เดือน ๕ จ.ศ. ๑๒๓๘

แผ่นที่ ๑ วัน ๑ เดือน ๕ ขึ้นคำหนึ่ง

๏ หนังสือข่าวราชการนี้ เจ้านายซึ่งมีพระนามที่จะได้ว่าต่อไป ได้ทรงคิดเหนพร้อมกันตั้งขึ้น เพื่อจะได้มีประโยชน์ แก่ผู้ซึ่งจะได้รับราชการต่อไป ในประจุบันนี้แลอนาคตกาล , ในหนังสือพิมพ์นี้จะมีความเปนข่าวราชการ ซึ่งมีขึ้นทุกวัน และมีข่าวควรจะบอกล่วงน่าได้บ้าง และได้มีข้อพิ่มเติมอีก ตามแต่จะมีได้ อนึ่ง การซึ่งตีพิมพ์หนังสือนี้นั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงษ ได้ทรงเปนพระธุระทั้งสิ้น แต่การซึ่งจะแต่งฃ่าวราชการทุกวันนั้น ได้แบ่งกันองคละวันดังนี้ :- สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี ทรงแต่งในวันเสาร์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณาคยุคล ทรงแต่งในวันอาทิตย์ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย ทรงแต่งในวันจันทร์ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงษ ทรงแต่งในวันอังคาร พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ ทรงแต่งในวันพุฒ พระองคเจ้ามนุศยนาคมานพ ทรงแต่งในวันพฤหัศบดี พระองค์เจ้าสวัศดิประวัติ ทรงแต่งในวันศุกร อนึ่งที่ว่ามาแล้วข้างต้น ว่าจะมีของเพิ่มเติม ที่เรียกเปนภาษาอังกฤษว่าสุปริเมนต ไม่ได้เกณฑเหมือนข่าวราชการ สุดแต่ผู้หนึ่งผู้ใดมีน้ำใจ จะช่วยให้มากขึ้นด้วยข้อใดข้อหนึ่งแล้ว จึ่งจะมีชื่อของผู้นั้นอยู่ที่ท้ายข้อนั้น อนึ่งถ้าเวลาเสด็จพระราชดำเนิร ประภาศหัวเมืองต่าง ๆ ข่าวราชการต่าง ๆ จะต้องงดแลลงเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเปนคะติแลคุณวิเสศต่าง ๆ ต่อไปภายน่า แลในเวลาประทับอยู่หัวเมืองนั้น ถ้ามีเรือบอกข่าวเข้ามา ก็จะให้ส่งข่าวราชการมาลงในหนังสือนี้บ้าง จนเสด็จพระราชดำเนิรกลับ เมื่อถึงก็จะทรงข่าวนอกไปจนหมด ๆ แล้วจึงจะได้ลงข่าวราชการในกรุงเทพ ฯ เมื่อเวลาไม่เสด็จพระราชดำเนิรอยู่ แลหมดข่าวนี้แล้ว จะได้ลงข่าวราชการต่อมาเสมอมิได้ขาด จนณวัน เดือนสิบ แรมสิบสี่ค่ำ เปนหมดเล่มนี้ หนังสือนี้ได้ออกแต่ณวันเสาร์ เดือนห้า ขึ้นค่ำหนึ่ง ปีชวดยังเปนสับตศก ๑๒๓๗ เปนวันที่จะได้ออกทุก ๆ วัน แต่จะมีมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีกำหนด หนังสือพิมพ์นี้ เปนหนังสือพิมพ์ขายเต่เปนของไปรเวต ต้องระวังตามที่ได้บอกมา ในปลายหนังสือ คอต นั้นแล้ว กับ ทูลเกล้า ฯ ถวาย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปนที่ ๑ ซึ่งได้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ คุ้มเกล้าทำนุบำรุงหนังสือนี้ ๚ะ

แผ่นที่ ๒ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๔ โมง ๒๐ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงพระราชยาน แต่เกยพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ไปประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จพระราชดำเนิรทางมุขกระสัน เสด็จออกประทับที่ทรงนมัสการ ๆ แลทรงศีล แลกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีลแล้ว พระสงฆ์ซึ่งได้เจริญพระพุทธมนต์เมื่อเวลาเย็นวานนี้นั้น จึงถวายพรพระจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิร ทรงประเคนเครื่อง กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ปฏิบัติพระสงฆ์ต่อไป ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว พระสงฆ์จึงยถาสัพพอติเรกถวายพระพรลา เวลา ๕ โมง ๑๕ มินิต พระสงฆ์กลับ แลพระพิธีธรรมวัดหงส์รัตนารามขึ้นสวดท้องภาณ พระธรรมกิตินั่งปรกตามอย่างตามธรรมเนียมอย่างนี้ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับมุขหน้า พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ที่นั้น ประทับอยู่จนเวลา ๕ โมงครึ่ง เสด็จขึ้น

เวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรในพระมหาปราสาท เหมือนเวลาเช้านี้ ครั้นประทับแล้ว จึงนมัสการแลทรงศีลตามราชประเพณี แล้วพระสงฆ์ซึ่งรับพระราชทานฉันเมื่อเช้านี้นั้นจึงเจริญทวาทศปริต ตามอย่างธรรมเนียมพระราชพิธีเช่นนี้ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับมุขหน้า ตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปัก แลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ แล้วจึงได้เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับทรงพระราชหัดถเลขา ณที่ประทับเดิม ครั้นจบแล้ว พระสงฆ์ ยถา สัพพี อติเรก ถวายพระพรลา เวลา ๒ ทุ่ม ๑๕

แผ่นที่ ๓ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑

มินิต พระสงฆ์กลับ พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์เทพวราราม จึงขึ้นสวดท้องภาณ แลพระศีลาจารพิพัฒนั่งปรก แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับตรงมุขหน้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลลออง ธุลีพระบาทเฝ้าอยู่ที่นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทาน สัญญาบัตรตั้งให้ พระยาวิเศษไชยชาญ ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทอง เปนพระยาอินทรวิชิตจางวางเมืองอ่างทอง แลหลวงฤทธินายเวร เปนพระยาวิเศษไชยชาญ ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทอง กับนายจันบุตรหลวงฤทธินายเวรซายัน ในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เปนหลวงศรีสิทธิสงคราม ผู้ช่วยราชการเมืองอ่างทอง มีสำเนาความในสัญญาบัตรทั้ง ๓ ฉบับนั้นดังนี้

ครั้นพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนตำแหน่งเสร็จแล้ว เวลา ๒ ทุ่มครึ่งเสด็จขึ้น แลพระราชทานมงคล แก่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ แล้วประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน จนเวลา ๒ ทุ่ม ๔๐ มินิต จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาทรงพระราชยาน เสด็จกลับขึ้นทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลาเช้านั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อย่างฟร็อกโก๊ต แพรสีกรมท่า ครั้นเวลาเย็นทรงฉลองพระองค์อย่างอิวนิงเดรศ สักหลาดดำ แต่พระภูษาแลอื่น ๆ นั้นเปนอย่างตามธรรมเนียม

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๔ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีกุน สัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้าประมาณ ๓ โมง หม่อมเจ้า ๕ องค์ซึ่งจะโสกันต์ ก็มาคอยอยู่ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศขาวอย่างทหารราชวัลลภ ทรงสายสพายสีชมภู ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศนพรัตนราชวราภรณ์ แลดวงตราจุลจอมเกล้า เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเกยหน้าพระทวารเทเวศรักษา ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยขบวรนำแลตาม เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จขึ้นทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ก็ถวายเบ็ญจศีล แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระธำมรงค์นพรัตน ทรงรดน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏพระราชทานหม่อมเจ้าซึ่งจะโสกันต์ พระสงฆ์ ๖๘ รูปก็สวดไชยมงคล เจ้าพนักงานก็ประโคมดุริยางค์ดนตรีขึ้นพร้อมกัน แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงตัดจุกหม่อมเจ้าเหล่านั้น ครั้นแล้วเจ้าพนักงานกรมภูษามาลาโกนเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน หม่อมเจ้า ๕ องค์ก็ไปเข้าที่สรงที่เขาไกรลาส เมื่อเวลาสรงนั้นเจ้าพนักงานก็ประโคมดนตรี ครั้นสรงที่เขาไกรลาสแล้ว ก็มานั่งที่เบ็ญจา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงรดน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานแก่หม่อมเจ้านั้น แล้วเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้าแลฝ่ายในก็เสด็จมารดน้ำเปนอันดับกัน ขณะเมื่อหม่อมเจ้าสรงอยู่นั้น พระสงฆ์ ๖๘ รูปสวดถวายพรพระ ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประเคนเครื่องเสวยแก่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ปฏิบัติพระ

แผ่นที่ ๕ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๒ ค่ำ

สงฆ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงจุดเทียนที่โต๊ะจีนซึ่งตั้งพระนิรันตราย แต่พระสยามเทวาธิราช แล้วทรงจุดธุปปักเครื่องสังเวยที่โต๊ะพระสยามเทวาธิราช ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จลงไปประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย พระอริยมุนีก็ว่าคำประกาศตามธรรมเนียมพระราชพิธีตรุษ เวลาเช้าพระเทพกระวีเปนผู้สอบ ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระเก้าอี้เหลือง (โทรน) ทรงรดน้ำพระมหาทักษิณาวัฏ แสทรงเจิมพระราชทานแก่หม่อมเจ้าซึ่งโสกันต์ แล้วจึงทรงพระเต้าสิโนทก กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ก็ถวายยถา พระสงฆ์สวดสัพพีแลสัพพุทธา แล้วพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายอติเรก พระสงฆ์ก็สวดถวายไชยมงคล พระพิมลธรรมก็ถวายพระพรลาแทนพระสงฆ์ทั้งปวง แล้วก็กลับไปยังอาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเครื่องราชอิศริยยศ วิจิตราภรณ์มงกุฎสยาม แลใบแสดงความชอบแก่พระมหาเทพ สมุหเจ้ากรมพระตารวจในซ้าย ในใบแสดงความชอบนั้น มีความว่า “สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในรัชกาลที่ ๕ ในพระบรมราชวงศ์ ซึ่งได้ประดิษฐานแลดำรงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา บรมราชธานีมหานครใหญ่ ในประเทศบางกอกนี้ เปนเจ้าของตราเครื่องราชอิศริยยศ สำหรับความชอบ มงกุฎสยามนี้ ขอแสดงความเรื่องนี้ให้ท่านทั้งหลายฤๅผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งได้พบอ่านคำประกาศนี้ให้ทราบว่า พระมหาเทพ เจ้ากรมพระตำรวจในซ้าย ทำราชการมาช้านาน ไม่มีความผิดสิ่งใดในราชการ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญพระกระแสพระราชดำริห์ขึ้นไปคิดราชการกับพระยามหาอำมาตย์ ด้วยข้อราชการทางเมืองพวนแลสืบสวนราชการทัพด้วย ได้ราชการเรียบร้อยดี มีความชอบในราชการ พระราชทานเครื่องราชอิศริยยศตรามงกุฎสยาม ชื่อวิจิตราภรณ์ ให้เปนเกียรติยศ จงเจริญสรรพสิริสวัสดิ พิพัฒนมงคลทุกประการ เทอญ

พระราชทานแต่ณวันศุกร์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ ฤๅเปนวันที่ ๒๖๘๔ ในรัชกาลปัตยุบัน” แล้วประทับอยู่ประมาณครู่ใหญ่ จึงเสด็จทรงพระที่นั่งราชยาน แต่เกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มาประทับเกยหน้าพระทวาร

แผ่นที่ ๖ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ

หน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จขึ้น เวลาเช้าวันนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ตบ้าง ครึ่งยศทหารบ้าง บางองค์ทรงเครื่องราชอิศริยยศ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต ในเวลาวันนี้ พระสงฆ์พิธีธรรมวัดบวรนิเวศวิหาร ๔ รูปสวดท้องภาณ ตั้งแต่เวลาย่ำรุ่งจนเวลาเที่ยง พระจันทรโคจรคุณนั่งปรก ตั้งแต่เวลาเที่ยงจนเวลาย่ำค่ำ พระสงฆ์พิธีธรรมวัดสระเกศ ๔ รูปสวดท้องภาณ พระธรรมทานาจารย์นั่งปรก เวลาบ่าย เจ้าพนักงานได้ตั้งบายศรีที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลาบ่ายประมาณ ๕ โมงเศษ หม่อมเจ้าซึ่งโสกันต์เมื่อเวลาเช้านี้ก็มาพร้อมกัน ชีพ่อพราหมณ์ ก็เบิกแว่นเวียนเทียนโดยทักษิณาวัฏถ้วนเบ็ญจวารแล้ว ก็ดับเพลิงโบกควันแลเจิมตามธรรมเนียม ในการสมโภชนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เสด็จออก

เวลาเย็นเจ้าพนักงานได้เอาปืนมหาฤกษ์ ๑ มหาไชย ๑ มหาจักร ๑ มหาปราบยุค ๑ รวม ๔ บอก ลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มาตั้งในหว่างทิมคดหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ป้อมประตูรอบพระบรมมหาราชวังแลรอบพระนคร ที่ตั้งขึ้นตามอย่างธรรมเนียมซึ่งเคยยิงมาแต่ก่อน เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับสนามหญ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เดิรขบวรแห่ คือ ทหารขี่ม้าใส่เกราะประมาณ ๕ คู่ ปืนใหญ่มีทหารใส่เสื้อแดงกางเกงแดง ทหารแตรพวก ๑ แล้วถึงทหารเดิรเท้ามีคนถือธงยันต์แลแตรสังข์ มีเทวดานำคู่ ๑ แล้วถึงวอพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ต่อมาถึงแคร่พระพิมลธรรมแลพระพรหมมุนีเดิรเปนคู่ที่ ๑ พระธรรมไตรโลกาจารย์กับพระเทพกระวีคู่ที่ ๒ พระธรรมุเทสาจารย์กบพระอมรเมธา

แผ่นที่ ๗ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ

จารย์คู่ที่ ๓ พระจันทรโคจรคุณกับพระอริยมุนีคู่ที่ ๔ พระอุดมญาณกับพระธรรมกิติคู่ที่ ๕ พระศีลาจารพิพัฒกับพระคุณาจาริยวัตรคู่ที่ ๖ พระสุธรรมธีรคุณกับพระวินยานุกูลเถรคู่ที่ ๗ ต่อไปมีถานานุกรมแลพระพิธีธรรมเดิรตามขบวร หลังมีคนถืออาวุธต่าง ๆ กัน ไปหยุดที่หน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ขึ้นไปบนพระมหาปราสาทพร้อมกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรแต่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว พระสงฆ์สวดสัตปริตจบแล้ว พระอริยมุนีก็อ่านคำประกาศเทวดาจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงทอดผ้าขาว ๔ พับ สำหรับเปนอาสนบนเตียงที่พระสงฆ์สวด แล้วทรงจุดเทียนเครื่องบูชาธรรม พระสงฆ์วัดบวรนิเวศตำแหน่งพระครคู่สวดในถานานุกรม กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ๒ รูป คือ พระครูอเนกสาวัน ๓ พระครูอนันตนินนาท ๑ พระสงฆ์วัดพระเชตุพนตำแหน่งพระครูถานานุกรมพระอัฐิ กรมสมเด็จพระปรมานุชิต ๒ รูป คือ พระครูสุนทรโฆสิต ๑ พระครูวิจิตรโฆษา ๑ ก็ขึ้นนั่งบนเตียงนั้นสวดนโมแล้ว พระอริยมุนีขัดตำนานธรรมจักร พระสงฆ์ ๔ รูปกสวดธรรมจักกัปปวัตนสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จมาประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ครั้นพระสงฆ์สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตรจบแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทอดผ้าขาว ๔ พับ แลทรงจุดเทียนเหมือนครั้งก่อน พระสงฆ์วัดโสมนัสวิหาร ตำแหน่งพระครูคู่สวดในถานานุกรมพระพิมลธรรม ๒ รูป คือ พระครูอมรวิไชย ๑ พระครูไกรสรวิลาส ๑ พระสงฆ์วัดราชประดิษฐ ตำแหน่งพระครูคู่สวดในถานานุกรมพระธรรมวโรดม ๒ รูป คือ พระครูศัพทวิมล ๑ พระครูมงคลวิลาส ๑ ก็ขึ้นนั่งบนเตียงสวดนโมแล้ว พระอริยมุนีขัดตำนานมหาสมัยสูตรจบแล้ว พระสงฆ์ ๔ รูปก็สวดมหาสมัยสูตร ครั้นสวดจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ไปทรงรดน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ แลทรงเจิมปืน ๔ บอก คือ มหาฤกษ์ ๑ มหาไชย ๑ มหาจักร ๑ มหาปราบยุค ๑ แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงจุดเทียนที่เตียงพระสงฆ์สวด พระพิธีธรรมวัดมหาธาตุ ๔ รูปจบที่ ๑ ก็ขึ้นสวดภาณยักษ์ ครั้นสวดถึงที่ยิงปืน เจ้าพนักงานก็ตีระฆัง ๓ หน ทหารปืนตับซึ่งยืนอยู่ริมกำแพงแก้วหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ก็ยิงปืนขึ้นพร้อมกัน แล้วเจ้าพนักงานก็ยิงปืนมหาฤกษ์ มหาไชย มหาจักร มหาปราบยุค เปนอันดับกัน

แผ่นที่ ๘ ออกวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๔ ค่ำ

ปืนตามป้อมแลประตูพระบรมมหาราชวัง แลรอบพระนครก็ยิงต่อกันๆ ไป เมื่อยิงปืนครั้งแรกนั้น พระสงฆ์พระราชาคณะ ถานานุกรมแลพระพิธีธรรม ก็สวดอาฏานาฏิยปริตด้วย ครั้นพระสงฆ์สวดจบที่ ๑ แล้ว พระพิธีธรรมวัดหงสาราม ๔ รูปจบที่ ๒ ก็ขึ้นสวดภาณพระ ปืนก็ยิงเหมือนอย่างทีก่อนนั้น ในเวลาจบที่ ๒ สวดนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นเสวยอยู่ประมาณครู่ใหญ่ เสด็จออกประทับตรัสกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ พระสงฆ์จบที่ ๒ สวดจบแล้ว พระพิธีธรรมวัดบวรนิเวศวิหาร ๔ รูปจบที่ ๓ ก็ขึ้นสวดภาณยักษ์ ครั้นจบแล้ว พระพิธีธรรมวัดสุทัศน์เทพวราราม ๔ รูปจบที่ ๔ ก็ขึ้นสวดภาณพระ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสอยู่กับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ พระสงฆ์จบที่ ๔ สวดจบแล้ว พระพิธีธรรมวัดพระเชตุพน ๔ รูปจบที่ ๕ ก็ขึ้นสวดภาณยักษ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่จนเวลา ๒ ยามเศษ เสด็จขึ้น ทรงพระที่นั่งราชยานแต่เกยพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มาประทับเกยหน้าพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ แล้วเสด็จขึ้น ในเวลาวันนี้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายพลเรือนสวมเสื้ออิวนิงเดรศ พระสงฆ์จบที่ ๕ สวดจบแล้ว พระพิธีธรรมวัด ราชสิทธาราม ๔ รูปจบที่ ๖ ก็ขึ้นสวดภาณพระจบแล้ว พระพิธีธรรมวัดระฆังโฆสิตาราม ๔ รูปจบที่ ๗ ก็ขึ้นสวดภาณยักษ์ แล้วพระพิธีธรรมวัดอรุณราชวราราม ๔ รูปจบที่ ๘ ก็ขึ้นสวดภาณพระจบแล้ว พระพิธีธรรมวัดสระเกศ ๔ รูปจบที่ ๙ ก็ขึ้นสวดสวดภาณยักษจบแล้ว พระพิธีธรรมวัดราชบูรณะ ๔ รูปจบที่ ๑๐ ก็ขึ้นสวดภาณพระ พระพิธีธรรม ๑๐ วัด รวม ๔๐ รูปผลัดกันสวดภาณยักษ์หน ๑ ภาณพระหน ๑ จนเวลารุ่งแล้วจึงเลิก ขณะเมื่อสวดอยู่นั้นมีพระราชาคณะนั่งปรก แลปืนยิงเหมือนอย่างที่ว่ามาแล้ว จนเวลารุ่งจึงเลิก

----------------------------

แผ่นที่ ๙ ออกวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๔ ค่ำ

แจ้งความ

ขอแจ้งความมายังท่านทั้งหลายได้ทราบทั่วกัน ด้วยหนังสือคอต ซึ่งออกในวันอังคาร แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ ในเล่ม ๑ แผ่นที่ ๓๓๕ ว่าด้วยตั้งพระแท่นมณฑลบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทนั้น เจ้าพนักงานได้เชิญพระไชยเนาวโลหะตั้งตรงหน้าพระแก้วเรือนทอง แถพระธำมรงคนพรัตนตั้งไว้ข้างพระไชยเนาวโลหะ ข้าพเจ้ายังหาได้ใส่ไม่ ขอท่านทั้งหลายจงทราบเทอญ

โดย มนุษยนาคมานพ

แจ้งความ

ณวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้าข้าพเจ้าได้ทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนิรไปประพาสเกาะบางปอิน แลจะประทับแรมอยู่ ๕ ราตรีจึงจะเสด็จพระราชดำเนิรกลับมายังกรุงเทพมหานคร (ขอแจ้งให้สหาย) ผู้จะตามเสด็จพระราชดำเนิร แลไม่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิร เตรียมพระองค์เตรียมกายให้พร้อม แลสืบดูข่าวให้แน่เทอญ

โดย ผู้จัดการพิมพ์

ณวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ ปีกุนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาย่ำรุ่งพระพิธีธรรมวัดบวรนิเวศขึ้นสวดท้องภาณ พระจันทรโคจรคุณนั่งปรกเวลา ๔ โมงกับ ๔๐ นาที ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ไปปฏิบัติพระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระสงฆ์ถวายพรพระจวนจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ทรงพระราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ไปประทับพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พอพระสงฆ์ถวายพรพระจบ ก็เสด็จไปทรงประเคนเครื่องเสวยแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วเสด็จไปประทับที่พระที่นั่งโทรน ทรงปิดทองหนังสือคันถีทศชาติบั้นต้น ๘ ผูก แลทรงร้อยหูสังยุตนิกายสคาถาวรรค ๙ ผูกตามธรรมเนียมทุกวันพระ แล้วพระมหาราชครูพิธีก็ถวายน้ำพระมหาสังข์ แลหลวงโลกทีปถวายประติทิน แลวันสงกรานต์ปีชวดอัฐศก ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญถวายไตรปาฏิโมกข์ ๑ แลเจ้าพนักงานจึงเชิญพระครอบพระกริ่งถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ๆ แลพระสงฆ์ราชาคณะถานานุกรม พระพิธีธรรมก็สวดคาถา มียังกิญจิ เปนต้น พระพิมลธรรมไปดับเทียนไชย

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐ ออกวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ

ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงถวายผ้าอาบ แก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ถวายผ้าอาบแก่พระสงฆ์ต่อไป แล้วพระสงฆ์ถวายถาสัพพี แล้วถวายอติเรกถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานน้ำพระพุทธมนต์ แลทรงเจิมพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการที่เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ตรัสอยู่จนเวลาเที่ยงเศษ เสด็จไปทรงเจิมพระพุทธปฏิมากรซึ่งอยู่บนพระแท่นมณฑลทุก ๆ พระองค์แล้ว เสด็จกลับจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงพระราชยานเสด็จมาประทับพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ เสด็จขึ้น แลเจ้าพนักงานจัดตั้งบายศรีแก้วทอง แล้วชีพ่อพราหมณ์ก็เบิกแว่นเวียนเทียนที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สมโภชพระปฏิมากรแลพระที่นั่งตามธรรมเนียม แลพระราชาคณะฝ่ายวิปัสนาธุระก็เข้าไปประน้ำมนต์ในพระบรมมหาราชวัง เวลาย่ำค่ำเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ออกมาจุดเทียนเครื่องนมัสการพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ แลพระสงฆ์ราชาคณะถานานุกรม ๓๖ รูป มีเจ้าพระธรรมุณหิสธาดาเปนประธาน สวดสัตปริตในพระราชพิธีกาลานุกาลต่อพิธีตรุษ

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้าเจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ ๓๖ รูป มาฉันในการสดัปกรณ์พระบรมอัฐิ แลพระอัฐิณพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลา ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการ พระสาสนโสภณถวายศีล ทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระ เจ้าพนักงานก็เชิญพระบรมอัฐิแลพระอัฐิ ๑๖ พระองค์ ขึ้นตั้งบนพระที่นั่งเศวตฉัตร แลพระอัฐิอิก ๖ พระองค์ ตั้งบนโต๊ะจีนฝ่ายซ้ายพระที่นั่งเศวตฉัตร

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑ ออกวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ

ครั้นพระสงฆ์ถวายพรพระเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทรงประเคน แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ไปปฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว เจ้าพนักงานทอดพระภูษาโยง แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จมาทรงทอดผ้าสบงกับผ้าขาวฉลาก รวม ๑๖ ผืน พระสงฆ์ ๑๖ รูปก็มาสดัปกรณ์ แล้วไปนั่งตามที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวอีก ๑๐ พับ ทรงพระราชอุทิศถวายในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวในวันสวรรคต แลพระสงฆ์ ๑๐ รูปก็มาสดัปกรณ์ แล้วก็ไปนั่งยังที่เดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดผ้าสบงผ้าฉลากอีก ๖ ผืน พระสงฆ์ ๖ รูปก็มาสดัปกรณ์ แล้วกลับไปนั่งตามที่ แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงหลั่งพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ถวายยถาแลอติเรกแล้วถวายพระพรลา แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ ทอดผ้าขาวสดัปกรณ์ แล้วเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ ๕๐๐ รูปมาสวดสังคินีมาติกา แลสดัปกรณ์เสร็จ อนึ่งพระสงฆ์ฉันนั้น ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้ไปสดัปกรณ์พระอัฐิกรมพระราชวังทั้ง ๔ รัชกาล ในพระราชวังบวร

การเลี้ยงโต๊ะปีใหม่

เวลาย่ำค่ำโปรด ฯ ให้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จมาประชุมแต่งพระองค์แปลก ๆ ต่าง ๆ ทั้งสิ้น งาม ๆ เปนน่าดูนัก เวลา ๒ ทุ่ม มีพระบรมราชโองการให้เชิญเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์เข้าทางประตูพรหมโสภา แลเข้าไปที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงรับพระหัตถ์พระบรมวงศานุวงศ์แล้ว แลพระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าประมาณครู่หนึ่ง เสด็จลงชั้นล่างพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ทรงประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ คือ กรมพระเทเวศวัชรินทร กรมหลวงวรศักดาพิศาล กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ สมเด็จพระอนุชาธิบดี เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคณางคยุคล พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยค พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ

พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ์ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ พระองค์เจ้านายเฉิด พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ หม่อมเจ้าวงกฎ หม่อมเจ้าปรีดา หม่อมเจ้าสนธยา หม่อมเจ้าจำเริญ หมอนเจ้าประวิช หม่อมเจ้าถนอม หม่อมเจ้าสาเนียง หม่อมเจ้าวัชรินทร หม่อมเจ้านิลวรรณ์ รวม ๔๒ องค์ แลประทับเสวยอยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จจากโต๊ะเสวย เสด็จขึ้นพระที่นั่งชั้นบน แลเสด็จเข้าในห้องฉาก แต่ทรงพระราชทานของต่าง ๆ ตามฉลาก เปนของพระราชทานปีใหม่ทุก ๆ พระ องค์ แต่ในนั้นมีต้นไม้คริสมัส ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายสำหรับพระเจ้าลูกเธอ มีตุ๊กตาประดับเปนอันมาก ประทับอยู่ในนั้นจนเวลา ๒ ยามเศษ เสด็จมาที่กลางชลาด้านตวันตกแห่งพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ประทับร้อนด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในเปนอันมาก ที่ชลาหน้าโรงกลทอดพระเนตรเล่นกลของรอยยัลมายิเกมต์ โซไซเอดตี แลกลนี้เล่นสนุกนัก แลเล่นอยู่จนเวลา ๑๐ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับเลือกใบโวต สำหรับแจกของรางวัลใครจะเล่นดีแลของดีแลคิดดี อยู่ที่ชลาโรงกลนั้น

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ

ณวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาย่ำรุ่งแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรจากชลาข้างพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตก เสด็จไปประดับโต๊ะเสวย เสวยพระกระยาต้ม พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญมาแต่วันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑ นั้น ครั้นเสวยเสร็จแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรลงมาที่ชลาอย่างเดิม ทรงทอดพระเนตรพระบรมวงศานุวงศ์ทรงเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดไว้ประมาณ ๑๐ นาที ครั้นแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานรางวัลพวกที่เล่นกล คือ ดีโปลมาชั้นที่ ๑ เปนแพรสีเหลือง ข้างริมมีดิ้นทองสลับกัน มีตัวอักษรพิมพ์ในนั้น กับหีบกาไหล่ทอง ๑ กล้องสำหรับดูลคร ๑ ได้แก่พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ดีโปลมาอย่างเช่นว่ามาแล้วแต่เปนที่ ๒ แพรสีแดงกับหีบวงเวียนหีบ ๑ แก่พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ซึ่งเปนช่างทำเครื่องกล ดีโปลมาอย่างเช่นว่ามาแล้ว แต่เปนที่ ๓ แพรสีขาวกับลูกปืนสำหรับไว้บุหรี่ แก่พระอมรวิไสยสรเสดช เพราะท่านทั้ง ๓ นี้ ได้มีความชอบในการมายิกเก็มต์ โซไซเอดตีเปนอันดับกันดังเช่นว่ามาแล้ว แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานแจกสำเนาความในดีโปลมาลงอักษรพิมพ์ในแผ่นกระดาษเหลืองแก่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานซองบุหรี่กระ แก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล พระราชทานซองมุกสำหรับใส่ก๊าด แก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ องค์ละซอง พระราชทานซองบุหรี่หนัง กรอบกาไหล่แก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช พระราชทานมีดพับด้ามมุขแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ เปนรางวัลเพราะท่านได้ทรงจัดการเล่นต่าง ๆ ที่ชลาหน้าพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารนั้น ครั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานแล้ว เวลาเช้าประมาณโมงเศษ เสด็จขึ้น

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกบนพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตก เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลาย่ำค่ำจึงได้กลับออกมา

ค่ำวันนี้ มีการสวดมนต์ในการพระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒสัตยา ในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ เจ้าพนักงานกรมต่าง ๆ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๗ ค่ำ

ได้จัดการตั้งบุษบกยอดดอกไม้ห้าชั้น เรียงมาตั้งแต่ด้านตวันออก ตั้งพระพุทธรูปพระชนม์พรรษา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกบุษบก ๑ ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยบุษบก ๑ ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวบุษบก ๑ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบุษบก ๑ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแผ่นดินประจุบันนี้บุษบก ๑ รวม ๕ บุษบก มีเครื่องนมัสการเครื่อง ๕ ทุกบุษบก หลังฉากตรงพระทวารนั้น ตั้งโต๊ะจีน ๓ โต๊ะ มีเครื่องโต๊ะต่าง ๆ โต๊ะกลางมีม้าสำหรับจะได้ตั้งพระแสง ซึ่งจะได้เอาประดิษฐานณพรุ่งนี้โต๊ะหนึ่ง โต๊ะด้านตวันออกมีม้าสำหรับจะได้ตั้งพระไชยโต๊ะหนึ่ง โต๊ะด้านตวันตกตั้งพระสยามเทวาธิราชแลเทวรูปโต๊ะหนึ่ง ตรงหน้าโต๊ะออกมามีม้าตั้งบายศรีแก้วบายศรีทองบายศรีเงินแต่แว่นสำหรับจะได้สมโภชนั้น ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธปฏิมากรพระไชยในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ ๑ พระไรยในแผ่นดินประจุบันนี้องค์ ๑ พระไชยเนาวโลหะ องค์ ๑ รวม ๓ องค์ ขึ้นประดิษฐานม้าหมู่จำหลักลายทอง ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นศิลาขาวกลางพระอุโบสถ ด้านหลังพระพุทธรูปนั้น ตั้งพระไตรปิฎก ๒ คัมภีร์ ด้านเหนือตั้งเทวรูปเชิญหีบพระสุพรรณบัตร์ ด้านใต้ตั้งเทวรูปเชิญพระแสงขรรค์จีน ๑ ธารพระกร ๒ รวม ๓ ด้าน หน้าพระพุทธปฏิมากรนั้น มีบันไดแก้วพาดพระแสงศรพรหมาสตร์ องค์ ๑ พระแสงศรอัคนิวาตองค์ ๑ พระแสงศรประลัยวาตองค์ ๑ พระแสงหอกเพ็ชร์รัตนองค์ ๑ รวม ๔ องค์ หน้าบันไดแก้วตรงกลางตั้งขันหยก ข้างเหนือตั้งหีบพระมหาสังข์ ข้างใต้ตั้งเทวรูป ๆ พระนารายณ์ ข้างหน้าม้าหมู่นั้นตั้งหีบมุกไว้พระแสงขรรค์ไชยศรี ๑ พระแสงขรรค์เนาวโลหะ ๑ พระแสงดาบคาบค่าย ๑ พระแสงดาบใจเพ็ชร์ ๑ พระแสงเวียด ๑ พระแสงยี่ปุ่นฟันปลา ๑ พระแสงญี่ปุ่น

แผ่นที่ ๑๕ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๗ ค่ำ

แฝด ๑ พระแสงยี่ปุ่นทรงเดิม ๑ พระแสงยี่ปุ่นฝักทองเกลี้ยง ๑ พระแสงตรีเพ็ชร์ ๑ พระแสงปืนนพรัตน ๑ รวม ๑๑ องค์ รวมพระแสงบนบันไดแก้วแลเทวดาเชิญแลในหีบรวมเสร็จ ๑๘ องค์ แลด้านเหนือแท่นศิลาขาวนั้น มีม้าตั้งหม้อน้ำเงิน ๑๒ หม้อ ข้างหลังตั้งขันน้ำใหญ่ขัน ๑ ด้านเหนือตั้งหม้อน้ำทองเหลืองหม้อ ๑ ที่ศาลาหน้าพระอุโบสถนั้น มีขันน้ำใหญ่ขัน ๑ มีสายสิญจน์โยงออกไปแต่พระอุโบสถ ตรงหน้าแท่นศิลามีเครื่องนมัสการตามธรรมเนียม แลนิมนต์พระสงฆ์สวดพุทธมนต์ ๓๘ รูป มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แลทรงประสุหร่ายสรงพระพุทธรูปทุก ๆ บุษบก แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดเทียนทรงศีลแล้ว กรมอาลักษณ์อ่านคำประกาศเรื่องรัตนพินพวงศ์โดยย่อแลพิสดาร ครั้นจบแล้วพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ จบแล้วถวายอติเรกถวายพระพรลา พราหมณ์ ๒ นายอ่านยอพระเกียรติพระแก้วคำฉันท์ ครั้นจบแล้ว เวลา ๕ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรกลับ

โดย คัคณางคยุคล

ณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้าประมาณ ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานประฏิบัติพระสงฆ์ซึ่งรับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท ครั้นพระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้ว ก็ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระอุโบสถนั้น เจ้าพนักงานได้เชิญเทวรูปออกตั้งอิก ๔ องค์ คือพระอิศวร ๑ พระนารายณ์ ๑ พระพรหม ๑ พระพิฆเนศวร ๑ ครั้นเวลาเที่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยานทองลงยาราชาวดีประดับพลอย พร้อมด้วยขบวรนำแลตามโดยเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสัมพุทธพรรณีแลพระพุทธปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วจึงประทับพระที่นั่งโทรน ทรงจุดธูปเทียนนมัสการพระราชทาน พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๘ ค่ำ

พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิไปบูชาณหอพระปรมานุสร เทียน ๔ เล่ม คือ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรจำลองพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๔ พระองค์ ซึ่งเสด็จสวรรคาไลยแล้วนั้น กับหอพระราชพงศานุสรเทียน ๓๔ เล่ม คือ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากร จำลองพระองค์ในพระเจ้าแผ่นดินสยาม ซึ่งประดิษฐานแต่ดำรงกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ๓๔ พระองค์ ทรงนมัสการแล้ว พระมหาราชครูพิธีก็อ่านมนต์ ชุบพระแสงศรพรหมาสตร์ลงในพระขันหยก แล้วอ่านมนต์ชุบพระแสงศรอัคนิวาต พระแสงศรประไลยวาตลงในพระขันหยกทั้ง ๓ องค์ แล้วก็อ่านโคลงคำแช่งน้ำของโบราณจบแล้ว พระศรีสุนทรโวหารจึงอ่านคำแช่งน้ำ ครั้นอ่านจบแล้ว เจ้าพนักงาน กรมพระแสงหอกดาบ ก็เชิญพระแสงลงจากที่มณฑล พระสิทธิไชยพราหมณ์จึงรับพระแสงลงชุบในเต้าน้ำเงิน ๑๒ เต้า เต้าน้ำทอง ๒ เต้า เต้าขันทศกร ๑ ชุบถ้วนพระแสง ๑๕ องค์ เมื่อเวลาพระสิทธิไชย พราหมณ์ชุบพระแสงนั้น พระสงฆ์ ๓๘ รูปได้สวดคาถา (มีคาถาสัจจังเวอะมะตาวาจาเปนต้น) พวกพราหมณ์ก็เป่าสังข์ ชาวประโคมก็ประโคมดุริยางคดนตรีขึ้นพร้อมกัน ครั้นชุบพระแสงเสร็จแล้ว พระมหาราชครูพิธีจึงเชิญพระขันโมราใส่น้ำซึ่งชุบพระแสงศร ๓ องค์นั้น มาทูลเกล้า ฯ ถวาย พระสิทธิไชยเชิญขันทองลงยาใส่น้ำพระพิพัฒสัตยา มาถวายกรมพระราชวังบวรสถานมงคล แล้วจึงเอาถ้วยกาไหล่ทองมีหูซึ่งจาฤกคาถา ตักน้ำพระพิพัฒสัตยาถวายพระบรมวงศานุวงศ์ แล้วจึงเอาถ้วยกาไหล่ทองแลถ้วยสำริด ซึ่งจาฤกคาถาตักน้ำพระพิพัฒสัตยาให้ท่านเสนาบดี แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง ครั้นรับพระราชทานแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาสัพพี ถวายอติเรกถวายพระพรลา

แผ่นที่ ๑๗ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๘ ค่ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่นั้นประมาณครู่ใหญ่ จนข้าราชการรับพระราชทานน้ำพระพิพัฒสัตยาเกือบสิ้นแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในฉาก เสด็จออกทางประตูหลังพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางระเบียงวัดมาประทับเกย ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยขบวรนำแลตาม โดยเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยหน้าพระทวารเทเวศรักษา แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระที่นั่งสนามจันทร์ ทรงรับฉลองพระองค์ครุยแต่เจ้าพนักงานกรมภูษามาลามาทรง แล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระบรมอัฐิ เจ้าพนักงานก็ประโคมสังข์แตร กลองชะนะมโหรทึกตามซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน ครั้นทรงนมัสการแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงเปลื้องเครื่องเต็มยศเปลี่ยนเปนฉลองพระองคฟร็อกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทใหญ่น้อยก็ห่มเสื้อครุย นำดอกไม้ธูปเทียนไปจุดทำสการบูชาถวายบังคมพระบรมอัฐิ ครั้นเสร็จแล้วก็กลับออกมา เวลาบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ บูชาพระพุทธรูปพระชนม์พรรษา ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ซึ่งเสด็จสวรรคาไลยแล้วนั้น กับพระพุทธรูปพระชนม์พรรษาในแผ่นดินประจุบันนี้ แล้วพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการฝ่ายใน ก็ได้ถือน้ำพระพิพัฒสัตยา เวลาประมาณบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จขึ้น การถือน้ำพระพิพัฒสัตยาที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาแลฉลองพระองค์เยียระบับพื้นขาว ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ สายสพายนพรัตนราชวราภรณ์ แลเครื่องราชอิศริยศอื่น คือ มหาวราภรณ์ ๑ มหาสุราภรณ์ ๑ จุลจอมเกล้า ๑ พระบรมวงศานุวงศ์ ทรงผ้าแลฉลองพระองค์เยียระบับพื้นขาว แลทรงผ้าพื้นขาวเขียนทองบ้าง ทรงผ้าลายพื้นขาวฉลองพระองค์ขาวบ้าง ติดตราเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน ท่านเสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยนุ่งผ้าเกี้ยวพื้นขาวสวมเสื้อขาวติดตรา ข้าราชการฝ่ายทหารตรวจกรมวังนั้น แต่งตัวเต็มยศตามตำแหน่ง

ณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ

แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทใหญ่น้อย ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน

ณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เจ้าพนักงานกรมต่างๆ ได้จัดการตั้งเครื่องซึ่งจะเข้าพิธีคเชนทรัศวสนาน ที่พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท คือ ได้ตั้งม้าใหญ่ลายจำหลักปิดทอง ๓ ม้า ๆ หนึ่งรองพระที่นั่งหลังคาทอง ม้าหนึ่งรองพระคชาธาร รวม ๒ ม้านี้ตั้งบนพื้นชั้นบน ตรงหน้าบุษบกออกมา แลพระที่นั่งหลังคาทองตั้งเบื้องขวา พระคชาธารตั้งเบื้องซ้าย อิกม้าหนึ่งนั้นรองเครื่องม้าพระที่นั่ง ตั้งตรงหน้าม้าทั้ง ๒ ออกมา แต่อยู่ที่พื้นชั้นกลาง แลบนพระที่นั่งหลังคาทองนั้น มีม้าเล็กลายจำหลักทองปิดม้า ๑ ตั้งพระไชยเงินเล็กในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกองค์ ๑ พระไชยเนาวโลหะองค์ ๑ ข้างขวาข้างซ้าย ตั้งหีบเครื่องพระมหาพิไชยสงครามข้างละหีบ ข้างหน้าตั้งหม้อน้ำสำริดมีเทียนทองปักอยู่เล่ม ๑ ข้างหลังมีบันไดแก้วรองพระแสงต่าง ๆ เรียงกันเปนอันดับลงไป คือ ชั้นที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ พาดพระแสงขอไม้เท้า ๓ องค์ ชั้นที่ ๔ ที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ พาดพระแสงขอเกราะ ๔ องค์ ชั้นที่ ๘ พาดพระแสงขอพลพ่าย ชั้นที่ ๙ ที่ ๑๐ พาดพระแสงของ้าว ๒ องค์ ชั้นที่ ๑๑ พาดพระแสงขอหอกองค์ ๑ รวม ๑๑ องค์ แลบนพระคชาธารนั้นที่ตรงกลางปักเศวตฉัตร แลมีพระแสงผูกไว้กับคันเศวตรฉัตรด้วย ๒ องค์ คือ ธารพระกรเทวรูปองค์ ๑ ธารพระกรศักดิ์สิทธิ์องค์ ๑ แลหน้าเศวตฉัตรตั้งพานทอง ๒ ชั้น รองพระแสงขรรค์ไชยศรีองค์ ๑ พระแสงขรรค์เนาวโลหะองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นฟันปลาองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นแฝดองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นทรงเดิมองค์ ๑ พระแสงยี่ปุ่นฝักทองเกลี้ยงประดับเพ็ชร์

แผ่นที่ ๑๙ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ

องค์ ๑ พระแซ่หางช้างเผือกองค์ ๑ รวม ๗ องค์ แลมุมพระคชาธารด้านหน้าข้างขวาข้างซ้ายแลข้างหลังที่ตรงกลางนั้นปักธงแพรแดงมียันต์รูปพระนารายณ์ ๓ คัน แลข้างขวาข้างซ้ายพระคชาธาร มีบันไดแก้วพาดพระแสงทั้ง ๒ ข้าง ๆ ซ้ายชั้นที่ ๑ พาดพระแสงทวนด้ามเงิน ๑ องค์ ชั้นที่ ๒ พาดพระแสงง้าว ๑ องค์ ชั้นที่ ๓ พาดพระแสงตรี ๑ องค์ ชั้นที่ ๔ พาดหางนกยูงมีลูกศร ๒ หอกซัด ๑ ปักอยู่ในนั้น ข้างขวาชั้นที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ก็มีพระแสงเหมือนอย่างที่ว่ามาแล้ว แต่ชั้นที่ ๔ ตรงหางนกยูงนั้นมีลูกศร ๑ หอกซัด ๒ ปักอยู่ในนั้น แลที่พื้นพระคชาธารข้างซ้ายตั้งหีบพระแสงปืน ข้างขวาตั้งหีบพระแสงจีบ (คือเปนเครื่องสำหรับจะได้แก้ช้างอาละวาด) แลที่ใต้พระคชาธารมีถุงชนักเครื่องต้น ที่ใต้พระที่นั่งหลังคาทองมีเครื่องช้างถุง ๑ แลเครื่องม้าพระที่นั่งซึ่งตั้งอยู่บนม้านั้น คือ เครื่องที่นั่งเทพประนม ๑ ที่นั่งครุฑ ๒ ที่นั่งกุดั่น ๑ รวม ๔ เครื่องนี้เปนอานอย่างไทย กับมีเครื่องม้าอานฝรั่งเครื่อง ๑ รวมเปน ๕ เครื่อง แลมีพระแซ่สำหรับตีม้า ๑ องค์ พระแซ่สำหรับปัดม้า ๑ องค์ รวม ๒ องค์ ที่มุมม้ารองเครื่องม้านั้น มีหม้อน้ำทองขาว ๔ หม้อตั้งอยู่ทุกด้าน แล้วมีสายสิญจน์วงรอบ แลข้างพระที่นั่งหลังคาทองด้านขวามีบาตรน้ำ ๑ บาตรทราย ๑ รวม ๒ ใบ มีสายสิญจน์วงรอบเหมือนกัน ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญไปจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ไทย ๕ รูป รามัญ ๕ รูป มีพระจันทรโคจรคุณเปนประธาน ได้เจริญพระพุทธมนต์

โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

ณวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ เสด็จไปทรงจุดเทียนแลทรงประเคนพระสงฆ์ ๑๐ รูป ที่สวดมนต์เมื่อเวลาวานนั้น ในเวลาที่พระฉันนี้ มีจตุรงคเสนา คือช้างผูกเครื่อง ม้าผูกเครื่อง เกวียนอีกอย่างละ ๔ แลพลเดิรเท้ายืนอยู่ในปรำ

ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้เชิญเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ที่เสวยโต๊ะเมื่อณวันเดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑ เปนวันปีใหม่นั้น เสด็จเข้าไปทางประตูสนามราชกิจ

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

เข้าไปฉายพระรูปพร้อมกัน ที่ชลาตรงมุขพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ทางด้านตวันออกเฉียงเหนือจนเวลา ๔ โมงเศษเสด็จกลับออกมาพร้อมกัน ครั้นแล้ว เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลาบ่าย ๕ โมงจึงได้กลับออกมาแล้วประมาณครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นทางบันไดที่พระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท เสด็จขึ้นไปประทับทอดพระเนตรแห่สระคเชนทรสนาน จึงมีพระบรมราชโองการให้เรียกกระ บวรแห่ กระบวรแห่ที่ ๑ นั้นมีทหารม้าเกราะทองประมาณ ๑๒ ม้า แล้วถึงมีธงมังกร ๒ แถว ๆ ละ ๖ ธง ต่อมาถึงคนใส่เสื้อผ้าลายใส่เสื้อเสนากุฎกางเกงริ้ว มือถือธนูเปน ๒ แถว ๆ ละ ๕ คน แล้วถัดมาถึงกลองชนะประมาณ ๕ คู่ คนสวมเสื้อแดงสวมหมวกแดงกางเกงสีแดง มีจ่าปี่จ่ากลองเดิรในกระบวร แล้วถึงคนถือไม้ตะพดอีกประมาณ ๑๒ คน แล้วถึงข้างผูกเครื่องพระที่นั่งหลังคาทองพระไชยไว้บนนั้น เดิรมาในกลางตัว ๑ แล้วจึงถึงทหารแตรกรมช้างกับทหารกรมช้างอีกประมาณ ๔๐ คน ๕๐ คน เดิรเปนตับ ๆ ละ ๔ นาย หมดกระบวรทหารแล้วจึงถึงกระบวรธงกระบวรธนู กระบวรหอกดาบ กระบวรกลอง ไม้พลอง คล้ายกับเช่นที่ว่ามาข้างต้นนั้นแล้ว ๆ ถึงช้างเผือกพระพิมลรัตนกิริณี มีช้างนำอีกตัวหนึ่ง แล้วมีคนถือโต๊ะเงินใส่หญ้ากับของต่าง ๆ กับหม้อน้ำเงินตามยศ มีสัปทนอีก ๒ คัน แล้วมีวานรเผือกคนหาม ๒ คนกั้นสัปทน ๑ ถัดมานั้นมีกระบวรคล้ายกับที่ว่ามาแล้วในข้างต้น ที่ ๒ ถึงพระเศวตสุวภาพรรณ์มีวานรแลเครื่องยศต่าง ๆ มีช้างน้ำเหมือนกันทุก ๆ ช้าง รองมาถึงพระเศวตคชลักษณ์ แล้วพระเศวตวรวรรณมีกระบวรเหมือนกับที่ว่ามา แล้วถึงพระเทพคชรัตนกิริณีกับพระศรีสวัสดิเศวตวรรณ

----------------------------

แผ่นที่ ๒๑ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

มาด้วยทั้ง ๒ นี้ ครั้นแล้วจึงถึงช้างพระที่นั่งผูกเครื่องละคอ มีแต่ควานข้างท้าย ถัดมาช้างหลังถึงช้างพระคชาธารอีกตัว ๑ แล้วถึงธงกับกลองมลายู มีกระบวรเดิร ๒ ช้าง ถึงม้าพระที่นั่งมีคนจูงเดิรในกลางแต่งเครื่องต่าง ๆ มีม้าสารวัดคนขี่เดิรเปน ๒ แถว มีโคกระบือแต่งเครื่อง มีคนจูงเดิรตามทั้ง ๒ แถว พอหมดกระบวรม้าพระที่นั่งแล้ว มีรถพระที่นั่งทรงหลัง ๑ ที่นั่งรอง ๒ หลัง แล้วถัดรถพระที่นั่งจนหมดกระบวรรถ แล้วถึงเกวียนมีกลองแขกประโคม ในเกวียนนั้นเทียมโคอีก ๒ เล่ม แล้วมีพิณพาทย์คนหามอีก ๒ วง แล้วมีปืนใหญ่อีก ๓ กระบอก แล้วถึงทหารแตรในกรมทหารหน้าอีกวง ๑ แล้วทหารหน้าเดิรเท้าอีกประมาณ ๙๐ คน ๑๐๐ คน เดิรเปนตับ ๆ ละ ๑๒ คน จึงได้หมดกระบวร แล้วมีพระบรมราชโองการให้มีม้าห้อถวาย เวลาย่ำค่ำเสด็จจากที่นั้นไปประทับตรัสด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ พระยาศรี ฯ นำหลวงเสนีพิทักษ์ซึ่งได้กลับลงมาจากราชการเมืองเชียงใหม่ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น ท่านทั้งหลายจงทราบเทอญ

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

ณวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับทรงฉายพระรูปที่ชลาตรงมุขด้านตวันออก แห่งพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร การที่ทรงฉายพระรูปในวันนี้นั้น ทรงฉายพร้อมกันกับพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งได้รับพระราชทานเลี้ยงในการปีใหม่นั้น ๒ พระรูป พระรูปหนึ่งพร้อมกันทั้งสิ้น อีกพระรูปหนึ่งนั้นแบ่งเปน ๕ ตอน เรียงเปนแถวยาวตลอดไป เพื่อจะต่อเปนรูปเดียวก็ได้ ทรงฉายพระรูปอยู่จนเวลา ๔ โมงเศษ จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร จนเวลาย่ำค่ำเศษจึงได้กลับออกจากที่เฝ้า แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรออกประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ ผู้น้อยเฝ้าอยู่ณที่นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนตำแหน่งยศ หลวงอาวุธอัคนี เปนพระโทรเลขธุรานุรักษ์ กับขุนพิทักษ์อาวุธเปนหลวงยศรักษา มีสำเนาในสัญญาบัตร์ ๒ ฉบับนั้นดังนี้

ฉบับหนึ่งว่า ให้หลวงอาวุธอัคนี เปนพระโทรเลขธุรานุรักษ์

----------------------------

แผ่นที่ ๒๒ ออกวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

เจ้ากรมสายเตลิคราฟ ขึ้นในกรมพระกลาโหมให้คงถือศักดินา ๘๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง จงมีความสุขสวัสดิ เทอญ ตั้งแต่ณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เปนวันที่ ๒๖๙๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ์ พระราชลัญจกร ๔ องค์ ตามอย่างสัญญาบัตร์)

ฉบับหนึ่งว่า ให้ขุนพิทักษ์อาวุธ ปลัดกรมพระคลังสรรพาวุธ เปนหลวงยศรักษา ปลัดกรมพระกลาโหม ฝ่ายพลำพัง ให้ถือศักดินา ๘๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างตามธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง จงมีความสุขสวัสดิเจริญ เทอญ ตั้งแต่ณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เปนวันที่ ๒๖๙๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ์ พระราชลัญจกร ๔ องค์ ตามอย่างสัญญาบัตร์)

แจ้งความ

ด้วยเมื่อวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ในเล่ม ๑ แผ่นที่ ๓๔๗ นั้น ได้บอกว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนที่พระยาวิเศษไชยชาญ เปนพระยาอินทรวิชิตอแลหลวงฤทธินายเวรเปนพระยาวิเศษไชยชาญ กับนายจันซายันทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์เปนหลวงศรีสิทธิรักษ์นั้น ยังมิได้ลงสำเนาสัญญาบัตรทั้ง ๓ นั้นในหนังสือข่าวราชการนี้ให้ทราบ เพราะเหตุฉนั้นบัดนี้จึงได้คัดสำเนาสัญญาบัตรเหล่านั้นมาลงไว้ในคราวนี้ เพื่อจะได้เปนประโยชน์ต่อไปในภายหน้า สำเนาความในสัญญาบัตรนั้นมีความดังนี้

ฉบับหนึ่งว่า ให้พระยาวิเศษไชยชาญ ปรีชาญาณยุติธรรมโกศล สกลเกษตรวิสัย ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทอง เลื่อนเปนพระยาอินทรวิชิตสิทธิสงครามรามนิเวศน์ วิเศษโยธินอินทรรักษา จางวางกำกับเมืองอ่างทอง ให้คงถือศักดินา ๑๐๐๐ ทำราชการ

----------------------------

แผ่นที่ ๒๓ ออกวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

ตามตำแหน่ง ตั้งแต่บัดนี้ไป แลเปนที่ปฤกษาราชการ กับพระยาวิเศษไชยชาญซึ่งตั้งมาใหม่ แต่ที่เปนยุติธรรมแลชอบด้วยราชการ จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง จึงมีความสุขเจริญ เทอญ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เปนปีที่ ๘ ของดวงตราที่ประทับนี้ ประจำการแผ่นดินสยามศักราช ๑๒๓๗ เปนวันที่ ๒๖๘๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ์ พระราชลัญจกร ๔ องค์ ตามอย่างสัญญาบัตร)

ฉบับหนึ่งว่า ให้หลวงฤทธินายเวรมหาดเล็ก เปนพระยาวิเศษไชยชาญ ปรีชาญาณยุติธรรมโกศล สกลเกษตรวิสัย ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทอง ถือศักดินา ๓๐๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ตั้งแต่บัดนี้ไป ได้บังคับบัญชาปลัดยกระบัตรกรมการแลราษฎรทั้งปวง แต่บรรดาอยู่ในเขตรแดนเมืองอ่างทองนั้นทั้งสิ้น ตามที่ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทองแต่ก่อนได้บังคับมานั้น แต่โดยยุติธรรมแลชอบราชการ จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ แลรักษาความซื่อสัตย์สุจริตต่อกรุงเทพมหานคร ตามอย่างธรรมเนียมผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ แลจงปฤกษาราชการกับพระยาอินทรวิชิต สิทธิสงครามรามนิเวศน์ วิเศษโยธินอินทรรักษาจางวาง ให้เห็นชอบโดยยุติธรรมด้วย จงมีความสุขสวัสดิ์เจริญ เทอญ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เปนปีที่ ๘ ของดวงตราที่ประทับนี้ ประจำการแผ่นดินสยาม ศักราช ๑๒๓๗ เปนวันที่ ๒๖๘๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ์ พระราชลัญจกร ๔ องค์ ตามอย่างสัญญาบัตร)

ฉบับหนึ่งว่า ให้นายจันซายัน ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เปนหลวงศรีสิทธิรักษ์ ผู้ช่วยราชการเมืองอ่างทอง ถือศักดินา ๕๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ตั้งแต่บัดนี้ไป จงช่วยพระยาวิเศษไชยชาญ ปรีชาญาณยุติธรรมโกศล สกลเกษตรวิสัย ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทอง คิดอ่านราชการบ้านเมือง แลฟังบังคับบัญชาผู้ใหญ่ในเมืองแต่ที่เปนยุติธรรม แลชอบด้วยราชการ จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง จงมีความสุขสวัสดิ์เจริญ เทอญ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ ปีกุนสัปตศก เปนปีที่ ๘ ของดวงตราที่ประทับนี้ ประจการแผ่นดินสยาม ศักราช ๑๒๓๗ เปนวันที่ ๒๖๘๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ์ พระราชลัญกร ๔ องค์ ตามอย่างสัญญาบัตร) รวม ๓ ฉบับดังที่เขียนมาข้างต้นนี้ เปนสำเนาคัดตามสัญญาบัตรนั้น ๆ ถูกต้องแล้วทุกประการ

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๒๔ ออกวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ประทับสนามหญ้าพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการใหญ่น้อย ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ

เสด็จประพาสบางปอิน

ณวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้าโมง ๑ กับ ๑๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงพระราชยานไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ตรัสด้วยเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ประมาณ ๑๐ นาที ก็เสด็จลงเรือพระที่นั่ง พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิร คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๓ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ หม่อมราชวงศ์พิน ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระมหาเทพ ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพ็ชภักดี ๑ จมื่นสุรเดชรณชิต ๑ จมื่นสราภัยสฤษฏิการ ๑ หมอเกาแวน ๑ หมอนวด ๓ หมอยา ๑ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ๙ มหาดเล็กแล

----------------------------

แผ่นที่ ๒๕ ออกวันพุธ เดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

บ๋อย ๑๒ อาลักษณ ๒ กรมแสงปืน ๒ กรมแสงหอกดาบ ๑ ภูษามาลา ๑ ฝีพายนายไพร่ ๕ รวมคนที่ลงในเรือพระที่นั่ง ๕๘ คน แลเรือภิรมย์เร็วจรก็จูงเรือพระที่นั่งปิกนิกออกจากท่าราชวรดิษฐขึ้นไปตามลำน้ำ แลเรือที่ตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้น คือ เรือไรซิงซัน พระเจ้าบรมมไหยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร แลพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในเสด็จ ๑ เรือโสรวารวรเดช ๑ เรือเทียมลม ๑ เรือประทีปทัศนาการ ๑ เรือพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ เสวยแล้วเวลาเช้า ๓ โมงกับ ๑๕ นาที ถึงปากเกร็ด แล่นไปอิกหน่อยถึงวัดปากอ่าว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จอดอยู่ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จจากเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ แลทอดพระเนตรทั่วพระอาราม แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินตราแก่พระคุณวงศ์ เงินสลึง ๑๐๐ สลึง เงินเฟื้อง ๑๐๐ เฟื้อง แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่ง เวลาเช้า ๔ โมงกับ ๕๐ นาที ออกจากวัดปากอ่าวขึ้นไปตามลำน้ำ เวลาย่ำเที่ยงกับ ๑๒ นาทีถึงเกาะใหญ่ เวลาบ่ายโมงกับ ๕ นาทีถึงบางไซ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวย เสวยแล้วเวลาบ่าย ๒ โมงกับ ๑๓ นาทีถึงเกาะบางปอิน เรือพระที่นั่งประทับท่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงเรือพระที่นั่ง (เคนู) ทรงแล่นใบในสระ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ แลพระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ก็ลงเรือ (เคนู) องค์ละลำ แล่นในสระเวลาประมาณ ๕ โมงเศษเสด็จขึ้นจากสระ แล้วเสด็จลงเรือ (เคนู) ใช้ใบบ้างพายบ้างตามลำแม่น้ำ มีเรือใหญ่เล็กตามหลายลำ ทรงแล่นอ้อมเกาะ แล้วมาประทับเรือพระที่นั่งปิกนิก เวลาทุ่มเศษเสวย ๆ แล้วก็เสด็จขึ้นเวลายามเศษ

โดย สวัสดิประวัติ

ข่าวราชการบางปอิน

กรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ

ณวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ แลประทับบนนั้น

----------------------------

แผ่นที่ ๒๖ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๑๓ ค่ำ

จนเวลาบ่าย 2 โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรลงพระที่นั่งชั้นล่างประทับโต๊ะเสวย พรอมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรมานั้น แลประทับอยู่จนเวลาบ่าย ๓ โมง เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นชั้นบนพระที่นั่ง เสด็จขึ้นข้างใน เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรลงจากพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ ไปตามทางศิลาลาด แล้วเสด็จพระราชดำเนิรลงในเรือพระที่นั่งสำหรับประพาสเล่น เสด็จลงประทับในเรือพระที่นั่งใบ ซึ่งภาษาอังกฤษได้เรียกว่า ยอต เรือนี้ได้เรียกชื่อตามอักษรอังกฤษ ว่าไซเรน ยังหามีชื่ออย่างสยามไม่ แลได้มีพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพ็ธภักดี ๑ แลกรมแสงต้นอีก ๒ นาย หลวงเสน่ห์สรชิต ๑ หมื่นจำนง ๑ แลลูกเรืออีก ๒ คน เรือพระที่นั่งได้แล่นออกจากท่าฉนวนบางปอิน เรือกลไฟประเวศชลสินธุจูงเรือพระที่นั่งออกจากปากช่องเกาะบางปอิน แล้วแลแล่นก้าวไปตามลำแม่น้ำ จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษถึงลานเท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งให้กลับเรือพระที่นั่งแล่นใบขึ้นมาตามทางเดิม ครั้นได้สักหน่อย จึงทรงพระราชดำริห์ว่า เวลาเย็นดีสมควรที่จะประพาสในเรือพระที่นั่งใบเล็ก ซึ่งได้เรียกว่าเรือเคนูนั้น จึงเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งเล็กนั้นแล่นใบขึ้นมา สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ ก็ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือใบเล็ก

----------------------------

แผ่นที่ ๒๗ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๑๓ ค่ำ

เหมือนกัน พร้อมทั้งเรือทหารตำรวจ แลแล่นมาถึงเหนือบางไซ ลมไม่มี จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนเรือพระที่นั่งยอตใหญ่ แล่นขึ้นมาจนถึงท่าฉนวนบางปอิน นาฬิกาก็ได้ยามหนึ่ง จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนเกาะ ทอดพระเนตรการในเกาะอยู่สักครู่หนึ่ง เสด็จขึ้นข้างใน เวลาเกือบ ๔ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรลงชั้นล่างพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ประทับอยู่ที่โต๊ะเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ประทับโต๊ะเสวยจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นข้างใน อนึ่งในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อย่างที่เรียกว่าราชแปดแตน ทรงพระภูษาแดง พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการแต่งอย่างนั้นบ้างอย่างอื่นบ้าง เรือที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้น คือเรือยอตอิกลำหนึ่ง ชื่ออย่างอังกฤษว่า วอเตอลิลี เปนเรือพระที่นั่งรอง พระบรมวงศานุวงศ์ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรในนั้น เรือ ๒ ลำนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ คิดจ้างเหมามิศเตอรยุกิงแครซี ทำไว้ ๒ ลำ เพื่อสำหรับจะได้เสด็จพระราชดำเนิรประพาสเล่นในที่ต่าง ๆ เมื่อเวลาระดูลม เพื่อให้เปนที่สนุกเจริญพระราชหฤทัย แล้วมีเรือเล็ก ๆ คล้ายอย่างนี้อีก ๒ ลำ ของพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิลำ ๑ ของเจ้าหมื่นไวยวรนาถลำ ๑ แลเรือกลไฟประเวศชลสินธุ ๑ ลำ เรือกลไฟประทีปทัศนาการ ๑ ลำ แลเรือตำรวจ ๑ ลำ เรือทหารราชวัลลภ ๑ ลำ แลเรือกรมการอิกบ้าง ตามเสด็จพระราชดำเนิรไปทั้งสิ้น

แจ้งความ

เมื่อณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ แผ่นที่ ๑๑ ข้างหลังเล่ม ๒ ว่าด้วยข่าวราชการ เมื่อวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้นค่ำ ๑ นั้น ข้าพเจ้าได้มาสอบดูข่าวราชการนั้นผิดอยู่ ด้วยในเวลาเที่ยงเศษ เพลิงเกิดขึ้นที่บ้านดอกไม้๑๐ เจ้าพนักงานได้ตรวจได้ความว่า เรือนนายจันผัว อำแดงอึ่งเมียเปนต้นไฟ นายจันให้การรับสารภาพว่า ตัวนายจันเปนที่หมื่นวิเศษอักษร สังกัดขึ้นกรมมหาดไทย พันจันทนุมาศเปนนาย ครั้นเวลาเช้า ๓ โมงหมื่นวิเศษอักษรออกไปวัดสระเกศปิดทองพระพุทธรูป อำแดงอึ่งภรรยาใส่กุญแจเรือนลงมาเล่นไพ่ ห่างเรือนประมาณ ๑๕ วาเศษ อำแดงอึ่งจึงแลเห็นเพลิงติดขึ้นที่บนเรือน ห้องที่ใส่หม้อดินบนเรือนของอำแดงอึ่ง ขุนนครเขตรเกษมศรี หมื่นจ่าสรพล ได้สืบถามบ้านใกล้เรือนเคียงให้การสมกับหมื่นวิเศษอักษร อำแดงอึ่ง เรือนที่เพลิงไหม้เรือน

แผ่นที่ ๒๘ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

โรง ๑๑ หลัง ครัวไฟ ๔ รวม ๓๘ หลัง เรือฉลอมลำ ๑ เรือเป็ดลำ ๑ เรือสำปั้น ๒ ลำ รวม ๔ ลำ รวมเจ้าของที่ถูกเพลิงไหม้นั้น ๒๑ ราย

เวลาบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง ๒ ดุม พร้อมขบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูวิมานไชยศรี วิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัสกรแลเลี้ยวลงถนนบำรุงเมือง เลี้ยวลงถนนริมกำแพงพระนคร ออกประตูเมืองถนนเจริญกรุง ประทับบนสพานเหล็กทอดพระเนตร์ ให้ข้าราชการดับเพลิงประมาณครู่หนึ่งพอไฟเหือด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้ข้าราชการซึ่งตามเสด็จกลับขบวร แลเสด็จพระราชดำเนิรกลับทางถนนเจริญกรุงเข้าในพระบรมมหาราชวังการจึงจะถูกต้อง ขอท่านทั้งหลายจงทราบ เทอญ

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ข่าวราชการบางปอิน กรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ

ณวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเที่ยงแล้ว ๑๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับโต๊ะเสวย พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ ซึ่งได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นมาจากกรุงเทพมหานครนั้น ครั้นเสวยเสร็จแล้ว เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางชลมารค ทรงเรือพระที่นั่งใบชื่อไซเรนเปนเรือพระที่นั่ง เรือกลไฟประเวศชลสินธุเปนเรือจูง เรือใบชื่อวอดเต้อลิลีเปนเรือพระที่นั่งรอง เรือประทีปทัศนาการเปนเรือจูงล่องลงไปตามลำน้ำ ถึงท้ายเกาะบางปอิน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ใช้ใบอ้อมเกาะขึ้นไปทางเหนือน้ำ ทรงทอดพระเนตร์ภูมิลำเนา

แผ่นที่ ๒๙ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

ตามลำน้ำ ตั้งแต่เกาะบางปอินเปนลำดับไป จนถึงวังจันทรเกษม เวลาบ่าย ๔ โมง ๓๐ นาที เรือพระที่นั่งประทับที่ฉนวนน้ำหน้าวังจันทรเกษม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ทรงทอดพระเนตร์ที่ต่าง ๆ ในพระราชวังนั้นประมาณชั่วโมง ๑ ครั้นทรงทอดพระเนตร์เสร็จแล้ว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับลงสู่เรือพระที่นั่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรือกลไฟประเวศชลสินธุจูงเรือพระที่นั่งล่องลงมาตามลำน้ำ ถึงตำบลเกาะพระเวลาย่ำค่ำ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ใช้ใบแล่นต่อมา จนถึงตำบลบ้านสามเรือนเหนือเกาะเกิด เวลา ๒ ทุ่มเศษจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กลับเรือพระที่นั่ง ใช้ใบขึ้นมาประทับฉนวนน้ำหน้าวังบางปอิน เวลาประมาณยามเศษเสด็จขึ้น

โดย คัคณางคยุคล

ณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราชยังคง ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกชลาหน้าพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พวกไพร่หลวงรักษาเกาะได้จัดของต่าง ๆ มาทูลเกล้า ฯ ถวาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินให้พระยาราชวรานุกูลเปนผู้แจก พระราชทานทั่วทุกคนทั้งชายหญิง ชายที่มาเฝ้าทูลเกล้า ฯ ถวายของ แลมิได้ทูลเกล้า ฯ ชาย ๒๘๘ คน ๆ ละบาท ๑ หญิง ๓๘ คน ๆ ละสลึง ๑ รวมคนที่ได้รับพระราชทาน ๓๒๖ คน เปนเงิน ๓ ชั่ง ๑๔ ตำลึงบาท ๒ สลึง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับบนท้องพระโรงพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์ ครั้นเวลาเที่ยงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับห้องเสวย พร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอที่ตามเสด็จพระราชดำเนิรเสวยณที่นั้น ครั้นเวลาบ่ายโมงเศษจึงเสด็จขึ้น ประมาณ ๓๐ มินิตเสด็จออก เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับฉนวน เสด็จลงเรือพระที่นั่งยอต เปนเรือใบซึ่งทำใหม่ ชื่อเดิมว่าไซเรน แลพระราชทานนามใหม่ว่า เรือพระที่นั่งอรเทพยลักษมี เปนเรือพระที่นั่งทรง แลพระราชทานนามเรือพระที่นั่งชื่อเดิมว่า วอดเต้อลิลี ว่าเรือพระที่นั่งวาปีบุษบัน เปนเรือพระที่นั่งรอง เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปตามลำน้ำ ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงถึงหน้าวัดโปรดสัตว์ จึงลดในประทับที่ฉนวนวัดโปรดสัตว์ เสด็จลงเรือพระที่นั่งเคนู ๒ พายมีเสาใบ ยังไม่ได้พระราชทานนาม เสด็จทรงใบขึ้นไปตามลำน้ำจนถึงปากคลองตะเคียน แล้วเลี้ยวเข้าในคลองตะเคียนถึงกลางย่านบ้านแขก เสด็จกลับ แล้วล่องน้ำมาจนเวลาพลบค่ำ

----------------------------

แผ่นที่ ๓๐ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

แล้วจึงเสด็จประทับเรือพระที่นั่ง ทรงเรือพระที่นั่งอรเทพยลักษมีล่องน้ำลงมา ครั้นถึงเกาะบางปอิน เรือพระที่นั่งแล่นอ้อมมาเข้าทางท้ายเกาะ พอเวลา ๑ ทุ่ม ๓๐ มินิต เรือพระที่นั่งประทับท่าฉนวนวังบางปอิน จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับณปากสระประมาณ ๑๐ มินิตเสด็จขึ้น

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

วันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลา ๕ โมงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานชื่อเรือพระที่นั่งไซเรน (เปนเรือพระที่นั่งสำหรับแล่นใบ) ให้ชื่ออรเทพยลักษมี เรือวอตเต้อลิลีพระที่นั่งรองให้ชื่อว่า วาปีบุษบัน แล้วพระราชทานชื่อเรือพระที่นั่งเคนู (เรือเล็กสำหรับพายเล่น) กับของพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการมีชื่อดังนี้ เรือพระที่นั่ง “อรโสมวิสุทธิ”๑๑ เรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ “อัสยุชเรืองศรี” เรือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ “ภรณีนามสถิตย์” เรือพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ “กฤติการัศมี” เรือพระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ “โรหินีฤกษเสถียร” เรือหม่อมเจ้าปรีดา “มฤคเศียรนักขัต” เรือพระยาภาสกรวงศ์ “อัทรจำรูญ” เรือเจ้าหมื่นไวยวรนาถ “บุรณพัสสมมุติ” เรือเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ “บุศยนาเวศ” เรือพระอมรวิไสยสรเดช “อสิเลศลอยฟ้า” เรือหลวงพินิจจักรภัณฑ์ “มาฆะมงคล” แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ เปนเจ้าพนักงานสำหรับเรือเคนูแลเรือยอต

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่บนเรือพระที่นั่งชั้นบน จนเวลา ๔ โมงครึ่ง เสด็จลงมาประทับชั้นล่าง พระยา

แผ่นที่ ๓๑ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

อนุรักษ์ราชมณเฑียร จึงนำโต๊ะวิหลันเตะทูลเกล้า ฯ ถวายผ้าพื้นสีต่าง ๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินตรา ๔ ตำลึง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับห้องเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ครั้นเสวยแล้วก็เสด็จขึ้น

เวลาประมาณบ่ายโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรจากพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ ประทับเรือพระที่นั่งปิกนิก เสด็จลงเรือพระที่นั่งอมรเทพย์ลักษมี พระที่นั่งวาปีบุษบันเปนพระที่นั่งรอง พร้อมด้วยเรือกลไฟซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไป เสด็จพระราชดำเนิรกลับมาตามทางเก่า แต่เรือพระที่นั่งนั้นแล่นใบมาจนถึงเกาะใหญ่ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรือกลไฟจูงเรือพระที่นั่งลงมา จนเวลา ๒ ทุ่มเศษถึงวัดปากอ่าว จึงมีพระบรมราชโองการให้ประทับเรือพระที่นั่ง แล้วทรงจุดดอกไม้เพลิง ในการศพบิดาของพระคุณวงศ์ ๆ จึงถวายมนาวถุงหนึ่ง (๒๐๐ ผล) เวลายามหนึ่งเรือพระที่นั่งออกจากท่าวัดปากอ่าวมาจนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เรือพระที่นั่งประทับท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งราชยาน แต่เกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยมาประทับเกยหน้าพระทวารหน้าพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ แล้วเสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

ณวันพุธ เดือน ๔ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกประทับสนามหญ้าทางประตูพรหมโสภา พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าอยู่ที่นั้น พระยาศรีสิงหเทพจึงได้อ่านบอกพระยาราชเสนา ซึ่งพระยาพนมศกส่งขึ้นไปนั้น ว่าด้วยองค์นโรดมให้จัดการที่จะไปเที่ยวข้างเมืองเหนือ ครั้นไปลาแอดมิราลเดอแปรา ๆ ก็ไม่ให้ไป แลในเดือน ๓ จะทำบุญแซยิด แอดมิราลเดอแปราซึ่งเปนเรสิเดนต์ของฝรั่งเศสอยู่ที่เมืองเขมร ก็ห้ามมิให้ทำการนั้น

ครั้นพระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกทูลเกล้าฯ ถวายเสร็จแล้ว พระโทรเลขธุรานุรักษ์ จึงอ่านบอกหลวงสโมสรพลการ ว่าด้วยการที่ได้ไปทำแผนที่ทางเตลิคราฟที่เมืองกาญจนบุรีนั้นฉบับ ๑ อิกฉบับ ๑ นั้น บอกพระยาประสิทธิสงครามผู้ว่าราชการเมืองกาญจนบุรี ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ด้วยตำแหน่งปลัดกับยกรบัตรยังว่างอยู่ ขอได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ตั้งลงเสียให้ครบตามที่ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่นั้นจนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ

แผ่นที่ ๓๒ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ แรมค่ำ ๑

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ประทับอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แจ้งความ

หนังสือข่าวราชการ ซึ่งออกในวันอาทิตย์ เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ แผ่นที่ ๑๗ ว่าด้วยสวดมนต์พระราชพิธีคเชนทรัศวสนาน ในวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ ว่าด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญไปทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการพระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท แล้วพระสงฆ์ ๑๐ รูปได้เจริญพระพุทธมนต์ ยังขาดอยู่ คือ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วอาลักษณ์ก็อ่านคำประกาศในการพระราชพิธีนั้นจบแล้ว พระสงฆ์จึงได้เจริญพระพุทธมนต์

โดย มนุษยนาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๒ โมง พระยาพิพิธโภไคศวรรย์เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลา ๓ โมงเศษกลับออกจากเฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาย่ำค่ำออกจากเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท พระยาศรีสิงหเทพทูลใบบอกพระสุนทรราชวงศา ผู้ว่าราชการเมืองยโสธร เรื่องผู้ร้ายปล้นลักช้างม้าโคกระบือ หนีไปอยู่แดนเมืองสุวรรณภูมิ์ แล้วกลับมายิงเผาเรือนเจ้าของช้างม้าโคกระบือซึ่งออกไปเฝ้าสวน แต่ที่แดนเมืองสุวรรณภูมิ์ มีลาว เขมร ตองสู้ ตั้งเปนกองประมาณสามสิบสี่สิบ คอยซื้อช้างม้าโคกระบือแต่ผู้ร้าย เรื่องหนึ่งบอกเมืองนครสวรรค์ มอง

แผ่นที่ ๓๓ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ แรมค่ำ ๑

โอซื้อไม้ขอนสักมาจากเมืองตาก มาจอดอยู่ที่บ้านจีนฮองฉาย มีผู้มาถากตราที่ไม้ซุง มองโอมาฟ้องจีนฮองฉาย จะหาตัวจีนฮ่องฉายมาชำระ ก็ขัดข้องอยู่ด้วยเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงใช้ให้จีนฮองฉายคุมของอยู่ แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หลวงเดชนายเวร แลจมื่นประธานมณเฑียร ขึ้นไปชำระความที่เมืองอุไทยธานี เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๓๗ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดราชาธิวาส ๒๐ รูป มีพระภาวนาภิรามเถรเปนประธาน ได้รับพระราชฉันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร แลเฝ้าอยู่จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษก็กลับออกมาข้างใน ครั้นเวลาเกือบย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารพรหมโสภา ประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่ประมาณครู่หนึ่ง จึงเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง พร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ แลพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ เสด็จออกทางประตูพิมานไชยศรี วิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัสกร ไปประทับสวนวังสราญรมย์ แล้วเสด็จลงทรงพระราชดำเนิรประพาสชมต้นไม้ดอกไม้ แลการในสวนอยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จพระราชดำเนิรไปที่พระที่นั่งในสวน ประทับอยู่จนเวลา ๑ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิรกลับยังพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้า จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ไปจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์วัดราชาธิวาส ๒๐ รูป มีพระภาวนาภิรามเถรเปนประธานาธิบดี สวดพระพุทธมนต์ตามอย่างวันพระแต่ก่อน

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

แผ่นที่ ๓๔ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอาทิตย์ เดือน ๕ แรมค่ำ ๑ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาต ในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านใต้ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ๑ พระดิษฐการภักดี ๑ มิศเตอรคลูนิส มิศเตอรโรซ ๑ มิศเตอรเดอซา ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท นำตัวอย่างพระที่นั่งซึ่งจะสร้างขึ้นใหม่นั้น๑๒ ทูลเกล้า ฯ ถวาย ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท นำตัวอย่างเงินเหรียญซึ่งพระสยามธุรพาห กงสุลสยามณกรุงลอนดอนส่งเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวายนั้น ขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย เฝ้าอยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ จึงได้ถวายบังคมลากลับออกมาทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ในที่นั้น จึงพระยาศรีสิงหเทพ นำใบบอกพระยานครราชสีมาขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ๓ ฉบับ ๆ หนึ่งความว่า พระยานครราชสีมาได้รับพระราชทานเสื้อผ้า ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้แจกไพร่พลในกองทัพนั้น พระยานครราชสีมาได้รับพระราชทานแจกเสร็จแล้ว ฉบับหนึ่งว่า พระยานครราชสีมาได้รับพระราชทานเงิน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้แจกแก่นายทัพนายกองแลไพร่พลในกองทัพนั้น พระยานครราชสีมาได้แจกเสร็จแล้ว ฉบับหนึ่งความว่า กองทัพซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แบ่งไปจากกองทัพเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง ขึ้นไปบรรจบกองพระยามหาอำมาตย์นั้น ได้กราบถวายบังคมลายกไปจากเมืองนครราชสีมาแล้ว

อนึ่งในเวลาวันนี้ พระราชวรินทรซึ่งไปราชการเมือง

แผ่นที่ ๓๕ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ

นครราชสิมากลับลงมานั้น เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลพระกรุณาด้วยข้อราชการต่างๆ ครั้นเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย คัคณางคยุคล

แจ้งความ

แจ้งความให้ทราบ ด้วยในแผ่นที่ ๓๐ เล่ม ๒ ว่าด้วยพระราชทานชื่อเรือพระที่นั่งต่าง ๆ นั้น ที่ตั้งเรือพระที่นั่งลำทรงชื่อ อรโสมวิสุทธินั้น ข้าพเจ้าได้มาพิจารณาเห็นผิดไป ต้องชื่อว่า วรโสมวิสุทธิ จึงจะถูก ขอท่านจงทราบเทอญ

โดย เกษมสันตโสภาคย์

แผ่นที่ ๓๖ ออกวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๓ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาจวนย่ำค่ำ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาย่ำค่ำเสด็จออก

เวลาจวนทุ่ม ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ไปจุดเทียนเครื่องนมัสการที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ไทย ๔ รูป รามัญ ๔ รูป รวม ๘ รูป มีพระครูปริตโกศลเปนประธาน ได้สวดพระพุทธมนต์ เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น อนึ่งในเวลาวันนี้เจ้าพนักงานได้เกณฑ์ พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายหน้าฝ่ายใน ให้ก่อพระเจดีย์ทรายที่วัดพระนามบัญญัติ๑๓ เวลาเย็นทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการในวิหารวัดพระนามบัญญัติ พระสงฆ์ ๓๐ รูป มีพระจันทรโคจรคุณเปนประธาน ได้เจริญพระพุทธมนต์

แจ้งความ

ข้าพเจ้า ผู้จัดการพิมพ์ขอแจ้งความให้ทราบ ด้วยข้าพเจ้าได้บอกไว้ในหนังสือแจ้งความครั้งก่อนแล้ว ถึงเรื่องสแตมป์ทั้งหลายนั้น ว่าถ้าผู้ที่ได้ซื้อสแตมป์ไป จะต้องเขียนชื่อทับสแตมป์เมื่อเวลาที่จะมีไปถึงใคร ๆ เพื่อจะกันกระทำให้สแตมป์เสียนั้น บัดนี้ข้าพเจ้ามาคิด ๆ ดูว่า ยังจะปลอมได้อิกเปนแน่ ครั้นจะให้มีโปสต์ออฟฟิศก็เปนที่ลำบากช้าไปทำไม่ได้ ข้าพเจ้าจึงคิดทำตราขึ้น แลมอบให้ผู้ส่งหนังสือ ฤๅโปสต์แมนไป แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะส่งหนังสือแลปิดสแตมป์ แล้วให้ส่งให้ผู้ส่งหนังสือ ผู้ส่งหนังสือก็จะตีตราลงให้ทันใด เอาไปให้แต่ตามประสงค์ของท่านทันใจท่านได้ แลสแตมป์ก็จะไม่ซ้ำกันเลยปลอมยากนัก ถ้าท่านส่งสแตมป์มีตราไปกับผู้ถือหนังสือ ๆ ก็จะรู้ได้แน่ว่าปลอม คนนั้นคงจะไม่รับเปนแน่ ณวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ๑๒๓๗ จะได้เปลี่ยนชื่อเปนตราต่อไปตามเดิม ขอท่านทั้งหลายจงทราบเทอญ

----------------------------

แผ่นที่ ๓๗ ออกวันพุธ เดือน ๕ แรม ๔ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระที่วัดพระนามบัญญัติ ในการก่อพระเจดีย์ทรายตามอย่างตามธรรมเนียม พระที่ได้รับพระราชทานฉันนั้น ๓๐ รูป มีพระพิมลธรรมเปนประธานาธิบดีในที่นั้น พอพระสงฆ์ได้รับพระราชทานฉันแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ได้ถวายเครื่องไทยทานแด่พระสงฆ์ ๆ ก็ยถาสัพพีแล้วก็กลับไปยังวัด เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรด ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าทางประตูพรหมโสภาด้านใต้ ขึ้นไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทบนพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระยาศรีสิงหเทพใด้อ่านใบบอกเรื่องเจ้าพระยาภูธราภัย ด้วยเรื่องพระสุริยภักดีได้ออกไปตีทัพฮ่อที่ลาดห่วง ได้มีชัยชนะกองทัพฮ่อซึ่งตั้งอยู่ลาดห่วงแตกหนีไป แล้วกับได้ส่งปืนทองเหลืองใหญ่ ๒ ปืน ๆ คาบชุด ๓ ปืนกับตัวอ้ายสามม้วย ซึ่งปลอมเปนพวกฮ่อมอบให้หลวงเพชรอินทรานำลงมากรุงเทพ ฯ ประทับตรัสอยู่จนเวลาทุ่มเศษจึงได้กลับออกมา

ว่าด้วยการสวดมนต์ในการสงกรานต์

เวลาเย็นเจ้าพนักงานเชิญพระพุทธปฏิมากร พระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้องค์ ๑ พระพุทธรูปชนม์พรรษาในแผ่นดินปัตยุบันนี้องค์ ๑ พระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษาวันในแผ่นดินปัตยุบันนี้องค์ ๑ ขึ้นตั้งไว้บนพระที่นั่งเศวตฉัตรในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยกับพระเต้าพุทธมนต์อีก ๑๒ ใบ คือ พระเต้า.........เชิญขึ้นวางไว้บนนั้น ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระทวารพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเครื่องลงยาราชาวดี แล้วสมเด็จพระวันรัตนถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้วทรงจุดเทียนพระครอบพระกริ่ง ส่งถวายแก่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ให้ทรงทำเปนน้ำพระพุทธมนต์

----------------------------

แผ่นที่ ๓๘ ออกวันพุธ เดือน ๕ แรม ๔ ค่ำ

ครั้นแล้ว จึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายประน้ำหอม ถวายพระพุทธปฏิมากรซึ่งตั้งอยู่บนนั้น แล้วพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จึงมีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิตไปทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการบนพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นแล้วพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ทวาทัศปริตจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น เวลาประมาณ ๔ ทุ่มเศษ ในเวลาวันนี้นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศทหารราชวัลลภอย่างขาว แลพระที่ได้เจริญพระพุทธมนต์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระราชาคณะ ๖๐ รูป มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธานในที่นั้น ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์นั้น พระรามัญ ๕ พระไทย ๕ รวม ๑๐ รูป ขอท่านทั้งหลายจงทราบ เทอญ

แจ้งความ

ขอแจ้งความให้ทราบด้วยหนังสือข่าวราชการที่ลงเมื่อณวันจันทร์ เดือน ๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ แผนที่ ๑๘ ว่าด้วยพระบรมวงศานุวงศ์เข้าเฝ้า ด้วยเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเข้าไปเฝ้าเปน ๒ หน คือ เข้าไปเฝ้าแต่หนเดียว คือ เวลา ๔ โมงเศษเข้าไป ๕ โมงกลับออกมาจึงจะถูก ขอท่านจงทราบ เทอญ

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

แผ่นที่ ๓๙ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๕ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพุธ เดือน ๕ แรม ๔ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องตามธรรมเนียม แต่ฉลองพระองค์นั้นเปนฉลองพระองค์ขาวครึ่งยศอย่างทหาร เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับทรงนมัสการแล้วจึงทรงศีล สมเด็จพระวันรัตนเปนผู้ถวายศีล แล้วพระสงฆ์ ๖๐ รูปจึงได้ถวายพรพระ ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงประเคนเครื่องกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาทรงประทับที่เดิม แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทปฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว เจ้าพนักงานศุภรัตจึงนำผ้าไตรแพรแลพัดขนนกเล็กมาทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จมาประเคนถวายพระสงฆ์ทั้ง ๖๐ รูป แต่มีอยู่ ๘ รูปที่อาพาธมาไม่ได้ ให้ถานานุกรมมารับแทน คือ ๑ พระปริยัติบัณฑิต ๒ พระศิริธรรมมุนี ๓ พระสังวรวิมล ๔ พระปรากรมมุนี ๕ พระธรรมปหังสนาจารย์ ๖ พระอริยธัชชะ ๗ พระกุศลธรรมธาดา ๘ พระพิศาลสมณกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประเคนไตรแพร ๑ พัดขนนกเล็ก ๑ ขวดน้ำอบ ๑ แก่ถานานุกรมไปถวายพระที่อาพาธซึ่งมาสรงน้ำไม่ได้ แต่พระสงฆ์ ๕๒ รูปที่มาสรงได้นั้นไม่มีขวดน้ำอบ ครั้นทรงประเคนทั่วกันแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรออกทรงพระราชยานแต่เกยหน้าพระทวารเทเวศรักษา ไปประทับหน้าโรงกระสาปน์สิทธิการ๑๔ เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับใต้ต้นมะขาม แล้วพระสงฆ์ ๕๒ รูปจึงมาเปลื้องเครื่องที่โรงทองแล้ว กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ จึงเสด็จลงที่สรงในที่น้ำพุหน้าโรงกระสาปน์สิทธิการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระสุหร่าย สรงน้ำพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เสด็จขึ้นจากที่สรงแล้ว พระสงฆ์อีก ๕๑ รูปจึงลงที่สรงน้ำ สรงครั้งละ

แผ่นที่ ๔๐ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๕ ค่ำ

๕ องค์ จนสิ้นพระสงฆ์นั้น ครั้นสรงน้ำพระเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จกลับไปประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงประเคนเครื่องเข้าแช่ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทเข้าปรนนิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วจึงยถาสัพพถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ ครั้นพระสงฆ์กลับแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ครู่หนึ่ง แล้วเสด็จขึ้นเมื่อเวลาเที่ยงเศษ

เจ้าพนักงานจึงตั้งบายศรีแก้วบายศรีทองเงิน ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ชีพ่อพราหมณ์จึงได้เบิกแว่นเวียนเทียน สมโภชตามธรรมเนียมที่เคยมีมาแต่ก่อน

เวลาค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่จุดเทียนเครื่องนมัสการพระพุทธปฏิมากร ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระสงฆ์ ๓๑ รูปมีพระพิมลธรรมเปนประธาน เจริญพระพุทธมนต์ในการสดัปกรณ์พระบรมอัฐิแลพระอัฐิในการสงกรานต์ปีใหม่ โปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าจิตรเจริญออกมาจุดเทียนเครื่องนมัสการบนพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ไทย ๔ รูป รามัญ ๔ รูป รวม ๘ รูป มีพระครูปริตโกศลเปนประธาน ได้เจริญพระพุทธมนต์ตามธรรมเนียม

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกวัดพระเชตุพน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายใน ตามเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูวิจิตรบรรจง เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรแลพระสถูปในวัดนั้น แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรชมสิ่งของเครื่องกลไกต่างๆ ซึ่งพระยามหามนตรี พระอินทรเทพ จมื่นวิชัยยุทธเดชาคนีแลพวกทหาร แต่งจัดตั้งไว้ถวายดูเปนน่าชมยิ่งนัก แลมีภรรยาพระยามหามนตรี พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร พระอินทรเทพ จมื่นวิชัยยุทธเดชาคนี แลภรรยาเจ้ากรมปลัดกรมนายเวรตรวจออฟฟิเซอ ทหารหน้าแลฝีพายทั้งหลายเหล่านี้ นั่งร้านขายของเปนเครื่องหอม เปนดอกไม้ต่าง ๆ แลเครื่องรับประทานต่าง ๆ เปนของสดบ้าง แห้งบ้าง ของจีนบ้าง แขกบ้าง ฝรั่งบ้าง สารพัดพร้อมทุกอย่างล้วนสิ่งดีๆ เปนของวิเศษตามแต่จะต้องการ สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายใน ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรจะได้ซื้อเล่นตามชอบใจ

แผ่นที่ ๔๑ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๖ ค่ำ

ภายนอกกำแพงวัดนั้น มีทหารจุกของล้อมวงระวังรักษาอยู่รอบ มิให้มีผู้หนึ่งผู้ใดแปลกปลอมได้

การที่จัดคราวนี้ คล้ายกันกับเมื่อคราวที่มีที่วังนันทอุทยาน แต่ครั้งนี้วิเศษกว่า การคราวนี้ไม่เปนการแปลกปลาดผิดราชธรรมเนียมเลย การนี้เหมือนกันกับธรรมเนียมสงกรานต์ปีใหม่ ตามสุริยคติกาล แลเคยเสด็จพระราชดำเนิรออกทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรในวัดพระเชตุพน เพื่อความระฦกถึงพระคุณแห่งพระรัตนตรัย ตามวิสัยแห่งพระบรมมหากษัตริย์เหมือนอย่างแต่ก่อนทุกปี อย่าพึ่งเข้าใจผิดกันไปต่าง ๆ เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ที่นั้นจนเวลาประมาณยามเศษจึงเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าเจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธรูปประจำพระชนม์พรรษาวัน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ รวม ๗ องค์ ขึ้นตั้งบนม้าหมู่จำหลักลายปิดทอง บนธรรมาสน์ในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ด้านหน้าธรรมาสน์ตั้งที่นมัสการลงยาราชาวดีเครื่องห้า เฉลียงพระที่นั่งด้านขวาตั้งพระทราย ๑๐ องค์ ข้างพระที่นั่งเศวตฉัตรด้านขวา ตั้งเครื่องนมัสการทองน้อย ๔ เครื่อง ด้านซ้าย ๑ เครื่อง

เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์ธรรมยุติกา ๗๖ รูป มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับณหอพระข้างใน

----------------------------

แผ่นที่ ๔๒ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๖ ค่ำ

ทรงจุดเทียนนมัสการ ทรงพระสุหร่ายสรงพระเสร็จแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับหอพระอัฐิ ทรงจุดเทียนนมัสการแล้วทรงสรงพระบรมอัฐิแลพระอัฐิซึ่งอยู่ในหอนั้น เสร็จแล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับสิงหบัญชร ทรงสรงพระอัฐิอีก ๖ พระโกษฐ ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสรงพระบรมอัฐิแลพระอัฐิเสร็จแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในก็สรงแลถวายผ้าคู่ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระพิมลธรรมก็ถวายเบ็ญจศีล ครั้นทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ ๓๑ รูปที่สวดมนต์เมื่อเวลาวานนี้ กับพระสงฆ์ไท ๔ รูป พระสงฆ์รามัญ ๔ รูป ซึ่งสวดมนต์ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ รวมพระสงฆ์ ๓๙ รูป ก็สวดถวายพรพระจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงประเคนสำรับแก่พระพิมลธรรม แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับพระเก้าอี้อย่างเดิม เวลาจวน ๕ โมงเช้า เจ้าพนักงานภูษามาลาจึงเชิญพระบรมอัฐิแลพระอัฐิออกจากหอพระอัฐิ ขึ้นพระราชยานแลเสลี่ยงมาตั้งบนพระที่นั่งเศวตฉัตร ๑๖ พระโกษฐ คือ พระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ สมเด็จพระปฐมบรมมหาไปยกาธิบดี ๑ กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ๑ สมเด็จพระรูปสิริโสภาคย์มหานาคนารี ๑ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๓ กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ สมเด็จพระเจ้าปฐมบรมไอยิกาเธอ สมเด็จพระเจ้าบรมไอยกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมไอยกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี ๑ แล้วเชิญพระอัฐิขึ้นตั้งบนโต๊ะจีน ซึ่งตั้งอยู่ข้างซ้ายพระที่นั่งเศวตฉัตรอีก ๒ พระ โกษฐ์ คือ พระอัฐิสมเด็จพระบรมราชมาตามไหยิกาเธอ ๑ สมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี ๑ พระชนกกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย ๑ พระชนกกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ๑ พระชนนีกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย ๑ พระชนนีกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ทรงจุดเทียนเข้าบิณฑ์พระทราย

----------------------------

แผ่นที่ ๔๓ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๗ ค่ำ

เวลาเช้า ๕ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระที่นั่งราชฤๅดี ทรงผลัดภูษาแลทรงสพักสีขาว เสด็จพระราชดำเนิรไปขึ้นที่สรงมุรธาภิเษก ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นศิลาริมพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยด้านบูรพา เจ้าพนักงานกรมภูษามาลาก็ไขท่อสหัสธารา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับพระเต้าน้ำ แต่เจ้าพนักงานภูษามาลามาสรง คือ พระเต้าเบ็ญจครรภประดับเพ็ชร์ ๑ พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏกับพระเต้าทอง ๑ พระเด้าเบ็ญจครรภรอง ๑ ครอบพระกริ่ง ๑ พระเต้าประทุมศิลา ๓ พระเจ้าศิลาจาฤกอักษร ๒ พระเต้านพรัตนห้าห้อง ๑ พระเต้าเทวปิด ๑ พระเต้าไกรลาส ๑ พระเต้าเนาวเคราะห์ ๑ พระเต้าหยก ๑ พระเต้าห้ากระษัตริย์ ๑ พระครอบมุรธาภิเษก ๑ ครั้นทรงสรงน้ำในพระเต้าสิ้นแล้ว ชีพ่อพราหมณ์ก็ถวายน้ำสังข์เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรจากที่สรงไปประทับพระที่นั่งราชฤๅดี ทรงแต่งพระองค์ ในขณะเมื่อสรงอยู่นั้น พระสงฆ์ได้สวดถวายไชยมงคล เจ้าพนักงานก็ประโคมดุริยางคดนตรี ครั้นแต่งพระองค์แล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรแต่พระที่นั่งราชฤๅดีมาประทับที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงประเคนสำรับเข้าแช่แก่พระพิมลธรรม ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองน้อย ๔ เครื่องบูชาพระบรมอัฐิ แล้วจึงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าซึ่งเขียนพระนามแลผ้าคู่ขวดน้ำหอมสิ่งละ ๔ ทรงพระราชอุทิศถวาย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้ง ๔ พระองค์ ซึ่งเสด็จสวรรคาลัยไปแล้วนั้น แล้วทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าซึ่งเขียนพระนาม แลผ้าคู่ขวดน้ำหอมสิ่งละ ๑๒ ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่พระอัฐิซึ่งตั้งอยู่บนพระที่นั่งเศวตฉัตร์ ๑๒ พระองค์ ครั้นทรงทอด

แผ่นที่ ๔๔ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๗ ค่ำ

ผ้าแล้ว พระสงฆ์ ๑๖ รูปก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าผ้าคู่ขวดน้ำหอม สิ่งละ ๗ ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแก่พระอัฐิซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะจีน ๖ พระองค์กับสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าชาย ครั้นทรงทอดผ้าแล้ว พระสงฆ์ ๗ รูปก็สดัปกรณ์ ครั้นสดัปกรณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาสัพพี อติเรกถวายพระพรลา แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ ที่ยังทรงพระเยาวทอดผ้าคู่ ของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งนำมาสรงน้ำพระบรมอัฐิ เจ้าพนักงานกรมสังฆการีย์จึงนิมนต์พระสงฆ์เข้ามาสดัปกรณ์ อนึ่งพระสงฆ์ซึ่งฉันในการพระบรมอัฐิแลพระอัฐิ ยังไม่ได้สดัปกรณ์ ๘ รูป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเอาผ้าขาวเช็ดหน้าผ้าคู่ขวดน้ำหอมสิ่งละ ๘ ขึ้นไปสดัปกรณ์ในพระราชวังบวร ทรงพระราชอุทิศถวายในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลก ๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ ทรงพระราชอุทิศ พระราชทานแด่ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงเทพหริรักษ์ ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงพิทักษ์มนตรี ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมขุนอิศรานุรักษ์ ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมขุนอนัคฆนารี ๑ เวลาเที่ยงเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานจึงตั้งบายศรีแก้วทองเงินสมโภชพระทราย เสร็จแล้ว ก็แห่ไปยังวัดมหาธาตุ ในเวลาเช้านี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต

อนึ่งในเวลาวันนี้ เอดิแกมป รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์มาเสวยเข้าแช่ ที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ในก๊าดเชิญนั้นมีความว่า “ด้วยราชเอดีแกมปรับพระบรมราชโองการใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เชิญ (ใส่พระนาม) มาประชุมเสวยเข้าแช่ในวันเถลิงศกณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๒ โมงพร้อม (เซ็น) กาพย์กนกรัตน พระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งมีพระบรมราชโองการให้เชิญนั้น

----------------------------

แผ่นที่ ๔๕ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ แรม ๘ ค่ำ

คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์กมลาสเลอสรรค์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๓ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์

----------------------------

แผ่นที่ ๔๖ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๕ แรม ๘ ค่ำ

เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ ๑ หม่อมเจ้าบงกช ๑ หม่อมเจ้าสนธยา ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ หม่อมเจ้าจร ๑ หม่อมเจ้าเจริญ ๑ หม่อมเจ้าประวิช ๑ หม่อมเจ้านิลวรรณ ๑ หม่อมเจ้าวัชรินทร ๑ หม่อมเจ้าถนอม ๑ หม่อมเจ้าสำเนียง ๑ รวม ๔๔ พระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ที่ไม่ทรงสบายเสด็จมาไม่ได้นั้น คือ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ รวม ๗ พระองค์ เวลาบ่ายโมงเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน เอดิแกมป ออกมาเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เข้าไปเฝ้าบนพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ห้องเหลือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่ประมาณครู่ใหญ่ จึงเสด็จพระราชดำเนิรพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ไปประทับโต๊ะเสวย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับกลางโต๊ะ ข้างขวาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ ๑ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ ๑ หม่อมเจ้าวัชรินทร ๑ ต่อไปหัวโต๊ะ หม่อมเจ้าสำเนียง ๑ หม่อมเจ้าบงกช ๑ ข้างซ้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๓ หม่อมเจ้าถนอม ๑ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๑ ประทับตรงกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้างขวากรมหลวงวรศักดาพิศาล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ ๑ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ หม่อมเจ้าเจริญ ๑ หม่อมเจ้าประวิช ๑ ข้างซ้ายกรมหลวงวรศักดาพิศาล ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๔๗ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๙ ค่ำ

พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ หม่อมเจ้าสนธยา ๑ หม่อมเจ้าจร ๑ หม่อมเจ้านิลวรรณ ๑ ครั้นเสวยแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับห้องเหลืองอยู่ประมาณครู่ใหญ่ เสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ก็กราบถวายบังคมลากลับออกมาทางประตูพรหมโสภา ในเวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ต พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์ฟร็อกโก๊ตบ้าง ครึ่งยศทหารบ้าง เวลาจวนค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับณพระพุทธนิเวศน์ ทรงจุดธูปเทียนบูชาแลสรงพระพุทธสิหิงค์เสร็จแล้วเสด็จขึ้นบนพระพุทธมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนบูชาแลทรงพระสุหร่ายสรงพระเจดีย์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพุทธรัตนสถาน ทรงจุดธูปเทียนนมัสการแลสรงน้ำพระแก้วบุษยรัตน ครั้นสองแล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระที่นั่งราชยาน พร้อมด้วยขบวรนำแลตามเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าในอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการแลทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธปฏิมากรเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางหลังพระอุโบสถ ประทับหอพงศานุสร แลหอปรมานุสร ทรงจุดธูปเทียนบูชาแลทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธรูป แล้วเสด็จพระราชดำเนิรทางพระระเบียงไปประทับณหอพระนาค ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแลทรงพระสุหร่าย สรงพระโกษฐ แล้วจึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าซึ่งเขียนพระนามกับสิ่งของอื่น ๆ ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่พระบรมวงศานุวงศ์ใหญ่น้อยซึ่งสิ้นพระชนม์ไปแล้วนั้น คือ พระเจ้าบรมไอยกาเธอ กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ๑ สมเด็จพระสังฆราช (สุข) ๑ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ขุน) ๑ กรมพระราชวังหลัง ๑ พระไปยิกาเธอ กรมหลวงนรินทรเทวี ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ

----------------------------

แผ่นที่ ๔๘ ออกวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๙ ค่ำ

กรมขุนรามินทรสุดา ๑ พระเจ้าบรมไอยกาเธอ กรมหลวงเทพพลภักดิ ๑ พระเจ้าบรมไอยกาเธอ กรมพระรามอิศเรศ ๑ พระเจ้าบรมไอยิกาเธอ พระองค์เจ้ามณี ๑ พระเจ้าบรมไอยกาเธอ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมไอยิกาเธอ เจ้าฟ้ากุณฑล ๑ รวม ๑๑ พระองค์ด้วยกัน ครั้นทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าแล้ว พระสงฆ์ ๑๑ รูป มีพระเนกขัมมุนีเปนประธานก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้า แลเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ (ในแผ่นดินที่ ๑) คือ พระองค์เจ้านุ่ม ๑ กรมหมื่นอินทรพิพิธ ๑ พระองค์เจ้าพลับ ๑ พระองค์เจ้าธิดา ๑ พระองค์เจ้าเกสร ๑ พระองค์เจ้ามณฑา ๑ พระองค์เจ้าดวงสุดา ๑ กรมหลวงพิเศษศรีสวัสดิ ๑ พระองค์เจ้าอุบล ๑ พระองค์เจ้าฉิมพลี ๑ กรมหมื่นศรีสุเทพ ๑ กรมหมื่นณรงคหริรักษ์ ๑ กรมหมื่นไกรสรวิชิต ๑ พระองค์เจ้าหญิงสุด ๑ รวม ๑๔ พระองค์ แล้วพระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าและเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ (ในแผ่นดินที่ ๒) คือ กรมขุนกัลยาสุนทร ๑ พระองค์เจ้ายี่สุ่น ๑ กรมหมื่นสุนทรธิบดี ๑ พระองค์เจ้าปุก ๑ กรมสมเด็จพระเดชาดิศร ๑ พระองค์เจ้าส้มจีน ๑ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร ๑ พระองค์เจ้าใย ๑ กรมพระพิทักษ์เทเวศ ๑ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ ๑ พระองค์เจ้ารสคนธ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าราชกุมาร ๑ กรมหลวงมหิศวรินทรามเรศ ๑ พระองค์เจ้าอินทนิล ๑ กรมหลวงสรรพศิลปรีชา ๑ พระองค์เจ้าสายสมร ๑ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท ๑ กรมหมื่นอลงกฎกิจปรีชา ๓ กรมหมื่นภูบาลบริรักษ์ ๑ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ๑ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ ๑ เจ้าฟ้าปิ๋ว ๑ รวม ๒๒ พระองค์ ครั้นทรงทอดผ้าแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าและเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ (ในแผ่นดินที่ ๒) คือ พระองค์เจ้าทับทิม ๑ พระองค์เจ้าบุบผา ๑ พระองค์เจ้าวงศ์ ๑ กรมหมื่นเสพยสุนทร ๑ พระองค์เจ้าหรุ่น ๑ พระองค์เจ้าพลับ ๑ พระองค์เจ้าสังวาลย์ ๑ พระองค์เจ้าเรณู ๑ พระองค์เจ้าอำไพ ๑ พระองค์เจ้าน้อย ๑ พระองค์เจ้าประภา ๑ กรมหมื่นสนิทนเรนทร ๑ กรมขุนสถิตยสถาพร ๑ พระองค์เจ้าดวงจันทร์ ๑ พระองค์เจ้านิ่มนวล ๑ พระองค์เจ้าเกยูร ๑ พระองค์เจ้ากัณฐา ๑ พระองค์เจ้ามารยาท ๑ พระองค์เจ้าขนิษฐน้อย ๑ รวม ๒๙ พระองค์ ครั้นทรงทอดผ้าแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์

----------------------------

แผ่นที่ ๔๙ ออกวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๑๐ ค่ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าแลของเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ (ในแผ่นดินที่ ๓) คือ กรมหมื่นอักษรสุดาเทพ ๑ พระองค์เจ้าวงเดือน ๑ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ๑ กรมหมื่นภูมินทรภักดี ๑ กรมขุนราชสีหวิกรม ๑ กรมหมื่นอดุลยลันษณสมบัติ ๑ กรมหมื่นอุดมรัตนราษี ๑ กรมหมื่นภูบดีราชหฤทัย ๑ รวม ๘ พระองค์ ครั้นทรงทอดผ้าแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าแลของเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแด่ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ (ในแผ่นดินที่ ๓) คือ พระองค์เจ้ามาลี ๑ กรมหมื่นเชษฐาธิเบนทร ๑ พระองค์เจ้างอนรถ ๑ พระองค์เจ้าพงา ๑ พระองค์เจ้าเลขา ๑ พระองค์เจ้าชาย ๑ พระองค์เจ้าเกศนี ๑ พระองค์เจ้าพวงแก้ว ๑ พระองค์เจ้าลำยอง ๑ พระองค์เจ้านรลักษณ ๓ พระองค์เจ้าเฉลิมวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ากฤษณา ๑ พระองค์เจ้าจินดา ๑ รวม ๑๓ พระองค์ ครั้นทรงทอดผ้าขาวแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าแลเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร ๑ พระเจ้าพี่ยาเธอ พระองค์เจ้าทักษิณาวัฎ ๑ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าศรีพัฒนา ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเศวตวรลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชายแดง ๑ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าเสมอสมัยหรรษา ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามณฑานพรัตน ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเจริญรุ่งราษี ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจรูญฤทธิเดช ๑ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าพุทธประดิษฐา ๑ รวม ๑๑ พระองค์ ครั้นทรงทอด

----------------------------

แผ่นที่ ๕๐ ออกวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๑๐ ค่ำ

ผ้าแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าแลเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าอิศรวงศ์วรราชกุมาร ๑ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าชาย ๑ ครั้นทรงทอดผ้าแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงทอดผ้าขาวเช็ดหน้าแลเครื่องไทยธรรม ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน กรมหมื่นนรินทรเทพ ๑ กรมหมื่นนเรนทรบริรักษ์ ๑ พระองค์เจ้ามงคลเลิศ ๑ ครั้นทรงทอดผ้าแล้ว พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ อนึ่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเอาผ้าขาวเพื่อหน้าแลเครื่องไทยธรรม ซึ่งทรงพระราชอุทิศพระราชทาน พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเฉลิมลักษณ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดำรงฤทธิ ๑ ไปสดัปกรณ์ที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ส่งผ้าขาวเช็ดหน้าแลเครื่องไทยธรรมไปสดัปกรณ์ เจ้าคุณพระสัมพันธวงศ์วังหลวง ๑ เจ้าคุณพระสัมพันธวงศ์ปราสาท ๑ เจ้าคุณสัมพันธวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย ๑ กรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย เจ้าคุณพระไอยกาผู้ใหญ่ ๑ เจ้าคุณพระไอยกาชีโพ ๑ เจ้าคุณพระไอยกาโต ๑ เจ้าคุณพระไอยกาบางช้าง ๑ ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ เจ้าคุณพระสัมพันธวงศ์วังหน้า ๑ เจ้าคุณสัมพันธวงศ์ สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ ๑ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี ๑ ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ครั้นพระสงฆ์สดัปกรณ์แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์สวดยถาสัพพี อทาสิเม ถวายอติเรกภวะตุสัพ ถวายพระพรลา แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรแต่หอพระนาค โดยทางพระระเบียงประทับเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระที่นั่งราชยานมาประทับสนามหญ้า ทรงทิ้งอัฐิโสฬศ พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘ เวลาเที่ยง เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ กับอัฐิกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ๑ รวม ๖ พระองค์ ไปพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมวงศานุวงศ์

แผ่นที่ ๕๑ ออกวันพุธ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค่ำ

แลข้าราชการฝ่ายในสดัปกรณ์เสร็จแล้ว เจ้าพนักงานก็เชิญกลับ เวลา ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงรถพระที่นั่งออกประดูพิมานไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัสกรลงถนนบำรุงเมือง แล้วเลี้ยวไปถึงวัดบวรนิเวศ เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว เจ้าพนักงานพิณพาทย์ก็ประโคมขึ้น แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธปฏิมากร (พระชินศรี) แล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถไปประทับพระเจดีย์ ทรงจุดเทียนนมัสการแลสรงด้วยพระสุหร่าย แลทรงนมัสการแลสรงพระพุทธรูปที่เก๋งเล็กด้วย ๑ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับวิหารพระศาสดา ทรงนมัสการแลสรงพระศาสดา แลพระพุทธไสยาสน์ดังที่ว่าแล้ว แลเสด็จออกทางหลังพระวิหารประทับที่ต้นโพธิ ทรงนมัสการแลทรงประน้ำหอมแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรจากที่นั้น ไปประทับตำหนัก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงถวายผ้าไตรตามธรรมเนียมเหมือนอย่างทุกปี ประทับตรัสอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรจากตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ไปประทับตำหนักพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากรครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรจากที่นั้น ทรงรถพระที่นั่งกลับยังพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท พระเทพผลูกราบบังคมทูลพระกรุณา เรื่องฟ้าผ่าจีนมีชื่อเมื่อเวลาไปต้อนกระบือกลับมาคอก ที่โรงนาตำบลคลองบางประทุนในคลองบางกอกใหญ่ เมื่อเวลาฝนตกมาก ณวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๓ ค่ำ ปีชวดยังเปนสัปตศก ฟ้าลงถูกจีนนั้นล้มลง ห่างโรงนาประมาณเส้นหนึ่ง ครั้นภรรยาออกไปดูก็พอถึงแก่ความตาย แต่ศพอำเภอมิได้ชันสูตร์ เพราะภรรยาแลญาติเผาศพไปเผาเสีย แต่ภรรยาแจ้งความว่าผมเปียไหม้ โลหิตออกทางหู ครั้นทูลแล้ว

แผ่นที่ ๕๒ ออกวันพุธ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค่ำ

ตรัสอยู่เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

ข้าพเจ้ามีความขอบพระทัย พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพเปนอันมาก ด้วยข้าพเจ้าป่วยอยู่ ท่านช่วยเปนธุระด้วยข่าวราชการในวันนี้ทั้งสิ้น

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๖ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดนางนอง ๑๐ รูป มีพระวิสุทธิโสภณเปนประธาน เข้ารับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาราชวรานุกูลเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๔ โมงเศษก็กลับออกจากที่เฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารพรหมโสภาเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ออกทางประตูศรีสุนทร ประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จลงเรือพระที่นั่งเก๋งทองทั้งแท่ง เสด็จพระราชดำเนิรลงไปตามลำแม่น้ำ ประทับฉนวนบ้านเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เสด็จขึ้นทรงพระราชยานเสด็จพระราชดำเนิรไปตามถนนฟากข้างโน้น ไปประทับเกยจวนสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนบ้าน ประทับตรัสอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง จึงพระราชทานน้ำหอมรดแก่สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์กับผ้าปูม ๑ ผืน แพรเพลาะ ๆ หนึ่ง ผ้าลาย ๒ ผืน แพรเพลาะ ๆ หนึ่ง ประทับประมาณครู่หนึ่ง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์จึงนำเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทอดพระเนตรบ้านซึ่งได้ทำขึ้นใหม่ ประทับทอดพระเนตรอยู่จนเวลายามเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับทางเดิม เสด็จขึ้นข้างใน ในเวลานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์คัดเดเว พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสวมเสื้อฟร็อกโก๊ตอิวนิงเดรสบ้าง ทหารแต่งเครื่องยศ อนึ่งก่อนเวลาเสด็จพระราชดำเนิร พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ซึ่งได้กำกับช่างทองได้จุดเทียน พระสงฆ์ ๓๐ รูปได้เจริญพระพุทธมนต์ ฉลองโรงทองเปนการปี

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๔ แรม ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก

----------------------------

แผ่นที่ ๕๓ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๑๒ ค่ำ

จุลศักราช ๒๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลฉันเข้าที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ตามธรรมเนียมซึ่งเคยมีในวันพระนั้น เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาราชวรานุกูลเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เฝ้าอยู่ประมาณ ๔๐ นาทีจึงได้กลับออกมา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยากระสาปนกิจโกศล เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ จึงได้กราบถวายบังคมลากลับออกมาทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ในที่นั้น จึงพระยาศรีสิงหเทพนำใบบอกพระยามหาอำมาตย์ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับหนึ่ง ความว่า พระยามหาอำมาตย์ได้กราบถวายบังคมลายกจากเมืองหนองคายไปตรวจกองทัพซึ่งได้แต่งให้ไปรักษาด่านทาง แลตำบลต่างๆ ทุก ๆ ตำบล แลได้จัดการตั้งค่ายวางกองทัพรักษาพระราชอาณาเขตรทุกท่านทุกกองเสร็จแล้ว กับได้พวกครัวชาวเมืองเชียงขวางซึ่งแตกหนีพวกฮ่อข้าศึก สามิภักดิ์เข้ามาสู่พระบรมสมภาร นับทั้งชายหญิง ๕๐๙๑ คน กับพระยามหาอำมาตย์ได้แต่งคนขึ้นไปสืบราชการณเมืองพวนยังหากลับมาไม่ ถ้ากลับมาได้ความประการใดจึงจะบอกเข้ามาต่อครั้งหลัง

อนึ่งเวลาวันนี้ พระยาสุรินทรฦๅไชยผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชร์บุรี เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กราบถวายบังคมลากลับไปเมืองเพ็ชร์บุรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ประมาณ ๒๐ นาที เวลาย่ำค่ำจึงเสด็จพระราชดำเนิรทรงรถพระที่นั่งออกทางประตูพิมานไชยศรี มาประทับวัดราชประดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธรูป แลทรง

----------------------------

แผ่นที่ ๕๔ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๑๒ ค่ำ

จุดเทียนเครื่องนมัสการพระบรมอัฐิ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธรูปทุก ๆ พระองค์เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับตรัสกับพระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดมอยู่ประมาณ ๔๐ นาที แล้วจึงทรงสรงน้ำแลถวายผ้าไตร แก่พระสาสนโสภณในการสรงน้ำสงกรานต์ โดยท่านเปนพระกรรมวาจาจารย์ เสร็จแล้ว พระสงฆ์ถวายอติเรกแลภวตุสัพเสร็จแล้ว เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิร กลับมาประทับสนามหญ้า ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้น

อนึ่งในเวลาค่ำวันนี้มีการสวดมนต์ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ตามธรรมเนียมซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน

โดย คัคณางคยุคล

ณวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการใหญ่น้อย เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงค์ซึ่งกลับมาจากราชการทัพเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาศรีสิงหเทพจึงนำหลวงเดชนายเวรมหาดเล็ก กับจมื่นประธานมณเฑียรปลัดกรมพระตำรวจสนมซ้าย ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เปนข้าหลวงออกไปชำระความผู้ร้ายณเมืองอุทัยธานีกราบถวายบังคมลา กำหนดข้าหลวงจะได้ออกจากกรุงเทพมหานคร ณวันพุธ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘

เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยกระบวรนำแลตามเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับสวนสราญรมย์ แล้วทรงพระราชดำเนิรไปประทับโรงทหารดับเพลิง ทอดพระเนตรฝึกซ้อมทหารให้ชานาญในการดับเพลิง แลเพลงอาวุธต่าง ๆ อยู่จนเวลาจวนทุ่ม จึงทรงพระราชดำเนิรไปประทับโรงสำหรับเป่าแตรในสวนสราญรมย์ เสวยเครื่องว่างพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรมา เสวยแล้วจึงทรงพระราชหัดถเลขาพระราชทานให้แก่เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี สำเนาความในพระราชหัดถเลขานั้นมีความว่า

ณวันจันทร์ เดือน ๕ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘ ถึงเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ม.ม. ปรีวีเคานซิลลอ ออฟฟิเซอรแลทหารไปรเวตทั้งปวง ด้วยในเวลาวันนี้เราได้มาที่บาเร็กแลได้ดูทหารฝึกหัดในการ ดับเพลิงแลเพลงอาวุธ เห็นว่าควรจะต้องยกย่องชมเชยได้ แต่จะต้องชมสิ่งซึ่งเปนสำคัญก่อน

แผ่นที่ ๕๕ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๑๓ ค่ำ

คือ การซึ่งฝึกหัดในการที่จะไปดับเพลิงให้ว่องไวใช้ได้โดยเร็วนั้นเปนการสำคัญมาก เปนการมีคุณแก่ราษฎรจริงๆ แลการที่ฝึกหัดนั้นใช่จะเปนการทำเล่นเปล่า ได้รับการดับเพลิงมาหลายครั้งแล้ว ได้จริงสมกับการที่ฝึกหัดนั้น ที่ ๒ นั้น การที่รู้เพลงอาวุธทำได้คล่องแคล่วนั้น ก็เปนการสำคัญที่จะรักษาที่ต้องต่อสู้ ไม่เปนแต่ถืออาวุธเปล่า ๆ ได้ฝึกหัดเรียบร้อยดีจริง ๆ ด้วย ที่จัดการได้ดังนี้เปนการดีอีกประการหนึ่ง ที่ ๓ โรงที่ทหารอยู่จัดเรียบร้อยหมดจด แลประดับอาวุธเครื่องดับเพลิงเรียบร้อย ก็เปนที่งดงาม คนไปมาเชยชมไม่เปนที่รังเกียจ แต่ทำใจทหารให้สอาดขึ้นด้วย เปนการดี ๓ ประการดังนี้ ซึ่งเปนการดังนี้ได้ เพราะเจ้าหมื่นสรรเพธภักดีรับคำสั่งมาจัดการเรียบจริง ไม่เปนแต่คราวหนึ่งมื้อหนึ่ง เปนความดีของเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ปรากฏว่าเปนที่วางใจในการที่จะจัดให้เรียบร้อยเสมออยู่ได้ ขอให้การนี้เปนต่อไป อย่าให้ลดถอยลงจากความที่ดีเลย (เซ็นพระนามเปนอักษรอังกฤษว่า) จุฬาลงกรณ์ เวลา ๒ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิรกลับทางถนนข้างสวนสราญรมย์ด้านบูรพา แล้วเลี้ยวสพานข้าง ถนนเจริญกรุงมาทางหน้าสวน กลับเข้าพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้าอยู่จนเวลาบ่ายเกือบยาม เสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ

งานพระเมรุพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพักตร์ กับพระองค์เจ้ากัลยาณี

ณวันอังคาร เดือน 8 แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าเจ้าพนักงานเชิญพระศพพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพระไพพักตร์ ออกจากวังพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติแห่มาลงท่าพระ แล้วเชิญพระโกษฐขึ้นตั้งบนเรือศรีชื่อทินกรส่องศรี แล้วเชิญพระศพพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณี ลงจากหอธรรมสังเวช แห่ออกประตู

---

แผ่นที่ ๕๖ ออกวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๑๓ ค่ำ

ศรีสุนทร แล้วออกประตูสุนทรทิศา (สกัดด้านเหนือ) มาลงท่าพระ แล้วเชิญพระโกษรขึ้นตั้งบนเรือศรีชัยมณีจักพรรดิ์๑๕ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรลงเรือศรีแดงพระอภิธรรม แล้วมีเรือกราบผูกม่านใส่มณฑปเพลิงนำพระศพ พร้อมด้วยเรือขบวรแห่มีพิณพาทย์กลองชนะแตรสังข์เครื่องสูง แห่ไปเข้าปากคลองบางลำพู

เวลาเช้าประมาณ ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ตามเสด็จบนรถพระที่นั่งพร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางสถลมารคประทับพลับพลาวัดสระเกศ ครั้นขบวรแห่มาถึงแล้ว เจ้าพนักงานจึงเชิญพระศพขึ้นจากเรือ ตั้งบนยานมาศสามคาน ขบวรแห่นั้นมีเสลี่ยงอิก ๓ เสลี่ยง คือ เสลี่ยงหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรแสดงพระอภิธรรม ๑ เสลี่ยงหม่อมเจ้าเปีย ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอดุลย์ลักษณสมบัติ โปรยเข้าตอก ๑ เสลี่ยงหม่อมเจ้าขาว ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดีชักผ้าโยง ๑ มีคู่เคียงคู่แห่เครื่องสูงกลองชนะแตรสังข เดิรขบวรเข้าทางประตูพระเมรุทำใหม่ด้านเหนือ แล้วก็แห่เวียนพระเมรุ ครั้นถ้วนสามรอบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรจากพลับพลาที่ประทับเข้าสู่พระเมรุ ทอดพระเนตรเจ้าพนักงานเชิญพระศพขึ้นเกริน เลื่อนขึ้นตามบันไดนาคแล้วขึ้นตั้งบนแว่นฟ้าสามชั้น ครั้นพระศพตั้งที่เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองน้อย ๒ เครื่อง แล้วทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร พระสงฆ์ราชาคณะพิธีธรรม ๒๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนประธาน ก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์ยถาสัพพีถวายอติเรกภะวะตุสัพแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอทรงทอดผ้าเหลืองอิก ๒๐๐ ผืน พระสงฆ์ ๒๐๐ รูปก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระเมรุประทับพลับพลา ทรงรถพระที่นั่งกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง เวลาประมาณเที่ยงเสด็จขึ้น

ในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์สีขาว พระภูษาลายพื้นขาว พระเจ้าบรมวงศ์เธอทรงผ้าทรงแลฉลองพระองค์สีดำ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอซึ่งมีพระ

----------------------------

แผ่นที่ ๕๗ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ

ชนม์พรรษาแก่กว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพักตร์ แลพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณี ทรงผ้าทรงแลฉลองพระองค์สีดำ ที่มีพระชนม์พรรษาอ่อนกว่า ทรงผ้าทรงแลฉลองพระองค์สีขาว พระเจ้าน้องยาเธอ ทรงผ้าทรงลายพื้นขาว ฉลองพระองค์สีขาว

แจ้งความ

ในการพระศพนี้ ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๑๒ ค่ำ บีชวด อัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ ข้าพเจ้าจึงจะได้อธิบายการเล่นฉลองพระศพ ซึ่งของหลวงพระราชทานต่อไป

ณวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราช ผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลของธุลีพระบาท พระนรินทรราชเสนีจึงอ่านบอกพระยาอภัยบริรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองพัทลุงทูลเกล้า ฯ ถวาย ๖ ฉบับ ๆ ๑ มีความว่า ได้ส่งต้นไม้ทองเงินเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย ฉบับ ๒ ได้ส่งเงินค่าส่วยทอง ฉบับ ๓ ได้ส่งเงินค่าส่วยดินประสิว ฉบับ ๔ ได้ส่งเงินรายอากรสุราบ่อนเบี้ย ฉบับ ๕ ได้ส่งค่าส่วยไม้มีแก่นแลไม่มีแก่น ซึ่งมีในแขวงเมืองพัทลุง ฉบับ ๖ ขออนุญาตที่แผ่นดินเปนที่วิสุงคามสิมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่จนเวลาทุ่มหนึ่งเสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

ณวันพุธ เดือน ๕ แรม ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาประมาณบ่าย ๒ โมงเศษ พระยาราชวรานุกูล ๑ พระยาเจริญราชไมตรี ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์ มโหฬารห้องด้านตวันตก แล้วเวลาประมาณ ๓ โมงเศษกลับออกมาจากที่เฝ้า แล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๕๘ ออกวันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ

เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าเฝ้าถวายตัวอย่างเรือกลไฟพระที่นั่ง ยาว ๙ วาศอกคืบสองนิ้วเศษ เดิน ๑๘ หน็อด ซึ่งได้เข้ามาถึงกรุงเทพ ฯ ในเร็ว ๆ นี้ ครั้นทอดพระเนตร์แล้ว เสด็จขึ้น เวลาประมาณบ่าย ๓ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศไวยวัฒน เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลาประมาณ ๔ โมงเศษจึงกลับออก

ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษาลายพื้นขาวฉลองพระองค์ขาว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภาทรงประทับสนามหญ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานซองบุหรี่ทองแก่พระยาสุรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชร์บุรี ๑ ซอง แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นรถพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ ตามเสด็จพระราชดำเนิรบนรถพระที่นั่ง พร้อมด้วยขบวรทหารม้า หน้าหลังแลม้าตำรวจนำไปประทับที่หลังพลับพลาหน้าเมรุวัดสระเกศ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในเมรุ ทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร ทรงพระราชอุทิศพระราชทานแก่พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพักตร์ ๑๐ ไตร พระองค์เจ้ากัลยาณี ๑๐ ไตร แล้วพระสงฆ์จึงได้ชักสดัปกรณ์ แล้วถวายยถาสัพพีอติเรกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรออกมาประทับที่พลับพลา ทรงโปรยทานเสร็จแล้ว ครั้นเวลาค่ำพอหนังได้เบิกหน้าพระแล้ว จึงทรงฝักแคจุดดอกไม้เพลิงแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง เสด็จกลับคืนเข้าในพระบรมมหาราชวัง เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาประมาณบ่าย ๒ โมงเศษ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ประมาณครู่ใหญ่ก็กราบถวายบังคมลาออกมา

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ แรม ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภาทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางสถลมารค ประทับพลับพลาวัดสระเกศ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรเข้าสู่พระเมรุ ทรงทอดผ้าไตร ๒๐ ไตร พระสงฆราชาคณะ หม่อมเจ้าพระ พระพิธีธรรม ๒๐ รูปมีพระเจ้า

----------------------------

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ