เดือน ๒ จุลศักราช ๑๒๔๙

วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

ไม่ได้เสด็จออก

วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

ไม่เสด็จออก

วัน ๗ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอกพระยาพิสุทธิธรรมธาดา เมืองลพบุรี ว่าเร่งได้เงินแทนทองคำส่วยค้างเก่า ได้เงิน ๑๐ ชั่ง ๖ ตำลึง ๒ บาท แทนทองคำ๑๔ ตำลึง ๓ บาท คิด ๑๔ หนัก ให้นายกองคุมลงมาส่ง กับใบบอกพระเทพสงคราม ปลัดเมืองวิเชียรบุรี ถวายพระราชกุศลเผาศพ พระยาประเสริฐสงคราม เจ้าเมือง ฉบับ ๑ กับใบบอกเพี้ยเมืองจัน ท้าวเพี้ย เมืองกาฬสินธุ์ ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งว่า ท้าวเพี้ยกินรี ผู้ว่าที่พระธิเบศรวงศา เมืองกุสินนราย ส่งเงินแทนผลเร่วส่วย จำนวน ปีวอก ฉศก ปีระกา สัปตศก ปีจอ ฉศก จำนวนละ ๒ ชั่ง ๘ ตำลึง ๒ บาท รวม ๗ ชั่ง ๕ ตำลึง ๒ บาท คิดแทนเร่วหนัก ๒๙ บาท ๕ สลึง ท้าวกินรีคุมลงมาส่ง อีกฉบับ ๑ ว่า ท้าวกินรีว่าที่พระธิเบศรวงศามาช้านานแล้ว ขอรับพระราชทานเป็นที่พระธิเบศรวงศา รับราชการต่อไป

กรมมหาดไทยนำพระเทพสงคราม ปลัดเมืองวิเชียร เฝ้าถวายขี้ผึ้งหาบ ๑ หลวงประชาบาล เมืองบาดาล เฝ้าถวายยาเพชรบูรณ์ ๒๐ ห่อ ท้าวกินรี เมือกุสินารา ถวายขี้ผึ้ง ๕๐ ไพ วันนี้ พระยาธรรมสารนิติ กราบถวายบังคมลาทำพิธีตรียัมปวาย แล้วเสด็จขึ้นประทับออฟฟิศ

วัน ๑ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำแล้ว เสด็จออกประทับห้องออกขุนนาง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาศรีสุนทรโวหาร อ่านประกาศกระแสพระราชดำริ ที่ทรงพระราชดำริว่า เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ เป็นพระโอรสกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ เป็นพระเจ้าลูกเธอในปฐมรัชกาล ส่วนพระองค์เจ้าดารา ซึ่งเป็นพระมารดา เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ก็เป็นแต่พระโอรสกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท นับเป็นพระเจ้าหลานเธอปฐมรัชกาล เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ ก็เป็นพระโอรสของพระเจ้าหลานเธอ หาใช่พระเจ้าหลานเธอทั้งฝ่ายพระบิดา พระมารดา ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ทรงพระกรุณาโปรดยกขึ้นเป็นเจ้าฟ้า ครั้งนี้ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าน้องนางเธอ กรมขุนขัตติยกัลยา ซึ่งสิ้นพระชนม์แล้ว และพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ พระมารดาเป็นพระนัดดาในรัชกาลที่ ๓ และพระเจ้าน้องยาเธอ ๒ พระองค์นี้ เป็นพระราชธิดา พระราชโอรส พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ซึ่งเป็นพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ ฝ่ายพระมารดาพระเจ้าน้องนาง ยา } เธอนี้ ก็ร่วมพระชนกกับกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ นับเป็นพระเจ้าน้องนาง ยา } เธออันสนิท และกรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ก็ประกอบด้วยพระสติปัญญา อุตสาหะซื่อตรง สมควรจะยกย่องพระเกียรติยศให้เต็มตามแบบมาแต่ก่อน จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาพระเจ้านาง ยา } เธอ ๒ พระองค์นี้ ขึ้นเป็นพระเจ้านาง ยา } เธอ เจ้าฟ้า ใช้คำนำหน้าพระนามว่า พระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนขัตติยกัลยา พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ทรงศักดินา ๓๐๐๐๐ ตามตำแหน่งพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามีกรม

ครั้นอ่านประกาศจบแล้ว พราหมณ์เป่าสังข์ พระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้หาพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ เข้าไปหน้าพระที่นั่ง ทรงหลังน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏและทรงเจิมพระราชทานแล้ว พระมหาราชครูพิธี ถวายน้ำสังข์เจ้าฟ้ากรมขุน

แล้วพระราชทานสัญญาบัตร พระยาบำเรอภักดิ์ เป็นพระยาวิเศษสัจธาดา พนักงานรำหางว่าวถือน้ำ กรมพระกลาโหม นา ๑๖๐๐ นายประภาศมณเฑียร เป็นพระพฤฒาธิบดี พนักงานรับหางว่าวถือน้ำประจำปี กรมมหาดไทย ถือศักดินา ๑๖๐๐ จ่าแผลงฤทธิรอนราญ เป็นจมื่นประธารมณเฑียร ปลัดกรมพระตำรวจสนมซ้าย นา ๘๐๐ จมื่นวิไชยยุทธเดชาคนี เป็นจมื่นสมุหพิมาน ปลัดกรมพระตำรวจสนมขวา คงถือศักดินา ๑๐๐๐ นายชม มหาดเล็กเวรศักดิ์ บุตรพระยามหาเทพ เป็นจ่าแผลงฤทธิรอนราญ กรมพระตำรวจใหญ่ซ้าย นา ๖๐๐ นายช่วย มหาดเล็กเวรศักดิ์ บุตรพระศรีทิพโภชน์ เป็นนายรองสุจินดา มหาดเล็กเวรสิทธิ์ นา ๓๐๐ พระรักษาเทพ เจ้ากรมพระตำรวจฝ่ายพระราชวังบวร เป็นพระยาสุริยบดินทร์ สุรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองชัยนาทบุรี นา ๓๐๐๐ แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๒ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

วันนี้เป็นวันดิถีตามสุริยคติกาล คล้ายกับวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการเลี้ยงพระสงฆ์ที่หอธรรมสังเวช เป็นส่วนของหลวง ๑๐ ของข้างใน ๕ มีสดับปกรณ์รายร้อยด้วย

เวลาค่ำ ๒ ทุ่ม เสด็จออกหอธรรมสังเวช พระสงฆ์ที่ฉันเมื่อเช้านี้สวดพระพุทธมนต์ และมีเทศนากัณฑ์ของหลวงกัณฑ์ ๑ พระอมรโมลี ถวายเทศนา เจ้าภาพกัณฑ์ ๑ พระเมธาธรรมรศ แต่พอจะขึ้นธรรมาสน์ ก็เสด็จขึ้น

วัน ๓ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก .ศักราช ๑๒๔๙

เวลาทุ่มเศษ เสด็จออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอก......แล้วพระราชทานสัญญาบัตร พระดรุณรักษา ปลัดจางวาง เป็นพระยาบำเรอภักดิ์ กรมพระตำรวจวังขวา นา ๑๐๐๐ นายต้อ บุตรหลวงภูเบนทรสิงหนาท เป็นขุนจิตรจอมราช ปลัดกรมสนมกลางขวา นา ๖๐๐ พระเทพสงคราม ปลัดเมืองวิเชียรบุรี เป็นพระยาประเสริฐสงครามคามเขต ประเทศราไชย อภัยพิริยพาห ผู้ว่าการเมืองวิเชียรบุรี นา ๕๐๐๐ หลวงประสิทธินพคุณ กรมการ เป็นพระนรินทรภักดีศรีสุรสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองไชยบาดาล ขึ้นเมืองวิเชียรบุรี นา ๑๐๐๐ แล้วเสด็จขึ้นข้างใน

วัน ๔ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

วันนี้ เริ่มการพระราชพิธีตรียัมปวาย เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ส่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าลูกเธอ ทรงช้าง ทรงวอ ทรงรถ เสด็จไปทอดพระเนตรโล้ชิงช้า บนพลับพลาวัดสุทัศนเทพวราราม เจ้าพนักงานเดินขบวนแห่ พระยาธรรมสารนิติ ซึ่งสมมติว่าเป็นคนทรงพระอิศวร มาแต่ทางริมกำแพง ข้ามสะพานช้างเข้าซุ้ม ยืนให้หมู่มาลีวันโล้ชิงช้า ๓ กระดานแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จกลับมาประทับพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เดินขบวนแห่พระยาธรรมสารนิติมาตามถนน ผ่านหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท พระยาธรรมสารนิติลงเดินเข้ามาถวายบังคมหน้าพระที่นั่ง พระราชทานผลกัลปพฤกษ์ ๒๐๐ แล้วแห่ไปทางวัดพระเชตุพน ไปวัดราษฎร์บุรณะ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น ตั้งแต่วันนี้ไปจนวันแรมค่ำ ๑ พราหมณ์ทำพิธีตรียัมปวาย ๑๐ วัน

เวลาทุ่ม เสด็จออกขุนนาง กรมมหาดไทยอ่านบอก............

พระยาพิพัฒน์โกษานำพระยาภาสกรวงศ์ เอกอัครราชทูต ๑ พระอมรวิไสยสรเดช อุปทูต ๑ เดอแนน พระวรเดชศักดาวุธ และกัปตันหลวงฤทธิณรงค์รอญ ๒ คนนี้เป็นมิลิตเตรี อัตเตเช ขุนวรการโกศล นายกวด หุ้มแพร มหาดเล็ก ๒ คนนี้ อัตเตเช นายผึ่ง มหาดเล็กไปรเวต สิเกรตารี ทูต ๑ นายสุด นายเล็ก มหาดเล็ก ล่าม ๒ คน กราบถวายบังคมลาไปราชการเมืองญี่ปุ่น พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำสังข์และทรงเจิมพระราชทานพระยาภาสกรวงศ์ เอกอัครราชทูต และพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศ มงกุฎสยามชั้นที่ ๓ มัณฑนาภรณ์ แด่พระวรเดชศักดาวุธ แล้วเสด็จขึ้น

ซึ่งพระยาภาสกรวงศ์ออกไปเมืองญี่ปุ่นครั้งนี้ เป็นผู้เชิญพระราชสาส์น และเครื่องราชอิสริยยศอันมีเกียรติยศรุ่งเรืองยิ่ง มหาจักรีบรมราชวงศ์ ออกไปยังสมเด็จพระเจ้ามุตสุหิโต เมกาโด บรมราชาธิราชประเทศญี่ปุ่น และเป็นผู้มีอำนาจที่จะได้แลกเปลี่ยนหนังสือแรติพิเดชันแห่งหนังสือประกาศทางพระราชไมตรี ซึ่งกรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ เป็นผู้แทนฝ่ายพระเจ้าอยู่หัวของเรา และผู้มียศชื่อตัวชื่อชุสสัมมิเซียวโซ ชื่อตระกูล ชื่อเอาคี ผู้รองเสนาบดีว่าการต่างประเทศ เป็นผู้แทนคอเวอนเมนต์ญี่ปุ่น ได้ทำและลงชื่อที่กรุงโตเกียว วัน ๒ ๑๑ ๙ ค่ำ ปีกุน นพ๒๐ศก ศักราชโหรสยาม ๑๒๔๙ ตรงกับวันที่ ๒๖ เดือนที่ ๙ ศักราชเมซี ปีที่ ๒๐ ตรงกับวันที่ ๒๖ เสบเตมเบอ คริสต์ศักราช ๑๘๘๗

วัน ๕ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาค่ำวันนี้ เป็นวันตั้งน้ำวงด้ายพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ เจ้าพนักงานตั้งการพระราชพิธีเต็มตามตำราโสกันต์ เขาไกรลาส แต่เขาไกรลาสนั้นโปรดเกล้า ฯ ให้ใช้เขาไกรลาสศิลาใน ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้ทำขึ้นใหม่ในพระราชอุทยานริมพระวิมานรัตยานั้น แทนเขาไกรลาสซึ่งเคยทำขึ้นหน้าพระที่นั่งจักรีในการพระราชพิธีเช่นนี้

การบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทมุขตะวันออก ตั้งพระแท่นมณฑล ตั้งเครื่องมงคลตามพระราชพิธีมุขตะวันตก ตั้งแท่นพระสงฆ์สวดภาณวาร และตู้เทียนชัย เขาไกรลาสศิลาในพระอุทยานนั้น ก็ประดับ ตกแต่ง บนยอดเขาตั้งบุษบกใหญ่ทรงรูปพระอิศวร มีเครื่องสูงล้อมบุษบก ๑๒ องค์ และมีบุษบกเล็ก ๔ ทิศ หน้าเขาไกรลาสด้านเหนือมีที่สรงติดอยู่กับเขาไกรลาส มีรูปช้าง ม้า โค ราชสีห์ ยืนพ่นน้ำที่จะสรงไหลตรงมาลงที่สรง ในบริเวณเขานั้นมีรูปช้างต่าง ๆ ม้าต่างๆ โค กระบือ ราชสีห์ คชสีห์ นก ชะนี ประดับทั่วไปทั้งบริเวณเขา และต้นไม้ประดับดอกไม้จีน ลูกแก้ว อย่างเขาไกรลาสที่เคยทำนั้น เป็นที่สนุกสนาน ตามระยะทางที่จะแห่ และรอบพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รายค่ายราชวัติฉัตร์เบญจรงค์ตลอด

เวลาย่ำค่ำแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จทรงจุดเทียนบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส พระองค์เจ้าพระ พระราชาคณะผู้ใหญ่ ๒๐ องค์ ราชาคณะรามัญ ๔ องค์ สวดพระพุทธมนต์ ตั้งน้ำวงด้ายในการพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์

ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้เสด็จออกนั้น เพราะพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี ไม่ทรงสบายในการที่ประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เมื่อเร็วๆ นี้

วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้ ๒๔ รูป กับพระราชาคณะอีก ๓๖ รูป พร้อมกันในพระที่นั่งนั้น พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ ทรงศีลแล้ว ทรงถวายเทียนชนวนแก่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ๆ เสด็จไปทรงจุดเทียนชัย พระสงฆ์อีก ๕๙ รูปสวดคาถาจุดเทียนชัย ครั้นจุดเทียนชัยแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระแล้วทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอที่จะโสกันต์ เสด็จทรงประเคนผ้าไตรสลับแพร พัดรอง ย่ามโหมดเทศ แก่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ และพระสงฆ์ทั้ง ๖๐ รูป แล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรก ถวายพระพรลา พระราชาคณะ ๔ รูป ขึ้นสวดภาณวาร มีพระราชาคณะผู้ใหญ่นั่งปรกรูป ๑ ผลัดเปลี่ยนกันสวดไปกว่าจะสิ้นพระราชพิธีสรง พอพระสงฆ์ขึ้นเตียงสวด พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

อนึ่ง ในการพระราชพิธีโสกันต์นี้ พราหมณ์ตั้งพิธีพราหมณ์ที่หอเวชวิทยาคม ตามธรรมเนียมพราหมณ์วิธี

เวลาบ่าย เจ้าพนักงานเตรียมการที่จะแห่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เสด็จมาทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงประทับเกยหน้าฉนวนพระที่นั่งนงคราญสโมสร โปรดให้เรียกขบวนแห่เข้าไปในพระบรมมหาราชวัง ขบวนที่เข้าไปข้างในนั้น ก็เหมือนกันกับที่เคยมา ทรงส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงยานมาศ เดินขบวนพร้อมด้วยเครื่องแห่ทั้งปวง ออกประตูราชสำราญ บรรจบขบวนที่อยู่นอกประตูแห่มาตามรัถยาราชวัติฉัตรเบญจรงค์ ถนนที่แห่มานั้น ก็ปูเสื่อตลอดตามระยะราชวัติ มีปี่พาทย์รายทาง และกรมอาสาต่าง ๆ ถือศัสตราวุธ นั่งกลาบาตทุกระยะ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งจักรี เสด็จทรงพระราชยานมาประทับที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ คอยรับขบวน ขบวนแห่เดินมาเข้าประตูพิมานไชยศรี ขบวนทหารเดินไปหยุดหน้าหอพระสมุดวชิรญาณ ซึ่งแต่ก่อนเป็นทิมดาบตำรวจนั้น คู่แห่เทวดาเดินเข้าไปในชลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แต่นำริ้วและกลองแขก คู่แห่เด็กเดินผ่านหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ จนสิ้นขบวนเครื่องสูง มยุรฉัตร ครั้นพระยานมาศมาถึงเทียบเกยหน้าพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ ทรงพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอขึ้นจากพระยานมาศ ขบวนหลังเดินสิ้นขบวนแล้ว เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงฟังสวดในพระฉาก พระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนนมัสการ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีลแล้ว แล้วพระสงฆ์ทั้ง ๖๐ รูปสวดพระพุทธมนต์สัตปริตร เวลาย่ำค่ำเศษ สวดมนต์จบ แห่กลับตามทางเดิม พระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทางพระที่นั่งจักรี เสด็จพระราชดำเนินไปรับพระกรทางเกยหน้าท้องฉนวน แล้วเสด็จขึ้น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงแต่งพระองค์ทรงเกี้ยวยอดตามธรรมเนียม ขบวนแห่มีทหารปืนเล็กและผู้นำริ้วกลองแขก คู่แห่เทวดา คู่แห่เด็กศีรษะจุก แขกชวา มลายู จีน กลองชนะ แตรสังข์นอกใน เครื่องสูงหน้าหลัง คู่เคียงอินทร์พรหม และอื่น ๆ ตามแบบ คู่เคียงนั้นคือพระยาอิศรานุภาพ พระยาพิไชยบุรินทรา คู่ ๑ พระยามณเฑียรบาล พระยาเกษตรรักษา คู่ ๒ พระยานรานุกิจมนตรี พระยาศิริไอสวรรย์ คู่ ๓ พระยาราชโยธา พระยาเสนาภูเบศร คู่ ๔ พระยาไพบูลย์สมบัติ พระยาบำเรอบริรักษ์ คู่ ๕ พระยาอัษฎาเรืองเดช พระบริรักษ์ราชา คู่ ๖ พระยาสุรินทรราชเสนี พระยาสุเรนทรราชเสนา นำริ้ว

การมหรสพชั้นใน ที่เป็นผู้ชาย คือโมงครุ่ม กุลาตีไม้ ระเบ็ง ที่เป็นผู้หญิง คือรำต้นไม้ทอง เงิน รับขบวน ๒ คู่ เขี้ยวกาง ๑ คู่ เขี้ยวกางยืนประตู ๑ คู่

การเล่นชั้นนอกคือ กระอั้วแทงควาย สิงโต ญวนหก ไม้ลอย ไม้ต่ำสูง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องดำ ไม่ได้ทรงเครื่องทรงพระมหามงกุฎเหมือนทุกครั้ง พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์เยียรบับผ้าทรงเขียนทอง ข้าราชการฝ่ายทหาร และกรมที่มีเสื้อยศ แต่งเต็มยศของกรมนั้น ๆ ข้าราชการพลเรือนและที่ไม่มีเสื้อยศสำหรับกรม นุ่งถมปักลายเสื้อเยียรบับเข้มขาบ

วัน ๗ ๑๐ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้า เลี้ยงพระที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ๒๐ รูป เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ มีการแห่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ มาทรงฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ เวลาเกือบทุ่ม แห่กลับเหมือนวานนี้

วัน ๑ ๑๑ ๒ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

วันนี้เช้า เลี้ยงพระ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ แห่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และแห่กลับเหมือนวันก่อน

วัน ๒ ๑๒ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้าก่อนโมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ส่งพระกรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงพระยานมาศแห่แต่เกยพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ มาเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จมารับพระกรที่พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนนมัสการทรงศีล สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงเครื่อง ถอดแล้วเสด็จออกมาประทับมุขตะวันออก เจ้าพนักงานแบ่งพระเกศาเป็นปัญจสีขร คือ ๕ ปอย แบ่งกลางปอย ๑ อีก ๔ ปอย ๔ มุม การที่แบ่ง ๕ ปอยนี้ เป็นการพิเศษ คือใช้แต่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเท่านั้น การแบ่ง ๕ ปอยนี้ ในเวลาปัจจุบันนี้ กรมภูษามาลาไม่มีใครจำได้เลย ต้องรับพระราชทานวิธี แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แบ่งพระเกศาแล้วคอยเวลาพระฤกษ์ ครั้นถึงเวลาพระฤกษ์เช้า ๑ โมง ๔๙ นาที เป็นปฐมฤกษ์ พระเจ้าอยู่หัวทรงหลังน้ำพระมหาสังข์ลงเหนือพระเกศาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ แล้วทรงเจริญพระเกศา ๒ ปอย โปรดให้กรมขุนบดินทรไพศาลโสภณ กรมขุนเจริญผลพูลสวัสดิ์ สมเด็จกรมพระจักรพงศ์ เจริญพระเกศาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ องค์ละปอย ขณะนั้น พระสงฆ์สวดชัยมงคล เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์มโหรี ครั้นทรงเครื่องเสร็จแล้ว เสด็จไปสรงน้ำที่ออกจากปากสัตว์ทั้ง ๔ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ และโปรดให้สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชเทวี พระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดีที่ถวายน้ำพระพุทธมนต์ ฝ่ายหน้าคือกรมขุนบดินทร กรมขุนเจริญ สมเด็จกรมพระจักรพรรดิพงศ์ สมเด็จกรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ กรมหลวงพิชิตปรีชากร เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ เจ้าพระยาสุรวงศ์ เจ้าพระยารัตนบดินทร เจ้าพระยาพลเทพ ฝ่ายในคือ พระองค์เจ้าแม้นเขียน พระองค์เจ้ากินรี พระองค์เจ้าบุตรี พระองค์เจ้าโสมาวดี พระองค์เจ้าประภัศร พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ พระองค์เจ้าจันทราสรัทวาร พระองค์เจ้าเยาวมาลย์นฤมล พระเจ้าบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดวงประภา เจ้าคุณเป้า เจ้าคุณคลี่ ครั้นสรงแล้วเสด็จขึ้นมาทรงประเคน พระสงฆ์รับพระราชทานฉัน สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงเครื่องผ้าทรงจีบ ทรงสไบตาดปัก ออกมามุขตะวันออก พระสงฆ์ฉันแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี ข้าราชการ ประชุมพร้อมกัน โปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระสุพรรณบัฏ เฉลิมพระนามตามประเพณีเจ้าฟ้า ครั้นจบแล้วเจ้าพนักงานประโคม พระสงฆ์สวดชัยมงคล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระสุพรรณบัฏซึ่งจารึกพระนามว่า (สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี) และพระราชทานเครื่องราชอิสริยยศมหาจักรี บรมราชวงศ์อย่างขัตติยกัลยาวดี และพระราชทานพานหมากเสวยลงยาเครื่องในพร้อม ๑ พานหีบหมากเสวยลงยา ๑ บ้วนพระโอษฐ์ลงยา ๑ พระเต้าน้ำลงยา ๑ กาน้ำเสวยลงยา ๑ ขันน้ำฝาครอบลงยา ๑ เป็นเครื่องยศ แล้วโปรดให้ทรงถวายของพระ แล้วสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ดับเทียนชัยแล้ว เสด็จขึ้นทรงเครื่องสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงเครื่องต้น ทรงพระมงกุฎแห่กลับ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เมื่อแห่กลับขบวนเปลี่ยนเครื่องแดงตามธรรมเนียม

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ แห่มาสมโภชตามทางเดิม ขบวนแต่ง

เครื่องแดง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ทรงพระชฎากฐิน ๕ ยอด สมโภชบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทตรงกลาง เวียนเทียนครบ ๕ รอบ แล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิม และพระราชทานพระธำมรงค์เพชร ๔ วง เงิน ๒๐ ชั่ง โปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ท่านเสนาบดีที่ถวายน้ำพระพุทธมนต์นั้น ถวายทรงเจิมยกแต่กรมหมื่นประจักษ์ เติมเจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ถวายทรงเจิมแล้วแห่กลับตามทางเดิม

วันนี้ เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระเจ้าบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปทุเมศ ซึ่งเป็นพระโอรสในกรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ซึ่งเสด็จลงมาอยู่ในพระบรมมหาราชวัง และทรงประชวรพระโรคชรามาช้านาน สิ้นพระชนม์ พระชันษา ๗๗ ปี

วัน ๓ ๑๓ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเข้าไปสรงน้ำพระศพพระองค์เจ้าปทุเมศ ทรงเครื่องตามโบราณวิธี แล้วเชิญลงลุ้งหุ้มผ้าขาวขึ้นเสลี่ยงหิ้ว มีเครื่องสูงกลองชนะ แห่ออกประตูพิศาลทักษิณ ประตูวิจิตรบรรจง ขึ้นเสลี่ยงแปลง พระราชทานโดยลายยาประทับนอก แห่ไปส่งไว้วังกรมหมื่นราชศักดิสโมสร

เวลาย่ำค่ำ แห่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ มาสมโภชที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเหมือนเวลาวานนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงชฎาเดินหน ผู้ที่ถวายทรงเจิมก็เหมือนเวลาวานนี้ เปลี่ยนบ้าง สมเด็จพระนางเจ้าบรมราชเทวี ไม่ได้เสด็จ และยกกรมหมื่นนเรศ กรมหลวงพิชิต เจ้าฟ้ากรมขุนนริศร เป็นกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม กรมหมื่นศิริธัชสังกาศ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงินสมโภช ๒๐ ชั่ง สมโภชแล้วแห่กลับ

วัน ๔ ๑๔ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาย่ำค่ำ แห่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาสมโภชที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาสมโภชแล้วพระราชทานเงิน ๒๐ ชั่ง ผู้ถวายทรงเจิมวันนี้ เหมือนเวลาวานนี้ เปลี่ยนบ้างคือ ยกกรมหมื่นศิริธัช เติมกรมหมื่นนเรศ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศร สมโภชแล้วแห่กลับ

วัน ๕ ๑๕ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาบ่าย ๕โมงเศษ เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานเสด็จออกไปทอดพระเนตรพระเมรุ จนเวลาค่ำ ทอดพระเนตรทั่วแล้ว เสด็จมาประทับพลับพลาริมพระเมรุ พระราชทานเสื้อ แม่กองนายด้าน ผู้ทำการพระเมรุ แล้วเสด็จกลับมาประทับวังกรมสมเด็จ ทอดพระเนตรแว่นฟ้า แล้วเสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง ประทับที่หน้าพระที่นั่งจักรี กรมหลวงเทวะวงศ์ ฯ ถวายเครื่องวัดโกปีอย่างใหม่ใช้หมุน เป็นของคิดใหม่ ทอดพระเนตรอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จขึ้น

วัน ๖ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาวันนี้ ไม่ได้ออกขุนนาง เริ่มการเฉลิมพระชนมพรรษา พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวี เวลาค่ำ มีการสวดมนต์ที่พระที่นั่งสุทธาศรีอภิรมย์ที่พระนางเสด็จอยู่ เป็นสวดไทย ๕ รามัญ ๕ ตั้งพระแท่นมณฑล เวลาทุ่มเศษ โปรดให้นิมนต์พระเข้าไปถวายผ้าไตร พัดรอง พระธรรมไตรโลก ๑ พระครูปริตรไทย ๔ พระสุเมธาจารย์ ๑ พระปริตรรามัญ ๔ ครองผ้าแล้วสวดพระพุทธมนต์ เวลาค่ำวันนี้ พระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปพร้อมกัน จนเวลา ๔ ทุ่ม เสด็จกลับออกมา

วันนี้พราหมณ์แห่พระอิศวรตามธรรมเนียม

วัน ๗ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙

เวลาเช้า ๓ โมง โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่สวดมนต์เมื่อคืนนี้เข้าไปรับพระราชทานฉัน ทรงถวายบริขารต่างๆ เป็นอันมาก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรก ถวายพระพรลา พระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปพร้อมกัน โปรดให้รับพระราชทานอาหารในโน้น

เวลาย่ำค่ำ โปรดให้พระมหาราชครูพิธี พราหมณ์พิธีทั้งหลายเข้าไปถวายข้าวตอก ข้าวเม่า ในการพระราชพิธีตรียัมปวาย โปรดพระราชทานเงินทั่วกัน

เวลาทุ่มเศษ โปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ที่จะสวดนวัคทายุสมธรรม ๕ รูป เข้าไปสวดสะเดาะคั่น กับโหรบูชาเทวดาในพระที่นั่งสุทธาศรีอภิรมย์ พระบรมวงศานุวงศ์เข้าไปพร้อมกัน เวลา ๕ ทุ่มเศษสวดจบ

หมายเหตุ (ในสมุดไดอารี ตั้งแต่วัน ๑ ๒ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙ จนถึงวัน ๒ ๑๕ ๔ ค่ำ ปีกุน นพศก ศักราช ๑๒๔๙ ต้นฉบับไม่ได้จดไว้)

(หมดฉบับเพียงนี้)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ