วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๘๔

ต้องการ ๓ นายพันเอก

นายประยูรภมรมนตรี ได้แจ้งแก่พระยาพหลฯ ว่า กำลังสมัครพรรคพวกที่บรรดาห้วหน้าเหล่านั้นได้รวมไว้ได้แล้วนั้น นับว่าเป็นการเพียงพอที่จะดำเนินการปฏิวัติได้ ยังขาดอยู่ก็แต่ความร่วมมือของนายทหารผู้ใหญ่เท่านั้น บรรดาหัวหน้ากลุ่มเหล่านั้น ใคร่จะเชิญพระยาพหลฯ และนายทหารชั้นผู้ใหญ่อีก ๒ ท่าน ผู้เป็นเพื่อนสนิทของท่านให้ร่วมมือด้วย คือพระยาทรงสุรเดชหนึ่ง และพระยาศรีสิทธิสงครามหนึ่ง ถ้าได้นายทหารผู้ใหญ่ทั้ง ๒ ท่านนี้ร่วมมือด้วยแล้ว กำลังของคณะก็จะเป็นปึกแผ่นมั่นคงยิ่งขึ้น

ในส่วนพระยาทรงสุรเดชนั้น นายประยูรกล่าวว่าได้เคยพบปะกับคณะที่ปารีส และได้ทาบทามฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับราชการบ้านเมืองดูแล้ว ได้ความสอดคล้องต้องกันดี สังเกตเห็นว่า ถ้าได้รับคำชักชวนแล้วก็คงจะร่วมมือด้วย แต่ในส่วนพระยาศรีสิทธิสงครามนั้นเป็นคนอ่านยาก เพราะว่าเป็นคนที่ไม่ใคร่เปิดเผยความคิด ทำให้นึกหวั่นอยู่บ้างว่า ถ้าได้ร่วมทำการเปลี่ยนการปกครองสำเร็จแล้ว อ้างตั้งตนเป็นนะโปเลียนที่หนึ่งภายหลังก็ได้ แต่อย่างไรก็ดี เท่าที่เกี่ยวกับอัธยาศัยของพระยาศรีสิทธิสงครามนั้น ทางคณะของนายประยูรยังไม่รู้จักดี จึงขอมอบให้เป็นธุระของพระยาพหลฯ พิจารณาดูต่อไป

เมื่อพระยาพหลฯ ได้ซักถามข้อความต่าง ๆ จากนายประยูร ภมรมนตรีจนเป็นที่พอใจในน้ำใสใจคอของบรรดาบุคคลที่นายประยูรได้ออกนามมาแล้ว พระยาพหลฯ ก็รับตกลงว่าจะร่วมมือด้วย และรับเป็นธุระจะไปเจรจาเกลี้ยกล่อมเกลอทั้ง ๒ คนต่อไป เกี่ยวกับพระยาทรงฯนั้น พระยาพหลฯ คาดหมายว่าคงจะไม่ปฏิเสธ เพราะรู้ความคิดความอ่านกันอยู่ดีแล้ว แต่ในส่วนพระยาศรีสิทธิสงครามนั้น พระยาพหลฯ ไม่มีความมั่นใจเท่าใด เพราะได้เคยติดต่อพูดจากันมาบ้างแล้ว พระยาศรีฯ ก็ได้แต่นิ่งฟัง ถึงกระนั้นก็ดี พระยาพหลฯ ก็รับแก่นายประยูรว่า จะเพียรไปพูดจาเกลี้ยกล่อมดูอีกครั้งหนึ่ง

พระยาพหลฯ พบพระยาทรงฯ

เมื่อได้ตอบตกลงปลงใจไปกับนายประยูรเป็นที่มั่นเหมาะแล้ว พระยาพหลฯ ก็ได้รีบไปพบกับพระยาทรงฯ ณ บ้านของพระยาทรงฯ ด้วยความปรีดาปราโมทย์ พอเห็นหน้ามิตร พระยาพหลฯ ก็ร้องขึ้นว่า “อ้ายเพื่อนเอ๋ย กันได้ไปพบขุมทรัพย์เข้าแล้วละ การที่เราได้คิดกันไว้ช้านานคงจะสำเร็จเป็นแน่” พระยาทรงฯ ย้อนถามออกไปด้วยความตื่นเต้นว่า ไปพบขุมทรัพย์อะไร พระยาพหลฯ ก็เล่าให้เพื่อนสนิทฟังถึงเรื่องน้องชายแนะนำนายประยูร ภมรมนตรีให้มาพบ ตลอดจนนายประยูรได้มาพบ และสนทนากันโดยละเอียดถี่ถ้วนทุกประการ พระยาทรงก็มีความโสมนัสยินดี และได้ตกลงปลงใจร่วมมือด้วยโดยมิได้อิดเอื้อนเลย อนึ่ง เมื่อพระยาพหลฯ ปรารภกับพระยาทรงฯ ว่า จะไปพูดจาชักชวนให้พระยาศรีมาร่วมมือด้วยนั้น พระยาทรงฯ ส่ายหน้าบอกว่า เพื่อนของเราคนนี้อ่านใจของเขายากจริง เพราะเป็นคนไม่ค่อยจะพูด แต่ถ้าพระยาพหลฯ จะลองไปพูดจาชักชวนดูแล้ว พระยาทรงฯ ก็ไม่ขัดข้อง ส่วนพระยาทรงฯ เองนั้น ขอตัวที่จะไปพูดจาเกลี้ยกล่อมพระยาศรีฯ เพราะคาดว่ามีความสำเร็จน้อยเต็มที

นับแต่นั้นมา ท่านนายพันเอกทั้งสอง ก็ปรึกษาร่วมคิดกันที่จะดำเนินเปลี่ยนการปกครองแผ่นดินอย่างจริงจัง และสอดส่องแสวงหาสมัครพรรคพวกร่วมใจเพิ่มเติมอยู่มิเว้นวาย

พระยาพหลฯพบพระศรีฯ

ต่อมาพระยาพหลฯ ได้พบสนทนากับพระยาศรีสิทธิสงครามอยู่เนือง ๆ เพื่อพูดจาทาบทามฟังความคิดเห็นของพระยาศรีฯ ว่าจะเห็นชอบด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองแผ่นดินหรือไม่ แต่พระยาพหลฯ ก็ได้ระมัดระวัง ที่จะไม่พูดจาให้พระยาศรีฯ ได้รู้ความเป็นไปลึกซึ้ง เพราะมิสู้วางใจว่าพระยาศรีฯ จะเล่นด้วยพระยาพหลฯ นัก ได้ปรารภถึงการเรื่องนี้ครั้งใด พระยาศรีฯ ก็ได้แต่นิ่งฟัง ไม่ทักท้วงและไม่สนับสนุนประการใด พระยาพหลฯ ก็เพียรพบสนทนากับพระยาศรีฯ หลายครั้ง พระยาศรีฯ ก็ไม่เปิดเผยความคิดอยู่นั่นเอง พระยาพหลฯ ก็จนปัญญา และไม่กล้าจะเปิดเผยรายละเอียดของคณะให้พระยาศรีฯ ทราบ เมื่อเห็นแน่ว่าพระยาศรีฯ คงไม่ร่วมความคิดด้วยแล้ว พระยาพหลฯ ก็จำต้องตัดใจปล่อยพระยาศรีฯ ผู้เพื่อนสนิทไว้แต่ลำพัง

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ