นิทานเรื่องที่ ๑ เรื่องพระเจ้าฟ้าริดุ่นหาโลหิตเด็กเปนกระสายยา

เหลี่ยม ๑ นั้นจารึกไว้เปนนิทานว่า ยังมีพระมหากระษัตริย์องค์หนึ่ง ทรงพระนามพระเจ้าฟ้าริดุ่น เปนพระมหากระษัตริย์อันมหาประเสริฐ มีเมืองขึ้นเปนอันมาก พระเจ้าฟ้าริดุ่นนั้นอยู่ในทำนองคลองธรรม อาณาประชาราษฎรทั้งปวงอยู่เย็นเปนศุข พระเจ้าฟ้าริดุ่นนั้นประชวรพระโรคในทรวง แพทยาประกอบพระโอสถถวายให้เสวยเท่าใด ๆ พระโรคนั้นก็มิคลาย แพทยาผู้หนึ่งจึ่งกราบทูลว่า พระโรคนี้จำจะประกอบพระโอสถด้วยโลหิตเด็กอายุแต่ ๑๒ ปี เมื่อจะประกอบพระโอสถนั้น ให้เอาเด็กมาเชือดคอต่อน่าพระที่นั่งจึงจะได้โลหิตร้อน ๆ ละลายพระโอสถนั้นให้พระองค์เจ้าเสวย พระโรคของพระองค์จึง (จะ) คลาย ถ้ามิได้ประกอบพระโอสถฉนี้พระโรคนั้นจะมากไป ครั้นพ้น ๓ เดือนพระองค์เจ้าจะถึงสวรรคต พระเจ้าฟ้าริดุ่นได้ฟังแพทยากราบทูลดังนั้น จึงสั่งให้เอาทองคำเท่าผลฟักบรรทุกม้า ให้ไปตีฆ้องร้องป่าวแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวงว่า ถ้าผู้ใดมีบุตรอายุ ๑๒ ปีจะแลกทองเท่าผลฟัก จะเอาบุตรนั้นไปเชือดคอเอาโลหิตประกอบพระโอสถถวาย มนตรีรับสั่งดังนั้นแล้วจึงเอาทองบรรทุกหลังม้า ไปตีฆ้องร้องป่าวถึง ๖ วันแล้ว ผู้ใดจะยอมให้บุตรหามิได้ ครั้นถึง ๗ วัน หญิงคน ๑ น้ำใจฉกรรจ์ออกมารับว่าให้หยุดอยู่ที่นี่ก่อน หญิงนั้นจึงไปบอกผัวว่าบุตรเราถึง ๙ คน ยากจนอยู่หาอันใดจะเลี้ยงบุตรมิได้แล้ว ผัวนั้นก็ฟังคำภรรยาลงใจด้วย จึงจูงเอาข้อมือเด็กนั้นมาส่งให้แล้วรับเอาทองนั้นไป แลเด็กนั้นก็ร้องไห้วิงวอนแก่บิดามารดาเท่าใด ๆ ก็มิได้ฟัง แลผู้เอาทองไปแลกนั้นก็พาเอาเด็กนั้นไปส่งให้แก่แพทยา แล้วเอาเนื้อความกราบทูลแก่พระเจ้าฟ้าริดุ่นว่าได้เด็กนั้นมาแล้ว

พระเจ้าฟ้าริดุ่นจึงสั่งให้หาเสนาบดีกาฎีผู้พิพากษามาพร้อมกัน ให้ปฤกษาว่าแพทยาจะเอาโลหิตเด็กนี้ประกอบพระโอสถถวายเราแลโรคเราจึงจะคลาย ถ้ามิประกอบด้วยโลหิตเด็กโรคเรามิคลาย ถ้ามิได้เสวยพ้น ๓ เดือนเราก็จะถึงแก่สวรรคต แลให้เสนาบดีกาฎีปฤกษาว่าเด็กนี้มิได้มีโทษผิด จะฆ่าเด็กเอาโลหิตประกอบโอสถนั้น จะเปนบาปบุญคุณโทษเปนประการใด จึ่งเสนาบดีกาฎีผู้พิพากษาปฤกษาพร้อมกัน (แล้วทูล) ว่า ซึ่งจะฆ่าเด็กอันหาโทษผิดมิได้นั้นจะเปนบาปกรรมนัก แต่ทว่าบัดนี้มิได้จะฆ่าเสียเปล่า เหตุว่าจะประกอบพระโอสถถวายพระองค์เจ้า ให้พระโรคของพระองค์เจ้าหาย จะได้อยู่ปกเกล้าฯ อาณาประชาราษฎรทั้งปวง ให้อยู่เย็นเปนศุขจะมิให้มีภัยอันตรายสืบไป ถ้าแลมิเอาโลหิตเด็กประกอบพระโอสถ พระองค์เจ้าก็จะถึงแก่สวรรคต แลราษฎรทั้งปวงก็จะเกิดทิ่มแทงฆ่าฟันกันตายเปนอันมาก บ้านเมืองก็จะเรรวนมิได้อยู่เย็นเปนศุข จะเปนบาปกรรมยิ่งกว่าฆ่าเด็กคนหนึ่งนั้นอิก ควรให้เอาโลหิตเด็กนี้ประกอบพระโอสถให้พระองค์เจ้าเสวยเถิด

ครั้นพระเจ้าฟ้าริดุ่นได้ยินปฤกษาพร้อมกันกราบทูลดังนั้น พระองค์จึงตรัสแก่ผู้พิพากษาแลเสนาบดีทั้งหลาย ว่าถ้าเห็นพร้อมกันดังนั้นก็ตามใจเถิด แลเด็กนั้นเข้าไปถึงน่าพระที่นั่ง จึงเงยหน้าขึ้นดูอากาศแล้วยิ้มหัว ว่าเหวยพระผู้ให้บังเกิดชีวิตรข้าพเจ้ามานั้นยอมด้วยแล้วฤา ซึ่งจะให้ฆ่าข้าพเจ้าเสียทั้งนี้ ข้าพเจ้าหาที่จะเห็นมิได้แล้ว จะให้ข้าพเจ้าไปร้องฟ้องแก่ท่านผู้ใดอิกเล่า พระเจ้าฟ้าริดุ่นครั้นเห็นเด็กยิ้มหัวแล้วร้องว่าดังนั้น จึงตรัสถามเด็กนั้นว่า บัดนี้ตัวจะถึงแก่ความตายแล้ว ตัวไม่กลัวฤๅ ตัวยิ้มหัวด้วยเหตุอันใด เด็กนั้นจึงกราบทูลแก่พระเจ้าฟ้าริดุ่นว่า ข้าพเจ้ามาคิดเห็นหลาก ธรรมเนียมบิดามารดารักบุตรย่อมเลี้ยงรักษามิให้ยอกเสี้ยนบาดหนามได้ ถ้าว่าบุตรนั้นป่วยเจ็บเปนประการใด ๆ บิดามารดาปริมณเอาชีวิตรเข้าแลกตายแทนบุตรนั้นได้ บัดนี้บิดามารดาข้าพเจ้าเห็นแก่ทองเท่าผลฟักรักยิ่งกว่าตัวข้าพเจ้า จึงส่งตัวข้าพเจ้าให้มา แลพระองค์เจ้าก็โปรดข้าพเจ้าจึงสั่งให้เสนาบดีแลกาฏีปฤกษา (ครั้น) ปฤกษาว่าให้ฆ่าข้าพเจ้าเอาโลหิตประกอบพระโอสถสำหรับพระโรคของพระองค์เจ้า ข้าพเจ้าก็ยังถือใจอยู่ว่าถึงเสนาบดีกาฎีปฤกษาแล้วก็ดี พระองค์ทรงธรรมอยู่มั่นคงเห็นจะโปรด (ประทานชีวิตร) ข้าพเจ้าอยู่แล้ว พระองค์เจ้าก็มิได้โปรดข้าพเจ้า พระองค์ก็มารักแต่ชีวิตรของพระองค์ แลข้าพเจ้าหาที่จะเห็นมิได้แล้ว เหตุฉนี้ข้าพเจ้าจึงยิ้มหัว รำฦกถึงพระผู้ให้บังเกิดตัวข้าพเจ้ามาว่า ทรงพระปัญญาสร้างฟ้าแลดินให้มนุษย์แลสิงสัตว์เกิดในโลกทั้งหลายแล้ว แลให้บังเกิดโรคสิ่งใด ๆ ก็ย่อมให้บังเกิดยาสำหรับรักษาโรคนั้นไว้ทุกประการ แลเหตุใดโรคของพระองค์แต่เท่านี้มิได้บังเกิดยาสำหรับ (รักษา) พระโรคด้วย แลให้บังเกิดข้าพเจ้ามานี้จำเภาะจะให้ประกอบพระโอสถรักษาโรคของพระองค์เจ้าจึงจะคลายฤๅ ข้าพเจ้าคิดฉนี้ข้าพเจ้าจึงอดยิ้มมิได้ แลพระเจ้าฟ้าริดุ่นครั้นได้ยินเด็กกราบทูลนั้นก็รำพึงในพระไทย แล้วจึงตรัสแก่เสนาทั้งปวงว่า พระมหากระษัตริย์เจ้าผู้ทรงธรรมจะเอาโลหิตเด็กนี้ประกอบพระโอสถมาเสวยนั้น ถึงว่าโรคเราจะคลายก็ดี อันว่าความตายนั้นก็มิได้พ้น แลการซึ่งจะทำทั้งนี้ก็จะเลื่องฦๅอยู่ชั่วพระจันทร์พระอาทิตย์ แลเราทรงธรรมมาแต่ก่อนนั้นจะพลอยเสียไป ถึงว่าโรคเราจะมิคลายจะถึงแก่สวรรคตก็ตามบุญเราเถิด

ครั้นตรัสดังนั้นแล้ว จึงโปรดพระราชทานเสื้อผ้าทองเงินแก่เด็กนั้น แล้วก็ปล่อยเด็กนั้นเสีย ในทันใดนั้นพระโรคของพระองค์ซึ่งเปนในพระทรวงนั้นก็หายไป ด้วยพระเจ้าทรงธรรมโปรดเด็กนั้นแล ฯ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ