เดือน ๘ จ.ศ. ๑๒๓๘

แผ่นที่ ๑๖๕ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ ขึ้น ๒ ค่ำ

พระเศวตวรวรรณ พระเทพคชรัตนกิริณี พระศรีสวัสดิเศวตวรรณ เรียงมาเปนลำดับ เครื่องยศแลกระบวรอื่น ๆ ก็คล้าย ๆ กันกับพระวิมลซึ่งได้กล่าวมาแล้ว ๆ ถึงกลองแขกคู่ ๑ เครื่องสูงประมาณ ๗ คู่ บังแซก ๒ คู่ แล้วจึงถึงเจ้าพนักงานเชิญพระกันภิรมยสวมถุงแดง ๓ องค์ แล้วถึงพราหมณเชิญพระเทวกรรม แลพราหมณเป่าสังข์นำช้างสำคัญ ซึ่งได้ที่ตำบลเพนียด มีช้างนำช้างหนึ่ง แลคนถือแซ่หวายกระบองกลึง แลคนเชิญโต๊ะหญ้าหม้อน้ำ แลกรงวานรเผือก แล้วจึงมาถึงช้างสำคัญซึ่งมาแต่เมืองยโสธรอีกข้างหนึ่ง มีช้างนำแลคนเชิญโต๊ะเงินหม้อน้ำเหมือนกัน แล้วจึงถึงเครื่องสูงอิกประมาณ ๗ คู่ เปนสิ้นกระบวร ครั้นช้างสำคัญมาถึงเข้าโรงแล้ว เจ้าพนักงานก็นำพระกันภิรมย ๓ องค์ผูกไว้ที่เสาในโรงช้าง ครั้นช้างสาคัญทั้งสองเข้าโรงขึ้นแท่นเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรจากพลับพลา มาประทับในโรงช้าง ทรงถวายผ้าไตรพระสงฆ์ ๓๖ รูป มีพระพรหมมุนีเปนประธาน ครั้นพระสงฆครองผ้าเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงศีลแล้ว พระสงฆก็เจริญพระพุทธมนตสัตตปริตจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับพลับพลาตามเดิม ในโรงช้างพราหมณ ๒ นายก็อ่านดุษดีสังเวย แลขับไม้กล่อมตามธรรมเนียม อนึ่งเวลาค่ำวันนี้มีการเล่น คือรำโคมวง ๑ มังกรคาบแก้ววง ๑ หนัง ๒ โรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จประทับอยู่ที่พลับพลาจนเวลา ๒ ทุ่มเศษ จึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับคืนเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง

แจ้งความ

แจ้งความ ข้าพเจ้าผู้เรียบเรียงความข้างต้นนี้ ขอแจ้งความ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๖ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ ขึ้น ๒ ค่ำ

มายังท่านทั้งหลายผู้ที่รับหนังสือนี้ได้ทราบ ด้วยถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าได้กล่าวถึงกระบวรแห่แลการอื่น ๆ นั้น เห็นว่ายังคลาดเคลื่อนอยู่มาก ด้วยข้าพเจ้ากล่าวมาแต่ที่ทราบการแลได้เห็น บางทีที่เห็นแล้วแต่จำไม่ได้ก็มี บางทีไม่ทราบก็มีมาก ครั้นข้าพเจ้าจะรอสืบสวนให้แน่นอน ก็ไม่ทันการจำเปนต้องผิดพลั้งคลาดเคลื่อนบ้าง ถ้าต่อไปมีท่านผู้ใดมาทักท้วง ฤๅข้าพเจ้าสืบความได้ประการใด ภายหลังจึงจะแจ้งความมาให้ทราบ ครั้งนี้ถ้าผิดพลั้งประการใด ข้าพเจ้ารับประทานอภัยเสียสักครั้งหนึ่ง เทอญ

โดย ก. ม. พิชิตปรีชากร

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๗ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้น ๓ ค่ำ

การสมโภชช้างสำคัญ

ณวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จพระราชดำเนิรพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง มาประทับโรงช้างสำคัญ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระพรหมมุนีถวายศีล พระสงฆ์ถวายพรพระ เจ้าพนักงานข้างในได้นำแห่สลากภัตรออกทางประตูศักดิไชยสิทธิ แห่ผ่านหน้าโรงช้างสำคัญ เวียนอ้อมมาเข้าประตูหลังโรงช้างสำคัญ มีกระบวร คือ แตรสังข์ ๕ คน คนถือธง ๔๐ คน เขี้ยวกาง ๒ คน กลองแขก ๒ ร้าน ๖ คน คนหาม ๘ คน พิณพาทย์ ๒ ร้าน ๘ คน ๆ หาม ๘ คน ยักษขี่ม้า ๔ คน คนจูง ๔ คน เจ้าพราหมณ์ ๒ ถือพานดอกไม้ เด็กศีร์ษะจุกถือเทียน ๒ ถือธูป ๒ รวม ๔ คน หาบหลวง ๒ หาบ ๆ ทองคน ๑ คนเชิญเครื่องเปลี่ยนหาบคน ๑ คนเชิญสำรับคาวคน ๑ คนเชิญสำรับหวานคน ๑ คนเชิญชามเข้าคน ๑ คนหาบเงินคน ๑ คนเชิญเครื่องเปลี่ยนหาคน ๑ คนเชิญสำรับคาวคน ๑ หวานคน ๓ ชามเข้าคน ๑ ต่อมามีนางสาวหาบสบงธูปเทียนหมากพลู สังขยาฟักทอง เข้าเหนียว ผลเงาะแลแมงคุด ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระเจ้าพี่นางเธอ พระเจ้าน้องนางเธอ ๓๖ หาบ เจ้าพนักงานยกสลากภัตรเข้าไปตั้งที่สำหรับพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ถวายพรพระจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนพระสงฆ์ พระสงฆ์ฉันแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรถวายบริขารพระสงฆ์ กับทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ถวายบริขารต่อไป พระสงฆ์ถวายยถาสัพพีอติเรก พระสงฆ์ก็กลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่ครู่หนึ่ง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๘ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้น ๓ ค่ำ

เสด็จกลับเข้าทางเดิม ในเวลาเช้าวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เยียระบับ ทรงสายสพายสีแดง เครื่องราชอิศริยยศฝรั่งเศส ชื่อลีเยนออฟออเนอร กับดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์ ๑ ตราช้างเผือกมหาวราภรณ์ ๑ ตรามงกุฎสยามมหาสุราภรณ์ ๑ กับดวงตราลิเยนออฟออเนอร ๑ ทรงพระภูษาสีน้ำเงินแก่ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสวมเสื้อเยียระบับ นุ่งผ้าสีน้ำเงินแก่คาดเสื้อครุย ติดตราเครื่องราชอิศริยยศ ตามตำแหน่งซึ่งได้รับพระราชทาน ฝ่ายตำรวจทหารแต่งเต็มยศตามตำแหน่งยศ

เวลาบ่าย ๕ โมงนาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ขึ้นทรงพระที่นั่งราชยานเสด็จออกประทับโรงช้างสำคัญ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ พระธรรมราชาถวายศีล พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ทวาทศปริต เวลาทุ่มเศษจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาวถวายเทียนพระสงฆ์ ๆ ก็ถวายอติเรกกลับไปวัด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน มาประทับพลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย ทอดพระเนตรรำโคม ประทับอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้นทรงพระราชยาน เสด็จกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง เวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์คอลเลอแนนทหารช่าง ทรงสายสพายสีแดง ทรงเครื่องราชอิศริยยศวราภรณ์ช้างเผือกสยาม ทรงติดดวงตรานพรัตนราชวราภรณ์ ๑ ดวงตรามหาวราภรณ์ช้างเผือกสยาม ๑ ดวงตรามหาสุราภรณ์มงกุฎสยาม ๑ ดวง ตราจุลจอมเกล้า ๑ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการแต่งเหมือนเวลาเช้า

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์ (ผู้แทน)

ณวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานถมตะทอง ออกทางประตูเทวาพิทักษ์ มาประทับณโรงสมโภชช้างหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริย ทรงประเคนสำรับพระสงฆ์ มีพระธรรมราชาเปนต้น แลมีแห่สลากภัตร เวลา ๕ โมงเศษ พระสงฆ์ฉันแล้วก็ทรงถวายไทยธรรมตามสมควร แล้วพระสงฆ์ก็กลับไปวัด เวลา ๕ โมงเศษเสด็จขึ้น เวลาเช้านี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เต็มยศอย่างสยามพลเรือน ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศอย่างสูงของเยอรมันชื่อนกอินทรีดำ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๖๙ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้น ๔ ค่ำ

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้ประชุมท่านเสนาบดีในพระบรมมหาราชวัง ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๔ โมง ออกจากเฝ้าพร้อมกัน

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานถมตะทอง ออกทางประตูวิเศษไชยศรี ไปประทับที่โรงสมโภชช้างเผือก ทรงถวายผ้าไตรแก่พระสงฆ์ซึ่งจะได้เจริญพระพุทธมนต์ ครั้นครองไตรเสร็จแล้วก็เข้ามานั่งอยู่ตามเดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์ที่เปนประธานาธิบดี คือ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ จึงสมเด็จพระวันรัตนถวายศีล ครั้นแล้วก็เจริญพระพุทธมนต์ พระธรรมจักรแลมหาสมัยสูตร์ เวลา ๒ ทุ่มเศษสวดมนต์จบ พระสงฆ์ก็กลับไปยังอาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับพลับพลา ทอดพระเนตรการละเล่นต่าง ๆ มีรำโคมเปนต้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาประทับพลับพลานั้น ที่ในโรงช้างมีขุนหมื่นพราหมณ์ ๒ นายอ่านดุษดีสังเวยกล่อมช้าง เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทางที่ว่ามาแล้ว คืนเข้าพระบรมมหาราชวัง

โดย ทองกองก้อนใหญ่

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๐ ออกวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๕ ค่ำ

ณวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องฉลองพระองค์เยียระบับ แลทรงเครื่องราชอิศริยยศอย่างสยามทั้ง ๔ องค์ กับทั้งสายนพรัตนราชวราภรณ์ เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม เสด็จขึ้นทรงพระราชยานพร้อมด้วยกระบวรนำตามเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับณโรงช้าง ประทับที่ทรงนมัสการแล้ว กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ถวายศีล ฝ่ายท้าวนางฝ่ายในพระบรมมหาราชวัง จึงให้เดิรกระบวรแห่สลากภัตร ซึ่งเกณฑ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายในนั้น เดิรออกทางประตูศักดิไชยสิทธิ มาอ้อมโรงช้างแล้วกลับคืนเข้าพระบรมมหาราชวัง เหมือนอย่างซึ่งได้มีมาแล้วแต่วันก่อน แลพระสงฆ์ ๓๖ รูปซึ่งได้เจริญพระพุทธมนต์เวลาวานนี้นั้น จึงได้ถวายพรพระ ครั้นจบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงประเคนแลโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ปฏิบัติพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ฉันเสร็จแล้ว เวลา ๕ โมงกับ ๕๗ นาที จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนเกย ทรงพระเต้าศิลาซึ่งจาฤกพระคาถา แลพระมหาสังข์กับทั้งหม้อน้ำพระพุทธมนต์อื่นอีก ทรงรดน้ำช้างสำคัญซึ่งคล้องได้ที่พะเนียดแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงรดน้ำช้างสำคัญ ซึ่งได้มาแต่เมืองยโสธร ในเวลานั้นพระสงฆ์ทั้งปวง ได้สวดชยันโต แลพนักงานประโคมก็ได้ประโคมดนตรี แล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ๑ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ๑ รดน้ำช้างสำคัญทั้งสองนั้นด้วยแล้ว เวลาเที่ยงกับ ๑๒ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่หน้าช้างสำคัญ ซึ่งได้ที่พะเนียดนั้นแล้ว พระเมธาธิบดีเจ้ากรมราชบัณฑิตจึงนำอ้อยแดง ๓ ท่อนนั้นทูลเกล้า ฯ ถวายแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๑ ออกวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๕ ค่ำ

ทรงรดน้ำมนต์อ้อยนั้น แล้วพระราชทานให้พระยาช้าง ในอ้อยนั้นจาฤกด้วยเส้นดินสอ เป็นชื่อช้างสำคัญดังนี้ พระเศวตวรสรรพางค์ ปวรางค์คชรัตน ลักษณสมบัติ วิบุลยพิเศษ พิสุทธเนตรนขโลมฉวี ตรีรัตนปทุมบวร สารสุนทรทุติยเศวต พิศณุเทเวศรังสรรค์ ลักษณกรรณสปสาตร คเคชนทรชาติลบชม อุดมเดโชพลอมรเทพยดลบันดาลสู่ คู่สมภารพาหนะนาถ จอมจุธาธิราชธำรง อาสนอิศรองคพงศจักรพรรดิ พิศาลสวัสดิประเสริฐเลิศฟ้า เมื่อพระราชทานอ้อยนั้นได้ทรงเจิมพร้อมกัน วิธีนี้สมมติกันว่าขึ้นระวาง ครั้นพระราชทานช้างนี้แล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปพระราชทานช้างสำคัญ ซึ่งได้มาแต่เมืองยโสธรนั้นต่อไป ความซึ่งจาฤกในอ้อยแดง ๓ ท่อนซึ่งพระราชทานช้างนั้นเปนดังนี้ พระเศวตวิสุทธิเทพา มหาพิฆเนศวรพิเศษสุนทรศักดิ ทักษิณเอกทันต อนันตวิบุลยคุณประสิทธิ สรรพางคสนิทพิสิษพรรณ อัคนิศรรังสรรค์ มหันตวรเดชทุติยเศวตวิสุทธวิมล พิพัฒนศุภผลดลประจักษ เจริญราชวรศักดิชนมายุกาล เฉลิมสมภารพาหนะนรินทร ปรมินทรจอมจุฬาหล้า อรรคมหามหิทธิคุณ อดุลยลักษณเลิศฟ้า ครั้นพระราชทานเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระอาสนเดิมแล้ว พระยาจินดารังสรรค์จึงนำแผ่นกระดานซึ่งจำหลักเปนชื่อช้างสำคัญทั้งสองนั้นเข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงเจิมแล้วจึงมาแขวนไว้ที่เสาริมประตูโรงนั้นแล้ว หลวงสารประเสริฐจึงนำดิโปลมา ๒ ฉบับ พระเทพรัตนนรินทรจึงได้นำตราอิศริยยศทิพยาภรณ์ ๒ ดวง ทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานแก่หลวงคชศักดิ ปลัดกรมคชบาลซ้าย ๑ กับพระราชทานแก่พระยาศรีสิงหเทพ ให้ไปพระราชทานพระสุนทรวงศา เจ้าเมืองยโสธร ๑ มีความในดิโปลมานั้นดังนี้

สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม เปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในรัชกาลที่ ๕ ในพระบรมราชวงศ์ ซึ่งได้ประดิษฐานแต่ดำรงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา ในประเทศสยามบางกอกนี้ เปนพระบรมราชธานีมหานครใหญ่ ในแผ่นดินสยาม ทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ แลเปนเจ้าของตราเครื่องราชอิศริยยศมงกุฎสยามนี้ ขอแสดงความเรื่องนี้แก่ท่านทั้งหลายทั้งปวง ฤๅผู้หนึ่งผู้เดียว จะได้พบอ่านคำประกาศนี้ ให้ทราบว่า พระสุนทรวงศา เจ้าเมืองยโสธร ได้มีความสวามิภักดิต่อราชการ ได้ให้หมอควาญเที่ยวเสาะหาช้างสำคัญในป่า หมอควาญคล้องได้พระยาช้างเผือกพลาย

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๒ ออกวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๖ ค่ำ

ได้ณห้วยชมาดชบา เอามาบำรุงรักษาฝึกหัดเชื่องชาญดีแล้ว นำมาถวายเปนพระเกียรติยศในแผ่นดินสยาม มีความชอบในราชการ จึงพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศตราช้างเผือกสยามชื่อทิพยาภรณชั้นที่ ๕ เปนเกียรติยศสมควรแก่ความชอบ จงเจริญสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล ทฤฆชนมายุสุขสถาพร ทุกประการเทอญ พระราชทานตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนปีที่ ๙ เปนวันที่ ๒๗๘๗ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (มีพระราชหัดถเลขา แลพระราชลัญจกรตามธรรมเนียม)

อีกฉบับหนึ่งนั้น มีความในข้างต้นแลข้างท้ายเหมือนกันแล จะลงแต่ข้อความซึ่งแปลกกันกับใบก่อนนั้นให้ทราบว่า หลวงครศักดิปลัดกรมพระคชบาลซ้าย เปนผู้ไปปกโขลงมาพักที่ทุ่งบ้านนาเริง แลได้เห็นพระยาช้างเผือกพลายอยู่ในโขลง แล้วได้มาคล้องพระยาช้างเผือกหน้าพระที่นั่งที่พะเนียดกรุงเก่า เปนพระเกียรติยศในแผ่นดินสยาม มีความชอบในราชการ จึงพระราชทานเครื่องราชอิศริยศ ตราช้างเผือกสยามชื่อทิพยาภรณ์ชั้นที่ ๕ เปนเกียรติยศสมควรแก่ความชอบ ฯลฯ แล้วหลวงสารประเสริฐจึงทูลเกล้า ฯ ถวายสัญญาบัตร ๒ ฉบับ พระเทพรัตนนรินทรนำแหวน ๖ วงขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย จึงได้โปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรแก่นายมิตหมอ ซึ่งเปนผู้คล้องพระเศวตรวิสุทธิเทพานั้น ให้เปนขุนประสบสาเศวต กับแหวนมณฑปพลอยแดงฤๅพลอยจันทบูรณก็เหมือนกัน ๑ วง แหวนดอกมะพร้าว ๒ รวม ๓ วง แลพระราชทานสัญญาบัตรแก่นายหาควาญให้เปนหมื่นวิเศษคชลาภ กับแหวนรังแตนพลอยแดง ๑ วง แหวนดอกมะพร้าว ๒ วง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๓ ออกวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๖ ค่ำ

รวม ๓ วง สำเนาความในสัญญาบัตร ๒ ฉบับนั้นมีต่อไป ดังนี้ ให้นายมิตหมอช้างชาวเมืองยโสธร ผู้คล้องได้ช้างสำคัญเปนขุนประสบสารเศวต ให้ถือศักดินา ๔๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีสุขสวัสดิ์เจริญเทอญ ตั้งแต่ณวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๘๗ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (พระราชหัดถเลขา พระราชลัญจกรตามอย่างธรรมเนียม)

อิกฉบับ ๑ นั้น มีสำเนาความเหมือนกันแปลกแต่นามว่า ให้นายหาควาญช้างชาวเมืองยโสธร ผู้ได้ช่วยคล้องช้างสำคัญเปนหมื่นวิเศษคชลาภ ให้ถือศักดินา ๓๐๐ ฯลฯ แล้วจึงโปรดเกล้า ฯ ให้หลวง รักษ์ราชหิรัญพนักงานเงิน แลหลวงศรีเทพภักดีเจ้าพนักงานคลังวิเศษ พระราชทานเงินตราแลสิ่งของเสื้อผ้าต่าง ๆ แก่เจ้าราชบุตรราชวงศ์ ท้าวเพี้ยกรมการเมืองยโสธร กับหมอควาญ มีบาญชีซึ่งพระราชทานในเวลาเช้านี้ ดังนี้ เจ้าราชบุตร ๑ พระยาศรีวรราช ๑ เงินตราคนละ ๑ ชั่ง ๒ คนเปนเงิน ๒ ชั่ง รวม ๒ เสื้อเข้มขาบดอกใบพัดค ละเสื้อ ๒ เสื้อ รวม ๒ แพรสีทับทิมติดขลิบคนละผืน ๒ ผืน รวม ๒ ผ้าปูมเขมรคนละผืน ๒ ผืน รวม ๒ แพรขาวห่มคนละแถบ ๒ แถบ รวม ๒ ผ้าม่วงนุ่งคนละผืน ๒ ผืน รวม ๒ ท้าวขัติยะ ๑ ท้าวสุทธิโสม ๑ ท้าวทองดี ๑ ท้าวอินทรพิศาล ๑ เสื้อเข้มขาบดอกใบพัดคนละเสื้อเปน ๔ เสื้อ รวม ๔ แพรขาวห่มคนละแถบ ๔ แถบ รวม ๔ ผ้านุ่งม่วงจีนคนละผืน ๔ ผืน รวม ๔ เพี้ยศรีสนัน ๑ เพี้ยศรีวิลาส เสื้อกระบวรไหมคนละเสื้อ ๒ เสื้อ รวม ๒ หลวงวชศักดิปลัดกรมพระคชบาลซ้ายเงินตรา ๕ ซึ่ง นายมิตหมอผู้เปนที่ขุนประสบสารเศวต ได้รับพระราชทานเงินตรา ๕ ชั่ง เสื้อเข้มขาบดอกใหญ่ ๑ เสื้อแพรต่วน ๑ เสื้อแพรมังกร ๑ เสื้อแพรจีนจาว ๑ รวม ๔ ผ้าส่าณวิลาศ ๑ ผ้ามุ่งยกไหมจีน ๑ ผ้านุ่งม่วงจีนดอก ๑ ผ้านุ่งม่วงจีนพื้น ๑ ผ้านุ่งปูมเขมร ๑ ผ้านุ่งลายนอกอย่าง ๓ ผ้านุ่งส่าณชายสบัด ๓ รวม ๖ แพรต่างสี ๕ แถบ แพรขาว ๑ แถบ รวม ๖ แถบ สวมเข้มขาบถาดทองขาวรองสำรับ ๑ ขันน้ำจอกลอยทองขาวสำรับ ๑ โต๊ะเท้าช้างทองขาวเครื่องคาวหวานพร้อมสำรับ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๔ ออกวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ

กระโถนทองขาว ๑ ชามฝาพานทองขาวสำรับ ๑ หมอนอิงลายวิลาศ ๑ หมอนกลมอัตลัต ๑ รวม ๒ เสื่ออ่อน ๒ ชั้น ๑ ที่นอนผ้าขาว ๑ มุ้งป่าน ๑ รวม ๓ หีบหนัง ๒ ใบเถา ๑ หีบหมากวิลาศ ๑ รวม ๓๔ สิ่ง นายหาควาญผู้เปนที่หมื่นวิเศษคชสารนั้นได้รับพระราชทานเงินตรา ๓ ชั่ง กับเสื้อผ้าสิ่งของต่าง ๆ เท่ากันกับขุนประสบสารเศวตหมอ ยกเสียแต่ผ้านุ่งลายนอกอย่างกับลายชายสบัดนั้น ได้แต่อย่างละ ๒ ผืน กับผ้าม่วงจีนนั้นได้รับพระราชทานแต่ผืนเดียว นอกจากนี้เหมือนกันทั้งสิ้น ครั้นพระราชทานรางวัลเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรทรงถวายของไทยธรรม แล้วโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าถวายต่อไป ครั้นแล้วพระสงฆ์ทั้งปวงจึงได้ถวาย ยถา สัพพี อติเรกแล้ว กลับจากโรงช้าง ครั้นพระสงฆ์กลับแล้ว พระมหาราชครูพิธี ๑ พระครูอัษฎาจารย์ ๑ พระสิทธิไชย ๑ จึงได้เบิกแว่นแต่บายศรีแก้วทองเงินออกเวียนรอบโรงช้าง ครบ ๓ รอบ จึงดับเทียนโบกควันแล้ว จึงเจิมพระยาช้างเผือกทั้ง ๒ นั้นตามไสยคติเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง โดยประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จขึ้นพระที่นั่งอนันตสมาคม

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศตรวจคือ ฉลองพระองค์สักลาดสีน้ำเงิน ติดแถบทองเครื่องสด แลทรงเครื่องราชอิศริยยศ สายสพายมงกุฎสยามแล้วเสด็จทรงพระราชยานแต่เกยหน้าประตูหรหมโสภา พร้อมด้วยกระบวรนำตามทั้งหน้าแลหลัง เสด็จไปประทับณโรงช้าง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระมหาราชครูพิธี ๑ พระครูอัษฎาจารย์ ๑ พระสิทธิไชย ๑ เข้าไปเบิกแว่นแต่บายศรีแก้วทองเงิน ออกเวียนรอบตามธรรม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๕ ออกวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ

เนียมแต่ก่อน แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หลวงรักษราชหิรัญ พนักงานคลังเงิน ๑ หลวงศรีเทพภักดี พนักงานคลังวิเศษ ๑ พระราชทานเงินตราแลเสื้อผ้า แก่ผู้ซึ่งมีความชอบนั้น คือ ขุนพิไชยกุญชรเจ้ากรมเงิน ๕ ตำลึง เสื้อลายสเทิน ๑ ผ้าไหมนุ่ง ๑ หมื่นชาญคชกรรม ๑ หมื่นคเชนทรภิรมย์ ๑ นายบัวบุตรขุนพิไชยกุญชร ๑ สามนายนี้ได้เงินคนละ ๓ ตำลึง เสื้อแพรกิ้นคนละตัว ผ้าพื้นนุ่งคนละผืน ขุนกลางหัสดินเงิน ๓ ตำลึง เสื้อดอกเล็ก ๑ ผ้าไหมนุ่ง ๑ หมื่นสรชำนิเงิน ๓ ตำลึง เสื้อแพรกิ้น ๑ ผ้านุ่งพื้น ๑ นายอิศรเทพนายท้ายช้าง เงิน ๓ ตำลึง เสื้อแพรกิ้น ๑ ผ้านุ่งไหม ๑ รวมหมอฝึกหัดพระเศวตวรสรรพางค์ ๗ นาย นายอมรวิชาคชสารใหญ่เงิน ๕ ตำลึง นายแก้วนายท้ายเงิน ๓ ตำลึง เสื้อแพรกิ้น ๑ ผ้าไหมนุ่ง ๑ ขุนจ่าคชรักษาเงิน ๓ ตำลึง เสื้อลายสเทิน ๑ ผ้าไหมนุ่ง ๑ หมื่นพินิจคชกรรมเงิน ๒ ตำลึง เสื้อแพรกิ้น ๑ ผ้านุ่งพื้น ๑ หมื่นรักษาคชฤทธิ ๑ หมื่นวรหัสดิน ๑ หมอพลอิท ๑ เงินคนละ ๒ ตำลึง เสื้อแพรกิ้นคนละเสื้อ ผ้าพื้นนุ่งคนละผืน รวมหมอซึ่งไปรับพระเศวตวิสุทธิเทพามหาพิฆเนศวร แลโปรดพระราชทานรางวัลแก่หลวงโลกทีป เปนเงินชั่ง ๑ เพราะว่าเมื่อวันศุกร์ เดือน ๔ แรมค่ำ ๑ ปีกุนสัปตศก หลวงโลกทีปถวายพระฤกษเถลิงพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารนั้น ได้พยากรณ์ทูลเกล้า ฯ ถวายว่า พระฤกษซึ่งเถลิงพระที่นั่งนั้นวิเศษนัก จะมีช้างสำคัญเข้ามาสู่พระบรมโพธิสมภารอีกในเร็ว ๆ นี้คงจะได้ทราบข่าวเปนแม่นมั่น เมื่อพยากรณ์ทูลเกล้า ฯ ถวายนั้น ได้ทราบข่าวแล้วแต่พระเศวตวิสุทธิเทพามหาพิฆเนศวร แต่พระเศวตวรสรรพางค์นั้นยังไม่ได้ทราบเลย เพราะเหตุนี้ เมื่อได้พระเศวตวรสรรพางค์มาถึงกรุงเทพมหานครแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานรางวัลซึ่งได้ถวายพยากรณ์ ครั้นเวียนเทียนครบ ๓ รอบแล้ว ชีพ่อพราหมณ์จึงได้ดับเทียนโบกควัน แลเจิมพระยาช้างนั้นตามธรรมเนียมแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จออกประทับณพลับพลาหน้าโรง ทอดพระเนตรหุ่นอย่างใหม่ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลได้ทรงคิดขึ้นใหม่นั้น ปลูกโรงลงในท้องถนนตรงหน้าพลับพลา โรงนั้นยาวประมาณ ๑๐ วา ขื่อยาวประมาณ ๓ วา

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๖ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๘ ค่ำ

สูงประมาณ ๘ ศอก ตัวหุ้นนั้นสูงประมาณ ๘ นิ้ว ตัวโรงนั้นทำที่แลเปิดม่านปิดม่านคล้ายอย่างโรงลครฝรั่งแลมีฉากต่าง ๆ เปลี่ยนได้เปนชุด ๆ เมื่อเชิดนั้นไม่เห็นตัวคนเชิด แลเจรจาฤๅพากย์ก็มี ไม่เห็นตัวคนพากย์คนเจรจา มีแต่ตัวหุ่นออกมาเต้นรำทำท่าต่างๆ แต่ในโรงนั้นรางพื้นรางเพดานเพื่อจะได้เชิดแลเหาะ ถ้าดูด้วยตาก็ไม่ใคร่จะเห็นสายใยแลสายกล เปนที่น่าดูน่าชมยิ่งนัก อนึ่งพวกรำโคมแลมังกรสิงโตก็มาเล่นถวายหน้าพลับพลาตามเคยเหมือนอย่างทุกวัน แต่การเล่นต่างๆ ก็ได้เล่นแต่วันนี้ไป คือโขนโรง ๑ โรงตั้งอยู่ในสนามหญ้าหน้าโรงทหาร เหนือป้อมอนันตคีรี หุ่นโรง ๑ โรงปลูกในสนามหญ้าโรงทหาร ใต้ป้อมสัญจรใจวิ่ง ลครโรง ๑ ปลุกในสนามหน้าออฟฟิศทหารหน้าระหว่างป้อมสัญจรใจวิ่ง กับพระที่นั่งไชยชุมพล งิ้วโรง ๑ โรงตั้งตรงหน้าประตูสวัสดิ์โสภา ในท้องสนามหน้าโรงทหาร ครั้นในเวลากลางคืนสมโภชแล้ว หนัง ๔ จอ คือตั้งอยู่ใต้โรงโขน ๒ จอ ตั้งอยู่เหนือโรงหุ่น ๑ จอ ใต้โรงหุ่น ๑ จอ รวม ๔ ก็ได้เล่นตามเคยเหมือนอย่างวันก่อน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรอยู่จนเวลาอิก ๓ นาทีจะย่ำยาม จึงเสด็จกลับ

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาจวนย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์เต็มยศอย่างทหารราชวัลลภ ทรงสายสพายช้างเผือก (สีแดง) ตราเครื่องราชอิศริยยศ นพรัตนราชวราภรณ์ ๑ มหาวราภรณ์ ๑ มหาสุราภรณ์ ๑ ปฐมจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ประทับเกยทรง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๗ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๘ ค่ำ

พระราชยานลงยาราชาวดี เสด็จพระราชดำเนิรทางสถลมารคพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ไปประทับโรงสมโภชพระเศวตวรสรรพางค์ แลพระเศวตวิสุทธิเทพามหาพิฆเนศวร แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ชีพ่อพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภชครบถ้วนตติยวาร ก็ดับเพลิงแลเจิมตามธรรมเนียม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในโรงช้าง เวลาประมาณทุ่มเศษ ทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับพลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ฝ่ายในโรงช้างพราหมณ์ก็อ่านคำกล่อม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานตราเครื่องราชอิศริยยศ แลดิปโลมาแก่พระยาอุไทยมนตรี ผู้ว่าราชการเมืองปราจิณบุรี แลพระวิสูตรวารี ในดิปโลมา ๒ ฉบับนั้นมีความว่า สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม เปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในรัชกาลที่ ๕ ในพระบรมราชวงศ์ซึ่งได้ประดิษฐานแลดำรงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา ในประเทศบางกอกนี้ เปนบรมราชธานีมหานครใหญ่ ในแผ่นดินสยามทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ แลเปนเจ้าของตราเครื่องราชอิศริยยศมงกุฎสยามนี้ ขอแสดงความเรื่องนี้แก่ท่านทั้งหลายทั้งปวง ฤๅผู้หนึ่งผู้เดียว ผู้ที่จะได้พบอ่านคำประกาศนี้ให้ทราบว่า พระยาอุไทยมนตรีศรีสุรราชบดินทร นรินทรามาตยมหาพิไชยสงคราม ผู้ว่าราชการเมืองปราจีนบุรี ได้ทำราชการเรียบร้อยมาช้านาน ไม่มีความผิดสิ่งใด บัดนี้สืบจับอ้ายผู้ร้ายปล้นฆ่าเจ้าเรือนตายณแขวงเมืองปราจีนบุรี ได้มาชำระให้การรับเปนสัตยโดยเร็ว เปนความเจ็บร้อนด้วยราชการจริงๆ เปนความชอบในราชการ จึงพระราชทานตราเครื่องราชอิศริยยศ ชื่อภัทราภรณให้เปนเกียรติยศสมควรแก่ความชอบ จงเจริญสรรพสิริสวัสดีพิพัฒนมงคล ทฤฆชนมายุสุขสถาพรทุกประการเทอญ พระราชทานมาณวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนปีที่ ๙ เปนวันที่ ๒๗๘๗ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม เปนพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ในรัชกาลที่ ๕ ในพระบรมราชวงศ์ ซึ่งประดิษฐานแลดำรงกรุงรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา ในประเทศบางกอกนี้ เปนบรมราชธานีมหานครใหญ่ ในแผ่นดินสยามทั้งฝ่ายเหนือฝ่ายได้ ขอแสดงความเรื่องนี้แก่ท่านทั้งหลายทั้งปวง ฤๅผู้หนึ่งผู้เดียว ผู้จะได้พบอ่าน

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๘ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ ขึ้น ๙ ค่ำ

คำประกาศนี้ให้ทราบว่า พระวิสุกรวารีกรมท่าซ้าย ในพระราชวังบวร ฯ ได้ทำพระที่นั่งในสวนสราญรมย์ สำหรับเปนที่ประทับเมื่อเวลาเสด็จไปประพาส แลสวนจีนรอบพระที่นั่ง หมดจดงดงามต้องตามพระราชอัธยาศรัย เปนคนเข้าใจในราชการ จึงพระราชทานเครื่องราชอิศริยยศบุษปมาลาให้เปนเกียรติยศ สมควรแก่ความชอบ จงเจริญสรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล ทฤฆชนมายุสุขสถาพร ทุกประการเทอญ

พระราชทานมาณวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๘๗ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

แล้วประทับอยู่จนเวลายามเศษ เสด็จพระราชดำเนิรทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง เข้าประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ขณะเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ในโรงช้างนั้น พระราชทานเงิน ๑๐ ตำลึง แก่นายจำนงคชประจอง นายท้ายหลวงคชศักดิ เมื่อคล้องพระเศวตวรสรรพางค์

โดย มนุษยนาคมานพ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๗๙ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันศุกร์ เดือน ๘ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่ายประมาณ ๓ โมงเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารห้องเหลืองแล้ว เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระยาเจริญราชไมตรี เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงกราบถวายบังคมลาออกมาทั้งสิ้น เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์เยียระบบ ทรงสายสพายแลดวงตราจุลจอมเกล้า เสด็จออกประตูพรหมโสภา ทรงพระราชยานลงยาราชาวดี พร้อมด้วยกระบวรนำตามเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโรงช้าง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ชีพ่อพราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนแล้ว ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ก็มารับแว่นเวียนเทียนรอบโรงช้าง ครั้นถ้วนสามรอบ พราหมณ์ก็ดับเทียนโบกควัน พระมหาราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชย จึงเอาเครื่องหอมเจิมพระเศวตวรสรรพางค์ พระเศวตวิสุทธิเทพามหาพิฆเนศวร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จขึ้นทรงพระราชยาน ไปประทับพลับพลาทอดพระเนตรหุ่น (ซึ่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลคิดทำนั้น) แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินตรา ๓ ชั่ง แก่พระยาเทวารังสรรค์ ซึ่งกำกับในโรงหุ่น เวลายามหนึ่ง ๕๐ นาที เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงพระราชยาน เข้าประตูเทวาพิทักษ์ เสด็จขึ้นทางพระที่นั่งอนันตสมาคม เวลาวันนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายพลเรือนสวมเสื้อเยียระบับ ห้อยตราเครื่องราชอิศริยยศต่าง ๆ ตามที่ได้รับพระราชทาน ตำรวจแลทหารสวมเสื้อเต็มยศ

แผ่นที่ ๑๘๐ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

เลี้ยงโต๊ะที่วังสราญรมย์

สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ เชิญเจ้านายเสวยเวลาค่ำ ในการที่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต พระองค์เจ้าจิตร์เจริญ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ซึ่งจะทรงผนวชเปนภิกษุสามเณรนั้น เวลา ๔ ทุ่มเศษ เจ้านายมาประชุมเสวยโต๊ะพร้อมที่วังสราญรมย์ คือ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๒ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๓ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดช ๔ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๔ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๕ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๗ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๘ พระองค์เจ้าเกษมศรีสุภโยค ๙ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑๐ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑๑ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑๒ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑๓ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑๔ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑๕ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑๖ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑๗ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑๘ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑๙ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๒๐ หม่อมเจ้าถนอม ๒๑ หม่อมเจ้าสำเนียง ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ๒๒ หม่อมเจ้าชายงาม ในกรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร รวม ๒๒ แต่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิชิตปรีชากร พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช รวม ๓ หาเสด็จมาไม่ เสวยแล้วสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ ทรงเปนประธานแก่เจ้านายซึ่งทรงผนวชตามควร เวลา ๒ ยามเศษ เจ้านายถวายบังคมลากลับ

โดย สวัสดิประวัติ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘๑ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๑ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดภคินีนาถ ๑๐ รูป มีพระประสิทธิสุตคุณเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย

เวลาบ่าย ๒ โมง เจ้าหมื่นเสมอใจราช เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์เข้าเฝ้าทูลลของธุลีพระบาท แลพระยาสมุทบุรานุรักษ์ พระยาภาสกรวงศ์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมง กลับออกมาพร้อมกัน

สมโภชทรงผนวชเจ้านาย

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ พระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญ ได้เสด็จมาพร้อมที่ทิมคดชลาหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เจ้าพนักงานภูษามาลาได้ปลงพระเกศา แต่งพระองค์ทรงเยียรบับต่างสี ห่มฉลองพระองค์ครุยเปิดพระกรขวา ทรงพระธำมรงค์พลอยต่าง ๆ พร้อมเสร็จเสด็จขึ้นทรงเสลี่ยงเสด็จมาประทับบนพระเก้าอี้ หน้าพระที่นั่งเศวตฉัตรในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ถัดออกไปมีโต๊ะเหล็กตั้งไตรผ้าครอง ถัดออกไปมีโต๊ะตั้งบาตรตลกสักลาดหุ้มถุงตะเครียวทอ ฝาบาตรเชิงบาตรตะลุ่มรองไม้ปุ่มประดับมุกย่อม แต่พระบวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญถุงตะเครียวด้ายสี ฝาบาตรเชิงบาตรทารัก ถัดออกไปมีโต๊ะสี่เหลี่ยมใหญ่ตั้งบายศรีแก้วบายศรีทองบายศรีเงินคลุมผ้าพาดแก้วสีทองสีเงิน แถมมีมังสีปักแว่นเวียน พร้อมสองข้างมีโต๊ะสี่เลี่ยมยาวตั้งเครื่องบริกขารต่าง ๆ ซึ่งจะได้ถวายในเวลาพรุ่งนี้นั้น คือเทียนปิดทอง

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘๒ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

อุปัชฌาย์กรรมวาจา ๑๘ เล่ม กรวยดอกไม้ ๓๖ ของถวายพระเจ้าน้องยาเธอทั้ง ๕ พระองค์ คือไตรทรงประเคนแพร ๕ ย่ามเข้มขาบย่ามแพร ตะลุ่มรองย่ามไม้มะริด ประดับมุกย่อม ๕ สำรับ ตาลปัตรส้นงาเมดงา ๕ ตะบะไม้มะริด ๔ ทองเหลืองประดับมุก ๕ ตลับถมปัด ๓ ใบเถา ๕ เถา หีบหมากประดับเกล็ดหอย ๑ ขวดพิมเสนจารนัย ๑ ตะไกรตัดหนวด ๑ มีดพับด้ามเขา ๑ ซองบุหรี่หนังไม้ขีดไฟโหล ๑ ผ้าตาตรางเช็ดปากหนึ่ง ๕ สำรับ ผ้าขาวเช็ดหน้า๕ มีดโกนฝรั่งฝักหนัง ๕ หินลับมีดโกน ๕ ธรรมกรก ๕ กล่องเขม ๕ กล่องดินสอ ๕ มีดอารัญวาสี ๕ ตะไกรผ่าหมาก ๕ กุนแจทองเหลือง ๕ หีบหนังลายทอง ๒ ใบเถา ๕ เถา หีบเหล็กลายทองหูหิ้ว ๕ ถาดทองเหลืองเครื่องชาชุด ๕ ถ้ำชาดิบุกถ้ำใหญ่ ๕ หีบชาถ้ำแฝด ๕ หม่อมูตรทองแดง ๕ หม้อชำระทองแดงปากนก ๕ กาน้ำร้อนสาน ๕ ถ้วยชาลายคราม ๔ คนโทแก้วจานรองแก้วครอบ ๕ ขันแก้วจานรอง ๕ ตะบะเท้าสิงหบูชา๕ พโองแก้วบูชา ๕ คู่ เชิงเทียนทองเหลือง ๕ คู่ กระถางธูปแก้ว ๕ ร่มฝรั่งกำมะหลิด ๕ รองเท้ากำมะหยี่ ๕ คู่ กระโถนถ้วยลายทอง ๕ กาน้ำยี่ปุ่นลายต้นไม้ ๕ หีบยี่ปุ่นลายกำมะลอ ๕ ถ้วยแก้วจานรอง ๕ กาทองเหลืองต้มน้ำใหญ่ ๕ อังโล่กลาง ๕ พัชขนนกจีน ๕ หนังฟอก ๕ พระกลดคันยาว ๕ ชามฝาลายคราม ๕ ใบเถา ๕ ใบ ตะลุ่มมีฝาประดับกระจกถุงแพร ๕ ข้างในมีชามฝาลายทอง ๓ ใบเถา ๑ เถา จานเชิงลายทอง ๕ ใบเถา ๑ เถา ช้อนถ้วยยี่ปุ่นลายหนึ่ง ๕ สำรับคาว ตลุ่มฝาประดับกระจก ถุงแพรข้างในมีโถแก้วจารนัย ๑ จานเชิงลายทอง ๕ ใบเถา ๑ เถา ช้อนยี่ปุ่นลายทองหนึ่ง ๕ สำรับหวาน มุ้งประทุนแพรมีหีบ ๕ เสื่ออ่อน ๕ ผืน ขันน้ำพานรองจอกลอยถมปัด ๑ กาน้ำเย็นถมปัด ๑ กระโกนถมปัด ๑ กล่องลิ้นสองชั้นถมปั ๑, ๕ สำรับ ยี่ภู่แพร ๕ พระสูตรแพร ๕ ที่บันทมแพร ๕ พระเขนยหน้าโหมดทองแดง ๕ รองที่บันทมเข้มขาบทองแดง ๕ สุจนี่ ๕ หีบหมากเสวยประดับมุกยี่ปุ่นรองเครื่องในมีตลับสีผึ้งมุก ๑ มีดพับ ๔ คมด้ามมุกเล่ม ๑ ซองบุหรี่หนังหอมรูเซีย ๑ ไม้ขีดไฟลองหนังมีพระรูป ๑ ซองบุหรี่หนังรูเซียหอมอย่างดี ๑ ป๊อกเกตบุกสก็อดมีดินสอพร้อม ๑ ขวดยานัดถุ ๑ ขวดพิมเสน ๑ ขวดน้ำการบูร ๑ ผ้าเช็ดพระโอษฐแพร ๑ มี ๕ สำรับ หีบเขียนหนังสือไม้ปุ่ม

---

แผ่นที่ ๑๘๔ ออกวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

เครื่องในมีกระดาษดินสอปากไก่ ขวดหมึกยางลบ กระดาษซับ ๕ สำรับ กระดานชนวนหลังไม้ฉำฉาพับได้ ๕ เครื่อง เครื่องสำหรับล้างหน้า มีชามล้างหน้า ๑ ที่ใส่สบู่ ๑ ที่ใส่แปรงถูมือ ๑ ถูฟัน รวม ๒ สี่เครื่อง แต่ของพระองค์เจ้าจิตรเจริญนั้น เปนเครื่องยกลวดทองมีชามล้างหน้า ที่ใส่สบู่ ๑ ที่ใส่แปรงถูมือ ๑ ถูฟัน ๑ รวม ๒ มีหนึ่งเครื่อง ที่กาแฟมีหม้อน้ำตาลหนึ่ง หม้อนม ๑ หม้อกาแฟ ๑ ถ้วยจานรอง ๑ คู่ ช้อนละมัง ๒ เล่ม ๕ ที่ ที่ชาเปนชุดมีปั้นจานรอง ๑ ถ้วยชามีตราชมภู ๑ ถาดยี่ปุ่นรอง ๕ ชุด ปั้นหิ้วเลี่ยมทองเหลือง ๔ ปั้น เครื่องต้มกาแฟด้วยกอฮอ ๕ เครื่อง หม้อแก้วเจียรนัย มีหู ๑ ถ้วย แก้วสูงมีเท้า ๑ จานแก้วเจียรนัยรูปเปล ๑ สิ่งละ ๕ คนโทน กะลาป๋า มีจานรอง ๕ ถ้วยแก้วเจียรนัยมีหู ถาดญี่ปุ่นรอง ๕ สำรับกระโถนฝรั่งยก ๕ นาฬิกาฝรั่งเศสมีลูกตุ้ม ๕ เรือน โคมตั้งน้ำมันปิดโตรเลียม ๕ คู่ โคมหิ้วน้ำมันปิดโตรเลียม ๕ โคม แต่ของพระบวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจรูญนั้น ไตรทรงประเคนแพร ๑ ย่ามเข้มขาบไหม ๑ ตาลปัตรซ่นงาเมดงา ๑ ตะบะยี่ปุ่นมีเครื่องใน คือตลับถมปัด ๓ ใบเถา ๑ เถา หีบหมากประดับเกลดหอย ๑ ขวดพิมเสนเจียรนัย ๑ ตะไกรตัดหนวด ๑ มีดพับด้ามเขา ๑ ซองบุหรี่หนัง ๑ ไม้ขีดไฟโหล ๑ ผ้าตาตรางเช็ดปากหนึ่ง ผ้าขาวเช็ดหน้า ๑ ตะไกรผ่าหมาก ๑ สำรับหนึ่ง มีดโกนฝรั่งฝักหนัง ๑ หินลับมีดโกน ๑ ธรรมกรก ๑ กล่องเขมกล่องดินสอ มีดอรัญวาส ๑ กุญแจทองเหลือง ๑ หีบหนังลายทอง ๒ ใบเถา ๑ เถา หีบเหล็กลายทองหูหิ้ว ๑ ถาดทองเหลืองเครื่องชาชุดชา ๑ ถ้ำชาดีบุกถ้ำใหญ่ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘๔ ออกวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

หีบชาถ้ำแฝด ๑ หม่อมูตรทองแดง ๑ หม้อชำระทองแดง ๑ กาน้ำร้อนสาน ๑ ถ้วยชาลายคราม ๑ คนโทแก้วจานรองแก้วครอบ ๑ ขันแก้วจานแก้วรอง ๑ ตะบะเท้าสิงห์ที่บูชา ๑ พโองแก้ว ๑ คู่ เชิงเทียนทองเหลือง ๑ คู่ กระถางธูปแก้ว สำรับ ๑ ร่มฝรั่งกำมะหลิด ๑ รองพระบาทกำมะหลิด ๑ กระโถนถ้วยลายทอง ๑ กาน้ำยี่ปุ่น ๑ หีบยี่ปุ่นลายกำมะลอ ๑ ถ้วยแก้วจานรอง ๑ กาทองเหลืองถังทาด้วยไม้ ๑ อั้งโล่กลาง ๑ พัดขนนก ๑ หนังฟอก ๑ ชามฝาลายคราม ๕ ใบเถา ๑ ตลุ้มมีฝาทาแดงเปนเครื่องคาว เครื่องในมีชามฝาลายทอง ๓ ใบเถา ๑ จานเชิงลายทอง ๕ ใบเถา ๑ ช้อนถ้วยยี่ปุ่นลายทอง ๑ สำรับ ๑ ตลุ้มมีฝาทาแดงถุงผ้าแดงเปนเครื่องหวาน เครื่องในมีโถแก้วมีฝา ๑ จานเชิงลายทอง ๕ ใบเถา ๑ ถ้วยญี่ปุ่น ๑ หนึ่งสำรับ มุ้งประทุนแพรหีบ ๑ ที่ประทมแพร ๑ เขนย ๑ รองที่ประทมแพร ๑ สำรับ ๑ เบาะแพรพับ ๑ สุจนีแพร ๑ มุ้งป่าน ๑ เสื่ออ่อนผืน ๑ โคมลูกลำภู ๑ พระกลดคันยาว ๑ แลมีโต๊ะอิกตัวหนึ่ง ตั้งผ้าไตร ๒๕ ไตร สำหรับพระสงฆ์นั่งหัตถบาส

ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเก้าอี้หน้าพระที่นั่งเศวตฉัตร มีพระบรมราชโองการ ให้พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียน เจ้าพนักงานประโคมดุริยางคดนตรี เวียนเทียนรอบพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในเปนอันมาก พอแว่นครบ ๓ รอบ พราหมณ์แก้ผ้าตาดทั้ง ๓ ผืนม้วนห่อใบตองเข้ามาถวายเจ้านายที่จะทรงผนวชวางบนพระเพลาตามวิธีพราหมณ์ ครั้นแว่นที่เวียนเทียนนั้นครบ ๕ รอบ พราหมณ์ก็ได้รวมแว่นโบกควันถวาย แลพระมหาราชครูพิธีถวายเจิมเจ้านายทุก ๆ พระองค์ พระสิทธิไชยถวายน้ำมะพร้าวพระองค์ละ ๓ ช้อนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานน้ำมหาสังข์ทักษิณาวัฏ แลเจิมทุกๆพระองค์ แลพระองค์เจ้านาคเหล่านั้น ก็กลับออกมาจากท้องพระโรง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่กับพระบรมวงศานุวงศ์จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น ในเวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงเครื่องราชอิศริยยศสายสพายสีน้ำเงิน ติดตรามงกุฎสยาม พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสวมเสื้ออิวนิงเดรศ ติดตราตามยศของตนแลตน

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘๕ ออกวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ

ทรงผนวชเจ้านาย

ณวันอาทิตย์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ฟรอกโก๊ตอย่างทหาร แลทรงเครื่องราชอิศริยยศ นพรัตนราชวราภรณ์องค์ ๑ นอกนั้นตามธรรมเนียม เสด็จออกทรงพระราชยานแต่เกยหน้าประตูพรหมโสภา ไปประทับหน้าประตูหลังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จขึ้นประทับณพลับพลาเปลื้องเครื่อง พระเจ้าน้องยาเธอ พระบวรวงศ์เธอ ซึ่งจะทรงผนวชนั้น แต่งพระองค์เหมือนเมื่อวันสมโภชแต่เปนเครื่องพื้นขาว แลทรงเสลี่ยงไปแต่ที่ทิมคดหน้าพระมหาปราสาท ไปประทับขึ้นเกยโปรยทานซึ่งปลูกเรียงเปนแถวไป หน้าตึกใหญ่ซึ่งเปนที่ไว้ของต่าง ๆ ฤๅที่เรียกกันว่า มุเซียมฤๅมิวเซียมบ้าง ฤๅหอสมุดหลวงบ้าง แลบางทีเอาเหตุซึ่งพระรัตนโกษาเปนนายงานทำนั้นมาเรียกว่า ตึกฤๅโรงพระรัตนโกษาบ้าง เจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัติจึงนำเงินปลีกเฟื้องสลึง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานให้สำหรับโปรยทานนั้น คือ พระราชธนพิทักษ์นำเงินปลีก ๑๐ ตำลึงขึ้นเกยพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ หลวงรักษราชหิรัญเงิน ๑๐ ตำลึง ขึ้นเกยพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ขุนธนศักดิ์ เงิน ๑๐ ตำลึงขึ้นเกยพระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจรูญ ขุนภักดีสมบัติเงิน ๘ ตำลึง ขึ้นเกยพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ขุนบวรสมบัติเงิน ๘ ตำลึง ขึ้นเกยพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ หมื่นจิตรสมบัติเงิน ๘ ตำลึง ขึ้นเกยพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ครั้นโปรยทานเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรแต่พลับพลาเปลื้องเครื่อง เสด็จเข้าสู่พระอุโบสถแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ แลพระบวรวงศ์เธอ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘๖ ออกวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ

จึงได้ตามเสด็จพระราชดำเนิรเข้าไปในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนที่นมัสการแล้ว จึงโปรดให้พระองค์เจ้าที่จะทรงผนวช ไปจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธปฏิมากรแล้วจึงกลับมานั่งตามที่เดิม แล้วจึงได้เขาไปบรรพชาตามลำดับกัน คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เปนอุปัชฌาย์ทั้ง ๖ พระองค์ พระธรรมวโรดมเปนกรรมวาจาของพระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดาเปนกรรมวาจาของพระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ พระอริยมุนี เปนกรรมวาจาของพระองค์เจ้าจรูญ พระพรหมมุนีเปนผู้ให้ศีลพระองค์เจ้าโสณบัณฑิต หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนผู้ให้ศีลพระองค์เจ้าจิตรเจริญ พระธรรมวโรดมเปนผู้ให้ศีลพระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ แล้วแลกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ซึ่งเปนพระอุปัชฌาย์ จึงทรงบอกอนุสาสน แก่พระองค์เจ้า ๓ องค์ข้างต้นซึ่งทรงผนวชเปนพระภิกษุ ครั้นแล้วพระองค์เจ้าพระพระองค์เจ้าสามเณรจึงทรงถวายของไทยธรรมแก่พระสงฆ์ซึ่งเปนอุปัชฌายกรรมวาจาให้ศีลแลนั่งหัดถบาส. รวม ๓๐ รูปนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนเครื่องบริหารน้อยใหญ่ต่าง ๆ แก่พระองค์เจ้าซึ่งทรงผนวชทั้ง ๖ พระองค์นั้นแล้ว พระองค์เจ้าซึ่งทรงผนวชจึงไปทรงรับผ้า แต่พระวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายใน แล้วจึงกลับมานั่งที่อาสนสงฆ์ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าถวายที่นั้นแล้ว พระสงฆ์ยถาสัพพี พระองค์เจ้าทั้ง ๖ พระองค์จึงทรงตรวจน้ำตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ครั้นพระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรกลับ เสด็จขึ้น

เวลาเปนทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนครัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ ไปส่งพระองค์เจ้าพระพระองค์เจ้าสามเณรที่กุฎี คือ รถที่ ๓ เปนรถสี่ดุมเทียมม้าคู่ พระองค์เจ้าพระทั้ง ๓ พระองค์ทรงไป รถที่ ๒ เปนรถเหมือนรถที่ ๑ พระองค์เจ้าสามเณร ๓ พระองค์ทรงไป รถที่ ๓ นั้นเปนรถสี่ดุม เทียมม้าเดี่ยวนั้น พระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งเสด็จไปส่งนั้นทรงไป เสด็จไปส่งพระองค์เจ้าพระเกษมสันตโสภาคยเสด็จไปอยู่กุฎี คณะกุฏิหมู่ที่ ๑ มีหอฉัน พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์เสด็จอยู่กุฎีหมู่ที่ ๒ คณะกุฏิฟากข้างวิหารพระศาสดา

----------------------------

แผ่นที่ ๑๘๗ ออกวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

พระองค์เจ้าสามเณรจิตรเจริญเสด็จอยู่ที่กุฎีหมู่ที่ ๓ คณะกุฏิฟากข้างวิหารพระศาสดา พระองค์เจ้าพระจรูญ อยู่กุฎีคณะใหม่ ครั้นส่งขึ้นกุฎีที่วัดบวรนิเวศวิหารแล้ว จึงเสด็จไปส่งที่วัดราชประดิษฐสถิตยมหาสีมาราม คือ พระองค์เจ้าสามเณรโสณบัณฑิตเสด็จอยู่ศาลาข้างขวาพระเจดีย์ พระองค์เจ้าสามเณรวัฒนานุวงศ์เสด็จอยู่ศาลาข้างซ้ายพระเจดีย์ ในที่ทั้งสองนี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้หม่อมเจ้าปรีดา ในกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ทำเปนหลังคามีฝาต่อออกมาข้างหน้า คล้ายกันกับเมื่อครั้งพระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ทรงผนวชพระในปีกุนสัปตศกนั้น ได้ประทับอยู่ในที่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง ทำเปนหอโครงไม้หลังคาสังกะสีมีม่านกั้น แต่เฟื้ยมจีนคล้ายกัน ครั้นส่งแล้ว สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอซึ่งมาส่งนั้นจึงกลับเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระบรมมหาราชวัง

สมโภชหม่อมเจ้าทรงผนวชแลนาคหลวง

อนึ่งเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ หม่อมเจ้า ๘ องค์ กับจมื่นสราภัย ๑ ซึ่งจะได้ผนวชเปนภิกษุ สามเณร ในวันพรุ่งนี้นั้น แต่งเหมือนอย่างเจ้านายซึ่งแต่งพระองค์สมโภชในเวลาเย็นวานนี้นั้น แล้วขึ้นเสลี่ยงไปตามทิมคดหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ไปนั่งที่สมโภชในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เรียงเปนแถวตามลำดับกัน คือ ที่ ๑ หม่อมเจ้าศรีโสภณ ในกรมพระพิทักษ์เทเวศ ที่ ๒ หม่อมเจ้าพุด ในกรมหมื่นอลงกฏกิจปรีชา ที่ ๓ หม่อมเจ้าทิชากร ในกรมหมื่นอมเรนทรบดินทร ที่ ๔ หม่อมเจ้าปาน ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ที่ ๕ หม่อมเจ้าแฉ่ง ในพระองค์เจ้ากำภู ที่ ๖ หม่อมเจ้าขาว ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ที่ ๗ หม่อมเจ้าอบเชย ในกรมหมื่นมเหศวร

แผ่นที่ ๑๘๘ ออกวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

ศิววิลาส ที่ ๘ หม่อมเจ้าชายเล็ก ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ที่ ๙ จมื่นศราภัยสฤษดิการ ที่เอดเดอกง แลนายทหารในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ บุตร์พระยาสุรศักดิ์มนตรีจางวางมหาดเล็ก แลเลฟเตอแนนต์ ในกรมมหาดเล็กรักษาพระองค์

ครั้นเวลาย่ำค่ำเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ แลทรงเครื่องราชอิศยยศ จุลจอมเกล้า เสด็จออกประทับพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย มไหศวริยพิมานโดยสถานอุตราภิมุข พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทฝ่ายทหารพลเรือนเฝ้าอยู่ณที่นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระมหาราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชย เข้าเบิกแว่นออกเวียนเทียน เหมือนอย่างเช่นได้สมโภชในวันก่อน ครั้นเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรดน้ำด้วยพระมหาสังทักษิณาวัฏ พระราชทานแก่หม่อมเจ้าทั้ง ๘ องค์ แลทรงรดน้ำจมื่นสราภัยสฤษดิการด้วยพระสังขอุตราวัฏ แลทรงเจิมพระราชทานด้วยกันทั้งสิ้นแล้ว หม่อมเจ้าทั้ง ๘ พระองค์กับจมื่นสราภัย ก็กลับออกมาแต่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ขึ้นเสลี่ยงไปเปลื้องเครื่องแต่งที่ทิมคดหน้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่จนเวลาประมาณ ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

อนึ่งบาญชีของเครื่องบริขาร ซึ่งได้ตั้งในที่สมโภชวันนี้นั้น คือ เทียนสำหรับถวายอุปัชฌาย์แลกรรมวาจาฤๅผู้ให้ศีลนั้น ขี้ผึ้งหนัก ๑๐ ตำลึง สำหรับพระภิกษุองค์ละ ๒ เล่ม ๖ องค์เปนเทียน ๑๒ เล่ม สำหรับสามเณร ๓ องค์ องค์ละ ๒ เล่มเปนเทียน ๖ เล่ม รวมเปนเทียนอย่างนี้ ๑๘ เล่ม เทียนสำหรับขอนิสสัยขี้ผึ้งหนัก ๗ ตำลึง สำหรับพระภิกษุ ๖ องค์ ๆ ละเล่ม เปน ๖ เล่ม รวมเทียนทั้งสิ้น ๒๔ เล่ม ผ้าไตรแลเครื่องบริขารใหญ่น้อยต่าง ๆ ซึ่งจะได้ทรงประเคนเมื่อผนวชแล้วนั้น รวมองค์ละสิ่ง ๙ องค์ เปนของอย่างละ ๙ สิ่ง คือ ๑ ไตรผ้า ๒ บาตรตลกสักหลาดเนื้อดี ๓ ย่ามสักหลาดเนื้อดี ๔ ผ้าแดงท่อนเช็ดปาก ๕ ผ้าขาวท่อนเช็ดหน้า ๖ หมอนผ้าขาวหนุน ๗ ตาลปัตรส้นงาเม็ดงา ๘ เสื่ออ่อนสองชั้น ๙ กากระบอกลายแดง ๑๐ กระโถนถ้วยลายครามสองใบเถา ๑๑ ร่มฝรั่งคันเล็ก ๑๒ รองเท้ากำมะหยี่ ๑๓ มีดโกนฝรั่งฝักหนัง ๑๔ หินลับมีดโกน ๑๕ หนังฟอก ๑๖ ตะบะยี่ปุ่นรูปกลมรี ๑ ป้านชาแดง ๑ จานรองป้าน ๑ ถ้วยชาฝาลายคราม ๔ ใบ ๑

แผ่นที่ ๑๘๙ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

รวม ๔ อย่างเปนสำรับหนึ่ง ๑๗ ใบชาห่อเล็ก ๑๘ ถ้วยฝรั่งจานรอง ๑๙ อั้งโล่กลาง ๒๐ กาทองแดง ๒๑ พัดขนนกจีน ๒๒ ตะบะเท้าสิงหที่บูชา ๒๓ พโองแก้วบูชา ๒๔ เชิงเทียนทองเหลืองคู่ ๒๕ ธูปเทียนมัด ๒๖ โคมแก้วลูกลำภูกลาง ๒๗ ขันแก้วจานรอง ๒๘ ถ้วยแก้วจานรอง ๒๙ คนโทกลาป๋าจานรองสำรับ ๓๐ กาน้ำสาน ๓๑ ถ้วยชาลายคราม ๓๒ หีบดำกำมะลอ ๒ ใบเถา ๓๓ ตะบะยี่ปุ่นสี่เหลี่ยม ๑ ตลับถมปัด ๓ ใบเถา ๑ หีบหมากยี่ปุ่นประดับเกล็ดหอย ๑ ขวดพิมเสน ๑ มีดพับด้ามเขา ๓ ตะไกรเทศ ๑ ซองบุหรี่หนัง ๑ ไม้ขีดไฟโหล ๑ กล่องดินสอ ๑ กล่องเขม ๑ ธรรมกรก ๑ รวม ๑๑ สิ่งนี้เปน ๑ สำรับ ๓๔ ตลุ้มคาวสีดำมีฝา ๑ จานเชิงกังไส ๕ ใบ ชามปากไปล่ ๓ ใบเถา ช้อนถ้วยยี่ปุ่นลายคราม ๑ รวม ๔ อย่างนี้เปนสำรับหนึ่ง ๓๕ ตลุ้มหวานสีดำมีฝา ๑ จานเชิงกังไส ๖ ใบ โถน้ำวุ้นลายแดง ๑ ช้อนถ้วยยี่ปุ่นลายคราม ๑ รวม ๔ อย่างเปนสำรับหนึ่ง ๓๖ รามปากไปล่ ๕ ใบเถา ๓๗ ถ้ำชาดีบุกถ้ำใหญ่ ๓๘ หม้อชำระดีบุกปากเป็ด ๓๙ หม้อมูตรดีบุก ๔๐ กลักขี้ผึ้งจุกปิดทอง ๔๑ มีดอรัญวาสี ๔๒ ตะไกรผ่าหมาก ๔๓ สมุดดำ

โดย เทวัญอุไทยวงศ์ (ผู้แทน)

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๐ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ แรมค่ำ ๑

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑๒ ค่ำ บีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าเจ้าพนักงานภูษามาลา ได้เชิญพระอัฐิ ในกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ แต่พระที่นั่งบรมพิมานไปสถิตย์ที่พระพุทธนิเวศน์มุขเหนือแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เลี้ยงพระสงฆ์วัดราชบพิธ ๑๐ รูป มีหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนประธาน แล้วสดัปกรณร้อยหนึ่งตามธรรมเนียม ด้วยในเวลาวันนี้เปนวันตรงกันกับวันประสูติ ในกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ ตามจันทรคติกาล

ทรงผนวชหม่อมเจ้าแลบวชนาคหลวง

เวลาเที่ยงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องคล้ายอย่างเช่นเวลาวานนี้ เสด็จออกทรงพระราชยานแต่เกยหน้าประตูพรหมโสภา ไปประทับเกยหลังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นประทับเกยเปลื้องเครื่อง แล้วหม่อมเจ้า ๘ องค์ กับจมื่นสราภัยสฤษดิการจึงขึ้นเสลี่ยงมาขึ้นเกยโปรยทานเหมือนอย่างเวลาวานนี้ แล้วมีเจ้าพนักงานพระคลังมหาสมบัตินำเงินปลีกเฟื้องสลึง ซึ่งพระราชทานสำหรับโปรยทานเกยละ ๕ ตำลึงนั้น คือ พระราชธนพิทักษ์ขึ้นเกยที่ ๑ หลวงพิพิธสมบัติขึ้นเกยที่ ๒ หลงรัตนสมบัติขึ้นเกยที่ ๓ หลวงมงคลรัตนขึ้นเกยที่ ๔ ขุนธนศักดิขึ้นเกยที่ ๕ ขุนภักดีสมบัติขึ้นเกยที่ ๖ ขุนรักษสมบัติขึ้นเกยที่ ๗ ขุนบวรสมบัติขึ้นเกยที่ ๘ หมื่นจิตรสมบัติขึ้นเกยที่ ๙ ครั้นโปรยทานเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ หม่อมเจ้ากับหมื่นสราภัยจึงตามเสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ แล้วจึงได้จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรัตนปฏิมากรแล้วจึงได้อุปสมบทตามลำดับกันเหมือนอย่างเวลาวาน แปลกกันแต่ที่เมื่อสวดญัตินั้น ที่ ๑ กับที่ ๒ สวดพร้อมกัน แลที่ ๓ กับที่ ๔ สวดพร้อมกัน เเต่ที่ ๕ ถึงที่ ๙ นั้นสวดคนละที กับอนึ่งเมื่อบอกอนุสาสน์นั้น พระโพธิวงศได้

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๑ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ แรมค่ำ ๑

บอกทั้งสิ้น รายชื่ออุปัชฌาย์กรรมวาจาผู้ให้ศีลนั้น คือพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ เปนพระอุปัชฌาย์ทั้งสิ้น พระธรรมเทศาจารย์ เปนกรรมวาจาหม่อมเจ้าศรีโสภณในกรมพระพิทักษเทเวศ ซึ่งผนวชอยู่ในวัดพระเชตุพน พระมงคลเทพเปนกรรมวาจาหม่อมเจ้าพุดในกรมหมื่นอลงกฏกิจปรีชา ซึ่งจะผนวชอยู่ในวัดพระเชตุพน พระโพธิวงศ์เปนกรรมวาจาหม่อมเจ้าทิชากร ซึ่งจะผนวชอยู่วัดพระเชตุพน หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร เปนกรรมวาจาหม่อมเจ้าปานในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ซึ่งจะผนวชอยู่วัดราชบพิธ พระคุณาจาริยวัตรเปนกรรมวาจาหม่อมเจ้าแฉ่งในพระบวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากำภู ซึ่งจะผนวชอยู่วัดมหาธาตุ หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนผู้ให้ศีลหม่อม เจ้าขาวในกรมหมื่นภูมินทรภักดี ซึ่งจะผนวชอยู่วัดราชบพิตร หม่อมเจ้าพระธรรมุณหิสธาดา เปนผู้ให้คิดหม่อมเจ้าอบเชยในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ซึ่งจะผนวชอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร พระวินัยรักขิตเปน ผู้ให้ศีลหม่อมเจ้าชายเล็กในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ซึ่งจะผนวชอยู่วัดบวรนิเวศวิหาร พระพุฒวิริยากรเปนกรรมวาจาจมื่นสราภัยสฤษดิการ ซึ่งจะอยู่วัดพิไชยญาติ ครั้นอุปสมบทแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงประเคนเครื่องบริขารใหญ่น้อยต่าง ๆ ซึ่งได้บอกบาญชีมาในเวลาวานนี้นั้น แลรับผ้าแต่พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน เสร็จเหมือนอย่างเวลาวานนี้แล้ว พระสงฆ์ยถาสัพพีอติเรก ถวายพระพรลาแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จกลับขึ้น

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตก พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จขึ้น เวลา ๒ ทุ่มเศษ เสด็จออกที่พระพุทธนิเวศน์มุขเหนือ ทรงนมัสการเสร็จแล้ว พระสงฆวัดราชบพิธมีหม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากรเปนประธาน ได้เจริญพระธรรมจักกัปปวัตนสูตรจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงทอดผ้าไตรพระสงฆสดัปกรณแล้ว พระปลัดธรรมทินวัดราชบพิธจึงขึ้นถวายธรรมเทศนาในมารโอวาทกถา ครั้นจบแล้วจึงทรงทอดผ้าสดัปกรณ แลทรงประเคนเครื่องกัณฑตามธรรมเนียม แล้วพระราชทานเงินปลีกสลึงแก่พระวุฒิการบดี สำหรับพระสงฆ์ซึ่งได้มาเจริญพระพุทธมนต

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๒ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ

ตามธรรมเนียมแล้ว ทรงแจกพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์โดยลำดับแล้ว แลทรงพระราชหัดถเลขามอบเงินตราเปนมูลกับปิย ราคา ๒ ชั่งนั้น สำหรับพระสงฆ์วัดราชบพิธ แลพระราชทานตัวเงินมอบให้พระวุฒิการไปส่งแก่กับปิยการกแล้ว พระสงฆ์ถวาย ยถา สัพพี อติเรก ถวายพระพรลากลับแล้ว เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์ (ผู้แทน)

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอังคาร เดือน ๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระนรินทรราชเสนีนำบอกเจ้าพระยาวิเชียรคิรี ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ว่าได้จัดช้างส่งพระนราธิราชภักดี ข้าหลวงไปสืบราชการที่เมืองยลารามัญ ด้วยเรื่องเมืองแปะระ แลบอกนำเก้าอี้ของพระยาวิชิตสงครามจางวางเมืองภูเกตมา นำเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย แลนำหลวงศรีมหาราชาซึ่งจะได้รับเอาเงินสลึง ๑๐ ชั่ง ไปพระราชทานในการศพ พระยาตะรังกานูนั้นกราบถวายบังคมลา เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระพิมลธรรมถวายศีล (การที่สวดมนตวันนี้ คือฉลองเทียนใหญ่ ๕๑ เล็ก ๘ ซึ่งจะได้จุดในวันเข้าปฐมพรรษา) เวลายามเศษพระสงฆ์สวดมนตจบแล้ว เวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

ณวันพุธ เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในการฉลองเทียนพรรษา ทรงนมัสการแลทรงศีลแล้ว พระสงฆ์ ๒๐ รูป มีพระพิมลธรรมเปนประธาน จึงถวาย

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๓ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ

พรพระแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงประเคน แลพระบรมวงศานุวงศ์จึงเข้าปฏิบัติพระสงฆ์ ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้ว โปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าถวายของไทยธรรมแล้ว พระสงฆ์ ยถา สัพพี อติเรก ถวายพระพรลากลับแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระมหาสังขแลทรงเจิมเทียนพรรษา ซึ่งตั้งอยู่ในเฉลียงพระที่นั่งข้างซ้ายแล้ว เวลาบ่ายโมงเศษเสด็จขึ้น

บาญชีเทียนพรรษานั้นคือ เทียนอย่างเล็กสำหรับพระพุทธรัตนสถาน ๒ เล่ม วัดราชประดิษฐ ๒ เล่ม วัดราชบพิธ ๒ เล่ม หอเสถียรธรรมปริต ๑ เล่ม หอพระคันธารราฐ ๑ รวมเทียนเล็ก ๘ เล่ม เทียนอย่างใหญ่นั้นคือ หอพระข้างในพระบรมมหาราชวัง ๑ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๑ หอมณเฑียรธรรม ๑ หอพระนาค ๓ หอพระปริตข้างพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๑ วัดพระเชตุพน ๖ เล่ม วัดโสมนัสวิหาร ๑ วัดบรมนิวาส ๒ วัดพระนามบัญญัติ ๑ วัดเครือวัลย์ ๑ วัดนาคกลาง ๑ วัดพระยาธรรม ๑ วัดกัลยาณมิตร ๒ วัดประยุรวงศ์ ๒ วัดบุบผาราม ๑ วัดชนะสงคราม ๑ วัดมหาธาตุ ๒ วัดเทพธิดา ๑ วัดสุทัศนเทพวราราม ๒ วัดบุญศิริมาตยาราม ๑ วัดราชบุรณะ ๒ วัดจักรวรรดิราชาวาส ๑ วัดพิไชยญาติ ๑ วัดอนงคาราม ๑ วัดบวรนิเวศ ๑ วัดมหรรณพาราม ๑ วัดรังษีสุทธาวาส ๑ วัดอรุณราชวราราม ๔ วัดสระเกศ ๒ วัดบพิตรพิมุข ๑ วัดปากน้ำ ๑ วัดนวลนรดิษ ๑ วัดราชกุฏียาราม ๑ วัดคูหาสวรรค ๑ วัดหนัง ๒ วัดนางนอง ๑ วัดราชโอรส ๓ วัดบวรมงคล ๑ วัดภคินีนาถ ๑ วัดสามพระยา ๑ วัดจอมสุดาราม ๑ วัดอภัยทามริการาม ๑ วัดระฆัง ๑ วัดโมลีโลก ๑ วัดหงสรัตนาราม ๑ วัดยานนาวา ๑ วัดโชตนาราม ๑ วัดศรีสุดาราม ๑ วัดไชยพฤกมาลา ๑ วัดราชนัดดา ๑ วัดประทุมวัน ๑ วัดเศวตฉัตร ๑ วัดราชสิทธิ ๑ วัดสังกระจาย ๑ วัดราชคฤห ๑ วัดสัมพันธวงศ์ ๑ วัดประทุมคงคา ๑ วัดทองธรรมชาติ ๑ วัดทองนพคุณ ๑ วัดราชาธิวาส ๑ วัดเทวราชกุญชร ๑ วัดเขมาภิรตาราม ๑ วัดเฉลิมพระเกียรติ ๑ วัดดาวดึงศ ๑ วัดคฤหบดี ๑ วัดดุสิต ๑ วัดอินทาราม ๑ วัดอับสรสวรรค ๑ วัดหิรัญรูจี ๔ วัดอมรินทร ๑ วัดสุวรรณ ๑ วัดสังเวชวิษยาราม ๑ วัดมหาพฤฒาราม ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๔ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๘ แรม ๓ ค่ำ

วัดรัษฎาธิษฐาน ๒ วัดกาญจนสิงหาสน์ ๑ รวมที่ตำบลที่ได้จุดเทียน ๗๕ แห่ง เปนเทียนใหญ่ ๘๙ เล่ม รวมเทียนใหญ่เล็ก ๑๖๐ เล่ม เวลา ๕ โมงเศษ เสด็จออกสนามหญ้า ประทับตรัสกับข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยครู่หนึ่ง แล้วเสด็จขึ้นทรงพระที่นั่ง พร้อมด้วยพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ ตามเสด็จพระราชดำเนิรไปในรถพระที่นั่ง เสด็จไปประทับสวนสราญรมย์แล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปประทับที่วังสราญรมย์ จนเวลายามเศษ เสด็จกลับเข้าในพระบรมมหาราชวังเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

การถวายพุ่มแลจุดเทียนพรรษา

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๘ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกโดยประตูพรหมโสภา ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ไปประทับเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแลทรงจุดเทียนพรรษา แล้วทรงถวายธูปเทียนตั้งบนพานทองสองชั้น กับต้นไม้ทองต้น ๑ ต้นไม้เงินต้น ๑ พุ่มขี้ผึ้งใหญ่ ๑ คู่ ต้นไม้จันทน์ ๑ คู่ ต้นไม้แก้ว ๑ คู่ ไม้สีฟัน ไม้ขูดลิ้นหมากพลูถวายแก่พระพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกฎ อนึ่งพระพุทธรัตนปฏิมากร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ พระสัมพุทธพรรณี ๑ ก็ทรงถวายของดังเช่นว่ามาแล้วแต่หลังนั้น ขณะนั้นพระสงฆ์ ๓๐ รูป มีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน รับพระราชทานฉันเสร็จ แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงถวายพุ่มแก่

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๕ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๘ แรม ๓ ค่ำ

พระสงฆ์เสร็จแล้ว พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับ เจ้าพนักงานกรมสังฆการีย์จึงนิมนต์พระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าสามเณร หม่อมเจ้าพระ หม่อมเจ้าสามเณร แลพระสงฆ์ซึ่งมีจำนวนได้รับพระราชทานพุ่มนั้นเข้ามาในอุโบสถเปนอันดับกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประเคนพุ่มเปนอันดับกันไป แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ถวายข้างใน ขณะนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเทียนชนวนแลโคมจุดประทีป แก่พระบรมวงศานุวงศ์ไปจุดเทียนพรรษาตามพระอารามหลวงทุก ๆ พระอาราม คือ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ หอพระมณเฑียรธรรม หอพระนาค หอเสถียรธรรมปริต รวม ๓ หอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ หอพระคันธารราฐ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ วัดพระนามบัญญัติ วัดโสมนัสวิหาร วัดบรมนิวาส รวม ๓ พระอาราม พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ วัดเครือวัลย์ วัดนาคกลาง วัดพระยาธรรม วัดชิโนรสาราม รวม ๔ พระอาราม กรมหมื่นพิชิตปรีชากร วัดกัลยาณมิตร วัดประยุรวงศ์ วัดบุบผาราม รวม ๓ พระอาราม พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช รับไปแทน กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ วัดมหาธาตุ วัดชนะสงคราม รวม ๒ พระอาราม พระองค์เจ้าเณรโสณบัณฑิต วัดเทพธิดา พระองค์เจ้าเณรวรวรรณากร วัดบุญศิริมาตยาราม พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ วัดสุทัศนเทพวราราม กรมพระเทเวศวิชรินทร วัดราชบุรณะ หม่อมเจ้าขาว รับไปแทน พระองค์เจ้าทองแถม ถวัลยวงศ์ วัดจักรวรรดิราชาวาส พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย วัดพิไชยญาติการาม วัดอนงคาราม รวม ๒ พระอาราม พระองค์เจ้าเณรจิตรเจริญ วัดบวรนิเวศวิหาร พระองค์เจ้าจันทรทัตจุฑาธาร วัดมหรรณพาราม พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ วัดรังษีสุธาวาส สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ วัดอรุณราชวราราม สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ วัดราชประดิษฐ วัดราชบพิธ รวม ๒ พระอาราม วัดสระเกศ วัดบพิตรพิมุข รวม ๒ พระอาราม พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ วัดปากน้ำ วัดนวลนรดิศ วัดราชกุฏิยาราม วัดคูหาสวรรค์ รวม ๔ พระอาราม หม่อมเจ้าสวน ในกรมหมื่นอินทรพิพิธ วัดหนัง วัดนางนอง วัดราชโอรส รวม ๓ พระอาราม พระองค์เจ้าฉายเฉิด วัดบวรมงคล วัดภคินีนาถ รวม ๒ พระอาราม

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๖ ออกวันจันทร์ เดือน ๘ แรม ๔ ค่ำ

หม่อมเจ้าอุไทย ในกรมหมื่นอนันตการฤทธิ วัดสามพระยา พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ วัดจอมสุดาราม วัดอภัยทามริการาม รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าจังหวัด ในกรมหมื่นอมเรนทรบดินทร วัดระฆังโฆสิตาราม วัดโมลีโลก วัดหงส์ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ วัดยานนาวา วัดโชตนาราม รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าภาณุมาศ ในกรมพระพิทักษเทเวศร วัดศรีสุดาราม วัดไชยพฤกษมาลา รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าสำเนียง ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส วัดราชนัดดา พระองค์เจ้าสามเณรวัฒนานุวงศ์ วัดประทุมวนาราม พระองค์เจ้าไชยานุชิต วัดเศวตฉัตร พระองค์เจ้ามหาหงส์ หม่อมเจ้าสวัสดิในกรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล รับไปแทน วัดราชสิทธิ วัดสังขกระจาย วัดราชคฤห์ รวม ๓ พระอาราม พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ วัดสัมพันธวงศ์ วัดประทุมคงคา รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าสนธยา ในกรมหลวงวรศักดาพิศาล วัดทองธรรมชาติ วัดทองนพคุณ รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าประวิช ในกรมขุนราชสีหวิกรม วัดราชาธิวาส วัดเทวราชกุญชร รวม ๒ พระอาราม พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ วัดเขมาภิรตาราม วัดเฉลิมพระเกียรติ รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าบงกช ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส วัดดาวดึงศ์ วัดคหบดี วัดดุสิตาราม รวม ๓ พระอาราม พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ หม่อมเจ้าจำเริญ ในกรมขุนราชสีหวิกรม รับไปแทน วัดอินทาราม วัดจันทาราม รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าวัชรินทร ในกรมหมื่นอักษรสาส์นโสภณ วัดอับสรสวรรค์ วัดหิรัญรูจี รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้านิลวรรณ ในกรมหมื่นอดูลยลักษณสมบัติ วัดอมรินทราราม วัดสุวรรณ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๗ ออกวันจันทร์ เดือน ๘ แรม ๔ ค่ำ

รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าเจริญ ในกรมขุนราชสีหวิกรม วัดสังเวช หม่อมเจ้าถนอม ในกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส วัดมหาพฤฒาราม หม่อมเจ้าฉาย ในกรมหมื่นภูมินทรภักดี หม่อมเจ้าทั่ง รับไปแทน วัดรัษฎาธิฐาน วัดกาญจนสิงหาสน์ รวม ๒ พระอาราม หม่อมเจ้าหรุ่น ครั้นพระราชทานเสร็จแล้ว ประทับตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์พอสมควรแก่เวลา เสด็จพระราชดำเนิรกลับ ในเวลาวันนี้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ขุนทิน ขุนทานสวดมหาชาติคำหลวง ๔ คน ที่ศาลารอบพระอุโบสถนั้น พวกนักเรียนสวดเรื่องชาดกต่าง ๆ ศาลาละ ๒ คน ๑๒ ศาลา เปนคน ๒๔ คน

โดย มนุษยนาคมานพ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๘ ออกวันอังคาร เดือน ๘ แรม ๕ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันศุกร เดือน ๘ แรมค่ำ ๑ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงทรงบาตรที่ทรงบาตร ด้านตวันออกพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระราชาคณะ พระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าสามเณร หม่อมเจ้าพระ หม่อมเจ้าสามเณร ถานานุกรม เปรียญ อันดับ รวม ๑๕๐ รูป มีพระธรรมไตรโลกเปนประธาน เข้าทางประตูดุษฎีศาสดารับบิณฑบาต

อนึ่งเจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธรูปพระชนม์พรรษาวัน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย ๑ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย ๑ กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย ๑ รวม ๗ พระองค์ ตั้งในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้าพนักงานกรมสังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ ๒๖ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ฉันในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ปฏิบัติพระสงฆ์ เวลา ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงจุดเทียนนมัสการ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิ พระอัฐิ มาตั้งบนพระที่นั่งเศวตฉัตร ๑๖ พระโกษฐ์ ตั้งอยู่บนโต๊ะจีนเบื้องซ้ายพระที่นั่งเศวตฉัตร ๖ พระโกษฐ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองน้อย ๔ เครื่อง ทรงนมัสการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสี่พระองค์ แล้วทรงทอดผ้าสะบงแลผ้าสลาก ๑๖ ผืน ทรงพระราชอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระประถมบรมมหาไปยกา

----------------------------

แผ่นที่ ๑๙๙ ออกวันอังคาร เดือน ๘ แรม ๕ ค่ำ

ธิบดี กรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ สมเด็จพระรูปสิริโสภาคยมหานาคนารี กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ สมเด็จพระเจ้าประถมบรมไอยิกาเธอ สมเด็จพระเจ้าบรมไอยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงศรีสุนทรเทพ สมเด็จพระเจ้าบรมไอยิกาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี ทรงพระราชอุทิศพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลโสภณภควดี พระสงฆ์ ๑๖ รูปก็สดัปกรณ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณถวายพุ่มแลกระถางต้นไม้ ไม้สีฟัน ไม้ชำระ ไม้ขูดลิ้น เทียนธูปหมากพลูแก่พระสงฆ์ ๑๖ รูปเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าบังสกุลแลผ้าสลากอิก ๖ ผืน ทรงพระราชอุทิศถวายสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยยกาทรงพระราชอุทิศพระราชทานพระนางโสมนัสวัฒนาวดี พระชนกกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระชนกกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระชนนีกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระชนนีกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ พระสงฆ์ ๖ รูปก็สดัปกรณ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณถวายของเหมือนก่อน ครั้นแล้วพระสงฆ์ถวายอนุโมทนาอติเรกถวายพระพรลา แลได้ทรงพระกรุณาโปรดให้เจ้าพนักงานนำผ้าสบงผ้าสลาก ๔ ผืนสิ่งพร้อมไปสดัปกรณ์พระอัฐิสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชวังบวรแล้ว พระยาเจริญราชไมตรี หลวงเสนีพิทักษ์ หลวงศักดิเสนี หลวงไชยเดชะ หลวงสรสำแดงฤทธิ์ หลวงสุจริตวินิจฉัย รวม ๖ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลาไปราชการเมืองเสียมราฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสพระราชทานพร แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเสื้อเยียระบับ ๑ ผ้าม่วงจีนผืน ๑ แก่พระยาเจริญราชไมตรี พระราชทานเสื้อเข้มขาบริ้วดีแก่หลวงเสนีพิทักษ์หลวงศักดิเสนีคนละเสื้อ พระราชทาน เสื้อเข้มขาบริ้วขอแก่หลวงไชยเดช หลวงศรสำแดงฤทธิ์ หลวงสุจริตวินิจฉัยคนละเสื้อ แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระทวารเทเวศร์ ทรงพระราชยานไปประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จเข้าในพระอุโบสถทรงนมัสการแล้วเสด็จพระราชดำเนิรเข้าข้างใน เสด็จขึ้นเบื้องหลังบุษบกทรงสรงน้ำพระพุทธปฏิมากรแก้วมรกฎด้วยน้ำหอม

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐๐ ออกวันพุธ เดือน ๘ แรม ๖ ค่ำ

แลทรงชำระลอองให้หมดจดแล้ว จึงทรงสวมพระเกศพระรัศมีตามฤดูวัสสันต์ แล้วเสด็จลงจากเบื้องบน (ทรง) พระมหากรุณาโปรดให้พระมหาราชครูพิธี พระครูอัษฎาจารย์ พระสิทธิไชยเบิกแว่นเวียนเทียนครบสามรอบแล้วโบกควันดับเทียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงเปลี่ยนพระรัศมีพระสัมพุทธพรรณี เดิมเปนทองแดเปลี่ยนเปนแก้วเขียว แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหอมซึ่งสรงพระพุทธปฏิมากร แก่พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการแล้ว เวลาย่ำเที่ยงเศษเสด็จกลับจากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระราชยานมาประทับเกยหน้าประกพรหมโสภา เสด็จขึ้น

แลเมื่อเสด็จพระราชดำเนิรกลับ เจ้าพนักงานคลังทองได้ประดับเครื่องพระพุทธรัตนปฏิมากรตามฤดูฝน ห่มผ้าลงยาราชาวดีเฉียงบ่าข้างหนึ่ง (ห่มดอง) พร้อมเสร็จ

อนึ่งพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย เจ้าพนักงานได้นิมนต์พระสงฆ์ ๕๐๐ รูปมาสวดสังคินีมาติกาสดัปกรณ์เสร็จแล้ว เชิญพระบรมอัฐิพระอัฐิกลับ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษทรงพระกรุณาโปรดให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตนไปจุดเทียนพรรษาแลถวายพุ่ม พระสงฆ์ณวัดพระเชตุพน ด้วยเปนเวลาฝกตกมากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมิได้เสด็จพระราชดำเนิร

โดย สวัสดิประวัติ

ณวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๖ รูป มีพระวิสุทธิสารเถรเปนประธาน ได้รับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษพระสงฆ์วัดพระเชตุพน ๑๐ รูป มีพระญาณโพธิเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐๑ ออกวันพุธ เดือน ๘ แรม ๖ ค่ำ

เวลาบ่าย ๔ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภาเสด็จประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่ง พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์นั้นตามเสด็จบนรถพระที่นั่งด้วย เสด็จไปประทับหน้าประตวัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จเข้าพระอุโบสถทรงจุดเทียนบูชาถวายพุ่มพรรษาพระชินศรีแล้วถวายแก่กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ แลพระองค์เจ้าพระ หม่อมเจ้าพระ ถานานุกรมอันดับ ๓๘ รูปอาพาธรูป ๑ ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายพุ่มแล้ว กรมพระปวเรศจึงถวายอติเรกพระสงฆ์ภวตุสัพแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปตามทางเสด็จขึ้นบนพระเจดีย์เสด็จเข้าในคูหาองค์พระเจดีย์ทรงบูชาถวายพุ่มแล้ว เสด็จออกประทับที่พระพุทธรูปข้างพระเจดีย์แล้วเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นพระวิหารพระศาสดาทรงบูชาถวายพุ่มแก่พระพุทธไสยาสน์ ทรงบูชาถวายพุ่มแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรลงทางหลังพระวิหารพระศาสดาทรงบูชาพระศรีมหาโพธิแล้วเสด็จพระราชดำเนิรไปที่กุฏิพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าพระเกษมสันต์โสภาคย์ ถวายพุ่มพรรษา แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสามเณรวรวรรณากร ประทับอยู่ครู่หนึ่งเสด็จพระราชดำเนิรมากุฏิพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าพระกมลาสเลอสรรค์ แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสามเณรจิตรเจริญ พระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าสามเณรศรีเสาวภางค์ พระเจ้ายาเธอพระองค์เจ้าสามเณรจันทรทัตจุฑาธาร แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูลานพระศรีมหาโพธิแลเสด็จขึ้นรถพระที่นั่งเสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ตามธรรมเนียม พระบรมวงศานุวงศ์แต่งตามธรรมเนียมฤๅสวมเสื้อฟรอกโก๊ต

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๘ แรม ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่าย ๒ โมงเศษพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านใต้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์กับพระรัตนโกษา

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐๒ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๘ แรม ๗ ค่ำ

เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหศวริยพิมาน ทรงถวายไตรจีวรเครื่องบริขารเปนเครื่องกุฏิแก่พระธรรมกิจ ๑ ถานานุกรม ๒ อันดับ ๙ รูป รวม ๑๒ รูป ซึ่งจะไปจากวัดสระเกศไปอยู่จำพรรษาอยู่วัดรังษีสุธาวาส แลพระประสิทธิศีลคุณ ๑ ถานานุกรม ๑ อันดับ ๔ รวม ๖ ซึ่งไปจากวัดประยุรวงศาราม ไปอยู่วัดหงสเสร็จแล้ว ทรงถวายมูลกับปิยภัณฑ์แก่พระธรรมกิจชั่ง ๑๐ ตำลึง พระประสิทธิศีลคุณ ๓ ชั่งเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่งมาประทับวัดราชประดิษฐ เสด็จเข้าในพระอุโบสถนมัสการพระพุทธรัตนปฏิมากร แลทรงถวายพุ่มขี้ผึ้งแลสการบูชาต่าง ๆ แด่พระพุทธสิหิงค์ แลพระพุทธรูปพระชินราชองค์น้อย พระชินศรีองค์น้อย พระศาสดาองค์น้อย แลพระนิรันตรายเสร็จแล้ว เสด็จมาถวายพุ่มขี้ผึ้งแลเครื่องสการบูชาเครื่องจำพรรษาแก่พระสาสนโสภณที่พระธรรมวโรดม กับพระสงฆ์วัดราชประดิษฐเสร็จแล้ว ประทับตรัสอยู่กับพระสาสนโสภณประมาณชั่วโมงหนึ่ง แล้วเสด็จพระราชดำเนิรออกจากพระอุโบสถ มาประทับณพระเจดีย์ ทรงนมัสการเครื่องสการบูชาเสร็จแล้ว เสด็จมาประทับตำหนักพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสามเณรโสณบัณฑิต ทรงถวายพุ่มขี้ผึ้งแลเครื่องจำพรรษา ประทับตรัสอยู่ประมาณ ๕ นาที แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับตำหนักพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสามเณรวัฒนานุวงศ์ ทรงถวายพุ่มเครื่องจำพรรษาเสร็จแล้ว ประทับตรัสอยู่ประมาณ ๒๐ นาที จนเวลา ๒ ทุ่มเศษ จึงเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นทรงรถพระที่นั่ง เสด็จคืนเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง

โดย ก.ม. พิชิตปรีชากร

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐๓ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๘ แรม ๗ ค่ำ

ณวันจันทร์ เดือน ๘ แรม ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงรถพระที่นั่งออกทางประตูพิมานไชยศรี ไปประทับวัดราชบพิธ ทรงถวายพุ่มพระสงฆ์ ครั้นทรงถวายแล้ว หม่อมเจ้าพระอรุณนิภาคุณากร ก็ถวายอติเรก เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง

โดย ทองกองก้อนใหญ่ (ผู้แทน)

ณวันอังคาร เดือน ๘ แรม ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ที่นั้นพร้อมกัน เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

ณวันพุธ เดือน ๘ แรม ๖ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันตกพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ที่นั้น พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยาไกรเพ็ชรรัตนสงคราม ผู้สำเร็จราชการเมืองนครสวรรค์ บอกว่าด้วยส่งเสือตัวหนึ่ง กับฟองเหี้ย ๒๐ ชลอม เข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย แล้วพระนรินทรราชเสนีจึงนำตัวอย่างแลขนตัวขนหาง ช้างพลาย ช้างพัง สีประหลาด ๒ ช้าง ที่เมืองกาญจนดิษฐขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแล้ว เวลาทุ่มเศษขุนนางกลับออกจากที่เฝ้า ประทับอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น แล้วจึงเสด็จออกทรงธรรมในที่นั้น พระมหาพลับวัดบรมนิวาสเปนผู้ถวายธรรมเทศนา ครั้นจบแล้วเวลา ๔ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๒๐๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันศุกร์ เดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระสงฆ์ ๒๐ รูป มีพระพิมลธรรมเปนประธาน ฉันในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยตามธรรมเนียมวันพระ จะได้เปนการพระราชพิธีอันใดอันหนึ่งหามิได้

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเพลิงติดขึ้นที่หลังวัดมหาธาตุ ริมแม่น้ำนอกกำแพงพระนคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรทรงรถพระที่นั่งไปประทับที่หน้าวัดข้างท้องสนาม ครั้นเพลิงดับแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรกลับเข้าในพระบรมมหาราชวัง เวลาบ่าย ๕ โมงเศษเสด็จออกประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระยาจ่าแสนยบดีนำบอก ๒ ฉบับกราบบังคมทูลพระกรุณา ฉบับหนึ่งพระสุนทรราชวงศาเจ้าเมืองยโสธรบอกลงมาทูลเกล้า ฯ ถวายนอระมาดนอหนึ่ง ฉบับหนึ่งพระยามหาว่ามาตย์ ซึ่งไปราชการบอกส่งเงินส่วย แล้วได้นำพระยาศรีสิงหเทพกราบถวายบังคมลาขึ้นไปราชการข้างหัวเมืองฝ่ายเหนือ อนึ่งพระยาพิพัฒโกษานำจมื่นไชยาภรณ์ ปลัดกรมพระตำรวจใหญ่ซ้าย หลวงรัตนายัติกรมท่า นายฉันมหาดเล็กหุ้มแพร กราบถวายบังคมลาออกไปผูกปี้จีนณหัวเมืองตวันออก คือเมืองชลบุรี เมืองระยอง เมืองจันทบุรี เมืองตราด แล้วพระนรินทรราชเสนีนำหลวงศักดินายเวรมหาดเล็ก หลวงสรสิทธยานุการ กราบถวายบังคมลาไปผูกปี้จีนณหัวเมืองฝ่ายตวันตก คือ เมือง เพ็ชร์บุรี เมืองกุย เมืองปราณ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ไปจุดเทียนณพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์ซึ่งรับพระราชทานฉันในเวลาเช้าก็สวดมนต์ ขณะนั้นหลวงรัตนายัตินำเสมียนอ้วนกับแขกขาสั้นเปนคนประหลาดเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน ๑๐

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐๕ ออกวันศุกร์ เดือน ๘ แรม ๘ ค่ำ

ตำลึง เวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สังฆการีย์นิมนต์พระมหาพลับถวายเทศนา ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เทศน์จบแล้วเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

แผ่นที่ ๒๐๖ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๙ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๙ ค่ำ บีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๕๐ รูป มีพระวิสุทธิสารเถรเปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษพระสงฆ์วัดราชาธิวาส ๑๐ รูป มีพระภาวนาภิรามเถรเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์

เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ ขุนหลวงพระยาไกรศรี หลวงสารประเสริฐ เข้าไปเฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงพระราชทานสัญญาบัตรแก่ข้าราชการผู้ซึ่งมีความชอบในราชการ คือ พระยารัตนภัณฑ์มนตรี เปนพระยาอุไทยธรรม จางวางกรมภูษามาลา ถือศักดินา ๕๐๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขเจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๐๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ) สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ ให้นายอังกาบมหาดเล็กเวรเดช หลานพระยาเทพประชุน เปนขุนสมุทโคจร พนักงานหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ ทูลเกล้า ฯ ถวายในกรมมหาดเล็ก ถือศักนา ๔๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ ตามอย่างธรรมเนียมข้าราชการทั้งปวง ขอให้มีความสุขเจริญ เทอญ

----------------------------

แผ่นที่ ๒๐๗ ออกวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๙ ค่ำ

ตั้งแต่ณวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ์) สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์

ให้หลวงทิพประชาชน ผู้ช่วยราชการเมืองฉะเชิงเทรา เปนพระพนมสารนรินทร ผู้ว่าราชการเมืองพนมสารคาม ขึ้นเมืองฉะเชิงเทรา ถือศักดินา ๘๐๐ ทำราชการตามตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้ไป ได้บังคับบัญชาปลัดยกระบัตร กรมการแลราษฎรบรรดาอยู่ในเขตรแดนเมืองสารคามทั้งสิ้น ตามที่ผู้ว่าราชการเมืองพนมสารคามแต่ก่อนได้บังคับบัญชามานั้น แลให้ฟังบังคับพระยาวิเศษฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองฉะเชิงเทราแต่ที่เปนยุติธรรมแลชอบด้วยราชการ จงเว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ แลรักษาความซื่อสัตย์สุจริตต่อกรุงเทพ ฯ ตามอย่างธรรมเนียมผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ จงมีความสุขเจริญ เทอญ

ตั้งแต่ณวันเสาร์ เดือน ๘ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก เปนปีที่ ๙ ของตราดวงที่ประทับนี้ประจำการแผ่นดินสยาม ศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๘๐๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้

(พระราชหัดถ) สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์

แล้วจึงมีพระบรมราชโองการแด่เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ให้เอาพานทองใหญ่พระราชทานแก่พระยาอุไทยธานี แล้วก็ประทับตรัสด้วยราชการอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการก็กลับออกมาจากที่เฝ้า

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

----------------------------

  1. ๑. หลวงโลกทีป (เถื่อน) ภายหลังได้เปนพระยาโหรา

  2. ๒. ผลไม้ทำด้วยกระดาษ ๑ คู่

  3. ๓. ในสมัยนั้นทางด้านหลังวัดยังไม่มีถนน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ