นิทานเรื่องที่ ๘ เรื่องพระเจ้ายินนูเลี้ยงลูกโจร

เหลี่ยม ๘ นั้นจารึกไว้เปนนิทานว่า ยังมืพระมหากระษัตริย์องค์หนึ่ง ทรงนามชื่อพระเจ้ายินนู เสวยราชสมบัติเมืองมิเส่น เสด็จออกไปประพาศป่าใกล้ภูเขา ยังมีภรรยาโจรผู้หนึ่งคลอดบุตร แลภรรยานายโจรทิ้งไว้ในสุมทุมพุ่มไม้แล้วหนีไป ครั้นพระเจ้ายินนูได้ยินเสียงบุตรโจรร้องไห้ คิดในพระทัยว่าบุตรของผู้ใดมาละไว้ที่นี่ จึ่งสั่งให้คนเร็วไปยกเอากุมารนั้นมา เห็นรูปร่างกุมารนั้นสอาดดีอยู่จึ่งเอาเข้ามาเมือง แล้วพระราชทานแม่นมพี่เลี้ยงให้เลี้ยงรักษากุมารนั้น แล้วพระเจ้ายินนูพระราชทานชื่อกุมารนั้นว่า บะดัด ครั้นบะดัดใหญ่หน้ากล้าแขงอายุได้ ๑๗ ปี แลพระเจ้ายินนูคิดในพระทัยว่า บะดัดฉลาดเฉลียวเอาใจใส่ราชการบ้านเมือง จึ่งโปรดให้เปนบะดัดมนตรีหวังจะให้ราชการนั้นสดวก อยู่มาบะดัดมนตรีคิดว่า พระเจ้ายินนูก็ทรงพระเมตตาเราอยู่ แลเสนาบดีมนตรีทั้งปวงก็ยำเกรงอยู่แล้ว จะกลัวเกรงแก่ผู้ใดอีกเล่า คิดแล้วบะดัดมนตรีทำข่มเหงฉ้อตระบัดเอาพัสดุทองเงินแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวง แลราษฎรทั้งปวงได้ไปร้องฟ้องแก่เสนาบดีเปนหลายครั้งหลายหนแล้ว เสนาบดีก็มิได้เอาเนื้อความของราษฎรว่า แลราษฎรทั้งปวงก็ทำฎีกาทูลเกล้าฯ ถวายกล่าวโทษบะดัดมนตรีต่าง ๆ เปนหลายข้อ บะดัดมนตรีเห็นจะมิพ้นโทษ จึ่งพาครัวอพยพหนีไปอยู่ด้วยพวกโจรณภูเขาของบิดาบะดัดมนตรีเมื่อยังเปนทารกอยู่นั้น แลโจรทั้งปวงเห็นบะดัดมนตรีฉลาดเฉลียวจึ่งตั้งบะดัดมนตรีให้เปนนายโจร แล้วตั้งป้อมค่ายเปนมั่นคง ทำไร่ไถนาอยู่ณภูเขานั้น บะดัดมนตรีคุมพวกโจรเที่ยวตีชิงจนราษฎรซึ่งไปมาค้าขายณเมืองมิเส่นนั้นขัดสนนัก แลเมื่อแจ้งถึงพระเจ้ายินนู ๆ สั่งให้หาเสนาบดีมาปฤกษา ว่าอ้ายบะดัดมนตรีทำข่มเหงฉ้อราษฎร แลหนีไปคบพวกโจรอยู่ ณ ภูเขา ทำร้ายแก่ราษฎรฉนี้จะไว้มิชอบ อุประมาดุจหนึ่งต้นไม้แรกขึ้นนั้นถอนง่าย ถ้าละไว้ต้นไม้ใหญ่หยั่งรากลงฦกแล้วจะถอนยาก ให้คิดอ่านเร่งจับเสียจึงควร เสนาบดีกราบทูลว่า บะดัดมนตรีไปตั้งป้อมค่ายเปนมั่นคงอยู่ ซึ่งจะเข้าจับเอาทั้งครัวอพยพนั้นเห็นขัดสนนัก จะต้องแต่งกลอุบายล่อลวงบะดัดมนตรีพาพวกโจรให้ไปเสียจากที่นั้นก่อน จึ่งจะเข้าจับเอาครัวอพยพได้ ครั้นพระเจ้ายินนูได้ยินมนตรีกราบทูลดังนั้น ก็ตรัสสั่งแก่เสนาบดีให้แต่งสินค้าบรรทุกหลังอูฐร้อยหนึ่ง แลให้ทหารชำนาญในการณรงค์พันหนึ่งให้สกดรอยตามไป เมื่อเห็นพวกผู้ร้ายออกติดตามตีชิงเอาสิ่งของแล้ว จึ่งให้ทหารทั้งนี้เข้าจับเอาครัวอพยพในภูเขานั้น แล้วยกทัพติดตามล้อมอ้ายบะดัดมนตรีแลพวกโจรจงได้

เสนาบดีทำตามพระเจ้ายินนูสั่งดังนั้น ก็จับอ้ายบะดัดมนตรีแลพวกโจรครัวอพยพได้เปนอันมาก แล้วเอาเนื้อความเข้ามากราบทูลแก่พระเจ้ายินนู ๆ เสด็จออกตรัสสั่งแก่เสนาบดี ให้เอาตัวอ้ายบะดัดมนตรีแลพวกโจรทั้งนั้นไปฆ่าเสียน่าพระที่นั่ง แล้วให้เอาบุตรภรรยาอ้ายบะดัดฆ่าเสียด้วย ในทันใดนั้นมนตรีผู้หนึ่งกราบทูลว่า ซึ่งพระองค์เจ้าโปรดให้ฆ่าอ้ายบะดัดแลพวกโจรนั้นก็ควรอยู่แล้ว แลราษฎรจะได้ไปมาซื้อขายได้สดวก แต่บุตรอ้ายบะดัดมนตรีนั้นเด็กอยู่ จะได้ทำความผิดด้วยหามิได้ ข้าพเจ้าจะขอพระราชทานชีวิตรเด็กนี้เลี้ยงรักษาไว้เปนบุตร พระเจ้ายินนูได้ยินมนตรีกราบทูลดังนั้น จึ่งตรัสว่าอันคนร้ายจะเอาความดีสั่งสอนเท่าใด ๆ ก็บห่อนจะซับทราบ ดุจหนึ่งเอาผลมะนาวทิ้งขึ้นบนหลังคาก็จะกลิ้งกลับลงมา ที่ไหนจะค้างอยู่ได้ อันว่าเชื้อพวกผู้ร้ายนี้ชอบแต่ตัดให้ขาดจนราก เหมือนหนึ่งว่าดับเพลิงนั้นจำจะดับให้มอด อันดับเพลิงให้ติดกรุ่นอยู่นั้นไม่ควร ถ้าแลจะฆ่าอสรพิศม์แล้ว จะเลี้ยงพืชพันธ์อสรพิศม์ไว้นั้นมิชอบ ซึ่งให้เราโปรดบุตรอ้ายบะดัดผู้ร้ายนั้น ประดุจหนึ่งจะให้ฝนตกอยู่เปนอัตราผลไม้ทั้งปวงจะเน่าไป ที่ไหนจะงอกฟื้นขึ้นมาได้ แลจะเอาอ้อมาเคี้ยวกินต่างอ้อยนั้นจะหวานแลฤๅ ครั้นมนตรีได้ยินพระเจ้ายินนูตรัสดังนั้น จึ่งกราบทูลสรรเสริญว่า พระองค์เจ้าทรงพระปัญญากว้างขวาง ตรัสโปรดเกล้าข้าพเจ้าตามทำนองบุราณนั้นก็ควรแล้ว แต่ว่าบุตรอ้ายบะดัดผู้ร้ายนี้ยังเด็กอยู่ ถ้าฝึกสอนประการใดก็เห็นจะเปนเช่นนั้น แลธรรมเนียมคนดีไปคบคนร้ายก็เปนคนร้ายไป ถ้าคนร้ายมาคบคนดีได้กิริยาอย่างธรรมเนียมคนดีก็จะดีไป แลเสนาบดีทั้งปวงก็พลอยขอขึ้นด้วย จึ่งพระเจ้ายินนูตรัสว่า เมื่อท่านทั้งปวงพร้อมกันขอโทษบุตรโจรแก่เราฉนี้ก็เอาเถิด แต่ว่าใจเราไม่เห็นด้วย อันจะไว้ใจว่าเด็กยังน้อยอยู่นั้นไม่ควร ช้างสารกำลังมากยังแพ้แก่ยุงอันตัวน้อย พระเจ้ายินนูตรัสดังนั้นก็โปรดบุตรอ้ายบะดัดมนตรีให้มนตรีผู้ทูลขอ มนตรีนั้นเอาบุตรอ้ายบะดัดไปมอบแก่ครูให้สั่งสอนหนังสือ ครั้นรู้หนังสือดีแล้ว กราบทูลแก่พระเจ้ายินนูว่า ลูกโจรนั้นข้าพเจ้าให้สอนหนังสือปัญญาฉลาดฉเลียวรู้จบครบทุกประการแล้ว ขอพระราชทานให้ใช้ราชการเถิด พระเจ้ายินนูได้ยินกราบทูลดังนั้น ก็ทรงพระสรวลแล้วตรัสว่า ซึ่งจะเอาบุตรโจรมาให้เราใช้นั้นไม่เห็นด้วย อ้ายบะดัดบิดามันนั้น เราได้ตั้งให้เปนถึงมนตรี แลยังมิได้สัตย์ซื่อตรงต่อเรา แลจะเอาบุตรมันมาให้ใช้นั้น ประดุจเอาลูกเสือมาให้เลี้ยง ถึงจะฝืกสอนสักเท่าใด ๆ อันว่าเสือนั้นจะหายลายฤๅ ชาติเสือก็จะเปนเสืออยู่เช่นนั้น

อยู่มามิช้ามินานโจรพวกอ้ายบะดัดมาพบบุตรอ้ายบะดัดซึ่งมนตรีขอไว้นั้น จึงชักชวนว่าเหตุไรเล่าไม่มีมานะ ไม่แจ้งหรือว่าผู้ใดไปจับบิดาเจ้ามาฆ่าเสีย ยังจะขืนอยู่ไปกับเขาอีกเล่า พวกเราบัดนี้ก็หานายมิได้ เจ้าจงไปอยู่ปกป้องแทนบิดาเถิด บุตรบะดัดก็ยอมจะไปด้วยผู้ร้าย ครั้นเพลากลางคืนมนตรีแลบุตรมนตรีทั้งสองนอน ๆ หลับอยู่ บุตรอ้ายบะดัดจึงคบคิดกับพวกโจรเอามีดเชือดคอมนตรีแลบุตรทั้งสองนั้นเสียแล้ว เก็บเอาพัศดุทองเงินพากันไปอยู่ด้วยพวกโจรณภูเขาซึ่งอ้ายบะดัดเคยอยู่นั้น พวกโจรก็ตั้งให้เปนนายแทนอ้ายบะดัดบิดา ครั้นพระเจ้ายินนูแจ้งว่า บุตรอ้ายบะดัดทำร้ายแก่มนตรีดังนั้นทรงพระโกรธตรัสสั่งแก่เสนาบดี ให้ยกทัพไปจับบุตรอ้ายบะดัดแลพวกโจรนั้นมา ครั้นจับมาได้แล้วพระเจ้ายินนูก็สั่งให้ผ่าอกเสีย แล้วตรัสแก่เสนาบดีว่า ผู้ใดละอย่างธรรมเนียมบุราณเสียนั้นย่อมเปนเช่นนี้แล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ