เดือน ๙ จ.ศ. ๑๒๓๘ (๑)

หนังสือข่าวราชการอย่างออกเดือนละ ๒ ครั้ง

แจ้งความ

การที่เปลี่ยนหนังสือข่าวราชการซึ่งเคยตีพิมพ์ทุก ๆ วัน มาตีพิมพ์เปนเดือนละ ๒ ครั้งนั้น เพราะเจ้าพนักงานผู้แต่งได้ปฤกษาตกลงในวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เห็นพร้อมกันว่า การซึ่งตีพิมพ์ทุก ๆ วันนั้น จะเรียงความให้เรียบร้อยอ่านได้ง่ายโดยสดวกนั้นยากนัก อนึ่ง จะรวบรวมเก็บเข้าไว้ก็ลำบากมักตกหล่นหายไปเสีย ประการหนึ่งผู้ซึ่งเปนพนักงานแต่งก็มักท้อแท้ ไม่ใคร่จะคิดแต่งให้เรียบร้อยดีเหมือนแต่ก่อน ๆ หนังสือก็ร่วงโรยไปไม่ใคร่จะเปนลำดับกันบ้างขาดเสียทั้งวันบ้างเปนไปต่าง ๆ เพราะฉนั้นจึงได้คิดจัดการนี้ขึ้นใหม่ ให้หนังสือนี้ตีพิมพ์เปนเดือนละ ๒ ครั้ง แลได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานตีพิมพ์ทูลเกล้า ฯ ถวายไว้ในโรงพิมพ์หลวง ๑๐๐ ฉบับ จะได้แจกแต่ผู้เปนพนักงานแต่งคนละฉบับ นอกจากนี้จะไม่ให้ซื้อขายได้เหมือนแต่ก่อน อนึ่งบางทีจะมีผู้คิดว่าจะมีผลประโยชน์อย่างไร จึงตีพิมพ์แล้วเก็บเสีย ไม่แจกให้คนทั้งหลายทั้งปวงอ่านทราบความเล่า การข้อนี้นั้นได้คิดเห็นพร้อมกันว่า หนังสือข่าวราชการซึ่งได้ตีพิมพ์ออกทุก ๆ วันนั้น ผู้ซึ่งได้รับไปก็ไม่ใคร่จะได้อ่านเปนแต่เก็บไว้เท่านั้นเอง ไม่เปนประโยชน์ในปัตยุบันนี้มากนักเลย อนึ่งผู้ซึ่งเปนพนักงานแต่งหนังสือนี้ มีมากที่คิดเห็นว่า การซึ่งเปนผู้แต่งนั้นลำบากยากเหนื่อยกว่าผู้ซึ่งต้องเสียเงินซื้อนั้นมากนัก จึงพากันคิดท้อใจละเลยการซึ่งเปนพนักงานของตัวนั้นเสีย การแต่งก็ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน คือคิดจะออกเปนผู้ซื้อเปนต้นดังนี้ เพราะเหตุซึ่งจะไม่มีผู้แต่งนี้ จึงได้คิดเลิกไม่แจกหนังสือนี้ให้ผู้อื่น ๆ นอกจากผู้แต่งเลย เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดอยากจะได้หนังสือนี้แล้ว ก็ต้องเข้ารับเปนผู้แต่งด้วยเวรหนึ่ง จึงจะได้รับหนังสือฉบับหนึ่ง อย่างเช่นได้ว่ามาแล้วแต่ข้างต้นนั้น แลผู้แต่งนั้นไม่มีกำหนดมากน้อยเท่าใด คงผลัดเปลี่ยนเวียนกันไปจนครบตัวทั่วกันแล้ว จึงกลับเปนต้นไปใหม่ หนังสือซึ่งเหลือแจกจากผู้แต่งนั้นจะเก็บไว้ เหมือนจดหมายเหตุซึ่งเจ้าพนักงานหอศาสตราคมได้เคยจัดมาแต่ก่อน ๆ แลเห็นว่าหนังสือนี้คงจะเลอียดดีกว่าหนังสือซึ่งมหาดเล็กเวรหอศาสตราคมจดหมายไว้นั้น จึงคิดเก็บไว้เพื่อเปนประโยชน์ไปในภายหน้า มากกว่าประโยชน์ในทุกวันนี้ ขอจงได้เข้าใจในความประสงค์ของพนักงานผู้แต่งหนังสือข่าวราชการทูลเกล้าฯ ถวายนั้นทุกประการ

อนึ่งผู้ซึ่งรับแต่งหนังสือข่าวราชการในทุกวันนี้นับได้ ๘ พระองค์ คือจะแต่งเรียงเปนลำดับต่อกันไปดังนี้

ที่ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์

ที่ ๒ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร

ที่ ๓ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค

ที่ ๔ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่

ที่ ๕ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์

ที่ ๖ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ

ที่ ๗ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

ที่ ๘ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร

รวมซึ่งได้ทราบในทุกวันนี้ ๘ พระองค์ เมื่อมีเพิ่มเติมมาอิกอย่างไร จึงจะแจ้งความให้ทราบต่อไป อนึ่งลำดับซึ่งแต่งนั้นเรียงตามเวรซึ่งแต่งแต่เดิมบ้าง แทรกในที่เดิมบ้าง เพิ่มต่อใหม่บ้าง จึงมิใคร่จะเปนลำดับตามยศกันได้

อนึ่งปฏิทินเดือน ๑๐ ยกมาลงในเดือนนี้นั้น เพราะหวังจะให้ใช้ในเดือน ๑๐ นั้นได้เต็มเดือนแล้ว ในเล่มที่ ๓ จึงลงปฏิทินเดือน ๑๑ ต่อไป

ผู้จัดการพิมพ์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์

----------------------------

เดือน ๑๐ ข้างขึ้น

ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ตรงกันกับพระพุทธสาสนกาลล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษา กับเศษ ๓ เดือน แลเดือนออคัซต์กับเดือนเซบเตมเบอต่อกัน คฤศตศักราชอย่างยุโรป ๑๘๗๖

วัน ค่ำ วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล วันที่อย่างยุโรป  
๒๘๔๐ ๑๔ ๒๐  
๒๘๔๑ ๑๕ ๒๑  
๒๘๔๒ ๑๖ ๒๒  
๒๘๔๓ ๑๗ ๒๓  
๒๘๔๔ ๑๘ ๒๔ เปนวันสดัปกรณ์พระอัฐิ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทร ตรงวันสิ้นพระชนม์
๒๘๔๕ ๑๙ ๒๕  
๒๘๔๖ ๒๐ ๒๖  
๒๘๔๗ ๒๑ ๒๗ วันธรรมสวนะตามปักขคณนา
๒๘๔๘ ๒๒ ๒๘  
๑๐ ๒๘๔๙ ๒๓ ๒๙  
๑๑ ๒๘๕๐ ๒๔ ๓๐  
๑๒ ๒๘๕๑ ๒๕ ๓๑  
๑๓ ๒๘๕๒ ๒๖ วันนี้เปนเดือนเซบเตมเบออย่างยุโรป
๑๔ ๒๘๕๓ ๒๗  
๑๕ ๒๘๕๔ ๒๘ เปนวันอุโบสถแลจันทรุปราคา

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงเรียบเรียง

เดือน ๑๐ ข้างแรม

ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ตรงกันกับพระพุทธสาสนกาลล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษา กับเศษ ๔ เดือน แลเดือนเซบเตมเบอ คฤศตศักราชอย่างยุโรป ๑๘๗๖

วัน ค่ำ วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล วันที่อย่างยุโรป  
๒๘๕๕  
๒๘๕๖  
๒๘๕๗ สวดมนต์ฉลองพระพุทธชนมพรรษาตามจันทรโคจร เวลา ๑๐ ทุ่มกับ ๒๓ นาที ฉันเวลาเช้า บ่ายมีเทศน์ กัณฑ์ ๑
๒๘๕๘  
๒๘๕๙  
๒๘๖๐  
๒๘๖๑ ๑๐  
๒๘๖๒ ๑๑ วันธรรมสวนะตามปักขคณนา
๒๘๖๓ ๑๒  
๑๐ ๒๘๖๔ ๑๓  
๑๑ ๒๘๖๕ ๑๐ ๑๔  
๑๒ ๒๘๖๖ ๑๑ ๑๕ เย็นสวดมนต์พิธีถือน้ำ
๑๓ ๒๘๖๗ ๑๒ ๑๖ เช้าถือน้ำเย็นพิธีสารท
๑๔ ๒๘๖๘ ๑๓ ๑๗ พิธีสารททั้งเช้าทั้งเย็น
๑๕ ๒๘๖๙ ๑๔ ๑๘ พิธีสารททั้งเช้าทั้งเย็น

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงเรียบเรียง

ข่าวราชการ

ณวันเสาร์ เดือน ๙ ขึ้นค่ำ ๑ เวลา ๒ โมงเศษ เจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายก กับพระยาจ่าแสนยบดีเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร จนเวลาบ่าย ๓ โมงเศษเสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ที่สมุหพระกลาโหมเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลา ๕ โมงจึงได้กลับออกแต่ที่เฝ้า พระยาอนุชิตชาญไขยจึงได้เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทครู่หนึ่ง พอเวลา ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น

เวลาย่ำค่ำเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าณที่นั้น พระยาจ่าแสนยบดีกราบบังคมทูลพระกรุณา เบิกหลวงจินดารักษ์กราบถวายบังคมลาขึ้นไปราชการเมืองเชียงใหม่ เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

ครั้นเวลาประมาณ ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกทรงธรรมณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตก พระปลัดธรรมทินวัดราชบพิธเปนผู้ถวายพระธรรมเทศนา จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์

ได้รับแต่งแทนสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ซึ่งทรงประชวรอยู่

----------------------------

ณวันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๒ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ประทับสนามหญ้าพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ในที่นั้น จึงพระนรินทรราชเสนีนำใบบอกพระยาประทุมธานีขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับหนึ่ง ใจความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีตราพระคชสีห์ออกไปถึง พระยาประทุมธานีกรมการได้ทราบเกล้า ฯ แล้วทุกประการ พระยาประทุมธานีได้จัดกรมการพร้อมด้วยข้าหลวง ออกผูกปี้จีนจำนวนปีชวดอัฐศก ได้เงิน ๓๐ ชั่ง ๓ ตำลึง พระยาประทุมธานีได้มอบให้กรมการนำเข้ามาส่งในกรุงเทพมหานครครั้งหนึ่งก่อน ถ้าต่อไปข้าหลวงกรมการผูกปี้จีนได้มากน้อยเท่าใด จึงจะบอกเข้ามาให้ทราบครั้งหลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยข้อราชการต่าง ๆ อยู่จนเวลาย่ำค่ำ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่งเสด็จไปประทับวังสราญรมย์ ทรงตรัสกับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ จนเวลายามเศษก็เสด็จกลับคืนเข้าพระบรมมหาราชวัง

กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม ครั้นเวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภามาประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทนั่งเปนลำดับตามผู้ใหญ่ผู้น้อย พระยาจ่าแสนยบดีจึงนำใบบอกเจ้าพระยาภูธราภัยขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย มีความว่าด้วยหัวเมืองฝ่ายเหนือส่งเงินแทนส่วยทองคำแลไม้ขอนสัก รวมหมดด้วยกันเปนเงินตรา ๑๔๓ ชั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยกิจราชการอยู่ในที่นั้น จนเวลาทุ่ม ๑ กับ ๔๐ นาทีเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันอังคาร เดือน ๙ ขึ้น ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดระฆังโฆสิตารามเข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณมาทรงประเคนสำรับพระสงฆ์ฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ มีหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์เปนประธาน เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าพร้อมกัน พระยาจ่าแสนยบดีอ่านบอกพระยามหาอำมาตย์ ๓ ฉบับ พระนรินทรราชเสนีอ่านบอก ๕ ฉบับ เวลาทุ่มเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ขุนนางกลับออกมาแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ไปจุดเทียนที่โรงหล่อใหม่ริมหอกลอง เวลาทุ่มเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปที่โรงหล่อ ตั้งพิธีหล่อพระประธานสำหรับวัดพระนามบัญญัติ ที่นั้นตั้งพระพุทธปฏิมากร พระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้องค์ ๑ พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ คือ พระสาธุศีลสังวร ๑ ถานานุกรม ๔ รวม ๕ รูป

พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงแต่ง

----------------------------

ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๕ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ทรงประเคนพระสงฆ์ฉันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงรถพระที่นั่งแต่ประตูพรหมโสภา ทรงรถพระที่นั่ง มีกระบวรทหารม้าหน้าสพายหอกประมาณ ๒๔ ม้า มีทหารม้าหน้าถือดาบประมาณ ๑๒ ม้า มีม้าตำรวจถือหอก ๑๐ ม้า แล้วจึงได้ถึงรถพระที่นั่ง ข้างขวามีรถพระที่นั่ง มีม้าพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ข้างซ้ายมีม้าหลวงศัลยุทธวิธีการ สองม้านี้คือเอดเดอกง (คือทหารรักษาพระองค์) แล้วจึงมีม้าทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ต่อไปข้างหลังอิก ๑๐ ม้า แล้วจึงมีรถพระที่นั่งรอง แลรถข้าทูลลอองธุลีพระบาทซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรอิกหลายรถ ครั้นรถพระที่นั่ง ประทับโรงหล่อซึ่งตั้งอยู่ริมหอกลองข้างถนนหน้าวัง กรมหลวงวรศักดาพิศาล เสด็จทรงพระราชดำเนิรไปประทับที่ทรงนมัสการในโรงหล่อ แล้วจึงตรัสสั่งให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการซึ่งว่าการช่าง ๑๐ หมู่ ให้ช่างหล่อยกเบ้าเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย จึงผสมทองคำเทลงในเบ้าแล้วเจ้าพนักงานช่างหล่อจึงยกเบ้าเทลงในแบบพิมพ์พระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๒ ศอก ๙ นิ้ว พระพุทธรูปนี้สำหรับจะเปนพระประธานในพระอุโบสถวัดพระนามบัญญัติ เมื่อช่างหล่อเททองลงในแบบพิมพ์ หลวงสำเร็จพระขรรค์จึงนำเชือกหุ้มผ้าขาว ซึ่งติดเนื่องกับเป้านั้นมาทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงรับแล้วพระราชทานปลายเชือกให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระเจ้าน้องยาเธอทรงถือกันต่อๆ ไป เททองอยู่ ๑๕ นาทีเสร็จแล้ว ช่างหล่อจึงได้โห่ขึ้นสามลาตามธรรมเนียม เมื่อเวลาหล่อนั้นพระราชาคณะถานานุกรมวัดพระเชตุพน ๕ รูปมีพระสาธุศีลสังวรเปนประธาน ซึ่งได้เจริญพระพุทธมนต์ในเวลานั้นจึงสวดชยันโต เจ้าพนักงานพิณพาทย์ก็ได้ประโคมแตรสังข์แลดนตรีขึ้นพร้อมกันในเวลานั้น ครั้นเสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับ ทรงปิดทองเทวรูปซึ่งหล่อขึ้นใหม่ ว่าจะเอาตั้งไว้ที่ศาลาใต้ต้นโพธิที่เกาะบางปอิน ครั้นทรงปิดทองแล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าถวายของไทยธรรมแก่พระสงฆ์แล้ว พระสงฆ์จึงถวายยถาสัพพีอติเรกถวายพระพรลา แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรการต่าง ๆ ที่ในโรงหล่อ ตามที่พระองค์เจ้าประดิษฐวรการกราบบังคมทูลพระกรุณาเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรในรถพระที่นั่ง เวลาเที่ยงครึ่งเสด็จพระราชดำเนิรกลับคืนพระบรมมหาราชวัง

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหศวริยพิมานโดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณที่นั้น พระนรินทรราชเสนีจึงนำหวันยาหยานาย ๑ หวันมหะหมัดนาย ๑ หวันนาวังนาย ๑ หวันมหะมัดนาย ๑ แขกเมืองกลันตันซึ่งคุมต้นไม้ทองเงินเครื่องราชมบรรณาการเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวายแล้วนั้น ๔ นายเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลากลับไปเมืองกลันตัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชปฏิสัณฐารตรัสปราไสโดยสมควร แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานพระคลังวิเศษจัดเสื้อผ้ามอบไปพระราชทาน พระยากลันตัน แลพระราชทานผู้ซึ่งคุมเครื่องราชบรรณาการเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวายนั้นเสร็จแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งตำแหน่ง ให้นายกล่อมขุนประเสริฐอักษร ในกรมพระสุรัศวดีเปนหลวงชาติสุรินทร กรมพระกลาโหมนาย ๑ โปรดเกล้า ฯ ตั้งให้นายวิสูตรมณเฑียรนายเวร เปนหลวงอาวุธอัคนีนาย ๑ โปรดเกล้า ฯ ตั้งให้นายชุมบุตร์พระยาคทาธรธรณินทร เปนนายรองเล่ห์อาวุธมหาดเล็กเวรฤทธินาย ๑ โปรดเกล้า ฯ ตั้งให้นายกลึงบุตร์ พระยามหานุภาพ เปนนายรองเสน่ห์มหาดเล็กเวรเดช ๑ รวม ๔ นาย แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งไพศาลทักษิณ

สำเนาความในสัญญาบัตร ๔ ฉบับนั้นมีดังนี้ ฉบับที่ ๑ ว่า ให้นายกล่อมขุนประเสริฐอักษรในกรมพระสุรัสวดี เปนหลวงชาติสุรินทรกรมพระกลาโหม ถือศักดินา ๖๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขสวัสดิ์เจริญเทอญ

ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๑๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

ฉบับที่ ๒ ว่า ให้นายวิสูตรมณเฑียร นายเวรกรมพระกลาโหม เปนหลวงอาวุธอัคนี พนักงานปืนเล็กกรมพระกลาโหม ถือศักดินา ๘๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขสวัสดิ์เจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๑๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

ฉบับที่ ๓ ว่า ให้นายชุ่มบุตร์พระยาคทาธรธรณินทร เปนนายรองเล่ห์อาวุธมหาดเล็กเวรฤทธิ ถือศักดินา ๓๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขสวัสดิ์เจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๑๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

ฉบับที่ ๔ ว่า ให้นายกลึงบุตร์พระยามหานุภาพ เปนนายรองเสน่ห์มหาดเล็กเวรเดช ถือศักดินา ๓๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขสวัสดิเจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๑๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

บาญชีสิ่งของพระราชทานตอบเครื่องราชบรรณาการ

อนึ่งบาญชีเสื้อผ้าสิ่งของต่าง ๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานพระคลังวิเศษ พระคลังมหาสมบัติ กรมนา กรมท่าซ้าย จัดสิ่งของไปพระราชทานเจ้าพระยากลันตัน แลแขกเมืองซึ่งนำเครื่องราชบรรณาการนั้นมีดังนี้ มอบไปพระราชทานเจ้าพระยาพิพิธภักดีศรีสุลต่านมหะหมัด พระยากลันตันนั้น คือเสื้ออย่างแขกเปนโหมดเทศ ๑ เปนเข้มขาบริ้วดอกใหญ่ ๑ เปนแพรญี่ปุ่นหงอนไก่ลาย ๑ รวม ๓ เสื้อ ผ้านุ่งตาดทองติดขลิบ ๑ เปนแพรเพลาะขาวหงอนไก่ลาย ๑ เปนยกจีน ๒ เปนปูมไทย ๑ รวมผ้านุ่ง ๕ ผืน เข้าสาร ๑๕ เกวียน เกลือ ๑๕ เกวียน

แลมอบไปพระราชทานรายามุดาเมืองกลันตัน ๑ พระยารัษฎาธิบดีบุรุษพิเศษ ๑ รวม ๒ นายนี้ พระราชทานคนละอย่างเท่ากัน คือ เสื้อเข้มขาบอย่างแขกเปนริ้วดอก ๑ เปนลายสะเทิน ๑ เปนแพรยี่ปุ่นหงอนไก่ลาย ๑ รวม ๓ เสื้อ ผ้านุ่งเปนตาดทองแดงติดขลิบ ๑ เปนแพรเพลาะขาวหงอนไก่ลาย ๑ เปนยกจีน ๑ รวมผ้านุ่ง ๓ ผืน

ของพระราชทานผู้คุมเครื่องราชบรรณาการนั้น คือหวันยาหยา ๓ หวันมหะหมัด ๒ หวันนาวัง ๑ หวันมหะหมัด ๑ รวม ๔ นายนี้ พระราชทานคนละอย่างเท่ากัน คือเงินตราคนละ ๕ ตำลึง ๔ คนเปนเงินชั่ง ๑ เสื้ออย่างแขกอักหลัตดอกเล็กคนละเสื้อ ผ้าเช็ดหน้าลายวิลาศคนละผืน แขกไพร่ ๓๖ คนซึ่งมากับผู้คุมเครื่องราชบรรณาการ ๔ นายนั้น พระราชทานเงินตราคนละกึ่งตำลึง ๓๖ คนเปนเงิน ๑๘ ตำลึง รวมทั้งสิ้นเปนเสื้อ ๑๓ ผ้านุ่ง ๑๑ ผ้าเช็ดหน้า ๔ เงินตราชั่ง ๑๘ ตำลึง เข้าสาร ๑๕ เกวียน เกลือ ๑๕ เกวียน

พระราชพิธีพรุณศาสตร์

ในเวลาวันนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งการพระราชพิธีพรุณศาสตรณที่สนามหลวง เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระพุทธรูปพระไชยในรัชกาลปัจจุบันนี้องค์ ๑ พระไชยเนาวโลหะองค์ ๑ ขึ้นเสลี่ยงกงมีกระบวรแห่คนถือธงมังกร ๓๐ คู่ คนตีกลองชนะ ๑๐ คู่ คนเป่าแตรฝรั่ง ๔ คู่ คนเป่าแตรงอน ๒ คู่ คนเป่าสังข์ ๑ คู่ เครื่องสูง ๑ สำรับ คู่แห่ ๓๐ คู่ แล้วเดิรขบวรแห่ออกจากพระบรมมหาราชวังไปเข้าในสนามหลวง เจ้าพนักงานภูษามาลาจึงเชิญพระพุทธรูปพระไชยทั้ง ๒ องค์นั้นขึ้นสถิตย์บนพระแท่นมณฑล แลพระคันธารราษฎร์องค์ใหญ่ ๑ พระคันธารราษฎร์ยืนองค์น้อย ๑ พระพุทธรูปในครอบแก้วรูปสี่เหลี่ยมที่มีต้นเข้าทองอยู่ตรงพระพักตร์ครอบ ๑ รวม ๓ องค์เชิญออกแต่หอพระคันธารราษฎร์ มาตั้งในพระแท่นมณฑลที่พลับพลาในสนามหลวงนั้นด้วย แล้วเจ้าพนักงานสนมตั้งเครื่องนมัสการเครื่อง ๕ หนึ่งเครื่อง เจ้าพนักงานกรมสังฆการีย์จึงตั้งตู้เทียนไชยเปนตู้ผ้าขาวโปร่งรูป ๔ เหลี่ยมสูงประมาณ ๔ ศอก มีกรอบไม้ทาสีขาวมีเม็ดปัดทองติดปลายเสาตู้เทียนไชยทั้ง ๔ มุม มีเทียนไชยยาวประมาณ ๔ ศอก ขี้ผึ้งหนัก ๕ ชั่ง ไส้ ๘๐๐ เส้นอยู่ในตู้นั้นเล่ม ๑ แล้วหลวงกลไมยพิจิตร์ เจ้ากรมช่างปั้นขวา ๑ ขุนพินิจบรรจงปลัดกรมช่างปั้น ๑ หมื่นศรีสารวัด ๑ หมื่นจงพินิต ๑ รวม ๔ นาย ได้รับพระราชทานผ้าขาวนุ่งห่ม ๑ สำรับ เข้าเปลือก ๑ สัด เบี้ย ๓๓๓๐ เบี้ย เงิน ๑ บาท แล้วหลวงกลไมยนุ่งขาวห่มขาวสำรวมศีลห้า ปั้นรูปพระสุภูตินั่งสมาธิหน้าตักประมาณคืบ ๑๐ นิ้ว ปลัดกรมกับขุนหมื่นช่างปั้น ๆ พระยาปลาช่อน ๑ กับบริวารใหญ่ ๒ เล็ก ๗ รวม ๙ กบ ๒ พระยานาค ๘ พระอินทรมือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายตรงออกไปข้างหน้าองค์ ๑ ท้าวจัตุโลกบาล ๓ องค์ มือขวาถือพระขรรค์ มือซ้ายชี้ตรงออกไปข้างหน้า ยกเสียแต่ท้าวกุเวรนั้นมือขวาถือกระบอง มือซ้ายออกไปตรงหน้า แล้วขุดสระลงในที่สนามหลวงตรงท้ายพลับพลา สระกว้าง ๔ ศอก ยาว ๔ ศอก ฦก ๑ ศอกเสร็จแล้ว จึงเชิญพระสุภูติลงสถิตย์ในสระริมขอบสระด้านใต้ แลผินพระพักตร์ไปสู่ทิศเหนือ แล้วตั้งพระยาปลาช่อนลงตรงหน้าพระอินทร์ แลตั้งบริวารตัวใหญ่ลง ๒ พระยาปลาช่อนแลวางกบ ๒ ตัวนั้นลงตรงหน้าพระยาปลาช่อนออกไปแล้ว วางบริวารปลาแลนายสลับกันรอบพระยาปลาช่อน แล้วจึงตั้งท้าวกุเวรราช (ยักษ์) ลงที่ริมขอบสระด้านใต้ตรงหลังพระสุภูติ ผินหน้าไปสู่ทิศตวันตก แลวางท้าวธตรฐ (คนธรรพ) ลงที่ริมขอบสระด้านตวันออก ผันหน้าไปทิศตวันตก แลวางท้าววิรุฬหก (กุมภัณฑ์) ลงที่ขอบสระทิศทักษิณ แลวางท้าววิรูปักษ์ (นาค) ลงที่ริมขอบสระด้านตวันตก แลมีราชวัตรฉัตรกระดาษ ต้นกล้วยต้นอ้อยปัก ๔ ริมสระมีศาลเทวดา ๕ ศาล มีบายศรีทองกับศีร์ษะสุกรอยู่บนศาลถ้วนทุกศาล แลบัตร ๙ ชั้น ๕ เครื่อง กระยาบวช ๕ ตั้งริมสระทั้งสี่ทิศเพื่อจะได้บูชาท้าวจัตุโลกบาล แลอิกที่หนึ่งนั้นตั้งเรียงกันที่ริมสระด้านใต้นั้นเปน ๒ เครื่อง เพื่อจะบูชาพระอินทร

เจ้าพนักงานกรมภูษามาลา จึงเชิญพระคันธารราษฎร์ใหญ่องค์ ๑ พระคันธารราษฎร์น้อย ๓ องค์ เทวรูป ๖ องค์ โคอุศุภราช ๑ ออกจากหอพระคันธารราษฎร์ มาตั้งที่ชาลาที่แจ้งซึ่งต่อออกไปแต่เฉลียงหอพระคันธารราษฎร์นั้น

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงพระที่นั่งราชยานแต่เกยพระทวารเทเวศรักษา ไปประทับเกยพลับพลาในสนามหลวง ประทับที่ทรงนมัสการเสร็จแล้ว จึงทรงถวายสบงจีวรผ้ากราบกับย่ามสักหลาดสีน้ำเงินแก่พระสงฆ์ ๒๕ รูป คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ๑ พระคุณาจาริยวัตร ๑ พระมงคลเทพมุนี ๑ พระวินยานุกูลเถร ๑ พระสังวรานุวงศ์เถร ๑ พระพิธีธรรมวัดมหาธาตุ ๔ วัดพระเชตุพน ๔ วัดสระเกศ ๔ วัดระฆังโฆสิตาราม ๔ วัดราชสิทธาราม ๔ รวมพระพิธีธรรม ๒๐ รูป รวมทั้งพระราชาคณะเปน ๒๕ รูป ครั้นพระสงฆ์ผลัดสบงจีวรแล้ว จึงขึ้นมานั่งที่อาสน์สงฆ์ตามเดิม กรมพระปวเรศถวายศีลจบแล้ว จึงทรงถวายเทียนชนวนแก่กรมพระปวเรศ ๆ ทรงคาถาปลาช่อนแต่ ภควา จนถึงปารมีติ จบแล้วจึงเสด็จไปจุดเทียนไชย พระสงฆ์จึงสวดคาถาจุดเทียนไชย แลพนักงานพิณพาทย์กประโคมขึ้นพร้อมกัน ครั้นจุดเทียนไชยเสร็จแล้ว พระเมธาธิบดีเจ้ากรมราชบัณฑิตซ้ายนุ่งขาวห่มขาว ถวายคำนับแล้วอ่านคำประกาศเทวดา ว่าด้วยพระราชพิธีพรุณศาสตร มีความในประกาศนั้นดังนี้

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส (สามหน)

อโหสิโข โส ภควา มชฺฌิเมสุ ชนปเทสุ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน ขตฺติโย ชาติยา โคตโม โตตฺเตน สากฺยปุตฺโต สากฺยกุลา ปพฺพชิโต สมฺมาปโยคมาคมฺม สมฺมาปธานมนฺวาย สมฺมามนสิการมนฺวาย อุรุเวลายํ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร อสฺสตฺถโพธิรุกฺขมูเล สพฺพโส ตณฺหานํ ชยา วิราคา นิโรธา จาคา ปฏินิสฺสคฺคา สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺรหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย อนุตฺตรํ สมฺมาสมโพธึ อภิสมฺพุทโธ ตํโข ปน ภควนฺตํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควาติ ฯ

ภาสิตํ เตน พุทฺเธน วุฏฺีว ปรมา สรา
วุฏฺึ ภูตา อุปชีวนฺติ เย ปาณา ปถวิสฺสิตา
เอเตน สจฺจวชเชน ปวสฺสนฺตุ วลาหกา
นตฺถิ ปุตฺตสมํ เปมํ นตฺถิ โคสมิกํ ธนํ
นตฺถิ สุรียสมา อาภา สมุทฺทปรมา สรา
อิมิสฺสาทานิ คาถาย คาถายํ พุทฺธภาสิตา
นตฺถิ อตฺตสมํ เปมํ นตฺถิ ธฺสมํ ธนํ
นตฺถิ ปฺาสมา อาภา วุฏีว ปรมา สรา
เอเตน สจฺจวชฺเชน ปวสฺสนฺตุ วลาหกา
กึสุ วตฺถุ มนุสฺสานํ กึสุ จ ปรมา สขา
กึสุ ภูตา อุปชีวนฺติ เย ปาณา ปถวิสฺสิตา
อิมิสฺสาทานิ คาถาย คาถายํ พุทฺธภาสิตา
ปุตฺตา วตฺถุ มนุสฺสานํ ภริยา ปรมา สขา
วุฏฺี ภูตา อุปชีวนฺติ เย ปาณา ปถวิสฺสิตา
เอเตน สจฺจวชฺเชน ปวสฺสนฺตุ วลาหกา ฯ

ข้าพระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมนมัสการแด่พระผู้มีพระภาคย์องค์พระอรหันต์ ผู้ไกลผู้ควรผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์ชอบแล้ว พระผู้มีพระภาคย์พระองค์นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว ณเหล่ามนุษย์อริยกะณมัธยมชนบท พระองค์เปนกระษัตริย์โดยพระชาติ เปนโคดมโดยพระโคตร เปนโอรสสักยกระษัตริย์ เสด็จออกบรรพชาแต่สักยตระกูล พระองค์อาศรัยประโยคพยายามความเพียรชอบ ทำในจิตรโดยแยบคายอุบายชอบ ละนิวรณ์ห้าอันเปนเครื่องเศร้าหมองจิตร ซึ่งทำปัญญาให้ถอยกำลังลงเสียได้แล้ว ดำรงจิตรในสติปัฏฐานสี่ เจริญให้โพชฌงค์ทั้งเจ็ดเกิดมีขึ้นตามจริงแล้ว เพราะสิ้นหายคลายย้อมดับสนิทจนสิ้นเชิงสละละวางตัณหาทั้งหลายเสียด้วยประการทั้งปวง ได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในโลก กับทั้งเทวดามารพรหมในหมู่กับทั้งสมณพราหมณ์เทพยดามนุษย์ ทรงปรีชาญาณตรัสรู้บริสุทธล่วงวิสัยสัตว์ทั้งปวง กิติศัพท์เสียงสรรเสริญพระผู้มีพระภาคย์เจ้านั้นไพเราะฟุ้งไปว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเปนพระอรหังไกลจากกิเลศกับทั้งวาสนา ควรรับบูชาของสัตวโลก ตรัสรู้ชอบโดยลำพังพระองค์แล้ว ถึงพร้อมวิชาปัญญารู้แจ้งชัด แลจรณะข้อปฏิบัติเครื่องดำเนิรซึ่งวิชาครบบริบูรณ์ เสด็จไปดีแล้วตรัสรู้โลกแจ้งชัด เปนสารถีฝึกบุรุษควรทรมาน ไม่มีสารถีอื่นยิ่งขึ้นไปกว่า เปนพระศาสดาผู้สั่งสอนของเทพยดามนุษย์ทั้งหลาย เปนผู้ตรัสรู้แล้วเต็มที่ในทางปัญญาขึ้นแล้ว ทรงภาคยคุณบุญสิริ เปนที่คบหาของประชุมชนได้ทุกหมู่เหล่า ก็กิติศัพท์เสียงสรรเสริญพระผู้มีพระภาคย์เจ้านั้นไพเราะครอบงำฟุ้งไปอย่างนี้

สมเด็จพระผู้มีพระภาคย์พระองค์นั้น ได้ตรัสประภาษด้วยน้ำฝน ว่าบรรดาสระคือแม่น้ำบึงบ่อที่น้ำไหลไปทั้งหลาย มีน้ำฝนเปนอย่างยิ่ง อนึ่งตรัสว่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายผู้อาศรัยแผ่นดิน ย่อมเลี้ยงชีวิตพึ่งฝนดังนี้ พระพุทธภาสิตทั้งสองนั้นข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ติดตามเห็นเปนความจริง ด้วยอำนาจคำจริงนี้วลาหกเทพยเจ้าทั้งหลายจงให้ฝนตกลงต้องตามฤดูกาล ให้สรรพพืชธัญญาหารงอกงามบริบูรณ์ด้วยรวงผลเปนประโยชน์แก่ประชุมชนตามประสงค์ทุกประการ

เนื้อความพิสดารในสองภาสิตนั้นว่า เทพยดาองค์หนึ่งทูลว่า ของรักซึ่งจะเสมอด้วยบุตรไม่มี ทรัพย์สิ่งซึ่งมนุษย์พึงถนอมจะเสมอด้วยโคไม่มี แสงสว่างซึ่งจะเสมอด้วยพระอาทิตย์ไม่มี สระน้ำที่ไหลไปทั้งหลายมีสมุทสาครเปนที่ยิ่ง แสดงเนื้อความฉนี้ พระผู้มีพระภาคย์เจ้าทรงเปลี่ยนแปลงว่า ของรักซึ่งจะเสมอด้วยตนไม่มี ทรัพย์สิ่งของที่มนุษย์พึงถนอม ซึ่งจะเสมอด้วยเท้าเปลือกไม่มี แสงสว่างซึ่งจะเสมอด้วยปัญญาไม่มี สระน้ำที่ไหลไปทั้งหลายมีน้ำฝนเปนอย่างยิ่ง พุทธภาสิตนี้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็คิดเห็นจริงตามพระพุทธภาสิต ด้วยอำนาจความจริงนี้ วลาหกเทพยดาทั้งหลายจงให้ฝนตกลงมาต้องตามฤดูกาล ให้สรรพพืชธัญญาหารงอกงามบริบูรณ์ด้วยรวงผล เปนประโยชน์แก่ประชุมชนทุกประการ

อนึ่งเทพยดาทูลถามว่า สิ่งอะไรเปนวัตถุที่อยู่ของมนุษย์ทั้งหลาย อะไรเปนสหายอย่างยิ่งของมนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งปวงผู้อาศรัยแผ่นดินพึ่งอะไรเลี้ยงชีวิต พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงวิสัชนาแก้คำถามนั้นว่า บุตรแลธิดาเปนวัตถุที่อยู่ของมนุษย์ทั้งหลาย ภริยาเปนสหายอย่างยิ่งของมนุษย์ทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายผู้อาศรัยแผ่นดินพึ่งน้ำฝนเลี้ยงชีวิต ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็คิดตามเห็นว่า พระพุทธภาสิตนี้เปนคำจริง ด้วยอำนาจคำจริงนี้ วลาหกเทพยดาเจ้าทั้งหลายจงให้ฝนตกลงมาต้องตามฤดูกาล ให้สรรพพืชธัญญาหารงอกงามบริบูรณ์ด้วยรวงผล เปนประโยชน์แก่ประชุมชนทุกประการตามพระราชประสงค์นั้น เทอญ

ครั้นประกาศแล้ว พระวินยานุกูลเถรจึงขัดตำนาน พระสงฆ์ได้เจริญพระพุทธมนต์สัตตปริตพร้อมกัน ในเวลานั้นพระโหราธิบดีจึงได้ยืนขึ้นที่ข้างศาลเทวดาที่ริมขอบสระทิศทักษิณ ร่ายมนต์บูชาพระอินทร หลวงโลกทีปได้ยื่นหน้าศาลเทวตาริมสระทิศปัจจิม ร่ายมนต์บูชาท้าววิรูปักษ์ หลวงเทพพยากรณ์ยืนร่ายมนต์บูชาท้าวกุเวรราชที่หน้าศาลเทวดาทิศทักษิณถัดหน้าศาลเทวดาซึ่งพระโหราธิบดีบูชานั้นออกมา

หมื่นญาณทิศยืนหน้าศาลเทวดาริมสระด้านตวันออก ร่ายมนต์บูชาท้าวธตรฐ หมื่นญาณจักรยืนหน้าศาลเทวดาริมสระทิศอุดร ร่ายมนต์บูชาท้าววิรุฬหก แลมีราชบัณฑิตชักประคำอยู่ริมขอบสระข้างทิศทักษิณนาย ๑ ในเวลาพระสงฆ์กำลังเจริญพระพุทธมนต์อยู่นั้น เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปทรงนมัสการพระคันธารราษฎร์แลเทวรูปซึ่งสถิตย์ที่ชาลาที่แจ้งข้างหอพระคันธารราษฎร์แล้ว เสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับที่พลับพลา ครั้นพระสงฆ์เจริญสัตตปริตจบแล้ว จึงได้เจริญคาถาพระยาปลาช่อน ๑๗ จบตามกำลังวันพุธนี้ ครั้นจบแล้วกรมพระปวเรศจึงถวายอติเรก พระสงฆ์สวดภวตุสัพจบแล้ว จึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการที่แท่นพิธี พระสงฆ์พิธีธรรมวัดมหาธาตุ ๔ วัดราชสิทธิ ๑ รวมพระสงฆ์ท้องภาณ ๕ รูปขึ้นบนแท่นพิธีสวดสุภูตสูตร พระคุณาจาริยวัตรนั่งปรก

ครั้นเวลา ๔ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง

อนึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้พระมหาราชครูพิธีไปทาพระราชพิธีมหาสูตเมฆพรุณศาสตรที่ทุ่งส้มป่อยหลังบ้านญวน เจ้าพนักงานแปดตำรวจปลูกโรงพระราชพิธีสองห้องเฉลียงรอบ ในประธานไม่มีหลังคา มีราชวัตร ๘ ผืน ฉัตรกระดาษห้าชั้น ๔ คัน ต้นกล้วยต้นอ้อยล้อมโรงพระราชพิธี มีสระกว้าง ๔ ศอกยาว ๔ ศอก ฦกศอก ๑ พระเทพรจนาเจ้ากรมช่างปั้น ๑ ขุนสำราญอมเรนทรช่างปั้น ๑ ขุนโคช่างเขียนคน ๑ ได้รับพระราชทานผ้าขาวนุ่งห่มคนละสำรับ เข้าเปลือกคนละสัดเงินตราบาทหนึ่ง เครื่องกระยาบวดสำรับ ๑ ปั้นเมฆรูปบุรุษ ๑ รูปสัตรี ๑ พระอินทร ๑ ยืนชี้มือซ้าย มือขวาถือพระขรรค์ ท้าวจัตุโลกบาลทั้ง ๔ ยืนชี้มือซ้าย มือขวาถือพระขรรค์ แต่องค์หนึ่งถือกระบอง พระยานาค ๘ พระยาปลาช่อน ๓ บริวาร ๗ มณฑุกะ ๒ แต่พระยานาค มณฑุกะ ปลาอยู่ในสระผินหน้าไปอุดรทิศ พระอินทรท้าวจตุโลกบาลยืนสี่มุมสระ ผินหน้าไปปราจิณทิศ พระอินทรยืนอยู่ขอบสระหว่างกลางข้างบุรพทิศ ผินหน้าไปปราจิณทิศ แต่รูปเมฆทั้ง ๒ นั้นนอนหงายอยู่หลังพระอินทร ศีร์ษะไปปราจิณทิศ มีเกยที่ปากสระสูง ๔ ศอก ราชวัตรฉัตรกระดาษต้นกล้วยต้นอ้อยล้อมขอบสระ เชิญพระอิศวร ๑ พระนารายณ์ ๑ พระมหาวิฆเนศวร์ ๑ พระพรหมธาดา ๑ เชิญออกจากเทวสถานมาขึ้นเสลี่ยงแห่ไปขึ้นสถิตย์บนโรงพระราชพิธี ขบวรแห่เหมือนกับที่ว่ามาแล้วนั้น ครั้นถึงเวลา ๘ ทุ่ม พระมหาราชครูพิธีทำพระสูตรแล้วทำอัตนิสูตรบูชาเบญจครรภ บูชาเนาวเคราะห์ บูชากุมภ์ เวลาเช้าโมง ๑ พระครูอัษฎาจารย์ ๑ หลวงราชมณี ๑ หลวงศิวาจารย์ ๑ หลวงสุริยาเทเวศร์ ๑ ขุนศิวาเทพ ๑ ขุนพรหมสิทธิชาติ ๑ ขุนรัตนธาดา ๑ ขุนศิวาการ ๑ ชักลูกประคำอยู่ทั้ง ๘ ทิศล้อมพระอิศวร พระนารายณ์ พระมหาวิฆเนศร์ พระพรหมธาดาอยู่ในกลางโรงพระราชพิธี เวลาเช้าเวลาเย็นพระมหาราชครูพิธีขึ้นบนเกยอ่านมนต์ประกาศเทวดา ครั้นอ่านจบแล้วโบกธงผินหน้าไปสู่บุรพทิศ พระราชพิธีตั้งแต่ณวันเดือน ๙ ขึ้น ๖ ค่ำ ๗ ค่ำ ๘ ค่ำของหลวงพระราชทานเงินตรา ๗ บาทเฟื้อง ผ้าขาว ๙ สำรับ ผ้าใช้สอย ๙ ผืน ผ้าพันกุมภ์ ๑๒ ศอกผืนหนึ่ง เสื่ออ่อน ๓ ผืน เทียนหนักเล่มละหกสลึง ๑๕ เล่ม เทียนหนักเล่มละบาท ๓๐ เล่ม เทียนหนักเล่มละ ๒ สลึง ๑๕๐ เล่ม เทียนหนักเล่มละเฟื้อง ๙๐ เล่ม หม้อกรัน ๒ หม้อ กุมภ์ ๙ กุมภ์ หม้อเข้าเชิงกรานสำรับ ๑ มะพร้าวอ่อน ๒๙ ผล มะพร้าวห้าว ๒๙ ผล เข้าสาร ๑๖ ทนาน เข้าเปลือก ๑๖ ทนาน ถั่วทนาน ๑ งาทนาน ๑ กล้วยน้ำ ๗ หวี แตงกวา ๑๐๐ ผล เครื่องกระ ยาบวดวันละ ๓ สำรับ ณวันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ แห่พระเทวรูปกลับจากโรงราชพิธีทุ่งส้มป่อยมาสถิตย์ไว้ยังเทวสถานเปนเสร็จการพระราชพิธี

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์

----------------------------

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ ขึ้น ๖ ค่ำ เวลาเช้าทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ไปประฏิบัติพระสงฆ์ณพลับพลาท้องสนามหลวง พระสงฆ์พระราชาคณะพระพิธีธรรม ๒๔ รูป มีพระคุณาจาริยวัตรเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉัน

เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับเกยหน้าประตูพรหมโสภา ทรงพระที่นั่งพระราชยานพร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกฎ แลพระสัมพุทธพรรณี แลพระพุทธปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถไปประทับเกยหลังวัด ทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับพลับพลาทุ่งสนามหลวง ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระคุณาจาริยวัตรถวายศีล แล้วพระเมธาธิบดีก็อ่านคำประกาศเรื่องพระราชพิธีพรุณศาสตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนหอพระคันธารราษฎร์ ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระแล้วเสด็จกลับมาประทับพลับพลาอย่างเดิม ครั้นพระเมธาธิบดีอ่านคำประกาศจบแล้ว พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ มีธรรมจักกัปปวัตนสูตรแลคาถาสำหรับสวดในพระราชพิธีพรุณศาสตร สวดตามกำลังวันเปนต้น ครั้นพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์จบแล้ว พระคณาจาริยวัตรถวายอติเรกพระสงฆ์สวดภวตุสัพ เวลายามเศษเสด็จพระราชดำเนิรกลับพระบรมมหาราชวัง อนึ่งการทั้งปวงในพระราชพิธีพรุณศาสตร์นี้ก็มีเหมือนกันกับเวลาวานนี้

พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ

----------------------------

ณวันศุกร์ เดือน ๙ ขึ้น ๗ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ไปจุดเทียนแลประฏิบัติพระสงฆ์ที่สนามหลวง ในการพระราชพิธีพรุณศาสตร เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระไชยยศสมบัติ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาย่ำค่ำเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงนมัสการดังเวลาวานนี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรจากที่นั้น ทรงพระราชยานไปประทับสนามหลวง เสด็จขึ้นบนพลับพลาซึ่งเปนที่ทำพระราชพิธีพรุณศาสตร ทรงจุดเทียนนมัสการ พระคุณาจาริยวัตรถวายศีล ทรงศีลแล้วพระเมธาธิบดีจึงอ่านประกาศ เมื่อประกาศนั้นโหรซึ่งเคยบวงสรวงก็ทำตามตำแหน่ง ครั้นพระเมธาธิบดีอ่านคำประกาศแล้ว พระสงฆ์ ๒๔ รูปก็เจริญพระพุทธมนต์มมหาสมัยสูตรเปนต้น แล้วสวดคาถาขอฝน ๒๑ จบตามกำลังวัน เมื่อสวดมนต์นั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนหอพระคันธารราษฎร์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วเสด็จมาประทับที่พลับพลา ตรัสประภาษราชการต่างๆ กับข้าทูลลอองธุลีพระบาทซึ่งเฝ้าอยู่ณที่นั้น ครั้นสวดมนต์จบแล้ว รับสั่งกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ว่าฝนตกบริบูรณ์ทั้ง ๒ เวลา พระราชพิธีขลังนัก ให้เจ้าพนักงานนำวัดถุเปนมูลกับปิยภัณฑ์พระราชทานแก่พระสงฆ์ คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ ซึ่งทรงจุดเทียนไชย พระราชาคณะ ๔ พระพิธีธรรม ๒๐ ซึ่งสวดพระราชพิธี รวม ๒๕ รูป ๆ ละตำลึงหนึ่ง เปนเงินชั่ง ๑ กับ ๕ ตำลึง พระสงฆ์ถวายอติเรกแล้ว พระพิธีธรรม ๕ รูปขึ้นสวดสุภูตสูตรบนเตียง เวลายามเศษเสด็จทรงพระราชยานคืนเข้าสู่พระบรมมหาราชวังประทับสนามหญ้า ทอดพระเนตรเทวรูปที่จะเอาไปเกาะบางปอิน ซึ่งพระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการทำทูลเกล้า ฯ ถวายประมาณครู่หนึ่งเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

----------------------------

วันเสาร์ เดือน ๙ ขึ้น ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณไปประฏิบัติพระสงฆ์ที่ท้องสนามหลวง ครั้นเวลา ๓ โมงเศษ พระคุณาจาริยวัตรจึงดับเทียนไชย ขณะนั้นพระสงฆ์สวดคาถาดับเทียนไชยตามธรรมเนียม แลเวลาวันนี้เปนวันเลิกพิธีพรุณศาสตร

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าโดยลำดับกัน เจ้าพนักงานประโคมก็เป่าแตรตีมโหรทึกขึ้น ครั้นสงบเสียงประโคมแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าพนักงานกรมพระกลาโหมนำแขกเมืองตรังกานูเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในที่นั้น เจ้าพนักงานจึงนำอุรังกายอเดหวาอินดารานาย ๑ หวันหลงนาย ๑ หวันมุดานาย ๑ เจะมะหมักนาย ๑ รวม ๔ นาย เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระนรินทรราชเสนีจึงทูลเบิกว่า ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าพระยาไชเยนทรฤทธิรงค์รายามุดาเมืองตรังกานู แต่งให้อุรังกายอเดหวาอินดารานาย ๑ หวันมุดานาย ๑ หวันหลงนาย ๑ เจะมะหมัดนาย ๑ รวม ๔ นาย คุมต้นไม้ทองต้นไม้เงินบรรณาการเมืองตรังกานูจำนวนปีชวดอัฐศก เข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวายต้นไม้ทองต้น ๑ สูง ๓ ศอกคืบ ๖ นิ้ว ฐานทองเหลืองสูง ๑๐ นิ้ว มีชั้น ๕ ชั้น มีกิ่ง ๒๖ กิ่ง มีดอกพุดตาลปลายยอดปลายกิ่ง ๒๗ ดอก ก้าน ๒๖ ก้าน ก้านกลีบชั้นเดียว ๔๒๔ ดอก ใบโพธิห้อย ๘๘๗ ใบ ต้นไม้เงินสูงต่ำ มีก้านมีดอกมีใบเหมือนกันกับต้นไม้ทอง เครื่องบรรณาการภิมเสนหนัก ๔ ชั่งจีน ผ้ายกทองอย่างแขก ๒ ผืน ผ้ากาสามีดอก ๔ พับ ผ้าขาวยาว ๕ ศอก ๑๒ พับ ผ้าขาวเจะเปาะ ๔ พับ หวายตะค้า ๒๐๐ กำหวายหิน ๒๐๐ ขด หวายตะค้าแทนสาคู ๒๐๐ กำ กันแชงเตย ๑๐ ผืน หอยมุก ๔๐๐ ใบ ไม้พลอง ๔๐๐ ดุ้น กับดอกไม้ธูปเทียนของข้าพระพุทธเจ้าอุรังกายอเดหวาอินดารา หวันมุดา หวันหลง เจะมะหมัด สี่ต่วนกรมการ ๔ นายเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทด้วยเกล้าฯขอเดชะ

ครั้นจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิสัณฐารดำรัสปราไสยแก่แขกเมือง ๓ นัด ตามพระราชประเพณีซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน แล้วเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กลับออกมาเวลาย่ำค่ำเศษ ครั้นเวลาทุ่มเศษทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทบนพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาทุ่มหนึ่งกับ ๔๕ นาทีก็กลับออกมา แลเวลาวันนี้พระปลัดธรรมทินตาบวัดราชบพิธถวายพระธรรมเทศนา

พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร

----------------------------

ณวันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดมหาธาตุ ๗๑ รูป มีพระญาณสมโพธิเปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอนงคาราม ๑๐ รูป พระวิสุทธิสารเถรเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลาบ่ายโมงเศษ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กับพวกเสมียน เข้าทำการในออฟฟิศหลวง ครั้นเวลาบ่ายวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท คือเวลาบ่ายโมงหนึ่ง พระยามหามนตรีศรีองครักษ์เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๒ โมงเศษออก เวลาบ่าย ๒ โมงพระมหาเทพเข้า เวลาบ่าย ๒ โมงออก เวลาบ่าย ๓ โมง เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์นำมิศเตอรยูเก้อ ผู้ว่าราชการแทนกงสุลอิตาลีเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท นำเอาเรือยางไม้เป่าพองลมลอยน้ำได้เข้าไปทูลเกล้าฯ ถวาย เวลาบ่าย ๔ โมงออกมา เวลาบ่าย ๔ โมงพระศรีสุนทรโวหารเข้า ๔ โมงออก เวลาบ่าย ๔ โมงพระปรีชากลการเข้าเฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมงเศษออก เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการนำเอาเครื่องบูชาสำหรับศาลเจ้าเกาะบางปอิน มีกระถางธูปเชิงเทียนเปนต้นเข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวายทอดพระเนตร เวลาบ่าย ๕ โมงออก เวลาย่ำค่ำเศษพระบรมวงศานุวงศข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระยาจ่าแสนยบดีได้อ่านใบบอกพระยาเจริญราชไมตรีฉบับ ๑ ว่าด้วยได้ออกจากเมืองปราจีนบุรี เมื่อณวันพฤหัสบดี เดือน ๘ แรม ๑๔ ค่ำ ถึงเมืองกระบิน แล้วได้ออกจากเมืองกระบินแต่ณวันศุกร์ เดือน ๘ แรม ๑๕ ค่ำนั้นแล้ว แลบอกพระยาอุไทยมนตรี ผู้ว่าราชการเมืองปราจิณบุรีบอกฉบับ ๑ ว่าด้วยได้จัดคนจัดเกวียนให้พระยาเจริญราชไมตรีไปเมืองเสียมราฐ กับจมื่นทิพเสนาไปราชการเมืองนครจำปาสัก แลเสมียนตรากรมมหาดไทยอ่านบอกพระยาเทพประชุน ข้าหลวงเมืองเชียงใหม่ ๔ ฉบับ ๆ ๑ ว่าด้วยเจ้านครเชียงใหม่รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศมหาสุราภรณ์มงกุฎสยาม ซึ่งได้โปรดเกล้า ฯ ให้ไปนั้น ฉบับ ๑ ว่าด้วยการตั้งเมืองเชียงแสน ฉบับ ๑ ว่าด้วยหนังสือเจ้านครเชียงใหม่ แลหนังสือพระยาเทพประชุนโต้ตอบเรื่องการจะตั้งเมืองเชียงแสน ฉบับ ๑ ว่าด้วยเจ้านครเชียงใหม่ส่งบาญชีเงินค่าตอไม้ลงมากรุงเทพ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น เวลายามเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เจ้าพนักงานนำพระสุธรรมธีรคุณ พระปลัดธรรมทินตาบ กับพระสงฆ์ ๓ รูปเข้าไปถวายพระธรรมเทศนา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระปลัดตาบวัดราชบพิธขึ้นถวายพระธรรมเทศนาในทีฆนิกายมหาวรรค เวลา ๔ ทุ่มจบ พระสุธรรมธีรคุณถวายอติเรก ถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์

----------------------------

ณวันจันทร เดือน ๙ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์วัดสระเกศ ๑๐ รูป มีพระวินยานุกูลเถรเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ทรงจุดเทียนแลทรงประเคนพระสงฆ์ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านใต้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต พระวงศเธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ พระยาพิไชยบุรินทรา เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ หลวงพินิจจักรภัณฑ์เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หาพระบรมวงศเธอแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านใต้ จึงพระยาจ่าแสนย์บดีกราบบังคมทูลพระกรุณา ด้วยพระยาสุรินทรราชเสนีบอกส่งปืนใหญ่น้อยซึ่งได้มาจากกองทัพฮ่อเสร็จแล้ว พระโทรเลขธุรานุรักษ์ นำพระยารามกำแหง หลวงสโมสรพลการ กับตันลอฟตัศ มิศเตอรเดวิดซันเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลาไปราชการทำสายโทรเลข พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยข้อราชการต่าง ๆ จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

กรมหมื่นพิชิตปรีชากร

----------------------------

เสด็จบางปอิน

ณวันอังคาร เดือน ๙ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานมาประทับท่าราชวรดิษฐ ประทับตรัสกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งปิกนิก พร้อมด้วยพระบรมราชวงศานุวงศซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิร คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้าไชยันตมงคล พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ หม่อมเจ้าประวิช รวมพระบรมวงศานุวงศ ๑๖ องค์ กรมมหาดเล็ก พระยาภาสกรวงศ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ นายจ่ารง ๑ หุ้มแพร ๒ รองหุ้มแพร ๓ มหาดเล็กเลว ๑๑ ออฟฟิเซอทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ๑๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ กรมพระแสงต้น หลวงเสน่ห์สรชิต ๑ กำนัน ๑ กรมแสงใน หวังสรรพาวุธ ๑ กำนัน ๑ กรมหมอ หลวงราโชวาท ๑ ขุนประเสริฐโอสถ ๑ หมอเกาวัน ๑ กรมตำรวจ พระมหาเทพ ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ กรมภูษามาลา ๑ กรมรักษาพระองค์ ๔ กรมฝีพาย หลวงอุดมภักดี ๑ บโทน ๒ รวมทั้งสิ้น ๖๔ เวลาเช้าโมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนเรือพระที่นั่งออกจากท่าราชวรดิษฐ เรือภิรมย์เร็วจรเปนเรือจูงไปโดยทางชลมารค พร้อมด้วยขบวรเรือกลไฟนำตามไปเปนอันดับ เวลาบ่ายโมงเศษถึงวัดปากอ่าว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้รอเรือพระที่นั่งทรงทอดพระเนตรการต่าง ๆ อยู่ประมาณ ๕ นาที แล้วออกเรือพระที่นั่งมาถึงเกาะบางปอิน เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เรือพระที่นั่งประทับท่าเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นทรงพระราชดำเนิรทอดพระเนตรการต่าง ๆ รอบพระราชวังแล้วเสด็จขึ้น

อนึ่งเวลาเช้าวันนี้ เจ้าพนักงานกรมภูษามาลา ได้เชิญเทวรูปซึ่งจะเอาไปประดิษฐานณศาลใหม่เกาะบางปอินนั้น ไปประดิษฐานในเรือพระที่นั่งกลไฟอินทรีปักษินสมุท แล่นตามเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปณเกาะบางปอิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นำไปตั้งพักไว้บนพระที่นั่งวโรภาสพิมาน เวลายามเศษเสด็จออกประทับที่เสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่งแทนพระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค

----------------------------

ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกบนพระที่นั่งวโรภาสพิมาน พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทขึ้นไปเฝ้า จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร กับเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ให้ขึ้นไปเมืองอินทรบุรีทำบาญชีครัวลาวพวนซึ่งส่งลงมาแต่เมืองเหนือนั้น กรมหมื่นพิชิตปรีชากร เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ก็กราบถวายบังคมลาไปลงเรือปานมารุดขึ้นไปเมื่อเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับที่โต๊ะเสวย ครั้นเสวยแล้วก็เสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรการที่ศาลเทพารักษ์ แลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ เฝ้าที่พลับพลาทรงปืน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสอยู่ในที่นั้น จนเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาลงเรือพระที่นั่งกันเชียงสี่ ชื่อสุนทรพิพอาสน์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดชถือท้าย นอกนั้นคือที่เคยตีสำรับเดิม เพราะด้วยเรือข้าราชการนำตามเสด็จพระราชดำเนิรไปเปนอันมาก เรือพระที่นั่งขึ้นไปบนถึงปากคลองบ้านสร้าง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับลงมาแวะทอดพระเนตรตำบลที่จะทำศาลเจ้าไว้ที่ใต้ต้นสะตือท้ายเกาะพระ ซึ่งเปนที่สำหรับเชิญเทวรูปไปพักตั้งกระบวรแห่ แล้วเสด็จกลับมาประทับที่แพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลากรมพระบำราบปรปักษ์หน่อยหนึ่ง แล้วเสด็จกลับมาแวะที่เรือกรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ แล้วเสด็จกลับมาประทับท่า เสด็จขึ้น เวลายามเศษเสด็จออกเสวย เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่

----------------------------

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาสพิมานตามธรรมเนียมเหมียนแต่ก่อนทุกวัน ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรประทับโต๊ะที่ห้องเสวยมุขริมสระ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กับพระเจ้าน้องยาเธอ ๑๓ พระองค์ เว้นเสียแต่พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้ไปทำแผนที่เกาะบางปอิน แลลำน้ำซึ่งใกล้เคียงที่นั้น ครั้นเสวยแล้วจึงทรงพระราชดำเนิรไปทอดพระเนตรการที่หอมณเฑียรเทวราช แล้วเวลา ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรลงประทับในเรือพระที่นั่งปิกนิก จมื่นวิไชยยุทธเดชาคนี นำเรือพายม้าออฟฟิเซอทหารหน้ามาแข่งถวายทอดพระเนตร ๒ คู่ ก็เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งสุนทรทิพอาสน์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดชเปนผู้ถือท้ายเรือพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงกันเชียงที่ ๔ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์เปนกันเชียงที่ ๓ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิเปนกันเชียงที่ ๒ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์เปนกันเชียงที่ ๑ แล้วล่องเรือพระที่นั่งลงไปประพาสอ้อมเกาะบางปอินนอกแล้วเสด็จกลับมาประทับที่ท่า เสด็จขึ้น เวลายามเศษเสด็จออกเสวยที่ห้องเสวยเหมือนเวลาเช้า เสวยแล้วเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์

----------------------------

ณวันศุกร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งวโรภาสพิมานเหมือนวันก่อน เวลาบ่ายโมงเศษ เรือปานมารุดซึ่งไปราชการเมืองอินทรบุรี เมืองพรหมบุรี มาถึงเกาะบางปอิน กรมหมื่นพิชิตปรีชากร กับเจ้าหมื่นสรรเพธภักดี จึงนำบาญชีครัวซึ่งมาพักอยู่ณบ้านสมัคแขวงเมืองพรหมบุรี แลที่บ้านชีน้ำร้ายแขวงเมืองอินทรบุรี เปนครัวลาวซึ่งเปนพวกจีนฮ่อทั้งชายทั้งหญิงที่พักอยู่ในที่ ๒ ตำบลดังได้ว่ามาแล้วแต่ต้นนั้น เปนคน ๑๗๔๙ คนนั้นขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย แลกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าด้วยความสุขทุกข์ของพวกครัว ว่าครัวนั้นก็ได้อาศรัยอยู่ในโรงจาก ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาราชวรานุกูลขึ้นไปเกณฑ์คนสร้างขึ้นให้เปนที่พักนั้นอยู่ครัวละห้องเปนปรกติดี ที่ไปหากินเก็บผักจับปลาก็มี แลพระยาราชวรานุกูลได้แจกผ้านุ่งห่มซึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้จัดพระราชทานนั้นคนละสำรับ บางคนที่ได้รับพระราชทานนั้น ตัดผ้าทำบุญเปนธงจรเข้ปักที่วัดก็มี คนครัวที่เจ็บป่วยนั้น หมอหลวงซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสำหรับรักษาครัวนั้น ก็ได้รักษาอยู่เสมอ กับอนึ่งได้แต่งคนออกปลอมสืบถามพวกครัวถึงสุขทุกข์ คนครัวนั้นก็ได้บอกว่ามีความสุขกว่าเมื่ออยู่กับพวกฮ่อเปนอันมาก เพราะเมื่ออยู่ในอำนาจพวกฮ่อนั้น จีนฮ่อเปนคนร้ายแรงนัก อาญาก็แรง ให้ทำการก็ถึงเงื้อหอกดาบ ครั้นครัวป่วยก็ป่วยเสียมิได้คิดรักษาพยาบาลเลย อนึ่งครัวลาวฮ่อคราวนี้ได้ประมาณการบริหารรักษาของเรา คิดเห็นว่าจะมีความสุขกว่าครัวครั้งก่อน อนึ่งระยะทางซึ่งเรือปานมารุดขึ้นไปสืบราชการครัวคราวนี้มีระยะดังนี้

ณวันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ขุนสุวรรณอักษร ลงเรือปานมารุดออกจากเกาะบางปอิน ล่องลงไปเข้าทางแม่น้ำสีกุก แลแวะรับ กำนันนำร่องทุกระยะบ้านขึ้นไป

ครั้นณวันพฤหัสบดี เดือน ๙ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ถึงบ้านสมัคแขวงเมืองพรหมบุรี คัดบาญแลสืบราชการที่นั้นแล้ว จึงแล่นขึ้นจะไปบ้านชีน้ำร้ายแขวงเมืองอินทรบุรี พอพบเรือพระยาราชวรานุกูลกลับลงมาแต่บ้านชีน้ำร้าย ได้คัดบาญแลสืบราชการแต่พระยาราชวรานุกูลแล้วล่องกลับลงมาแต่วันนั้น เวลายามเศษจอดพักนอนที่เมืองอ่างทองคืนหนึ่ง ครั้นรุ่งขึ้นวันศุกร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ ล่องลงมาแต่เมืองอ่างทอง ครั้นเวลาบ่ายโมงเศษ ถึงเกาะบางปอิน

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จประทับโต๊ะเสวยเหมือนก่อนนั้น แล้วเสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรการที่เหมมณเฑียรเทวราชเหมือนอย่างเช่นวันวานนี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาทรงเรือพระที่นั่งสุนทรทิพอาสน์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ ตามเสด็จในเรือพระที่นั่งเหมือนอย่างเวลาวานนี้ เรือออกจากท่าแล้วขึ้นไปทอดพระเนตรตำบลที่จะทำศาลสำหรับพักเทวรูปเมื่อจะได้แห่ลงมาขึ้นศาลในเวลาพรุ่งนี้ ที่ใต้ต้นสะตือณเกาะพระ แล้วเสด็จกลับล่องเรือพระที่นั่งลงมาตามลำน้ำ ประทับแพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ครู่หนึ่ง แล้วลองลงมาประทับเกาะบางปอินเมื่อเวลาประมาณทุ่มเศษ เวลายามเศษเด็จประทับโต๊ะเสวยเหมือนอย่างทุกวัน เวลา ๕ ทุ่มเสด็จขึ้น

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่งแทน

พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ

----------------------------

ณวันเสาร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาเช้าโมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระยานรนาถภักดี ลงเรือกลไฟขึ้นไปกรุงเก่า เชิญพระเจ้าอยู่หัวปราสาททองที่พระที่นั่งสุริยามรินทรแลพระที่นั่งสรรเพชญ์ปราสาท แล้วส่องลงมาจากกรุงเก่า เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงเรือพระที่นั่งอินทรีปักษิณสมุท เจ้าพนักงานเชิญเทวรูปลงในเรือพระที่นั่งด้วย เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับเรือพระที่นั่งที่ตำบลเกาะพระ เจ้าพนักงานเชิญเทวรูปขึ้นบนศาลซึ่งปลูกไว้ใต้ต้นสะตือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เรือกลไฟซึ่งไปเชิญพระเจ้าอยู่หัวปราสาททองล่องลงมาถึงที่นั้น พระยานรนาถภักดีจึงเชิญกระถางธูปเทียนขึ้นตั้งบนศาล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนสังเวยแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งออกจากเกาะพระกลับมาประทับเกาะบางปอินเสด็จขึ้น แลการเล่นเต้นรำที่จะมีที่เกาะพระนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีลครชาตรีโรง ๑ เพลงปรบไก่วง ๑ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เจ้าพนักงานได้จัดขบวรแห่เรือกลไฟลำ ๑ แต่งผูกใบไม้สด ถัดลงมาถึงเรือพายม้าแจวบ้าง ๒ พายบ้าง มีคนถือธงอยู่กลางลำละคน ประมาณ ๓๐๐ ลำ เรือแหวด ๔ แจวบ้าง ๖ แจวบ้าง มีจีนตีเล่าโก๊ประมาณ ๑๐ ลำ เรือกลองยาวลำ ๑ เรือแหวด ๖ แจวมีแขกตีรำมะนา ๒ ลำ เรือเพลงปรบไก่ลำ ๑ เรือยาวมีคนตีกลองใหญ่ประมาณ ๒๐ กลองลำ ๑ เรือยาวกลองมลายูลำ ๑ เรือพิณพาทย์ลำ ๑ เรือกลองแขกลำ ๑ เปนกระบวรหน้า แล้วเจ้าพนักงานภูษามาลา เชิญเทวรูปตั้งในเรือหณุมาน มีคนถือฉัตรขาว ๔ ฉัตร พัดโบกบังสูริย์ ๑ เรือขบวรหลัง เรือพายม้า ๒ แจวบ้าง ๒ พายบ้าง มีคนถือธงอยู่กลางลำ ๆ ละคน ประมาณ ๕๐ ลำ เรือขบวรแห่เหล่านี้ เปนขบวรแห่เทวรูปเตรียมอยู่ที่เกาะพระ

ที่เกาะบางปอินนั้น ตำรวจหน้าหลังจัดเรือพายม้า ๒ แจวบ้าง ๒ พายบ้างประมาณ ๒๐ ลำ มีคนถือธงอยู่กลาง เจ้ากรม ปลัดกรม จ่า ลงประจำอยู่ทุกลำคอยแห่เสด็จ

เวลาบ่าย ๔ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงทรงเรือพระที่นั่งสุนทรทิพอาสน์ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรในวันก่อน เรือตำรวจก็แห่นำเสด็จขึ้นไปตามลำน้ำ เรือตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้น เรือกันเชียง ๒ ลำ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ลำ ๑ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ลำ ๑ เรือเคนูลำ ๑ พระบรมวงศานุวงศ์ลงในนั้นประมาณ ๕ ลำ เรือสำปั้นพาย ๓ ลำ เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่เรือเทวรูปซึ่งจอดอยู่ที่เกาะพระ ทรงจุดเทียนแล้วเสด็จออกจากที่นั้น ขบวรแห่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็แห่นำตามเสด็จพระราชดำเนิรล่องลงมาเปนลำดับ แล้วเรือขบวรแห่เทวรูปก็ตามลงมาภายหลัง แลดูธงไสวไปทั่วทั้งลำน้ำ เสียงฆ้องกลองแลพิณพาทย์แตรสังข์ดังสนั่นกึกก้องเปนที่สนุกสนานยิ่งนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรือพระที่นั่งมาถึงเกาะบางปอิน ประทับที่เรือพระที่นั่งปิกนิกลำใหญ่ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ขบวรแห่ ๆ เทวรูปมาตามลำดับ ครั้นถึงท่าตรงเป้าก็จอดเรือณที่นั้น แลเจ้าพนักงานเชิญเทวรูปขึ้นบนยานเพดานผ้าขาวเปนฉัตร ๕ ชั้น เชิญกระถางธูปขึ้นบนยานเพดานผ้าขาวชั้น ๑ ขบวรแห่บกนั้น คือแตรวง ๑ ทหารถือปืนประมาณ ๑๐๐ คน คนถือธงประมาณ ๕๐๐ คน จีนถือธงประมาณ ๓๐๐ คน สิงห์โต ๓ วง เล่าโก๊ ๑๐ วง กลองยาว ๑ กลองแขก ๑ แล้วถึงคนถือฉัตร ๔ คน แล้วถึงกระถางธูปเทวรูป ขบวรหลัง มีคนถือธงตามประมาณ ๑๐๐ รวมขบวรแห่นายไพร่ ๒๐๖๖ คน ครั้นเชิญเทวรูปขึ้นจากเรือแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพลับพลาทรงปืน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ขบวรแห่ ๆ เทวรูปมาตามถนนเป้า ครั้นเทวรูปมาถึงที่นั้น เจ้าพนักงานเชิญเทวรูปเข้าประดิษฐานไว้ในเหมมณเฑียรเทวราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนสังเวยแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้หลวงโลกทีปเบิกแว่นเวียนเทียนให้ราษฎรเวียนครบ ๓ รอบแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นพลับพลาซึ่งอยู่ริมเหมมณเฑียรเทวราชด้านเหนือ ทรงจุดเทียนธูปนมัสการพระพุทธปฏิมากรพระไชยเนาวโลหะ แล้วพระพรหมเทพาจารย์ถวายศีล ครั้นทรงรับศีลแล้ว พระสงฆ์ ๕ รูปก็เจริญสัตตปริตแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับพระที่นั่งวโรภาสพิมาน ทอดพระเนตรงิ้ว แล้วเสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้มีการเล่นงิ้วโรง ๑ หุ่นจีนโรง ๑ หุ่นหกเกี้ยนโรง ๑ มีทั้ง ๓ วันเปนการสมโภชเทวรูป

พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ

----------------------------

พระสงฆ์รับบิณฑบาตเวร

พระสงฆ์ซึ่งได้ปันเปนเวรรับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังนั้น ได้ทราบความตามบาญชีในกรมสังฆการีย์ เปนพระสงฆ์วันละ ๑๐๐ รูป ผลัดเปนวันกันดังนี้

๑ วันอาทิตย์นั้น พระสงฆราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญอันดับ วัดมหาธาตุ ๑ วัดชนะสงคราม ๑ วัดบวรมงคล ๑ รวม ๓ พระอาราม ๒ วันจันทร์ พระสงฆ์ราชาคณะถานานุกรมเปรียญอันดับ วัดราชบุรณะ ๑ วัดกัลยาณมิตร ๑ รวม ๒ พระอาราม ๓ วันอังคาร พระสงฆ์ราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญอันดับ วัดระฆังโฆสิตาราม ๑ วัดอมรินทราราม ๑ วัดรังษีสุทธาวาส ๑ รวม ๓ พระอาราม ๔ วันพุธพระสงฆ์ราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญอันดับ วัดพระเชตุพน ๑ วัดนาคกลาง ๑ วัดดาวดึงส์ ๑ รวม ๓ พระยาราม ๕ วันพฤหัสบดี พระราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญ วัดบวรนิเวศวิหาร ๑ วัดราชประดิษฐ ๑ วัดราชบพิธ ๑ วัดบุรณะศิริมาตยาราม ๑ วัดบรมนิวาส ๑ วัดพระนามบัญญัติ ๑ วัดโสมนัสวิหาร ๑ วัดตรีทศเทพ ๑ วัดบุบผาราม ๑ วัดพิไชยญาติ ๑ รวม ๑๐ พระอาราม แต่พระสงฆ์อันดับนั้นมีแต่วัดบวรนิเวศ วัดราชประดิษฐ วัดราชบพิธ วัดบุรณะศิริ ๔ วัดเท่านี้ นอกนั้นพระอันดับไม่ต้องมารับบิณฑบาตเวร ๖ วันศุกร์ พระสงฆ์ราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญอันดับ วัดสุทัศน์เทพวราราม ๑ วัดสระเกศ ๑ รวม ๒ พระอาราม ๗ วันเสาร์ พระสงฆ์ราชาคณะพระครูถานานุกรมเปรียญอันดับ วัดอรุณราชวราราม ๑ วัดหงส์รัตนาราม ๑ วัดราชสิทธาราม ๑ วัดโมลีโลก ๑ วัดสังข์กระจาย ๑ รวม ๕ พระอาราม

พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์

----------------------------

 

  1. ๑. พระยานรนาถภักดี (เถียร) ภายหลังได้เปนพระยาโชฎึกราชเศรษฐี

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ