จดหมายฉบับที่ ๘

บ้านถนนเจริญกรุง กรุงเทพ ฯ

วันที่ ๒๓ ตุลาคม ร.ศ. ๑๓๑

ถึง พ่อประดิษฐ

ด้วยเมื่อศก ๑๒๓ ฉันไปตามเสด็จประพาศต้น ได้มีจดหมายเล่าเรื่องประพาศครั้งนั้นไปยังพ่อประดิษฐ เปนจดหมาย ๗ ฉบับ จดหมายเรื่องนี้ได้ลงพิมพ์ในหนังสือทวีปัญญารายเดือน ตั้งแต่เดือน เมษายน ร.ศ. ๑๒๕ เดือนละฉบับจนจบเรื่อง บัดนี้คิดจะรวมจดหมายเรื่องประพาศต้นเข้าพิมพ์เปนเล่มเดียวกัน ฉันเที่ยวหาต้นฉบับทั้งที่ลงพิมพ์ในหนังสือทวีปัญญาแลที่มีต้นร่างอยู่ รวบรวมได้จดหมายแต่ ๖ ฉบับ ขาดจดหมายฉบับที่ ๓ ตอนเสด็จประพาศเมืองราชบุรี หาต้นฉบับไม่ได้ จึงต้องมีจดหมายฉบับนี้มายังพ่อประดิษฐ ขอให้ช่วยค้นต้นจดหมายเหล่านั้น ถ้ายังมีอยู่ที่พ่อประดิษฐขอจงสงเคราะห์คัดสำเนาจดหมายฉบับที่ ๓ ทิ้งไปรสนีย์ส่งมาให้ด้วย ถ้าได้สำเนามาดังประสงค์ ฉันจะขอบคุณพ่อประดิษฐเปนอันมาก

บางทีพ่อประดิษฐได้เห็นจดหมายฉบับนี้ จะนึกฉงนว่าจดหมายเรื่องประพาศต้นก็ได้ลงพิมพ์เปน ๕-๖ ปีมาแล้ว เหตุใดจึงพึ่งจะมาคิดรวมพิมพ์เปนเล่มต่อเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จสวรรคตล่วงไปแล้ว คำอธิบายในข้อนี้ขอชี้แจงว่าเมื่อพิมพ์เรื่องประพาศต้นลงในหนังสือทวีปัญญารายเดือน ผู้ที่อ่าน โดยเฉภาะผู้ที่ได้ตามเสด็จไปด้วยในคราวนั้น พากันชอบว่าเปนหนังสืออ่านสนุกดี มีผู้อยากจะให้พิมพ์รวมเปนเล่มแต่ครั้งนั้นแล้ว เพราะเรื่องเสด็จประพาศต้น เปนเรื่องที่สำหรับเล่ากันเล่นอยู่เรื่องหนึ่ง แต่ฉันไม่เห็นมีสาระพอถึงแก่ควรที่จะพิมพ์ขึ้นใหม่ จึงได้เพิกเฉยเลยมา ครั้นเมื่อสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จสวรรคตแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ในรัชกาล ๕ กลายเปนเรื่องเก่า “เมื่อกระนั้น” สำหรับชอบเล่าชอบคุยกัน เรื่องประพาศต้นนี้เปนเรื่องหนึ่งซึ่งกลับเปนเรื่องชอบเล่ากันขึ้น มีเพื่อนฝูงมาชักชวนให้พิมพ์รวมเปนเรื่องขึ้นใหม่มากกว่าแต่ก่อน ฉันใคร่ครวญดูมาคิดเห็นว่า เรื่องประพาศต้น แม้จดหมายเดิมแต่งเปนเรื่องสำหรับอ่านกันเล่นสนุก ๆ ก็จริงอยู่ แต่ถ้ามาอ่านในเวลานี้โดยตั้งใจใคร่ครวญ ก็อาจจะแลเห็นความกว้างขวางออกไป เปนต้นว่าเหตุใดสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงจึงเปนที่รักใคร่ของอาณาประชาราษฎรทั่วหน้า สมกับที่ได้ถวายพระนามจาฤกไว้ในฐานพระบรมรูปทรงม้าว่า “ปิยมหาราชาธิราช” ที่จริงพระองค์ทรงรักใคร่ในไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเหมือนกับบิดารักบุตร พอพระราชหฤทัยที่จะคุ้นเคยคบหาแลถึงเล่นหัวกับอาณาประชาราษฎรโดยมิได้ถือพระองค์ ยกตัวอย่างดังจะเห็นได้ในเรื่องประพาศต้นนี้เปนพยาน การที่พระองค์ทรงสมาคมกับราษฎร ไม่ใช่สักแต่ว่าเพียงจะรู้จักหรือจะสนทนาปราไสให้คุ้นเคยกันเท่านั้น ย่อมทรงเปนพระราชธุระไต่ถามถึงความทุกข์ศุข แลความเดือดร้อนที่ได้รับจากผู้ปกครองอย่างใด ๆ บ้างทุกโอกาศ ผู้ที่เคยตามเสด็จย่อมเคยได้ยินแลทราบความอันนี้ ฉันได้เคยเห็นบางทีราษฎรกราบทูลร้องทุกข์ เปนข้อความซึ่งทรงพระราชดำริห์เห็นว่าเปนความทุกข์ร้อนจริง ทรงรับธุระมาต่อว่า ทำเอาเจ้าน่าที่ตั้งแต่เสนาบดีลงมาได้ความรำคาญใจหลายคราว บางทีถึงต้องผลัดเปลี่ยนพนักงานปกครองก็มีบ้าง เปนเหตุให้การเสด็จประพาศเปนคุณเปนประโยชน์แก่ความศุขสำราญของราษฎรได้อิกเปนอันมาก ใช่แต่เท่านั้น บรรดาราษฎรที่ได้เสด็จไปทรงคุ้นเคยในเวลาเสด็จประพาศ พระองค์มิได้ทรงละลืม ในเวลาต่อมาเมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาถึงกรุงเทพฯ จะเข้าไปเฝ้าแหน ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโอกาศให้เข้าเฝ้าได้ตามความปราถนา บางทีถึงรับสั่งให้เข้าไปรับพระราชทานเลี้ยงในพระราชวัง รับสั่งเรียกพวกที่ทรงคุ้นเคยเหล่านี้ว่าเพื่อนต้น มีอยู่ทั้งชายหญิงแทบทุกหัวเมืองที่ได้เสด็จประพาศ เมื่อครั้งเสด็จยุโรป ร.ศ. ๑๒๖ ได้ทรงหาของฝากมีไม้เท้าเปนต้น เข้ามาฝากพวกเพื่อนต้น เมื่อพวกเหล่านั้นทราบว่าเสด็จกลับ ใครเข้ามาเฝ้าเยี่ยม ก็ได้พระราชทานของฝาก ไม้เท้าพระราชทานเลยเปนเครื่องยศสำหรับพวกเพื่อนต้นถือเข้าเฝ้า ทั้งเวลาเข้ามาเฝ้าในกรุงเทพฯ แลเฝ้าตามหัวเมืองเวลาเสด็จประพาศไม่ว่าที่ใด ๆ เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัตยุบันนี้ ทรงเคารพต่อพระราชนิยมของสมเด็จพระบรมชนกนารถ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้พวกเพื่อนต้นเข้ามาทำบุญให้ทานในงานพระบรมศพ แลถวายพระเพลิงเหมือนกับเปนข้าราชการ แลยังพระราชทานเครื่องประดับไม้เท้าสลักอักษรพระนาม จ. ป. ร. ให้ติดไว้เปนที่รฦก ทั้งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เฝ้าแหนเพ็ดทูลพระองค์ได้ต่อไป เหมือนกับเมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทุกประการ ส่วนราษฎรซึ่งพระองค์ได้ทรงคุ้นเคยมาในเวลาเสด็จประพาศแต่ยังเสด็จดำรงพระเกียรติยศเปนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ก็ได้รับพระราชทานไม้เท้า แลพระบรมราชานุญาตเหมือนกับพวกเพื่อนต้นในรัชกาลก่อน มีจำนวนเพื่อนต้นเพิ่มเติมขึ้นในรัชกาลนี้อิกหลายคน ฉันเข้าใจว่าธรรมเนียมประพาศต้นแลเพื่อนต้น จะยังมีต่อไปในรัชกาลนี้เหมือนกับรัชกาลที่ล่วงแล้ว

ตั้งแต่เสด็จประพาศต้นคราวศก ๑๒๓ แล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงยังเสด็จประพาศทำนองเดียวกันอิกหลายคราว บางทีเสด็จประพาศในจังหวัดกรุงเทพฯ นี้เองบ้าง ประพาศตามมณฑลหัวเมืองบ้าง ครั้งหนึ่งใน ร.ศ. ๑๒๕ เสด็จขึ้นไปประพาศเมืองสระบุรี แล้วขี้นทางลำแม่น้ำใหญ่ไปจนถึงเมืองกำแพงเพ็ชร์ คราวนี้ก็สนุกพอใช้ แต่พ่อประดิษฐออกไปอยู่เสียหัวเมือง ฉันจึงไม่ได้จดหมายรายการบอกไปให้ทราบ อิกคราวหนึ่งใน ร.ศ. ๑๒๗ เสด็จประพาศเมืองนครสวรรค์ ขากลับล่องลงทางคลองมะขามเฒ่ามาเมืองสุพรรณบุรี บ้านผักไห่ อ่างทอง แล้วเสด็จกลับทางบางแก้วเข้ากรุงเก่า อิกคราวหนึ่งในศกเดียวกันนั้น เสด็จทางคลองรังสิตไปประพาศถึงเมืองปาจิณ แล้วกลับออกทเลมาเข้าปากน้ำเจ้าพระยา แต่ประพาศคราวหลัง ๆ นี้ ความขบขันน้อยไปกว่าคราวแรก ๆ ด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ราษฎรรู้เสียมากว่าพระเจ้าอยู่หัวโปรดเสด็จอย่างคนสามัญ ถ้าเห็นใครแปลกหน้าเปนผู้ดีชาวบางกอก ก็ชวนจะเข้าใจไปเสียว่าพระเจ้าอยู่หัว บางทีมหาดเล็กเด็กชาพากันไปเที่ยว ไปถูกราษฎรรับเสด็จเปนพระเจ้าอยู่หัวก็มี เพราะฉนั้นในตอนหลังจะหาใครไม่รู้จักพระองค์สนิทอย่างนายช้าง ยายพลับ ไม่มีอิก อิกประการหนึ่งตั้งแต่เสด็จกลับจากยุโรปคราวหลัง มีเรือยนตร์เข้ามาใช้ในกระบวนเสด็จ ๆ ประพาศด้วยเรือยนตร์เสียมาก เมื่อเสด็จประพาศด้วยเรือยนตร์แล้ว ก็ต้องเปนอันรู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวอยู่เอง จึงไม่ใคร่มีเรื่องขบขันอย่างคราวแรก

วันนี้เปนวันทำบุญถวายสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ในวันตรงกับวันเสด็จสวรรคตครบ ๒ ขวบปี ดูคนในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เจ้านายตลอดลงมาจนราษฎร ทำบุญให้ทานกันมาก ที่สำคัญนั้นฉันเห็นว่าที่พากันไปถวายบังคมพระบรมรูปทรงม้าที่น่าพระลานไม่ว่าใครต่อใคร ดูผู้คนล้นหลามตั้งแต่เช้าจนกลางคืน เห็นจะเปนธรรมเนียมปีดังนี้เสมอไป ที่จริงพระบรมรูปทรงม้าองค์นี้ควรนับว่าเปนของวิเศษได้ ไม่เฉภาะแต่ที่เปนของงดงามสง่าพระนคร หรือเปนพระบรมรูปสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเท่านั้น ถ้าผู้ใดรู้เรื่องราวของพระบรมรูปนี้ ว่าเปนของชาวสยามทุกชั้นบันดาศักดิ์ทั่วทุกหนแห่ง ได้เข้าเรี่ยรายตามกำลังแลใจสมัค อย่างต่ำตั้งแต่คนละ ๑๐ สตางค์ก็มี สร้างขึ้นด้วยความรักใคร่เปนใจเดียวกัน ถวายสมโภชสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รวมเงินได้กว่า ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เกินราคาพระบรมรูปนี้สัก ๕ เท่า ใช่แต่เท่านั้น พระบรมรูปนี้ได้แล้วสำเร็จทันถวายพระองค์ ได้ทรงอนุโมทนาแลประจักษ์แก่พระราชหฤทัย ว่าความรักใคร่สวามิภักดิ์ของคนทั้งหลายมีมากมายกว้างขวางทั่วไปเพียงไร ผู้ใดรู้เรื่องที่กล่าวมานี้ ก็จะเข้าใจได้ว่าพระบรมรูปทรงม้านี้ผิดกับอนุสาวรี หรือวัดวาที่จะสร้างถวายเฉลิมพระเกียรติยศเมื่อพระองค์ล่วงลับไปเสียแล้ว อันจะเปนที่รฦกแลปรากฎแต่แก่ผู้อื่น แต่ส่วนพระองค์เองมิได้ทันทอดพระเนตรเห็น ฉันได้ไปถวายบังคมพระบรมรูปแล้ว กลับมาก็เขียนจดหมายฉบับนี้ มาเกิดนึกขึ้นว่า บางทีการพิมพ์หนังสือเรื่องประพาศต้นครั้งนี้จะมีส่วนกุศลบ้างกระมัง เพราะเหตุที่จะให้ผู้อ่านเจริญความรฦกถึงในพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ถ้าแลมีส่วนกุศลเพียงไรในการพิมพ์หนังสือเรื่องนี้ ฉันตั้งใจอุทิศส่วนกุศลนั้นถวายสนองพระเดชพระคุณแด่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ตามสติกำลัง ขอให้พ่อประดิษฐจงอนุโมทนาด้วยเทอญ ฯ

นายทรงอานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ