชาติอังกฤษ วิลันดา พุทธเกต ฝรั่งเศส อเมริกันเรือจีนนอกประเทศและลูกค้าต่างประเทศมาทางบกเปนอันขาด ถ้านายกำปั่นและลูกค้าคบหากันลักลอบซื้อฝิ่นขายฝิ่นให้แก่กัน เจ้าภาษีสืบจับได้ ให้เอาไปส่งต่อเจ้าพนักงานกรมทำ ชำระได้ความจริงแล้วก็ให้ริบเอาฝิ่นในลำกำปั่นเผาไฟเสียให้สิ้น ตามหนังสือสัญญากปิตันหันตรีบารนี ทำไว้เมื่อศักราชฝรั่ง ๑๘๒๖ ปีจออัฐศก พวกลูกค้าผู้ซื้อนั้นให้เอาโทษปรับใหม่ตามพิกัดลักลอบซื้อฝิ่นขายฝิ่น

อนึ่งเจ้าภาษีจะแต่งให้จีนผู้ใดเปนหลงจู รับช่วงรับตำบลไปซื้อฝิ่นขายฝิ่นในแขวงกรุงเทพ ฯ และหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือก็ดี ให้เจ้าภาษีเลือกสรรเอาที่คนสัจคนธรรม อย่าให้เอาคนเจ้าถ้อยหมอความสันดานเปนพาลทุจริตโลภล้นเหลือประมาณ มาตั้งเปนเจ้าภาษี รับช่วงรับตำบลไป กับให้จ้าภาษีกำชับกำชาจีนซึ่งจัรับช่วง รับตำบลไปอย่าให้คิดอุบายลักลอบขายฝิ่นให้แก่ไทยและมอญ ลาว เขมร แขก พม่า ทวาย ญวน พราหมณ์ ฝรั่งพุทธเกตเดิม ซึ่งมีพระราชบัญญัติห้าม

ถ้าและเจ้าภาษีเห็นแต่จะได้กำไรมาก คิดอุบายยักย้ายขายฝิ่นให้คนซึ่งอยู่ในพระราชบัญญัติห้าม มีผู้ฟ้องร้องว่ากล่าวชำระเปนสัจแล้ว ก็จะเอาราคาฝิ่นซึ่งขายให้กับคนต้องในพระราชบัญญัติห้ามไปมากน้อยเท่าใดขึ้นตั้งปรับไหม ๑๐ ต่อ เปนสินไหมกึ่งพินัยกึ่ง สินไหมให้เปนบำเหน็จแก่ผู้เอาความมาว่ากล่าว พินัยนั้นเปนหลวงแล้ว ให้มีโทษทวนแก่ผู้ลักลอบซื้อฝิ่นขายฝิ่นด้วยคนละ ๓๐ ที

อนึ่งลูกค้าวาณิชไพร่บ้านพลเมืองซึ่งมิได้เปนคนซื้อฝิ่นขายฝิ่น กินฝิ่น สูบฝิ่น ก็อย่าให้เจ้าภาษีคิดอุบายเอาฝิ่นไปใส่จับกุมเอาตัวมากระทำโทษปรับไหม ให้ ได้ความยากแค้นเดือดร้อนแต่สิ่งใดสิงหนึ่งได้เปนอันขาดทีเดียว แล้วให้เจ้าภาษีกำชับห้ามปรามเสมียนทนายหลงจูจีนเตงและจีนผู้รับช่วงรับตำบลไป อย่าให้คบหากันเปนโจรผู้ร้ายปล้นสดมภ์ฉ้อกระบัตรเอาพัสดุทองเงินเครื่องอัญมณีของสมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรลูกค้าพาณิชให้ได้ความยากแค้นเดือดร้อน กระทำให้ผิดด้วยพระราชกำหนดกฎหมายห้ามปรามเก่าใหม่ แต่สิ่งใดสิ่งหนึ่งได้

ประการหนึ่งเจ้าภาษีสืบได้ความว่า มีผู้ลักลอบายฝิ่นที่บ้านใดตำบลใดในแขวงกรุงเทพ ฯ ก็ให้เจ้าภาษีขอกำนันนายอำเภอต่อเจ้าพนักงานกรมเมืองกำกับไปจับจงทุกครั้ง ถ้าแขวงหัวเมืองปากใต้ฝ่ายเหนือ ก็ให้บอกแก่เจ้าเมืองกรมการ ขอกำนันนายอำเภอกำกับไป ให้พระราชรองเมือง หลวงเทพผลู เจ้าเมืองกรมการ แขวงกำนันนายอำเภอกำกับไปดูแลผิดและชอบ อย่าให้เกิดวิวาทกันได้

อนึ่งถึงเทศกาลพระราชพิธีตรุษสารท ก็ให้เจ้าภาษีไปพร้อมด้วยเจ้าเมืองกรมการณพระอาราม กราบถวายบังคมพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รับพระราชทานถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาปีละ ๒ ครั้งอย่าให้ขาดได้

ครั้นลุสารตรานี้ไซ้ ถ้ามีตราพระคชสีห์ พระราชสีห์ ตราบัวแก้วนำตั้งมาด้วยฉบับหนึ่ง เรื่องราวจำนวนเงินต้องกันแล้ว ก็ให้พระราชรองเมือง หลวงเทพผลู เจ้าเมืองกรมการ ยึดเอาตรานำตั้งไว้ ส่งต้นตราตั้ง ไให้กับเจ้าภาษีเข้ารับซื้อฝิ่นขายฝิ่น ทำภาษีตามสารตรามานี้จงทุกประการ

แล้วให้หมายประกาศ นายบ้านนายอำเภอไทยจีนไพร่บ้านพลเมืองวัดวาอารามพระสงฆ์เถรเณรศิษย์คฤหัสถ์ ให้รู้ความในท้องตราและหมายพระราชบัญญัติประกาศจงทั่ว ได้ส่งหมายพระราชัญญัติประกาศให้ออกมาด้วยเมืองละฉบับ

สารตรามาณวันอาทิตย์ เดือนอ้าย ขึ้น ๗ ค่ำ ปีกุญ นักษัตรตรีนิศก จุลศักราช ๑๒๑๓ (พ.ศ. ๒๓๙๔)

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ