จดหมายฉบับที่ ๖

บ้านผักไห่

วันที่ ๖ สิงหาคม ร.ศ. ๑๒๓

ถึง พ่อประดิษฐ

พรุ่งนี้ฉันจะกลับถึงบ้านแล้ว วันนี้เขียนจดหมายเล่าเรื่องที่ตามเสด็จให้พ่อประดิษฐฟังเสียอิกฉบับถ้ามีเรื่องราวอะไรต่อนี้ไป จะเล่าให้ฟังเมื่อไปพบกับพ่อประดิษฐในกรุงเทพฯ ทีเดียว

ตั้งแต่ฉันจดหมายไปถึงพ่อประดิษฐจากเมืองเพ็ชร์บุรี เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม บ่ายวันนั้นออกกระบวนใหญ่ล่องลงมาประทับแรมที่บ้านแหลม ทอดพระเนตรเห็นเรือเป็ดทเลทอดอยู่ที่นั้นหลายลำ รับสั่งว่าเรือเป็ดทเลมีประทุนน่าจะสบายดีกว่าเรือฉลอม ใครกราบทูลไม่ทราบว่าเรือเป็ดทเลแล่นใบเสียดดีกว่าเรือฉลอมด้วย จึงตกลงว่าจะลองเสด็จเรือเป็ดทเลแล่นใบจากบ้านแหลมตรงมาเข้าปากน้ำท่าจีน เพราะเมืองสมุทสงครามแลคลองสุนักข์หอนก็ได้เคยเสด็จประพาศแล้ว ตระเตรียมเรือเป็ดทเลกัน ๓ ลำ พอเวลาเช้าก็แล่นใบออกจากปากน้ำบ้านแหลม ฉันตามเสด็จมาในเรือลำพระที่นั่ง ตอนเช้าคลื่นราบได้ลมดี ได้เห็นเรือเป็ดทเลแล่นเสียดรวดเร็วดีกว่าเรือฉลอมจริงดังเขาว่า มาได้สัก ๒ ชั่วโมงพอพ้นปากน้ำแม่กลองมาตรงบ้านโรงกุ้งออก ๆ จะมีคลื่น เรือโยนแรงขึ้นทุกที ๆ มีคนที่ไปตามเสด็จด้วยกันเมาคลื่นลงหลายคน แต่ฉันมั่นใจว่าตัวเองคงไม่เมา เคยไปตามเสด็จทเลมา ถ้าจะนับเที่ยวก็แทบไม่ถ้วน ไม่เคยเมาคลื่นกับใครง่าย ๆ แต่อย่างไรวันนี้ดูออกจะสวิงสวายใจฅอไม่สู้ปรกติ แต่แขงใจทำหน้าชื่นมาได้สักชั่วโมงหนึ่ง คลื่นเจ้ากรรมก็หนักขึ้น ลงปลายฉันเองก็ลงล้มขอนกับเขาอิกคนหนึ่ง เข้าต้มสี่กระษัตรห้ากระษัตรอะไรที่ทรงทำในวันนี้รับพระราชทานไม่ไหว ลงนอนแหมะอยู่น่าเสาตอนศีศะเรือ นึกน้อยใจนายมานพ เห็นเพื่อนกันเมาคลื่นชอบแต่ว่าจะหาน้ำหาเข้ามาช่วยหยอด นี่กลับเอากล้องมาถ่ายรูปกันเล่นเห็นเปนสนุก แต่จะตอบแทนอย่างไรเราก็เมาคลื่นเต็มทน ต้องนิ่งนอนเฉยจนเรือแล่นใบเข้าปากน้ำท่าจีนจึงลุกโงเงขึ้นได้ หิวเหมือนไส้จะขาด เที่ยวค้นคว้าหาอะไรกิน ได้แต่เข้าต้มซึ่งทรงพระกรุณาโปรดให้เก็บรักษาไว้พระราชทานชามหนึ่ง นอกจากนั้นจะเปนลูกหมากรากไม้อะไรไม่มีเหลือ เพราะพวกที่เขาไม่เมาคลื่นว่ากันเสียชั้นหนึ่งแล้ว เหลืออยู่เท่าใดพวกที่หายเมาคลื่นก่อนฉันยังช่วยกันซ้ำเสียหมด เพราะฉันออกมานอนแน่วอยู่ทางหัวเรือลุกไปไม่ทัน ที่ได้กินเข้าต้มชามหนึ่งก็เพราะรับสั่งให้รักษาไว้พระราชทานฉันโดยเฉภาะ ถ้าหาไม่เข้าต้มชามนั้นก็คงจะพลอยสูญไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามเถิด พอเข้าแม่น้ำได้ก็นึกสาปส่งว่า ขึ้นชื่อว่าเรือเป็ดทเลถึงจะแล่นใบเสียดดีกว่านี้อิกสักเท่าใด ๆ ก็เห็นจะไม่ยอมไปเรือเป็ดทเลอิกแล้ว

เสด็จมาถึงท่าจีนพอเวลาบ่ายแวะขึ้นซื้อเสบียงที่ตลาดบ้านท่าฉลอมแล้ว เรือกระบวนใหญ่ยังมาไม่ถึง จึงไปพักทำครัวเย็นที่วัดโกรกกราก ตัวฉันเองยังรู้สึกบอบช้ำเรื่องเมาคลื่นไม่หาย นึกว่าถ้าได้อาบน้ำเสียสักทีเห็นจะสบาย จึงขึ้นไปขอน้ำอาบบนกฏิพระ ไปเห็นตุ่มน้ำตั้งเรียงกันอยู่บนนอกชานเปนแถว เหมือนที่วัดประดู่ เข้าใจว่าท่านเจ้าของกฏิคงเปนพระหมอน้ำมนต์ การก็จริงดังคาด พอฉันไปขออาบน้ำ ท่านก็เข้าใจว่าฉันจะไปขอรดน้ำมนต์ ชี้มือให้ไปนั่งที่ข้างตุ่ม ฉันได้เคยเห็นเยี่ยงอย่างที่วัดประดู่มาแล้ว จึงผลัดผ้าเข้าไปนั่งที่ข้างตุ่มทำท่าทางเอาอย่างตาขากปูที่ได้เคยเห็นมาแล้ว ท่านพระก็เอาขันมาตักน้ำเศกเป่ารดน้ำมนต์ให้ ฉันนึก ๆ ในใจว่าน่าจะลองขากปูหรือดิ้นปัด ๆ ถวายพระสักที แต่ก็มายั้งใจเห็นไม่ได้การ บาปกรรม แลถ้าคนแถวนี้มีใครรู้จักว่าฉันเปนใคร ก็จะเกิดเสียชื่อขึ้น จะเลยเห็นกรรมทันตา แต่น้ำมนต์ของท่านองค์นี้ดีจริง ตั้งแต่รดแล้วรู้สึกว่าโล่งใจหายเมาคลื่นสนิทดีทีเดียว

วันที่ ๓๑ กรกฎาคม เวลาเช้าเสด็จกระบวนต้น ออกจากเมืองสมุทสาครขึ้นไปตามลำน้ำ ไปพักทำครัวเช้าที่วัดบางปลา ส่วนกระบวนเรือใหญ่ให้ตรงขึ้นไปจอดที่บ้านงิ้วรายแขวงเมืองนครไชยศรี ระยะทางวันนี้ไกลด้วยไม่มีอะไรสนุกด้วย ที่สุดเมื่อเสด็จไปแวะทำครัวเย็นที่วัดตีนท่า ก็เปนวัดศาลารวนเรจวนจะหักพัง ซ้ำถูกฝนถูกพยุ จนกลางคืนจึงได้ออกเรือแจวคลำขึ้นมามืด ๆ รอดตัวที่ได้น้ำขึ้นแจวตามน้ำขึ้นมาจนใกล้บ้านท่านาพบเรือไฟได้พ่วงต่อขึ้นมาถึงพลับพลาแรมเกือบ ๕ ทุ่ม

วันที่ ๑ สิงหาคม เสด็จรถไฟไปประพาศพระปฐมเจดีย์ ทำครัวเช้าที่ลานพระ เจ้าคุณสุนทรเทศาแกงไก่ดีพอใช้ เพราะไก่พระปฐมเปนที่เลื่องลืออยู่ด้วย แล้วลงเรือล่องมาประพาศที่พระปะโทน มาพบมิวเซียมใหญ่ซึ่งโจษกันว่ามีอยู่ที่นั้น คือท่านสมภารวัดพระปะโทนเปนผู้เก็บรวบรวมสะสมของโบราณที่ขุดได้ในแถวพระปฐม พระปะโทนไว้มาก แต่ข่าวว่าเก็บซุกซ่อนมิได้ยอมให้ผู้หนึ่งผู้ใดดูเปนอันขาด ครั้นเสด็จไปถึง ไปถามถึงเรื่องของเก่า ท่านสมภารก็ยินดีเชิญเสด็จเข้าไปในกุฏิ แล้วยกหีบห่อของโบราณที่ได้สะสมไว้มาถวายให้ทอดพระเนตร แลยอมให้ทรงเลือกแล้วแต่จะพอพระราชประสงค์ ทรงเลือกได้เครื่องสัมฤทธิ์ของโบราณ คือพระพุทธรูปเปนต้นซึ่งเปนของแปลกดีหลายอย่าง ออกจากพระปะโทนมาประทับทำครัวเย็นที่บ้านซึ่งพระยาเวียงไนยออกไปตั้งผสมม้าอยู่ที่ธรรมศาลา แล้วเสด็จกลับมาทางเรือถึงบ้านงิ้วรายเวลาสัก ๒ ทุ่ม

วันที่ ๒ สิงหาคม ฉันล่วงน่าขึ้นมาก่อน ทราบว่าเสด็จแวะประพาศที่คลองภาษี แล้วเสด็จต่อมาถึงสองพี่น้องเวลาค่ำ

ตามกำหนดเดิมกะว่าจะเสด็จถึงสองพี่น้องราวเวลาบ่ายสัก ๒ โมง จะประพาศบ้านสองพี่น้องแลบ้านบางลี่ในเย็นวันนั้น รุ่งขึ้นจะออกกระบวนจากสองพี่น้องแต่เช้าไปประทับแรมที่เมืองสุพรรณทีเดียว แต่เสด็จมาถึงเย็นเวลาไม่พอประพาศ จึงต้องกะระยะทางแก้ใหม่ คือวันที่ ๓ เช้าจะประพาศบ้านสองพี่น้อง จะออกจากสองพี่น้องต่อเวลากลางวัน จะไปถึงเมืองสุพรรณไม่ได้ จะต้องจัดที่ประทับแรมกลางทางระหว่างสองพี่น้องกับเมืองสุพรรณอิกแห่งหนึ่ง รับสั่งให้กรมหลวงดำรงเสด็จไปเลือกแลจัดที่สำหรับประทับแรม ฉันถูกมีน่าที่ไปตามเสด็จกรมหลวงดำรง จึงได้ออกเรือล่วงน่ามาแต่เช้ามืด กรมหลวงดำรงทรงเลือกเห็นที่วัดบางบัวทองเปนที่สมควรดี ตกลงจะให้จัดที่ประทับแรมที่น่าวัดนั้น ฉันออกนึกหนักใจว่าเวลามีเพียงราว ๘ ชั่วโมง ไม้ไล่ผู้คนแลเครื่องมือก็ไม่มี จะทำอย่างไรกันจึงจะมีที่ประทับทันเสด็จ ฉันทูลถามกรมหลวงดำรง ท่านรับสั่งว่ามีมากันเท่านี้ก็ลองดูว่าจะทำได้อย่างไร มีรับสั่งให้เรียกประชุมอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้านพร้อมกันแล้ว รับสั่งว่าวันนี้เจ้านายของเราจะเสด็จมาประทับแรมที่ตรงนี้ เราจะต้องช่วยกันแผ้วถางแลทำสพานที่จอดเรือพระที่นั่งให้ทันเสด็จ พวกแกแลชาวบ้านแถวนี้ยังไม่ได้เคยรับเสด็จเลย แลที่ยังไม่ได้เคยเห็นเจ้านายของแกเองก็จะมีเปนอันมาก ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านไปเที่ยวป่าวร้องราษฎรในแถวนี้มาช่วยกันรับเสด็จพระเจ้าอยู่หัว มีมีดพร้าเครื่องมือให้เอามาด้วย ช่วยกันทำรับเสด็จสักทีจะได้หรือไม่ พวกกำนันผู้ใหญ่บ้านพากันรับอาสาแขงแรง ต่างคนเที่ยวติดตามเรียกลูกบ้าน แลหาไม้ไล่มาทำการตามรับสั่ง ใน ๒ ชั่วโมงมีคนมาช่วยทำงานสักสามสี่ร้อย ดูเต็มใจแขงข้อที่จะทำการรับเสด็จด้วยกันทุกคน แม้แต่พวกผู้หญิงที่ไม่ได้ถูกขอแรงทำงาน ก็พากันมารับอาสาตั้งเตาหุงเข้าทำครัวเลี้ยงคนทำงาน ประเดี๋ยวมีคนเอาเข้ามาให้ ประเดี๋ยวมีใครเอาปลามาเติม ตลอดลงไปจนผักหญ้าหมากบุหรี่ก็มีผู้เอามาช่วย กรมหลวงดำรงจะขอใช้เงินค่าเสบียงอาหารให้ก็ไม่มีใครยอมรับ ว่าอยากจะช่วยกันรับเสด็จ พอบ่าย ๔ โมงการแล้วเสร็จเลี้ยงกันเอิกเกริกสนุกสนานราวกับงานไหว้พระอย่างใหญ่ ๆ ใครได้เห็นแล้วจะต้องยินดี ด้วยเห็นแล้วว่าไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน มีความสามิภักดิ์ต่อพระเจ้าอยู่หัวเพียงไร

ส่วนข้างทางที่เสด็จนั้น ได้ยินว่าเสด็จไปประพาศข้างปลายคลองสองพี่น้อง จะประพาศที่ใดบ้างหาทราบไม่ ได้ความแต่ว่านายวงษ์ตวันไปถูกหมากัด ประพาศคลองสองพี่น้องแล้วเสด็จมาพักทำครัวเย็นที่วัดบางสาม เมื่อทำครัวอยู่นั้น พวกเราใครตกเบ็ดได้ปลาเทโพตัว ๑ ทราบว่าแกงเทโพวันนั้นอร่อยนัก แต่นายอัษฎาวุธเคราะห์ร้ายไปตกล่องที่วัดบางสามฟกช้ำไปหน่อยหนึ่ง เสด็จมาถึงที่ประทับวัดบางบัวทองเวลาประมาณสัก ๒ ทุ่ม

วันที่ ๔ เวลาเช้า ออกกระบวนเรือไฟจูงขึ้นไปได้เพียงบางปลาม้าถึงที่น้ำตื้น ต่อนั้นต้องแจวขึ้นไปจนถึงเมืองสุพรรณบุรี จอดเรือพระที่นั่งประทับที่สุขุมาราม ชื่อสุขุมารามที่เรียกนี้ เรียกตามได้ยินรับสั่ง เห็นจะเปนชื่อพระราชทาน ไม่ได้ยินพวกชาวสุพรรณเขาเรียก ความจริงนั้น ที่ตรงนั้นเปนบ้านเดิมของเจ้าคุณสุขุม ญาติวงษ์ของท่านยังอยู่หลายคน ได้พากันมารับเสด็จเฝ้าแหน ดูทรงพระกรุณามาก แต่คำว่าอาราม ๆ เคยได้ยินแต่เปนชื่อวัด นี่ทำไมจึงเอามาพระราชทานต่อท้ายชื่อบ้านเจ้าคุณสุขุม ข้อนี้ฉันยังตรองไม่เห็น

เสด็จเมืองสุพรรณคราวนี้เปนที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่ง ด้วยไม่ถูกระดูเหมาะ ในเวลานี้น้ำแม่น้ำยังน้อยจะเที่ยวทางเรือก็ขัดข้อง ส่วนทางบกฝนก็ตกพอแผ่นดินเปนหล่มเปนโคลน จะไปไหนก็ยาก เพราะฉนั้นจึงเสด็จประพาศได้ที่ใกล้ ๆ ในบริเวณเมือง ในวันที่ ๔ นั้น เสด็จไปประพาศเหนือน้ำประทับเสวยที่วัดแค วันที่ ๕ เสด็จทอดพระเนตรที่ว่าการเมือง วัดมหาธาตุ หลักเมือง แลวัดป่าเลไลย เวลาบ่ายออกกระบวนล่องลงมาประทับแรมที่บางปลาม้า ถึงยังวันอยู่ จึงทรงเรือพระที่นั่งเล็กล่องลงมาประพาศข้างใต้ ประทับเสวยเย็นที่วัดบางยี่หน

วันที่ ๖ สิงหาคม เวลาเช้าออกเรือเสด็จในกระบวนใหญ่ เรือไฟจูงเข้าคลองบางปลาม้ามาทางคลองจระเข้ใหญ่ เวลากลางวันถึงบ้านผักไห่ จอดเรือประทับแรมที่น่าบ้านหลวงวารี เวลาบ่ายทรงเรือเมล์ของหลวงวารีขึ้นไปประพาศข้างเหนือน้ำ เสด็จกลับมาถึงพลับพลาแรมสัก ๒ ทุ่ม

การเสด็จคราวนี้เปนที่เรียบร้อยมีความศุขสบายทั่วกัน คือพระเจ้าอยู่หัวโดยเฉภาะ เวลานี้นับว่าทรงสบายหายประชวรเปนปรกติแล้วได้

นายทรงอานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ