เดือน ๙ จ.ศ. ๑๒๓๘ (๒)

แจ้งความ

ท่านผู้แต่งแลเรียบเรียงปฏิทิน ขอแจ้งความแก่ท่านผู้อ่านให้ทราบทั่วกันว่า

หนังสือข่าวราชการนี้ ซึ่งได้ออกช้านักนั้น เพราะต้องจัดหน้าแลขยายบรรทัดให้ใหญ่กว่าหนังสือข่าวราชการที่ทำไปก่อนนั้น เปรียบเหมือนพึ่งจะเริ่มจัดการปรับปรุงขึ้นใหม่ฉนั้น ทั้งผู้ที่เก็บข่าวนั้นมาเรียงเปนเล่มก็ลำบากนักจึงต้องช้าไปกว่ากำหนดที่ได้แจ้งความไว้ในหนังสือเล่มที่ ๑

แลปฏิทินเดือน ๑๑ จึงต้องเลื่อนมาตีพิมพ์เสียในเดือนนี้ก็เพราะหวังจะให้ใช้ได้เต็มทั้งเดือนนั้น

อนึ่งเลขซึ่งหมายไว้นอกตรางปฏิทินนั้น บอกวันอุโบสถตามวิธีปักขคณนา คือเปนวัน ๆ ไปตามเลขนั้นดังนี้

๑ วันธรรมสวนะธรรมปักขคณนา

๒ วันอุโบสถตามปักขคณนา คือ มสพ, ๔ จพ, ๒ จส, ๑ มว, ๑ สป, ๔

๓ วันธรรมสวนะตามปักขคณนา

๔ วันอุโบสถตามปักขคณนา คือ มสพ, ๔ จพ, ๒ จส, ๑ มว, ๑ อป ๑

----------------------------

(ต่อนี้ฉบับลบเสียตอนหนึ่ง ๕ หน้ากระดาษไม่ทราบว่าเรื่องอะไร)

เดือน ๑๑ ข้างขึ้น

ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ตรงกันกับพระพุทธสาสนกาลล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษา กับเศษ ๔ เดือน แลคฤศตศักราช ๑๘๗๖ เดือนเซบเตมเบอ ไปจนวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๓ ค่ำ จึงเปลี่ยนเปนออกโตเบอ

วัน ค่ำ วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ เศษวันในพุทธกาล วันที่อย่างยุโรป  
๒๘๗๐ ๑๕ ๑๙ เช้าสารทเย็นเฉลิมชนม
๒๘๗๑ ๑๖ ๒๐ สรงเฝ้าที่อนันตสมาคม
๒๘๗๒ ๑๗ ๒๑ มีเทศนา ๑ กัณฑ์สลุตปืน
๒๘๗๓ ๑๘ ๒๒ พิธีคเชนทรัศวสนาน
๒๘๗๔ ๑๙ ๒๓ เลี้ยงพระเเลแห่คเชนทรัศวสนาน
๒๘๗๕ ๒๐ ๒๔  
๒๘๗๖ ๒๑ ๒๕  
๒๘๗๗ ๒๒ ๒๖  
๒๘๗๘ ๒๓ ๒๗  
๑๐ ๒๘๗๙ ๒๔ ๒๘  
๑๑ ๒๘๘๐ ๒๕ ๒๙  
๑๒ ๒๘๘๑ ๒๖ ๓๐  
๑๓ ๒๘๘๒ ๒๗  
๑๔ ๒๘๘๓ ๒๘ วันสดัปกรณ์พระอัฐิ
๑๕ ๒๘๘๔ ๒๙ สดัปกรณ์เช่นวันก่อน

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่ง

เดือน ๑๑ ข้างแรม

ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ตรงกันกับพระพุทธสาสนกาลล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษา กับเศษ ๕ เดือน แลคฤศตศักราช ๑๘๗๖ เดือนออกโตเบอ

วัน ค่ำ วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล วันที่อย่างยุโรป  
๒๘๕๕ - ลอยพระประทีปที่สาม จนวันนี้เปนวันที่สุด
๒๘๕๖  
๒๘๕๗  
๒๘๕๘  
๒๘๕๙  
๒๘๖๐  
๒๘๖๑ ๑๐  
๒๘๖๒ ๑๑  
๒๘๖๓ ๑๒  
๑๐ ๒๘๖๔ ๑๓  
๑๑ ๒๘๖๕ ๑๐ ๑๔  
๑๒ ๒๘๖๖ ๑๑ ๑๕  
๑๓ ๒๘๖๗ ๑๒ ๑๖  
๑๔ ๒๘๖๘ ๑๓ ๑๗  

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงเรียบเรียง

ข่าวราชการ

ณวันอาทิตย์ เดือน ๙ แรมค่ำ ๑ เวลาเช้า ๓ โมง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ทรงปฏิบัติพระสงฆ์ที่พลับพลาข้างเหมมณเฑียรเทวราช ครั้นเวลา ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงพระราชดำเนิรไปประทับที่เหมมณเฑียรเทวราช ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการเทวรูป ในขณะนั้นจีนก็ตีม้าล่อแลจุดประทัดตามธรรมเนียมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับพลับพลาครู่หนึ่ง ก็เสด็จพระราชดำเนิรกลับมายังพระที่นั่งวโรภาสพิมาน

ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระยาศรีสิงหเทพซึ่งกลับมาจากเมืองเหนือ ขึ้นเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท อ่านบอกพระยาราชวรานุกูล ด้วยเรื่องครัวซึ่งลงมาพักอยู่ที่บ้านสมัคแขวงเมืองพรหมบุรี กับที่บ้านชีน้ำร้ายแขวงเมืองอินทรบุรี แลบอกพระยาสุรินทรราชเสนี เรื่องครัวลงมาพักเมืองพิไชย กับเรื่องพระยาศรีสิงหเทพเชิญท้องตราพระราชสีห์ขึ้นไป ครั้นอ่านบอกแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสด้วยราชการ แล้วพระยาศรีสิงหเทพก็กราบถวายบังคมลากลับออกมาจากเฝ้า

เวลาวันนี้เปนวันตั้งการกงเต๊กมีองค์กล่ำเปนประธาน กับพระญวนอิก ๔ องค์รวม ๕ องค์ จัดตั้งเครื่องโต๊ะที่บูชา มีโต๊ะจีนเครื่องลายคราม ๓ โต๊ะ ๆ จีนเครื่องทองเหลือง ๖ โต๊ะ มีเขาเงินเขาทองคู่ ๑ คลังเงินคลังทองคู่ ๑ มีพระยามัจจุราชตัว ๑ มีตุ๊กตาอิกตัว ๑ ยืนอยู่บนโต๊ะด้วยกัน มีคนขี่นกยางอิกคู่ ๑ แลตุ๊กตาเหล่านี้ทำด้วยกระดาษทั้งนั้น มีฉากแขวนติดฝาเปนรูปเทวดาอิก ๑๓ ผืน มีกลองระฆังแขวนสิ่งละใบ ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทรงพระราชดำเนิรไปประทับที่พลับพลาข้างเหมมณเฑียรเทวราชทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วหลวงโลกทีปก็เบิกแว่นเวียนเทียนครบ ๓ รอบ ในขณะนั้นพระญวนก็ทำการกงเต๊กตามธรรมเนียม ครั้นเวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำเนิรกลับยังพระที่นั่ง เวลา ๔ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับที่เสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอจนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสวยแล้ว ทรงประทับทอดพระเนตรงิ้วอยู่จนเวลา ๘ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันจันทร์ เดือน ๙ แรม ๒ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรลงจากพระที่นั่งวโรภาสพิมาน เสด็จพระราชดำเนิรประทับหอเหมมณเฑียรเทวราช ทรงจุดเทียนเงินเทียนทองธูปเครื่องสักการต่าง ๆ แล้วเสร็จ มีพระบรมราชโองการให้พระยานรนาถภักดี กับจีนตาดจุดเทียนธูปเทียนสังเวยเส้น จุดประทัดตามอย่างตามธรรมเนียมจีน ครั้นแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานธูปเทียนให้พระบรมวงศานุวงศ์ไปจุดบูชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรไปที่โรงทรงปืน ทอดพระเนตรกระจาดแลลครชาตรีอยู่ประมาณครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรกลับขึ้นบนโรงกงเต๊ก ทอดพระเนตรหุ่นจีนอยู่จนเวลาเที่ยงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับ เสด็จขึ้นบนพระที่นั่งวโรภาสพิมาน แลเสด็จลงชั้นล่างพระที่นั่งมุขด้านตวันออก ประทับทอดพระเนตรงิ้วพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลทอดพระเนตรงิ้วอยู่ที่นั้นจนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระที่นั่งเสด็จขึ้นข้างใน เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรลงจากพระที่นั่ง เสด็จขึ้นบนเกยประทับบนพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่โรงกงเต๊ก เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในศาลเจ้าเหมมณเฑียรเทวราช ทรงจุดเทียนทองเทียนเงินธูป แล้วเสด็จออกจากศาลเจ้า เสด็จขึ้นบนโรงกงเต๊ก มีพระบรมราชโองการให้เจ้าพนักงานเบิกแว่นเวียนเทียน เจ้าพนักงานได้เบิกแว่นเวียนเทียน ราษฎรเวียนเทียนได้ ๓ รอบแล้ว พอพระญวนสวดจบในพิธีกงเต๊กแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการ ให้พระยานรนาถภักดี ซึ่งเปนผู้จัดการกงเต๊กทั้งสิ้นนี้สั่งให้ทิ้งกระจาดของต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงโปรยฉลากพระราชทานแก่ราษฎรซึ่งเปนหญิงนั้น แล้วพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์องค์ละ ๔ ผล แลทรงโปรยพระราชทานราษฎรซึ่งเปนชายอิก คิดเปนฉลากดี ๗๐๐ คือแพรสีทอง ๖ แพรสีทับทิม ๗ แพรสีเขียว ๙ ผ้าม่วงจีน ๖ กำมะหลิด ๑๐๐ ผ้าพื้น ๒๐ ผ้าลาย ๖๐ ผ้าเช็ดหน้าใหญ่ ๖๐ ผ้าเช็ดหน้าพัดด้ามจิ้ว ๑๐๐ สำรับฝาชีแดง ๑๐ ขันทองเหลือง ๕๐ กลองยี่ปุ่นลายทอง ๑๕ กล่องยี่ปุ่นประดับหญ้า ๑๕ ซองบุหรี่ ๔๘ โถหู ๙๐ กะโถนถ้วยลายครามปากเลี่ยมทอง ๑๕๐ ร่มยี่ปุ่น ๒๕ ฉลากอย่างเลว ๑๑๐ คือผ้าเขียว ๘๐ ร่มกระดาษ ๒๐ เสื่อกระจูด ๑๐ ของกระจาดผลไม้ต่าง ๆ ๕๐๐ กระจาดขนม ๑๕๐ ครั้นทรงโปรยฉลากแล้ว เจ้าพนักงานเอาพระยามัจจุราช แลตุ๊กตา แลเครื่องกระดาษเปนเก๋งเปนป้อมต่าง ๆ ออกไปตั้งหน้าโรงกงเต๊ก พระยานรนาถภักดีจึงจุดไฟเผาเครื่องกระดาษเหล่านั้น จึงมีพระบรมราชโองการให้พวกราษฎรเข้าแย่งหัวพระยามัจจุราช นายเทียนเปนราษฎรชาวเกาะบางปอินนี้ได้นางกัวอิมเหนีย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานเงิน ๓ ตำลึงแก่นายเทียนเปนรางวัลตามธรรมเนียมจีน แล้วพระราชทานเงินตรา ๒ ชั่ง ๔๐ บาทแก่องค์กล่ำ ซึ่งเปนประธานในพระญวนนั้น พระญวนทั้งปวงก็สวดถวายพระพร ครั้นจบพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวอยู่ประทับตรัสประภาษอยู่จนเวลาทุ่ม ๑ จึงเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับเกยหน้าพระที่นั่งวโรภาสพิมาน เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระที่นั่งเสด็จขึ้นข้างใน เวลาทุ่มเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกท้องพระโรงประทับสักครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรลงจากพระที่นั่งประทับมุขตวันออกชั้นล่างพระที่นั่ง ทอดพระเนตรงิ้ว เวลา ๔ ทุ่มประทับโต๊ะเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลประทับทอดพระเนตรงิ้วอยู่จนเวลา ๗ ทุ่มเสด็จขึ้นข้างใน

สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันอังคาร เดือน ๙ แรม ๓ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งวโรภาสพิมาน ทรงพระราชยานมาประทับศาลเจ้าใหม่คือเหมมณเฑียรเทวราช ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรลงสู่เรือพระที่นั่งปิกนิกพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นมาจากกรุงเทพมหานครนั้น เวลาเที่ยงเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรือภิรมย์เร็วจรใช้จักรจูงเรือพระที่นั่งออกจากเกาะบางปอินแล่นขึ้นไปทางเหนือน้ำ เลี้ยวศีร์ษะเกาะล่องลงมาโดยทางชลมารคถึงวัดปากอ่าวเวลาบ่าย ๓ โมงเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หยุดเรือพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรการต่างๆ ในพระอารามเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรกลับลงสู่เรือพระที่นั่งใช้จักรล่องมาตามลำน้ำถึงกรุงเทพมหานครเวลาย่ำค่ำ แล้วเรือพระที่นั่งประทับท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ประทับตรัสกับข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ซึ่งมาเฝ้ารับเสด็จอยู่ณพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยประมาณ ๑๐ นาที แล้วเสด็จพระราชดำเนิรคืนเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง

กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง

----------------------------

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพุธ เดือน ๙ แรม ๔ ค่ำ เวลา ๓ โมงเช้าพระสงฆ์วัดมหรรณพาราม มีพระธรรมฐิติญาณซึ่งเปนประธาน ๑ ถานานุกรม ๓ พระเปรียญ ๑ พระอันดับ ๕ รูป รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป ได้รับพระราชทานฉันเวรตามธรรมเนียมในพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมง เจ้าพระยาภูธราภัย ๑ พระยาจ่าแสนย์บดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาอภัยรณฤทธิ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๒ โมงเศษพระปรีชากลการ ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมงเศษก็กราบถวายบังคมลากลับออกมาพร้อมกับเจ้าพระยาภูธราภัย ครั้นเวลาย่ำค่ำ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท ก็เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระนรินทรราชเสนีจึงนำใบบอก ๒ ฉบับขึ้นอ่านทูลเกล้า ฯ ถวาย ฉบับหนึ่งมีใจความว่าพระยาประสิทธิสงครามผู้สำเร็จราชการเมืองกาญจนบุรีบอกส่งเงินแทนส่วยน้ำรักเปนเงินตรา ๒ ชั่ง ๑๔ ตำลึง ฉบับ ๑ มีใจความว่า พระวิชิตณรงค์ผู้สำเร็จราชการเมืองปราณบุรี บอกส่งเงินค่าทองแดงซีก ทองแดงอัฐิ ทองแดงโสฬศ ซึ่งรับพระราชทานไปแต่กรุงเทพมหานครเปนเงิน ๑๑ ชั่ง ๑๔ ตำลึงบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยกิจราชการต่างๆ พอเวลาทุ่ม ๑ เสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการกลับออกมาจากที่เฝ้า

พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๕ ค่ำ เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อม พระยาศรีสิงหเทพนำบอกพระยาสวรรคโลกกับกรมการขึ้นอ่านทูลเกล้า ฯ ถวาย บอกส่งตัวบุตรภรรยาอ้ายผู้ร้าย เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๖ ค่ำ เวลาเช้าฉันเวรวันนี้ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณออกมาจุดเทียนทรงประเคนพระสงฆ์ ๑๐ รูป คือหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ ๑ ถานานุกรม ๒ พระพิธีธรรม ๑ อันดับ ๕ รวมพระสงฆ์วัดระฆัง ๑๐ รูป ได้ฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ตามอย่างธรรมเนียมเหมือนอย่างทุกวัน

เวลาย่ำค่ำเศษ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตกตามธรรมเนียม พระยาศรีสิงหเทพกราบบังคมทูลพระกรุณาเรื่องบอกพระยาวิชิตชลธี ผู้สำเร็จราชการเมืองตากบอกลงมาว่า ทรัพย์สิ่งของ ๆ อ้ายผู้ร้ายซึ่งริบราชบาทว์ไว้ที่บ้านขุนวังนั้น บัดนี้ไฟไหม้บ้านขุนวังเสียทรัพย์แลสิ่งของ ๆ อ้ายผู้ร้ายซึ่งริบราชบาทว์สิ้น จะโปรดเกล้า ฯ ประการใดสุดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรด

จึงโปรดเกล้า ฯ ดำรัสว่า ตัวขุนวังเองก็ต้องเสียทรัพย์สิ่งของเหย้าเรือนเหมือนกันให้ยกของนั้นเปนสูญ ไม่ต้องเร่งรัดเอาขุนวังเลย

เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น แล้วเสด็จออกทรงธรรมณที่นั้นอิก พระมหาแฟงวัดพระนามบัญญัติ เปนผู้ถวายพระธรรมเทศนาตามธรรมเนียม เวลายามเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันเสาร์ เดือน ๙ แรม ๗ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์วัดชนะสงครามได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระอุดมญาณ ๑ ถานานุกรม ๓ อันดับ ๖ รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป เวลาบ่าย ๓ โมงเศษพระยามหามนตรี ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารเฝ้าอยู่ประมาณครู่ ๑ กราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพระยาภูธราภัย ๑ พระยาจ่าแสนย์บดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ พระยาราชเสนา ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษกราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาย่ำค่ำทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาพิพัฒน์โกษานำใบบอกพระสมุทสาครานุรักษ์ผู้ว่าราชการเมืองสมุทสาครขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับ ๑ ในใบบอกนั้นมีความว่าได้ผูกปี้จีนได้ ๔๘๐ คน ได้ให้หลวงเมืองคุมเงินผูกปี้จีนมาส่งยังกรุงเทพมหานคร เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันอาทิตย์ เดือน ๙ แรม ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ปฏิบัติพระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์วัดบวรนิเวศ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดา ๑ พระครูสังฆปาโมกข์ ๑ ถานานุกรม ๓ พระพิธีธรรม ๒ พระอันดับ ๑๓ รวม ๒๐ รูป รับพระราชทานฉันแล้วกลับไปอาราม เวลาย่ำค่ำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่เสด็จออก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ตรัสด้วยราชการต่างๆ เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการกราบถวายบังคมลากลับออกมาแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณไปจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ ๒๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดาเปนประธาน สวดมนต์แล้วกลับไป ครั้นเวลา ๒ ทุ่ม เจ้าพนักงานมหาดเล็กตั้งเครื่องนมัสการณพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร สังฆการีย์นิมนต์พระสงฆ์ ๕ รูปเข้าไปนั่งยังอาสน์สงฆ์ พระมหาแฟงวัดพระนามบัญญัติถวายเทศนามหาปธานสูตรจบแล้ว พระมงคลเทพถวายอติเรกถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันจันทร์ เดือน ๙ แรม ๙ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมง พระสงฆ์วัดหงส์รัตนารามฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระประสิทธิศีลคุณ ๑ ถานานุกรม ๒ พระพิธีธรรม ๑ พระอันดับ ๖ รวม ๑๐ รูป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ปฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๓ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ พระศรีสุนทรโวหาร ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ก็กราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาย่ำค่ำแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระนรินทรราชเสนีอ่านบอก ปลัด ยกรบัตร กรมการเมืองนครเขื่อนขันธ์ บอกอาการป่วยพระยาดำรงราชพลขันธ์ แล้วเจ้าหมื่นสรรเพธภักดีนำดอกไม้ธูปเทียนทูลเกล้า ฯ ถวายตัวนายอ่อนบุตรจ่าช่วงไฟประทีปวัง ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรัสด้วยราชการตามธรรมเนียม ครั้นเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ก็กราบถวายบังคมลากลับออกมา ในเวลาวันนี้พระมหาแฟงวัดพระนามบัญญัติถวายพระธรรมเทศนา

พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันอังคาร เดือน ๙ แรม ๑๐ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดระฆังโฆสิตาราม ๗๘ รูป มีพระศรีสมโพธิเปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมง พระสงฆ์วัดมหาธาตุ ๑๐ รูป มีพระญาณสมโพธิเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลาบ่ายโมงหนึ่ง กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กับพวกเสมียนเข้าไปทำการในออฟฟิศหลวง เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระยาราชวรานุกูลเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมงกลับออกมา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร กับพระองค์เจ้าไชยานุชิต เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระองค์เจ้าไชยานุชิตกลับออกมา เวลาบ่าย ๓ โมงนาน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์เข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมงกลับออกมาหมด เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระยาจ่าแสนย์บดี พระยาศรีสิงหเทพ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท อ่านต้นร่างสารตราถึงพระยาเจริญราชไมตรี ว่าด้วยกงสุลฝรั่งเศสได้บอกกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ว่า มีหนังสือไปถึงอัดมิราลไซ่ง่อนเรื่องนักองค์วัดถา อัดมิราลได้ตอบมาว่าได้มีหนังสือไปถึงเรสิเดนต์ที่เมืองพนมเปน ให้ไปปฤกษาราชการด้วยพระยาเจริญราชไมตรีที่เมืองเสียมราฐ เวลาบ่าย ๕ โมงก็กลับออกมาจากที่เฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นข้างใน

เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระนรินทรราชเสนีจึงยืนขึ้นคำนับอ่านบอก ๒ ฉบับ ๆ หนึ่งเปนบอกเจ้าพระยาวิเชียรคีรี ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ว่าด้วยหลวงศรีมหาราชาข้าหลวง หลวงอาสาศัลการ ที่กับตันทหาร บุตรหมู่ ทหารรามัญ ขุนชาญฤทธิไกรที่เลบเตอแนน ซึ่งคุมเงินสลึง ๑๐ ชั่งไปพระราชทานพระยาตรังกานูนั้นกลับมาถึงเมืองสงขลา กับพระนราธิราชภักดี ซึ่งไปสืบราชการเมืองเปรักที่เมืองราห์มัญ เมืองยะรมนั้นได้กลับมาถึงเมืองสงขลาโดยเรือพิทยัมรณยุทธ อิกฉบับหนึ่งเปนบอกพระนราธิราชภักดี ว่าด้วยข่าวความซึ่งได้ไปสืบราชการเมืองเปรักได้แต่เมื่องราห์มัญ แลส่งต้นหนังสือคำให้การของแขกดาหกเรื่องเปรักมาด้วยฉบับ ๑ หลวงศรีมหาราชา หลวงอาสาศัลการ ขุนชำนาญฤทธิไกร จึงยืนขึ้นถวายคำนับ พระนรินทรราชเสนีทูลฉลอง ซึ่งหลวงศรีมหาราชาแลทหารทั้งสองนายกลับมาจากราชการนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการ แลตรัสซักถามหลวงศรีมหาราชาอยู่จนเวลาเกือบทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ตามเสด็จในรถพระที่นั่งด้วย เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่หน้าวังกรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนท้องพระโรง ประทับตรัสด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ประมาณครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรเข้าไปในตำหนักหลังข้างใน ทอดพระเนตรที่ต่าง ๆ แลประทับอยู่ที่วังนั้นจนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้นข้างใน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ทหารราชวัลลภขาว

อนึ่งในเวลาวันนี้ ที่วังกรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล เปนวันสวดมนต์ ซึ่งจะได้รับตำแหน่งยศที่กรมขุนนั้น เจ้าพนักงานได้เชิญพระไชยลงยาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปประดิษฐานไว้บนแท่นมณฑล ตั้งเครื่องบูชาพร้อมเสร็จ มุมเตียงมณฑลมีพระแสงง้าวหอกดาบทวนโล่ห์ทั้ง ๔ มุม แลหน้าเตียงมณฑลมีเครื่องนมัสการ ๑ เครื่อง เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๑๐ รูปสวดพระพุทธมนต์ มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน เวลาทุ่มเศษพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ แลมีพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยมาช่วยในเวลาวันนี้เปนอันมาก ล้วนสวมเสื้อหางแซงแซว ติดตราเครื่องราชอิศริยยศต่าง ๆ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ทรงแจกของต่าง ๆ แก่พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย มีตลับเงิน ส้มโอมือ แลซองบุหรี่เปนต้น เวลา ๒ ทุ่มเศษต่างคนต่างก็ทูลลากลับ เปนเสร็จการในวันนี้

สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงแต่ง

----------------------------

ตั้งกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล

ณวันพุธ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรโดยสถลมารค ทรงพระราชยานพร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง ตามเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับวังพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ครั้นเสด็จถึงแล้วพอได้พระฤกษ์ จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปยังพระแท่นมณฑลที่สรง ทรงรดน้ำพระพุทธมนต์ ขณะนั้นพระสงฆ์ ๑๐ รูปถวายไชยมงคล แลเจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ขึ้นพร้อมกัน แล้วพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ซึ่งมีพระเกียรติยศใหญ่ยิ่ง แลมีพระชนมพรรษามากกว่าท่านนั้น ทรงรดน้ำประทานโดยลำดับ ทั้งท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ก็ได้พร้อมกันถวายน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อเปนสวัสดิพิพัฒนมงคลแก่ท่าน ครั้นสรงเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่ทรงศีล ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้วเสด็จมาประทับยังพระที่นั่งโทรน ท่ามกลางพระบรมวงศานุวงศ์แลท่านเสนาบดีเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมในที่นั้น จึงพระศรีสุนทรโวหารเจ้ากรมพระยาลักษณ น้อมเกล้าถวายแล้วอ่านคำประกาศดังนี้

ศุภมัสดุ พระพุทธสาสนกาลเปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษาปัตยุบันกาล มุสิกสังวัจฉรสาวันมาสกาฬปักษ์ เอกาทสมีดฤถี พุธวารปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ วรวุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราะหณีจักรีบรมนาถ มหามกุฎราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิต อรรคอุกฤษฐไพบูลย์ บุรพาดูลยกฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนต บาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขุมาล ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณ อดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ วิสิษฐศักดิสมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยาภิรมย์ อุดมเดชาธิการ บริบูรณคุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพวิเศษสิรินธร มหาชนนิกรสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดม บรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชา ภิเษกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรราชาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิอัคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีดลหฤทัย อโนปไมยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร์ ปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์ว่า พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ได้รับราชทินนามตำแหน่งพระองค์เจ้าต่างกรม ฉลองพระเดชพระคุณมาแต่รัชกาลสมเด็จพระบรมชนกนาถ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงรัชกาลปัตยุบันนี้ ทรงเจริญพระชนมายุเปนผู้ใหญ่มีวัยวุฒิปรีชา แลทรงพระอุสาหะในราชกิจต่าง ๆ ได้รับราชการกรากกรำมาช้านาน แลมีอัธยาศรัยโอบอ้อมในพระบรมวงศานุวงศ์ เปนที่สนิทชิดชอบอัธยาศรัยแต่เดิมมา ควรจะเลื่อนพระนามเปนพระองค์เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ได้ จึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ดำรัสสั่งให้สถาปนาเลื่อนตำแหน่งยศพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล เปนพระองค์เจ้าต่างกรม ตำแหน่งกรมขุน มีพระนามจารึกไว้ในพระสุพรรณบัตรว่า กรมขุน ภูวนัยนฤเบนทราธิบาล มุสิกนาม เปนตัวศรีของสิงหนามเดิม ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง จงทรงพระเจริญพระชนมายุ พรรณสุขะพละปฏิภาณคุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลอดุลยเกียรติยศเดชานุภาพทุกประการ

ให้ทรงเลื่อนเจ้ากรม เปนขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ถือศักดินา ๖๐๐ ปลัดกรมคงเปนหมื่นราชการภักดี ถือศักดินา ๕๐๐ สมุห์บาญชีคงเปนหมื่นปรานีไพร่พล ถือศักดินา ๓๐๐

ให้ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งยศทั้ง ๓ ทำราชการในหลวงแลในกรม ตามอย่างธรรมเนียม เจ้ากรม ปลัดกรม สมุห์บาญชี ในพระองค์เจ้าต่างกรมทั้งปวงสืบไป ให้มีสุขสวัสดิเจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๓๖ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

ครั้นอ่านคำประกาศเสร็จแล้วจึงมีพระบรมราชโองการ ให้หาพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาลเข้าไปยังพระที่นั่งโทรน ทรงหลั่งน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ แลทรงเจิมพระราชทาน แล้วเจ้าพนักงานกรมพระอาลักษณเชิญพระสุพรรณบัตรมาทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงรับพระราชทานแก่พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ซึ่งได้เลื่อนตำแหน่งในที่ต่างกรมผู้ใหญ่ แลเปนกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล แล้วพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศสำหรับพระองค์เจ้าต่างกรมผู้ใหญ่ คือพระธำมรงค์นพเก้าวงหนึ่ง สำหรับจะได้ทรงเมื่อเวลารดน้ำ พระแสงดาบยี่ปุ่นฝักทองคำลายจำหลักปิดทององค์หนึ่ง ซองบุหรี่ทองคำซองหนึ่ง ขณะนั้นพระสงฆ์ ๑๐ รูปถวายไชยมงคล แล้วเจ้าพนักงานประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ขึ้นพร้อมกัน ครั้นพระราชทานสิ่งของเสร็จแล้ว พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล จึงทูลเกล้า ฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนทอง แลครอบใส่ต้นไม้ทองครอบ ๑ ใส่ต้นไม้เงินครอบ ๑ ตลับส้มโอมือเงินก้าไหล่ทองคำตลับ ๑ ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์ จนเวลา ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับพระบรมมหาราชวัง

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทโดยลำดับ จึงพระยาศรีสิงหเทพนำใบบอกพระยาเจริญราชไมตรี ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับหนึ่งว่า ด้วยพระยาเจริญราชไมตรี กราบถวายบังคมลาออกไปราชการณเมืองเสียมราฐ เจ้าเมืองกรมการเมืองรายทางได้รับรอง แลส่งพระยาเจริญราชไมตรีไปตามระยะทางจนถึงเมืองนครเสียมราฐ พระยาพิพัฒโกษานำใบบอกพระยานนทบุรีกรมการขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ว่าด้วยข้าหลวงออกไปถึงเมืองนนทบุรี พระยานนทบุรีได้จัดกรมการพร้อมด้วยข้าหลวงออกผูกปี้จีน จำนวนปีชวดอัฐศกได้เงิน ๑๐ ชั่ง กึ่งตำลึง ถ้าข้าหลวงกรมการผูกปี้จีนได้เท่าใดจึงจะบอกเข้ามาให้ทราบครั้งหลัง แล้วพระนรินทรราชเสนีนำใบบอกพระยานครศรีธรรมราช บอกนำเครื่องราชบรรณาการ เมืองปลิต เมืองสตูน แลมีสำเนาหนังสือพระยาปลิต พระยาสตูนว่าด้วยส่งต้นไม้ทองเงินเครื่องราชบรรณาการ จำนวนปีชวดอัฐศก กับใบบอกเจ้าพระยาไทรบุรี ว่าด้วยส่งต้นไม้ทองเงินแลเครื่องราชบรรณาการเมืองไทรบุรี จำนวนปีชวดอัฐศกรวม ๔ ฉบับ ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทรงทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยข้าราชการต่าง ๆ จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๑๒ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ทรงจุดเทียนแลทรงประเคนพระฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์นั้นคือพระปัญญาพิศาลเถร ๑ ถานานุกรม ๓ พระอันดับ ๖ รวมพระสงฆ์วัดรังษีสุธาวาส ๑๐ รูป

เวลา ๕ โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตกตามธรรมเนียม เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

เลี้ยงโต๊ะที่วังกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล

เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องราชอิศริยยศจุลจอมเกล้า ฉลองพระองค์อิวนิงเดรศตามธรรมเนียม เสด็จออกทรงรถพระที่นั่ง พร้อมด้วยกรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ ตามเสด็จพระราชดำเนิรในรถพระที่นั่ง พร้อมด้วยขบวรทหารม้าหน้า ม้าตำรวจ ม้าทหารมหาดเล็กแห่นำแลตามไปในถนนบำรุงเมือง แล้วเลี้ยวลงถนนเฟื่องนครข้างขวา ไปประทับที่วังกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ครั้นเวลา ๒ ทุ่ม ๒๐ นาที เสด็จประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ใหญ่ผู้น้อยตามอย่างธรรมเนียมดินเนอรปาตี พระบรมวงศานุวงศ์นั้นประทับเรียงกันไปรอบโต๊ะ แต่โต๊ะเบื้องขวาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวดังนี้

๑ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ

๒ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ

๓ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช

๔ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ

๕ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์

๖ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน

----------------------------

๗ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ฤทธิ

๘ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ

----------------------------

๙ หม่อมเจ้าบงกช

๑๐ หม่อมเจ้าสำเนียง

๑๑ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ

๑๒ กรมหลวงวรศักดาพิศาล

๑๓ กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล

๑๔ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ

๑๕ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์

๑๖ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ

๑๗ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

๑๘ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร

๑๙ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์

----------------------------

๒๐ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ

๒๑ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล

----------------------------

๒๒ พระองค์เจ้าฉายเฉิด

๒๓ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช

๒๔ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย

๒๕ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่

๒๖ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์

รวมเปน ๒๖ จนจบในเบื้องซ้าย ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้นเสวยถึงเครื่องหวาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานพรแก่กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล อ้างถึงความชอบความดีซึ่งได้มีมาแล้วแต่หลัง มีเนื้อความตามซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เขียนลงภายหลังเมื่อเลี้ยงโต๊ะแล้ว ๒ ฉบับ พระราชทานแก่กรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ฉบับ ๑ เปนต้นฉบับซึ่งจะได้จดหมายเหตุไว้ฉบับ ๑ นั้นดังนี้

เจ้านายได้มาประชุมพร้อมกันในเวลาวันนี้ เพราะเปนวันเลี้ยงในการมงคล ซึ่งเลื่อนกรมท่านกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล แลบัดนี้ ฉันจะได้กล่าวถึงท่านพวกเจ้านายพระราชวงศานุวงศ์เหล่านี้ ได้เปนที่นับถือของตัวฉันมา เพราะฉันได้เกิดจากมารดาซึ่งเปนเชื้อสายในพระราชวงศ์ คือพ่อฉันเปนพี่ของท่านเจ้านายราชวงศ์เหล่านี้ แต่ตัวฉันเองก็ดีกับท่านเล็กท่านกลาง แลฟ้าน้องหญิงได้เกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งไม่ได้เห็นตาของตัวแท้ ๆ แต่ถึงกระนั้นยังได้เห็นพระราชวงศ์ทั้งฝ่ายในฝ่ายหน้า ซึ่งนับเนื่องในชั้นเดียวกันกับตาฉันยังเหลืออยู่มาก ได้หมายใจว่าท่านเหล่านี้ เหมือนหนึ่งเปนตาตัวของฉันซึ่งฉันไม่ได้แลเห็น ถึงท่านพวกราชวงศ์เหล่านี้เล่า เมื่อเวลาแต่เดิมมาครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านก็ได้มีความกรุณาในตัวฉันมากกว่าเจ้านายทั้งปวง ยกเสียแต่บางพระองค์ เหมือนหนึ่งกรมหมื่นอุดมเปนต้น เพราะฉนั้นจึงต้องมีความนับถือในท่านพวกนี้มาก แต่คำที่ฉันว่ามานี้ ดูเหมือนจะนับถือยกย่องแต่พี่น้องข้างฝ่ายมารดา แต่ความจริงนั้น ท่านพระราชวงศ์เหล่านี้จะนับข้างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็สนิทเหมือนกัน แต่ยังจะต้องค้านว่าพวกลูกพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสนิทกว่า การข้อนี้ก็เปนจริง แต่ว่าท่านราชวงศ์เหล่านี้ได้รักใคร่คุ้นเคยกันมามากกว่าท่านพวกโน้น ก็แลมาถึงกาลบัดนี้ ท่านพระราชวงศ์ซึ่งได้เห็นกันมาแต่ก่อนหมดไปสิ้นไป ข้างฝ่ายหน้ายังมีอยู่เหลือน้อยพระองค์ ก็แลทั้งที่น้อยนี้เล่า จะต้องนับท่านกรมอมเรนทรด้วย แต่ฉันไม่คุ้นเคยรู้จักมักจี่กับท่านเลย ได้ไปพบท่านสองครั้ง เมื่อลาโกนจุกครั้งหนึ่ง ลาบวชเณรครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่พบปะอะไรกับท่านอิกต่อไป ไม่เหมือนท่านทั้งสามพระองค์นี้ ได้คุ้นเคยเล่นหัวด้วยกันมา ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ ก็แต่บัดนี้จะว่าด้วยในพระองค์ท่านกรมขุนภูวนัยนี้ ท่านเปนผู้มีพระอัธยาศรัยเรียบร้อยไม่มีความถือพระองค์เลย บรรดาเจ้านายที่นั่งอยู่เหล่านี้ ก็ได้เล่นหัวล้อเลียนกับท่านมาตั้งแต่เล็กจนถึงบัดนี้ไม่ใช่หรือ เจ้านายทั้งปวงก็ย่อมรู้อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น ถึงจะผิดชอบเหลือเกินอย่างไร ท่านก็ไม่มีพระทัยโกรธขึ้งกับใครแต่สักคนหนึ่งเลย นี่เปนน้ำพระทัยดีของท่าน แลอิกอย่างหนึ่งความอุสาหะความเพียรของท่านก็มีมาก ได้รับราชการกรากกรำมาแต่ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือกรมขุนราชสีหได้เกณฑ์ให้เปนนายงานรองไปทำการในพระพุทธนิเวศน์ ก็อุสาหะพากเพียรไปทำการอยู่ทุกวัน ถ้าขึ้นไปบนพระพุทธมณเฑียรวันไรก็คงเห็นท่านกรมภูวนัยนั่งหง่อนหง่ออยู่วันนั้น เสมอทุกวันมิได้ขาด เปนช้านานหลายปีนาน ๆ ครั้งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จลงไปทอดพระเนตรงาน กรมขุนราชสีหท่านก็เข้าไปรับเสด็จเพ็ททูลเสียเอง กรมภูวนัยก็เปล่าไป แต่มิได้มีความโทมนัส อุสาหะพากเพียรเสมออยู่อย่างนั้น อิกครั้งหนึ่งจะฉลองวัดประทุมวัน เร่งการที่วัดนั้นยังไม่แล้ว ท่านกรมภูวนัยไปจอดเรือค้างอยู่ที่นั้นเกือบเดือนหนึ่ง ดูทำการอยู่จนถึงวันฉลองแล้ว งานก็ยังไม่เสร็จ ในเวลากำลังงานนั้น ฉันก็ได้ไปมาหาสู่ท่านอยู่เสมอ นั่นและจึงได้เกิดกระจังเขียวกระจังขาวขึ้นในเวลานั้น อิกคราวหนึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงระลึกถึงที่เดิม ซึ่งเปนที่บ้านของชนกในกรมสมเด็จพระศรีสุรเยนทรติดอยู่ที่วัดกัลยาณมิตร จึงโปรดให้ไปทำหอไตรในที่นั้นช้านานมา ภายหลังการก็ไม่เสร็จลง ครั้นจะฉลองวัดหงส์จะโปรดให้ฉลองหอไตรนั้นด้วยพร้อมกันจึงได้เร่งงาน ท่านกรมขุนภูวนัยก็ได้ไปทำการอยู่ที่นั้นช้านานเร่งรัดกัน จนถึงวันเชิญพระอัฐิกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษแลท่านก๋งไปทำบุญในที่นั้น ก็ยังต้องทำการอยู่จนเสร็จแล้วก็พอแล้วงาน ฉันเปนผู้ไปทำบุญในที่นั้น ก็ได้นั่งอยู่กับกรมภูวนัย การก็แล้วเสร็จทันวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไป กรมขุนราชสีหท่านก็เข้ารับสั่งรับเสียเอาเต็มที่ กรมภูวนัยยังได้ปรับทุกข์กับฉันว่า ได้เหน็ดเหนื่อยมาก ก็แลการที่ท่านได้มีความอุสาหทำการมาแต่ต้นดังเช่นว่ามาแล้วนั้น ก็ไม่สูญเสียเปล่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดยกย่องยศศักดิเปนต่างกรมแลพระราชทานรางวัล ก็ควรเห็นว่าเปนพยานความดีของท่าน ที่ได้มีความอุสาหมาแต่เดิมนั้น ครั้นถึงแผ่นดินปัจจุบันนี้เล่า ท่านก็ได้รับราชการต่าง ๆ โดยความอุสาหเสมอมา คือได้ทำพระพุทธปรางปราสาทในวัดพระศรีรัตนศาสดารามเปนต้น แต่การอื่น ๆ อิกเปนหลายอย่าง ก็แลเจ้านายในพระราชวงศ์นี้ มักมีพระชนมายุน้อย แลยังไม่ได้มียศศักดิใหญ่ ๆ มีแต่กรมขุนราชสีหได้เปนกรมขุนขึ้น ก็ไม่ยืนยาวไปได้ แลครั้งนี้ท่านกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาลได้เลื่อนยศบรรดาศักดิใหม่ ขอท่านทั้งปวงจงมีใจพร้อมกันยินดี ซึ่งท่านมีพระทัยดี แลมีความอุสาหความเพียรอันกล้า จงช่วยกันถวายพระพร ให้ท่านมีพระชนมายุยืนยาวในอิศริยยศประกอบไปด้วยอำนาจ แลความฉลาดคล่องแคล่วยิ่งขึ้นไปกว่าแต่ก่อน ให้ประกอบด้วยความสุข แลทรัพย์สมบัติทั้งปวงทุกประการเทอญ

ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพรแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์จึงเสด็จยืนขึ้นพร้อม ดื่มแชมเปนช์คำนับกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ตามธรรมเนียมยุโรปแล้วประทับลงตามเดิม แล้วกรมขุนภูวนัยนฤเบนทราธิบาลจึงเสด็จยืนขึ้นถวายคำนับ แล้วอ่านคำตอบเรื่องซึ่งทรงประทานพรแลถวายพระพรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความในหนังสือนั้นดังนี้ว่า ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาศ น้อมเกล้าถวายคำนับบังคมทูลพระกรุณา ให้ทรงทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท ด้วยครั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ทรงเลื่อนตำแหน่งยศข้าพระพุทธเจ้าเปนกรมขุน โดยแบบอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในกาลก่อน ที่มีพระชนม์พรรษามากนั้น พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ อนึ่งทรงพระมหากรุณาแก่ข้าพระพุทธเจ้า ทรงยกย่องนับถือเปนอิกแพนกหนึ่งต่างหากจากซึ่งเปนพระวงศ์โดยสามัญที่มีมามากหลายทั่วกันไปนั้น ข้อนี้เปนพระเดชพระคุณอันใหญ่ยิ่งหาที่เปรียบมิได้ ในกาลทุกวันนี้ ข้าพระพุทธเจ้ามีจิตร์สวามิภักดิรักใคร่ต่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท โดยอย่างข้าราชการทั้งหลาย ซึ่งเปนข้าแผ่นดินมีอยู่ด้วยกันเปนอันมากนั้นอย่างหนึ่ง แลมีน้ำจิตรกตัญญูกตเวทีรักใคร่ ต่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ดังเช่นฉลองพระบาทที่ได้ทรงมาแต่เดิมก็อิกอย่างหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าจะตั้งใจทำราชการฉลองพระเดชพระคุณโดยกำลังสติปัญญาไปกว่าจะสิ้นชนมายุ ให้สมซึ่งที่ได้ทรงพระมหากรุณาแก่ข้าพระพุทธเจ้าโดยอย่างวิเศษนั้น ขอสิ่งซึ่งเปนใหญ่เปนประธานในสกลโลก ฤๅอำนาจความสุจริตแห่งข้าพระพุทธเจ้านี้ จงอภิบาลรักษาแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระเจริญในสิริราชสมบัติรัตนราไชยมไหศวริยาธิปัติ มีพระชนมสิริสวัสดิสมบูรณ เปนที่พึ่งแห่งราชตระกูลอยู่สิ้นกาลนาน เทอญ

ครั้นจบแล้วพระบรมวงศานุวงศ์จึงเสด็จยืนขึ้นถวายคำนับ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเหมือนอย่างเช่นได้ว่ามาครั้งก่อน แตรฝรั่งซึ่งเป่าเพลงสรรเสริญพระบารมีตามธรรมเนียม

เสวยอยู่จนเวลา ๔ ทุ่ม ๔๐ นาที เสด็จขึ้นจากโต๊ะประทับตรัสณห้องใน จนเวลา ๒ ยามเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับคืนพระบรมมหาราชวัง

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่งแทน

พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค

----------------------------

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันศุกร์ เดือน ๙ แรม ๑๓ ค่ำ เวลาเช้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ไปปฏิบัติพระสงฆ์ที่พระพุทธนิเวศน์ เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าพร้อมกัน พระยาพิพัฒโกษานำบอกเมืองสมุทปราการขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายว่า กำปั่นรบอังกฤษจักรท้ายเรือเขลตริก เข้าถึงเมืองสมุทปราการ ณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรม ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ มีปืนใหญ่ ๔ กระบอก เลบเตอรแนนชื่อเฮมเปนนายเรือ เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่พระพุทธนิเวศน์ ทรงบำเพ็ญพระกุศลถวายในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แลกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ในวันสวรรคต พระสงฆ์วัดพระเชตุพน ๑๐ รูป วัดรัษฎาธิฐาน ๓ รูป วัดกาญจนสิงหาสน์ ๒ รูป รวม ๑๕ รูป มีพระมงคลเทพเปนประธาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระมงคลเทพถวายศีล แล้วพระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร แลสังคิณีมาติกาจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าไตร ๑๐ ไตร ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระมงคลเทพกับพระสงฆ์ ๙ รูปสดัปกรณ์ แล้วทรงทอดผ้าไตรอิก ๕ ไตร ทรงพระราชอุทิศถวายแด่กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระวินัยกิจการีเถรกับพระสงฆ์ ๔ รูปสดัปกรณ์เสร็จแล้ว พระราชมุนีถวายเทศน์สักกปัญหสูตรจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าขาวพับ ๑ กับผ้าจีวรผืน ๑ พระราชมุนีสดัปกรณ์แล้วถวายพระพรลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแจกเงินพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันเสาร์ เดือน ๙ แรม ๑๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณทรงจุดเทียนแลทรงประเคนพระสงฆ์ฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ คือพระวินัยรักขิต ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับ ๑๗ รวมพระสงฆ์วัดบุญศิริมาตยาราม ๒๐ รูป

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณที่นั้น พระยาศรีสิงหเทพจึงอ่านบอกพระยาวิชิตชลธี ผู้สำเร็จราชการเมืองตาก (๑) ฉบับหนึ่งส่งบาญชีซึ่งได้จ่ายเงินจ่ายเข้าให้พระรัตนโกษา ซึ่งเปนข้าหลวงอยู่ณเมืองตาก (๒) ฉบับหนึ่งว่าด้วยคอมมิชชันเนอที่เมืองมรแมนมีหนังสือมาถึงเมืองตากว่าขอให้ส่งตัวตองซู่ไปชำระความ (๓) ฉบับหนึ่งว่าเรื่องตองซู่ไม่ยอมให้เก็บค่าตอไม้ใหญ่ ให้เก็บแต่ไม้เล็ก ๆ ครั้นถึงท่านด่านจะค้นก็พูดจาบิดพลิ้วต่างๆ รวมเปน ๓ ฉบับ

ครั้นแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรทรงรถพระที่นั่ง กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ ตามเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่โรงข้างหน้าพระที่นั่งสุทไธศวรรย์ ทอดพระเนตรพระเศวตวรสรรพางค์ พระเศวตวิสุทธิเทพา แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับในพระบรมมหาราชวัง เมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนิรกลับนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ตามเสด็จพระราชดำเนิรในรถพระที่นั่งด้วย

เวลาค่ำโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าไชยันตมงคลไปจุดเทียนที่นมัสการณพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ ๒๐ รูปซึ่งได้ฉันเมื่อเวลาเช้านี้ มาเจริญพระพุทธมนต์ในที่นั้น ตามธรรมเนียมวันพระ เวลาประมาณทุ่มเศษ เสด็จออกทรงธรรมที่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตก พระมหาแฟงวัดพระนามบัญญัติถวายพระธรรมเทศนา พระมงคลเทพวัดพระเชตุพนนำ เวลาประมาณ ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่ง

----------------------------

 

  1. ๑. เรื่องกระจังเขียวนี้เล่ากันมาว่า กรมขุนภูวนัยประทับทอดพระเนตรงานประจำอยู่ทุก ๆ วันจนเมื่อวันหนึ่งมีผู้หญิงห่มแพรสีเขียวเดินไป ท่านหันไปทอดพระเนตรผู้หญิงคนนั้นเพลินอยู่ พเอิญนายช่างเข้าไปทูลถามว่า “กะจังนั้นจะโปรดให้ทาสีอะไร” กรมขุนภูวนัยกำลังผูกพระอารมณ์อยู่ที่ผู้หญิงห่มแพรเขียวนั้น ตรัสสั่งพลั้งไปว่า “ให้ทาสีเขียว” ทีหลังดูเหมือนจะถูกกรมขุนราชสีหกริ้ว เพราะกระจังนั้นที่จริงควรจะทาสีแดง

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ