เดือน ๗ จ.ศ. ๑๒๓๘

แผ่นที่ ๑๑๑ ออกวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้นค่ำ ๑

ยาวตลอดเปนที่คนอยู่ได้ กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัยได้เสด็จอยู่ในที่นั้นจนตลอดกาลทิวงคต แล้วพระเจ้าบรมมไหยิกาเธอ กรมสมเด็จพระศรีสุดารัตนราชประยูรได้เสด็จประทับอยู่ในที่นั้นสืบมา ตลอดเวลารัชกาลที่ ๓ ครั้นพระพุทธสาสนกาลล่วงแล้ว ๒๓๙๔ พรรษา จุลศักราช ๑๒๑๓ ปีกุนตรีศก พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกสืบพระบรมราชวงศ์ ในรัชกาลที่ ๔ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ในพระธิดากรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ให้มีอิศริยยศเปนพระราชเทวี ทรงพระนามว่าพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ซึ่งได้เฉลิมพระนามในแผ่นดินปัตยุบันนี้ตามพระเกียรติยศ ซึ่งเปนพระบรมราชชนนีของพระเจ้าแผ่นดิน ว่ากรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ได้เสด็จอยู่ในที่พระตำหนักนี้กับด้วยพระเจ้าอาสืบมา ครั้นเมื่อพระพุทธสาสนกาล ๒๓๙๖ พรรษา จุลศักราช ๑๒๑๕ ปีฉลูเบ็ญจศก มีพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ได้ประสูติในพระตำหนักแฝดณสถานที่นี้ แล้วมีพระราชธิดาอิกพระองค์ ๑ ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี แต่มีพระราชกุมารอิก ๒ พระองค์ พระองค์ ๑ ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี พระองค์ ๑ ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ แล้วกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์เสด็จทิวงคตล่วงไป ในพระพุทธสาสนกาล ๒๔๐๔ พรรษา จุลศักราช ๑๒๒๓ ปีระกาตรีศก แลพระราชโอรสพระราชธิดาก็ได้เสด็จอยู่ในที่นี้สืบมา จนถึงพระพุทธสาสนกาล ๒๔๑๓ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๐ ปีมะโรงสัมฤทธิศก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระราชโอรสพระองค์ใหญ่ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรงพระนาม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๒ ออกวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้นค่ำ ๑

สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระราชดำริห์ว่าพระตำหนักเดิมนี้ เปนไชยภูมิมงคลสถานที่ประสูติของพระองค์ แลเปนที่เสด็จประทับสืบมาตามลำดับ มิได้มีผู้อื่นเข้ามาเจือปน จนถึงตลอดเวลาได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ได้เคยเสด็จประทับอยู่เปนที่สบายแต่เดิมมา จึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑรสุรสิงหนาทดำรัสสั่ง เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเปนแม่กอง พระยาสุรศักดิมนตรี จางวางมหาดเล็กเปนกงสี พระยาเวียงในนฤบาลเปนนายช่าง จัดการทำพระที่นั่งใหม่ ๒ องค์ โดยกว้าง ขื่อยาว ๕ วา เฉลียง ๑๑ ศอก รวมกว้าง ๗ วา ๓ ศอก ยาวในองค์ ๑๐ วา เฉลียง ๒ ด้าน ๑๑ ศอก รวมยาว ๑๒ วา ๓ ศอก สูงถึงพื้น ๖ ศอก ๗ นิ้ว เดี่ยวสูง ๓ วาศอก ๖ นิ้ว มีมุขหน้ากว้าง ๖ วา สูงพื้นเท่าหลังใหญ่ เดี่ยว ๑๐ ศอก องค์ข้างตะวันออกพระราชทานนามว่า พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ องค์ข้างตวันตกกว้างยาวสูงเท่ากันกับองค์ข้างตวันออกพระราชทานนามว่า พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ มีอัฒจันทร์ใหญ่ลงระวางกลางมุขทั้งสอง พระที่นั่งอิกองค์ ๑ ต่อไปข้างตวันตกพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ ยาวในองค์ ๕ วา ๒ ศอกคืบ ๒ นิ้ว เฉลียงสองด้าน ๒ วา รวม ๗ วา ๒ ศอกคืบ ๒ นิ้ว ขื่อยาว ๒ วา เฉลียงสองด้าน ๒ วา รวมกว้าง ๕ วา สูงถึงพื้น ๖ ศอกคืบ ๓ นิ้ว เดี่ยวสูง ๒ วาศอกคืบ ๒ นิ้ว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งดำรงสวัสดิอนัญวงศ์ อิกองค์ข้างตวันออกพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ ขื่อกว้าง ๔ วา ยาว ๖ วาศอกคืบ สูงแต่พื้น ๖ ศอกคืบ ๓ นิ้ว เดี่ยวสูง ๒ วา ๙ นิ้ว พระราชทานนามว่า พระที่นั่งพิพัฒพงศถาวรวิจิตร มีหอพระ ๒ หลัง ในระวางพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ กับพระที่นั่งพิพัฒพงศถาวรวิจิตรหลัง ๑ ในระวางพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ กับพระที่นั่งดำรงสวัสดิอนัญวงศ์ต่อกันหลัง ๑ ทั้ง ๒ หลัง ขื่อกว้างหลังละ ๑๐ ศอก คืบ ๘ นิ้ว ยาว ๔ วาศอก ๖ นิ้ว เดี่ยวสูง ๘ ศอก พื้นชั้น ๑ สูงศอกคืบ ๘ นิ้ว พื้นชั้น ๒ สูง ๖ ศอกคืบ ๒ นิ้ว แลโรงพระยาช้างเผือก ๔ โรงข้างหน้านั้น โปรดให้รื้อไปปลูกไว้หลังศาลาลูกขุน ในพระบรมมหาราชวัง แลให้ทำเขื่อนเพชร์ ด้านหน้าสูง ๒ วา กว้าง ๒ วา ยาว ๓๐ วา มีพระทวาร ๒ พระทวาร พระทวารหนึ่งกว้าง ๓ วา

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๓ ออกวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๒ ค่ำ

มีศาลา ๒ หลังอยู่ซ้ายขวา หลังหนึ่งขื่อ ๘ ศอก ยาว ๕ วา เฉลียงวา ๑ เดี่ยวสูง ๒ วาศอก ๘ นิ้ว พื้นสูงศอก ๑ เท่ากันทั้ง ๒ หลัง การยังหาสำเร็จลงไม่ ครั้นพระพุทธสาสนกาลล่วงแล้ว ๒๔๑๓ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๒ ปีมะเมียโทศก เสด็จพระราชดำเนิรไปประพาสเมืองสิงคโปร แลเมืองยวา เสด็จพระราชดำเนิรกลับ จึงทรงพระกรุณาโปรดฯ ให้สร้างพระที่นั่งใหม่อิกหลัง ๑ ในที่หลังพระที่นั่งเดิม ให้รื้อห้องเครื่องไปไว้ที่เพื่อนเพ็ชร์ในสวนขวา ให้เปลี่ยนโรงแกงไปไว้ที่ตำหนักกรมขุนกัลยาสุนทรเดิม แลให้เปลี่ยนคลังไปไว้ที่เรือนเจ้าคุณแข แลให้เปลี่ยนพระตำหนัก พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากรรณิกาแก้ว ไปอยู่ที่ตำหนักกรมขุนกัลยาสุนทร คนละครึ่งกับโรงแกง จึงได้จัดการสร้างพระที่นั่งลงโดยยาวในองค์ ๑๓ วา ๓ ศอก เฉลียง ๒ ด้าน ๑๑ ศอกคืบ รวมยาว ๓๔ วา ๒ ศอก ขื่อกว้าง ๕ วา ๓ ศอก เฉลียง ๒ ด้านกว้าง ๑๑ วาศอก รวมทั้งกว้าง ๘ วา ๒ ศอกคืบ พื้นชั้น ๑ สูงศอกคืบ ๔ นิ้ว พื้นชั้น ๑ สูง ๒ วาศอกคืบ เดี่ยวสูง ๔ ศอก ๖ นิ้ว มุขหน้าต่อกันกับพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติ กว้าง ๗ วา ๗ นิ้ว ยาว ๗ วา ๙ นิ้ว สูงพื้นล่าง ๒ วา ๑๑ นิ้ว เดี่ยวสูง ๓ วา ๓ ศอก มุขหลังกว้าง ๗ วา ๗ นิ้ว ยาว ๕ วาศอก สูงพื้นล่าง วา ๔ นิ้ว เดี่ยวสูง ๓ วาศอก ๔ นิ้ว มุขเล็กด้านหน้า ๒ มุข กว้างมุขละ ๔ วา ๒ ศอก ยาว ๓ วา ๒ ศอก พื้นชั้นล่าง ๒ ศอกคืบ ๔ นิ้ว พื้นชั้นกลาง ๒ วา ศอกคืบ เดี่ยวสูง ๑ วา ๓ ศอก ๖ นิ้ว เขื่อนเพ็ชร์ด้านหลัง ๒ ด้าน ยาว ๓๔ วา ๔ ศอก กว้าง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๔ ออกวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๒ ค่ำ

๖ ศอกคืบ ๖ นิ้ว สูง ๒ วาศอกคืบ กำแพงกั้นรอบจังหวัดพระที่นั่งตั้งแต่มุมพระที่นั่งพิพัฒพงศ์ถาวรวิจิตร์ เลี้ยวมาชนมุมเขื่อนเพ็ชร์สาย ๑ ตั้งแต่มุมเขื่อนเพ็ชร์ตวันตกมาชนพระปรัสขวาสาย ๑ พระราชทานนามว่า พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร

ครั้นพระพุทธสาสนกาล ๒๔๑๖ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๕ ปีระกาเบ็ญจศก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับณพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ แต่ยังหาได้ทำการเฉลิมพระราชมณเฑียรไม่ ครั้นพระพุทธสาสนกาล ๒๔๑๘ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๘ จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี ม.ส. ม.ป.จ. เปนแม่กอง ให้มิศเตอร์ยอนคลูนิชซึ่งเปนนายช่างหลวงคิดอย่างทำพระที่นั่งท้องพระโรงอิกองค์หนึ่ง แลให้พระยาเวียงในนฤบาล เปนผู้กำกับดูการทุกอย่าง กับพระดิษฐการภักดี เปนผู้ตรวจกำกับบาญชีแลของทั้งปวง มิศเตอร์แฮนริคูลนิชโรสเปนผู้ช่วยนายช่างอิกคนหนึ่ง จึงให้รื้อเขื่อนเพ็ชร์หน้าพระที่นั่งแลมุขพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ พระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติทั้ง ๒ องค์ แล้วทำพระที่นั่งลงในที่ชลานั้น โดยยาว ๒ เส้น ๒ วาศอก ๑ กับ ๖ นิ้ว กว้างด้านสกัด ๑๕ วา ตรงกลางเปน ๓ ชั้น เปนหลังคากลม พื้นชั้น ๑ สูง ๒ วา ๓ ศอก พื้นชั้น ๒ สูง ๓ วา ๒ ศอก กว้าง ๖ วาศอก รวมผนังกลางสูง ๑๐ วา ต่อมาข้างตวันออก ๒ ชั้น ๗ ห้อง พื้นชั้นหนึ่งสูง ๒ วา ๓ ศอก พื้นชั้น ๒ สูง ๓ วา ๒ ศอก ยาว ๑๑ วาคืบ ๓ นิ้ว ผนังสูง ๖ วาศอก ปลายพระที่นั่งด้านตวันออก ๓ ชั้น หลังคากลม พื้นชั้น ๑ สูง ๒ วา ๓ ศอก พื้นชั้น ๒ สูง ๓ วา ๒ ศอก พื้นชั้น ๓ สูง ๓ วา ยาว ๕ วา ๓ ศอก หลังคาสูง ๓ วาศอก กว้าง ๔ วา ๓ ศอก รวมผนังสูง ๔ วาศอก ตั้งแต่ ๓ ชั้นกลางพระที่นั่งมาข้างตวันตกมี ๗ ห้อง แลปลายเปน ๓ ชั้น หลังคากลม กว้างยาวสูงต่ำเท่ากันกับข้างตวันออก รวมพระที่นั่งตรงกลาง ผนังสูง ๑๐ วาศอก หลังคาสูง ๓ วา ๒ ศอก เปนสูงตลอดยอด ๑๓ วา ๓ ศอก ยาว ๒ เส้น ๒ วาศอก ๖ นิ้ว กว้าง ๑๕ วา ได้ลงมือทำการมาแต่เดือน ๕ ครั้นถึงณวันอังคาร เดือน ๖

แผ่นที่ ๑๑๕ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๓ ค่ำ

แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จึงให้มีการสวดมนตบนพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน

ครั้นณวันพุธ เดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ เวลาเช้า ๒ โมงกับ ๓๖ นาที ได้ศุภฤกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงวางศิลาสำหรับสร้างพระที่นั่ง แลอิฐปิดทอง ปิดเงิน ปิดนาค ซึ่งเปนอิฐฤกษ ในที่ผนังท่ามกลางพระที่นั่งทั้งสองสายพร้อมด้วยพระราชพิธีสงฆพราหมณ ซึ่งเปนราชประเพณีก่อรากพระที่นั่งแต่โบราณมา แลได้ประจุเงินทองเปนของใช้อยู่ในแผ่นดินปัตยุบันนี้ แลรูปคนรูปที่ต่าง ๆ ซึ่งเปนที่สำคัญอยู่ในกรุง กับรูปแบบพระที่นั่งซึ่งจะสร้างใหม่ กับทั้งหนังสือนี้ไว้ในศิลาทั้งสองแผ่น เพื่อให้เปนที่รฦกถึงการที่ได้ทำนี้สืบไปภายหน้า

แต่ณวันพุธ แรม ๑๐ ค่ำ ในเดือนไพสาข เปนเดือนที่ ๖ ซึ่งนับแต่ต้นฤดูหนาว ในปีชวดอัฐศก พระพุทธสาสนกาล ๒๔๑๙ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๘ เปนปีที่ ๙ เปนวันที่ ๒๗๔๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้” ดังนี้หนึ่งฉบับ

เมื่อเวลาได้พระฤกษ เจ้าพนักงานก็ประโคมดุริยางคดนตรีน้อยใหญ่ พระสงฆ ๑๐ รูปก็ได้สวดถวายไชยมงคลพร้อมกัน แลหลวงโลกทีปจึงได้บวงสรวงเทพยดาตามประเพณี แลทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ก็ทำคำนับปรีเซนตอามส์ พิณพาทยแตรก็ได้เป่าตามอย่างธรรมเนียมยุโรปนั้น ๆ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการเหนือเกล้า ฯ ดำรัสสั่งให้เจ้าพระยาภาณุวงศมหาโกษาธิบดี ๑ พระยาเวียงในนฤบาล ๑ ยกหีบนั้นลงประจุที่รางศิลา ดังได้พรรณามาแล้วแต่ต้น ครั้นหีบนั้นประจุลงที่แล้ว พระยาเวียงในนฤบาลจึงได้ตักปูนฝรั่ง (ซึ่งเรียกว่าซีเมนต์) เทลงบนหลังหีบนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเกลี่ยด้วยเกลียงเงินด้ามงา ซึ่งทำขึ้น

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๖ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๓ ค่ำ

สำหรับการคราวนี้นั้นเสร็จแล้ว จึงให้หย่อนศิลาอิกแห่งหนึ่ง เท่ากันกับศิลาที่ยังอยู่ในผนัง ศิลาแท่งนี้เเขวนอยู่บนปั้นจั่นสามขา แล้วจึงให้หย่อนศิลานั้นลงประกับที่ทาปูนซิเมนต์ ดังได้กล่าวมาแล้วแต่ต้น ครั้นศิลานั้นลงที่เสร็จแล้ว จึงทรงก่ออิฐถกษ ปิดทอง ๔ นาค ๔ เงิน ๔ พันผ้าสีชมภูก่อรายรอบศิลาฤกษนั้น แลทรงหลั่งน้ำในพระมหาสังขแล้ว มิศเตอรยอนคูลนิส จึงยกฉากขึ้นวางบนศิลาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงยกค้อนสำเร็จขึ้นเคาะบนศิลานั้น เปนเครื่องหมายบอกว่าศิลาฤกษนี้เสร็จแล้ว ครั้นแล้วจึงเสด็จมาประทับกลางเรือนนั้น ฉายพระรูปครั้งหนึ่งแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่ศิลาฤกษข้างขวา ศิลานั้น ทำเหมือนกันกับข้างซ้าย แลมีสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งบรรจุนั้นอย่างเดียวกันกับข้างซ้าย ตามที่ได้มีบาญชีว่ามาแล้วแต่ต้น เมื่อทรงก่อฤกษเสร็จแล้ว มิศเตอรคูลนิสยกไม้ฉากขึ้นวางบนศิลานั้น ฉายพระรูปอิกพระรูปหนึ่ง แล้วทรงค้อนสำเร็จเคาะบนศิลานั้นเปนสำคัญดังได้ว่ามาแล้วนั้น ครั้นก่อพระฤกษเสร็จแล้วทั้ง ๒ ข้าง พอเวลา ๒ โมงกับ ๕๕ นาทีจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับบนพระเฉลียง พระสงฆจึงถวายพรพระเสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ทรงประฏิบัติพระสงฆ ตามอย่างตามธรรมเนียม ฝ่ายศิลาฤกษทั้งสองนั้น พระมหาราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชยจึงเข้ารดน้ำสังข์ตามวิธีนั้น ๆ แล้ว ครั้นเวลา ๓ โมง ๔๖ นาที พระสงฆฉันแล้วจึงถวาย ยถา สัพพี อติเรก ถวายพระพรลากลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแจกสำเนาหนังสือประกาศที่จะสร้างพระที่นั่งใหม่ ซึ่งได้บรรจุไว้ในศิลาก่อฤกษ์ทั้งสองแผ่น เพื่อจะให้เปนที่ระลึกสืบไปนั้น พระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จขึ้น

ตั้งกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช

เวลาเช้า ๔ โมงกับ ๒๒ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงเครื่องเหมือนอย่างเมื่อเสด็จออกก่อพระฤกษ เสด็จออกทรงพระราชยานแต่เกยหน้าประตูพรหมโสภา พร้อมด้วยกระบวรแห่นำตาม แห่ไปตามท้องถนนหลวง ไปประทับเกยหน้าวังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรชั้นประทับที่ท้องพระโรง ตรัสกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ ไปผลัดผ้าทรงเข้าที่มณฑลสรง เวลา ๔ โมงกับ ๓๒ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรดน้ำมนต

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๗ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ

พระราชทานแก่พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ ตามอย่างตามธรรมเนียมแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในแลข้าทูลลอองธุลีพระบาทจึงได้รดน้ำมนต์ต่อไป คือพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้า พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแม้นเขียน พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเงินยวง พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแสงจันทร พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเสงี่ยม พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าทักษิณชา พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าโสมาวดี ข้าราชการฝ่ายหน้า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เจ้าพระยาธรรมาธิกรณ์ เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง แลพราหมณ์ทั้งหลาย ตามอย่างตามธรรมเนียม คือพระมหาราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไธยแลพราหมณ์อื่น ๆ ครั้นสรงเสร็จแล้ว จึงผลัดผ้าทรง ๆ ผ้าม่วงสีเขียวตามวันพุธ และเสื้อทรงเยียระบับ แลสวมเครื่องราชอิศริยยศ ตามธรรมเนียม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๘ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ

แลมายืนอยู่ในห้องกลาง ตรงท้องพระโรงเข้าไป เวลา ๔ โมงกับ ๔๔ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิร ประทับบนพระที่นั่งโทรนในห้องนั้น พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่พร้อมกัน ซึ่งพระศรีสุนทรโวหารได้อ่านคำประกาศมีสำเนาความดังว่านี้

ศุภมัศดุพระพุทธสาสนกาล เปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๑๙ พรรษาปัตยุบันกาล มุสิกะสังวัจฉระ ไพศาขมาสกาลปักษ ทศมีดฤถี พุธวาร ปริเฉทกาลกำหนด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศ์บริพัตร์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราหณี จักรีบรมนาถ มหามงกุฎราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอรรคอุกฤษฐไพบูลย์ บุรพาดูลยกฤษดาภินิหารสุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพสุภผลอุดมบรมสุขุมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลย์พิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิทธิสักดิสมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยาภิรมย์อุดมเดชาธิการ บริบูรณ์คุณสารสยามาทินครวรุต เมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต มหันตวรฤทธิเดชสรรพวิเศษศิรินธร มหาชนนิกรสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร์ ศิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภูษิต สรรพทศทิศวิชิตวิไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร มเหศรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิอรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริห์ว่า พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ มีความสวามิภักดิ์ในใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาทแต่เดิมมา แลได้รับราชการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ได้บังคับบัญชาการมาหลายปี แลเปนเอดเดอแกมปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เปนที่ไว้วางพระราชหฤทัย บัดนี้มีพระชนมายุเจริญวัยวุฒิ ประกอบด้วยวิริยปรีชารอบรู้ในราชกิจจานุกิจต่างๆ สมควรแก่ตำแหน่งยศที่พระองค์เจ้าต่างกรม รับราชการต่างพระเนตรพระกรรณ์ได้ จึงมีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทดำรัสสั่ง ให้สถาปนาเลื่อนตำแหน่ง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๙ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๕ ค่ำ

พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ เปนพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจาฤกไว้ในพระสุพรรณบัตรว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ครุฑนาม ให้ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ตามพระราชกำหนด อย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง จงทรงพระเจริญพระชนมายุ พรรณ สุขะ พละ ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลธนสารสมบูรณ์ อดุลยเกียรติยศเดชานุภาพทุกประการ ให้ทรงตั้งเจ้ากรมเปนหมื่นอดิศรอุดมเดช ถือศักดินา ๖๐๐ ปลัดกรม เปนหมื่นภูเบศบริรักษ ถือศักดินา ๔๐๐ สมุห์บาญชี เปนหมื่นประจักษพลขันธ์ ถือศักดินา ๓๐๐ ให้ผู้ซึ่งได้รับตำแหน่งทั้ง ๓ นี้ ทำราชการในหลวงแลในกรม ตามอย่างธรรมเนียม เจ้ากรม ปลัดกรม สมุห์บาญชี ในพระองค์เจ้าต่างกรมสืบไป ให้มีสุขสวัสดิเจริญ เทอญ

ครั้นอ่านประกาศจบแล้ว พอเวลาได้ ๔ โมงกับ ๕๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงรดน้ำมนต์ในพระมหาสังข์ พระราชทานแก่พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ แลพระราชทานสุพรรณบัตร แลสัญญาบัตรซึ่งมีความดังนี้ (ในสุพรรณบัตรชั่งหนักได้ ๓ บาท ๒ สลึง นั้นจาฤกว่า) พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ครุฑนาม จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุขะ พละ ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลมโหฬารทุกประการเทอญ

(ในสัญญาบัตรกระดาษเหลือง ซึ่งประทับพระราชลัญจกร ตามอย่างธรรมเนียมสัญญาบัตรทั้งปวงนั้น มีความดังนี้) ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ เปนพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนาม ตามจาฤกไว้ในพระสุพรรณบัตรว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่น อดิศรอุดมเดช ครุฑนาม

---

แผ่นที่ ๑๒๐ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๕ ค่ำ

ให้ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรมในพระบรมมหาราชวัง จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุขะ พละ ปฏิภาณ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลอดุลยเกียรติยศ เดชานุภาพทุกประการ

ให้ทรงตั้งเจ้ากรม เปนหมื่นอดิศรอุดมเดช ถือศักดินา ๖๐๐ ให้ทรงตั้งปลัดกรม เปนหมื่นภูเบศบริรักษ์ ถือศักดินา ๔๐๐ ให้ทรงตั้งสมุห์บาญชี เปนหมื่นประจักษ์พลขันธ์ ถือศักดินา ๓๐๐ ให้ผู้ซึ่งรับตำแหน่งทั้ง ๓ นี้ ทำราชการในหลวงแลในกรม ตามอย่างธรรมเนียมเจ้ากรม ปลัดกรม สมุห์บาญชี ในพระองค์เจ้าต่างกรมทั้งปวงสืบไป ให้มีสุขสวัสดิ์เจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันพุธเดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๔๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

พระราชทานสุพรรณบัตรแลสัญญาบัตรดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งพระศรีสุนทรโวหารเชิญทูลเกล้า ฯ ถวายนั้นแล้ว หลวงเทพาภรณจึงเชิญลุ้งมาลาแลเสื้อทรงเข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงหยิบมาลานั้น สวมลงบนพระเศียรกรมหมื่นอดิศรแล้ว พระราชทานลุ้งเสื้อทรงนั้นด้วย แลหลวงสรรพาวุธจึงเชิญพระแสงฝักนาคทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับแล้วแลพระราชทานแก่กรมหมื่นอดิศร แล้วขุนธนสิทธิจึงเชิญกาทอง เข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวาย แล้วแลได้พระราชทานแก่กรมหมื่นอดิศร ครั้นแล้วจึงเสด็จขึ้นแต่พระที่นั่งโทรน พระสงฆ์จึงได้ยถา สัพพี อติเรก ถวายพระพรลาแล้ว เวลา ๕ โมงกับ ๖ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรกลับคืนเข้าพระบรมมหาราชวัง

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรออกประทับสนามหญ้า กับตันลอฟตัสผู้ตรวจสอบทำแผนที่ของหลวงในกรุงเทพ ฯ แลมิศเตอรเดวิดสันนายช่างเตลีกราฟได้เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท กราบทูลเรื่องการที่ทำแผนที่แลเตลีกราฟ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้เลื่อนตำแหน่งยศหลวงนรินทราภรณ์เปนพระยารัตนสมบัติ แลขุนธนสิทธิเปนหลวงนรินทราภรณ์ มีความในสัญญาบัตร ๒ ฉบับนั้นดังนี้ ให้หลวงนรินทราภรณ์ เปนพระยารัตนสมบัติ จางวางกรมช่างทอง ให้ถือศักดินา ๑๐๐๐

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๑ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำ

ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติสมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีสุขสวัสดิเจริญเทอญ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๔๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (พระราชลัญจกร แลพระราชหัดถตามธรรมเนียม) แลอิกฉบับ ๑ ว่า ให้ขุนธนสิทธิพนักงานทองเปนหลวงนรินทราภรณ์ เจ้ากรมช่างทอง ถือศักดินา ๔๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขสวัสดิ์เจริญเทอญ ตั้งแต่วันพุธเดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๔๕ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (พระราชลัญจกรแลพระราชหัดถตามธรรมเนียม) ครั้นพระราชทานสัญญาบัตรแล้ว เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แจ้งความ

ในใบที่ ๘๕ ฤๅออกวันจันทรเดือน ๖ แรม ๒ ด้านหน้าบันทัดที่ ๔ ขึ้นไป ซึ่งได้บอกว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นายชิดนำธูปเทียนที่นมัสการไปบูชาที่ศาลกรมหลวงเทพหริรักษ์นั้นผิดไป คือ กรมหลวงเทพพลภักดิ์ ซึ่งได้ทรงบังคับบัญชากรมพระคชบาลในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงจะถูกต้อง

อิกแห่งหนึ่ง ในใบที่ ๘๔ ด้านหลัง ฤๅออกวันอาทิตย์เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ บันทัดที่ ๓ ขึ้นไป ซึ่งบอกว่าเรือรบอเมริกันชื่อลาโคนั้นผิดไป เรือรบลำนี้ชื่อแอชีวลอดจึงจะถูกต้อง

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๑๒๒ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำ

ณวันพฤหัสบดีเดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๔ โมงกับ ๕๐ นาที พระยาอนุรักษราชมณเฑียร ๑ พระสิริสมบัติ ๑ หลวงรัตนายัติ ๑ หลวงศิลปประสารสราวุธ ๑ นำมิศเตอรแซนวันบาเซอลกงสุลฮอลันตาในกรุงเทพ ฯ กับมิศเตอรชันดเตล่าม ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร แล้วพระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระยาสมุทบุรานุรักษ์ ๑ มิศเตอรอาลมาศเตอร ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมง ๑๔ นาทีก็กราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาย่ำค่ำ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาทุ่ม ๑ จึงกราบถวายบังคมลากลับออกมา

ในเวลาวันนี้ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากรได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ ประชุมเสวย พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่วังของท่าน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร์ ๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยค ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๓ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิ์ประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๓ ออกวันจันทร์ เดือน ๗ ขึ้น ๗ ค่ำ

พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงฤทธิ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ ๑ รวม ๓๐ พระองค์ แต่กรมพระเทเวศวัชรินทร์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ รวม ๗ พระองค์นั้นไม่ทรงสบายเสด็จมาไม่ได้ เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงรถพระที่นั่งออกจากพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรโดยทางสถลมารค ไปตามทางถนนเจริญกรุงประทับหน้าวัง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับบนตำหนัก พระราชทานซองบุหรี่ก้าใหล่ทอง แก่กรมหมื่นพิชิตปรีชากรซอง ๑ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโต๊ะห้องเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ที่กรมหมื่นพิชิตปรีชากรได้เชิญมา กับกรมหมื่นพิชิตปรีชากร แลพระองค์เจ้าจุมพลสมโภช รวม ๒๖ พระองค์ ทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้นเสวยจวนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงยืนขึ้นในที่ประชุม พระราชทานพรแก่กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ครั้นพระราชทานพรจบแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ก็ยืนขึ้นประทานพร แลถวายพระพรแก่กรมหมื่นพิชิตปรีชากร แล้วก็นั่งลงตามเดิมประมาณครู่หนึ่ง กรมหมื่นพิชิตปรีชากรก็ยืนขึ้นในที่ประชุม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๔ ออกวันจันทร์ เดือน ๗ ขึ้น ๗ ค่ำ

ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครั้นจบแล้วพระบรมวงศานุวงศ์ก็ยืนขึ้นถวายพระพร พวกแตรก็เป่าเพลงสรรเสริญพระบารมี แล้วก็นั่งลงตามเดิม เวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรจากโต๊ะเสวย แล้วประทับอยู่ที่ตำหนักกรมหมื่นพิชิตปรีชากร อยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง ในเวลาวันนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ ดวงตราแลสายสพายจุลจอมเกล้า พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ติดตราเครื่องราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน

โดย มนุษย์นาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารแล้ว เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ พระยาศรีสิงหเทพ เข้าเฝ้า เวลาย่ำค่ำทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น ข้าราชการก็กราบถวายบังคมลากลับออกมา

โดย สวัสดิประวัติ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๕ ออกวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๖ แรม ๑๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๘ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดราชบุรณะ ๑๐ รูป มีพระปิฎกโกศลเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์

เวลาบ่ายโมง ๑ พระยาศรีสิงหเทพเข้าไปข้างใน เฝ้าฝ่าลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๒ โมงออก เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศข้าราชการเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการ เวลาย่ำค่ำกลับออกมาจากที่เฝ้า

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงเครื่องอิศริยยศตราจุลจอมเกล้า แลแพรแถบสีชมภู เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ตามเสด็จพระราชดำเนิรด้วย เสด็จพระราชดำเนิรประทับวังพระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนท้องพระโรง ประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ประมาณครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงพระราชทานซองบุหรี่ทองคำ ซึ่งส่งมาแต่เมื่องจีน ๑ ซอง แล้วเสด็จประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมกวัลยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ รวม ๒๔ พระองค์ ขาดไม่ได้เสด็จมาคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ ๑ รวม ๘ พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวยเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรยืนขึ้นในที่ประชุมโต๊ะ พระราชทานพรแด่กรมหมื่นอดิศรอุดมเดชว่า เมื่อเวลาวานซืนนี้ ที่วังกรมหมื่นพิชิตปรีชากร ฉันได้ว่าไว้ว่า เจ้านายที่ชอบพอรักใคร่กับฉันมาแต่ก่อนมากนั้น มีอยู่สองคน คือกรมหมื่นนเรศกับกรมหมื่นพิชิต แต่ที่ว่านั้นยังหาตลอดไปไม่ ด้วยเวลานั้นเจ้าอื่น ๆ ยังเล็กอยู่หมด สองคนนี้เขาเปนคนโตมากกว่าคนทั้งปวง ก็แต่มาภายหลังยังมีสำรับเล็กอิก คือกรมหมื่นอดิศรนี้ได้รักใคร่กับฉันมาก กับทองด้วยอิกคนหนึ่งก็เปนที่สนิทสนมกันมาก แลทวีนั้นก็ได้ไปมารักใคร่อยู่เหมือนกัน ในเวลาเมื่อบวชเปนสามเณรฤๅเวลาเมื่อยังไม่ได้บวช ก็ได้ไปมาที่เรือนฉัน กินเข้าแลเล่นหัวอยู่ด้วยกันไม่มีความรังเกียจเลย ครั้นเมื่อเวลาฉันได้เปนเจ้าแผ่นดินแล้วก็ได้รักใคร่ใช้สอยสุขมาก ก่อนเจ้านายทั้งปวง แล้วให้ไปฝึกหัดในการทหาร

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๗ ออกวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๙ ค่ำ

ก็ได้เข้ารับการประพฤติเหมือนหนึ่งทหารเลว ก็ควรนับว่าเปนที่หนึ่งในเจ้านายที่ได้เข้ารับเปนทหาร เปนคราวแรกทีเดียว อนึ่งเมื่อครั้งฉันไปเมืองสิงคโปร์ เมืองเบตาเวีย สุขก็ไปด้วยกับท่านเล็กอิกองค์หนึ่ง ในเวลาทางกันดาร ก็ได้มีแต่พี่น้อง ๒ คนนี้ไปด้วย มาถึงคราวหลังเมื่อไปเมืองกาละกตา สุขก็ไปด้วยกับเจ้านายทั้งปวงอิกคราวหนึ่ง แลตัวเขาได้ทำตัวดี คนยุโรปก็สรรเสริญนับถือว่าเปนคนดีมาก แลเขาได้ประพฤติเรียบร้อยดีในราชการทหารมาช้านานแล้ว จึงได้ตั้งให้เปนแอดเดอแกมปของฉัน เพราะเปนที่ไว้วางใจ มาถึงกาลบัดนี้ก็ได้เลื่อนให้มีอิศริยยศยิ่งขึ้น ก็ควรขอให้เจ้านายทั้งปวงมีความยินดี ให้พรกรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ให้มีอายุยืนนาน พร้อมด้วยพรัพยสมบัติบริวารยศทั้งปวง ให้มีเกียรติยศยิ่งขึ้นไป ทำราชการเปนที่ไว้ใจของฉันสืบไปสิ้นกาลช้านาน เทอญ ครั้นเสร็จแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ก็เสด็จยืนขึ้นประทานพรแด่กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช แลแตรเป่าเพลงเดิมอย่างสกอต

ประมาณบัดเดี๋ยวหนึ่ง กรมหมื่นอดิศรอุดมเดชจึงลุกขึ้นยืนถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบถวายบังคมทูลพระกรุณา ได้ทรงทราบใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท ด้วยทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตำแหน่งยศที่กรมหมื่นแด่ข้าพระพุทธเจ้านั้น แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพระพุทธเจ้าบังคับบัญชาการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ แลพระราชทานตำแหน่งยศให้ข้าพระพุทธเจ้าเปนแอดเดอแกมปตามภาษาอังกฤษว่าทหารสนิทรักษาพระองค์ เปนที่ไว้วางพระราชหฤทัย ไม่ได้ทรงรังเกียจสิ่งหนึ่งสิ่งใดในข้าพระพุทธเจ้านั้น พระเดชพระคุณเปนล้นเกล้า ฯ ข้าพระพุทธเจ้าจะตั้งใจสวามิภักดิ์ รับราชการ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๘ ออกวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๙ ค่ำ

ฉลองพระเดชพระคุณให้เต็มกำลังแลปัญญาของข้าพระพุทธเจ้า ในเวลาวันนี้ ซึ่งเสด็จพระราชดำเนิรมาบ้านข้าพระพุทธเจ้านี้ เพราะไม่ได้ทรงรังเกียจสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เปนพระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบถวายบังคมทูลถวายพระพร ให้ทรงพระดำรงพระบรมราชอิศริยยศ อยู่ในสิริราชสมบัติยืนยาวสิ้นกาลนาน พร้อมด้วยสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล สรรพศุภผลปฏิภาณ คุณสารสมบัติ พวกศัตรูหมู่อรินทราชจงแพ้พินาศด้วยพระเดชานุภาพ ทั้งพระเกียรติยศจงแผ่ไปทั่วทิศานุทิศ จะได้เปนที่ร่มเย็นแก่พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ทั้งสมณพราหมณาจารย อาณาประชาราษฎร ทั่วกันสิ้นกาลนาน เทอญ ครั้นจบแล้ว พระบรมวงศานุวงศ์ก็ยืนขึ้นถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารแตรเป่าสรรเสริญพระบารมี

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ประมาณ ๕ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรจากโต๊ะเสวย ประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์ แลทอดพระเนตรต่าง ๆ ในวังนั้น ประทับอยู่ในเวลาเกือบ ๒ ยาม เสด็จพระราชดำเนิรกลับ กับสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ด้วย คืนเข้าพระบรมมหาราชวัง เข้าทางพระทวารพรหมโสภา เสด็จขึ้นข้างใน ในเวลาวันนี้พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรสบ้าง ทหารบ้าง ล้วนติดตราเครื่องราชอิศริยยศทั้งสิ้น

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย เดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารมุขด้านใต้ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพนนายชุมหาดเล็ก บุตรพระยาคทาธรธรณินทร์ ผู้ว่าราชการเมืองพระตบอง เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายผ้าม่วงสีต่างๆ แพรขาวอย่างเขมร พระพุทธรูป ๑ ถาดสัมฤทธิ ๑ ม้าผู้สีขาวแดง ๒ ม้า เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาอนุชิตชาญไชยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมงเศษกกลับมาทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เจ้าหมื่นเสมอใจราช เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาย่ำค่ำแล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๑๒๙ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ประทับสนามหญ้าพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้ขุนมรสตานุการ เปนหลวงศรีราชบุรุษ ตระลาการศาลมรดก ถือศักดินา ๘๐๐ ให้ขุนสุภาทิพตระลาการศาลแพ่งเกษม เปนหลวงวุฒามาตย ตระลาการศาลมรดก ถือศักดินา ๘๐๐ ครั้นพระราชทานแล้ว ประทับตรัสอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยประมาณชั่วโมง ๑ เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ก.ม. พิชิตปรีชากร

ณวันจันทร์ เดือน ๖ แรม ๑๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๑ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งใหม่ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ที่นั้น เสด็จประทับอยู่จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

โดย เกษมสันต์โสภาคย์

ณวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้นค่ำ ๑ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ กงสุลเยอรมัน ชื่อดอกเตอรอารมันสตานิอุศ กับขุนนางเจ้าพนักงานกรมท่า เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ประมาณ ๒๐ นาทีก็กลับออกมา เวลานั้นมีพระบรม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๐ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

ราชโองการตรัสสั่ง ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทสักครู่หนึ่งก็กลับออกมา เวลาย่ำค่ำแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชการทั้งปวงเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานกาทองหนักชั่งเศษ แด่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น แลที่วัดราชประดิษฐมหาสิมารามมีการสวดมนต์ในการซึ่งยกยอดพระเจดีย์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ เสด็จออกมาจุดเทียน

โดย ทองกองก้อนใหญ่

ณวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า มีแต่การตามธรรมเนียม เวลาย่ำค่ำเศษ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทที่พระนั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารตามธรรมเนียม หลวงศักดิ์นายเวรจึงนำนายปานบุตรพระยามหานุภาพ ๑ นายชุ่มบุตรพระยาราชโยธา ๑ รวม ๒ นาย ขอพระราชทานถวายดอกไม้ธูปเทียน เข้ารับราชการฉลองพระเดชพระคุณในกรมมหาดเล็กเวรศักดิ ครั้นเวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาประมาณบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แจ้งความ

คำสปีชซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ทรงสปีชในที่ประชุมพระบรมวงศานุวงศ์เสวยพร้อมกัน ที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ในวันพฤหัสบดี เดือน ๖ แรม ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ คำที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสปีชมีความว่า “ตั้งแต่ได้เลี้ยงโต๊ะมาก่อน ๆ ยังไม่ได้เคยกล่าวคำสปีชให้แก่คัคณางคเลย ก็ในเวลา วันนี้เห็นว่าสมควรที่จะกล่าวได้ แต่ลางทีคำที่จะกล่าวนั้นจะต้องเปนซ้ำๆ ซากๆ มาก การสิ่งไรรู้อยู่ด้วยกันแล้วบ้าง แต่กรมหมื่นพิชิตปรีชากรนี้

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๑ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

แต่เวลาเมื่อยังเด็กอยู่ ได้รักใคร่ชอบพอกับฉันมาก ก่อนเจ้านายทั้งหลายทั้งปวงหมด ก็มีแต่กรมนเรศกับคัดณางคสององค์นี้ได้ชอบรักใคร่สนิท เล่นหัวด้วยกันมาแต่เดิม บางทีมีการขัดขวางที่จะไม่ให้เล่นด้วยกันได้ ก็ยังขืนลักเล่นด้วยกัน แลรักใคร่กันมากเสมออยู่มิได้ลดหย่อน ไม่มีความขัดข้องมัวหมองกันเลย ตลอดถึงแผ่นดินปัตยุบันนี้ คัคณางคก็ได้รับราชการหลายสิ่งหลายอย่าง ได้ไปกำกับด้านพระที่นั่งบ้างแลได้ไปช่วยในราชการชำระความด้วย ครั้นภายหลังมาเมื่อคราวปีกลายนี้ มีทัพฮ่อมาก็ได้ปฤกษากันอยู่ว่าจะได้เจ้านายผู้ใดไปด้วยกันกับสมเด็จกรมพระ จะได้ฝึกหัดในการทัพศึกไว้ใช้ต่อไป เพราะการทัพศึกนี้เปนการสำคัญ สำหรับราชตระกูลคงจะต้องไปจะต้องทำต่อไป ทุกวันนี้เจ้านายเก่าๆก็ทรงพระชรามาก จะต้องเลือกหาหนุ่มขึ้นไว้ใช้ต่อไปข้างหน้า จึงพร้อมกันเลือกเห็นว่า คัคณางคมีสติปัญญาพอจะใช้ให้เปนราชการในเรื่องทัพต่อไปได้ จึงได้ให้คัคณางคกับกมลาสอิกคนหนึ่ง ที่เห็นว่าจะใช้ได้ให้ไปกับสมเด็จกรมพระบำราบปรปักษ์ การก็เกือบจะได้ไป จนถึงตัดยุนิฟอมเสร็จแล้ว ก็แต่กองทัพนั้นเลิกไปเสียแล้ว จึงไม่ได้ไป แต่คิดเสียดายอยู่ว่าไม่ได้ไปในการณรงค์สงคราม ถ้าไปก็จะได้ทราบการทั้งปวง จะได้ช่วยรักษาบ้านเมืองเปนที่อุ่นใจต่อไป อนึ่งตัวคัคณางคนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านได้ทรงสรรเสริญว่าเปนคนฉลาดมาก ก็ถึงบัดนี้เล่า ท่านทั้งปวงคงจะเห็นว่าคัคณางคเปนคนฉลาดจริง ก็ท่านทั้งปวงจงพร้อมใจกันให้พรแก่คัคณางค์ ให้มีอายุยืนยาว ปราศจากโรค ประกอบด้วยทรัพย์สมบัติบริวาร ให้มีเกียรติยศยั่งยืนยาวตลอดไปภายหน้า เทอญ คำสปีชที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่น

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๒ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

พิชิตปรีชากรทรงสปีช มีความว่า “ขอเดชะฝ่าลอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานน้อมเกล้าถวายคำนับบังคมทูลพระกรุณาโดยความยินดีแห่งข้าพระพุทธเจ้า ด้วยครั้งนี้ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานที่ถานันดรศักดิ์ ให้ข้าพระพุทธเจ้าเปนที่กรมหมื่นนั้น เปนพระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพระพุทธเจ้ามีความยินดีเปนอันมาก ด้วยการที่ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ อุปถัมภ์บำรุงชุบเลี้ยงพระบรมวงศานุวงศ์ทั่วไปโดยยุติธรรม มิได้ทรงรังเกียจกินแหนง ก็การซึ่งทรงพระมหากรุณาดังนี้ ใช่จะเปนแต่สถานประมาณนั้นก็หามิได้ การทั้งปวงเปนประการใดก็ย่อมทราบเกล้า ฯ อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น เหมือนหนึ่งการครั้งนี้ก็สู้ทรงพระอุสาหะเสด็จพระราชดำเนิรมาที่เรือนข้าพระพุทธเจ้าถึง ๒ ครั้ง ก็เปนการแลเห็นชัดได้ว่า ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ แก่พระบรมวงศานุวงศ์โดยจริง เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้ามีความไว้ใจหวังใจเปนแนว่า การซึ่งทรงพระมหากรุณาแด่พระบรมวงศานุวงศ์นั้น คงจะไม่เปนที่เสื่อมถอยน้อยไปอย่างใดอย่างหนึ่งเปนแน่ ข้าพระพุทธเจ้ามีความยินดี ตั้งใจจะฉลองพระเดชพระคุณไปกว่าจะหาชีวิตไม่ ขอสิ่งซึ่งมีฤทธิ์มีอำนาจเปนใหญ่เปนประธานในสกลโลก กับทั้งอำนาจความสัตย์ซึ่งข้าพระพุทธเจ้ากล่าวมานี้ จงอภิบาลบำรุงรักษาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระเจริญพระชนมายุยืนนาน เปนที่พึ่งพำนักแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย สมณพราหมณาจารย์ อาณาประชาราษฎรทั่วไป อนึ่งจะทรงพระราชประสงค์สิ่งใด ขอให้การนั้นสิ่งนั้นสำเร็จดังพระราชหฤทัยประสงค์ทุกประการ ให้มีพระเกียรติคุณปรากฎว่า ได้ทรงทำนุบำรุงพระบรมวงศานุวงศ์โดยยิ่งต่อไปภายหน้าสิ้นกาลนาน เทอญ ขอเดชะ

โดย มนุษยนาคมานพ

แจ้งความ

แจ้งความ ด้วยณวันจันทร์ เดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรเกาะบางปอิน แลกรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ ทอดพระเนตรช้างสำคัญ ประทับแรม ๔ เวร ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการทั้งปวง ซึ่งจะได้ตามเสด็จพระราชดำเนิร แลไม่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิร จงทราบทั่วกัน เทอญ

โดย ผู้จัดการโรงพิมพ์

แผ่นที่ ๑๓๓ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันศุกร์ เดือน ๗ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ เจ้าพระยาศรีพิพัฒนพงศ์ พระนานาพิธภาษี เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ กราบถวายบังคมลาออกมาจากที่นั้น เวลาย่ำค่ำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ตรัสประภาษราชการต่าง ๆ เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๕๐ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดชิโนรสาราม ๑๐ รูป มีพระเนกขัมมุนีเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาบ่ายโมงเศษ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร แล้วกลับออกมา เวลาบ่าย ๒ โมง เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมง เจ้าหมื่นเสมอใจรายเข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมงกลับออกมาหมด เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการอยู่จนเวลาทุ่มเศษ ขุนนางข้าราชการทั้งปวงก็กราบถวายบังคมลากลับออกมาจากที่เฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์กับพวกมหาดเล็กก็กลับ

แผ่นที่ ๑๓๔ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

ออกมาจากพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านอุดรทิศ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ ๑ พระยาจ่าแสนยบดี 1 ขุนหลวงพระยาไกรศรี พระภาษีสมบัติบริบูรณ ๑ จมื่นศรีสรรักษ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกประทับสนามหญ้าพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ที่นั้น นายราชภัณฑกับเจ้าพนักงานกรมพระแสงหอกดาบนำนายบัวทูลเกล้า ฯ ถวายดาบเปนรูปขอช้างติดอยู่ด้วย แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง ไปประพาสสวนสราญรมยโดยรอบแล้ว เสด็จลงจากรถพระที่นั่ง ทรงพระราชดำเนิรทอดพระเนตรพรรณพฤกษาต่าง ๆ อยู่จนเวลาย่ำค่ำ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพระที่นั่งซึ่งประดิษฐานอยู่ณกลางราชอุทยานนั้น ประทับอยู่จนเวลาประมาณ ๒ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง กลับเข้าพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้า พระยาพิพัฒนโกษาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ประมาณ ๒๐ นาทีเสด็จขึ้น

โดย ก. ม. พิชิตปรีชากร

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๕ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอังคาร เดือน ๗ วัน ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน นำพระยาพิพัฒนโกษา พระยาอนุรักษราชมณเฑียร พระสิริสมบัติ หลวงมนตรีโกษา หลวงโกษานุการ ขุนอักษรสมบัติเสมียนตรา พาคำมานเดอซึ่งได้เข้ามาเฝ้าในครั้งก่อนกับออฟฟิเซอร์ ๕ นาย เดอชาล่ามนาย ๑ รวม ๗ นาย เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ด้วยได้รับคำสั่งมาโดยทางโทรเลขว่า ให้เอาเรือกลไฟรบเข้ามารับของ ซึ่งจะโปรดพระราชทานไปเอกซหิบิเชนที่อเมริกันนั้นไป ครั้นของพร้อมแล้วจึงเข้ามาทูลลา เฝ้าอยู่ประมาณ ๑๐ นาทีก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๕ โมง ๕๘ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงหล่อเทียนพรรษา ที่ทิมดาบกรมวัง ครั้นทรงหล่อเทียนแล้วก็ทรงปิดทองพระคัมภีร์ แลร้อยหูพระคัมภีร์เสร็จแล้ว ก็เสด็จพระราชดำเนิรไปทรงจุดเทียนที่โรงกระสาปนสิทธิการที่ทำขึ้นใหม่ ในห้องสำหรับตีตราเงิน ที่นั้นตั้งพระพุทธปฏิมาไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้ แลตรงพระพักตร์พระนั้นตั้งหีบใส่ถุงเข้มขาบหีบหนึ่ง แต่มีโต๊ะอีกโต๊ะหนึ่ง มีถุง ๒๐ ถุง ประมาณเงิน ๒๐๐ ชั่งวางไว้บนโต๊ะ ครั้นทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแล้ว พระสาสนโสภณว่าที่พระธรรมวโรดมก็ถวายศีล ครั้นเสร็จแล้วก็สวดพระพุทธมนต์ เวลาทุ่มเศษสวดมนตบ พระสงฆ์ก็ถวายอติเรก ถวายพระพรลากลับไปยังอาราม เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๖ ออกวันจันทร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงพระราชยานแต่เกยหน้าประตูพรหมโสภา ไปประทับหน้าโรงกระสาปนใหม่ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับณห้องตีตราทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากรพระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้เปนประธานแล้ว พระสาสนโสภณว่าที่พระธรรมวโรดมจึงถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ถวายพรพระ แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนที่บูชาพระสยามเทวาธิราช ซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะจีนข้างขวาม้าหมู่ซึ่งตั้งพระพุทธ แลโต๊ะจีนข้างซ้ายนั้นตั้งทองคำ ซึ่งได้ทำที่โรงจักรเมืองปราจิณ กับทองคำทรายซึ่งขุดได้ที่บ่อแร่เมืองกระบิล ครั้นพระสงฆ์สวดถึงชยันโต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระมหาสังข์รด แลทรงเจิมที่กระดานขื่อโรงกระสาปนสิทธิการ แลแม่ตราบาทสลึงเฟื้องทั้ง ๓ ซึ่งอยู่ในหีบมีถุงเข้มขาบห่อชั้นนอก แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรมาทรงรดน้ำสังข์ แลทรงเจิมเครื่องจักรตีตราทั้ง ๓ เครื่องแล้ว จึงทรงโยกจักรให้สายพานเลื่อนมาเดิรจักรตีตรา แลทรงหยิบเงินซึ่งยังมิได้ตีตรานั้นลงในรางเครื่องจักร แลตีตราไปทุก ๆ เครื่องทั้ง ๓ เครื่องแล้ว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานทำการทุก ๆ ห้อง แล้วจึงทรงประเคน แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ปฏิบัติพระสงฆ์ แลทรงรดน้ำสังข์แลทรงเจิมเงินซึ่งได้ทำใหม่ครั้งนี้แล้วแต่ก่อน ๆ พระสงฆ์ฉันแล้วจึงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินซึ่งตีตราใหม่กับประกาศว่าด้วยให้ใช้เงินเหรียญใหม่นั้น แก่พระสงฆ์ซึ่งได้มาเจริญพระพุทธมนต์ณที่นั้น แลพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ในประกาศนั้น มีความดังนี้

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๗ ออกวันจันทร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระปราบปรปักษ์ อธิบดีในกรมพระคลังมหาสมบัติ รับพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทใส่เกล้า ฯ ให้ประกาศแก่พระบรมวงศานุวงศ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือน กรมฝ่ายหน้าฝ่ายใน สมณพราหมณาจารย อาณาประชาราษฎร ในกรุงหัวเมือง ให้ทราบทั่วกันว่า เมื่อครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้ตั้งเครื่องจักรตีตราเงิน เปนเหรียญบาท สลึง เฟื้อง แทนเงินพดด้วง แต่แผ่นดินก่อน ๆ ใช้สืบมาจนถึงแผ่นดินปัตยุบันนี้ ก็ได้ทำเงินตราพระเกี้ยว ใช้เนื้อเงินแลพิกัดอัดตราเหมือนครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสืบมา ครั้นถึงปีมะเมียโทศก เครื่องจักรเดิมซึ่งใช้มาแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ชำรุดเสียไป ทำเงินไม่ได้ จึงทรงพระราชดำริห์พร้อมด้วยความคิดท่านเสนาบดี ให้สั่งเครื่องจักร์ทำเงินมาจากเมืองอังกฤษใหม่ ให้แข็งแรงแลมีกำลังมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ครั้นเครื่องจักรมาถึงพร้อมแล้ว จึงได้ตั้งโรงกระสาปนสิทธิการขึ้นใหม่ ใกล้กับโรงกระสาปนสิทธิการเดิม ได้ลงมือใช้เครื่องจักรนั้นทำเงินเหมือนอย่างแต่เดิมมา แลเงินตราซึ่งทำใหม่นั้นมี ๓ อย่าง คือบาทหนึ่ง คือสลึงหนึ่ง คือเฟื้องหนึ่ง มีน้ำหนักแลเนื้อเงินเสมอกับเงินบาท เงินสลึง เงินเฟื้อง ที่ได้ทำมาในแผ่นดินก่อน ๆ นั้น แลพิกัดอัตราก็ใช้อย่างเดียวกัน ไม่ผิดเพี้ยนสิ่งไร แต่ดวงตราซึ่งประจำเงินนั้น หน้าหนึ่งเปนพระรูปสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อย่างทหาร มีเครื่องราชอิศริยยศนพรัตนราชวราภรณ แลจุลจอมเกล้า มีหนังสืออยู่รอบพระรูปนั้น ว่าสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าหนึ่งมีตราแผ่นดิน แบ่งเปน ๓ ห้อง ๆ หนึ่งมีตราไอราพต ห้องหนึ่งมีช้างเปล่าห้องหนึ่งมีกฤช. แลมีจักร์ตรี มีพระมหาพิไชยมงกุฎ แลพระแสงขรรค์ ธารพระกร ฉลองพระบาท พระสังวาลนพรัตนราชวราภรณ พระสังวาลจุลจอมเกล้า แลมีแถบจาฤกอักษรสำหรับดวงตราว่า สพเพสํ สํฆภูตานํ สามคคีวุฑฒิสาธิกา แลราชสีห์ คชสีห์ ประคองเครื่องสูงทั้งสองข้าง มีฉลองพระองค์ครุยอยู่เบื้องหลัง รวมเปนดวงตราอยู่ตรงกลาง ดวงหนึ่งดังนี้ แลมีหนังสือในพื้นเงินดวงตราว่า กรุงสยามรัชกาลที่ ๕ ข้างใต้ดวงตรา บอกราคาบาท ๑ แลขอบเงินนั้น มีลายจุดไข่ปลารอบข้าง ๆ เหรียญนั้นเปนเฟืองรอบ แต่เงินสลึงเงินเฟื้องนั้นหน้าหนึ่งเปนพระรูป

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๘ ออกวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

แลหนังสือรอบเหมือนเงินบาท แต่หน้าหนึ่ง เปนตราแผ่นดินอย่างน้อยในห้อง ๓ ห้อง มีช้างไอยราพตห้อง ๑ ช้างเปล่าห้อง ๑ กฤชห้อง ๑ มีจักร์ตรี พระมหาพิไชยมงกุฎ มีเครื่องสองข้างหนังสือรอบว่า กรุงสยามรัชกาลที่ ๕ ในดวงตราบอกราคาสลึง ๑ เฟื้อง ๑ ตามตัวเงิน แลขอบเหรียญเงินนั้น มีจุดไข่ปลารอบ ข้างเหรียญเปนเฟืองรอบ เหมือนกันทั้ง ๓ อย่าง แลเงินทั้ง ๓ อย่างนี้ใช้เหมือนบาท สลึง เฟื้อง อย่างเก่า เปนแต่เปลี่ยนดวงตราเหมือนเปลี่ยนตรามงกุฎ เปนตราเกี้ยวเมื่อครั้งปีมะเสงเอกศกนั้นเอง ไม่ประหลาดสิ่งไร แต่ดวงตราซึ่งเปนพระรูป แลตราแผ่นดินนั้น ก็ให้ราษฎรใช้ไปโดยปรกติเหมือนหนึ่งเงินที่ใช้มาแต่ก่อนนั้น อย่าได้ถือว่าเปนสูงเปนต่ำผิดชอบประการใดเลย จะใส่กระโล่หรือกระจาดอย่างไรก็ตามประสงค์ของผู้ที่ใช้เถิด ห้ามมิให้ผู้ใดไปอ้างผิดๆ ถูกๆ จับกุมกัน ให้ราษฎรได้เดือดร้อนเปนอันขาด ถ้าผู้ใดไปจับกุมทำให้ราษฎรสดุ้งสะเทือน จับตัวได้จะเอาตัวเปนโทษตามโทษานุโทษ แลกำหนดเงินใหม่ซึ่งจะได้ออกใช้นี้ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ นี้ไป ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการฝ่ายทหารพลเรือน กรมฝ่ายหน้าฝ่ายในแลสมณพราหมณาจารย์ อาณาประชาราษฎร ในกรุงเทพ ฯ แลหัวเมือง ใช้เงินซึ่งออกใหม่นี้ แลกเปลี่ยนซื้อขายกันตามประสงค์ อย่าได้มีความรังเกียจเลย ประกาศมาณวันพุธ เดือน ๗ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๕๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

ครั้นพระราชทานแจกทั่วกันแล้ว พระสงฆ์จึงถวายยถาสัพพีอติเรก ถวายพระพรลากลับแล้ว ชีพ่อพราหมณจึงได้เบิกแว่นเวียนเทียนรอบเครื่องจักรที่ตราแล้ว พระมหา

----------------------------

แผ่นที่ ๑๓๙ ออกวันอังคาร เดือน ๗ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

ราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชย จึงรดน้ำสังขแลเจิมเครื่องจักรนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทอดพระเนตรห้องกลึง ห้องล้าง ห้องพัก ห้องหีบ ห้องจักร ห้องหม้อน้ำ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรข้ามสพานไปทอดพระเนตรโรงทำงานข้างหลังแล้ว จึงเสด็จกลับมาห้องเก็บเงินแลห้องหล่อแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับจากโรงกระสาปน ทรงพระราชยานแต่เกยหน้าโรงกระสาปนไปประทับเกยหน้าประตูพรหมโสภาแล้วเสด็จขึ้น

เวลาเย็นพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท เข้าเฝ้าทูลลอองธุลี เข้าเฝ้าณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

แจ้งความ

ด้วยข่าวราชการซึ่งได้ออกณวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๗ ในแผ่นที่ ๑๓๐ ซึ่งเปนเวรวันพุธนั้น ในเวลาเช้าพระองค์เจ้าจิตรเจริญไปทรงจุดเทียนที่นมัสการณพระอุโบสถวัดราชประดิษฐ ครั้นเวลา ๔ โมงกับ ๕๖ นาทีได้พระฤกษ เจ้าพนักงานจึงยกยอดพระเจดียขึ้นตามอย่างตามธรรมเนียม แต่การซึ่งบอกว่ามีราชการตามธรรมเนียมนั้นลืมไปแท้ ๆ

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ ออฟฟิเซอทหารหน้าเข้าไปฝึกซ้อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร ที่ชลาข้างพระที่นั่งบรม ราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันออก เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า ทอดพระเนตรปืนใหญ่ซึ่งพระอมรวิไสยสรเดชนำมาถวายให้ทรงทอดพระเนตร แล้วประทับอยู่สนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท อยู่จนเวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

เลี้ยงวันประสูติกรมหลวงวรศักดาพิศาล

อนึ่งในเวลาวันนี้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ ประชุมเสวยพร้อมกันในวันประสูติของท่าน พระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้เชิญนั้น คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๐ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรมค่ำ ๑

เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย ๑ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๓ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ ๑ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ ๑ รวม ๓๑ พระองค์ แต่กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ รวม ๗ พระองค์ ไม่ทรงสบายเสด็จมาไม่ได้ เวลา ๒ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรส ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศ แลสายสพายจุลจอมเกล้า เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ขึ้นทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัย

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๑ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรมค่ำ ๑

ลักษณ เสด็จพระราชดำเนิรทางสถลมารคไปประทับวัง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล เสด็จพระราชดำเนิรแต่รถพระที่นั่ง ขึ้นประทับบนตำหนักห้องนอก แล้วพระราชทานลายพระราชหัดถเลขาฉบับหนึ่ง กับซองบุหรีซึ่งมีพระรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบนหลังซองนั้นหนึ่งซอง ในพระ ราชหัดถเลขานั้น มีความว่า “สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์เกล้าเจ้ากรุงสยาม ขอแสดงความยินดีมายังพระองค์ท่าน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ด้วยพระชนมายุของท่านทรงพระเจริญโดยลำดับ นับแต่หน้าวันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๖ ค่ำ ปีวอกจัตวาศกศักราช ๑๑๗๔ นี้ ตามคติพระอาทิตยโคจรในจักรราษี ได้ ๖๕ รอบเต็มบริบูรณ์ หม่อมฉันมีความยินดี จัดได้ซองบุหรี่ ๑ กับเงินแทนทองทศเท่าพระชนมายุปี ๆ ละทศเปนเงิน ๖ ชั่ง ๑๐ ตำลึง มาถวายในวันมงคลของท่าน ขอถวายให้พระองค์ท่าน ทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พละ ปฏิภาณคุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ พิพัฒนมงคล ทุกประการ เทอญ อำนวยพรมาณวันพฤหัสบดี เดือน ๗ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๖๐ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (เซ็นพระราชหัตถ) จุฬาลงกรณ” แล้วเสด็จพระราชดำเนิรเข้าไปข้างใน พระราชทานหีบตติยจุลจอมเกล้าแก่หม่อมลัดในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโต๊ะเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เวลา ๔ ทุ่มเศษเสวยแล้ว ประทับอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์ณห้องนอก จนเวลา ๕ ทุ่มเศษ เสด็จกลับพระบรมมหาราชวัง

แจ้งความ

หนังสือข่าวราชการซึ่งว่าด้วยการเลี้ยงโต๊ะในการตั้งกรมที่วังกรมหมื่นพิชิตปรีชากร มีความว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรทางสถลมารค ประทับวังกรมหมื่นพิชิตปรีชากร แลพระราชทานซองบุหรี่ก้าไหล่ทองนั้นผิดไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานซองบุหรี่ทองคำ

โดย มนุษยนาคมานพ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๒ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๗ รูปมีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษพระสงฆ์วัดระฆังโฆสิตาราม ๑๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์เปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วกลับไปวัด เวลาบ่าย ๓ โมง ขุนหลวงพระยาไกรศรีเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แลเจ้าหมื่นเสมอใจราช เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพนักงานนำพระยาอัษฎงคทิศรักษาเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๕ โมง ก็กลับออกมาจากที่เฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทางพระทวารพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ที่สนามหญ้า เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๗ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ขุนหลวงพระยาไกรศรี ๑ พระยาราชวังเมือง ๑ พระพิเรนทรเทพ ๑ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ก,ม, พิชิตปรีชากร

แผ่นที่ ๑๔๓ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ แรม ๓ ค่ำ

ข่าวเสด็จบางปอิน

ณวันจันทร์ เดือน ๗ ใน ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๒ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ประทับเกยทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับเกยพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ประทับตรัสกับข้าราชการใหญ่น้อย มีเจ้าพระยาสุรวงศไวยวัฒน อยู่ประมาณครู่หนึ่งเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งปิกนิกลำใหญ่ เรือภิรมยเรวจรจูงขึ้นไปตามลำแม่น้ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เสวยเช้าในเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๒ โมงเสวยกลางวัน เวลาบ่าย ๔ โมง ๔๕ นาที เรือพระที่นั่งประทับฉนวนวังบางปอิน แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรอ้อมสระไปทอดพระเนตรการต่าง ๆ ที่เกาะนั้น แล้วเสด็จขึ้น เวลาจวนย่ำค่ำ เสด็จออกประทับที่ชลาพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ด้านตวันออก ประทับอยู่ครู่ใหญ่ เสด็จลงเรือพระที่นั่งคานูทรงพายเล่นในสระ เวลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ประทับโต๊ะห้องเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสวยแล้วประทับอยู่ที่นั้นจนเวลา ๗ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

ข่าวเสด็จบางปอิน

ณวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นมานั้น เฝ้าพร้อมกันจนเวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าที่เสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ประทับอยู่ในที่เสวยจนเวลาบ่าย ๒

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ แรม ๓ ค่ำ

โมงเศษ เสด็จจากที่เสวยไปประทับที่มุขพระที่นั่งทอดพระเนตรสระแลที่อื่น ๆ อยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงพระราชดำเนิรไปประทับพลับพลาทรงปืน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ยิงปืน (วินชิสเตอร) ๒ นัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระแสงปืน (วินชิสเตอร) ๑๒ นัด แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปตามทางถนนเป้า ไปทอดพระเนตรเป้ากลใหญ่ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับอยู่ที่สพานซึ่งจะลงเรือพระที่นั่ง จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกเสวย จนเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จจากที่เสวย ขึ้นประทับอยู่บนพระที่นั่งที่เสด็จออก พระบรมวงศานุวงศ์ก็เฝ้าอยู่ในที่นั้น จนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๕ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๔ ค่ำ

ข่าวเสด็จกรุงเก่า

ณวันพุธ เดือน ๗ แรมค่ำ ๑ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งอิเคล (นกอินทรี) พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท ตามเสด็จพระราชดำเนิรในเรือพระที่นั่งนั้น แล้วจึงใช้จักรออกจากฉนวนเกาะบางปอินแล่นขึ้นไป เวลา ๔ โมงเศษ ถึงหน้าวัดกุฎีสูง จึงประทับเรือพระที่นั่งอยู่ที่นั้น แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งทองทั้งแท่ง ขึ้นไปประทับฉนวนท่าพเนียด เสด็จพระราชดำเนิรทรงพระราชยานไปประทับบนพลับพลาสำหรับทอดพระเนตรคล้องช้างกลางแปลง เจ้าพนักงานจึงนำช้าง ๓ ช้าง ซึ่งคล้องได้เมื่อเสด็จพระราชดำเนิรกลับแล้วเมื่อครั้งก่อน ช้างซึ่งจับได้นี้ พลายใหญ่ช้างหนึ่ง ปลายงาออกสีแดง พลายเล็กช้างหนึ่ง ปลายงาออกสีดำ ช้างพลายใหญ่ช้างหนึ่งรูปงาม เปน ๓ ช้างด้วยกัน ประทับตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์อยู่ที่นั้น ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับลงทรงเรือพระที่นั่งทองทั้งแท่ง แล่นขึ้นไปประทับนฉนวนท่าหน้าบ้านสวนพริก คิดเปนทางโดยเรือพายชนิดนี้ เดิรแต่ท่าหน้าพเนียดไปได้ ๒๒ นาที พอเวลาประมาณ ๕ โมงครึ่ง จึงเสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรช้างเผือก ซึ่งจับได้ที่พเนียดเมื่อเสด็จพระราชดำเนิรครั้งก่อนนั้น ประทับทอดพระเนตรอยู่ในที่นั้นประมาณชั่วโมง ๑ จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับลงทรงเรือพระที่นั่งทองทั้งแท่ง ล่องกลับลงมาประทับเรือพระที่นั่งกลไฟนกอินทรีนั้นแล้วใช้จักรล่องลงมา แลเสวยกลางวันในเรือพระที่นั่งนั้น เวลาบ่ายโมงเศษ ถึงฉนวนเกาะบางปอิน ประทับเรือพระที่นั่งเข้าแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระที่นั่ง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๖ ออกวันศุกร์ เดือน ๗ แรม ๔ ค่ำ

ไอศวริยทิพยอาสน์ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เสด็จออกทรงพระอักษรแล้วเสด็จขึ้น เวลายามเศษ เสด็จออกประทับที่เสวยชั้นล่างที่มุขริมน้ำ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ ประทับตรัสอยู่ที่นั้นจนเวลายามเศษ เสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ข่าวเสด็จเกาะบางปอิน

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ชั้นบน เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรประทับโต๊ะห้องเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสวยแล้วประทับอยู่ที่นั้นจนเวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จพระราชดำเนิรจากห้องเสวยประทับทอดพระเนตรบิลเลียดแลรูปภาพต่าง ๆ ที่พระที่นั่งชั้นล่างประมาณครู่ใหญ่ เสด็จขึ้นประทับบนพระที่นั่งชั้นบน พระยาราชวรานุกูลกับพระยาราชสงครามเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๔ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาบ่าย ๕ โมง ๒๐ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรจากพระที่นั่งไอศวรยทิพยอาสน์ อ้อมหัวสระไปประทับพลับพลาสำหรับทรงปืน ทรงยิงปืนอยู่จนเวลาย่ำค่ำ เสด็จพระราชดำเนิรไปที่เป้า เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จกลับ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับอยู่ที่ท่าฉนวนน้ำ จนเวลา ๒ ทุ่มเสด็จขึ้น เวลายามเศษ เสด็จออกเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสวยแล้วประทับอยู่ที่นั้นจนเวลา ๘ ทุ่มครึ่งเสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ

แผ่นที่ ๑๔๗ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ

ข่าวเสด็จกลับจากบางปอิน

ณวันศุกร เดือน ๗ แรม ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศึกราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทอดพระเนตร์การต่าง ๆ ที่เกาะบางปอินแล้ว เวลาเที่ยงกับ ๓๐ นาที เสด็จลงเรือพระที่นั่งปิกนิก ออกจากที่นั้นขึ้นไปเหนือน้ำ เลี้ยวลงหัวเกาะล่องลงมา เวลาบ่าย ๔ โมงกับ ๕๕ นาทีถึงวัดปากอ่าว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทอดพระเนตรืการที่วัดนั้นประมาณ ๓๐ นาที เวลาบ่าย ๕ โมง ๒๕ นาที เสด็จกลับลงเรือพระที่นั่งออกจากเกร็ดมา จนเวลา ๒ ทุ่มกับ ๕ นาทีถึงกรุงเทพมหานคร ประทับเรือพระที่นั่งท่าราชวรดิษฐ เสด็จขึ้นประทับพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ตรัสกับข้าราชการซึ่งมารับเสด็จ เวลา ๒ ทุ่มกับ ๒๐ นาทีเสด็จขึ้นพระราชยานเสด็จเข้าพระบรมหาราชวัง เสด็จขึ้น

อนึ่งพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรในเรือพระที่นั่งคราวนี้ก็เหมือนกับเมื่อขาไป แต่ขากลับมานี้ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ กลับมาแต่ในเวลากลางคืนนี้ คงที่ตามเสด็จมา คือ เจ้าหมื่นไวยวรนาถ พระอมรวิไสยสรเดช หลวงจักรยานานุพิจารณ ๓ คนนี้ มาในเรือภิรมย์เร็วจรเปนเรือจูง ผู้ที่มาในเรือพระที่นั่ง คือ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๒ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๓ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๔ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๕ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๖ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๗ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๘ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๙ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๑๐ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑๑ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ๑๒ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑๓ พระองค์เจ้าคิศวรกุมาร ๑๔ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑๕ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑๖ พระองค์เจ้าสวัสดิ์โสภณ ๑๗ พระเจ้า

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๘ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ

ลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลักษณ์ รวมพระบรมวงศานุวงศ์ ๑๗ ข้าราชการ คือ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๒ พระพิเรนทรเทพ ๓ พระอินทรเทพ ๔ เจ้าหมื่นเสมอใจราช ๕ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๖ จมื่นสุรเดชรณชิต ๗ จมื่นสราภัยสฤษดิการ ๘ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ ๙ หลวงศิลปประสารสราวุธ ๑๐ หลวงศัลยยุทธวิธีกรรม ๑๑ หลวงสรจักรานุกิจ ๑๒ หลวงอุดมภักดี ๑๓ หลวงราโชวาท ๑๔ หลวงสารประเสริฐ ๑๕ หลวงเสน่ห์สรชิต ๑๖ นายจ่เรศ ๑๗ นายจ่ารง ๑๘ ขุนธารารสพิเศษ ๑๙ ขุนประเสริฐโอสถ ๒๐ นายประจญณรงฤทธิ ๒๑ นายประจัน สฤษดิการ ๒๒ นายรองกวด ๒๓ นายรองฉัน ๒๔ นายรองพิจิตร ๒๕ หมอเกาวัน ๒๖ หมื่นจำนง มหาดเล็กเลว ๕ มหาดเล็กน้ำร้อน ๕ ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ๒ ภูษามาลา ๑ ฝีพาย ๔ รวมคนตามเสด็จในเรือพระที่นั่ง ๖๑ ด้วยกัน

โดย สวัสดิประวัติ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๕๑ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดพระเชตุพน ๑๐ รูป มีพระมงคลเทพเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ พวกออฟฟิศหลวงเข้า เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพ พระไชยยศ จมื่นวิชิตไชยศักดาวุธ จมื่นสราภัยสฤษดิการ หลวงมงคลรัตน หลวงนริศร เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เวลาบ่าย ๓ โมงเศษก็กลับออกมา เวลาย่ำค่ำ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด หลวงพินิจจักรภัณฑ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่จนเวลาทุ่ม ๑ เสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการก็กลับออกมาหมด

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง ตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๑๔๙ ออกวันจันทร เดือน ๗ แรม ๖ ค่ำ

เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขใต้ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ๑ เจ้าหมื่นเสมอใจราช ๑ พระไชยยศสมบัติ ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนิรออกประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทอยู่ในที่นั้น จึงพระนรินทรราชเสนีนำใบบอกพระยาสุรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองเพ็ชร์บุรี ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาฉบับหนึ่ง มีความว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาเพ็ชร์บุรีปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมพระพุทธรูปใหญ่น้อย ในถ้ำหลวงเพ็ชร์บุรีนั้น พระยาเพ็ชร์บุรีได้จ้างช่างมาปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมบ้าง ทำใหม่บ้าง แล้วก็ได้ลงรักไว้ยังหาได้ปิดทองไม่ ที่ยังไม่แล้วก็ยังให้ช่างทำต่อไป ครั้นเวลาประมาณทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ก. ม. พิชิตปรีชากร

แผ่นที่ ๑๕๐ ออกวันอังคาร เดือน ๗ แรม ๗ ค่ำ

ข่าวเสด็จวังสราญรมย์ ที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ ฯ เสด็จไปประทับ

ณวันจันทร เดือน ๗ แรม ๖ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้าหน้าพระที่นั่งใหม่ เสด็จประทับอยู่ครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรทรงรถพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับสวนสราญรมย์ เสด็จพระราชดำเนิรทอดพระเนตรพรรณต้นไม้ต่าง ๆ จนเวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับณพระตำหนักสวนครู่หนึ่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่วังสราญรมย์ ทรงวิสิต สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ในการที่ได้เสด็จมาอยู่ในที่นั้น เสด็จประทับอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง เสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง เสด็จขึ้น

โดย เกษมสันตโสภาคย์

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอังคาร เดือน ๗ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

แผ่นที่ ๑๕๑ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ

ณวันพุธ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกประทับสนามหญ้า ประทับที่เสาธงทรงพระสุหร่ายแลทรงเจิมเทียนพรรษา ๑๓ เล่ม ซึ่งจะได้ส่งออกไปจุดไว้ที่ในวัดหัวเมืองต่าง ๆ ในพรรษานี้นั้นแล้ว จึงประทับทรงปิดทองพระพุทธรูป แลทรงปิดทองพระสัมภาระวิบาก ๗ ผูก ทรงร้อยหูพระนิเทสบั้นสอง ๘ ผูก แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระเก้าอี้ในกลางสนาม พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ที่นั้น แล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้ขุนวิเชียรสมบัติเปนหลวงรักษ์ราชหิรัญพนักงานเงินในคลังมหาสมบัติ ถือศักดินา ๖๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ฯ ๆ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๗๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

แลโปรดเกล้า ฯ ให้นายแป้นมหาดเล็กเวรเดช เปนหลวงภักดีบรมนาถ ในกรมมหาดเล็ก ถือศักดินา ๖๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ฯลฯ ตั้งแต่วันพุธ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๗๓ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ พอฝนตก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิร

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาจวนย่ำค่ำ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย มนุษย์นาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้า

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕๒ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ

อยู่หัว เสด็จออกสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการ พระยาศรีสิงหเทพนำใบบอกพระยากำแหงสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองนครราชสีมา ๒ ฉบับ ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ฉบับ ๑ มีความว่า ทรงพระกรุณา โปรดเกล้า ฯ ให้ชักเงินค่านา ๕๐ ชั่ง ซื้อเข้าจ่ายในราชการทัพ แลได้ซื้อจ่ายไป ๒๗ ชั่ง ๒ ตำลึง ๓ บาท ฉบับ ๑ มีความว่า พระยาวิชิตณรงค์ซึ่งไปราชการทัพป่วยเปนโรคนิ่ว กราบถวายบังคมลาลงมารักษาตัวอยู่เมืองนครราชสีมา แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสอยู่เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

----------------------------

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

แผ่นที่ ๑๕๓ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๙ ค่ำ

ณวันอาทิตย เดือน ๗ แรม ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ประมาณ ๔๐ นาที ก็กราบถวายบังคมลากลับมา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ก. ม. พิชิตปรีชากร

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕๔ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๙ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร เดือน ๗ แรม ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๙ รูป มีพระธรรมเจดียเปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดราชนัดดา ๑๐ รูป มีพระนิกรมมุนีเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉัน เวลาบ่ายโมงเศษ พระยาราชวรานุกูลเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ก็กลับออกจากที่เฝ้า เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ หลวงพินิจจักรภัณฑเข้าไป เฝ้า เวลาบ่าย ๓ โมงเศษก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เจ้าหมื่นเสมอใจราช เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๔ โมง ก็กลับออกมาจากที่เฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ หม่อมเจ้าขาว พระยาภาสกรวงศ์ พระยามหามนตรี พระยาศรีสิงหเทพ พระยารามกำแหง พระภาษี พระพิเรนทรเทพ พระศักดาภิเดชวรฤทธิ พระเทพผลู เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี จมื่นราชามาตยเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาทุ่มเศษก็กลับออกมา เวลาทุ่มเศษ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ หม่อมเจ้าเจ๊ก เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ก็กลับออกมา

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕๕ ออกวันศุกร เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ

ข่าวเสด็จบางปอิน

ณวันอังคาร เดือน ๗ แรม ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๒ โมง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ขึ้นเกยทรงพระที่นั่งราชยาน ออกประตูศรีสุนทร ไปประทับท่าราชวรดิษฐ ตรัสกับสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แลเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนก็อยู่ในที่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่เวลา ๓ โมงเศษ จึงเสด็จพระราชดำเนิรทรงเรือพระที่นั่งปิกนิกลำใหญ่ เรือพระที่นั่งนกอินทรีจูง พอลงพร้อมแล้วก็ใช้จักรขึ้นไปตามลำน้ำ เวลาบ่าย ๕ โมงถึงท่าพระราชวังบางปอิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่ง ไปประพาสตามริมฝั่งสระด้านตวันออก แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาขึ้นพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน แลได้นับคนซึ่งไปตามเสด็จพระราชดำเนิรครั้งนี้ ที่ลงเรือพระที่นั่งนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร ๑ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยค ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๑ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ รวม ๑๒ พระองค์ กรมมหาดเล็ก พระยาภาสกรวงศ์ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ เจ้าหมื่นเสมอใจราช ๑ จ่ารง ๑ จ่าเรศ ๑ นายขัน ๑ วรกิจ ๑ พลพ่าย ๑ นายรองขัน ๑ พลพัน ๑ เวศเตอ ๑ สารวัด ๑ น้ำร้อน ๔ คน พัดน้ำร้อน ๑ เลว ๑ รวม ๑๗ คน กรมพระตำรวจพระมหาเทพ ๑ กรม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕๖ ออกวันศุกร เดือน ๗ แรม ๑๐ ค่ำ

ฝีพายหลวงอุดม ๑ ไพร่ ๔ รวม ๕ กรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ จมื่นสุรเดช ๑ จมื่นศราภัย ๑ ออฟฟิเซอร ๑๐ รวม ๑๒ รักษาพระองค์ ๒ คน ภูษามาลา ๑ กรมคลัง ๑ กรมอาลักษณ์ ๑ หลวงสารประเสริฐ ๑ ขุนสุวรรณ ๑ รวม ๒ กรม หมอกาวัน ๑ ขุนประเสริฐโอสถ ๑ รวม ๒ กรมพระแสงหอกดาบแลปืนสำเร็จพระขรรค ๑ หลวงเสน่ห์สรชิต ๑ หมื่นจำนง ๑ รวม ๓ คน รวมที่ได้ตามเสด็จคราวนี้ ๕๒ ด้วยกัน เวลายามเศษ เสด็จออกเสวยจนเวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕๗ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๑๑ ค่ำ

ณวันพุธ เดือน ๗ แรม ๑๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องฉลองพระองค์อย่างฟรอกโก๊ต เสด็จออกพระที่นั่งไอศวรรยทิพยอาสน์ เสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งนกอินทรี, เวลาเช้า ๓ โมงกับ ๓๗ นาที่ใช้จักรออกจากท่าเกาะบางปอิน เวลา ๓ โมง ๕๓ นาทีถึงท้ายเกาะพระ เวลา ๔ โมง ๖ นาที พ้นหัวเกาะพระ เวลา ๔ โมง ๒๘ นาทีพ้นหัวเกาะเรียนตรงหน้าตะเกี่ย เวลา ๔ โมง ๓๑ นาทีตรงปากคลองตะเคียน เวลา ๔ โมง ๔๓ นาทีถึงหน้าวัดพนัญเชิง เวลา ๔ โมง ๕๕ นาทีถึงวัดประดู่ เวลา ๔ โมง ๕๖ นาทีถึงหน้าวังจันทรเกษม เวลา ๕ โมง ๒ นาทีถึงหน้าวัดกุฎีสูง เวลา ๕ โมง ๔ นาทีประทับเรือพระที่นั่งที่เหนือวัดกุฎีสงบระมาณ ๕ เส้น แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งเก๋งชื่อทองทั้งแท่ง แลเรือพระที่นั่งเก๋งสิบสามย่อมสองเปนเรือพระที่นั่งรอง พร้อมด้วยเรือกลองเรือประตูหน้าหลัง เวลา ๕ โมง ๑๐ นาทีแห่ขึ้นไปตามลำน้ำ เวลา ๕ โมง ๒๐ นาทีเรือพระที่นั่งประทับฉนวนท่าหน้าโรงช้าง เหนือพะเนียดประมาณ ๕ เส้น ๖ เส้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับบนโรงช้าง แล้วทรงจุดธูปเทียนที่นมัสการพระพุทธปฏิมากรแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นเกย เวลา ๕ โมงกับ ๒๖ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงได้ทรงพระเต้าสิลาซึ่งจาฤกเปนพระคาถาอยู่ภายนอก แต่พระมหาสังข์แลหม้อน้ำพระพุทธมนต์อีกหลายหม้อรดน้ำช้างสำคัญซึ่งจับได้ที่พะเนียด ในเวลานั้นพระสงฆ์ ๑๐ รูป มีพระธรรมราชานุวัตร์เปนประธาน จึงสวดชยันโตขึ้นพร้อมกันแล

แผ่นที่ ๑๕๘ ออกวันเสาร์ เดือน ๗ แรม ๑๑ ค่ำ

พนักงานประโคมจึงประโคมพิณพาทย์ดนตรีขึ้นพร้อมกัน เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรดน้ำแล้ว จึงโปรด ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงหม้อน้ำพระพุทธมนต์รดด้วย ครั้นเสร็จแล้วพนักงานประโคมหยุดเสียงประโคมลงแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรถวายของพระ แลโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าถวายของที่เหลืออยู่อีกนั้นต่อไป พระสงฆ์จึงได้ถวายยาสัพพีอติเรกแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง ให้ผนึกช้างสำคัญนั้นออกไปทอดพระเนตรที่หน้าพลับพลาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรออกไปประทับที่พลับพลา แลทอดพระเนตรอยู่ที่นั้นครู่ ๑ เวลา ๕ โมงกับ ๕๑ นาที เสด็จทรงพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งแล้วล่องกลับลงมา เวลาเที่ยง ๒ นาทีประทับเรือพระที่นั่งนกอินทรี แลรับสั่งให้หาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ลงในเรือพระที่นั่งด้วยแล้ว ครั้นเวลาประมาณเที่ยงกับ ๒๐ นาที จึงใช้จักร์เรือพระที่นั่งออกจากที่นั้น แล่นกลับขึ้นไปบ่อโพง เวลาเที่ยง ๓๗ นาทีถึงหน้าวัดบำเพ็ญ เวลาเที่ยงกับ ๕๐ นาทีถึงฉนวนท่าหน้าโรงช้างที่บ่อโพง เสด็จพระราชดำเนิรชั้นประทับในโรงช้าง แลทรงนมัสการพระพุทธปฏิมากรเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับเกย ทรงรดน้ำพระพุทธมนตร์ช้างสำคัญซึ่งได้มาแต่เมืองยโสธร เหมือนอย่างช้างสำคัญซึ่งจับได้ที่พะเนียดดังได้กล่าวมาแล้วแต่ข้างต้นนั้น ในเวลานั้นพระสงฆ์ ๑๐ รูปมีพระธรรมทานาจารย์เปนต้น ได้สวดชยันโตพร้อมกัน ส่วนเจ้าพนักงานประโคมก็ประโคมดนตรีพิณพาทย์ขึ้นตามอย่างธรรมเนียมซึ่งเปนมาแต่ก่อน ครั้นเสร็จแล้วพระยาเพทราชาจึงนำช้างพังสีปลาดซึ่งมาด้วยช้างสำคัญเมืองยโสธรนี้นั้น มาถวายทอดพระเนตรแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรถวายของพระ แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าถวายของต่อไป ครั้นพระสงฆ์ถวายยถาสัพพีอติเรกแล้ว เวลาบ่ายโมงกับ ๑๒ นาทีจึงเสด็จพระราชดำเนิรลงทรงเรือพระที่นั่งนกอินทรี

อนึ่งในโรงช้างนี้นั้นเปนโรงยาว ๓ ห้องมีเฉลียงรอบตัว ตามอย่างธรรมเนียมโรงช้างเคยรับมาแต่ก่อน แถมฉัตรราชวัตรปักรอบ แลมีงานฉลองคือลครเพลงไม้สูง เหมือนกันกับโรงช้างสำคัญที่เหนือพะเนียด ครั้นเวลาบ่ายโมงกับ ๒๐ นาที ใช้จักรล่องลงมา เวลาบ่ายโมงกับ ๒๔ นาทีถึงหน้าวัดราษฎร์บำเพ็ญ เวลาบ่าย ๒ โมง ๒๓ นาที ถึงหน้าวัดพนัญเชิง เวลาบ่าย ๒ โมง ๒๗ นาที

----------------------------

แผ่นที่ ๑๕๙ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๑๒ ค่ำ

ถึงท้ายเกาะเรยน เวลาบ่าย ๒ โมงกับ ๓๗ นาทีถึงหน้าวัดโปรดสัตว เวลาบ่าย ๒ โมงกับ ๔๙ นาทีถึงหัวเกาะพระ เวลาบ่าย ๒ โมง ๕๘ นาทีพ้นท้ายเกาะพระ เวลาบ่าย ๓ โมงกับ ๕ นาทีถึงเกาะบางปอินเกาะนอก แต่เวลานี้น้ำลงเรือพระที่นั่งลำนี้กินน้ำลึกเดิรเข้าไม่ได้ ในทางหว่างเกาะหน้าวัดชุมพลนิกายาราม จึงต้องอ้อมลงไปเข้าทางท้ายเกาะ เวลาบ่าย ๓ โมงกับ ๑๓ นาที เรือพระที่นั่งติดเมื่อจะเข้านั้น จึงได้เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือกลไฟเล็ก ของพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์เปนเรือพระที่นั่งแล่นขึ้นไปประทับท่าแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เวลาบ่าย ๓ โมงกับ ๓๓ นาที เสด็จพระราชดำเนิรขึ้น ในบาญชีพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลลอองธุลีพระบาทแลเจ้าพนักงานซึ่งลงในเรือพระที่นั่งนกอินทรีนั้น มีรายที่ได้ตรวจดูได้เท่านี้ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าภาณุรังษี กรมหมื่นนเรศ กรมหมื่นพิชิต กรมหมื่นอดิศร พระองค์เจ้าทวี พระองค์เจ้าทองใหญ่ พระองค์เจ้าเกษมศรี พระองค์เจ้าศรีสิทธิ พระองค์เจ้าทองแถม พระองค์เจ้าชุมพล พระองค์เจ้าเทวัญ พระองค์เจ้ามนุษย พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ พระองค์เจ้าดิศ พระองค์เจ้าวัฒนา พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ พระองค์เจ้าสาย พระยาภาสกรวงศ์ พระยาอนุรักษ์ พระมหาเทพ เจ้าหมื่นสรรเพธ เจ้าหมื่นไวย เจ้าหมื่นเสมอใจ พระโบรานุรักษ์ จมื่นสราภัย หลวงจักรยาน นายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ๖ นาย ทหารม้า ๒ หมอกาวัน ๑ กรมหมอ ๒ อาลักษณ ๑ กรมแสง ๓ กรมแสงพนักงานปืนแกดริงกัน ๑ นายจ่ารง นายจ่าเรศ นายวรกิจ มหาดเล็กหุ้มแพร ๓ นาย นายรองหุ้มแพร

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๐ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๗ แรม ๑๒ ค่ำ

๓ มหาดเล็กเวร ๒ นายเพ่ง บุตร์พระยาภาสกรวงศ์ ๑ มหาดเล็กน้ำร้อน ๔ บ๋อยเลว ๒ หลวงอุดมภักดี ภูษามาลา ๑ นายเรือกลไฟลำนั้น ๒ อินยิเนียแลคนติดไฟด้วยเปน ๓ คนประจำหัวเรือท้ายเรือรวม ๕ คน รวมทั้งสิ้นในเรือพระที่นั่ง นับแต่พระบรมวงศานุวงศ์ แลเจ้าพนักงานผู้ใหญ่ผู้น้อยนับได้ ๗๒ ตามบาญชีที่ว่ามาแล้ว

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จออกทรงพระราชดำเนิรทางหลังพระที่นั่งไปจนถึงหัวรอ ที่คลองขุดใหม่ในเกาะนั้นจะไปทลุออกที่นั่นแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาทอดพระเนตรที่ตำหนัก กรมสมเด็จพระสุดารัตน ซึ่งจะได้สร้างขึ้นใหม่นั้นแล้ว จึงทรงพระราชดำเนิรมาทางสวนมะม่วง หน้าเรือนที่พักของพระยามหามนตรีแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรทางสพานในสระนั้น ข้ามมาประทับพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ครู่หนึ่งแล้วเสด็จขึ้น เวลายามเศษออกประทับที่เสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิร ครั้นเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จชั้นประทับท้องพระโรงชั้นบน จนเวลา ๒ ยามเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

----------------------------

(ตรงนี้ฉบับขาด)

แผ่นที่ ๑๖๑ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรม ๑๕ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันศุกร์ เดือน ๘ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวด ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เจ้าหมื่นเสมอใจราช เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระยาศรีสิงหเทพเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ครั้นพระยาศรีสิงหเทพถวายบังคมลาออกจากที่เฝ้า เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์เฝ้าอีก เวลาย่ำค่ำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระนรินทรราชเสนีนำใบบอกเจ้าพระยาวิเชียรคิรี ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาฉบับหนึ่ง กราบบังคมทูลพระกรุณามีความว่า เจ้าพระยาวิเชียรคิรีได้รับหนังสือพระไชเยนทรฤทธิรงค์ รายามุดาเมืองตะรังกานูบอกว่า โรคเก่าของพระยาตะรังกานูกลับเปนมากขึ้น หมอได้ประกอบยารักษา โรคนั้นก็ไม่ได้คลาย ครั้นวันพฤหัสบดี เดือน ๗ แรม ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ พระยาตะรังกานูถึงแก่กรรมแล้ว พระไชเยนทรฤทธิรงค์ รายามุดา กับสี่ต่วนกรมการเมืองตะรังกานู ได้จัดการฝังศพเสร็จแล้วตามธรรมเนียมมลายู พระไชเยนทรฤทธิรงค์รายามุดามีความเศร้าโศกเปลี่ยวใจนัก ขอให้เจ้าพระยาวิเชียรคิรีบอกเข้าไปยังกรุงเทพฯ กราบเรียน ฯพณฯ สมุหพระกลาโหม ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ให้ทราบฝ่าลอองธุลีพระบาท แล้วเจ้าพระยาวิเชียรคีรีได้มีหนังสือตอบไปว่า เมื่อเจ้าพระยาวิเชียรคิรีได้ทราบการนี้ มีความเศร้าโศกเสียใจเปนอันมาก แลได้บอกข้อราชการไปยังกรุงเทพ ฯ แล้ว แลให้พระไชเยนทรฤทธิรงค์รายามุดา ตั้งใจรักษาเขตร์แดนบ้านเมืองวงศ์ญาติพี่น้องของพระยาตะรังกานู แลทั้งสี่ต่วนกรมการไพร่บ้านพลเมือง ให้มีความสุขความเจริญต่อไป แลเมื่อเดือน ๘ ข้างขึ้น ให้พระไชเยนทรฤทธิรงค์รายามุดาแต่งต้นไม้เงินทองเครื่องราชบรรณาการมาให้ถึงเมืองสงขลา จะได้ส่งไปทูล

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๒ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรม ๑๕ ค่ำ

เกล้า ฯ ถวายยังกรุงเทพ ฯ ตามธรรมเนียมซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบ จึงมีพระบรมราชโองการให้เจ้าพนักงานจัดสิ่งของจะได้พระราชทาน ตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ไว้ให้พร้อมเสร็จ เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น อนึ่งข้าพเจ้าขอขอบพระทัยพระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์นัก ด้วยท่านเปนพระธุระในข่าวนี้อย่างยิ่ง

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๗ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ หลวงสโมสรวุฒิการนำฝรั่งที่ทำสายเตลิคราฟ ชื่อมิศเตอร์เดวิดสัน ๑ กัปตันลอฟตัส ๑ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๓ โมงกลับออกมา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพ เจ้าหมื่นเสมอใจ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ หลวงพินิจจักรภัณฑ์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๔ โมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยค เข้าไปเฝ้าทูลลาทรงผนวช เวลาบ่าย ๕ โมงเศษก็กลับออกมา เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการ จึงพระราชทานตราแลดิโปลมา เครื่องราชอิศริยยศตรามงกุฎสยามชั้น ๓ ชื่อภัทราภรณ์ แก่พระยาสุจริตรักษา ผู้ว่าราชการเมืองลพบุรี ในความชอบที่ชำระผู้ร้ายได้โดยเร็ว พระราชทานเปนความชอบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสด้วยราชการอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการก็กลับไปหมด

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ข่าวรับช้างสำคัญแลสมโภชในกรุงเทพ ฯ

ณวันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานมาประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จทรงเรือพระที่นั่งทวยเทพถวายกร

แผ่นที่ ๑๖๓ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรม ๑๕ ค่ำ

เรือจักรพรรดิภิรมยเปนเรือพระที่นั่งรอง พร้อมด้วยเรือกระบวรแห่หน้าหลังไปโดยทางชลมารค เวลาย่ำเที่ยงแล้ว ๒๐ นาที ถึงตำบลวัดลมุดแขวงเมืองนนทบุรี ซึ่งแพช้างสำคัญทั้งสองพักอยู่ที่นั่น ครั้นเรือพระที่นั่งประทับกับแพช้างแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนแพ แล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลื่อนแพออกจากที่ล่องลงมาตามลำน้ำ มีกระบวรแห่หน้า คือเรือยวนแจวคู่ ๑ เรือดั้ง ๕ คู่ เรือกลอง ๑ เรือทหารแซง ๒ คู่ เรือกลไฟโสรวารวรเดช ๑ เรือกลไฟเทียมลม ๑ เปนเรือจูงแพช้าง อนึ่งในแพช้างทั้ง ๒ นั้น ได้ตั้งพระไชยเงินองค์ ๑ มีพระสงฆราชาคณะ ๓ รูป พระพิธีธรรมสวดท้องภาณแพละ ๒ รูป ตามเสาข้างบนนั้นแขวนกระดานปริมณฑละผละกะแพละ ๙ แผ่นเสาแพด้านข้างหน้าช้างนั้นผูกพระกันภิรมยแพละ ๓ องค์ ครอบแพช้างนอกปักฉัตร ๕ ชั้น พื้นขาวลายทอง แลราชวัตรไม้จริงสลักใบโปร่ง พื้นขาวลายทอง โดยรอบทั้งสองแพ อนึ่งพระยานนทบุรีกับกรมการ ได้จัดลคร ๒ โรงแพนโรง ๑ มามีสมโภช ครั้นแพช้างล่องลงมาเกือบจะถึงท่าพระ เวลาบ่ายโมงกับ ๓๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรจากแพช้าง ลงสู่เรือพระที่นั่งลอยลำ ทรงทอดพระเนตรแพเข้าประทับท่าแล้ว ก็เลื่อนเรือพระที่นั่งมาประทับท่าราชวรดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่ง คืนเข้าพระบรมมหาราชวัง อนึ่งการซึ่งตกแต่งรับช้างสำคัญครั้งนี้ ที่หน้าประตูท่าพระมีโขลนทวารแลมีเกย ๒ ข้าง สำหรับพราหมณแลราชบัณฑิตจะได้ขึ้นประน้ำพระพุทธมนตแลรดน้ำสังข เมื่อเวลาช้างขึ้น ๒ ข้างทาง ตั้งแต่ประตูท่าพระ ตรงมาเลี้ยวประตูเผด็จดัสกรมาถึงป้อมมณีปราการนั้น ได้ปักราชวัตรฉัตรเบญจรงค์เรียงมาเปนอันดับจนถึงโรงสมโภช โรงสมโภชนั้นตั้ง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๔ ออกวันพุธ เดือน ๗ แรม ๑๕ ค่ำ

ที่หน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย หลังคาดาษด้วยผ้าแดง มีฉ้อฟ้าหางหงส เพดานดาษด้วยผ้าขาว กลางโรงแท่น ๒ แท่น เสาตลุงเบญจพาหุ้มขาว ยอดปิดทองคำเปลว ข้างบนมีเพดานลอยเขียนยัญลงเส้นทองคำ แลมีพวงอุบะทองคำแขวนโดยรอบ มียัญลงในแผ่นผ้าขาวเขียนด้วยเส้นทองคำ ๑๐ แผ่น แขวนรอบโรงชั้นใน มีปริมณฑลผลกะเปนแผ่นกระดานกลม ๆ ปิดทองคำเปลวใหญ่ ๒ แผ่น ติดตรงเสาริมแท่น ๆ ละแผ่น ๆ เล็กติดตามทิศโดยรอบ ๑๖ แผ่นทั้งใหญ่แลเล็ก สองสำรับด้วยกัน รวมเปน ๑๘ แผ่น ในโรงด้านหน้ายกพื้นตั้งเก้าอี้สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย จะได้เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ด้านเหนือตั้งอาสนพระสงฆ์สองแถว ตั้งม้าหมู่ บนม้าหมู่ตั้งพระไชยในแผ่นดินปัตยุบันนี้องค์ ๑ พระไชยเนาวโลหะองค์ ๑ พระเต้าศิลาลงอักษร ๒ เต้า หม้อน้ำก้าไหล่เงิน รวม ๑๓ หม้อ พานทองคำ ๒ ชั้นรองอ้อยซึ่งจาฤกนาม ๒ พาน เครื่องนมัสการเครื่อง ๕ สำรับ ๑ ที่มุมโรงช้างรอบในปักฉัตร ทอง เงิน นาค ราชวัตรไม้จริงสลักปรุชั้นกลางปักราชวัตรฉัตรเบ็ญจรงค์ รอบนอกมีรั้วตะเกียงแลซุ้มตะเกียง ๖ ซุ้ม ด้านข้างใต้มีโรงสำหรับไว้กระจาดของถวายพระสงฆ ด้านเหนือมีโรงมณฑปที่อาบน้ำช้างสำคัญ มีแท่นแลเพดานลอยเสาตะลุงหุ้มผ้าขาว ยอดปิดทองคำเปลว พื้นล่างดาษด้วยศิลามีฉัตร นาค เงิน ทอง แลราชวัตรทรงเครื่องปักชั้นในชั้นนอก มีรั้วตะเกียงโดยรอบ

ครั้นเวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานทองลงยาราชาวดี พร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ไปประทับพลับพลาหน้าประตูท่าพระแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ สั่งให้นำช้างสำคัญทั้ง ๒ ขึ้นจากแพ ครั้นช้างขึ้นแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับมาประทับพลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริยแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เดิรกระบวรแห่มาตามทางซึ่งจัดไว้นั้น กระบวรที่ ๑ นั้นถือธงมังกร สวมเสื้อเสนากุฏเดิรเปน ๒ แถว ๆ หนึ่งประมาณ ๖๐ คน ถัดมาถึงกลองชนะแตรสังข หว่างกลองชนะมีพราหมณโปรยเข้าตอก แล้วจึงถึงกระบวรถือแซ่หวายแลกระบองกลึงเดิรเปน ๒ แถวเรียงหน้าทั้งสองข้าง แล้วถึงพระวิมลรัตนกิริณี มีช้างนำช้างหนึ่งกรรชิง ๑ คู่ มีคนเชิญโต๊ะเงินรองอ้อยรองหญ้า แลหม้อน้ำเงินแล้วจึงถึง

----------------------------

  1. ๑. ตรงนี้ผิด มีบอกแก้ในแผ่นที่ ๑๔๑

  2. ๒. คำพระราชทานพรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลคำกรมหมื่นพิชิตปรีชากรถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิมพ์ไว้ในแผ่นที่ ๑๓๐, ๑๓๑, ๑๓๒ ตอนแจ้งความ ฯ

  3. ๓. ตรงนี้ความขาด มีบอกแก้ในแผ่นที่ ๑๓๙

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ