เดือน ๑๐ จ.ศ. ๑๒๓๘ (๑)
กติกมาศ คือ เดือน ๑๒
ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ พระพุทธสาสนายุกาลล่วงแล้วได้ ๒๔๑๙ พรรษา ตรงกับคฤศตศักราช ๑๘๗๖
วัน | ค่ำ | วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ | เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล | วันที่อย่างยุโรป | จดหมายบอกการ | ||
เดือน | วัน | วันที่ | เดือน | ||||
๔ | ๑ | ๒๘๙๙ | ๕ | ๑๘ | ๑๐ | ||
๕ | ๒ | ๒๙๐๐ | ๕ | ๑๕ | ๑๙ | ๑๐ | |
๖ | ๓ | ๒๙๐๑ | ๕ | ๑๖ | ๒๐ | ๑๐ | |
๗ | ๔ | ๒๙๐๒ | ๕ | ๑๗ | ๒๑ | ๑๐ | |
๑ | ๕ | ๒๙๐๓ | ๕ | ๑๘ | ๒๒ | ๑๐ | |
๒ | ๖ | ๒๙๐๔ | ๕ | ๑๙ | ๒๓ | ๑๐ | |
๓ | ๗ | ๒๙๐๕ | ๕ | ๒๐ | ๒๔ | ๑๐ | |
๔ | ๘ | ๒๙๐๖ | ๕ | ๒๑ | ๒๕ | ๑๐ | |
๕ | ๙ | ๒๙๐๗ | ๕ | ๒๒ | ๒๖ | ๑๐ | |
๖ | ๑๐ | ๒๙๐๘ | ๕ | ๒๓ | ๒๗ | ๑๐ | |
๗ | ๑๑ | ๒๙๐๙ | ๕ | ๒๔ | ๒๘ | ๑๐ | |
๑ | ๑๒ | ๒๙๑๐ | ๕ | ๒๕ | ๒๙ | ๑๐ | |
๒ | ๑๓ | ๒๙๑๑ | ๕ | ๒๖ | ๓๐ | ๑๐ | |
๓ | ๑๔ | ๒๙๑๒ | ๕ | ๒๗ | ๓๑ | ๑๐ | ลอยพระประทีปตามเคย |
๔ | ๑๕ | ๒๙๑๓ | ๕ | ๒๘ | ๑ | ๑๑ | ลอยพระประทีป |
เดือน ๑๐ นี้ คือ เดือนออกโตเบอ
ท. อ. ว.
กติกมาส คือ เดือน ๑๒
ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ พระพุทธสาสนายุกาลล่วงแล้ว
ได้ ๒๔๑๙ พรรษา ตรงกับคฤศตศักราช ๑๘๗๖
วัน | ค่ำ | วันที่ในรัชกาลปัตยุบันนี้ | เศษวันซึ่งล่วงแล้วในพุทธกาล | วันที่อย่างยุโรป | จดหมายบอกการ | ||
เดือน | วัน | วันที่ | เดือน | ||||
๕ | ๑ | ๒๙๑๔ | ๖ | ๒ | ๑๑ | ลอยพระประทีปตามเคย | |
๖ | ๒ | ๒๙๑๕ | ๖ | ๑ | ๓ | ๑๑ | |
๗ | ๓ | ๒๙๑๖ | ๖ | ๒ | ๔ | ๑๑ | |
๑ | ๔ | ๒๙๑๗ | ๖ | ๓ | ๕ | ๑๑ | |
๒ | ๕ | ๒๙๑๘ | ๖ | ๔ | ๖ | ๑๑ | |
๓ | ๖ | ๒๙๑๙ | ๖ | ๕ | ๗ | ๑๑ | |
๔ | ๗ | ๒๙๒๐ | ๖ | ๖ | ๘ | ๑๑ | |
๕ | ๘ | ๒๙๒๑ | ๖ | ๗ | ๙ | ๑๑ | |
๖ | ๙ | ๒๙๒๒ | ๖ | ๘ | ๑๐ | ๑๑ | |
๗ | ๑๐ | ๒๙๒๓ | ๖ | ๙ | ๑๑ | ๑๑ | พิธีฉัตรมงคล |
๑ | ๑๑ | ๒๙๒๔ | ๖ | ๑๐ | ๑๒ | ๑๑ | สมโภชพระที่นั่ง |
๒ | ๑๒ | ๒๙๒๕ | ๖ | ๑๑ | ๑๓ | ๑๑ | สมโภชพระที่นั่ง |
๓ | ๑๓ | ๒๙๒๖ | ๖ | ๑๒ | ๑๔ | ๑๑ | สมโภชพระที่นั่ง |
๔ | ๑๔ | ๒๙๒๗ | ๖ | ๑๓ | ๑๕ | ๑๑ | |
๕ | ๑๕ | ๒๙๒๘ | ๖ | ๑๔ | ๑๖ | ๑๑ |
เดือน ๑๑ นี้ คือ เดือนโนเวมเบอ
ท. อ. ว.
ในวันอาทิตย์ เดือน ๑๐ ขึ้นค่ำ ๑ เวลาเช้าพระสงฆ์วัดหนัง ๑๐ รูป พระราชกระวี ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับ ๗ ได้รับพระราชทานฉัน ที่พระที่นั่งดุสิดารมย์ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพระยาภูธราภัย ๑ พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่ายประมาณ ๕ โมงเศษ กราบถวายบังคมลากลับออกมา แล้วพระยาอภัยรณฤทธิเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาพิพัฒโกษานำใบบอกพระยานนทบุรีผู้ว่าราชการเมืองนนท์ ๑ พระยาสมทบุรานุรักษ ผู้ว่าราชการเมืองสมุทปราการ ๑ พระสมุทสาครานุรักษ ผู้ว่าราชการเมืองสมุทสาคร ๑ พระยาสุนทรบุรีศรีพิไชยสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองนครไชยศรี ๑ รวม ๔ ฉบับ ความต้องกัน ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ในบอกนั้นมีความว่า ได้รับท้องตราซึ่งมีไปจากกรุงเทพ ฯ เรื่องให้เจ้าเมืองกรมการจัดกำนันตั้งซื้อขายโคกระบือนั้นแล้ว แลเจ้าเมืองกรมการได้ทำตามท้องตราทุกประการ แลพระยาพิพัฒโกษาได้กราบถวายบังคมลาไปชำระความผู้ร้ายที่เมืองชลบุรี แล้วพระยาราชเสนานำใบบอกพระยาอุไทยมนตรี ผู้ว่าราชการเมืองปราจิณบุรี ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับ ๑ มีความว่า นายเทดมาฟ้องว่า ผู้ร้ายลักเอากระบือของนายเทดไป แล้วนายเทดไปจับกระบือได้ที่บ้านนายโฉม แล้วนายจ้อยมาร้องว่า นายเทดบังอาจเข้าไปตู่จับกระบือถึงในบ้านนายโฉม พระยาปราจิณบุรีชำระได้ความว่า นายจ้อยจ้างนายโฉมมาฟ้องนายเทด เวลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันจันทร เดือน ๑๐ ขึ้น ๒ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ออกมาทรงประเคนพระสงฆ์ฉันเวร ที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์วัดสุวรรณาราม พระศีลาจารพิพัฒ ๑ ถานานุกรม ๒ พระอันดับ ๗ รวม ๑๐ รูป เวลาบ่าย ๓ โมง พระยาราชวรานุกูลเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ประมาณ ๓๐ นาทีกราบถวายบังคมลาออกมาจากเฝ้า เวลาย่ำค่ำพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระยาศรีสิงหเทพนำใบบอกหลวงวิจารณโกษาข้าหลวง พระสยามลาวบดีปลัดเมืองสระบุรี กราบบังคมทูลพระกรุณา ใจความว่ามีตราพระราชสีหโปรดเกล้า ฯ ว่าจัดช้างไปรับพระยาเจริญราชไมตรีที่เมืองปราจิณบุรีนั้น ได้ทราบเกล้าฯ แล้ว หลวงวิจารณโกษา พระสยามลาวบดี ได้จัดช้างออกจากเมืองสระบุรีไปถึงเมืองปราจิณบุรี พระยาอุไทยมนตรีบอกว่า พระยาเจริญราชไมตรีไปจากเมืองปราจิณบุรีแล้ว ให้มารับต่อเมื่อเวลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่นั้นเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น เวลาวันนี้พระมหาแฟงวัดพระนามบัญญัติถวายเทศน์มหาปธานสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงธรรมจบแล้วเสด็จขึ้น.
พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันอังคาร เดือน ๑๑ ขึ้น ๓ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมง พระสงฆ์วัดราชบุรณะ พระพินิตวินัย ๑ ถานานุกรม ๒ พระอันดับ ๗ รูป รวม ๑๐ รูป ได้รับพระราชทานฉันเวรที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาภาณุวงศมหาโกษาธิบดี ๑ พระยาราชวรานุกูล ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานเสด็จไปประทับที่ท่าราชวรดิษฐ เสด็จลงไปทอดพระเนตรเรือกลไฟพระที่นั่ง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหมื่นไวยวรนาถทำนั้น โปรดให้ใช้จักรเรือกลไฟพระที่นั่งลงไปถึงหน้าวัดอรุณราชวราราม แล้วให้กลับเรือพระที่นั่งใช้จักรขึ้นไปถึงหน้าวัดมหาธาตุ ก็กลับเรือพระที่นั่งมาประทับที่ท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ประทับที่ท่าราชวรดิษฐ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ลองใช้จักรเรือพระที่นั่งอิก เจ้าหมื่นไวยวรนาถก็ให้เปิดจักรแล่นลงไปกลับที่หน้าวัดอรุณราชวราราม แล่นขึ้นไปกลับที่สพานวัดมหาธาตุ แล้วแล่นเลยลงไปยังที่จอด ครั้นเวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ที่พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัยนั้น ครั้นเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น ในเวลาวันนี้พระมหาแฟงวัดพระนามบัญญัติถวายพระธรรมเทศนา.
พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพุธ เดือน ๑๐ ขึ้น ๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดพระเชตุพน ๖๐ รูป มีพระมงคลเทพเปนประธานได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดราชบุรณะ ๑๐ รูป มีพระอมรโมลีเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาบ่ายโมง ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กับพวกเสมียนเข้าออฟฟิศหลวง เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เจ้าพระยาภาณุวงศมหาโกษาธิบดี กับพระยาจ่าแสนยบดี เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมงนาน ขุนหลวงพระยาไกรศรี เจ้าหมื่นศรีสรรักษ หลวงพินิจจักรภัณฑ เข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมงเศษก็กลับออกมาหมด เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เสด็จประทับพระที่นั่งโทรน เสด็จออกแขกเมืองประเทศราชมลายู พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมกันถวายคำนับ เจ้าพนักงานแตรสังข์มโหรทึกประโคมพร้อมขึ้น ครั้นหยุดเสียงประโคมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ ดำรัสสั่งให้เจ้าพนักงานนำแขกเมืองไทรบุรี คือตนกูอามาน ๑ เจะฮำเดาะ ๑ เจะมัด ๑ เจะมะมุด ๑ สี่นาย เมืองปลิดนั้น คือพระสุนทรรายาผู้ช่วยราชการเมืองปลิด ๑ เลศรณ ๑ เสศตาปา ๑ เสศอาใบ ๑ ตนกูสะเลมัน ๑ หวันหมัดสามัญ ๑ หวันเดน ๑ เจ็ดนาย เมืองสตูน คือพระปักษาวาสะวารนินทรผู้ช่วยราชการ ๑ กูสะมะแอหาเกย ๑ เจะมัศหาสัน ๑ เจะสวัด ๑ สี่นาย รวม ๑๕ นาย เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กับแขกเมืองตรังกานู เมืองสงขา เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลากลับ ครั้นเข้ามาถวายคำนับพร้อมกัน พระนรินทรราชเสนีจึงทูลฉลอง นำแขกเมืองขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียนต้นไม้เงินทองเครื่องราชบรรณาการ จำนวนปีชวดอัฐศก ซึ่งเจ้าพระยาฤทธิสงครามรามภักดี ศรีสุลต่านมะหมัด เจ้าพระยาไทรบุรีกับรายามุดา พระเกไดสะวะรินทร พระชลสินธุสงครามไชย พระเกษตรไซสถลบุรินทร์ ศรีตวันกรมการเมืองไทรบุรี พระสุนทรรายา ผู้ช่วยราชการเมืองปลิด พระสุวะรินทภวัง เสศอาหรม เสศเดน เสศกาวิยะ ญาติพี่น้องศรีตวันกรมการเมืองปลิด พระยาอภัยนุราช ชาติรายาภักดีศรีอินดาราวิยาหยา พระยาสตูน พระปักษาวาสวาระนินบุตรศรีตวันกรมการเมืองสตูน นำให้แขกเมืองเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย เมืองไทรบุรีนั้น ต้นไม้ทองต้น ๑ สูง ๕ ศอก มีกิ่ง ๗ ชั้น ๘ ชั้นทั้งยอด มีกิ่ง ๒๘ กิ่ง มีดอกยอด ๑ มีดอกรายกิ่ง ๒๘ ดอก มีใบ ๕๙๔ ใบ ต้นไม้เงินต้น ๑ สูงต่ำมีกิ่งมีดอกมีใบเหมือนต้นไม้ทองเครื่องราชบรรณาการ หอกปลอกทองเถลิงทอง ๓ คู่ ปิไสไม้เขียนลาย ๒ คู่ ปิไสหวาย ๑๐ คู่ ผ้าขาวยาว ๘๐ ศอก ๔๐ พับ ผ้าขาวยาว ๕๐ ศอก ๔๐ พับ ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอก ๘๐ พับ พรมเทศ ๑๐ ผืน เมืองปลิดต้นไม้ทองต้น ๑ สูง ๒ ศอก ๕ นิ้ว มีกิ่ง ๔ ชั้น มีดอกยอด ๑ มีดอกรายกิ่ง ๖๓ ดอก มีใบ ๒๐๘ ใบ ต้นไม้เงินต้น ๑ สูงต่ำมีกิ่งมใบมีดอกเหมือนต้นไม้ทอง หอกปลอกทองเถลิงทอง ๑ คู่ ปิไสหวาย ๕ คู่ ผ้าขาวยาว ๘๐ ศอก ๒๐ พับ ผ้าขาวยาว ๕๐ ศอก ๒๐ พับ ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอก ๒๐ พับ ผ้าลายนอกอย่าง ๒๐ ผืน ผ้าลายชายสบัด ๒๐ ผืน ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอก แทนพรมเทศ ๑๐ ผืน ๒๐ พับ เมืองสตูนต้นไม้ทองต้น ๑ สูง ๒ ศอก ๔ นิ้ว มีกิ่ง ๔ ชั้น มีดอกยอด ๑ มีดอกรายกิ่ง ๑๖ ดอก มีใบ ๒๓๘ ใบ ต้นไม้เงินต้น ๑ สูงต่ำมีกิ่งมีใบมีดอกเหมือนต้นไม้ทอง หอกปลอกทอง เถลิงทอง ๑ คู่ หอกปลอกเงินเถลิงเงิน ๑ คู่ หอกปลอกทองเลว ๕ คู่ ปิไสหวาย ๕ คู่ ผ้าขาวยาว ๘๐ ศอก ๒๐ พับ ผ้าขาวยาว ๕๐ ศอก ๒๐ พับ ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอก ๒๐ พับ ผ้าลายนอกอย่าง ๒๐ ผืน ผ้าลายชายสบัด ๒๐ ผืน ผ้าขาวยาว ๒๔ ศอก แทนพรมเทศ ๑๐ ผืน ๒๐ พับ ครั้นพระนรินทรราชเสนีทูลฉลองเสร็จแล้ว พวกแขกเมืองจึงถวายคำนับพร้อมกันครั้ง ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงรับสั่งปฏิสัณฐารแก่แขกเมืองมีใจความว่า ตั้งแต่เจ้าพระยาไทรกลับออกไปจากกรุงเทพ ฯ มีความสุขสบายดีอยู่หรือ พระนรินทรจึงบอกกับแขกเมือง ๆ จึงบอกกับพระนรินทรราชเสนีให้กราบบังคมทูลพระกรุณา เดชะพระบารมีปกเกล้า ฯ สบายดีอยู่ จึงดำรัสสั่งอิกว่า พระยาปลิดตาย พระสุนทรรายาจะได้เปนที่แทน เรามีความยินดี ขอให้รักษาบ้านเมืองให้อยู่เย็นเปนสุข ตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อนนั้น พระนรินทรราชเสนี บอกกับพระสุนทรรายาแขกเมืองปลิด พระสุนทรรายาถวายคำนับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงดำรัสอิกว่า พระยาสตูนชรามาก มีโรคเบียดเบียฬอยู่บ้างฤๅ พระนรินทรราชเสนีบอกกับแขกเมืองสตูน แขกเมืองสตูนบอกกับพระนรินทรราชเสนีให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระยาสตูนชรามีโรคอยู่บ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการ ให้เจ้าพนักงานพระราชทานเงินตราเสื้อผ้ากับแขกเมืองตรังกานู อุรังกายอเดหวาอินดาหรา ๑ หวันมุดา ๑ หวันหลง ๑ เงินตราคนละ ๕ ตำลึง รวม ๑๕ ตำลึง เสื้ออัตลัดดอกอย่างแขก ๓ เสื้อ ผ้าเช็ดหน้าลายวิลาศ ๓ ผืน เจะมะหมัด เงินตรา ๓ ตำลึง เสื้ออัตลัดลายอย่างแขก ๑ ผ้าเช็ดหน้าตาตราง ๑ แขกไพร่เงินตราคนละกึ่งตำลึง รวมเปนเงิน ๑๑ ตำลึง แลพระราชทานเสื้อผ้าเครื่องโภชนาหาร ไปพระราชทานพระไชเยนทรฤทธิรณรายามุดา ที่พระยาตรังกานู เสื้อโหมดเทศ ๑ เสื้อเข้มขาบริ้วดี ๑ เสื้อยี่ปุ่นแพรหงอนไก่ ๑ อย่างแขกทั้งสิ้น ตาดทองตาดทองแดงติดขลิบ ๑ แพรขาวห่มเพลาะหงอนไก่ลาย ๑ ผ้ายกจีน ๒ ผืน ผ้าปูมไทย ๑ ผืน เข้าสาร ๑๐ เกวียน เกลือ ๑๐ เกวียนฝากไปพระราชทานตนกูสะเปีย เงินเหรียญนก ๒๐๐ เหรียญ แล้วจึงดำรัสสั่งว่า พวกตรังกานูสบายดีไม่มีเจ็บไข้หรือ พระนรินทรราชเสนีบอกกับพวกแขกตรังกานู ๆ บอกกับพระนรินทรราชเสนี ให้กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เดชะพระบารมีปกเกล้า ฯ มีความสบายดีอยู่ ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยถวายคำนับ เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์มโหรทึก แขกเมืองก็กลับออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในเวลาออกแขกเมืองนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ปีกทหารราชวัลลภรักษาพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย สวมเสื้อปีกตามธรรมเนียม แลมีทหารยืนรายรับแขกเมือง ตามทางที่แขกเมืองจะเข้าไปตลอด ล้วนแต่งเต็มยศทั้งสิ้น
เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการบ้างเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ขึ้นไปบนพระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท จุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ ๕ รูป มีพระวินัยรักขิตวัดบุญศิริเปนประธาน กับพระถานานุกรมวัดราชประดิษฐ ๔ รูป สวดพระพุทธมนต์ในการหล่อพระพุทธชนม์พรรษาบนพระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท เจ้าพนักงานได้เชิญพระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้ มีเครื่องตั้งบูชาพร้อม ที่โรงทองมีเตาเบ้าหลอมแลหุ่นพระพุทธชนมพรรษา มีราชวัตรฉัตรกระดาษล้อมรอบ เจ้าพนักงานสังฆการียได้วงสายสิญจน ตั้งแต่พระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาทมาจนถึงโรงทอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับ นามหญ้าจนเวลาทุ่ม ๑ เสด็จขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลายาม ๑ ก็กลับออกมา
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ ขึ้น ๕ ค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ถวายพรพระ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่โรงทอง พอพระสงฆ์ถวายพรพระจบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ไปประเคนสำรับพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว พอได้พระฤกษ์เวลาบ่าย ๓ โมง ๔๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผสมทองคำใบลงในเบ้าซึ่งหลอมเงินแล้ว จึงทรงเทเบ้าซึ่งหลอมเงินลงในหุ่นพระพุทธรูปพระชนมพรรษา พระสงฆ์จึงสวดชยันโต เจ้าพนักงานก็ประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ตามธรรมเนียมเสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ไปถวายของไทยธรรมแก่พระสงฆ์เสร็จแล้วเสด็จขึ้น
อนึ่งเวลาวันนี้พระสงฆ์วัดราชบพิธ ๑๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระพุทธนิเวศน์ ในวันสิ้นพระชนมในกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์แห่งหนึ่ง กับพระสงฆ์ได้รับพระราชฉันที่โรงช้าง ๒ โรง ซึ่งเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงเปนผู้ทำโรงละ ๕ รูป มีพระคุณาจาริยวัตร แลพระมงคลเทพมุนีเปนประธาน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ไปจุดเทียนแลประเคนสำรับพระสงฆ์ที่พระพุทธนิเวศน์แลที่โรงช้างทั้ง ๒ โรง เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ มีการแห่พระเศวตวรสรรพางค์ แลพระเศวตวิสุทธิเทพาสองช้างนี้ แต่วังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ไปสู่โรงซึ่งทำใหม่ทั้งสองนั้น
เวลาเย็นย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านใต้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระพุทธนิเวศน์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แล้วพระสงฆ์ ๑๐ รูป ซึ่งได้รับพระราชทานฉันเมื่อเวลาเช้านั้น ก็เจริญพระพุทธมนต์ในอนัตตลักขณสูตรแลพระสังคิณีมาติกาจบแล้ว ทรงทอดผ้าไตร ๑๐ ไตร พระสงฆ์ ๑๐ รูป ที่สวดพระพุทธมนต์สดัปกรณแล้ว พระปลัดธรรมทิน ก็ถวายธรรมเทศนาในบัณฑิตบัญญัติสัปปุริสบัญญัติจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายไทยธรรมต่าง ๆ เสร็จแล้ว พระที่ถวายเทศน์นั้นก็ไปรับของไทยธรรม ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายในถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแจกเงินพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แล้ว พระสงฆ์ก็ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น อนึ่งเวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขาว พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการสวมเสื้อฟรอกโก๊ตบ้าง ตามธรรมเนียมบ้าง
กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันศุกร เดือน ๑๐ ขึ้น ๖ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆวัดสระเกศ ๑๐ รูป มีพระธรรมทานาจารย ๑ เปนประธาน พระถานานุกรม ๑ พระสงฆอันดับ ๘ รวมพระสงฆ ๑๐ รูป ได้เข้าไปรับพระราชทานฉันเวร ในพระที่นั่งดุสิดาภิรมยตามธรรมเนียม ครั้นเวลา ๔ โมงเช้า พระสงฆฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ขุนหลวงพระยาไกรศรี ๑ หลวงสารประเสริฐ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลาบ่าย ๓ โมง ก็กราบถวายบังคมลาออกมาจากที่เฝ้า ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลาย่ำค่ำก็ถวายบังคมลากลับออกมาจากที่เฝ้า พระยาจ่าแสนยบดี ๑ พระยาศรีสิงหเทพ ๑ ก็เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ประมาณ ๒๐ นาที พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จึงได้เข้าไปเฝ้าตามธรรมเนียมเหมือนอย่างทุกวัน ในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับตรัสด้วยกิจราชการต่าง ๆ อยู่ประมาณทุ่ม ๑ เสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยกลับออกจากที่เฝ้า
พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันเสาร เดือน ๑๐ ขึ้น ๗ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ เสด็จมาทรงจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย พระสงฆวัดเทพธิดาราม พระสุธรรมธีรคุณ ๑ พระถานานุกรม ๓ พระอันดับ ๖ รวม ๑๐ รูป ได้รับพระราชทานฉันเวรในเวลาวันนี้
เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์เข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าตามธรรมเนียม พระนรินทรราชเสนีนำใบบอกพระยาอมรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี ๒ ฉบับ กราบบังคมทูลพระกรุณา ฉบับ ๑ ใจความว่า ข้าหลวงผูกปี้ได้ออกไปถึงเมืองราชบุรี ได้ผูกปี้จีนแลส่งเงินปี้จีนมายังกรุงเทพ ฯ ฉบับ ๑ ใจความว่า ได้จัดการขายโคกระบือเสร็จแล้ว อนึ่งเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนสั่งพระนรินทรราชเสนี ให้กราบบังคมทูลพระกรุณา ด้วยจะทำการศพพระสัจจาภิรมยณเมืองราชบุรี ณวันเดือน ๑๐ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ขอรับพระราชทานหีบศิลาหน้าเพลิง เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น.
พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงแต่ง
----------------------------
วันอาทิตย เดือน ๑๐ ขึ้น ๘ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ เสด็จออกมาทรงประเคนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย พระสงฆฉันเวรวันนี้ คือพระสุคุณคณาภรณ ๑ ถานานุกรม ๓ พระอันดับ ๑๖ รวมพระสงฆวัดเครือวัลย์ ๒๐ รูปตามธรรมเนียมวันพระ
ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกสนามหญ้า กรมราชบัณฑิตนำหนังสือพระคัมภีรพระวชิรพุทธฎีกาปริวาร ๑๗ ผูกทูลเกล้าฯ ถวายทรงปิดทอง กับหนังสือพระคัมภีรพระอรรถกถาปฏิสัมภิทามรรค ๖ ผูก ทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงร้อยหูหนังสือแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หมื่นเทพลายวรรณ ช่างสลักซ้ายเปนขุนสิทธิกรนก ปลัดกรมช่างสลักขวา ถือศักดินา ๓๐๐ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หมื่นเทพสารบี ช่างสลักซ้ายบุตรพระยาจินดารังสรรค์ เปนหมื่นสุวรรณสาคร ปลัดกรมช่างสลักขวาถือศักดินา ๒๐๐ ครั้นพระราชทานสัญญาบัตรแล้ว เวลาประมาณ ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ทรงแต่ง
----------------------------
วันจันทร เดือน ๑๐ ขึ้น ๙ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆวัดจักรวรรดิราชาวาสได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย ๑๐ รูป พระวรญาณมุนี ๑ ถานานุกรม ๑ อันดับ ๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เวลาประมาณทุ่มเศษกราบถวายบังคมลากลับออกมา แล้วพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาศรีสิงหเทพนำใบบอกพระยาเจริญราชไมตรีขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ฉบับหนึ่งว่า พระยาเจริญราชไมตรีได้กราบถวายบังคมลาออกจากเมืองศรีโสภณ พร้อมด้วยข้าหลวงไปถึงเมืองพระตบองแล้ว แลได้รับหนังสือของเปรซิเดนฝรั่งเศสฉบับ ๑ กับพระยาเจริญราชไมตรตอบไปฉบับ ๑ แล้วพระยาเจริญราชไมตรีมีไปถึงพระยาประเสริฐสุริยวงศ์ฉบับ ๑ เนื้อความในหนังสือเปรซิเดนฝรั่งเศสซึ่งมีมาถึงพระยาเจริญราชไมตรี แลพระยาเจริญราชไมตรีตอบไปถึงเปรซิเดนฝรั่งเศส แลมีไปถึงพระยาประเสริฐสุริยวงศ์นั้น พระยาเจริญราชไมตรีได้ส่งเข้ามาด้วยแล้ว พระนรินทรราชเสนีนำใบบอกเมืองประทุมธานี ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับ ๑ ว่าด้วยเรื่องได้ให้กรมการคุมเงินปี้จีนลงมาส่งณกรุงเทพ ฯ แล้วพระราชทานพานหมากทองคำกระโถนทองคำ คนโททองคำ แก่พระยาอุไทยธรรมจางวางกรมภูษามาลาเปนเครื่องยศ เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ทรงแต่ง
----------------------------
วันอังคาร เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดราชสิทธารามได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสังวรานุวงศ์เถร ๑ ถานานุกรม ๒ พระพิธีธรรม ๑ พระอันดับ ๖ รวมพระสงฆ์ ๑๐ รูป
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระยาจ่าแสนย์บดี พระยาศรีสิงหเทพ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาย่ำค่ำพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เสด็จขึ้นเวลาทุ่มเศษ.
พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ทรงแต่ง
----------------------------
งานสมโภชช้างเผือกเมืองกาญจนดิษฐ
วันพุธ เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภาทรงพระราชยานลงยาราชาวดีเสด็จทางประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวป้อมเผด็จดัสกรประทับที่พลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธวรรย แลเวลานั้นฝนตกหนัก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นำช้างพลายสำคัญ ซึ่งมาจากเมืองกาญจนดิฐ สูงสองศอกแปดนิ้วขึ้นจากเรือลอดโขลนทวาร มีพราหมณพฤฒิบาศราชบัณฑิตประน้ำมนต์ แลปล่อยนกเขาปล่อยไก่ตามธรรมเนียมซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน แล้วแห่ช้างสำคัญมาเข้าในโรงสมโภช กระบวรแห่ช้างสำคัญนั้นคือ ธงมังกร ๑๕๐ คู่ กลองชนะ ๒๐ คู่ แตรงอน ๔ คู่ แตรฝรั่ง ๗ คู่ สังข ๑ คู่ แซ่หางม้า ๓ คู่ กระบองกลึง ๘ คู่ คู่แห่ ๕๐ คู่ เครื่องสูงสองสำรับ พระกันภิรมย์ ๓ องค์กันฉิ่งเกล็ด ๕ คู่ พราหมณพฤฒิบาศเชิญพระเทวกรรมองค์ ๑ ราชมันถือโต๊ะอ้อย ๓ คู่ โต๊ะกล้วย ๓ คู่ หม้อน้ำเงิน ๓ คู่ ช้างเผือกซึ่งลงไปรับนั้น พระเศวตวรสรรพางค์ ๑ พระเศวตวิสุทธิเทพา ๑ ช้างนำ ๔ ช้าง เชือกบาศ ๑ พังต่อ ๑ พอช้างสำคัญเข้าไปในโรงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงพระราชยานไปประทับในโรงช้างทรงถวายผ้าไตรแก่พระราชาคณะถานานุกรมเปรียญ ๓๖ รูป ครั้นพระสงฆ์ครองผ้าแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนธูปเครื่องนมัสการ พระพิมลธรรมถวายศีลแลเจริญพระพุทธมนตสัตตปริต ครั้นจบแล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณถวายเทียนแก่พระสงฆ์ พระพิมลธรรมถวายอติเรกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงพระราชยานเข้าประตูเทวาพิทักษ ประทับณพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้น
อนึ่งโปรดเกล้า ฯ ให้มีการเล่นสมโภชนั้น รำโคม ๑ สิงโตมังกร ๑ หนังสองโรง โขนโรง ๑ ลครโรง ๑
พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันพฤหัสบดี เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษพระสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร ๗๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดาเปนประธานได้เข้ารับบิณฑบาต ในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกณพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ ตามเสด็จบนนั้นด้วย พร้อมกระบวรแห่หน้าหลัง ออกทางประตูเทวาพิทักษประทับโรงช้างสำคัญทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระพิมลธรรมถวายศีล พระสงฆ์ถวายพรพระ พระสงฆ์สวดจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนพระพิมลธรรม แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการเข้าประฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรถวายของพระสงฆ์ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าที่ยังทรงพระเยาว์ถวายของพระสงฆ์ต่อไป ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระพิมลธรรมถวายยถา พระธรรมเจดีย์ถวายอติเรก พระสงฆ์กลับไปวัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นเกยทอดพระเนตรช้าง ประทับอยู่ที่โรงช้างสำคัญจนเวลาเที่ยงเศษเสด็จขึ้นทรงพระราชยานมาประทับพลับพลา ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระราชโองการให้เจ้าพนักงานกรมช้างนำช้างสำคัญออกมาทอดพระเนตรหน้าพลับพลา แลให้นำพระเศวตวรสรรพางค์กับพระเศวตวิสุทธิเทพามาทอดพระเนตรเปรียบกับช้างใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จขึ้นทรงพระราชยานกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง ในเวลาเช้าวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียรบับสีฟ้า ทรงสายสพายสีเขียวทรงตราอิตลีแลดวงตราหนึ่งดวง ดวงตรานพรัตนราชวราภรณหนึ่งดวง ดวงตรามหาวราภรณช้างเผือกหนึ่งดวง ดวงตรามหาสุราภรณมงกุฎสยามหนึ่งดวง พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยสวมเสื้อเยียรบับคาดครุยติดตราตามตำแหน่งยศของตนแลตน
ครั้นเวลาบ่ายโมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ กับพระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติกับพวกเสมียนเข้าออฟฟิศหลวง เวลาบ่าย ๒ โมงพระยาไกรศรี เจ้าหมื่นศรีสรรักษพระศรีธรรมสาสนเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๒ โมงนานพระศรีธรรมสาสนออก เวลาบ่าย ๓ โมง พระยาไกรศรี เจ้าหมื่นศรีสรรักษออก เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระดิษฐการภักดี หลวงพินิจจักรภัณฑเข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๓ โมงเศษออก
เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นประทับเกยหน้าพระทวารพรหมโสภาเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณตามเสด็จบนนั้นด้วย เสด็จออกทางประตูพิมานไชยศรี วิเศษไชยศรีมาประทับโรงช้างสำคัญ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ สมเด็จพระวันรัตนถวายศีลพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ทวาทศปริต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลา ๒ ทุ่ม พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์จบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ถวายเทียนพระสงฆ์ สมเด็จพระวันรัตนถวายอติเรก พระสงฆ์ก็กลับวัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรียกข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในโรงช้างสำคัญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรกลับเข้าในพระบรมมหาราชวังโดยทางเดิม
ในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เต็มยศอย่างทหารราชวัลลภรักษาพระองค์ ทรงสายสพายสีชมภูติดตราเครื่องราชอิศริยยศจุลจอมเกล้า ดวงตราจุลจอมเกล้าดวงหนึ่ง ดวงตรานพรัตนราชวราภรณหนึ่งดวง ดวงตรามหาวราภรณช้างเผือกสยามหนึ่งดวง ดวงตรามหาสุราภรณมงกุฎสยามหนึ่งดวง พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยแต่งเหมือนเวลาเช้า
สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันศุกร์ เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๓ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระที่นั่งราชยานถมปัดพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง มาประทับโรงสมโภชทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสงฆ์ ๓๖ รูปรับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ทรงถวายของไทยธรรมตามธรรมเนียม แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับพลับพลาหน้าโรงสมโภช เจ้าพนักงานกรมพระคชบาลนำช้างสำคัญซึ่งได้เข้ามาสู่พระบรมโพธิสมภารแต่ก่อน ๆ มา คือพระเศวตสุวภาพรรณ พระเศวตวรลักษณ พระเศวตวิสุทธิเทพา พระเทพคชรัตนกิรินี พระศรีสวัสดิเศวตวรรณ แลช้างสำคัญซึ่งได้มาใหม่ออกเดิรเปนลำดับกันมาถวายทรงทอดพระเนตร เวลาย่ำเที่ยงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่โรงสมโภช พระสงฆ์ ๓๖ รูป มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธานเจริญพระพุทธมนต์ทวาทศปริตจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับพลับพลาหน้าโรงสมโภชจนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น
กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันเสาร์ เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระที่นั่งราชยานลงยาราชาวดี ทรงฉลองพระองค์เยียรบับ ทรงเครื่องราชอิศริยยศนพรัตนราชวราภรณ์ ทรงตราสยามทั้ง ๔ องค์ พร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง เสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับในโรงที่สมโภชช้างเผือก ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการเสร็จแล้ว พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว เวลาย่ำรุ่งกับ ๔๒ นาทีได้ฤกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นเกยทรงพระเต้าศิลาซึ่งจาฤกพระอักษร แลพระมหาสังข์กับทั้งหม้อน้ำพระพุทธมนต์อื่น ๆ อิก ทรงรดน้ำช้างสำคัญซึ่งได้มาแต่เมืองกาญจนดิษฐ ในเวลานั้นพระสงฆ์ได้สวดชยันโต แลพนักงานประโคมก็ได้ประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ขึ้นพร้อมกัน แล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ เจ้าพระยาภูธราภัย ๓ รดน้ำช้างสำคัญนั้นด้วย แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับที่ตรงหน้าช้างสำคัญนั้นแล้ว พระเมธาธิบดีเจ้ากรมราชบัณฑิต จึงนำอ้อยแดง ๓ ท่อนทูลเกล้าฯ ถวาย แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรดน้ำสังขแลเจิมท่อนอ้อย ๓ ท่อนนั้น พระราชทานให้พระยาช้างเผือก ในที่ท่อนอ้อยจาฤกเปนชื่อช้างสำคัญดังนี้ว่า พระเศวตสุนทรสวัสดิ คชินทรรัตนสมบูรณ ศักดิตระกูลประทุมหัศดี เนตรนขฉวีโลมวิมล สารโสภณสกลพิเศษ ทุติยเศวตสุวรรโณภาส อัคนีเทวราชรังสรรค์ ชาติประจันต์กาญจนดิษฐ อเนกบุญฤทธิสมาคม เฉลิมบรมราชบารมีจอมธเรศตรีเบ็ญจมรัตน พิศาลสวัสดิประเสริฐเลิศฟ้า
ครั้นพระราชทานเล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาทรงบาตรพระสงฆ์ ๓๖ รูปที่ได้เจริญพระพุทธมนต์นั้น พระสงฆ์จึงได้ถวายพรพระ ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประเคนเครื่องเสวยแก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระราชอาสนเดิม จึงโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ปฏิบัติพระสงฆ์ เจ้าพนักงานก็ได้แต่งตัวพระเศวตสุนทรสวัสดิ ซึ่งได้รับพระราชทานอ้อยแดง ที่สมมติเรียกกันว่าขึ้นรวางตามธรรมเนียมเหมือนอย่างแต่ก่อน แลได้ผูกสายสร้อยทองคำที่ฅอตามธรรมเนียม แล้วพระยาจินดารังสรรค์ จึงนำแผ่นกระดานซึ่งจำหลักชื่อช้างสำคัญไปทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิมแล้ว จึงนำเอามาแขวนไว้ที่เสาโรงที่ประตูนั้น แล้วพระศรีสุนทรโวหารจึงนำเอาสัญญาบัตรกับดิปโลมาเข้ามาทูลเกล้า ฯ ถวาย เจ้าพนักงานโรงทองก็นำตราเครื่องราชอิศริยยศ ชื่อภูษนาภรณ ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พร้อมกับดิปโลมาแลสัญญาบัตร ให้พระกาญจนดิษฐบดี เปนพระยากาญจนดิษฐบดี ถือศักดินา ๒๐๐๐ แล้วจึงพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศ ภูษนาภรณ กับดิปโลมา แก่พระยากาญจนดิษฐ มีความในดิปโลมาดังนี้ว่า
สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม เปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในรัชกาลที่ ๕ ในพระบรมราชวงศ์ซึ่งได้ประดิษฐาน แลดำรงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา ในประเทศบางกอกนี้ เปนบรมราชธานีมหานครใหญ่ในแผ่นดินสยามทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ แลเปนเจ้าของตราเครื่องราชอิศริยยศช้างเผือกสยาม ขอแสดงความเรื่องนี้ แก่ท่านทั้งหลายทั้งปวงให้ทราบว่า พระยากาญจนดิษฐบดี ผู้ว่าราชการเมืองกาญจนดิษฐ มีความสวามิภักดิ ได้ให้หมอควาญเที่ยวโพนช้าง คล้องได้พระยาช้างเผือกพลาย ณตำบลป่าร่อนสวาดิจงสระ แขวงเมืองกาญจนดิษฐ มาบำรุงเลี้ยงรักษาเชื่องชาญดี แลนำมาถวายเปนพระเกียรติยศในแผ่นดินสยาม มีความชอบในราชการ จึงพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศตราช้างเผือกสยามชื่อภูษนาภรณเปนเกียรติยศสมควรแก่ความชอบ จงเจริญสรรพสิริ สวัสดิพิพัฒนมงคล ทฤฆชนมายุสุขสถาพรทุกประการ เทอญ
พระราชทานตั้งแต่วันเสาร์ เดือน ๓๐ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนปีที่ ๙ เปนวันที่ ๒๘๕๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้
พระราชหัดถ จุฬาลงกรณ ป.ร.
แล้วจึงพระราชทานโต๊ะทองคำโต๊ะ ๑ คนโททองคำคนโท ๑ เสื้อเยียรบับเสื้อ ๑ เสื้อสักหลาดเสื้อ ๑ ผ้าม่วงจีนผืน ๑ กับเงินตรา ๓ ชั่ง พระราชทานให้พระยากาญจนดิษฐไปแจกพวกไพร่ที่ทำการนั้น แล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้หมื่นคเชนทรหมอ ซึ่งเปนผู้คล้องได้ช้างสำคัญ เปนขุนยุพรัตนกรินทร ถือศักดินา ๔๐๐ พระราชทานเงินตรา ๓ ชั่ง เสื้อเข้มขาบก้านแย่ง ๑ เสื้อแพรจีนเจา ๑ ผ้าห่มนอนกำมหลิด ๑ แพรหงอนไก่ ๑ แพรโล่ผืน ๑ แพรซนตีว ๑ ผ้าปูมผืน ๑ ผ้าไหมผืน ๑ ผ้าลายยำมหวาด ๑ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้แก่หมื่นรักษโยธา ซึ่งเปนควาญคล้องได้ช้างสำคัญนั้น เปนหมื่นคเชนทรรักษ ถือศักดินา ๓๐๐ พระราชทานเงินตรา ๒ ชั่ง เสื้ออัตลัดดอกเล็ก ๑ เสื้อแพรจีนเจา ๑ ผ้าห่มกำมหลิด ๑ แพรหงอนไก่ ๑ แพรโล่ ๑ ผ้าปูมผืนหนึ่ง ครั้นพระราชทานแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรไปถวายของไทยธรรมแด่พระสงฆ์เสร็จแล้ว พระสงฆ์จึงถวายอนุโมทนา กรมพระปวเรศวริยาลงกรณจึงถวายอติเรก ครั้นจบแล้วพระสงฆ์ก็กลับ เจ้าพนักจึงตั้งต้นไม้ทอง ๒ ต้น เงิน ๒ ต้น บายศรีแก้วทองเงิน พระมหาราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชย จึงเบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชตามธรรมเนียม ครั้นเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จไปประทับพลับพลาพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในที่นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นำพระพิมลรัตนกิรินีมาทอดพระเนตรในที่นั้นประมาณ ๒๐ นาที เวลาเช้า ๒ โมง ก็เสด็จขึ้นทางประตูเทวาพิทักษ์
ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานลงยาราชาวดีเหมือนอย่างเวลาเช้า ทรงฉลองพระองค์เต็มยศอย่างทหารช้าง ทรงเครื่องราชอิศริยยศสายสพายมหาวราภรณกับองค์ตราอย่างสยามทั้ง ๔ องค์ พร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง เสด็จออกทางประตูเทวาพิทักษ์ มาประทับในโรงที่สมโภชช้างสำคัญ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าอยู่ที่นั้น พระมหาราชครูพิธีพระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชย จึงเบิกแว่นเวียนเทียนครบ ๓ รอบเหมือนอย่างเวลาเช้านั้น ครั้นเวียนเทียนเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน มาประทับพลับพลาทอดพระเนตรการเล่นฉลองมีรำโคมเปนต้น เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้นทางประตูเทวาพิทักษ์ ขึ้นยังพระที่นั่งอนันตสมาคม
พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ทรงแต่ง
----------------------------
ณวันอาทิตย์ เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน ในเวลาวันนี้ไม่มีราชการสิ่งใด เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น
พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงแต่ง
----------------------------