จดหมายฉบับที่ ๒

วัดโชติทายการาม คลองดำเนินสดวก

วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๓

ถึง พ่อประดิษฐ

ฉันได้บอกมาในจดหมายฉบับก่อนว่า จะจดหมายส่งข่าวคราวการเสด็จประพาศมาให้ทราบเนือง ๆ วันนี้ประทับแรมอยู่ที่วัดโชติทายการาม คลองดำเนินสดวก ฉันมีเวลาว่างอยู่บ้างจึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้ฝากเขามาให้ หวังใจว่าจะไม่ไปหายสูญเสียกลางทาง

เสด็จออกจากบางปอินเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๓ ล่องลงมาตามลำแม่น้ำ เรือฉันมาล่วงน่า ทราบว่าเสด็จประทับวัดปรไมยิกาวาศครู่หนึ่ง แล้วเลยประพาศสวนสท้อนของนายบุตร ที่แม่น้ำอ้อมแขวงเมืองนนทบุรี ว่ามีสท้อนอย่างดี ๆ ที่สวนนั้นมาก กำลังสท้อนออกผล เจ้าของสวนเชิญเสด็จเก็บสท้อน ทราบว่าเปนที่พอพระราชหฤไทย แลทรงพระกรุณาแก่เจ้าของสวนมาก เวลาเย็นเสด็จมาประทับแรมที่น่าวัดเขมา จอดเรือพระที่นั่งเข้ากับสพานน่าวัดอย่างเราไปเที่ยวกัน ใช้ศาลาน้ำน่าวัดเปนท้องพระโรง ไม่มีพลับพลาฝาเลื่อนอย่างใด เจ้าพนักงานเจ้าของท้องที่ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าจะเสด็จมาประทับแรมที่นั้น การล้อมวงกงกำจัดกันตามแต่จะทำได้ดูก็สนุกดีจนเวลา ๒ ทุ่มเศษ กรมหลวงนเรศร์ เสนาบดีกระทรวงนครบาลจึงเสด็จไปถึง ได้ยินรับสั่งว่า “อาศน์แขง ๆ กันไม่รู้ พอรู้ก็รีบมา จะต้องนั่งอยู่ยังรุ่ง”

วันที่ ๑๕ เวลาเช้าออกกระบวนล่องลงมาเข้าคลองบางกอกใหญ่ แลคลองภาษีเจริญ ฉันมากระบวนน่าตามเคย ประจวบเวลาหัวน้ำลง เมื่อพ้นหนองแขมเจอเรือไฟที่ไปก่อนติดขวางคลองอยู่ลำหนึ่ง ฉันจึงปล่อยเรือไฟที่จูงเรือให้คอยตามเรือไฟลำน่า ส่วนตัวฉันเองให้คนแจวเรือล่องเลยไปจอดคอยเรือไฟที่น้ำลึก บ้านกระทุ่มแบน รอ ๆ อยู่เท่าใด ๆ ก็ไม่เห็นเรือไฟตามออกมา น้ำก็แห้งงวดลงไปทุกที พอแน่ใจว่าเรือไฟคงติดเสียกลางคลองแล้ว ก็พอนึกขึ้นได้ว่าครัวมอเสบียงอาหารอยู่ในเรือไฟหมดทั้งนั้น แลดูนายอัษฎาวุธดูท่าจะออกหิว จึงชวนกันขึ้นบกเดินไปเที่ยวซื้อเข้าแกงกินที่ตลาดบ้านกระทุ่มแบน ไปเจอคนผัดหมี่ดี คุยว่ารู้จักคุ้นเคยกับเจ้าคุณเทศา ผ่านมาเปนต้องแวะกินหมี่เสมอ ซื้อเสบียงอาหารได้พอกันแล้ว ได้ยินเสียงลครที่โรงบ่อน นายอัษฎาวุธเกิดอยากดูลคร พากันไปดูไปเจอเจ้าของลครเจ้ากรรมรู้สึกว่าฉันเปนหุ้มแพรมหาดเล็ก ต้องรีบหนีพากันมาลงเรือ แต่กระนั้นก็ไม่พ้น พอประเดี๋ยวเจ้าหมี่เจ้าหม่าพากันมารุมมาตุ้ม พิธีแตกเพราะนายอัษฎาวุธทีเดียว ถ้านายอัษฎาวุธไม่พาไปดูลคร ก็คงจะได้นั่งกินเข้าแกงกันในตลาดให้สนุก นี่กลับต้องกินสำรับคับค้อนแล้วตอบแทนเขาแทบไม่ไหว

จอดรอกระบวนเสด็จอยู่จนค่ำ กลางคืนน้ำขึ้นเรือไฟพวกล่วงน่าหลุดออกมาได้ทีละลำสองลำ ถามดูก็ไม่ได้ความว่ากระบวนเสด็จอยู่ที่ไหน จนยามกว่าจึงได้ความจากเรือลำหนึ่งว่าประทับแรมอยู่ที่น่าวัดหนองแขม ฉันก็เลยจอดนอนคอยเสด็จอยู่ที่กระทุ่มแบนนั้นเอง ครั้นรุ่งเช้าวันที่ ๑๖ ออกเรือล่วงน่ามาคอยเสด็จอยู่ที่ปากคลองดำเนินสดวก พอประมาณ ๔ โมงเช้ากระบวนเสด็จมาถึง เลยเข้าคลองต่อมา น้ำกำลังท่วมทุ่งท่วมคันคลองเจิ่งทั้งสองข้าง แล่นเรือได้สดวก พอบ่ายสัก ๓ โมงก็มาถึงหลักหก หยุดกระบวนประทับแรมที่วัดโชติทายการาม

เวลาบ่ายทรงเรือเล็กพายไปประพาศทุ่ง คือไร่ที่น้ำท่วม เจ้าของไร่กำลังเก็บเอาหอมกระเทียมขึ้นผึ่งตามนอกชานบ้านเรือนตลอดจนบนหลังคา เพราะไม่มีที่ดิน น้ำท่วมเปนทเลหมด ไปถึงบ้านแห่งหนึ่งเจ้าของเปนผู้หญิง กำลังตากหอมกระเทียม พอเห็นเรือก็ร้องเชื้อเชิญให้แวะที่บ้าน เห็นได้ว่าแกไม่รู้จักว่าใครเปนใคร คงเข้าใจว่าพวกขุนนางที่ตามเสด็จ ครั้นเสด็จขึ้นเรือนแล้วเพียงต้อนรับยายผึ้งยังไม่พอใจ ยังเข้าไปยกหม้อเข้ากับกระบะไม้ใส่ชามกระลา มีผักกาดผัดหมู ปลาเค็ม น้ำพริก กับอะไรอิกอย่างหนึ่ง ซึ่งแกหาไว้สำหรับแกกินเองในเวลาเย็นมาตั้งจะเลี้ยงอิก

ใครเคยตามเสด็จประพาศไปรเวตมาแต่ก่อนย่อมเข้าใจดี ว่าถ้ามีช่องสนุกในการที่จะได้ทรงสมาคมกับราษฎรเกิดขึ้นอย่างนี้แล้ว ที่พระเจ้าอยู่หัวของเราจะเว้นเปนไม่มี พอยายผึ้งเชิญ พวกเราก็เข้าล้อมสำรับกับพระเจ้าอยู่หัวด้วยกัน ว่ากันคนละคำสองคำ เจ้าเจ๊กฮวดลูกยายผึ้งอายุราวสัก ๒๐ ปีมาช่วยยกสำรับคับค้อน ขณะเมื่อพวกเรากินเลี้ยง เจ๊กฮวดมันนั่งดูๆพระเจ้าอยู่หัว ประเดี๋ยวเอ่ยขึ้นว่า “คล้ายนักคล้ายนักขอรับ” ถามว่าคล้ายอะไร มันบอกว่าคล้ายรูปที่เขาตั้งไว้ตามเครื่องบูชา พอประเดี๋ยวก็ลุกขึ้นนั่งยอง ๆ เอาผ้าปูกราบพระเจ้าอยู่หัว บอกว่า “แน่ละขอรับ ไม่ผิดละ เหมือนนัก” ยายผึ้งยายแพ่งเลยรู้ว่าพระเจ้าอยู่หัว แต่ก็ได้พระราชทานมากอยู่ เห็นจะหลายสิบเท่าราคาสำรับกับเข้าที่ยายผึ้งเลี้ยง

เสด็จเที่ยวนี้ตั้งต้นชอบกลดีทีจะสนุกมาก ตั้งแต่เสด็จออกจากบางปอิน พระเจ้าอยู่หัวทรงสบายขึ้นมาก

นายทรงอานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ