นิทานเรื่องที่ ๗ เรื่องพระเจ้ามันสูรพระกรรณตึง

เหลี่ยม ๗ นั้นจารึกไว้เปนนิทานว่า ยังมีพระมหากระษัตริย์เจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามชื่อว่าพระเจ้ามันสูร เสวยราชสมบัติณเมืองเหราชอยู่ในทำนองคลองธรรม แลอาณาประชาราษฎรทั้งปวงอยู่เย็นเปนศุขหาไภยอันตรายมิได้ แลพระเจ้ามันสูรนั้นทรงพระประชวรพระกรรณทั้งสองให้ตึงไป จะฟังเนื้อความสิ่งใดมิได้แจ้ง จึ่งหาเสนาบดีทั้งปวงมาพร้อมกัน แล้วตรัสว่าเราทรงพระประชวรครั้งนี้เห็นประหลาดกว่าทุกครั้ง พระกรรณทั้งสองมิได้ยิน ตรัสดังนั้นแล้วก็ทรงพระกรรแสง แลเสนาบดีก็พลอยโศกเศร้าด้วย แลมนตรีผู้ใหญ่ผู้หนึ่งกราบทูลแก่พระเจ้ามันสูรว่า อันพระโรคพระองค์เจ้าแต่เพียงนี้เดชะพระองค์ทรงธรรม แลพรอาณาประชาราษฎรทั้งปวงก็จะค้ำชูเห็นพอจะมิเปนไร

จึ่งมนตรีผู้หนึ่งกราบทูลว่า ยังมีพระมหากระษัตริย์เจ้าองค์หนึ่ง ทรงพระนามชื่อพระเจ้ายัมสิด เสวยราชสมบัติณเมืองยุมาน เมื่อแรกจะครองราชสมบัติ ให้มีราชทูตจำทูลพระราชสาสนแลเครื่องบรรณาการไปถึงพระเจ้าเมืองอรุ่ม แลในพระราชสาสนนั้นว่า ข้าพเจ้ายัมสิดผู้น้อยขอกราบถวายบังคมมาณเชิงประสาทสมเด็จพระมหากระษัตราธิราชเจ้าทรงธรรมอันมหาประเสริฐ ครอบครองราชสมบัติณเมืองอรุ่มให้ทราบ ด้วยณเมืองยุมานแต่โบราณมานั้น พระมหากระษัตริยองค์ใด ๆ เสวยราชสมบัติก็ได้แต่ ๒ ปี ๓ ปี จะได้ครองไปพ้นกว่านั้นหามิได้ จนบัดนี้เชื้อกระษัตริย์สิ้นพระญาติพระวงศ์แล้ว ยังแต่ข้าพระพุทธเจ้าผู้เดียว พระชัณษามายุได้ ๑๖ ปียังต่ำอยู่นัก เกลือกจะมิได้เชื้อพระวงศ์ครองราชสมบัติสืบไป ข้าพเจ้าได้ยินว่าพระองค์เจ้าครองราชสมบัติได้ถึง ๒๐ ปีแล้วมิได้มีพระโรคเบียดเบียน พระชัณษาก็ยืนหาอันตรายมิได้นั้นด้วยประการใด จะขอเอาพระบารมีเปนอย่างธรรมเนียม จะได้ปกเกล้าฯ ครอบครองบ้านเมืองอาณาประชาราษฎรสืบไป ครั้นพระเจ้าเมืองอรุ่มแจ้งในพระราชสาสนนั้นแล้ว ตรัสสั่งแก่เสนาบดีว่า วันศุกร์ให้ไปป่าวร้องราษฎรไปพร้อมกันที่ทำเลพระไทรใหญ่นั้น เราจะให้ทานราษฎรตามอย่างแต่ก่อนทุกครั้ง แลให้พาเอาราชทูตซึ่งมาแต่เมืองยุมานนั้นไปด้วย ครั้นวันศุกร์แลมนตรีให้ป่าวร้องราษฎร แลพาราชทูตณเมืองยุมานไปดูตามรับสั่ง แลเสด็จออกไปทำทานแก่อาณาประชาราษฎรวันนั้นมิพอแล้ว สั่งแก่ราษฎรให้แช่งต้นไทรให้ผลแลใบเหือดแห้งหล่นไปอย่าให้ทันถึง ๗ วัน แต่เราจะให้ทานแก่วรรณิพกสืบไปอีก แลราษฎรทั้งปวงก็แช่งต้นพระไทรตามรับสั่งนั้น แล้วพระเจ้าอรุ่มเสด็จกลับเข้ามา ครั้นถึงวันศุกร์พระเจ้าอรุ่มให้ไปดูเห็นต้นไทรเหี่ยวแห้งไป จึ่งสั่งมนตรีให้พาราชทูตออกไปดู แล้วร้องประกาศให้ราษฎรไปรับทานณต้นพระไทรเหมือนแต่ก่อน แลพระเจ้าอรุ่มเสด็จไปถึงต้นพระไทร ทอดพระเนตรเห็นต้นพระไทรนั้นผลแลใบเหี่ยวแห้งหล่นไป แลราษฎรซึ่งเคยได้อาศรัยต้นพระไทรร่มแดดนั้นก็หาที่พึ่งมิได้ แลพระมหากระษัตริย์ไปให้ทานอาณาประชาราษฎรวรรณิพกแล้ว ให้ว่าแก่ราษฎรว่าต้นพระไทรนี้เปนที่อาศรัยแก่บุคคลทั้งปวงเหี่ยวแห้งไป แล้วสั่งให้อาณาประชาราษฎรวรรณิพกให้พรแก่ต้นพระไทรให้คืนชื่นชุ่มดังเก่า บุทคลทั้งปวงจะได้อาศรัย แลอาณาประชาราษฎรก็ชวนกันให้พรว่า ขอให้ต้นพระไทรชื่นชุ่มดังเก่า แล้วพระเจ้าอรุ่มเสด็จกลับมา ครั้นถึงวันศุกร์พระเจ้าอรุ่มให้ไปชัณสูตรดูเหตุ เห็นต้นพระไทรนั้นแตกใบสดชื่นขึ้นอย่างแต่ก่อน แลพระเจ้าอรุ่มให้พาราชทูตออกไปทำทานดุจหนึ่งทุกครั้ง แลตรัสแก่ราชทูตว่า ต้นไทรนั้นจะได้เปนอย่างธรรมเนียมไปกราบทูลแก่พระเจ้ายุมานเถิด ราชทูตแจ้งซึ่งพระเจ้าอรุ่มตรัสดังนั้นแล้ว ราชทูตกราบถวายบังคมลาเอาเรื่องราวทั้งนี้มากราบทูลแก่พระเจ้ายุมาน ๆ แจ้งดังนั้นจึ่งสั่งแก่ชาวคลังว่า เงินทองส่วยสาอากรครั้งก่อน ๆ มานั้น ให้ไว้เปนเกณฑ์สำหรับทำทานแก่อาณาประชาราษฎรวรรณิพก แล้วพระเจ้ายุมานก็ทำตามดุจพระเจ้าอรุ่มทำนั้นแล้ว ราษฎรทั้งปวงให้พร ๆ นั้นค้ำชูพระชัณษา พระเจ้ายุมานอายุก็ยืนหาไภยอันตรายมิได้ ๆ ครองราชสมบัติณเมืองยุมานถึง ๑๒๐ ปี

ครั้นพระเจ้ามันสูรได้ยินมนตรีกราบทูลเรื่องราวพระเจ้ายุมานดังนั้น พระเจ้ามันสูรจึงตรัสแก่เสนาบดีว่า ใช่เราจะกลัวความตายก็หามิได้ เรากรรแสงนี้ด้วยทุกข์ของประชาราษฎรทั้งปวง ด้วยว่าพระกรรณเราตึงไปแล้ว เกลือกว่าอาณาประชาราษฎรจะร้องฟ้องทุกขราชแก่เรา ๆ จะมิได้ยิน เหตุฉนี้เราจึงทรงพระกรรแสงถึงราษฎรทั้งปวง ตรัสแล้วสั่งแก่เสนาบดีให้ตีฆ้องร้องป่าวแก่อาณาประชาราษฎร ถ้าผู้ใดทำข่มเหงแก่ราษฎรเปนประการใดนั้น ให้ราษฎรห่มเสื้อดำมาร้องทุกขราช เราจึ่งแจ้งว่าราษฎรมีสารทุกข์ ครั้นพระเจ้ามันสูรตรัสสั่งดังนั้นแล้ว พระโรคพระกรรณซึ่งตึงอยู่นั้นก็หายไปด้วยทรงธรรมนั้นแล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ