คำแถลงครั้งที่ ๒
เราขอร้องเรียนยืนยันต่ออธิบดีกรมโฆษณาการว่า การที่กรมโฆษณาการปล่อยให้เจ้าหน้าที่แต่งข้อกล่าวหาปรักปรำหนังสือพิมพ์ของเราและนำออกโฆษณาโดยทางวิทยุกระจายเสียงนั้น เป็นการปฏิบัติต่อเราโดยไม่เป็นธรรม จริงอยู่เรามีโอกาศแถลงตอบข้อกล่าวหานั้นโดยทางหนังสือพิมพ์ได้ แต่ท่านอธิบดีย่อมทราบแล้วว่า จำนวนผู้อ่านหนังสือพิมพ์ กับจำนวนผู้ฟังวิทยุนั้นย่อมแตกต่างห่างกันไกล เห็นได้ชัดในข้อที่ว่าผู้อ่านหนังสือไม่เป็นเลยก็สามารถฟังการโฆษณาทางวิทยุได้ ถ้าท่านอธิบดีกรมโฆษณาการพอใจจะให้เจ้าหน้าที่โฆษณาการวิพากษ์หนังสือพิมพ์ของเราต่อไปแล้ว เราไม่ขออะไรเลย นอกจากขอความเป็นธรรมที่จะได้รับโอกาศแถลงตอบทางวิทยุกระจายเสียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าท่านอธิบดีให้ความเป็นธรรมแก่เราแล้ว เราก็จะขอบใจเป็นอันมาก และเราจะมีความยินดีเต็มใจ ฟังข้อวิพากษ์ทางวิทยุกระจายเสียงตลอดไป
คำแถลงตอบข้อวิพากษ์ของวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในหนังสือพิมพ์ของเราฉะบับประจำวันเสาร์นั้น ถึงแม้จะได้ลบล้างข้อกล่าวหาของผู้พูดได้แล้วก็ดี แต่ทางวิทยุกระจายเสียงก็ยังไม่พอใจ ในคืนวันเสาร์ ผู้พูดได้ตั้งข้อปรักปรำขึ้นใหม่เป็นคำรบสอง.
ผู้พูดได้เริ่มว่า เขามีความยินดีที่ได้ทราบว่า ท่านเชษฐบุรุษได้ขอร้องให้หนังสือพิมพ์ของเรางดลงเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติ เขาภูมิใจในผลสำเร็จแห่งการพูดจาระรานของเขา เราก็เชื่อว่าวิธีการระรานที่ผู้พูดทางวิทยุกระจายเสียงกำลังใช้แก่คนทั่ว ๆ ไปในเวลานี้ คงจะอำนวยความสำเร็จสมประสงค์อีกหลายอย่าง โดยมิต้องคำนึงว่าในหัวคิดจิตต์ใจของคนทั้งหลาย เขารู้สึกอย่างไรบ้าง.
เมื่อเราได้แถลงตอบไปแล้วว่า การเขียนชีวประวัติของบุคคลสำคัญในขณะที่ท่านเจ้าของประวัติยังมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องที่เขาทำกันมามากต่อมากแล้ว ไม่เป็นของเหลวไหลหรือน่ากระดากใจอะไรเลย วิทยุกระจายเสียงก็ดูไม่ติดใจอีก แต่เมื่อเราแก้ข้อกล่าวหาอันนี้ตกไปแล้ว ผู้พูดได้ตั้งข้อปรักปรำขึ้นใหม่ว่า การที่เราเสนอเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติขึ้นนี้ ทำให้พวกก่อการเป็นอันมากน้อยใจ เพราะว่าคณะก่อการมีหลายสายหลายกลุ่มด้วยกัน เมื่อเราเสนอเรื่องหนักไปในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเช่นนี้ กลุ่มอื่นๆก็จะน้อยใจ เขาว่าการปฏิวัติเป็นแต่ฉากแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง บางคนมีบทบาทน้อยในฉากแรก แต่ได้มามีบทบาทมากในฉากหลังๆก็จะน้อยใจ เขาว่านี้คือลักษณะที่เป็นโทษของเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติ
เมื่อเราได้สำเหนียกสำเนียงเช่นนี้เราก็ตะลึงไป เรารู้สึกว่าผู้เรียบเรียงบทสนทนาเรื่องนี้กับคณะของเรา เป็นคนที่อยู่กันคนละโลกและพูดจากันคนละภาษาทีเดียว เป็นการยากอย่างยิ่งที่เราจะตามเข้าใจความประสงค์ของเขาได้
เมื่อคืนวันพุธนี่เอง เขาได้พูดอยู่หยก ๆ ว่า คณะผู้ก่อการทุกคนได้ทำการปฏิวัติด้วยความยอมเสียสละแล้วทุกอย่าง ไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย แม้แต่คำยกย่องสรรเสริญ ด้วยเหตุนี้เขาจึงว่าเราไม่ควรจะมาสรรเสริญคณะผู้ก่อการในเวลานี้เลย เพราะจะทำให้ท่านพวกนั้นกระดากใจ
บัดนี้ เมื่อคืนวันเสาร์นี่เอง เขากลับพูดว่าการสรรเสริญนั้นเป็นของที่พึงกระทำ แต่การสรรเสริญหนักไปน้อยไปนั้นเป็นโทษ เพราะจะทำให้ผู้ที่ได้รับการสรรเสริญน้อย เกิดโทมนัสน้อยใจ.
ตกลงข้อปรักปรำที่เขาตั้งมาใหม่ จึงเป็นอริกับคำพูดของเขาเอง ที่เขาได้กล่าวไว้เมื่อ ๓ คืนก่อน!
ท่านผู้เรียบเรียงบทสนทนา, เราจำเป็นจะต้องตอบข้อปรักปรำอันนี้ของท่านด้วยหรือ ในเมื่อท่านเอง ก็ไม่รู้ว่าท่านได้พูดอะไรออกมา?
ท่านบอกว่า คณะผู้ก่อการยอมเสียสละแล้วทุกอย่าง ไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย แม้แต่คำยกย่องสรรเสริญ แต่ในขณะเดียวกันท่านก็บอกว่า ผู้ก่อการเป็นอันมากน้อยใจเพราะหนังสือพิมพ์สรรเสริญท่านน้อยไป
บุคคลที่ยอมเสียสละแล้วทุกอย่าง และไม่ต้องการคำสรรเสริญเลย แต่บุคคลคนเดียวกันนั้น จะกลับมาน้อยใจ ที่ได้รับการสรรเสริญไม่เพียงพอ บุคคลที่ท่านได้วาดภาพไว้เช่นนี้จะมีตัวตนจริง ๆ อยู่ในโลกนี้ได้ละหรือ? ถ้าจะมีบุคคลเช่นนี้จริง ก็คงจะมีได้แต่ในโลกของผู้เรียบเรียงบทสนทนาเท่านั้น.
บุคคลที่ยอมเสียสละแล้วทุกอย่าง เช่นคณะผู้ก่อการเป็นต้นนั้น ย่อมจะไม่มาคิดหยุมหยิมในเรื่องสรรเสริญเยินยอเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้เลย ท่านผู้เรียบเรียงบทสนทนาไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะไปคาดหมายจิตต์ใจของท่านผู้มีเกียรติเหล่านั้นจากจิตต์ใจของท่านเอง ซึ่งในชั่วเวลา ๓ วันเท่านั้น จิตต์ใจของท่านก็แบ่งออกได้เป็น ๒ ภาค และปรากฏออกมาเป็นถ้อยคำที่เป็นอริต่อกัน!
เมื่อวันพุธผู้พูดทางวิทยุกระจายเสียงก็ได้กล่าวว่า บรรทึกเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติที่หนังสือพิมพ์ของเราได้นำเสนอนั้น เขาเชื่อว่าเป็นความจริงทุกประการ และอีก ๓ คืนต่อมา เขาพูดว่าผู้ก่อการเป็นอันมาก ซึ่งเป็นผู้ยอมเสียสละแล้วทุกอย่าง น้อยใจในบรรทึกอันเป็นความจริงนั้น! ท่านผู้เรียบเรียงไม่ทราบหรือว่า ท่านได้พูดอะไรออกมา ท่านยกย่องคณะผู้ก่อการซึ่งท่านว่าท่านมีความเคารพ หรือว่า ท่านได้ดึงเอาท่านเหล่านั้นลงมาเกลือกกลั้วกับอะไร?
เคราะห์ดีที่ไม่มีใครจะเชื่อว่า คณะผู้ก่อการผู้มีเกียรติ จะมีจิตต์ใจ เช่นที่ผู้เรียบเรียงบทสนทนา ได้สมมุติหรือคาดหมายเอาเอง โดยอาศัยมาตรฐานแห่งจิตต์ใจของผู้เรียบเรียงบทสนทนาเอง.
ข้อที่ผู้พูดกล่าวว่า คณะผู้ก่อการมีหลายสายด้วยกัน แต่เรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติบรรยายหนักไปในสายเดียวกันหรือกลุ่มเดียวนั้น ความข้อนี้ไม่ควรที่จะนำมากล่าวปรักปรำอีกเลย เพราะได้ปรากฏหลักฐานอยู่แล้วว่าไม่ใช่ความประสงค์ของเราที่จะบรรยายเรื่องนี้แต่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยฉะเพาะ ในหนังสือพิมพ์ฉะบับวันเสาร์ เราก็ได้นำถ้อยแถลงความประสงค์ของเราที่ได้พิมพ์ไว้ตั้งแต่ในฉะบับที่เริ่มเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติ มาพิมพ์ซ้ำเป็นครั้งที่สองแล้วว่า “เมื่อผู้เขียนได้ศึกษารายละเอียดแห่งพฤตติการณ์ของท่านหัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ ตลอดแล้ว ก็จะได้บรรยายรายละเอียดแห่งพฤตติการณ์ของท่านเหล่านั้นเป็นลำดับไป”
ตามที่ผู้พูดกล่าวว่าผู้ก่อการบางท่าน ซึ่งแสดงบทบาทไม่สำคัญในฉากแรก แต่ได้มาแสดงบทบาทสำคัญในฉากหลังนั้นก็จริงอยู่ แต่การเขียนหนังสือนั้นก็เป็นธรรมดาที่ใคร ๆ จะต้องเริ่มแต่บทที่ ๑ มาก่อนมิใช่หรือ เราจะเขียนบทที่ ๕ หรือบทที่ ๑๐ ก่อนบทที่ ๑ ได้อย่างไร ใครบ้างที่เขียนหนังสือเริ่มจากบรรทัดสุดท้ายไปหาบรรทัดต้น?
ถ้าวิทยุกระจายเสียงไม่มาทำลายงานของเราเสียกลางคันแล้ว การบรรทึกเรื่องงานของคณะปฏิวัตินี้ เมื่อได้ทำสำเร็จบริบูรณ์ลงแล้ว เราก็มีความมั่นใจว่า จะเป็นบรรทึกที่ซื่อตรงต่อความเป็นจริง และเป็นการบรรทึกที่ให้ความเป็นธรรมอย่างยิ่งแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านทีเดียว
วิทยุกระจายเสียงได้กล่าวคำปรักปรำที่ฉกรรจ์อีกข้อหนึ่งว่า การเสนอเรื่องเบื้องหลังการปฏิวัตินี้ จะทำให้เกิดรอยร้าวกระเทือนไปถึงคณะรัฐบาลราชาธิปไตย กระเทือนแผลเก่า เขาว่าหนังสือพิมพ์ไม่ควรจะพูดถึงเรื่องไม่ดีของระบอบเก่าอีก จะทำให้คณะเก่าขัดเคืองจนถึงจะเกิดจลาจลรบราฆ่าฟันกันขึ้นอีกต่อไป จะทำให้บ้านเมืองถึงแก่ฉิบหายล่มจมได้
เรื่องเบื้องหลังการปฏิวัตินี้ ก็ได้พิมพ์เป็นหนังสือมีประจักษ์หลักฐานพะยานอยู่แล้ว เพื่อที่จะตัดคำชี้แจงของเราให้สั้นลง เราจึงใคร่จะขอให้วิทยุกระจายเสียง ได้ชี้ระบุว่าข้อความตอนไหนบ้างในเรื่องนั้นที่จะทำให้คณะเก่าขัดเคือง “จนถึงจะเกิดจลาจลรบราฆ่าฟันกันขึ้นอีก และจะทำให้บ้านเมืองถึงแก่ฉิบหายล่มจมได้”
สรุปข้อความที่เขานำมาพูดก็คือ ข้อ ๑. เรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติมีโทษ เพราะให้คำสรรเสริญไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง ทำให้ผู้ก่อการมากคนไม่พอใจ เขาว่าการสรรเสริญถ้าทำหนักไปเบาไปก็เป็นโทษ เขายกตัวอย่างเช่นความสำเร็จในเรื่องเรียกร้องดินแดนครั้งนี้ ถ้าหนังสือพิมพ์ชมคณะผู้แทนที่ไปเจรจามากไป บรรดาทหารที่ไปรบก็จะน้อยใจ จะชมใครก็ต้องชั่งน้ำหนักให้ดี แปลว่าต่อไปนี้เรื่องติเป็นอันไม่ต้องพูดกันละ ถึงแม้หนังสือพิมพ์จะชมใคร ก็ต้องระวังตัวลีบทีเดียวเพราะถ้าชมมากไปน้อยไป ก็จะถูกวิทยุกระจายเสียงชี้เอาว่าเป็นโทษได้ง่าย ๆ ดังนั้นสำนักหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ก็จะต้องมีเครื่องชั่งสำหรับชั่งคำชมทุกอัน มิฉะนั้นความตั้งใจดีจะกลายเป็นโทษไป แต่ถ้าหนังสือพิมพ์เห็นว่าดูเป็นเรื่องยุ่งยากเหลือทนนัก เลยไม่ชมใครเสียเลย เราก็ไม่ทราบว่า วิทยุกระจายเสียงจะปรับบทลงโทษหนังสือพิมพ์ว่ากระไรต่อไปอีก
ข้อ ๒. เรื่องเบื้องหลังการปฏิวัติได้กล่าวขวัญถึงคณะรัฐบาลราชาธิปไตยในทางไม่สู้ดี จะทำให้คณะเก่าขัดเคืองจนถึงจะเกิดจลาจลรบราฆ่าฟันกันขึ้นอีก เขาว่าเดี๋ยวนี้ท่านพวกคณะเก่าทั้งหมดชื่นชมยินดีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับระบอบใหม่แล้ว เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไป หนังสือพิมพ์จะออกความเห็นติเตียนระบอบเก่าต่อไปไม่ได้ แม้แต่จะพูดถึงเรื่องไม่ดีของระบอบนั้นสักเล็กน้อยก็ไม่ได้ แต่นี้ไปหนังสือพิมพ์ก็จะต้องพินอบพิเทาเอาอกเอาใจท่านหัวเก่าให้ดี อย่าไปแตะต้องเรื่องราวของระบอบเก่าเป็นอันขาด ถ้าไปแตะเข้าแล้ววิทยุกระจายเสียงเขาก็จะประกาศโทษ หนังสือพิมพ์ที่ทำเช่นนั้นต่อสาธารณชนว่า “เป็นผู้ที่จะทำให้เกิดการจลาจลจนถึงรบราฆ่าฟันกันขึ้น เป็นผู้ที่จะทำให้บ้านเมืองถึงแก่ฉิบหายล่มจมได้”
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ซึ่งถือได้ว่า เป็นวันฉลองความสำเร็จ ของการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองภายใต้การนำของคณะปฏิวัติแล้ว พวกเราหนังสือพิมพ์คงจะอยู่ในฐานะที่ลำบากยากใจที่สุด หนังสือพิมพ์จะกล่าวความกระทบไปถึงระบอบเก่าแม้แต่เล็กน้อยก็จะกลายเป็นโทษไป จะกล่าวสรรเสริญคณะราษฎรก็จะถูกหาความจากวิทยุกระจายเสียงว่า เป็นผู้ทำให้ท่านผู้มีเกียรติเหล่านั้นต้องกระดากใจ หรือถ้ากล่าวสรรเสริญหนักไปเบาไป ก็จะต้องโทษในข้อที่ว่า ได้ทำให้คณะผู้ก่อการมากท่านน้อยใจ
ท่านผู้เรียบเรียงบทสนทนาทางวิทยุกระจายเสียง, ถ้าท่านมีข้อความใดจะบัญชาลงมายังหนังสือพิมพ์อีกแล้วไซร้ ขอได้โปรดรีบบัญชาลงมาเสียให้หมดสิ้นทีเดียว พวกเราจะได้วินิจฉัยกันเสียทีว่า เราจะเลิกทำงานหนังสือพิมพ์ได้หรือยัง เพื่อที่จะช่วยตัวเราให้พ้นจากทุกขเวทนาที่ต้องมาทนทำสิ่งที่นักหนังสือพิมพ์ทั่วโลก เขาไม่เรียกว่าหนังสือพิมพ์อีกต่อไป.