จดหมายฉบับที่ ๕

เมืองเพ็ชรบุรี

วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๓

ถึง พ่อประดิษฐ

จดหมายฉบับก่อนฉันส่งไปแต่เมืองสมุทสงคราม บัดนี้ตามเสด็จมาประพาศเมืองเพ็ชรบุรีได้ ๖ วันจะเสด็จจากเมืองเพ็ชรบุรีพรุ่งนี้ มีเวลาว่างอยู่บ้างฉันจึงได้จดหมายฉบับนี้ส่งมาบอกข่าวคราว

วันที่ ๒๔ เวลาเช้าเสด็จทรงเรือฉลอมแล่นใบออกไปประพาศละมุที่เขาจับปลาตามปากอ่าวแม่กลอง มีเรือฉลอมแล่นไปในกระบวนเสด็จ ๓ ลำด้วยกัน เที่ยวซื้อกุ้งปลาที่เขาจับได้ตามละมุ แล้วต้มเข้าต้ม ๓ กระษัตริย์ขึ้นในเรือฉลอม ที่เรียกว่าเข้าต้ม ๓ กระษัตริย์นั้น คือ ต้มอย่างเข้าต้มหมู แต่ใช้ปลาทูกุ้งกับปลาหมึกสดแซกแทนหมู เปนของทรงประดิษฐขึ้นในเช้าวันนั้นเอง ตั้งแต่ฉันเกิดมาไม่เคยกินเข้าต้มอร่อยเหมือนวันนั้นเลย เฉภาะเหมาะถูกคราวคลื่นราบลมดี เรือฉลอมแล่นใบเร็วฉิวราวกับเรือไฟ เสด็จพระองค์อาภาเปนกับตันถือท้ายเรือพระที่นั่ง แล่นลิ่วออกไปจากปากน้ำแม่กลอง แต่อย่างไรแล่นไกลออกไปทุกที ๆ นานเข้าพวกเจ้าของเรือเห็นจะออกปลาดใจแลดูตากันไปมา ท่านก็ทอดพระเนตรเห็นแต่เห็นท่านยิ้ม ๆ กัน ฉันออกเข้าใจว่าเห็นจะแล่นใบเลยไปเมืองเพ็ชรแน่แล้ว ดูใกล้ปากน้ำบ้านแหลมเข้าทุกที พอแล่นเข้าในปากน้ำก็พบกรมหมื่นมรุพงษ์ ทรงเรือไฟศรีอยุทธยามาคอยรับเสด็จอยู่ที่ปากน้ำ เปนอันเข้าใจได้ว่ามีอะไรที่จะเล่นกันสักอย่างหนึ่ง ซึ่งท่านได้ทรงนัดแนะกันไว้แล้วเปนแน่ ได้ยินแต่กรมหมื่นมรุพงษ์กราบทูลว่าสำเร็จสนิทดีทีเดียว เสด็จลงเรือศรีอยุทธยาแล่นขึ้นไปตามลำแม่น้ำเมืองเพ็ชรบุรี พอจวนจะถึงเมืองรับสั่งเรียกพวกที่ไปตามเสด็จให้เข้าซ่อนตัวอยู่ในเก๋ง มีแต่กรมหมื่นมรุพงษ์ประทับอยู่น่าเรือพระองค์เดียว ฉันแอบมองตามช่องม่าน เมื่อแล่นผ่านพลับพลาเห็นเจ้าพระยาสุรพันธ์นั่งอยู่ที่นั้น ได้ยินเสียงกรมหมื่นมรุพงษ์ร้องรับสั่งขึ้นไปแก่เจ้าพระยาสุรพันธ์ว่า “เห็นจะเสด็จถึงค่ำละเจ้าคุณ ให้เตรียมคบไฟไว้เถิด ฉันจะขึ้นไปหาเสบียงที่ตลาดสักประเดี๋ยวจะกลับลงมา” แล้วเรือศรีอยุทธยาก็แล่นลอดสพานช้างขึ้นไปจอดน่าบ้านเจ้าพระยาสุรพันธ์ เสด็จขึ้นประทับในบ้านเจ้าพระยาสุรพันธ์ แล้วรับสั่งให้กรมหมื่นมหิศร ไปตามเจ้าพระยาสุรพันธ์มาเฝ้า ประเดี๋ยวใจเจ้าพระยาสุรพันธ์วงตุบตับมาหน้านิ่วถวายคำนับแล้วยืนถอนใจใหญ่ มีรับสั่งว่ามาตอบแทนที่เจ้าพระยาสุรพันธ์ล่วงน่าไปรับถึงบ้านปากธ่อเมื่อเสด็จคราวก่อน เจ้าพระยาสุรพันธ์ก็ไม่เพ็ดทูลว่ากระไร พวกเราก็สิ้นเกรงใจลงนั่งหัวเราะเจ้าพระยาสุรพันธ์งอ ๆ ไปตามกัน พอลับหลังพระที่นั่ง เจ้าพระยาสุรพันธ์ไพล่มาโกรธเอาพวกเราไม่เลือกหน้าว่าใคร กรมหมื่นมรุพงษ์เปนผู้ถูกตัดพ้อต่อว่ามากกว่าผู้อื่น แต่ท่านยิ่งโกรธเท่าไดก็ยิ่งทำให้พวกเราหัวเราะยิ่งขึ้นจนหายโกรธไปเอง

เสด็จประทับอยู่ที่เมืองเพ็ชรบุรีนี้ไม่ใคร่มีโอกาศได้ประพาศต้น เพราะไม่มีทางที่จะเล็ดลอดหลีกไปได้เหมือนแถวแม่น้ำราชบุรีแลสมุทสงคราม ความสนุกสนานแปลกปลาดไม่ใคร่จะมี จะเล่าระยะทางที่เสด็จให้พ่อประดิษฐทราบแต่พอเปนเลา ๆ คือ วันที่ ๒๕ เสด็จประพาศทางเรือข้างเหนือน้ำ วันที่ ๒๖ เสด็จทางเรือไปประพาศบางทะลุ ประทับแรมที่บางทะลุคืนหนึ่งยุงชุมพอใช้ วันที่ ๒๗ เสด็จเรือฉลอมแล่นใบจากบางทะลุมาทางทเลเข้าบ้านแหลม น้ำงวดเรือติดที่ปากอ่าว พยุฝนก็ตั้งมืดมา จะรออยู่ช้ากลัวจะถูกพยุ ผู้ที่ไปตามเสด็จจึงพร้อมใจกันอาสาลงลุยเลนเข็นเรือ กับพวกเจ้าของเรือ สงสารแต่นายอัษฎาวุธ เขายอมยกให้แล้ว ว่าไม่ต้องลงก็ไม่ฟัง อุส่าห์ลงลุยเลนเข็นเรือโคลนเปื้อนมอมไปทั้งตัว พอเรือพ้นตื้นเข้าปากน้ำได้ก็ถูกฝนใหญ่เปียกกันมอมแมม กลับมาถึงเมืองเพ็ชรบุรีสักทุ่ม ๑ วันที่ ๒๘ เสด็จประพาศพระนครคิรี ถวายพุ่มพระสงฆ์เข้าพระวษาด้วย วันที่ ๒๙ เช้าเสด็จประพาศวัดต่าง ๆ ในเมืองเพ็ชรบุรี บ่ายวันนี้จะออกกระบวนเรือใหญ่ล่องลงไปประทับแรมที่บ้านแหลม พรุ่งนี้จะออกจากบ้านแหลมเสด็จไปประทับแรมเมืองสมุทสาคร

นายทรงอานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ