พระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๓
ทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ถึงท่านกลาง ถึงคุณสุรวงศ์วัยวัฒน์ ด้วยได้ทูลมาแต่ก่อนว่าจะออกจากเสม็ตในวัน ๗ ๑ฯ ๓ ค่ำนั้น ครั้นเวลารุ่งขึ้นเช้าได้ออกเรือจากเสม็ตแล่นลงไปไม่ห่างฝั่งนัก พอแลเห็นได้ตลอดถึงศิลาขาวริมอ่าวกพงโสมเปนระยะทางสามชั่วโมงถ้วน ตั้งแต่เสม็ตลงไปฝั่งทเลเปนที่เปิดโถงไม่ใคร่มีที่บัง ท้องคุ้งระหว่างศิลาขาวกับเสม็ตนั้นมีบ้านเรือนคนเปนหย่อมๆ แถบเหล่านั้นเปนที่อาศรัยสลัดมาก ด้วยอยู่ใกล้ปลายเขตแดน จึงคิดจัดการที่จะเอาเรือไปทอดไว้ที่เสม็ต เปนที่พักกองตระเวนสำหรับลาดตระเวนสลัดลงไปจนตลอดเขตแดน พอไปถึงที่ศิลาขาวก็กลับเรือขึ้นมาถึงเกาะกงเวลาย่ำค่ำ ทอดนอนอยู่ที่นั้นคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นวัน ๑ ๒ฯ ๓ ค่ำ เวลาเช้าขึ้นเที่ยวบนฝั่งแล้วออกเรือมาพักที่ปากอ่าวเมืองตราด รุ่งขึ้นวัน ๒ ๓ฯ ๓ ค่ำขึ้นเที่ยวเมืองตราดแล้วนอนอยู่อีกคืนหนึ่ง เวลาเช้ามืดวัน ๓ ๔ฯ ๓ ค่ำ ออกเรือมาทอดที่เกาะช้าง กลางวันขึ้นอาบน้ำพักอยู่บนที่น้ำตกจนเวลาเย็นกลับลงมาเรือนอนที่เกาะช้างคืนหนึ่ง รุ่งขึ้นวัน ๔ ๕ฯ ๓ ค่ำ เวลาเช้าลงเรือกระเชียงเรือไฟลากไปที่สลักคอก ขึ้นไปตามบ้านพักที่วัดในตำบลนั้น เจ้านายข้าราชการข้างหน้าข้างในเรี่ยรายเงินถวายพระ ราษฎรพากันขอให้เหยียบที่สร้างพระอุโบสถ ด้วยวัดนันยังหามีพระอุโบสถไม่ จึงได้รับจะสร้างพระอุโบสถให้ ตั้งชื่อวัดว่าวัดวัชคามคชทวีป แล้วกลับมาขึ้นที่น้ำตกคลองมยมอีกเวลาหนึ่ง ได้จารึกอักษรชื่อย่อแลศักราชไว้กับก้อนศิลาหน้าน้ำตก ซึ่งสูงกว่าทเล ๒๙๐ฟิต ที่นั้นมีน้ำตกแต่หน้าผาสูง ๙ วา ๒ ศอก เดิรแต่พื้นดินขึ้นไปจนถึงเปนสองชั่วโมง ทั้งหยุดพักบ้าง เวลาค่ำนอนอยู่ที่เกาะช้าง รุ่งขึ้นเวลาวันนี้ข้ามไปจอดที่แหลมงอบ ได้ขึ้นดูที่ซึ่งปราบไว้จะทำโรงที่พักกองลาดตระเวน ได้ปลูกโรงงารขึ้นบ้างแต่ยังหาได้ทำโรงที่อยู่ไม่ ออกเรือจากแหลมงอบเวลาเกือบบ่ายโมง ๑ มาถึงเมืองจันทบุรีเวลาบ่าย ๕ โมงครึ่งทอดอยู่ที่แหลมสิงห์ จะอยู่เที่ยวในเมืองจันทบุรีต่อไปอีกหลายเวลาจึงจะได้กลับขึ้นไป หม่อมฉันเแลเจ้านายข้าราชการบันดาที่มามีความสุขสบายอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
หนังสือเขียนในเรือพระที่นั่งเวสาตรี ที่แหลมสิงห์ปากน้ำจันทบุรี ณวัน ๕ ๖ฯ ๓ ค่ำ ปีวอกฉอ๑๗ศก ศักราช ๑๒๔๖
สยามินทร์