เดือน ๑๐ จ.ศ. ๑๒๓๘ (๒)
มิคศิรมาศ คือ เดือนอ้าย
ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ พระพุทธสาสนายุกาลล่วงแล้วได้ ๒๔๑๙ พรรษา ตรงกับคฤศตศักราช
วัน | ค่ำ | วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ | เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล | วันที่อย่างยุโรป | จดหมายบอกการ | ||
เดือน | วัน | วันที่ | เดือน | ||||
๖ | ๑ | ๒๙๒๙ | ๖ | ๑๕ | ๑๗ | ๑๑ | |
๗ | ๒ | ๒๙๓๐ | ๖ | ๑๖ | ๑๘ | ๑๑ | |
๑ | ๓ | ๒๙๓๑ | ๖ | ๑๗ | ๑๙ | ๑๑ | |
๒ | ๔ | ๒๙๓๒ | ๖ | ๑๘ | ๒๐ | ๑๑ | |
๓ | ๕ | ๒๙๓๓ | ๖ | ๑๙ | ๒๑ | ๑๑ | |
๔ | ๖ | ๒๙๓๔ | ๖ | ๒๐ | ๒๒ | ๑๑ | |
๕ | ๗ | ๒๙๓๕ | ๖ | ๒๑ | ๒๓ | ๑๑ | |
๖ | ๘ | ๒๙๓๖ | ๖ | ๒๒ | ๒๔ | ๑๑ | |
๗ | ๙ | ๒๙๓๗ | ๖ | ๒๓ | ๒๕ | ๑๑ | |
๑ | ๑๐ | ๒๙๓๘ | ๖ | ๒๔ | ๒๖ | ๑๑ | |
๒ | ๑๑ | ๒๙๓๙ | ๖ | ๒๕ | ๒๗ | ๑๑ | |
๓ | ๑๒ | ๒๙๔๐ | ๖ | ๒๖ | ๒๘ | ๑๑ | |
๔ | ๑๓ | ๒๙๔๑ | ๖ | ๒๗ | ๒๙ | ๑๑ | |
๕ | ๑๔ | ๒๙๔๒ | ๖ | ๒๘ | ๓๐ | ๑๑ | |
๖ | ๑๕ | ๒๙๔๓ | ๖ | ๒๙ | ๑ | ๑๒ |
เดือนที่หมายด้วยเลข ๑๑ นั้น คือ เดือนโนเวมเบอ
ท. อ. ว.
มิคศิรมาศ คือ เดือนอ้าย
ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ พระพุทธสาสนายุกาลล่วงแล้วได้ ๒๔๑๙ พรรษา ตรงกับคฤศตศักราช ๑๘๗๖
วัน | ค่ำ | วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ | เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล | วันที่อย่างยุโรป | จดหมายบอกการ | ||
เดือน | วัน | วันที่ | เดือน | ||||
๗ | ๑ | ๒๙๔๔ | ๗ | ๒ | ๑๒ | ||
๑ | ๒ | ๒๙๔๕ | ๗ | ๑ | ๓ | ๑๒ | |
๒ | ๓ | ๒๙๔๖ | ๗ | ๒ | ๔ | ๑๒ | |
๓ | ๔ | ๒๙๔๗ | ๗ | ๓ | ๕ | ๑๒ | |
๔ | ๕ | ๒๙๔๘ | ๗ | ๔ | ๖ | ๑๒ | |
๕ | ๖ | ๒๙๔๙ | ๗ | ๕ | ๗ | ๑๒ | |
๖ | ๗ | ๒๙๕๐ | ๗ | ๖ | ๘ | ๑๒ | |
๗ | ๘ | ๒๙๕๑ | ๗ | ๗ | ๙ | ๑๒ | |
๑ | ๙ | ๒๙๕๒ | ๗ | ๘ | ๑๐ | ๑๒ | |
๒ | ๑๐ | ๒๙๕๓ | ๗ | ๙ | ๑๑ | ๑๒ | |
๓ | ๑๑ | ๒๙๕๔ | ๗ | ๑๐ | ๑๒ | ๑๒ | |
๔ | ๑๒ | ๒๙๕๕ | ๗ | ๑๑ | ๑๓ | ๑๒ | |
๕ | ๑๓ | ๒๙๕๖ | ๗ | ๑๒ | ๑๔ | ๑๒ | |
๖ | ๑๔ | ๒๙๕๗ | ๗ | ๑๓ | ๑๕ | ๑๒ |
เดือนที่หมายด้วยเลข ๑๒ นั้น คือ เดือนดีเซมเบอ
ท. อ. ว.
ข่าวราชการ
ณวันจันทร์ เดือน ๑๐ แรม ค่ำ ๑ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิ์โสภณเสด็จไปจุดเทียนแลทรงประเคนพระสงฆ์ฉันเวรณพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ฉันเวรวันนี้ คือพระอมรเมธาจารย์ ๑ พระ ถานุกรม ๓ อันดับ ๖ รวมพระสงฆ์วัดโมลีโลก ๑๐ รูป
เวลาเย็นประมาณ ๕ โมงเศษ เสด็จออกสนามหญ้า พระยาศรีสิงหเทพจึงอ่านบอกพระยาเทพประชุน ข้าหลวงเมืองเชียงใหม่นั้น ขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย มีใจความว่า ด้วยพระยาเทพประชุนจะลงมาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ได้มอบการให้หลวงสุริยามาตย์ ข้าหลวงที่สองดูการแทน ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๒ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์วัดกัลยาณมิตรได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ๑๐ รูป พระเทพโมลี ๑ ถานานุกรม ๓ เปรียญ ๑ อันดับ ๕ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาย่ำค่ำเศษกราบถวายบังคมลากลับออกมา แล้วพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการใหญ่น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาศรีสิงหเทพจึงนำใบบอกน้ำฝนต้นเข้ากรุงเก่า กับบอกเมืองลำพูนทูลเกล้า ฯ ถวายช้างพลายรูปงาม ๒ ช้าง ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา แล้วพระนรินทรราชเสนีนำใบบอกเมืองเพชรบุรี ว่าหลวงวิจิตภักดีผู้ช่วยถึงแก่กรรมขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา เวลาประมาณทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๓ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมง พระสงฆ์วัดพระนามบัญญัติ ๑๐ รูป พระจันทรโคจรคุณ ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับ ๗ รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเสด็จออกมาทรงประเคน เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระไชยยศสมบัติ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกัน ประทับตรัสอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ แรม ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเสด็จออกมาทรงประเคน ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์วัดอนงคาราม พระวิสุทธิสารเถร ๑ ถานานุกรม ๑ อันดับ ๖ รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูปรับพระราชทานฉัน
งานฉลองพระชัณษา
เวลาวันนี้เปนวันฉลองพระพุทธชนมพรรษา เจ้าพนักงานเชิญพระไชยในแผ่นดินปัตยุบันกับพระพุทธรูปพระชนมพรรษา ๒๓ องค์กับพระพุทธชนมพรรษาวันในแผ่นดินปัตยุบันนี้ตั้งในบุษบกดอกไม้สด แล้วเชิญพระพุทธชนมพรรษาซึ่งหล่อใหม่ตั้งบนพานทองสองชั้นไว้บนโต๊ะจีน ตั้งข้างซ้ายบุษบก แล้วตั้งเครื่องนมัสการแลเทียนพระมหามงคลแลเทียนข้าหลวงเครื่องนมัสการเครื่องห้า แลการนี้ตั้งที่พระที่นั่งไพศาลทักษณด้านตวันออก
เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ โปรดเกล้า ฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์วัดราชบพิธ ๒๔ รูป หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนประธาน เข้ามารับพระราชทานไตรแพรกับย่ามโหมดเทศ พระสงฆ์ออกมาครองผ้าข้างนอกแล้วกลับเข้าไปนั่งตามที่ จึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรถวายศีล ทรงศีลแล้วเสด็จมาประทับพระที่นั่งโทรน พระสงฆ์เจริญพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตรแลคาถามงคลวิเศษต่าง ๆ ครั้นจบแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอถวายเทียนแก่พระสงฆ์ ๆ ก็ถวายอติเรกแลถวายพระพรลา เวลายามเศษเสด็จขึ้น อนึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้มีดอกไม้เพลิงต่าง ๆ คือดอกไม้พุ่มกระถางระทาตู้ฝนแสนห่า ไฟพะเนียง บูชาพระพุทธรูป
พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ทรงแต่ง
----------------------------
วันศุกร์ เดือน ๑๐ แรม ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งไพศาลทักษิณ มีพระบรมราชโองการให้กรมสังฆการีย์นิมนต์พระสงฆ์ ๒๔ รูปวัดราชบพิธ มีหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนประธาน เข้าไปในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรถวายศีล ครั้นแล้วพระสงฆ์ก็ถวายพรพระ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนพระมหามงคลแลรูปเครื่องสักการะถวายพระสยามเทวราช ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรทรงประเคนหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร แลมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์เข้าประเคนปฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ถวายยถาแลสวดถวายชัยมงคลเสกน้ำพระพุทธมนต์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานได้ให้พราหมณเบิกแว่นเวียนเทียน เจ้าพนักงานดุริยางคดนตรีฆ้องกลองแตรสังข์ก็ประโคมขึ้นพร้อมกัน สมโภชพระพุทธชนมพรรษา
เวลาบ่ายโมงนานพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติกับพวกเสมียนเข้าออฟฟิศหลวง เวลาบ่าย ๒ โมงนานเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตนเข้าไปติดกระจกรูปสีเขียนน้ำมัน ในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เวลาบ่าย ๓ โมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๔ โมงเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีก็กลับออกมาจากที่เฝ้า เวลาย่ำค่ำพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระยาศรีสิงหเทพอ่านต้นร่างท้องตราตอบพระยาเจริญราชไมตรี ที่ได้ส่งบอกพระยาอานุภาพไตรภพ พระยาคทาธรธรณินทรเข้ามาณกรุงเทพ ฯ แลพระนรินทรราชเสนีอ่านบอกพระยาอมรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี ได้ส่งเงินค่านาเข้ามากรุงเทพ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็กลับออกมาจากที่เฝ้า เวลาทุ่มนาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลายามหนึ่ง จึงมีพระบรมราชโองการให้กรมสังฆการีย์นิมนตพระสงฆวัดราชประดิษฐ ๕ รูปเข้าไปในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการที่ทรงธรรม พระสาสนโสภณขึ้นถวายเทศนาในมงคลวิเศษต่าง ๆ เวลา ๕ ทุ่มจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายเครื่องไทยธรรม เงินค่ากัปปิยภัณฑ ๑๐ ตำลึง พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์จนเวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้นจากพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ทหารขาว พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยสวมเสื้อฟรอกโก๊ด.
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงแต่ง
----------------------------
ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง
ณวันเสาร เดือน ๑๐ แรม ๖ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆวัดชิโนรสาราม ได้เข้ามารับพระราชทานฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย มีพระเนกขัมมุนี ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับ ๗ รวม ๑๐ รูป โปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณออกมาทรงประเคนสำรับพระสงฆ์
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ทรงประทับตรัสด้วยข่าวราชการต่าง ๆ จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น
กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันอาทิตย เดือน ๑๐ แรม ๗ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระศรีสมโพธิ์ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับ ๖ รวมพระวัดพระยาทำ ๑๐ รูป เข้าไปฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย โปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณออกมาประฏิบัติพระสงฆ.
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับพระที่นั่งโทรน พระนรินทรราชเสนีจึงนำแขกเมืองปลิด ๒ นาย เมืองสตูนนาย ๑ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯสั่งให้หาแขกเมืองทั้งสามนาย เข้ามายังหน้าพระที่นั่ง โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้แก่พระปักษาวาสวารินทรออกไปพระราชทานพระยาอภัยนุราชผู้บิดา มีความในสัญญาบัตรว่า ให้เลื่อนพระยาอภัยนุราชชาติรายาภักดีศรีอินดาหราวิยาหยา ซึ่งได้รับราชการโดยความสวามิภักดิซื่อสัตยสุจริตมานานนั้น เปนพระยาจางวางมีอิศริยยศใหญ่ยิ่งขึ้นไป มีนามตามยศว่า พระยาสมันตรัฐบุรินทรมหินทราธิรายานุวัตร ศรีสตุลรัฐมหาปธานาธิการ ไพศาลสุนทรพิจิตร สยามพิชิตภักดี เปนจางวางกำกับดูแลผิดแลชอบในราชการเมืองสตูน จงเว้นการควรเว้นแลอุสาหประพฤติการควรประพฤติ แลรักษาความซื่อสัตยสุจริตต่อกรุงเทพมหานครตามอย่างธรรมเนียมคนที่อยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ทั้งปวงทุกประการ ขอให้สิ่งซึ่งเปนเหตุเปนประธานแก่โลก จงอนุเคราะห์รักษาให้มีความสุขสวัสดิเจริญ เทอญ. พระราชทานอิศริยยศตั้งมา ณวันอาทิตย เดือน ๑๐ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก เปนปีที่ ๙ ในราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๖๑ ในรัชกาลปัตยุบันนี้.
แล้วจึงพระราชทานสัญญาบัตรอีกฉบับหนึ่งให้แก่พระปักษาวาสวารินทร เนื้อความในสัญญาบัตรดังนี้ว่า ให้เลื่อนพระปักษาวาสวารินทร ผู้ช่วยราชการเปนเจ้าเมืองสตูนมีนามตำแหน่งว่า พระยาอภัยนุราชชาติรายาภักดี ศรีอินดาหราวิยาหยาผู้ว่าราชการเมืองสตูน ได้บังคับบัญชาศรีตวันกรมการทั้งปวงบรรดาอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองสตูนทั้งสิ้น โดยยุติธรรมแลชอบด้วยราชการ จงเว้นการควรเว้นแลอุสาหะประพฤติการควรประพฤติทั้งปวง แลรักษาความซื่อสัตยสุจริตต่อกรุงเทพมหานครตามอย่างธรรมเนียมเจ้าเมืองแต่ก่อนจงทุกประการ ขอให้สิ่งซึ่งเปนเหตุเปนประธานแก่โลกจงอนุเคราะห์รักษาให้มีความสุขสวัสดิเจริญทำราชการฉลองพระเดชพระคุณเทอญ แลให้ศรีตวันกรมการทั้งปวงมีความสมัคสโมสรช่วยพระยาสตูนคิดอ่านการงานทั้งปวงโดยสุจริต แลฟังบังคับบัญชาการงานทั้งปวงที่ชอบด้วยราชการ พระราชทานอิศริยยศตั้งมาณวันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก เปนปีที่ ๙ ในราชสมบัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๖๑ ในรัชกาลปัตยุบันนี้
แล้วจึงพระราชทานสัญญาบัตรอิกฉบับหนึ่งให้แก่พระสุนทรรายา ผู้ช่วยราชการเมืองปลิด มีความในสัญญาบัตรว่า ให้พระสุนทรรายา ผู้ช่วยราชการเปนเจ้าเมืองปลิดมีนามตามตำแหน่งว่า พระยาวิเศษสงครามรามวิชิตวิลิศมาหราผู้ว่าราชการเมืองปลิด ได้บังคับบัญชาศรีตวันกรมการทั้งปวง บรรดาอยู่ในเขตรแดนแขวงเมืองปลิดทั้งสิ้นตามที่พระยาปลิดแต่ก่อนได้บังคับมานั้น โดยยุติธรรมแลชอบด้วยราชการ จงเว้นการควรเว้น อุสาหะประพฤติการควรประพฤติทั้งปวง แลรักษาความซื่อสัตยสุจริตต่อกรุงเทพ ฯ ตามอย่างธรรมเนียมเจ้าเมืองแต่ก่อนจงทุกประการ ขอให้สิ่งซึ่งเปนเหตุเปนประธานแก่โลกจงรักษาให้เจริญสุขสวัสดิทำราชการฉลองพระเดชพระคุณเทอญ แลให้ศรีตวันกรมการทั้งปวงมีความสมัคสโมสรช่วยพระยาปลิดคิดอ่านการงานทั้งปวงโดยสุจริต แลฟังบังคับบัญชาการงานทั้งปวงที่ชอบด้วยราชการ พระราชทานอิศริยยศตั้งมา ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๐ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก เปนวันที่ ๙ ในราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัว ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๖๑ ในรัชกาลปัตยุบันนี้
แล้วพระราชทานสัญญาบัตรอิกฉบับหนึ่งให้แก่เสดรณ ความในสัญญาบัตรว่า ให้เสดรณเปนพระศักดาดูลยฤทธิผู้ช่วยราชการที่สองเมืองปลิด จงช่วยพระยาปลิดคิดอ่านราชการบ้านเมืองแลฟังบังคับบัญชาพระยาปลิดแต่ที่เปนยุติธรรมแลชอบด้วยราชการ จงเว้นการควรเว้นอุสาหะประพฤติการควรประพฤติแลรักษาความซื่อสัตยสุจริตต่อกรุงเททมหานคร ตามอย่างธรรมเนียมคนที่ทรงพระกรุณาชุบเลี้ยงทั้งปวงทุกประการ ขอให้สิ่งซึ่งเปนเหตุเปนประธานแก่โลก จงรักษาให้มีความสุขสวัสดิทำราชการฉลองพระเดชพระคุณเทอญ ตั้งมาณวันอาทิตย เดือน ๑๐ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก เปนปีที่ ๙ ในราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๖๑ ในรัชกาลปัตยุบันนี้
แล้วจึงประทานเครื่องยศครอบทอง ๑ เครื่องในพร้อม คนโททอง ๑ กระโถนทอง ๑ พระราชทานให้แก่พระยาปลิด แล้วจึงพระราชทานพระบรมราชโอวาท สั่งสอนให้ประพฤติตามการรักษาอาณาเขตรให้เรียบร้อยโดยยุติธรรม เสด็จประทับตรัสด้วยกิจราชการประมาณ ๒๐ นาที เสด็จขึ้น
ครั้นเวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่งสี่ดุมพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง เสด็จออกทางประตูวิเศษไชยศรีไปตามถนนเลี้ยวป้อมเผด็จดัสกรลงถนนหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย แล้วเลี้ยวลงทางถนนเจริญกรุง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปเลี้ยวลงถนนเฟื่องนครแล้วเสด็จไปทางถนนวัดราชบพิธ ประทับหน้าพระอารามเสด็จขึ้นบนพระอุโบสถ ทอดพระเนตรลายบันในพระอุโบสถอยู่ประมาณ ๑๕ นาที แล้วเสด็จกลับจากพระอารามขึ้นทรงรถพระที่นั่งเลี้ยวลงถนนริมคลองไปทางสพานช้างโรงสี จึงเสด็จลงถนนหน้าวัดราชประดิษฐ เสด็จเข้าในสวนสราญรมย์ทรงประพาสไปรอบอุทยาน เสด็จลงจากรถพระที่นั่งทรงพระราชดำเนิรชมพรรณพฤกษต่าง ๆ พอเวลาทุ่ม ๑ เสด็จกลับยังพระบรมมหาราชวัง
พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทรงแต่ง
----------------------------
การพระราชกุศลตักบาตรน้ำผึ้ง
ณวันจันทร เดือน ๑๐ แรม ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรทางข้างใน ประทับที่พระพุทธรัตนสถาน โปรดเกล้าฯ ให้นิมนต์พระสงฆ์ ๑๐ รูป กรมพระปวเรศวริยาลงกรณเปนประธานฉันที่ในพระพุทธรัตนสถาน กับพระองค์เจ้าสามเณรอิก ๕ พระองค์ฉันที่พระตำหนัก ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงบาตรน้ำผึ้งแล้วถวายของไทยธรรมแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนาแล้วเสด็จขึ้น อนึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเอาน้ำผึ้ง ๓ ขันไปพระราชทานพระองค์เจ้าเณรศรีเสาวภางค์ ด้วยสังฆการีลืมเสียหาได้นิมนต์มาฉันไม่
เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จออกในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระบรมวงศานุวงศข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงพระนรินทรราชเสนีนำใบบอกพระยาอมรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี ขึ้นอ่านทูลเกล้า ฯ ถวาย ความว่าศิลาหน้าเพลิงได้ออกไปถึงเมืองราชบุรี ข้าพระพุทธเจ้าได้จัดการเผาศพพระสัจจาภิรมยเสร็จแล้ว ขอพระราชทานถวายพระกุศล ครั้นพระนรินทรอ่านใบบอกแล้ว จึงนำหลวงอนุรักษภูเบศร ผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ได้จัดทองสองก้อน ๆ หนึ่งหนัก ๑๐ บาท ก้อนหนึ่งหนัก ๖ บาท ๓ สลึงเฟื้อง ๒ หุน หีบถมตะทองใหญ่ ๒ เล็ก ๓ รวม ๕ ส้มตรังกานู ๒ ถาด พลุสงขลา ๒ ตลุ้ม ทูลเกล้าฯ ถวาย เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น.
พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๙ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเสด็จไปทรงจุดเทียนแลประเคนพระสงฆ์ฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย คือพระวินยานุกูลเถร ๑ พระถานานุกรม ๓ พระอันดับ ๖ รวมพระสงฆ์วัดสระเกศ ๑๐ รูป
เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระบรมวงศานุวงศข้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาจ่าแสนยบดีอ่านบอกทูลเกล้าฯ ถวาย ๓ ฉบับ คือ (๑) บอกพระยาสุริยวงศา ผู้สำเร็จราชการเมืองหล่มสักบอกส่งส่วยทองคำกับส่วยครั่งฉบับหนึ่ง (๒) พระยาสุริยวงศาขอพระราชทานท้าวขัติย เปนอุปฮาดเมืองหล่มสักฉบับหนึ่ง (๓) บอกพระยามหาอำมาตย ว่าด้วยท้าวเพี้ยคุมเร่วส่วย ๑๖๐ หาบลงมาทูลเกล้า ฯ ถวายฉบับหนึ่ง รวมเปน ๓ ฉบับ เวลายามเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพุธ เดือน ๑๐ แรม ๑๐ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษพระสงฆ์วัดพระเชตุพน ๑๐ รูป พระสาธุศีลสังวร ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับ ๖ รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเสด็จมาทรงประเคน.
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟรอกโก๊ตแลพระภูษาสีดำ เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลังไปประทับท่าราชวรดิษฐ ทรงเรือพระที่นั่งกลีบสมุทพร้อมด้วยเรือพระที่นั่งรองเรือกระบวรเรือข้าทูลลอองธุลีพระบาท เสด็จทางชลมารคเข้าคลองบางกอกน้อย ประทับฉนวนวัดสุวรรณาราม เสด็จพระราชดำเนิรเข้าสู่พระเมรุ ทรงทอดผ้าไตร ๑๐ ไตร พระราชทานสดัปกรณ พระศพพระบวรวงศเธอ พระองค์เจ้ากระจ่าง พระสงฆ์ราชาคณะ ๑๐ รูป มีเจ้าพระสังวรวรประสาทเปนประธาน สดัปกรณแลถวายอติเรกจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนขมาพระศพแล้วพระราชทานเพลิง เจ้าพนักงานก็ประโคมแตรสังข์กลองชนะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระเมรุขึ้นประทับพลับพลา ทรงทิ้งผลมนาวมีเงินเฟื้องภายในพระราชทานกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแลพระบรมวงศานุวงศข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย.
เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จพระราชดำเนิรจากพลับพลาที่ประทับลงเรือพระที่นั่งมาประทับท่าราชวรดิษฐแล้วเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ทรงพระที่นั่งราชยานแต่เกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ไปประทับเกยหน้าประตูพรหมโสภา เสด็จขึ้น.
พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ แรม ๑๑ ค่ำ เวลาเช้า เจ้าพนักงานจัดการเตรียมเรือพระที่นั่งซึ่งทรงสร้างใหม่ ยาว ๖๓ ฟุตอังกฤษ เดิรโมง ๑ ได้ ๑๘ ไมล คือ ๗๐๒ เส้น ๑๖ วามาประทับท่าราชวรดิษฐ เจ้าพนักงานจัดบายศรีสองสำรับ ตั้งศีร์ษะเรือ ๑ ท้ายเรือ ๑ มีศีรษะสุกรเครื่องกระยาบวชพร้อม เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานไปประทับที่ตำหนักน้ำ เสด็จลงประทับท่าราชวรดิษฐ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเอากระดานที่จาฤกอักษรชื่อเรือพระที่นั่งว่า “พระที่นั่งโสภณภควดี” ๒ แผ่น ติดที่ศีร์ษะเรือข้างละแผ่น ขณะนั้นเจ้าพนักงานประโคมแตรสังขพิณพาทยขึ้น ครั้นเสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงเรือพระที่นั่ง โปรดเกล้า ฯ ให้ใช้จักรขึ้นไปตามลำน้ำ ถึงหน้าวัดราชาธิวาสกลับล่องลงมาตามลำน้ำ ถึงตำบลคอกควายกลับขึ้นมาประทับที่เรือกันบดสร้างใหม่ ชื่อเรือพิฦกฦๅไชย ซึ่งจอดอยู่ที่ท่าเตียน ทอดพระเนตรเครื่องจักรแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้แล่นมาจากที่นั้นแล้วถึงหน้าพระตำหนักน้ำเสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งโสภณภควดีมาประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จขึ้นเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง
อนึ่งเวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณเสด็จออกมาทรงประเคนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์วัดพระเชตุพน พระญาณโพธิ ๑ ถานานุกรม ๓ พระอันดับ ๖ รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป รับพระราชทานฉัน เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ภายหลังพระยามหามนตรีเฝ้า เวลาย่ำค่ำเศษพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทตามธรรมเนียม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งให้หลวงฤทธิเดชชลขันธ์ยกระบัตร เปนพระยาชลบุรานุรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองชลบุรี ถือศักดินา ๓๐๐๐
ให้หลวงสัตยานุกูล ผู้ช่วยราชการเมือง เปนพระยาสาครสงครามนิคมคามรักษา ผู้ว่าราชการเมืองบางลมุง ถือศักดินา ๓๐๐๐
ให้หลวงพิไชยชาญยุทธ ยกระบัตร เปนพระอินทราสา ผู้ว่าราชการเมืองพนัสนิคม ถือศักดินา ๓๐๐๐
ให้ท้าวรอด บุตรพระอินทราสา ผู้ถึงแก่กรรม เปนหลวงพิไชยชาญยุทธ ยกระบัตรเมืองพนัสนิคม ถือศักดินา ๕๐๐
ให้หลวงสากลพิทักษ์ ยกระบัตร เปนพระสยามพลภักดี ปลัดเมืองนครไชยศรี ถือศักดินา ๖๐๐
ให้ทุนขจรภารา กองตระเวนขวา ในกรมพระนครบาล เปนหลวงสากลพิทักษ์ ยกระบัตรเมืองนครไชยศรี ถือศักดินา ๕๐๐
รวมข้าราชการได้รับพระราชทานสัญญาบัตร ๖ นาย เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันศุกร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๒ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดพระเชตุพนได้เข้ามารับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระมงคลเทพ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับ ๖ รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณออกมาทรงประเคนสำหรับพระสงฆ์ฉัน
เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานไปประทับที่เกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระราชดำเนิรไปประทับในพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการเสร็จแล้ว สมเด็จพระวันรัตนถวายศีล แล้วขุนสุวรรณอักษรกรมอาลักษณอ่านเรื่องต้นพิมพวงศ์ซึ่งเปนตำนานแห่งพระแก้วมรกฏ ครั้นอ่านจบแล้ว พระสงฆ์ ๓๘ รูป เจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้ว พราหมณ์ก็อ่านคำยอพระเกียรติพระแก้วมรกฏจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้น แลการซึ่งตั้งพระพุทธรูป พระแสงแลหม้อน้ำเหมือนอย่างที่เคยมาทุกปี
พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ทรงแต่ง
----------------------------
พระราชพิธีถือน้ำ
ณวันเสาร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ไปทรงประเคนพระสงฆ์ซึ่งได้ฉันที่พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วก็เข้าไปในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระอุโบสถ เจ้าพนักงานได้เปิดหีบพระแสงเชิญพระแสงออกเรียงไว้ตามที่ ได้เชิญพระเทวรูปออกตั้งอิก ๔ องค์ คือพระอิศวร ๑ พระนารายณ์ ๑ พระพรหม ๑ พระพิฆเนศวร ๑ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระทวารพรหมโสภา เสด็จประทับเกย ทรงพระราชยานทองลงยาราชาวดีประดับพลอยสีต่าง ๆ เสด็จพระราชดำเนิรพร้อมด้วยตรวจทหารกระบวรแห่หน้าหลัง ออกมาทางประตูพิมานไชยศรี เลี้ยวไปทางถนนวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าในพระอุโบสถทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ สมเด็จพระวันรัตนถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว ทรงจุดเทียนเงินเทียนทองพระราชทานมหาดเล็ก ไปนมัสการพระพุทธสัมพรรณีแลพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย องค์ละคู่ แลทรงจุดเทียนนมัสการพระราชทานกรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ไปบูชาณหอราชพงศานุสร ๔ เล่ม คือทรงนมัสการพระพุทธรูปจำลองพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเสด็จสวรรคตล่วงลับไปแล้ว กับหอราชกรัณยานุสร ๓๔ เล่ม ทรงนมัสการพระพุทธรูปจำลองพระองค์ในพระเจ้าแผ่นดินสยาม ซึ่งทรงประดิษฐานแลดำรงกรุงทวาราวดีศรีอยุธยา ครั้นทรงนมัสการเสร็จแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระมหาราชครูพิธีอ่านมนต์พราหมณ์ชุบพระแสงศรพรหมาสตร์ลงในพระขันหยก แล้วอ่านมนต์ชุบพระแสงอัคนิวาต พระแสงศรประไลยวาต ลงในพระขันหยกทั้ง ๓ องค์แล้ว ๆ พระมหาราชครูพิธีอ่านคำแช่งเปนภาษาสยามจบแล้ว เจ้าพนักงานกรมพระแสงหอกดาบก็เชิญพระแสงจากที่มณฑล พระสิทธิไชยรับพระแสงชุบลงในหม้อน้ำเงิน ๑๒ หม้อ หม้อน้ำทอง ๒ หม้อ ขันทศกร ๑ พระสงฆ์ ๓๘ รูปสวดสัจจคาถา มี สจจํ ว อมตา วาจา เปนต้น พราหมณเป่าสังข์ เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์ฆ้องกลองดุริยางคดนตรีขึ้นพร้อมกัน ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ ๆ ก็เข้าไปในพระอุโบสถ เจ้าพนักงานกรมพระอาลักษณแจกคำสาบาลแด่ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ ๆ ก็ยืนขึ้นพร้อมกันถวายคำนับแล้ว อ่านคำสาบาลถวายความสัตย์จบแล้วก็นั่งลงโดยลำดับ ครั้นพระสิทธิไชยชุบพระแสงถ้วน ๑๕ องค์แล้ว พระมหาราชครูพิธีก็เชิญพระขันหยก เอาน้ำซึ่งชุบพระแสงสามองค์นั้นเจือลงในหม้อน้ำเงินหม้อน้ำทองขันทศกร แลเชิญขันโมราใส่น้ำซึ่งชุบพระแสงศรสามองค์นั้นมาทูลเกล้า ฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๆ จึงทรงยืนขึ้นบ่ายพระพักตรไปทางพระพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกฏ ทรงอธิษฐานแล้วบ่ายพระพักตรมายังพระบรมวงศานุวงศ์ ท่านเสนาบดีข้าราชการเสวยน้ำนั้น พระสิทธิไชยเชิญพระขันลงยาใส่น้ำพระพิพัฒสัตยามาถวายกรมพระราชวังบวร ฯ แล้วจึงเอาถ้วยก้าไหล่ทองมีหูซึ่งจาฤกคาถา ตักน้ำพระพิพัฒสัตยาถวายพระบรมวงศานุวงศ์ หลวงราชมณีเอาถ้วยก้าไหล่ทองแลถ้วยสำริดซึ่งจาฤกคาถา ตักน้ำพระพิพัฒน์สัตยาให้ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็รับพระราชทานน้ำพระพิพัฒสัตยาทุกองค์ทุกท่าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาสัพพี ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่นั้นจนข้าราชการรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒสัตยาเกือบจะสิ้น จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในฉาก ให้ภรรยาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งได้เข้ามารับพระราชทานนาพระพิพัฒสัตยาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกทางประตูหลังพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนิรทางระเบียงหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มาประทับเกยเดิม ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลังโดยเสด็จพระราชดำเนิร เข้าทางประตูพิมานไชยศรีไปประทับเกยข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จพระราชดำเนิรประทับพระที่นั่งสนามจันทน์ ทรงฉลองพระองค์ครุยขาว เจ้าพนักงานเฝ้าหอพระอัฐิเปิดพระแกลสมมุติว่าพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยามทั้ง ๔ พระองค์เสด็จออก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ตีกลองชนะมโหรทึกขึ้นพร้อมกัน ครั้นทรงนมัสการแล้วเสด็จพระราชดำเนิรประทับในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยทรงเปลื้องเครื่องเต็มยศ กรมพระราชวังบวร ฯ พระบรมวงศานุวงศ์ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็สวมเสื้อครุยขาวนำเอาดอกไม้ธูปเทียนไปจุด บูชาถวายพระบรมอัฐิระฦกถึงพระเดชพระคุณพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ ครั้นแล้วก็กลับออกมา เวลาบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายใน ถือน้ำพระพิพัฒสัตยา ประทับอยู่จนเวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสด็จขึ้นจากที่นั้น
อนึ่งการที่ถือน้ำพิพัฒนสัตยานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาเขียนลายทองพื้นขาวทรงฉลองพระองค์เยียระบับขาว ทรงสายสพายสีเหลืองนพรัตนราชวราภรณ์ แลทรงติดดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์ ๑ ดวง ตรามหาวราภรณช้างเผือกสยาม ๑ ดวง ตรามหาสุราภรณ์มงกุฎสยาม ๑ ดวง ตราจุลจอมเกล้า ๑ ทรงพระแสงหัดถนารายณ์ เจ้าต่างกรมพระองค์เจ้าทรงเยียระบับขาว ทรงฉลองพระองค์เยียระบับขาว คาดฉลองพระองค์ครุยบ้างไม่ได้คาดบ้าง ทรงติดตราเครื่องราชอิศริยยศซึ่งได้รับพระราชทาน หม่อมเจ้านุ่งผ้าขาวลายสวมเสื้อขาว ท่านเสนาบดีพระยา พระ นุ่งผ้าเกี้ยวพื้นขาวสวมเสื้อปีกขาวคาดเสื้อครุยขาว ติดตราเครื่องราชอิศริยยศซึ่งได้รับพระราชทาน พระหลวงขุนจ่านายนุ่งผ้าสมปักลายพื้นขาว สวมเสื้อขาวคาดสำรตติดตราเครื่องราชอิศริยยศซึ่งได้รับพระราชทาน ข้าราชการฝ่ายตำรวจทหารแต่งตัวเต็มยศ สีดำสีขาบสีน้ำเงินตามตำแหน่งยศ ติดตราเครื่องราชอิศริยยศตามซึ่งได้รับพระราชทาน ภรรยาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยนุ่งห่มล้วนขาวทั้งสิ้น ตำแหน่งที่สูงๆ ห่มผ้าปักทองแล่งทับนอก
อนึ่งการซึ่งรับเสด็จพระราชดำเนิรนั้น ตั้งแต่มุมกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไป มีทหารหน้ามีแตรวง ๑ รายสองแถวออกไปจนตลอดทางเสด็จพระราชดำเนิร ทางตรงประตูวิเศษไชยศรีออกมา มีทหารปืนใหญ่ทหารหน้าแตรวง ๑ คอยรับเสด็จพระราชดำเนิร ที่สนามหญ้าหน้าโรงเรียนหนังสือมีทหารปืนแคตลิงกัน ถัดออกไปมีปรำชาวประเทศราชข้าราชการหัวเมืองเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในที่นั้น ริมเกยมีแตรวง ๑ ล้วนแต่งตัวเต็มยศทั้งสิ้น อนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับแล้วนั้น ภรรยาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ออกมาพร้อมกันหน้าพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกฎ พระมหาราชครูพิธีแลขุนเกศวินาศ อ่านค่าแช่งน้ำในที่ประชุม ครั้นอ่านจบแล้ว ภรรยาข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยรับพระราชทานน้ำพิพัฒนสัตยาทั่วกัน ฝ่ายข้างหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานนำน้ำพระพิพัฒนสัตยาแลคำสาบาลให้ขุนหมื่นทนายไพร่เจ้ากรมปลัดกรม ข้าเจ้าต่างกรมล้วนซึ่งได้รับพระราชทานเบี้ยหวัด ที่ทิมคดหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พวกกรมพระตำรวจ ขุนหมื่นทนายไพร่ได้อ่านคำสาบาล รับพระราชทานน้ำพระพิพัฒนสัตยา มหาดเล็กทหารมหาดเล็กได้อ่านคำสาบาลถือน้ำพระพิพัฒนสัตยาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เจ้าพนักงานตั้งบายศรีทองสองสำรับ ศีร์ษะสุกรสองศีร์ษะที่หอวินิจฉัยเภรีริมประตูเทวาพิทักษ์ พระมหาราชครูพิธีอ่านดุษดีสังเวยกลองมหาวินิจฉัยเภรี ครั้นอ่านพระมหาราชครูให้แว่นเวียนเทียนลูกขุนแลขุนศาลตระลาการเวียนเทียน ๕ รอบ เจ้าพนักงานลั่นฆ้องไชยประโคมสังข์แตรพิณพาทย์ ครั้นครบ ๕ รอบแล้ว พระมหาราชครูเจิมกลองมหาวินิจฉัยเภรี ตามอย่างไสยศาสตรซึ่งมีมา
พระราชพิธีสารท
เวลาเย็นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทได้ตั้งการพระราชพิธีสารท เจ้าพนักงานได้ตั้งพระแท่นมณฑลมุขด้านตวันออก แลเชิญพระไชยสำหรับแผ่นดินทั้ง ๕ พระองค์แลพระไชยเนาวโลหะ ๑ พระแก้วเขียวเรือนทอง ๑ กับพระไตรปิฎกสังเขปคัมภีร์ ๑ พระภิกขุปาฏิโมกข์คัมภีร์ ๑ พระเต้าศิลาลงพระอักษร ๒ พระองค์ ขึ้นประดิษฐานไว้บนม้าหมู่จำหลักลายทองซึ่งตั้งไว้บนพระแท่นมณฑล แลได้เชิญพระเต้าเทวบิฐองค์ ๑ พระเต้าเนาวเคราะห์องค์ ๑ พระเต้า ๕ กระษัตริย์ คือพระเต้าทององค์ ๑ พระเต้านาคองค์ ๑ พระเต้าเงินองค์ ๑ พระเต้าสำริดองค์ ๑ พระเต้าศิลาองค์ ๑ กับพระถ้วย ๕ กระษัตริย์สำหรับกับพระเต้า ๕ พระองค์ รวมใส่ไว้ถาดหนึ่ง ขันหยกองค์ ๑ ตั้งบนพระแท่นมณฑลตรงหน้าม้าหมู่ลงมาเชิญรูปเทวดาเชิญหีบพระราชลัญจกร ตั้งเบื้องขวาเทวดา เชิญพระแสง ๓ องค์ คือพระขรรค์จีนองค์ ๑ ธารพระกรเทวรูปองค์ ๑ ธารพระกรศักดิสิทธิองค์ ๑ ตั้งเบื้องซ้ายพระแท่นมณฑลนั้นแลเชิญพระแสงศรพรหมาสตร์องค์ ๑ พระแสงอัคนีวาตองค์ ๑ พระแสงศรประไลยวาตองค์ ๑ พระแสงขรรค์ไชยศรีองค์ ๑ พระแสงขรรค์เนาวโลหะองค์ ๑ พระแสงจักร์องค์ ๑ พระแสงดาบคาบค่ายองค์ ๑ พระแสงดาบเวียดองค์ ๑ พระแสงดาบประดับพลอยองค์ ๑ พระแสงฝักทองเกลี้ยงประดับเพ็ชรองค์ ๑ พระแสงปืนนาคใหญ่องค์ ๑ พระแสงปืนคาบชุดองค์ ๑ พระแสงปืนนพรัตนองค์ ๑ พระแซ่หางช้างองค์ ๑ เชิญตั้งบนบันไดแก้วหลังพระพุทธรูปสองข้างพระแท่นมณฑลนั้นตั้งโต๊ะจีนหยกสองโต๊ะข้างละโต๊ะ ๆ ด้านเหนือนั้นตั้งพระพุทธรูปนิรันตรายองค์ ๑ โต๊ะด้านใต้นั้นเชิญพระสยามเทวาธิราชองค์ ๑ พระนารายณ์องค์ ๑ พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏองค์ ๑ พระเต้าทององค์ ๑ ฝ่ายมุขด้านทวันตกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีเตียงมณฑล ๑ เตียงตั้งเครื่องทิพยปายาสมีขวด ๔ ขวด ลูกอินทผาลัม ๑ ลูกพลับแห้ง ๑ ลูกชมภู่ ๑ เข้าฟ่างกวน ๑ ถุงผ้าขาวใส่ถั่วเขียว ๑ ถั่วยีสง ๑ ถั่วทอง ๑ ถั่วแม่ตาย ๑ ถั่วดำ ๑ ถั่วราชมาศ ๑ งา ๑ เข้าเม่า ๑ เข้าตอก ๑ เมล็ดมะกล่ำตาช้าง ๑ เมล็ดไม้แดง ๑ เข้าฟ่าง ๑ ลูกเดือย ๑ สาคู ๑ เผือก ๑ มัน ๑ แห้ว ๑ กระจับ ๑ เข้าโภชน์ ๑ เมล็ดแตงอุลิต ๑ เมล็ดชเอมสด ๑ รวม ๒๑ สิ่งอย่างละ ๔ ถังตั้งบนเตียงมณฑล เจ้าพนักงานกรมสังฆการียวงสายสิญจนที่พระแท่นมณฑลมุขด้านตวันออก โยงไปที่พระแท่นมณฑลมุขด้านตวันตกแลวงรอบพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แลโยงไปที่โรงกวนเข้าทิพยปายาส ๆ ตั้งอยู่ทิศเหนือประตูศรีสุนทร เปนโรงปลูกใหม่กั้นม่านรอบแลมีกะทะเข้าทิพยปายาส ๘ กะทะ ๆ กระยาสารท ๒ กะทะ มีมะพร้าวอ่อน ๑๕๐ ผล มะพร้าวแก่ ๕ ผล น้ำตาล ๒๐ หม้อ ฟืนร้อยดุ้นทุก ๆ เตา แลมีฉากรูปเทวดาแขวนรอบโรงแลตามเสามุมโรงทั้งสี่มุมนั้น มีหิ้งติดตั้งเครื่องบูชาทั้ง ๔ เสา มีรูปเทวดาหิ้งละ ๔ องค์ ที่มุมเตามีรูปเทวดาปั้นมุมละองค์ทั้งสี่มุมทุก ๆ กะทะ สี่มุมโรงพิธีมีราชวัตรฉัตรขาววงสายสิญจนรอบ ถัดไปมีโรงพิธีพราหมณโรง ๑ พระมหาราชครูพิธีทำตามไสยศาสตรพระราชพิธีพราหมณ
เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางทวารพรหมโสภาเสด็จประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยาน เสด็จไปประทับเกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานประโคมพิณพาทยแตรสังข เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นข้างมุขใต้ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระพิมลธรรมถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว พระศรีสุนทรโวหารอ่านคำประกาศเทวดา คือเชิญเทพยดามาประชุมในพิธีด้วย ตั้งการพระราชพิธีสารทแลเกณฑพระบรมวงศานุวงศฝ่ายหน้าฝ่ายในข้าราชการนำโถเข้ากระยาคูถวายพระสงฆ์แลตั้งการกวนเข้าทิพยปายาส สมมุติว่าผู้ซึ่งได้รับพระราชทานหายเสนียดจัญไร ให้เทพยดาอำนวยพรถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงพระเจริญยืนนาน ครั้นอ่านจบแล้ว พระสงฆ์ ๓๓ รูป สวดพระพุทธมนตสัตตปริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มหาดเล็กถวายเทียนพระสงฆ์ ๆ ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรประทับเกย ทรงพระราชยานเสด็จมาประทับเกยประตูพรหมโสภาเสด็จขึ้นเวลา ๔ ทุ่มเศษ
เวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรสทรงเครื่องราชอิศริยยศตรามหาสุราภรณมงกุฎสยาม พระบรมวงศานุวงศข้าราชการสวมเสื้ออิวนิงบ้าง ฟรอกโก๊ตบ้างไม่ได้ติดตรา ข้าราชการฝ่ายทหารแต่งเต็มยศตามตำแหน่งยศ.
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันอาทิตย เดือน ๑๐ แรม ๑๔ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระที่นั่งราชยานมาประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาททรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๓๓ รูป มีพระพิมลธรรมเปนประธานก็ถวายศีลถวายพรพระจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนสำรับคาวหวานแลโถเข้ากระยาคูทำด้วยฟักเหลือง ของข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทำทูลเกล้า ฯ ถวาย แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานกรมสนมพลเรือนนำโถเข้ากระยาคูแปดโถไปถวายพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าเณรทุก ๆ พระองค์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วก็ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ที่ด้านเหนือ จึงพระยาจ่าแสนยบดีนำใบบอกพระยามหาอำมาตยบอกข้อราชการเมืองหนองคาย ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่งเสด็จขึ้น
เวลาบ่ายพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าชายนภางคนิพัทธพงศสิ้นพระชนม พระบรมวงศานุวงศฝ่ายหน้าฝ่ายในพร้อมกันสรงพระศพเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานเชิญพระศพลงพระโกษฐเชิญขึ้นทรงเสลี่ยง พร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลังมายังหอธรรมสังเวช ตั้งบนแว่นฟ้า ๒ ชั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดฯ พระราชทานผ้าไตรสดัปกรณ ๒๐ ไตรแลมีพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมทั้งกลางวันกลางคืนแลมีกลองชนะแตรสังขประโคมยามตามตำแหน่งยศ
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช มาทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๓๒ รูปมีสมเด็จพระวันรัตนเปนประธานเจริญพระพุทธมนตทวาทศปริต จบแล้วพระสงฆ์กลับวัด เวลา ๒ ทุ่มเศษเปนเสร็จการในวันนั้น
กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันจันทร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๕ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานไปประทับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ตตามธรรมเนียม มาประทับทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว สมเด็จพระวันรัตนจึงได้ถวายศีล ครั้นถวายศีลจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงประเคนจังหัน พระสงฆ์จึงรับพระราชทานนั้น พระบรมวงศานุวงศ์จึงเข้าไปปฏิบัติพระสงฆ์ตามธรรมเนียม แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปทอดพระเนตรโถเข้ากระยาคู ของพระบรมวงศานุวงศ์ที่ต้องถูกเกณฑ์มานั้น พระวุฒิการจึงนำธงกระดาษฉลากขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงปักฉลากชื่อพระสงฆ์ที่โถเข้ายาคู ครั้นทรงปักแล้วจึงเสด็จมาประทับที่พระที่นั่งโทรน ทรงปิดทองหนังสือแลพระพุทธรูปด้วย ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณไปถวายไตรพระปาฏิโมกข แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระวุฒิการบดี นำเอาโถเข้ากระยาคูไปถวายที่วัด ๕ โถ คือถวายหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดา ๑ หม่อมเจ้าพระประภากร ๓ หม่อมเจ้าสามเณรอบเชย ๑ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ๑ หม่อมเจ้าสามเณรเล็ก ๑ รวมหม่อมเจ้าสามเณร ๕ องค์ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทรงประเคนเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์โดยสมควรตามธรรมเนียม สมเด็จพระวันรัตนก็ถวายอติเรก ครั้นจบแล้วพระสงฆ์ก็ถวายพระพรลากลับไปยังอาราม พระราชครูพิธีจึงเข้าไปถวายน้ำสังข์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่นั้นจนเวลาเที่ยงเศษเสด็จขึ้น
แลรวมบาญชีซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งได้นำโถเข้ากระยาคูที่ต้องถูกเกณฑ์นั้นมา ๑ คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๒ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๓ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๔ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอมเรนทรบดินทร ๕ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๖ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๗ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๘ พระบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนันตการฤทธิ ๙ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑๐ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑๒ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑๓ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑๔ พระเจ้านองยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑๕ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑๖ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑๗ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑๘ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑๙ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๒๐ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๒๓ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๒๒ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๒๓ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๒๔ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๒๕ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๒๖ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทัศทรง ๒๗ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณ ๒๘ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโต ๒๙ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหัสดินทร ๓๐ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเนาวรัตน ๓๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๓๒ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๓๓ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ ๓๔ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามหาหงสโสภาคย ๓๕ พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๓๖ พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ ๓๗ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๓๘ โถที่รายเจ้าพนักงานเกณฑ์ได้ ๓๘ แต่ขาดเสียโถ ๑ ไม่ได้มา
ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานมาประทับที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จประทับทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการเสร็จแล้ว กรมพระปวเรศวริยาลงกรณถวายศีล แล้วขุนมหาสิทธิโวหารจึงได้อ่านคำประกาศในเรื่องพิธีสารท ครั้นจบแล้วพระสงฆ์ ๓๐ รูป จึงได้เจริญพระธรรมจักกัปปวัตนสูตรแลพระมหาสมัยสูตร ครั้นพระสงฆ์สวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จขึ้นข้างใน ทรงเจิมหม่อมเจ้าหม่อมราชวงศ์หญิงซึ่งจะได้กวนเข้าทิพยนั้น คือ ๑ หม่อมเจ้าผะอบ ในกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๒ หม่อมเจ้าชม ในกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๓ หม่อมเจ้าชื่นในกรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๔ หม่อมเจ้าสังวาลยในกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา ๕ หม่อมเจ้าสบาย ในกรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา ๖ หม่อมเจ้าเพ็ญจันทร ในกรมหมื่นภูบาลบริรักษ ๗ หม่อมเจ้าสุภาวรรณ ในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ๔ หม่อมเจ้าประทุมแมน ในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ๙ หม่อมเจ้าสไบ ในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ๑๐ หม่อมเจ้าสาย ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ๑๑ หม่อมเจ้าวิลัย ในพระองค์เจ้าจำรัส ๑๒ หม่อมเจ้าละอองนวล ในกรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑๓ หม่อมเจ้าละวาดวรรณ ในกรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑๔ หม่อมเจ้าเผือก ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ๑๕ หม่อมเจ้าวงศผกา ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ๑๖ หม่อมราชวงศ์สว่าง ในพระองค์เจ้ามงคล ครั้นทรงเจิมเสร็จแล้ว ท้าววรจันทรจึงนำหม่อมเจ้า ๑๕ หม่อมราชวงศ์ ๑ ไปยังโรงพิธี ๆ ปลูกด้วยไม้ไผ่มุงจาก ๓ ห้อง มีเฉลียงรอบตัวแลกั้นม่านรอบโรงนั้นปลูกอยู่ริมกำแพงตรงกับหน้าโรงกระสาปนสิทธิการ ข้างขวาประตูศรีสุนทร ในโรงพิธีนั้นมีเครื่องเข้าทิพย นอกจากของที่เข้าพิธีบนพระมหาปราสาทนั้น คือ น้ำตาลหม้อ มะพร้าวอ่อน มะพร้าวแก่ เข้าสุก น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำนมวัว น้ำทับทิม น้ำซ่ม เนยไส เนยข้น กับฟืนไม้ราชพฤกษเจือในฟืนแสมซึ่งติดไฟพอเปนเชื้อ ไฟซึ่งติดนั้นเปนไฟฟ้าแลเครื่องต่าง ๆ ซึ่งตั้งบนเตียงมณฑลนั้น ก็ได้ขนลงมาที่โรงพิธีนั้นทุกสิ่ง ในโรงเฉลียงด้านหลังโรงนั้นยกพื้นเปนที่นั่งมีกะทะบนเตาไฟอยู่ ๘ กะทะสำหรับกวนเข้าทิพย เปนกะทะเอก ๒ กะทะ แลที่เฉลียงด้านหน้าข้อนข้างขวามืออิก ๒ กะทะ ๆ นั้นกวนกระยาสารท คนที่กวนนั้นเปนคนพวกห้องเครื่อง แลแขวนรูปท้าววิรุฬหก กับท้าวกุเวรราชแลเทวดาบริวารอิก ๑๖ รูป ครั้นท้าววรจันทรนำหม่อมเจ้า ๑๕ หม่อมราชวงศ์ ๑ มาถึงที่โรงพิธีเข้านั่งที่กะทะละ ๒ องค์ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยที่เสด็จขึ้นนั้น ไปประทับที่โรงพิธี จึงทรงรดน้ำสังข์ในกะทะแลเจิมพายทั้ง ๘ กะทะ แล้วจึงพระราชทานน้ำซ่มน้ำทับทิมแลอื่น ๆ แก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ กับพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ เทลงในกะทะทุกใบ แลเจ้าพนักงานวิเศษกลางวิเศษนอก จึงเทเข้าต่าง ๆ ลงในกะทะของตัวตามพนักงานของตน แลเจ้าพนักงานก็ประโคมดนตรีพิณพาทย์ตามธรรมเนียม ครั้นกวนอยู่พอเวลายามหนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรออกจากโรงพิธีขึ้นทรงพระราชยานเสด็จมาประทับเกยที่ประตูพรหมโสภาเสด็จขึ้น ครั้นเสด็จขึ้นแล้ว ท้าววรจันทรจึงนำหม่อมเจ้า ๑๕ หม่อมราชวงศ์ ๑ กลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง พวกวิเศษกับชาวห้องเครื่องจึงเข้ากวนตามเคยเหมือนอย่างทุกปี พระราชพิธีสารทวันกลางนี้ข้าพเจ้าจำได้บ้างมิได้บ้าง ถ้าผิดพลั้งประการใด ขอท่านทั้งหลายจงช่วยกันแก้ไขเสียให้เรียบร้อยตามควรแก่การ เทอญ
พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทรงแต่ง
----------------------------