เดือน ๙ จุลศักราช ๑๒๔๙

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้า ๒ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีลแล้ว เสด็จลงทรงหล่อพระพุทธรูปมีประจำพระชันษาตามธรรมเนียม แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน แล้วเสด็จขึ้น

เมื่อเสด็จออกทรงหล่อพระนั้น พระอัครชายาเธอ หม่อมเจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ ซึ่งประชวรพระโรคเรื้อรังมาช้านาน มาสิ้นพระชนม์ลงในเช้าวันนี้

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช ซึ่งอธิบดีการพิธีพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อยและเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่ในการที่จะเชิญพระศพออกมานั้น เข้าไปพร้อมกันทางประตูพรหมศรีสวัสดิ์ เข้าไปที่ตำหนักซึ่งสิ้นพระชนม์

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงที่ตำหนัก ทรงสรงน้ำพระศพแล้ว เจ้าพนักงานทรงเครื่องตามบูรพประเพณี แล้วเชิญพระศพลงพระโกศลองใน แห่ออกมาทางประตูพรหมศรีสวัสดิ์ มีเครื่องสูงกลองชนะเข้าไปรับ ครั้นพระศพมาถึงหอ ซึ่งแต่เดิมเรียกหอราชพิธีกรรม แล้วเชิญพระโกศขึ้นหอ ตั้งบนแว่นฟ้า ๒ ชั้น พระโกศกุดั่นน้อยประกับนอก แวดล้อมด้วยเครื่องสูงตามธรรมเนียม แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าไตร ๓๐ ผ้าขาว ๓๐ พับ พระสงฆ์สดับปกรณ์แล้วเสด็จขึ้น พระราชทานกลองชนะ ๑๐ คู่ จ่าปี่ จ่ากลอง แตรสังข์ประโคม พระสงฆ์สวดอภิธรรม ๑๖ รูป ทั้งกลางวันกลางคืนกว่าจะได้พระราชทานเพลิง

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำบอกพระเพชรพืชภูมิ ปลัดเมืองเพชรบูรณ์ว่า ได้รับหนังสือเมืองเลยว่า ฮ่อตีเมืองหลวงพระบางแตก พระศรีสงครามเมืองเลยได้แต่งกรมการคุมไพร่ ๕๐ คน ขึ้นไปสืบราชการที่บ้านปากลาย พระเพชรพืชภูมิได้แต่งกรมการคุมไพร่ ๓๐ คน ไปสืบราชการและให้เตรียมไพร่พลเตรียมไว้ แต่กระสุนดินดำสำหรับเมืองไม่มี ขอรับพระราชทานขึ้นไปฉบับ ๑ กับใบบอกพระยาอุตรการโกศลเมืองพิไชย ขอพระราชทานศิลาหน้าเพลิงขึ้นไปเผาศพพระภักดีราช ยกกระบัตรเมืองพิไชย

หลวงวิจารณอาวุธ อ่านบอกพระอัษฎงคต เมืองตระบุรี ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งว่า ได้ออกประกาศให้จีนรับทำภาษีอากรในเมืองตระบุรีจำนวนปีกุน นพศก อีกฉบับหนึ่งว่า นายจงภักดีข้าหลวง ทำทางสายโทรเลขไปถึง ได้ให้เกณฑ์เลกและราษฎรทำทาง ราษฎรร้องทุเลาว่า หน้าไร่หน้านา และปีนี้ก็อดอยากอาหาร ขอทุเลาไปถึงเดือนอ้าย กับว่าราษฎรในแขวงเมืองอพยพไปอยู่เมืองมลิวัน ๒๐๐ ครัว เมืองมะริดหลายร้อยครัว พระอัษฎงได้ให้เกลี้ยกล่อมมาอยู่เมืองตระ ๑๐๐ เศษ

พระยาศรีสิงหเทพนำพระยานนทบุรี นายอั้นมหาดเล็ก กราบถวายบังคมลาขึ้นไปเป็นข้าหลวงเมืองนครหลวงพระบาง โปรดพระราชทานพระบรมราโชวาทและพระราชทานพร และพระราชทานประคำทองสาย ๑ เสื้อผ้าด้วย

พระวิจารณอาวุธ นำพระเสนานุวงศ์ภักดี เมืองคิรีรัฐนิคม กราบถวายบังคมลากลับไปบ้านเมือง เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระกระแสพระราชดำริ และพระบรมราโชวาทแก่พระยานนทบุรี จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๗ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกขุนนาง พระวิจารณอาวุธ อ่านบอกพระพิไชยชนะสงคราม เมืองศรีสวัสดิว่า ไพร่ละว้ารักษาสายโทรเลขอยู่เมืองสุพรรณ อพยพหนีไปอยู่เมืองอุทัยธานี ๘๒ คน ได้แต่งคนไปตาม พระยาอุทัยธานี หลวงอินกำนน ขัดขวางว่า ต่อมีตราจึงจะส่งตัวไพร่

พระราชทานสัญญาบัตร นายโตมหาดเล็กเวรฤทธิ์ เป็นจมื่นอินทรามาตย์ ปลัดกรมพระตำรวจในซ้าย ฝ่ายพระราชวังบวร นา ๖๐๐ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๑ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกขุนนาง พระวิจารณอาวุธ อ่านบอกหลวงอนันต์สมบัติผู้ช่วย หลวงอินทรเดชราช ยกกระบัตร ส่งเงินค่านาจำนวนปีระกา สัปตศก ยกหักพระราชทานเสนากรมการแล้วคงส่งหลวง ๘๗ ชั่ง ๙ ตำลึง ๒ บาท ๑ สลึง ๑ เฟื้อง ๒๘๘ ไพ ให้เสนากรมการคุมเข้ามาส่ง

พระราชทานสัญญาบัตร นายฤทธิรงค์อาวุธ เป็นขุนรุดอักษรเสมียนตรา กรมเกษตราธิการ นา ๖๐๐ นายวิสูตรมณเฑียร เป็นหลวงทิพอักษร เสมียนตรา กรมพระกลาโหม นา ๖๐๐

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

เมื่อเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ออกแขกเมือง เมืองมุกดาหาร

วัน ๒ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาวันนี้ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

วัน ๓ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลา ๒ ทุ่มแล้ว เสด็จออกหอธรรมสังเวช พระศรีสมโพธิถวายเทศนากัณฑ์หลวงกัณฑ์ ๑ แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๔ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลายาม เสด็จออกหอนิเพธพิทยา ทำบุญ ๗ วัน นับแต่วันพระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ สิ้นพระชนม์มา พระสงฆ์ของหลวง ๑๕ รูป ของเจ้าภาพ ๕ รูป สวดมนต์ ครั้นสวดจบแล้ว ทรงทอดผ้าไตรของหลวง ๑๐ พระเจ้าลูกเธอทรงทอด ๕ พระสงฆ์สดับปกรณ์แล้ว บรรพชิตฝ่ายญวนสวดกงเต๊ก แล้วพระเมธาธรรมรสเทศนากัณฑ์ ๑ เวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้า มีเลี้ยงพระที่หอนิเพธพิทยา และมีสดับปกรณ์ มีเทศน์ พระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เสด็จออก พระเจ้าลูกเธอเสด็จ

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

วันนี้ไม่ได้ออกขุนนาง โหรถวายคำนวณจันทรุปราคาในวัน ๔ ๑๔ ๙ ค่ำ เวลาจับ ๘ ทุ่มเศษ โมกข์บริสุทธิ์ ๑๐ ทุ่มเศษ และนาทีต่างๆ กัน

วัน ๗ ๑๐ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จออกห้องดรอริงรูมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พร้อมด้วยตำรวจและมหาดเล็กเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เจ้าพนักงานกรมวัง กรมท่า นำกงสุลโปรตุเกสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้ากรุงโปรตุคอล์ส แสดงความยินดีสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เคาปรินซ มิพระโอรส มีพระราชดำรัสปฏิสันถาร ทรงแสดงความยินดี แล้วเสด็จขึ้น ไม่ได้ออกขุนนาง

วัน ๑ ๑๑ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาค่ำแล้วออกขุนนาง พระศรีเสนานำใบบอกพระไตรสิงหนาท เมืองภูเขียว ว่าเก็บได้เงินแทนทองคำส่วยในกองหลวงศิริราชา หลวงมหานพคุณ กองละ ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง รวมเงิน ๓ ชั่ง ให้นายกองคุมลงมาส่ง กับใบบอกพระยาคธาธรธรนินทร์ เมืองพระตะบอง ๒ ฉบับๆ หนึ่งว่าพระบริรักษ์นุรากร บุตรพระยาปลัด กราบถวายบังคมลาอุปสมบท วัน ๖ ๑๑ ๘ ค่ำ ปีกุน นพศก อีกฉบับหนึ่งว่า พระพิไชยณรงค์ พระพลจางวางบ่อพลอย กัปตันแกมอง แข่งยื่นจำนวนคนขุดร่อนพลอยแขวงเมืองพระตะบองจำนวนปีจอ อัฐศก ไทย ลาว เขมร ๑๒๖๙ พม่าตองซู ๑๙๘๑ รวม ๓๒๖๐ คน ชักภาษีได้เงินหลวง ๖๕๐๐ บาท เป็นเงิน ๘๑ ชั่ง ๕ ตำลึง พระวิจารณอาวุธอ่านบอกพระยาสมบัติภิรมย์ เมืองสงขลา ส่งเครื่องยศเจ้าพระยาวิเชียรคิรี เมืองสงขลา คือ เครื่องราชอิสริยยศปฐมจุลจอมเกล้า ๑ มาลายอดทองคำลงยาราชาวดี ๑ กระบี่ฝักด้ามทองคำ ๑ หมวกทรงประพาส ๑ ประคำทองสาย ๑ กระบี่บั้งทอง ๑ สัปทนแดง ๑ พานทองคำ ๑ คนโททองคำ ๑ กระโถนทองคำ ๑ ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง

โปรดพระราชทานสัญญาบัตร นายชื่นมหาดเล็ก บุตรพระยาจ่าแสนบดี เป็นหลวงสุริยามาตย์ปลัดขวา กรมมหาดไทย ฝ่ายพลำภัง ถือศักดินา ๖๐๐ พระวิชิตภักดีศรีสุริยสงคราม ปลัด เป็นพระยาเสนานุชิต สิทธิมหาสงคราม สยามรัฐภักดีพิริยพาห ผู้สำเร็จราชการเมืองตะกั่วป่า นา ๕๐๐๐ นายพนัมมหาดเล็ก บุตรพระยาเสนานุชิต (นุช) เป็นพระเรืองฤทธิรักษาราษฎร์ ผู้ช่วยเมืองตะกั่วป่า นา ๑๐๐๐ แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๒ ๑๒ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาทุ่มเศษ เสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนาอ่านบอกพระยาสมบัติยาธิบาล หลวงจินดารักษ์ ข้าหลวง พระยาอุไทยมนตรี เมืองปราจีนบุรี ว่าได้มอบเครื่องโรงจักรเมืองปราจีนบุรี ให้กัปตันบาลผู้รับตำแหน่งเข้ามาทำบ่อทองแล้ว แต่เครื่องที่เมืองกบินทร์บุรีนั้น ได้ให้พระยาปราจิณบุรีเป็นผู้มอบให้กัปตันบาล

พระวิจารณอาวุธ อ่านบอกหลวงพิพิธสุพรรณภูมิว่า เก็บเงินค่านาเมืองกาญจนดิษฐ์ ปีมะแม เบญจศก หักสิบลดแล้วคงส่งหลวง เงิน ๔๒ ชั่ง ๕ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๗๖๘ ไพ ว่าได้ส่งครั้งก่อนแล้ว ๔๐ ชั่ง ส่งครั้งนี้เงิน ๒ ชั่ง ๕ ตำลึง ๑ บาท ๒ สลึง ๗๖๒ ไพ ให้เสนากรมการคุมเข้ามาส่ง อีกฉบับหนึ่งว่า เงินค่านาจำนวนปีวอก ฉศก เงินหักแล้วคงส่งหลวง ๔๔ ชั่ง ๔ ตำลึง ๒ บาท ๒ สลึง ๑ เฟื้อง ๖๔ ไพ ได้มอบให้เสนากรมการคุมเข้ามาส่งแล้ว เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๓ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

วันนี้ ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

วัน ๔ ๑๔ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาวันนี้จะมีจันทรุปราคา

เวลาย่ำค่ำ เสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำใบบอกพระยามหาอำมาตย์และเจ้ายุติธรรมธร เมืองนครจำปาศักดิ์ ถวายพระราชกุศลที่โปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้าไตร ผ้าขาว ร่ม รองเท้า หีบศิลาหน้าเพลิง พระราชทานเพลิงศพเจ้าราชบุตร เมืองนครจำปาศักดิ์ ได้เผาเสร็จแล้ว

เวลา ๘ ทุ่ม เป็นเวลาที่โหรคำนวณจันทรุปราคา แต่เมื่อถึงเวลานั้น ฝนตกคลุ้มมืดไม่เห็นดวงจันทร์ ครั้นเวลา ๓ ยาม ๒๐ นาที เห็นดวงจันทร์ จับเป็นจันทรุปราคาแล้วเกือบครึ่งคราส จับทิศอาคเนย์ ขณะนั้น โหรสั่งประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ฆ้องชัยในพระบรมมหาราชวัง แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ที่สรงมุรธาภิเษกกระยาสนาน เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ฆ้องชัยมโหรี พระครูพราหมณ์พิธีพฤฒิบาศ ถวายน้ำพระมหาสังข์ต่าง ๆ ตามขัตติยราชประเพณี แล้วเสด็จขึ้น

เวลาเกือบ ๑๐ ทุ่ม เสด็จออกห้องออกขุนนาง แจกเงินพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ จนเวลาตี ๑๑ แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๕ ๑๕ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาวันนี้ ไม่ได้เสด็จออก เป็นแต่เวลายามเศษ เสด็จออกหอนิเพธพิทยา มีเทศนา ๒ กัณฑ์ แล้วเสด็จออกหอธรรมสังเวช มีเทศนา ๒ กัณฑ์เหมือนกัน เวลา ๕ ทุ่ม เสด็จขึ้น

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เสด็จออกขุนนาง พระวิจารณอาวุธอ่านบอกเมือง

พระยาพิพัฒน์โกษา นำพระยาอภัยพิพิธกราบถวายบังคมลาไปชำระผู้ร้ายเมืองพนัศนิคม และนำพระยานครไชยศรี ซึ่งกลับเข้ามานั้นเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

พระราชทานสัญญาบัตรทหาร ๑๕ นาย คือ หลวงราชเสวก เจ้ากรมรักษาพระองค์ปืนทองปลายซ้าย เป็นเมเยอร์กรมทหารบก ๑ หลวงวิเศษโอสถ เป็นเซอเยินในกรมทหารบก ๑ นายเจ๊ก เป็นกัปตันกรมทหารบก ๑ ขุนอินทรประสาท กรมทหารรักษาพระองค์ในซ้ายเป็นกัปตันกรมทหารบก ๑ หลวงภูวนารถ เจ้ากรมรักษาพระองค์ใหญ่ซ้าย เป็นกัปตันกรมทหารบก ๑ นายหรุ่น เลฟเตแนนต์ กรมทหารมหาดเล็ก เป็นกัปตันทหารบก ๑ หม่อมราชวงศ์อ่ำ ครเนตร กรมทหารมหาดเล็ก เป็นกัปตันทหารบก ๑ นายทิม เป็นเลฟเตแนนต์กรมทหารบก ๑ นายพราม เป็นเลฟเตแนนต์ กรมทหารบก ๑ หม่อมราชวงศ์กริ่ม ชายันต์ เมเยอร์กรมทหารมหาดเล็ก เป็นเลฟเตแนนต์กรมทหารมหาดเล็ก ๑ นายโหมด ชายันต์ กรมทหารมหาดเล็ก เป็นเลฟเตแนนต์ กรมทหารบก ๑ พระองค์เจ้ากาญจโนภาศรัศมี เป็นสัพเลฟเตแนนต์ กรมทหารบก ๑ หม่อมเจ้าวิทยาในกรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ เป็นสัพเลฟเตแนนด์ กรมทหารบก ๑ หม่อมหลวงสุวรรณชายันต์ เมเยอร์กรมทหารมหาดเล็ก เป็นสัพเลฟเตแนนต์ กรมทหารบก ๑ ขุนสุรินทรบริบาล เป็นสัพเลพเตแนนต์ กรมทหารบก ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๗ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาทุ่มเศษ เสด็จออกขุนนาง กรมมหาดไทย นำใบบอกเมืองสุพรรณรายงานนาฝนต้นข้าวฉบับ ๑

พระวิจารณอาวุธ นำใบบอกพระยาอภัยบริรักษ์ เมืองพัทลุงว่า ได้จัดต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการ จำนวนปีจอ อัฐศก ต้นไม้ทอง ๖ ต้น ต้นไม้เงิน ๖ ต้น เทียนพนม ๑๐๐๐ เล่มละบาท ผ้าขาว ๒๐ พับ ไม้มะริด ๑๕ เหลี่ยม เสื่อลวด ๑๕ ลวด ให้นายโตมหาดเล็ก หลวงแสนสงครามคุมเข้ามาส่ง อีกฉบับหนึ่งส่งเงินแทนทองคำส่วยบุตรจีน ๒๓ คน บุตรหมื่นและคนอื่น ๆ คนละ ๑๒ ตำลึง ๑ สลึง ๑ เฟื้อง คิด ๑๘ หนัก เงิน ๑ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๑ สลึง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง อีกฉบับหนึ่งส่งเงินแทนดินประสิว ส่วยในพระบรมมหาราชวัง ๒๕๐ หาบ ฝ่ายพระราชวังบวร ๕๐ เป็นเงินแทนหาบละ ๓ ตำลึง เป็นเงิน ๔๕ ชั่ง ให้กรมการคุมเข้ามาส่ง พระราชทานสัญญาบัตร นายทึ่ง เป็นกัปตันทหารบก ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๑ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

วัน ๒ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาทุ่มเศษ เสด็จออกขุนนาง มีใบบอกตามธรรมเนียม แล้วพระวิจารณอาวุธ นำพระยาเสนานุชิต ผู้ว่าราชการเมืองตะกั่วป่า พระเรืองฤทธิรักษาราษฎร์ ผู้ช่วยราชการ กราบถวายบังคมลากลับไปบ้านเมือง โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องยศ หมวกทรงประพาส ๑ เสื้อทรงประพาส ๑ โต๊ะทองใหญ่ ๑ คนโททอง ๑ กระบี่บั้งทอง ๑ ประคำทอง ๑ สัปทน ๑ เสื้อผ้าสำรับ ๑ แด่พระยาเสนานุชิตเป็นเครื่องยศ พระราชทานถาดทอง คนโททอง พระเรืองฤทธิรักษาราษฎร์ ผู้ช่วยเป็นเครื่องยศ แล้วพระราชทานสัญญาบัตรท้าวบุญคง เป็นพระวิเศษสุรฤทธิ์ เจ้าเมืองบริคัณหนิคม ๑ เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๓ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาค่ำวันนี้ ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง เวลา ๔ ทุ่ม เสด็จออกหอธรรมสังเวช มีเทศนา ๒ กัณฑ์ แล้วเสด็จขึ้น

บอกพระยาสมุทรบุรานุรักษ์ ส่งเงินค่านาจำนวนปีจอ อัฐศก ๘๐ ชั่ง ยังไม่เสร็จสิ้นจำนวน เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง แล้วเสด็จขึ้น

วันนี้ สวดมนต์หล่อพระของพระอัครชายาเธอ ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ไม่ได้เสด็จออก

วัน ๕ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเที่ยงเศษ เสด็จออกหล่อพระ ที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ และทรงประเคนด้วย

เวลาค่ำ เสด็จออกหอนิเพธพิทยา มีเทศน์ ๒ กัณฑ์ แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๖ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกหอธรรมสังเวช มีเทศนามโหสถเป็นส่วนพระราชกุศล พระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ พระสงฆ์ที่ถวายเทศนา ๖ รูป ขึ้นเทศนาพร้อมกันทั้ง ๖ ธรรมาสน์ ถามและแก้บัญหาตามพุทธภาษิตบ้าง ตามอรรถกถาบ้าง ตามโวหารมัตยาธิบายของเธอนั้น ๆ บ้าง ตามบทที่สมมติกันว่าเป็นผู้ว่าที่นั้นๆ คือ พระวิสุทธิสมาจารย์ วัดภคินีนาฏ ว่าที่พระเจ้าวิเทหราช พระเจ้ากรุงมิตถินลา พระธรรมสมาจารย์ วัดสระเกศ ว่าที่มโหสถบัณฑิตย์ พระธรรมกิติ วัดรังษี ว่าที่เสนกาจารย์ของพระยาวิเทหราช พระสมุห์ตาด วัดนาคกลาง ว่าที่ปุกุตกามินเทวินทร์ พระมหาเนื่อง วัดอมรินทร ว่าที่นางอมร พระครูสังฆสิทธิกร วัดประยุรวงศ์ ว่าที่พระยาจุลนีพรหมทัต แล้วพระสมุห์ตาดกลับ ว่าที่เกวัฏาจารย์ ถวายเทศนาแต่เวลาบ่าย ๓ โมง จนเวลายามจบ พระนางเจ้าทรงประเคนผ้าไตรบริกขารเป็นเครื่องบูชากัณฑ์ กปิยมูลภัณฑ์กัณฑ์ละ ๓ ตำลึง เมื่อรูปใดถวายเทศนาแก้บัญหาฉลาด ถูกต้องกับอรรถาธิบายและฉลาดในโวหาร พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานรางวัลตามมากและน้อย เวลายามเสด็จขึ้น

วัน ๗ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำแล้ว ออกขุนนาง พระศรีเสนานำใบบอกพระพลสงคราม เมืองนครสวรรค์ว่า เดิมโปรดเกล้าฯ ให้พระยานครสวรรค์ผู้ถึงแก่กรรมจัดซื้อข้าวไว้ ๓๕ เกวียน จ่ายราชการสิ้น ๓๓-๕๐-๐ ยังคงฉางอยู่ ๑-๕๐-๐ พระพลสงครามจะขอเบิกเงิน ๑๐ ชั่ง ไว้ซื้อข้าวจ่ายราชการต่อไปฉบับ ๑ กับใบบอกพระยาอุปราชเมืองแพร่ ถวายพระราชกุศลเผาศพพระยาพิมพิสารราชา เจ้าเมือง ฉบับ ๑

พระศรีเสนานำจมื่นประธานมนเฑียร ข้าหลวงซึ่งไปรักษาราชการเมืองสุพรรณ กลับเข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

วัน ๑ ๑๐ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาค่ำ เสด็จออกขุนนาง พระศรีเสนานำใบบอกพระไชยราชรักษา ปลัดเมืองสุพรรณบุรี ว่าด้วยโจทก์ฟ้องเรื่องฆ่ากันตาย ๔ ราย เกาะได้ตัวผู้ต้องหามาชำระอยู่ ถ้าเสร็จแล้วเมื่อใดจะบอกเข้ามาให้ทราบครั้งหลังฉบับ ๑ กับใบบอกหลวงจินดารักษ์ข้าหลวง พระเกรียงไกรกระบวนยุทธปลัด หลวงพิสุทธิ์จีนชาติปลัดจีน เมืองฉะเชิงเทรา ขอพระราชทานจีนเพิ่ม บุตรขุนสมานจีนประชาคนเก่า เป็นที่ขุนรักษาจีนภักดี ผู้ช่วยหลวงพิสุทธิ์จีนชาติต่อไป แล้วนำจีนเพิ่มเฝ้าถวายน้ำตาลทราย ๔ หาบ พระราชทานสัญญาบัตรหลวงโลกทีปเป็นพระโหราธิบดี เจ้ากรมโหรหน้า นา ๓๐๐๐ ขุนเทพยากร เป็นหลวงโลกทีป เจ้ากรมโหรหลัง นา ๑๖๐๐ ขุนญาณโยค เป็นขุนเทพยากร นา ๘๐๐ หมื่นวิสูตรวาที เป็นหลวงปฏิภาคยพจกร ล่ามมลายู กรมพระกลาโหม นา ๖๐๐

เสด็จขึ้นประทับออฟฟิศครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๒ ๑๑ ๙ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับห้องดรอริงรูม พระที่นั่งจักรี เจ้าพระยาพลเทพ ฯ ซึ่งว่าการกรมพระกลาโหม นำพระยายุทธการโกศล ผู้กำกับเมืองไทรเข้าเฝ้า พระยาเกไดสวรินทร ผู้ช่วยราชการเมืองไทร เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ดำรัสพระราชปฏิสันถารโดยควร แล้วกราบถวายบังคมลากลับไป การที่พระยายุทธการโกศล พระยาเกไดสวรินทรเข้ามานี้ จะขอเข้ามาเฝ้าสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ในการพระราชพิธีลงสรงเฉลิมพระปรมาภิไธย เพราะเมื่อเวลางานนั้น พระยาทั้ง ๒ หาได้เข้ามาไม่

อนึ่ง วันนี้บาทหลวงฮอนดี ผู้แทนบาทหลวงใหญ่ กับบาทหลวงคอลอมเบต์ ผู้จัดการโรงเรียนแอสซัมชันคอเลช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เชิญเสด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จวางศิลารากโรงเรียนนั้น โปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต เวลาบ่าย ๔ โมง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงพระราชยานผูก ๔ เสด็จแต่หน้าพระที่นั่งจักรีไปประทับท่าราชวรดิษฐ์ ทรงเรือพระที่นั่งอาเล็กซันดรา ล่องลงไปประทับท่าริมห้างเดอเบ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ พระยาภาสกรวงศ์นำบาทหลวงฮอนดี บาทหลวงคอลอมเบต์ลงมารับเสด็จ แล้วเสด็จประทับบนเกย นักเรียนแต่งตัวต่างๆ ประมาณ ๑๕๐ คนเดินถวาย แล้วแห่นำไป เสด็จโดยกระบวนไปประทับปะรำ เด็กนักเรียนถวายแอดเดรส ถวายแล้วทรงตอบ แล้วบาทหลวงเชิญเสด็จไปประทับ ทรงก่อฤกษ์และทรงมีดำรัสสปีซขอบใจบาทหลวง แล้วเสด็จกลับ เมื่อเสด็จกลับนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับคอยที่สนามหญ้า แล้วเสด็จขึ้น

วัน ๓ ๑๒ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง

วัน ๔ ๑๓ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

ไม่ได้เสด็จออกขุนนาง ทำบุญวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า ฯ

วัน ๕ ๑๔ ๙ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกหอนิเพธพิทยา มีเทศนามิลินทปัญหา เป็นส่วนพระราชกุศล พระราชทานแต่พระอัครชายาเธอ พระที่ถวายเทศนานั้น พระธรรมธานาจารย์ถวายเทศนาฉลองโอษฐ์พระยามิลินท์ พระสมุห์ตาด ฉลองพระโอษฐ์พระนาคเสนเถระ แก้ปัญหาตามพุทธภาษิตและอรรถกถาจารย์ และโวหารของท่านนั้นๆ ตามสมควร เวลา ๒ ยาม เทศนาจบ มีเครื่องกัณฑ์และกปิยภัณฑ์เหมือนคราวก่อน เป็นของเจ้าภาพเหมือนกัน เมื่อถวายเทศนาดีฉลาดแก้ไข ก็โปรดพระราชทานรางวัลด้วย เวลา ๒ ยามเสด็จขึ้น

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ