เดือน ๖ จ.ศ. ๑๒๓๘

แผ่นที่ ๕๙ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑ ค่ำ

บรมวงศ์เธอ กรมพระปวรเรศวริยาลงกรณ์เปนประธานก็สดัปกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเต้าสิโนทก พระสงฆ์สวดยถาสัพพีอทาสิเม ถวายอติเรกภะวะตุสัพจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงจุดธูปเทียนขมาพระศพแล้วพระราชทานเพลิง เจ้าพนักงานประโคมแตรสังขกลองชะนะ ครั้นพระราชทานเพลิงแล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับพลับพลา ทรงโปรยทานพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เวลาย่ำค่ำเศษ เสด็จขึ้นทรงรถพระที่นั่งกลับเข้าพระบรมมหาราชวัง ในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระภูษาแลฉลองพระองค์ขาวล้วน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ทรงผ้าทรงแลฉลองพระองค์ขาวล้วน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ ทรงแต่งพระองค์เหมือนอย่างวันชักพระศพ พระองค์เจ้าแลหม่อมเจ้าบางองค์ทรงผ้าขาวล้วนบ้าง ผ้าทรงลายพื้นขาวบ้าง แต่ฉลองพระองค์นั้นขาว ขุนนางแลข้าราชการใหญ่น้อยสวมเสื้อฟร็อกโก๊ต ในการพระศพนี้ ของหลวงพระราชทานต้นกัลปพฤกษ์ ๔ ต้น ๆ ละ ๕ ตำลึงไม่ต่ำสูง โขนโรง ๑ หุ่นโรง ๑ งิ้วโรง ๑ มอญรำโรง ๑ หนัง ๒ โรง ดอกไม้เพลิงต่าง ๆ สิงหโตมังกรญวนรำกะถางทั้ง ๓ วัน ผ้าไตรสดัปกรณ์วันละ ๒๐ ไตร ๓ วัน รวม ๖๐ ไตร ผ้าเหลืองสดัปกรณ์วันละ ๒๐๐ ผืน ๓ วัน รวม ๖๐๐ ผืน

โดย มนุษยนาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๕ แรม ๑๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าเจ้าพนักงานแจงพระรูปทั้งสองพระศพ พระสงฆ์ก็สดัปกรณ์ พระศพละ ๓ รูป รวม ๖ รูป ของซึ่งสดัปกรณ์นั้น คือ ผ้าไตรสามหาบ แต่สำรับคาวหวานกับหม้อเข้าหม้อแกงสิ่งละ ๖ ของหลวงพระราชทาน ครั้นสดัปกรณ์แล้ว เจ้าพนักงานจึงเก็บพระอัฐิลงในพระโกษฐทั้งสองพระองค์ แล้วเชิญพระอังคาร

----------------------------

แผ่นที่ ๖๐ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ แรม ๑ ค่ำ

พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพักตร์ลงเรือมณีจักรพรรดิ เชิญพระอังคาร พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณีลงเรือทินกรส่องศรี แห่ไปลอยวัดประทุมคงคา ที่พระเมรุนั้นเจ้าพนักงานตั้งพระแท่นแว่นฟ้า เชิญพระอัฐิขึ้นตั้งทั้งสองพระโกษฐ

ครั้นเวลาย่ำเที่ยง เจ้าพนักงานจึงเชิญพระอัฐิทั้ง ๒ พระโกษฐ ขึ้นตั้งยานุมาศละพระโกษฐ แล้วแห่มาไว้ที่วัง พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอดุลยลักษณสมบัติ

เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยามหามนตรีเข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารแล้วกลับออกมาเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าหมื่นสรรเพ็ธภักดีเฝ้าแลกลับออกมา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาจวนค่ำจึงกลับออกมา

งานวันประสูติสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบำราบปรปักษ์

แลในเวลาวันนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ได้ทรงเริ่มการทำบุญวันประสูติ พระสงฆ์ ๕ รูปเจริญปริต พระบรมวงศานุวงศแลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยไปช่วยเปนอันมาก

โดย สวัสดิประวัติ

แจ้งความ

หนังสือข่าวราชการซึ่งออกในวันศุกร์ เดือน ๔ แรม ๑๓ ค่ำ บีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ แผ่นที่ ๕๕ กับแผนที่ ๕๖ ต่อกัน ว่าด้วยการรักพระศพในวันอังคาร เดือน ๕ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘ ว่าด้วยเจ้าพนักงานเชิญพระศพ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพักตร์ ขึ้นตั้งบนเรือศรีชื่อทินกรส่องศรี เชิญพระศพ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณี ขึ้นตั้งบนเรือศรีชื่อมณีจักรพรรดินั้นผิดไป คือ เชิญพระศพพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพพักตร์ ขึ้นตั้งบนเรือศรีชื่อมณีจักรพรรดิ เชิญพระศพพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลญาณี ขึ้นตั้งบนเรือศรีชื่อทินกรส่องศรีจึงจะถูก

โดย มนุษยนาคมานพ

วันเสาร์ เดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๔๒ รูป มีพระธรรมวิสารทะเปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์วัดพระเชตุพน ๒๐ รูป มีพระมงคลเทพ เปนประธาน ได้เข้ารับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ครั้น พระสงฆ์ฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาเที่ยงกรมพระบำราบปรปักษ์ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี พระยา ศรีสิงหเทพ เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

----------------------------

แผ่นที่ ๖๑ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ

ครั้นเวลาบ่ายโมงก็กลับออกมา เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ออฟฟิศหลวงเข้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร พระนรินทรราชเสนี นำเจ้าพระยาไทรกับหลวงโกชาอิสหาก ล่าม เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยเจ้าพระยาไทรอยู่จนเวลา ๔ โมง เจ้าพระยาไทรกับข้าราชการซึ่งได้เข้าไปกราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาบ่าย ๕ โมง พระยาจ่าแสนยบดี พระยาโชฎึกราชเศรษฐี เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ย่ำค่ำก็กลับออกมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับตรัสด้วยราชการอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอที่ยังทรงพระเยาว์ไปจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระมงคลเทพวัดพระเชตุพน กับพระสงฆ์ ๒๐ รูปก็ได้สวดพระพุทธมนต์ อนึ่งในเวลาวันนี้ ที่วังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ได้สวดพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ ๒๐ รูปมีกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์เปนประธาน ในการทำบุญวันประสูติวันที่ ๒ มีพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการไปในที่นั้นเปนอันมาก สวมเสื้อฟร็อกโก๊ต เวลายาม ๑ พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ การเปนยุติในวันนี้

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้นค่ำ ๑ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม เวลาบ่ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขตวันตก เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๒ โมง

----------------------------

แผ่นที่ ๖๒ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ

จึงได้กราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพ พระยามหามนตรี เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาย่ำค่ำแล้ว ๕ นาที พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท จึงพระยาศรีสิงหเทพนำหลวงยุทธกิจบรรหาร กัปตันกรมทหารหน้านาย ๑ เลบเตอแนนอิกนาย ๑ กราบถวายบังคมลาไปราชการเมืองเชียงใหม่ กับพระยานครสวรรค์กราบถวายบังคมลากลับไปเมืองนครสวรรค์ด้วย พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ประมาณชั่วโมงหนึ่ง จึงกราบถวายบังคมลากลับออกมาทั้งสิ้น อนึ่งเวลาค่ำวันนี้ มีการสวดมนต์ที่วังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ ในการฉลองพระชนม์พรรษา ซึ่งประจวบรอบพระชนมายุตามจันทรคติกาล พระสงฆ์ ๕๘ รูปเจริญพระพุทธมนต์ที่ท้องพระโรงเก่าของท่าน พระบรมวงศานุวงศ์ได้เสด็จมาประชุมร่วมในการนั้นเปนอันมาก ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตราเครื่องราชอิศริยยศบ้าง ไม่ได้ทรงบ้าง

โดย คัคณางคยุคล

แผ่นที่ ๖๓ ออกวันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๓ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้ามีการเลี้ยงพระในการทำบุญวันประสูติ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาจวนย่ำค่ำกลับออกจากที่เฝ้า เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พร้อมกัน เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

เวลาค่ำวันนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ไปเสวยพร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเชิญนั้นมีความว่า “ทูลมาให้ทราบ ด้วยุณวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ๑๒๓๘ นี้ เปนวันสงกรานต์ รอบอาทิตย์โคจรต้องวันเกิด ขอเชิญเสด็จ (ใส่พระนาม) มาประชุมพร้อมที่บ้าน ให้เปนสวัสดิมงคลตามที่เคยนับถือมา ขอเชิญเสด็จ ณวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลา ๒ ทุ่มพร้อมกัน (เซ็นพระนามเปนอักษรอังกฤษว่า) มหามาลา” พระบรมวงศานุวงศ์ที่เชิญนั้น คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวรศักดาพิศาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๖๔ ออกวันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๓ ค่ำ

พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๓ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ พระเจ้านองยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงคฤทธิ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ พระประพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ ๑ หม่อมเจ้าวงกฎ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ หม่อมเจ้าเจริญ ๑ หม่อมเจ้านิลวรรณ์ ๑ รวม ๓๘ พระองค์ แต่พระบรมวงศานุวงศ์ที่ไม่ทรงสบายเสด็จมาไม่ได้นั้น คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ เวลา ๒ ทุ่ม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภา ทรงรถพระที่นั่งพร้อมขบวรหน้าหลัง ไปประทับประตูวังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ในขณะนั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ก็เสด็จออกมารับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่ตำหนักใหม่ ทรงพระราชทานสายพระราชหัดถเลขาแลดุมโอปอสำรับหนึ่ง แก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ในพระราชหัดถเลขานั้นมีความว่า “สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้ากรุงสยาม ขอแสดงความยินดีมายังพระองค์ท่าน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ อธิบดีในกรมพระคลังมหาสมบัติ ด้วยพระชนมายุของพระองค์ท่านเจริญโดยลำดับนับแต่ณวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้นค่ำ ๑ ปีเถาะนักษัตรเอกศก ศักราช ๑๑๘๑ ซึ่งเปนวันประสูติเดิมนั้นมา จนถึงวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ วันนี้

----------------------------

แผ่นที่ ๖๕ ออกวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๔ ค่ำ

ตามคติพระอาทิตยโคจรในจักรราษี ได้ ๕๗ รอบบริบูรณ์ หม่อมฉันมีความยินดีจัดได้ดุมโอปอสำรับหนึ่ง มาเฉลิมในการมงคล ขอให้ทรงเจริญพระชนมายุพรรณสุขพล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคลทุกประการ ได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินให้เจริญเปนเกียรติยศ ในพระบรมราชวงศ์นี้สืบ ไปสิ้นกาลนาน เทอญ

อำนวยพรมาณวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เปนวันที่ ๒๗๒๒ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (เซ็นพระราชหัดถ์) จุฬาลงกรณ์” ครั้นพระราชทานแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโต๊ะเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับกลางโต๊ะ ข้างขวาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ข้างซ้ายกรมหลวงวรศักดาพิศาล ต่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ๑ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ๑ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ ๑ หัวโต๊ะ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภน ๑ ต่อกรมหลวงวรศักดาพิศาล กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ กรมหมื่นอักษรสาสนโสภณ ๑ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๑ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ หัวโต๊ะ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ๑ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ ต่อพระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระองค์เจ้ามนุษย์นาคมานพ ๑ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ ต่อพระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระองค์เจ้าสิงหนาท ๑ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์ ๑ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ (นั่งตามโต๊ะขวาง)

แผ่นที่ ๖๖ ออกวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๔ ค่ำ

ต่อพระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ๑ พระองค์เจ้าไชยานุชิต ๑ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ ๑ หม่อมเจ้านิลวรรณ ๑ หม่อมเจ้าวงกฎ ๑ หัวโต๊ะ หม่อมเจ้าเจริญ ๑ หม่อมเจ้าปรีดา ๑ ต่อพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระองค์เจ้าชิดเชื้อพงศ์ ๑ พระองค์เจ้าฉายเฉิด ๑ พระองค์เจ้าประเสริฐศักดิ์ ๑ (นั่งตามโต๊ะยาว) ครั้นเสวยเครื่องหวานแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงยืนขึ้นในที่ประชุม พระราชทานพรแก่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ มีความว่า “เวลาวันนี้ เจ้านายได้มาประชุมพร้อมกันในที่นี้ เปนการมงคลดีแล้ว จะได้ช่วยกันถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ แต่จะต้องกล่าวสรรเสริญความดีในพระองค์ของท่าน ซึ่งได้รับราชการที่ว่ามาแล้วในปีก่อน ๆ /*103/คือได้บังคับในกรมวังต่าง ๆ และเปนอธิบดีในกรมพระคลังมหาสมบัติ แลอื่น ๆ นั้นเรียบร้อยดี พระองค์ท่านเห็นแก่แผ่นดินแต่มีความรักข้าพเจ้าโดยสุจริต ก็ในคราวนี้ เมื่อเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายก ได้ยกทัพขึ้นไปปราบพวกจีนฮ่อ ราชการฝ่ายกรมมหาดไทยข้างนี้ท่าน ก็ได้ทรงเปนพระธุระ จัดการโดยเต็มพระสติปัญญาแลความรู้ แลการอื่น ๆ อีกซึ่งเปนการแผ่นดินนี้ ท่านก็ได้ทรงคิดอ่านจัดการนั้น โดยเต็มพระสติปัญญาแลความรู้ของพระองค์ท่าน แลควรจะนับได้ว่าเปนที่หนึ่งในราชการ แลสติปัญญาแลความรู้ของพระองค์ท่านยิ่งกว่าพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวงในเวลานี้ เพราะฉนั้นขอพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวงจงช่วยถวายพระพร ให้พระองค์ท่านดำรงพระชนมายุสุขพลปฏิภาณคุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิพิพัฒนมงคล ทุกประการ ได้ช่วยคิดอ่านราชการแผ่นดิน แลช่วยรักษาพระบรมวงศานุวงศ์ต่อไปในอนาคตกาล เทอญ

ครั้นทรงพระราชทานพรแล้ว ก็ประทับยังเก้าอี้อย่างเดิม แตรก็เป่าเพลงสรรเสริญพระบารมีประมาณครู่หนึ่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ก็ทรงยืนขึ้นใน ที่ประชุม ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความว่า “พระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งได้มาประชุมในวันนี้ จงช่วยกันถวายไชยมงคลแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระเจริญสุขสวัสดิพิพัฒนมงคล ดำรงอยู่ในราชสมบัติจงสิ้นกาลนาน สิ่งไรซึ่งเปนที่กีดขวางในพระราชหฤทัย ขอจงสำเร็จไปโดยพระราชประสงค์ทุกประการ เทอญ” ครั้นถวายพระพรแล้ว ก็ประทับลงตามเดิม แตรก็เป่าเพลงสรรเสริญพระบารมี เวลา ๔ ทุ่มเศษ เสด็จพระราช

----------------------------

แผ่นที่ ๖๗ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ ขึ้น ๕ ค่ำ

ดำเนิรแต่โต๊ะเสวย มาประทับที่เฉลียงตำหนักอยู่ประมาณครู่ใหญ่ เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับที่ห้องรับแขก ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลา ๒ ยาม เสด็จเจ้าพระบรมมหาราชวัง ในเวลาวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ทรงตราราชอิศริยยศ แลสายสพายมหาวราภรณ์ พระบรมวงศานุวงศ์ทรงฉลองพระองค์อิวนิงเดรศ ติดตราราชอิศริยยศตามที่ได้รับพระราชทาน อนึ่งคำสปีชซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ทรงสปีชในท่ามกลางที่ประชุมในวันนี้ ข้าพเจ้าอธิบายยังไม่ถี่ถ้วน อธิบายแต่ที่จำได้ ถ้าทราบความแน่ประการใดแล้ว จึงจะแจ้งความต่อภายหลัง

โดย มนุษย์นาคมานพ

ณวันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๗ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เจ้าพระยามหินทรศักดิธำรง เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาย่ำค่ำกราบถวายบังคมลากลับออกมา แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหญ้า พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ แต่ข้าราชการใหญ่น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทพร้อมกัน พระยาศรีสิงหเทพจึงนำใบบอกพระรัตนโกษาข้าหลวงกับเจ้าเมืองกรมการเมืองตาก กราบบังคมทูลพระกรุณา ๔ ฉบับ ๆ ๑ มีความว่า ได้ส่งเงินค่าตัดตอไม้ที่ชำรุดได้เปนเงินตรา ๔๙ ชั่ง ๓ ตำลึง ฉบับ ๒ ได้ชำระความผู้ร้ายแล้ว ๓ เรื่อง ฉบับ ๓ ว่า ด่าน ๔ ตำบลเปนที่สำคัญ ขอรับพระราชทานเลขพวกเกณฑ์ตัดตอไม้ ๘๐ คน ให้เจ้าเมืองกรมการไปตรวจตรารักษา อนึ่งที่ ๓ ตำบล ตำบลวังเจ้า ๑ ตำบลสุดชม ๑ ตำบลสุดเกาะ ๑ แขวงเมืองเชียงเงิน เขียงทอง เปนที่ผู้ร้ายซ่องสุม จะขอรับพระราชทานเลขเกณฑ์ตัดตอไม้ ๘๐ คน ผลัดกันตรวจตรารักษาตำบลละ ๓๐ คน ฉบับ ๔ มีความว่า พวกตองซู่แลจีนพ่อค้า

----------------------------

แผ่นที่ ๖๘ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ ขึ้น ๕ ค่ำ

ประมาณ ๕๐ คน ๖๐ คน มาค้าขายในเมืองตาก แล้วมาเล่นไพ่ที่ศาลา นายด่านไปเอาตัวนายบ่อนมาห่างจากที่นั้นประมาณ ๒ เส้น ได้ยินเสียงปืนยิงขึ้นที่ศาลา ครั้นนายด่านไปดู เห็นตองซู่ถูกปืนตายคนหนึ่ง จะเปนผู้หนึ่งผู้ใดยังไม่ทราบ แต่เห็นมีปืนทั้งพวกตองซู่แลพวกจีน ความเรื่องนี้ยังไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดมาฟ้อง ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใดมาฟ้องจึงจะบอกลงมากราบทูลพระกรุณาให้ทราบต่อภายหลัง ประทับอยู่จนเวลาทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย มนุษย์นาคมานพ

ณวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่ายประมาณ ๓ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารอยู่ประมาณ ๔๐ นาทีเศษเสด็จขึ้น ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกประทับสนามหญ้าตามเคยเหมือนอย่างทุกวัน พระยาศรีสิงหเทพได้อ่านบอกพระยาเทพาธิบดีศรีณรงคฦๅไชย ผู้ว่าราชการกับกรมการเมืองพิจิตร ว่าด้วยเรื่องผู้ร้ายไทยจีน ซึ่งปล้นบ้านตองซู่ตามความที่ได้ชำระ แต่ว่าจ่าห้าวยุทธการข้าหลวงได้ไปถึงแลได้ชำระความผู้ร้ายเรื่องหนึ่งแล้วเสร็จ ฉบับหนึ่งบอกพระยาอุไทยมนตรี ผู้ว่าราชการกับกรมการเมืองปราจีนบุรี บอกว่าด้วยการที่จับผู้ร้ายขึ้นปล้นบ้านขุนชาติชิงไชย นายกองลาวอาสาจับได้อ้ายอินผู้ร้ายเปนต้นกับพวกพ้องอิก ๑๒ คน แต่ที่จับไม่ได้อิกนั้นยังให้ตามจับต่อไป เมื่อได้ความอิกประการใดจึงจะบอกลงมาให้กราบบังคมทูลพระกรุณาต่อครั้งหลัง อิกฉบับหนึ่งเปนสำเนาสารตรา ซึ่งจะได้บังคับไปในหัวเมืองเอก โท ตรี จัตวา ปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือ ให้เจ้าเมือง กรมการ อำเภอ ดูแลตรวจตราเปนธุระในการซึ่งราษฎรจะซื้อขายโคกระบือให้แข็งแรง แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรตั้งให้นายเหมาบุตรเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนที่สมุหพระกลาโหม เปนหลวงจักรยานานุพิจารณ์ ผู้ช่วยราชการในกรมเรือกลไฟ ให้ถือศักดินา ๗๐๐ แล้ว เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

แจ้งความ

ด้วยแผ่นที่ ๕๘ ด้านหน้า บันทัดที่ ๑๒ ซึ่งมิได้ลงชัดว่าเปนซองอะไรแน่นั้น คือว่าพระราชทานซองบุหรี่ทอง ซองนั้นเปนซองกาไหล่

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๖๙ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๖ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๖ วัน ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน ๑ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ พระยาพิพัฒนโกษา ๑ หลวงโกษานุการสวัสดิ ๑ หลวงมนตรีนิกรโกษา ๑ ขุนอักษรสมบัติเสมียนตรากรมท่า ๑ รวม ๖ นำมองซิเออกาเนีย กงสุลฝรั่งเศส ๑ บาดหลวงล่ามฝรั่งเศส ๑ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารด้านตวันออก เฝ้าอยู่จนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ กราบถวายบังคมลากลับออกมา

เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย พระยาศรีสิงหเทพจึงนำใบบอกพระยาเทพประชุนแลหลวงสุริยามาตย์ ข้าหลวงเมืองเชียงใหม่ ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ๓ ฉบับ ๆ หนึ่งมีความว่า ได้ชำระความที่เมืองเชียงใหม่แล้วไป ๙๐ เรื่องเศษ แลเพลิงติดขึ้นที่เรือนหลวงอภิบาลภูวนาถ เลบเตอแนนต์ แล้วเพลิงลามมาไหม้เรือนพระยาเทพประชุน ๆ เก็บได้ตราทุติยจุลจอมเกล้ากับเครื่องยศของพระยาเทพประชุนได้บ้าง สูญไปในเพลิงบ้าง แต่บาญทั้งปวงนั้นเพลิงไหม้เสียสิ้น พระยาเทพประชุนจะขอรับพระราชทานเครื่องยศซึ่งเพลิงไหม้นั้นเปลี่ยนใหม่ ฉบับ ๒ มีความว่า นายน้อยคำเชียงซึ่งขึ้นไปราชการเมืองเชียงแสนนั้น กลับลงมาถึงเมืองเชียงใหม่แล้ว ฉบับ ๓ มีความว่า เจ้านครเชียงใหม่มาหาฤๅด้วยจะของดเงินค่าตัดตอไม้ ซึ่งจะจ่ายการในเมืองเชียงใหม่นั้นไว้ก่อน จะขอหักเงินที่เจ้านครเชียงใหม่ได้จากกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่จนเวลาทุ่ม ๑ เสด็จขึ้น

แจ้งความ

คำซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสปีชในที่ประชุมพระราชทานพร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา

----------------------------

แผ่นที่ ๗๐ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๖ ค่ำ

กรมพระบำราบปรปักษ์ที่วังท่าน ในการทำบุญวันประสูติตามพระอาทิตยโคจรครบรอบจักรราษี ในวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ ข้าพเจ้าสืบได้ความแน่ดังนี้ “เวลาวันนี้ เจ้านายได้มาประชุมพร้อมกัน ในวันซึ่งเปนการมงคลทำบุญวันประสูติ ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ ก็ควรที่จะพร้อมกันถวายพรพระองค์ท่านในเวลาวันนี้ แต่ฉันต้องกล่าวการซึ่งเปนความดีในพระองค์ท่านได้ช่วยในราชการแผ่นดินต่าง ๆ ก่อนที่จะถวายพร เพื่อจะได้เปนที่เลื่อมใสยินดีของเจ้านายทั้งปวง จะได้รฤกถึงความดีของพระองค์ท่าน แล้วแลตั้งใจถวายพรให้ท่านทรงพระเจริญ ก็แลการซึ่งจะยกย่องสรรเสริญท่านในเวลาวันนี้นั้น ถ้าจะว่าให้หมด ก็ต้องซ้ำคำเก่า ๆ ซึ่งฉันได้กล่าวแล้วทุก ๆ ปี คือ พระองค์ท่านได้รับราชการในกรมวังต่าง ๆ แลได้รับเปนใหญ่ที่อธิบดีในกรมพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งพระองค์ท่านได้รักษาการไม่ให้เสื่อมถอยและเจริญขึ้นทุกอย่าง แต่ยังมีวิเศษที่ควรจะกล่าวขึ้นในปีนี้นั้น คือ ครั้งนี้มีราชการทัพฮ่อมา ท่านเจ้าพระยาภูธราภัยที่สมุหนายกต้องมีราชการเปนแม่ทัพ ขึ้นไปปราบปรามข้าศึกทางเมืองเหนือ ท่านได้ทรงรับราชการในที่สมุหนายก ว่าการกรมมหาดไทยเรียบร้อยดีมาได้ แต่มิใช่แต่ในตำแหน่งที่กล่าวมาแล้ว การแผ่นดินนอกนั้นมีเหตุสิ่งไรมา ท่านก็ได้ทรงช่วยตริตรองคิดการทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเต็มพระสติปัญญาเหน็ดเหนื่อยมาก ควรจะเห็นว่าท่านทรงรักใคร่แผ่นดินจริง ๆ แลรักราชตระกูลด้วย แลรักตัวฉันทั้ง ๓ ประการ จึงได้มีอุสาหะมิได้คิดเห็นแก่การเหน็ดเหนื่อยลำบาก ควรเห็นว่าท่านเปนผู้ใหญ่ยิ่งกว่าพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวงถึง ๓ ประการ คือ ยิ่งโดยราชตระกูลอันสูงศักดิ์ แลยิ่งด้วยความรู้วิชา แลยิ่งด้วยพระปัญญาแลความเพียร ได้ช่วยทำนุบำรุงราชการแผ่นดิน มากกว่าพระบรมวงศานุวงศ์อื่น ๆ เพราะฉนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งปวง จงพร้อมพระทัยกันถวายพระพรท่าน ให้มีพระชนมายุเจริญยืนยาวสืบไป ประกอบด้วยสรรพสุขทุกประการ จะได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินแลราชตระกูลให้ถาวรยืนนานสืบต่อไป”

โดย มนุษย์นาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๕ ขึ้น ๖ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่ายโมงเศษ พระยาเจริญราชไมตรี พระยาราชวรานุกูล เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ถวายบังคมลาออกจากเฝ้า เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์

----------------------------

แผ่นที่ ๗๑ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๗ ค่ำ

พระยาพิพัฒโกษา ๑ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ จมื่นสุรเดชรณชิต ๑ หลวงโกษานุการสวัสดิ ๑ หลวงมนตรีนิกรโกษา ๑ หลวงรัตนายัติ ๑ ขุนอักษรสมบัติเสมียนตรากรมท่า ๑ นำมิศเตอปาตริชกงสุลอเมริกัน ๑ มิศเตอปาตริชบุตรกงสุลอเมริกัน ๑ มิศเตอเดอชาล่าม ๑ กับแขกเมือง ซึ่งมาจากเรือรบอเมริกัน คือ ผู้บังคับการเรือรบ ๑ ออฟฟิเซอ ๘ เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ข้างห้องน้ำเงิน ประมาณ ๑๕ นาที ก็กราบถวายบังคมลากลับออกมาจากเฝ้าทั้งสิ้น

เวลาจวนย่ำค่ำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารข้างห้องเขียว พระยาศรีสิงหเทพอ่านบอกพระยามหาอำมาตย์ส่งเงินแทนส่วยผลเร่วทูลเกล้า ฯ ถวาย ประทับอยู่ประมาณ ๒๐ นาที ข้าราชการก็กราบถวายบังคมลา แต่พระบรมวงศานุวงศ์เฝ้าอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเงินตรา ๖ ชั่ง แก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ในการที่จะรับกรม เวลาจวนทุ่มเสด็จขึ้น

โดย สวัสดิประวัติ

แจ้งความ

ด้วยได้ทราบข่าวว่ามีช้างสำคัญปลาดเข้ามาในโขลง ซึ่งเจ้าพนักงานได้ต้อนลงมาไว้ณพะเนียด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับแรมณวังจันทรเกษม กรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ ทอดพระเนตร์คล้องช้างสำคัญแลช้างอื่น ๆ แลจะได้เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นไปบ่อโพงทอดพระเนตร์ช้างสำคัญอิกช้างหนึ่งซึ่งได้ไว้แล้ว จะได้สมโภชณกรุงเทพมหานครต่อไปนั้น จะได้เสด็จพระราชดำเนิรประพาสเกาะบางปอินแลที่ต่าง ๆ เพื่อเปนที่เจริญพระราชหฤทัย กำหนดจะได้เสด็จพระราชดำเนิรณวันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

----------------------------

แผ่นที่ ๗๒ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๗ ค่ำ

ปีชวดอัฐศก ๓๒๓๘ แต่กำหนดกลับนั้นยังไม่มี คงจะไม่กลับในก่อนวันวิสาขบูชาเปนแน่ ขอท่านทั้งหลายซึ่งจะได้เปนธุระนี้จงทราบเทอญ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๕๐ รูปมีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน เข้าไปรับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาย่ำค่ำก็กลับออกมา พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ก็เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสด้วยราชการจนเวลาทุ่มเศษ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการก็ถวายบังคมลากลับออกมาจากที่เฝ้า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ก็เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ประมาณครู่หนึ่งก็กลับออกมา

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

แผ่นที่ ๗๓ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำ

ณวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า พระสงฆ์เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง แลฉันเช้าที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ตามธรรมเนียมซึ่งเคยมีในวันพระเหมือนแต่ก่อน เวลาย่ำเที่ยงแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านตวันตก เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เฝ้าอยู่จนเวลาบ่ายโมงเศษจึงได้กราบถวายบังคมลากลับออกมา เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภา ประทับสนามหญ้าพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ที่นั้น เจ้าพนักงานกรมราชบัณฑิตแลกรมช่างรักนำพระพุทธรูปแลพระธรรมทูลเกล้า ฯ ถวาย ทรงปิดทองเสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรทรงรถพระที่นั่ง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ตามเสด็จพระราชดำเนิรบนรถพระที่นั่ง ออกทางประตูวิเศษไชยศรีเลี้ยวลงถนนบำรุงเมือง ประทับวัดราชบพิธ ทรงทอดพระเนตร์การต่าง ๆ ในพระอุโบสถ เวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรกลับจากวัดราชบพิธ ทรงรถพระที่นั่งเสด็จมาประพาสในสวนสราญรมย์เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรมาประทับที่พระที่นั่งซึ่งทำใหม่ในราชอุทยาน ตรัสกับพระบรมวงศานุวงศ์อยู่จนเวลาทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรกลับประทับสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าอยู่ที่นั้น จึงทรง กรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ เสด็จไปจุดเทียนที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ตามธรรมเนียมวันพระซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย คัคณางคยุคล

แผ่นที่ ๗๔ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาประมาณบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ๑ พระนรินทรเสนี ๑ นฎเจ้าพระยาไทรบุรีกับหลวงโกชาอิศหากล่าม เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เฝ้าอยู่ประมาณ ๔ โมงเศษ กราบถวายบังคมลากลับออกมา

เวลาจวนย่ำค่ำ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทใหญ่น้อย เข้าเฝ้าณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระยาศรีสิงหเทพ จึงนำใบบอกพระยาราชเสนา ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา ๓ ฉบับ บอกพระยาวิเศษฦๅไชยผู้ว่าราชการเมืองฉะเชิงเทราฉบับหนึ่ง บอกพระยาพนมศก ๓ ฉบับ บอกพระยาราชเสนาข้าหลวงฉบับหนึ่ง มีความว่า ได้ทราบในท้องตราซึ่งมีขึ้นไปว่า นักองค์วัตถาหนีขึ้นไป ให้พระยาราชเสนาจัดกรมการเมืองปราจิณบุรีไปสกัดด่านทางไว้ทุกตำบลนั้นแล้ว แลพระยาราชเสนาได้ทำตามท้องตราทุกประการ ฉบับ ๒ มีความว่า ผู้มีชื่อออกไปเก็บศิลาที่ภูเขากลางป่า พบนักองค์วัตถากับเขมรพักอยู่ในป่านั้น ฉบับ ๓ มีความว่า พระยาราชเสนาข้าหลวงได้แต่งคนออกเที่ยวสืบดูตามตำบลบ้านเขมร แลที่บ้านสวนไร่นาของนักองค์วัดถาก็หาได้ข่าวคราวไม่ ว่านักองค์วัตถาอยู่แห่งหนตำบลใด บอกพระยาวิเศษฦๅไชยผู้ว่าราชการเมืองฉะเชิงเทราฉบับหนึ่งมีความว่า ได้ทราบความในท้องตราแล้ว ได้แต่งให้กรมการไปสกัดด่านทุกทางทุกตำบล กับได้จัดกรมการแลทหารให้ไปส่งจมื่นทิพเสนาด้วย บอกพระยาพนมศก ๓ ฉบับรวมกันมีความว่า องค์สมเด็จพระนโรดมมีการเลี้ยงโต๊ะ ให้ไปเชิญแอดมิแรลมากินโต๊ะ แอดมิแรลก็หามาไม่ คราวหนึ่งแอดมิแรลทำรูปองค์สมเด็จพระนโรดมมาให้ องค์สมเด็จพระนโรดมหาชอบไม่ว่ากล่าวติเตียนรูปนั้น แอดมิแรลโกรธจึงเอารูปนั้นทิ้งตากแดดไว้ องค์สมเด็จพระนโรดมจึงให้ทำฐานตั้งรูปนั้นไว้ คราวหนึ่งภรรยาแอดมิแรลคลอดบุตร องค์สมเด็จพระนโรดมจัดสิ่งของไปเยือน แอดมิแรลก็มาจับมือด้วย องค์สมเด็จพระนโรดม แอดมิแรลได้สร้างตึกขึ้นสองหลัง สำหรับจะให้ทหารฝรั่งเศสอยู่ เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์ แลข้าราชการใหญ่น้อย ก็กราบถวายบังคมลาออกมา

แจ้งความ

หนึ่งชาวราชการซึ่งออกในวันพฤหัสบดี เดือนหก ขึ้น ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ แผ่นที่ ๕๔ ว่าด้วยข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง ในวันอังคาร เดือนหก ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้หลวงนาสาลีเปนหลวงศรีราชรักษา ให้จีนเต้วเปนขุนประเทศ ปรีชาคฤศตจีน ในสัญญาบัตรนั้นมีความว่า ให้หลวงนาสาลีเปนหลวงศรีราชรักษา ยกกระบัตรเมืองสุพรรณบุรี ถือศักดินา ๕๐๐ ทำราชการตามตำแหน่ง ตั้งแต่บัดนี้ไป จงช่วยพระยาสุนทรสงครามพิไชยผู้ว่าราชการเมืองสุพรรณบุรีคิดอ่านราชการบ้านเมือง แลฟังบังคับบัญชาผู้ใหญ่ในเมืองนั้น แต่ที่เปนยุติธรรมแลขอบราชการ ให้เว้นการควรเว้น หมั่นประพฤติการควรประพฤติ สมควรแก่ตำแหน่งทุกประการ แลรักษาความซื่อสัตย์สุจริตต่อกรุงเทพมหานครตามอย่างธรรมเนียมผู้ที่อยู่ในตำแหน่งเช่นนี้ ขอให้มีความสุขสวัสดิเจริญเทอญ ตั้งแต่วันอาทิตย์ เดือนห้า แรม ๘ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนปีที่ ๙ ของตราดวงที่ประทับนี้ ประจำการแผ่นดินสยาม เปนวันที่ ๒๗๖๔ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (พระราชหัดถ) สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ แลมีพระราชลัญจกร ๔ องค์ในสัญญาบัตรนี้ ตามอย่างธรรมเนียมที่เคยประทับในสัญญาบัตรมาแต่ก่อน อิกฉบับ ๑ ความว่า ให้จีนเต้วเปนขุนประเทศปรีชาคฤศตจีนนายอำเภอ สำหรับรับธุระว่ากล่าวฝ่ายจีนที่ถือสาสนาโรมันกาทอลิก บรรดาอยู่ในแขวงเมืองฉะเชิงเทราทั้งสิ้น ให้ถือศักดินา ๕๐๐ จงฟังบังคับบัญชาผู้ว่าราชการเมืองฉะเชิงเทราแต่ที่เปนยุติธรรมแลขอบด้วยราชการ ถ้าจีนผู้ถือสาสนาโรมันกาทอลิกวิวาทเกี่ยวข้องในพวกกันเองเปนความเล็กน้อย ก็ให้ว่ากล่าวตัดสินให้แล้วแก่กัน ถ้าจีนทั้งสองฝ่ายมิยอมกัน ฤๅเปนความใหญ่จะต้องถึงสินไหมพินัยก็จงส่งผู้ต้องคดีไปยังผู้ว่าราชการเมืองกรมการ ให้พิจารณาตามกฎหมาย

----------------------------

แผ่นที่ ๗๕ ออกวันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ

ถ้าจีนพวกอื่น ฤๅคนอื่น ๆ ฟ้องจีนพวกถือศาสนาโรมันกาทอลิก ก็ให้นำเกาะส่งตัวจีนผู้จำเลย ไปชำระความตามบ้านเมือง ถ้าจีนโรมันกาทอลิกจะฟ้องคนอื่น ๆ ก็ให้นำไปฟ้องต่อผู้ว่าราชการเมืองกรมการ แล้วให้ไปฟังผิดแลชอบด้วย ถ้าเห็นว่าชำระตัดสินไม่เปนยุติธรรม ก็ให้ทำผัดไว้แล้วทำเรื่องราวมายื่นต่อพระวิเศษสงครามรามภักดี จางวางกรมทหารแม่นปืนใหญ่ ให้ขึ้นเรียน ฯพณฯ สมุหนายก จะได้บัญชาการไปตามควร แลการอื่น ๆ นอกนั้นจงประพฤติให้ถูกต้องตามบังคับในท้องตราทุกประการ จงเจริญสุขสวัสดิ ทำราชการตั้งแต่บัดนี้ไป ตั้งแต่ณวันพฤหัสบดี เดือนห้า แรม ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เปนปีที่ ๙ ของตราดวงที่ประทับนี้ ประจำการแผ่นดินสยาม เปนวันที่ ๒๗๖๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ (พระราชหัดถ) “สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์” แลมีพระราชลัญจกรประทับ ๔ องค์ ตามอย่างตามธรรมเนียม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานสัญญาบัตรนี้ ในข่าววันอังคาร เดือนหก ขึ้น ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ข้าพเจ้ายังหาได้ใส่ไม่ จึงแจ้งความมาให้ทราบ ขอท่านทั้งหลายจงทราบ เทอญ

โดยมนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

----------------------------

แผ่นที่ ๗๖ ออกวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

นิทานเก่าเรื่องช้างกับหมาจิ้งจอก

ในกาลก่อนยังมีช้างสารข้างหนึ่งมีนามปรากฏชื่อว่ากับปุระ อาศรัยอยู่ในป่าใกล้หนองอันหนึ่ง แลมีสุนัขจิ้งจอกสุนัขหนึ่งชื่อว่ากาฬสิงคะ พาบริวารมาอาศรัยอยู่ใกล้หนองนั้นด้วย วันหนึ่งสุนัขจิ้งจอกได้เห็นช้างสารนั้นจึงกล่าวแก่บริวารแห่งตนว่า ท่านทั้งหลายจะใคร่กินช้างสารนี้ฤๅ เราจะคิดกลอุบายฆ่าช้างสารนี้ให้ท่านทั้งหลายกินไปกว่าจะตลอดฤดูฝนนี้ให้จงได้ สุนัขจิ้งจอกซึ่งเปนบริวารจึงตอบว่า ตัวท่านเปนสัตว์ตัวน้อย ซึ่งท่านจะคิดอ่านกินช้างสารนั้นเห็นจะไม่สมประสงค์ สุนัขจิ้งจอกผู้นายจึงตอบว่า อันธรรมดาสัตว์ทั้งหลายนี้ถึงตัวใหญ่ฤๅเล็กนั้นไม่เปนประมาณ สุดแล้วแต่ปัญญา เมื่อมีความฉลาดแล้วแม้ถึงตัวเล็กคงคิดฆ่าสัตว์ใหญ่ได้ ถ้าท่านทั้งหลายทำตามคำของเราคงจะได้กินช้างสารนี้เปนแท้ สุนัขบริวารจึงตอบถ้อยคำสุนัขจิ้งจอกผู้เปนนายว่า ข้าพเจ้าจะทำตามถ้อยคำแห่งท่าน แล้วแต่ท่านจะคิดประการใดก็ตามแต่ปัญญา ฝ่ายสุนัขจิ้งจอกซึ่งเปนนายจึงแบ่งกันออกไปเปนสองพวก พวกหนึ่งให้คอยอยู่ที่หนองใหญ่นั้น พวกหนึ่งให้ไปด้วยกับตน แล้วจึงพากันตรงไปยังช้างสาร ค่อยนบนอบหมอบคลานเข้าไป ซบศีร์ษะลงที่เท้าช้างสารแล้วจึงกล่าวถ้อยคำว่า ข้าแต่พระยาช้างผู้มีศักดาเดชานุภาพอันใหญ่ยิ่งกว่าสัตว์ทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอเชิญท่านไปเปนนายครอบครองสั่งสอนแห่งพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ๆ จะยอมตัวอยู่ในโอวาทแห่งท่านทั้งสิ้น ช้างสารจึงถามว่า ท่านนี้มีนามกรเปนประการใด เหตุไฉนจึงมากล่าวดังนี้ อันวิสัยสัตว์อันมีรูปกายต่างชาติต่างพรรณกัน จะอยู่ด้วยกันยังไรได้ สุนัขจิ้งจอกจึงตอบว่า ข้าพเจ้าผู้มีชื่อว่ากาฬสิงคะ สุนัขจิ้งจอก เพราะว่าเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในบ้าน ได้ประชุมปฤกษาเห็นพร้อมกันว่า เราทั้งหลายไม่มีใครเปนใหญ่ที่จะตัดสิน ชี้ขาดในอรรถคดีแห่งวิวาทซึ่งกันแลกัน อยู่แต่ลำพังแห่งตน ๆ ไหนเลยจะมีความสุข สัตว์ทั้งหลาย

----------------------------

แผ่นที่ ๗๗ ออกวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ

ที่อยู่ในป่านี้จึงพร้อมกันว่า ท่านพระยาช้างนี้มีสติปัญญาอานุภาพมากกว่าสัตว์ทั้งปวง สมควรเปนนายได้ สัตว์เหล่านั้นจึงใช้ให้ข้าพเจ้ามาเชิญท่านพระยาช้าง ให้เปนนายบังคับบัญชาสั่งสอนสัตว์ทั้งหลายซึ่งอยู่ในป่านี้ ช้างสารได้ยินดังนั้นก็สำคัญคิดว่าจริง โดยจิตรนิยมแต่ในที่จะเปนใหญ่ ไม่ทันที่จะได้ตริตรองให้เห็นเหตุแห่งกลอุบาย จึงรับคำว่า ถ้าสัตว์ทั้งปวงเห็นพร้อมกันฉนั้นแล้ว เราก็จะรับบังคับบัญชาท่านทั้งหลายให้ได้ความสุขโดยประสงค์ ฝ่ายกาฬสิงคะได้ฟังดังนั้นก็มีความยินดี จึงตอบว่า ถ้ากระนั้นข้าพเจ้าจะลาท่านกลับไปบอกแก่สัตว์ทั้งหลายในป่าให้ทราบก่อน จะได้ช่วยกันตระเตรียมจัดที่ทางซึ่งจะได้สมมุติท่านขึ้นเปนใหญ่ แลจะได้หาที่กินที่นอนให้สมควรแก่ท่าน แล้วสุนัขจิ้งจอกผู้เปนนายจึงให้สุนัขจิ้งจอกบริวารทั้งหลายอยู่ด้วยช้างบ้าง ไปกับคนบ้าง ก็รีบกลับมาที่หนองนั้น ชวนกันเที่ยวหาที่อันแยบคายซึ่งจะทำร้ายช้างสารได้โดยง่าย จึงเห็นเกาะตั้งอยู่ในกลางหนองใหญ่ มีหล่มฦกโดยรอบ จึงให้สุนัขเหล่านั้นข้ามไปอยู่ที่กลางเกาะแล้ว กำชับสั่งว่า ถ้าช้างสารมาถึงแล้วท่านทั้งหลายจงพร้อมกันหอนเห่าร้องขึ้นให้ก้องกึกครึกครื้นพร้อมกัน แล้วจงประชุมกันอยู่ในเกาะนี้ ครั้นสั่งกันดังนั้นแล้วก็กลับมายังท่ามกลางจึงบอกว่า ข้าแต่พระยาช้างผู้เปนใหญ่ ข้าพเจ้าได้ไปแจ้งความแก่สัตว์ทั้งหลายว่าท่านจะรับเปนใหญ่ในพวกข้าพเจ้า สัตว์ทั้งหลายมีความยินดีพร้อมกันอยู่ที่เกาะซึ่งตั้งอยู่ในกลางหนองใหญ่นั้นแล้ว เกาะนั้นเปนชัยภูมิดี สัตว์ซึ่งเปนใหญ่มาแต่ก่อนก็เคยอยู่มาในที่นั้น สมบูรณ์ด้วยต้นไม้แลใบหญ้า ทั้งท่าน้ำเรียบราบเปนอันดี คิดกันว่าจะสมมุติซึ่งท่านเปนใหญ่ในที่นั้น ช้างสารได้ฟังดังนั้นก็หลงด้วยอุบายตายใจ ก็รีบดุ่มเดิรมายังหนองใหญ่ กาฬสิงคะกับบริวารทั้งหลายก็พากันแวดล้อมแห่ห้อมช้างสารมาโดยรอบ ครั้นมาถึงเกาะแก้ว สุนัขจิ้งจอกทั้งหลายซึ่งอยู่ในเกาะนั้นจึงชวนกันหอนเห่าเสียงอื้ออึงอึกกระทึกขึ้นพร้อมกัน กาฬสิงคะจึงบอกว่าเกาะซึ่งตั้งอยู่ที่กลางหนองโน้น ข้าพเจ้าทั้งหลายได้จัดตระเตรียมไว้ เพื่อจะสมมติท่านขึ้นเปนใหญ่ในที่นั้น ขอเชิญท่านเดิรตามข้าพเจ้าลงมาเถิด แล้วกาฬสิงคะก็เดิรนำลงไปในที่หล่มอันฦก ฝ่ายช้างสารผู้โฉดเขลาไม่พิจารณาดูโดยแยบคาย ก็ขมีขมันรีบลงไป ครั้นถึงที่หลมอันฦกก็ตกหล่ม ไม่อาจถอนเท้าขึ้นได้ กาฬสิงคะจึงร้องบอกแก่บริวารทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายจงรีบมาโดยเร็วเถิด บัดนี้พระยาช้างผู้จะมาเปนนายแห่งเราติดหล่มอยู่ไปไม่ได้แล้ว

----------------------------

แผ่นที่ ๗๘ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

จงมาช่วยกันฉุดให้พร้อมกันในบัดนี้ ฝูงสุนัขจิ้งจอกทั้งหลายก็ทำอาการปานประหนึ่งว่าจะช่วย บ้างก็หอนอยู่บนเกาะ แล้วก็ยื่นหางลงมาร้องบอกว่า ท่านพระยาช้างจงฉุดหางข้าพเจ้าขึ้นมาเถิด บ้างก็ลงมาทำทีโกยเปือกตม บ้างก็โดดขึ้นบนศีร์ษะช้าง แล้วก็ถ่ายมูตรรดตาช้างลงทั้งสอง ข้างช้างสารผู้โฉดเขลาก็มีจักษุบอดจนถึงแก่ความตายในที่นั้น สุนัขจิ้งจอกทั้งหลายก็ลงมากลุ้มรุมกันกินช้างสารเปนอาหารแล

อันนิทานพระยาช้างซึ่งกล่าวไว้นี้ เปนความอุปมาเพื่อจะให้เห็นว่าผู้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงให้เกินศักดิ์ ก็เปนเหตุที่จะให้ได้ความเดือดร้อนใจ บางที่จนเปนอันตรายแก่ชีวิต เพราะกุศลหนหลังไม่ได้แต่งไว้ ถ้ากุศลหนหลังสั่งสมอบรมไว้ แม้จะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเปนที่ขัดข้องอยู่ ก็อาจจะอันตรธานสูญไป คงจะได้ช่องได้โอกาสให้การลุล่วงไปได้โดยประสงค์ ถ้ากุศลหนหลังไม่ได้สั่งสมอบรมไว้ แม้จะมีผู้ประคับประคองอุดหนุนค้ำชูให้รุ่งเรืองถาวร ก็จะเปนไปได้โดยกำลังที่เปนไปก็ชั่วครั้งหนึ่งคราวหนึ่งเท่านั้น

อนึ่งว่าด้วยผู้ใหญ่ไม่มีจิตรเมตตากรุณาแก่ผู้น้อย คิดอุบายที่จะให้ได้ความร้อนแลให้ถึงแก่ชีวิต โดยผู้น้อยไม่มีที่แอบอิงอาศรัย ที่เปนเหตุที่จะให้ทำได้โดยประสงค์ ถ้าผู้น้อยมีที่พึ่งพิงอาศรัยแม้ถึงจะคิดทำอันตรายที่ได้โดยยาก อุปมาดังนิทานนกมูลไถซึ่งกล่าวไว้แต่โบราณฉนี้

นิทานนกมูลไถกับเหยี่ยว

ในกาลปางก่อนยังมีนกมูลไถตัวหนึ่ง มาละถิ่นฐานซึ่งเปนวิสัยของตนเสีย แล้วบินไปกินน้ำในบ่อน้ำตำบลหนึ่ง ขณะเมื่อนกมูลไถดื่มน้ำอยู่นั้น มีเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบเอาตัวไป นกมูลไถก็โศกเศร้าเสียใจบ่นร่ำไรว่า โอ้เรานี้ไม่รู้ประมาณมาละถิ่นฐานของตน จึงต้องเปนอาหารของท่านหนอ ถ้าแม้นเราอยู่ในที่ของเราแล้วพอจะคิดสู้รบลองกำลังได้บ้าง ครั้นเหยี่ยวได้ยินดังนั้นจึงท้าทายว่า เฮ้ย นกมูลไถน้อย มึงตกอยู่ในเงื้อมมือของกูจะต้อง

แผ่นที่ ๗๙ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ

ตายด้วยปลายเล็บของกูแล้วไม่รู้ฤๅ เหตุไฉนมึงไม่ปลงจิตรถึงความตาย ยังคิดถึงถิ่นฐานของตนมาบ่นเพ้อว่าจะสู้รบลองกำลังอิกเล่า จึงอยากลองกำลังด้วยกูอิกฤๅ นกมูลไถจึงตอบว่า ดูกรท่านเหยี่ยว บัดนี้ข้าพเจ้าตกอยู่ในเงื้อมมือของท่าน ถ้าแม้นท่านปล่อยข้าพเจ้าให้ไปถึงถิ่นฐานของข้าพเจ้าแล้วไซ้ ข้าพเจ้าจะขอคิดอ่านลองกำลังผจญกับท่านพอจะได้บ้าง เหยี่ยวตอบว่าเออกูจะปล่อยมึงไป เองรีบไปคิดอ่านลองกำลังด้วยกูให้เร็ว ๆ เถิด ถ้ามึงไม่สู้รบกับกูแล้ว กูจะกินมึงเสียทั้งเจ็ดชั่ววงศาของมึงให้สิ้น ถ้ากูไม่สู้รบกับมึงแล้วมึงจงกินตัวกูเถิด ครั้นกล่าวดังนั้นแล้ว เหยี่ยวก็ปล่อยนกมูลไถไป นกมูลไถก็รีบไปยังหลุมรอยเท้าโค ที่มีก้อนดินแห้งแตกระแหงอยู่ ซึ่งเปนวิสัยที่อยู่แห่งตน ครั้นถึงปากหลุมแล้วจึงร้องท้าทายแก่เหยี่ยวว่า แนะท่านเหยี่ยว ถ้าท่านจะลองกับเราแล้ว ท่านจงรีบลงมาเร็วๆเถิด ครั้นเหยี่ยวได้ยินดังนั้นก็โกรธนัก ร่อนลงมาด้วยกำลังแรงอันกล้า หวังจะโฉบนกมูลไถนั้นให้ตาย นกมูลไถก็วิ่งลงไปแอบที่หลุมรอยเท้าโค ครั้นเหยี่ยวโฉบลงมาอกก็กระทบก้อนดินระแหงได้ความเจ็บปวดนัก ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปไม่คิดถึงความตายเลย แล้วกลับบินขึ้นไปยังอากาศ นกมูลไถก็วิ่งออกมาที่ปากหลุมร้องท้าทายไปอิก ครั้นเหยี่ยวได้ยินก็โกรธนัก รีบร่อนลงมาโฉบอิกเปนหลายครั้ง อกกระทบดินระแหงเหยี่ยวก็ตาย ทอดกายกลิ้งอยู่ที่ปากหลุม นกมูลไถไม่ได้ยินเสียงเหยี่ยววิ่งออกมาอิก ก็เห็นศีร์ษะเหยี่ยวห้อยที่ปากหลุม ก็ยังมีความขยาดอยู่ เกลือกว่าจะเปนกลอุบาย ครั้นพิเคราะห์ดูไปจึงรู้ว่าเหยี่ยวตายเปนแน่ นกมูลไถจึงออกมา แล้วเที่ยวร้องเป่าพวกเพื่อนมาดูศพเหยี่ยวผู้ตาย แล้วก็พากันกินเหยี่ยวนั้นให้เปนอาหาร

อันนิทานนกมูลไถซึ่งกล่าวไว้นี้ ก็ประสงค์จะให้เห็นเหตุซึ่งผู้ใหญ่มีความอาฆาฎแก่ผู้น้อย ครั้นทำอันตรายแก่ผู้น้อยไม่ได้แล้ว ก็ต้องทำลายแห่งชีวิตตนเอง นักปราชญ์จึงได้ติเตียนซึ่งโทโสแลความอาฆาฎพยาบาท ว่าเปนการชั่วยิ่งนัก ความที่มีประสงค์สิ่งใดก็ไม่อาจสำเร็จไปได้ด้วยโทโสแลความอาฆาฎ แม้จะสำเร็จประสงค์ได้ ก็แต่ทรัพย์แลความอารีอารอบ ทรัพย์นี้เล่าย่อมเปนกำลังอาจที่จะให้มีอำนาจแข็งแรงได้ ดังนิทานจุลคันธดาบศ ซึ่งมีมาในโบราณฉนี้

นิทานเรื่องจุลคันธดาบศกับหนู

ในกาลปางก่อน ยังมีเมืองหนึ่งชื่อจำปานคร ในเมืองนั้นมีฤๅษีสองคน ชื่อจุลคันธ ๑ วิตากัณณะ ๑ มาอาศรัยอยู่ทิศตวันออกแห่งเมืองนั้น ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก สองฤๅษีนั้น

----------------------------

แผ่นที่ ๘๐ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๓ ค่ำ

ได้อาศรัยเที่ยวภิกขาจารในจำปานครนั้นเปนเนืองนิตย์ วันหนึ่งจุลคันธฤๅษีไปเที่ยวบิณฑบาตได้เข้าสุกมามาก ที่เหลือบริโภคนั้นใส่กระเช้าแล้วก็ไปแขวนไว้ที่ค่าคบพฤกษาต้นหนึ่ง มีหนูตัวหนึ่งอาศรัยอยู่ที่จอมปลวก ซึ่งมีในที่ใกล้อาศรมฤๅษี หนูนั้นโดดขึ้นกินเข้าสุกที่ฤๅษีแขวนไว้นั้นทุกๆวัน จนเข้าสุกนั้นน้อยลง จุลคันธฤๅษีจึงคิดประหลาดใจ ว่าเหตุไฉนหนอ เข้าสุกอาตมแขวนไว้เปนนักหนา ครั้นเวลาเช้ามาดูก็หายไปทุกวันทุกเวลา จุลคันธฤๅษีจึงคอยด้อมมองแอบดู ก็เห็นหนูโดดขึ้นกินเข้าสุก ครั้นกินอิ่มแล้วก็โดดกลับลงมา คลานเข้าไปสู่ที่อยู่แห่งตน จุลคันธฤๅษีก็เข้าใจชัดว่า ชรอยที่อาศรัยแห่งหนูนั้นจะมีทรัพย์อยู่เปนแม่นมั่น จึงชวนวิตากัณณะฤๅษีเอาเสียมไปขุดลงที่ปล่องหนูนั้น ก็ได้ทรัพย์เปนอันมาก แล้วก็ขนเอามาไว้ในอาศรมแห่งตนทั้งสิ้น ครั้นภายหลังหนูนั้นก็มากินเข้าที่แขวนไว้นั้นอีก ก็ไม่อาจจะโดดปีนขึ้นไปได้ แล้วก็ค่อยๆคลานเข้ามาหาฤๅษี มีอาการแปลกกว่าแต่ก่อน ฤๅษีก็ให้เข้าสุกหนูนั้นกิน ครั้นกินอิ่มแล้วหนูก็ค่อยคลานกลับไปยังที่อยู่ของตน เพราะฉนั้นจึงได้เห็นความชัดว่า อันทรัพย์นี้เปนกำลัง วิตากันณะดาบศจึงว่าแก่จุลคันธดาบศว่า เราได้เห็นดังนี้ก็ควรจะปลงใจลงเปนแนว่า ทรัพย์นี้เปนเครื่องจะให้เกิดมานะฮึกเหิม แลให้มีกำลังอานุภาพยิ่งใหญ่ขึ้น ดังนิทานนางโสมะนะสี ซึ่งกล่าวไว้ฉนี้

นิทานเรื่องเศรษฐีกับนางทาสี

ในกาลปางก่อน ยังมีเมืองหนึ่งชื่อจำปานคร ก็ในเมืองนั้นมีชายผู้หนึ่งมีทรัพย์มากชื่อมหาสาละ ยังมีหญิงน้อยคนหนึ่งชื่อโสมะนะสี เปนทาสีของบุรุษมหาสาละ ได้ลงไปทอหูกอยู่ที่ใต้ถุนเรือนทุกๆวัน แลหญิงน้อยนั้นเปนคนใจดีมีกิริยาเรียบร้อย แม้ใครจะแกล้งแคะไค้ด่าว่าหยาบคายอย่างไรก็ดี นางทาสีไม่โต้ตอบถุ้มเถียงวิวาทกับผู้นั้นเลย มหาสาละได้เห็นดังนั้นแล้วจึงคิดว่า ทาสีน้อยผู้นี้เพราะเปนคนยากจนจึงเปน

----------------------------

แผ่นที่ ๘๑ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๓ ค่ำ

คนใจดี ฤๅมีทรัพย์ขึ้นแล้วจะเปนไฉนหนอ จำเราจะทดลองดูให้เห็นจริง คิดแล้วมหาสาละชายผู้มั่งคั่งนั้น จึงเอาทรัพย์ร้อยกหาปณะ แกล้งไปฝังไว้ตรงเท้าลงไปที่นางทาสีนั่งทอหูกอยู่นั้น ครั้นรุ่งเช้านางทาสีลงไปทอหูกตามเคย แต่วันนั้นมีใจกระด้างดุดันทั้งกิริยาก็รื่นเริง ได้ยินคำผู้อื่นพูดโต้ตอบกัน ก็ออกถุ้มเถียงดุดันพาลวิวาทกับผู้นั้นๆ แปลกกว่าแต่ก่อน มหาสาละจึงรู้ว่า ทรัพย์นี้เปนเครื่องชูใจของมนุษย์ทั้งหลาย มักให้ฮึกเหิมถือ/*127ตัวไม่ถืออัชฌาคารวะ ก็นางทาสีน้อยนี้เปนแต่นั่งใกล้ได้กลิ่นอายแห่งทรัพย์ยังไม่เปนของตนก่อน ก็ยังฮึกเหิมขึ้นได้ถึงเพียงนี้ แล้วจึงขุดเอาทรัพย์นั้นกลับคืนมาเสีย นางโสมนะสีทาสีก็กลับเปนคนใจดี มีกิริยาเรียบร้อยอย่างเก่า อนึ่งคำโบราณย่อมว่าไว้ว่า ใครซื่อให้ซื่อ ตอบ ใครคดให้คดตอบ ดังนิทานวานรซึ่งกล่าวไว้ฉนี้

นิทานเรื่องวานรกับจรเข้

ในกาลปางก่อน ยังมีวานรหนึ่งใหญ่เท่าโคลงมากินน้ำในแม่น้ำคงคา ขณะนั้นมีนางจรเข้หนึ่งครั้นเห็นวานรใหญ่แล้วอยากจะใคร่กินตัววานรนั้น จึงว่าแก่จรเข้ผู้ผัวว่า ข้าพเจ้าอยากจะใคร่กินตับแล หัวใจวานรใหญ่นี้ ถ้าไม่ได้กินแล้วข้าพเจ้านี้จะต้องตายจากไปเปนแท้ จรเข้ผู้ผัวจึงตอบว่า เจ้าเปนสัตว์น้ำปราถนาจะกินสัตว์บก ซึ่งมีวิสัยต่างกันนั้น ยากที่จะได้กินอยู่ เจ้าจงอดกลั้นระงับความอยากนั้นเสียเถิด จรเข้เมียจึงว่า ท่านเปนผู้มีสติปัญญามาก แต่ตับวานรเพียงนี้จะคิดเอาให้เรากินไม่ได้ เราก็คงจะตายเปนแท้ แล้วนางจรเข้แกล้งทำอาการประหนึ่งว่าจะตายนอนนิ่งอยู่ จรเข้ผัวจึงว่า ท่านอย่าเพ่อเสียใจเลย เราจะคิดลวงเอาตัววานรให้ท่านกินให้จงได้ ครั้นว่าดังนั้นแล้ว จรเข้ผู้ผัวว่ายตรงเข้ามาหาวานรใหญ่ จึงแกล้งกล่าวเปนอุบายว่า ดูกรวานรผู้ประเสริฐ ท่านอยู่ในต้นมะเดื่อนี้ไม่มีประโยชน์เลย อาหารการบริโภคก็ขัดสนนัก ท่านจะขืนอยู่ไปทำไมเล่า ในคัมภีร์ท่านกล่าวไว้ว่า อันประเทศที่อยู่ไม่แยบคายนั้นมี ๔ สถาน คือ ไม่มีญาติเผ่าพันธุมิตรสหาย ๑ ที่ไม่อุดม ๑ ที่ไม่มีใครถือตามคติคนเก่า ๑ ที่ไม่มีกิจการจะให้เปนประโยชนสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ๑ ประเทศที่อยู่ ๔ สถานนี้ไม่ควรอยู่เลย แม้นได้มาอยู่แล้ว ก็ต้องแปรสถานให้จบได้ ในคัมภีร์มีมาเช่นนี้มิใช่หรือ เหตุไฉนท่านจึงขืนมาอยู่ในที่ขัดสนเช่นนี้เล่า ดูกรวานรผู้ประเสริฐ ฟากแม่น้ำคงคาข้างโน้นมีสวนตำบลหนึ่งเปนที่อุดมดี มีผลไม้อันประกอบไปด้วยโอชารสมาก มีดอกไม้หอมขจรอยู่ทุกเมื่อ แถมสระน้ำดารดาษไปด้วยบัว ๕ ประการ ควรจะเปนที่สำราญรื่นชื่นอารมณ์นัก สวนนั้นแลควรท่านผู้เปนพระยาวานร

----------------------------

แผ่นที่ ๘๒ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ

จะไปอยู่ ถ้าท่านปราถนาจะไปแล้ว เราจะสงเคราะห์เอาท่านไปได้อยู่ อนึ่งเล่าเรานี้แม้เปนสัตว์อยู่ในน้ำก็ดี มีบัณฑิตผู้วิเศษคนหนึ่งมาให้สมาทานศีลห้า แล้วสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในยุติธรรมความสัตย์ ให้ฉลาดในกิจประโยชน์แก่ผู้อื่นว่าเปนกุศลอันประเสริฐ เพราะเหตุนั้นเราเห็นว่าท่านอยู่ในที่นี้ลำบากขัดสนด้วยอาหารยิ่งนัก เราหวังว่าจะให้เปนบุญกุศลจึงคิดจะพาท่านไปอยู่ในที่อันอุดมดี วานรใหญ่ครั้นได้ยินอย่างนั้นไม่ทันใคร่ครวญดูก็เชื่อคำจรเข้มาลวงหลอก จึงตอบว่า ท่านจรเข้ ซึ่งเราได้มาพบปะท่านผู้ใจบุญ รู้ทำประโยชน์แก่กันเช่นนี้ดีนัก เปนลาภอย่างประเสริฐของเราแล้ว ท่านจงสงเคราะห์เราไปส่งให้ถึงฝั่งคงคาฟากข้างโน้นด้วยเถิด จรเข้ว่าดีแล้วถ้ากระนั้นท่านจงขี่หลังเราเถิด เราจะพาท่านข้ามไปให้ถึงที่อุดมดีนั้นจนได้ วานรจึงลงไปนั่งบนหลังจรเข้ ก็รีบว่ายออกไปถึงกลางแม่น้ำคงคาแล้ว จึงค่อยจมตัวลง วานรเห็นผิดประหลาดจึงว่า แน่ท่านจรเข้ ท่านรับคำเราไว้ว่าจะไปส่งเราให้ถึงฟากข้างโน้น เหตุไฉนจึงมากดตัวให้จมลงในกลางแม่น้ำเช่นนี้เล่า จรเข้จึงขู่ว่า เฮ้ยอ้ายลิงโง่เขลา ต้องการอะไรเราจะไปส่งท่าน เราคิดจะกินตับหัวใจของท่าน จึงแกล้งลวงท่านออกมากลางแม่น้ำเช่นนี้ ตัวท่านนี้ต้องเปนอาหารของเราแล้วยังไม่รู้ฤๅ ยังมาถามอิกเล่า วานรใหญ่มีปรีชาว่องไวได้ยินดังนั้นแล้ว ก็คิดจะลวงตอบจรเข้นั้นบ้าง จึงแกล้งกล่าวขึ้นในทันใดนั้นว่า ท่านเปนผู้โฉดเขลา อันวิสัยเราวานรทั้งหลายเปนผู้เต้นโลกโดดโผนไปมาบนพฤกษา ถ้าเอาตับกับหัวใจไว้กับตัวแล้วจะมีช้ำชอกแหลกเหลวไปเสียฤๅ ด้วยเหตุนั้นเราจึงเอาตับแลหัวใจแขวนไว้ที่ต้นมะเดื่อเปนนิตย์ ซึ่งห้อยเปนพวงแดงสุกสดอยู่เมื่อคืนนั้น ท่านเห็นฤๅไม่ โน่นแลดูเถิดซึ่งห้อยเปนพวง ๆ อยู่บนต้นมะเดื่อนั้นแล คือตับแลหัวใจของเราแล จรเข้แลไปเห็นผลมะเดื่อมีจริงก็สำคัญว่าเปนตับแลหัวใจวานรจริง จึงว่าท่าน ให้ตับแลหัวใจของท่านแก่เราไซ้ เราจะเอาท่านเข้าส่งให้ถึงฝั่งบัดนี้ ครั้นวานรรับว่าให้ จรเข้ก็เอาวานรกลับเข้ามาส่งถึงฝั่ง วานรก็โดดขึ้นไปบนต้นแล้ว จึงร้องบอกว่า เฮ้ยจรเข้โง่ อันวิสัยสัตว์ทั้งหลายตับแลหัวใจอยู่นอกภายนั้นมีบางฤๅ ซึ่งกูว่าจะให้ตับแลหัวใจแก่มึงนั้นคือผลมะเดื่อนี้แล ว่าแล้วก็เก็บผลมะเดื่อโยนลงมาจึงร้องบอกอิกว่า ซึ่งว่ากูจะให้มึงนั้นกูได้ให้แล้วตามคำกูจริงมิใช่ฤๅ แต่คำซึ่งมึงว่ากะกูไว้นั้นไม่จริงสักข้อหนึ่งเลย มึงเปนคนเทจกล่าวคำไม่จริง สวนของมึงนั้นกูไม่ไปแล้ว มึงกลับไปกินผลไม้ที่ส่วนของมึงเถิด จรเข้ก็ได้ความละอายแล้วดำน้ำลงกลับไปทั้งความโศกเศร้าเสียใจ แลข้อซึ่งจรเข้มาหลอกวานรให้อยู่ในเงื้อมมือของตนแล้ว ไม่ได้กินตับแลหัวใจวานรตามประสงค์ กลับได้ความละอายต้องโศกเศร้าเสียใจเช่นนี้นั้น เพราะไม่ฉลาดจริงมีใช่ฤๅ แลข้อซึ่งวานรตกอยู่ในเงื้อมมือจรเข้ ใกล้จะถึงความตายอยู่แล้วกลับแก้ไขเอาตัวรอดได้มีชัยชนะเช่นนั้นนั่น ก็เพราะปัญญาฉลาดมิใช่ฤๅ อันปัญญาที่เกิดด้วยการสดับฟังมามากนั้น สามารถจะให้สำเร็จกิจกังวลทั้งปวงได้ เปนดุจหนึ่งว่ามนต์ชื่อวิชามะยะ แต่สามารถให้สำเร็จความปราถนาในโลกียคุณทั้งปวงดังประสงค์ได้ เปนปานประหนึ่งว่าแก้วสารพัดนึก แลแก้วชื่อว่าโชติรสฉนั้น เพราะเหตุฉนี้กุลบุตรทั้งหลายที่เปนกษัตริย์พราหมณ์แลแสนยามาตย์ราชมนตรีแม่ทัพนายกองทั้งปวงซึ่งมีปัญญายิ่ง พึงตรึกตรองประกอบกิจการทั้งปวงให้พร้อมไปด้วยมารยาแลบริยายแลอุบายนั้นตามสมควรเถิด คงจะสำเร็จดังประสงค์ได้ทุกประการแล

แผ่นที่ ๘๓ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

ข่าวราชการคราวเสด็จพระราชดำเนิรกรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณคล้องช้างสำคัญ

วันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรออกทางประตูพรหมโสภาด้านตวันออกแห่งพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เสด็จขึ้นเกยทรงพระที่นั่งราชยานออกทางประตูศรีสุนทร ไปประทับเกยท่าราชวรดิษฐ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ตรัสกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดีครู่หนึ่ง จึงทรงเรียกเอาพระอุตราวัฏสังข์จากหลวงเทพาภรณ์ ซึ่งเชิญไปคอยอยู่ณพระตำหนักแพ ทรงรดพระยาอภัยรณฤทธิซึ่งจะแรกนา เมื่อขณะทรงรดน้ำสังข์นั้นขุนหมื่นพราหมณ์ก็เป่าสังข์ จึงทรงเอาแหวนเพ็ชร์ของเก่าสองวงสวมพระราชทานนิ้วซ้ายขวาให้พระยาอภัยรณฤทธิ เพื่อเปนสวัสดิมงคลในการพระราชพิธีจรดพระนังคัล แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่งปิกนิกลำใหญ่ เรือภิรมย์เร็วจรจูงขึ้นไปตามทางชลมารคเวลา ๔ โมงเศษถึงวัดปากอ่าว รอเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรวัดครู่หนึ่งแล้วก็แล่นขึ้นไป เวลาบ่าย ๓ โมงเศษถึงเกาะบางปอิน เรือพระที่นั่งเข้าประทับฉนวนนหน้าพระราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จจากเรือพระที่นั่ง เสด็จเที่ยวประพาสตามที่สระแลที่อื่นๆ แล้วเสด็จไปทอดพระเนตรพลับพลาทรงปืน แล้วเสด็จพระราชดำเนิรกลับ พอฝนตกหนักก็เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับในตำหนักตึก ซึ่งสร้างไว้สำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพักพอฝนซาลงก็เสด็จพระราชดำเนิรกลับ ไปประทับที่พระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระองค์เจ้าแลข้าทูลลอองธุลีพระบาทซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรนั้น คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ ๑

----------------------------

แผ่นที่ ๘๔ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ

พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าศรีสิทธิธงไชย ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพย์กนกรัตน์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองคเจ้าจิตรเจริญ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ นายจ่ารง นายจ่าเรศ นายจ่าซัน ขุนธารารสวิเศษ กับมหาดเล็กน้ำร้อน กับมหาดเล็กมีชื่ออิกหลายคน กรมตำรวจ พระมหาเทพ พระอินทรเทพ กรมทหาร จมื่นสรเดชรณชิต จมื่นสราภัยสฤษฎิการ หลวงสรจักรานุกิจ หลวงสรสิตยานุการ กับออฟฟิเซอร์ทหารอิก ๒ คน กรมอาลักษณ์ หลวงสารประเสริฐ ขุนสุวรรณอักษร กรมหมอ หลวงราโชวาท กรมแสง หมื่นจำนง

โดย ทองแถมถวัลยวงศ์

ณวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๔ โมงกับ ๑๕ มินิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องตามธรรมเนียม เสด็จพระราชดำเนิรแต่พระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ ลงทรงเรือพระที่นั่งซึ่งเรียกชื่อตามภาษาอังกฤษว่า อีเกอล แปลว่า นกอินทรี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรคราวนี้ ตามเสด็จพระราชดำเนิรในเรือพระที่นั่ง แล้วจึงใช้จักรแล่นขึ้นไป เวลา ๕ โมงกับ ๑๐ มินิต ถึงวังจันทรเกษม เวลา ๕ โมงกับ ๑๕ มินิต ถึงที่เหนือวัดกุฎีสูง ที่นั้นน้ำตื้นเรือพระที่นั่งลำนี้กินน้ำฦกไม่ด้ จึงประทับเรือพระที่นั่งณที่นั้น แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งเก๋งเอกาทัศพยาม พร้อมด้วยขบวรนำแห่ขึ้นไปประทับท่าฉนวนที่พะเนียด แล้วจึงเสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับพลับพลาบนพะเนียด ตรัสด้วยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระบำราบปรปักษ์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แลกงสุลเยอรมัน กับพวกออฟฟิเซอร์เรือรบอเมริกันชื่อลาโค ซึ่งขึ้นมาดูคล้องช้างคราวนี้ด้วย ครั้นเวลาเที่ยงครึ่งจึงโปรดเกล้า ฯ

----------------------------

แผ่นที่ ๘๕ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ แรมค่ำ ๑

ให้นำโขลงมาทอดพระเนตรหน้าพลับพลาที่สนามกลางแปลง แลโปรดเกล้า ฯ ให้นายชิดหุ้มแพร เชิญดอกไม้ธูปเทียนไปบูชาที่ศาลกรมหลวงเทพหริรักษ์ ครั้นได้เวลาศุภฤกษ์บ่ายโมงกับ ๑๕ นาที จึงมีพระบรมราชโองการให้หลวงคชศักดิคล้องช้างสำคัญซึ่งมีในโขลง หลวงคชศักดิรับพระบรมราชโองการใส่เกล้า ฯ แล้วจึงเข้าคล้องช้างสำคัญตัวนั้นได้บาศ ๑ แล้ว จึงวัดบาศเข้าไว้ให้ระบายโขลงไปพักอยู่ตามเดิม ฝ่ายข้างนี้จึงได้เอาช้างต่อเข้าผูกสายทาม แล้วจึงไปผูกตลุงไว้ที่โรงณบ้านสวนพริกเหนือพะเนียด ช้างตัวสำคัญตัวนี้วัดได้ถึง ๓ ศอก ๑๐ นิ้ว แลเปนช้างเผือกโทเทียมเอก ช้างนี้ดูเปนประหลาดยิ่งนัก เปนเพราะพระบารมีจึงเข้ามาสู่พระบรมโพธิสมภารเอง เพราะเหตุว่าการที่เคยได้ยินได้ฟังมานั้น ที่จะได้มีบ้างอย่างเช่นนี้ก็ไม่มีเลย คิดดูแต่แรกมีช้างเผือกที่หนึ่งในกรุงสยามในครั้งแผ่นดินสมเด็จพระอินทราชา เมื่อจุลศักราช ๘๑๕ ปีระกาเบ็ญจศก จนทุกวันนี้นั้น ยังไม่เคยมีช้างสำคัญเช่นนี้ซึ่งติดเข้ามาในโขลง จนได้คล้องต่อหน้าพระที่นั่งเลยจนสักช้างเดียว เพราะฉนั้นจึงเปนมหัศจรรย์ยิ่งนัก ครั้นจับได้แล้วพอเวลาบ่าย ๒ โมง จึงเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับโต๊ะเสวยพลับพลาหลังใหญ่ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิรครั้งนี้ด้วย เวลาบ่าย ๒ โมงครึ่งเสวยเสร็จแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิรทรงพระราชยาน เสด็จกลับทรงเรือพระที่นั่งเอกาทศพยาม ล่องลงมาทางเรือพระที่นั่งอิเกอล (นกอินทรี) นั้น พอเวลาบ่าย ๒ โมงกับ ๕๐ นาที จึงใช้จักรออกจากที่นั้น ล่องลงมาตามลำน้ำ เวลาบ่าย ๓ โมงกับ ๑๐ นาที ถึงวัดพนัญเชิง เวลาบ่าย ๓ โมง ๒๐ นาที ถึงปากคลองตะเคียน เวลาบ่าย ๓ โมง ๓๑ นาที ถึงหน้าวัดโปรดสัตว์ เวลาบ่าย ๓ โมง

----------------------------

แผ่นที่ ๘๖ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ แรมค่ำ ๑

๕๗ นาที ถึงเกาะพระ เวลาบ่าย ๔ โมง ๔ มินิต ถึงเกาะบางปอิน แต่อ้อมไปทางใต้เกาะ เวลาบ่าย ๔ โมง ๒๐ นาที เรือพระที่นั่งประทับท่า เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เวลาค่ำทุ่มเศษ เสด็จพระราชดำเนิรประทับโต๊ะเสวย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จพระราชดำเนิร ประทับอยู่จนเวลายามเศษเสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

วันพฤหัสบดี เดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรแต่พระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ ลงเรือพระที่นั่งนกอินทรี แล่นขึ้นไปตามแม่น้ำเหมือนเมื่อเวลาวานนี้ ครั้นถึงหน้าวัดกุฎีสูง จึงทรงหยุดเรือพระที่นั่ง แล้วเสด็จลงเรือพระที่นั่งเอกาทศพยาม พร้อมด้วยเรือขบวรแห่หน้าหลัง ไปทอดพระเนตรช้างสำคัญที่บ้านสวนพริก แล้วเสด็จพระราชดำเนิรมาประทับฉนวนพะเนียด เสด็จขึ้นทรงราชยานพร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพลับพลา ทรงทอดพระเนตร์คล้องช้างในซอง คล้องได้เชือกหนึ่ง เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสวยแล้วประทับทอดพระเนตร์คล้องข้างกลางแปลง อยู่จนเวลาบ่าย ๕ โมง เสด็จขึ้นทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับเกยฉนวนน้ำ เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งเอกาทศพยาม พร้อมด้วยขบวรแห่หน้าหลัง ล่องลงมาถึงหน้าวัดนางคำ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรือภิรมย์เร็วจรจงเรือพระที่นั่งสองลงมาตามลำน้ำ เวลาย่ำค่ำถึงเกาะบางปอิน เรือพระที่นั่งประทับฉนวนแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเสด็จพระราชดำเนิรพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น เวลายามหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับโต๊ะพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เวลาจวน ๔ ทุ่ม เสวยแล้วประทับอยู่บนพระที่นั่งจนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

โดย มนุษยนาคมานพ

ณวันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ เวลา ๔ โมงเช้ากับ ๗ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงเรือพระที่นั่งกลไฟนกอินทรีขึ้นไปตามลำน้ำ เวลาเช้า ๕ โมงกับ ๓๕ นาที

แผ่นที่ ๘๗ ออกวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๒ ค่ำ

ถึงวัดกุฎีสูง เสด็จลงจากเรือกลไฟประทับเรือพระที่นั่งเอกาทัศพยาม ไปประทับท่าพะเนียด เสด็จขึ้นทรงพระราชราชยานไปประทับพลับพลา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ต้อนโขลงเข้ามาที่หน้าพลับพลา แลกรมช้างก็คล้องช้าง ต้องช้างพลายช้างหนึ่งสูงประมาณ ๔ ศอกเศษ แล้วต้อนโขลงไปลงนา กรมช้างจึงเอาสายทามผูกคอช้างได้นำไปไว้โรงแล้วต้อนมาอิกครั้งที่ ๒ คล้องต้องช้างพลายช้างหนึ่งสูงประมาณ ๔ ศอก แล้วทำดังหนก่อน หนที่ ๓ คล้องช้างพลาย ๓ ช้าง สูงประมาณ ๔ ศอกเศษช้างหนึ่ง สูงประมาณ ๓ ศอกเศษข้างหนึ่ง สูงประมาณ ๒ ศอกเศษช้างหนึ่ง ขณะเมื่อคล้องหนที่ ๓ นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิรไปประทับพลับพลาด้านตวันออก ประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสวยแล้วเสด็จมาทอดพระเนตรช้างซึ่งกรมช้างผูกสายทามอยู่แล้วนำไปไว้โรง เวลาบ่าย ๕ โมงกับ ๑๕ นาที เสด็จพระราชดำเนิรจากพลับพลา ทรงพระที่นั่งราชยานไปประทับฉนวนน้ำ เสด็จลงเรือพระที่นั่งเอกาทัศพยามออกจากท่าพะเนียด ประทับหน้าวังจันทรเกษม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เรือภิรมยเร็วจรจูงแต่หน้าวังจันทรเกษมมา เวลาทุ่ม ๑ กับ ๕ นาทีถึงที่เกาะบางปอิน เสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสวยพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ แลพระเจ้าน้องยาเธอ เสวยแล้วตรัสอยู่เวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น

ข่าวทางกรุงเทพ ฯ

ณวันศุกร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการไปที่วังพระเจ้าบวรวงศ์เธอ (ชั้น ๒) กรมหมื่นสิทธิสุขุมการ สรงน้ำพระศพแล้วเจ้าพนักงานเชิญพระศพลงพระโกษฐไม้ ๑๒

----------------------------

แผ่นที่ ๘๘ ออกวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๒ ค่ำ

ตั้งพระแท่นแว่นฟ้า ๒ ชั้น ตามพระเกียรติยศ พระเจ้าบวรวงศ์เธอ (ชั้น ๒) พระราชทานเครื่องสูง ๔ คู่ กลองชะนะ ๕ คู่ แตรสังข์ประโคมตามเวลาทั้งกลางวันกลางคืน

โดย สวัสดิประวัติ

ข่าวเสด็จประพาสบางปะอิน

ณวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๒ โมงเศษ หลวงรัตนายัตินาพวกเรียรบอเมริกันมาณเกาะบางปอิน คือ ผู้บังคับการเรือรบ อิโอแมทธิวส์ เลบเตอรแนนเฮนฟอก ๑ เลบเตอรแนนวิลเลียมลิตเตอร์ ๑ เยปิวอลิศ ๑ โยเสบบีวิกลี ๑ ตาบลิบูอาร์ปุดเชอ ๑ รวม ๖ นาย กับมิศเตอรเดอชาล่าม ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ เชิญผู้บังคับการ แลนายตำแหน่งในเรือรบอเมริกัน ขึ้นมาณพระที่นั่งไอศวริยทิพอาสน์ แลให้จัดการเลี้ยงที่ชั้นล่างพระที่นั่งนั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ได้เชิญพวกเรือรบอเมริกันไปนั่งโต๊ะเลี้ยงอาหารเช้าที่ชั้นล่างพระที่นั่งไคศวริยทิพอาสน์มุขด้านทิศตวันออก มีพวกเรือรบ ๖ คน กับทั้งพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากาพยกนกรัตน ๑ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ๑ พระยาภาสกรวงศ์ ๑ พระสุนทรานุกิจปรีชา ๑ พระอมรวิไสยสรเดช ๑ เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี ๑ จมื่นสราภัยสฤษฎิการ ๑ หลวงจักรยานานุพิจารณ ๑ หมอกาวัน ๑ มิศเตอร์เดอชาล่าม ๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งไอศวริยทิพอาสน์ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่จนเวลา ๔ โมงเศษ พวกเรือรบอเมริกันรับพระราชทานเลี้ยงเสร็จแล้ว เจ้าพนักงานก็นำขึ้นไปเฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชหัดถแก่ผู้บังคับตำแหน่งเรือรบ แลทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พวกเรือรบอเมริกันนั่งเก้าอี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสปราสัยกับผู้บังคับการเรือรบอยู่ประมาณครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานผ้าพื้นซึ่งได้ำาในบ้านคลองตะเคียนแขวงกรุงเก่า กับผู้บังคับแลนายตำแหน่งเรือรบคนละผืน ซึ่งจะได้เปนของประหลาดในพวกเขา กับพระราชทานผ้าพื้นให้กับผู้บังคับการเรือรบไปพระราชทานลูกเรือที่ได้ มาในการคล้องช้างสำคัญนี้ แล้วพวกนายเรือรบก็คำนับถวาย

----------------------------

แผ่นที่ ๘๙ ออกวันพุธ เดือน ๖ แรม ๓ ค่ำ

บังคมลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชหัดถทุก ๆ คน ผู้บังคับการแลนายตำแหน่งในเรือรบก็กลับมาจากบนพระที่นั่งลงเรือกลับไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งกลไฟนกอินทรี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการที่เคยตามเสด็จพระราชดำเนิร แผ่นขึ้นไปตามช่องแม่น้ำเกาะ ถึงวัดชุมพลนิกายาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานเรือกลไฟรอเรือพระที่นั่ง เรือชาติโบตที่ผู้บังคับการเรือรบลงมาในนั้นก็นำเอาเหล็กบรรจุดินดำอย่างหนึ่ง ซึ่งชาวเมืองอเมริกันได้เรียกว่าตอปิโด ๆ นี้เปนชื่อแห่งปลาอย่างหนึ่ง มีฤทธิแลวิเศษเปรียบประดุจเงือกฤๅนางมัจฉา เพราะฉนั้นจึงได้เอาชื่อมาตั้งเหล็กระเบิดนี้ ให้สมกับอานาจฤทธิแรงที่จะทำลายของใหญ่ได้ มาทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร แล้วก็ตีกันเชียงต่อไปจนถึงหัวเกาะนอก ซึ่งเจ้าพนักงานกรมการได้ผูกแพไม้ไผ่ใหญ่ประมาณ ๓ วาเศษไว้นั้น พวกเรือรบก็ได้เอาตอปิโดลูกใหญ่ซึ่งบรรจุดินดำในนั้น ๑๒๐ ปอนด์ ทอดทิ้งลงในใต้บวบแพไม้ไผ่นั้น แล้วถอยเรือมาสักหน่อยหนึ่ง พระอมรวิไสยสรเดชไปด้วยในพวกเรือรบนั้น จึงร้องบอกเปนสัญญาว่าจะจุด เรือพระที่นั่งประทับ อยู่หัวรอวัดชุมพลนิกายาราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการบอกให้จุดพวกเรือรบก็หมุนไฟฟ้าจุดล่ามลงไปในใต้น้ำ แพนั้นก็ปะทุขึ้นมาแตกเปนน้ำพลุ่งขึ้นมา ไม้ไผ่เปนซีกกระจายไปหมด สูงประมาณ ๑๒ วา ๑๓ วา เปนปากประกายงามประหลาดนัก ตอปิโดนี้สำหรับจุดให้เรือกำปั่นรบที่เปนเหลีกฤๅเปนไม้ให้แตกทำลายเสีย เมื่อเวลาเข้าต่อรบด้วยข้าศึก หย่อนไว้ในใต้กำปั่น ล่ามสายไฟฟ้า พอระฆังดังกริ่ง

แผ่นที่ ๙๐ ออกวันพุธ เดือน ๖ แรม ๓ ค่ำ

ก็แจ้งว่าไฟฟ้าเดินดีปรกติ คนในนั้นก็กดที่สำคัญเข้า ลูกเหล็กตอปิโดก็แตกได้โดยเร็วๆเหมือนจุดปืน เรือก็ระเบิดแตกจมได้โดยง่าย เปนที่น่ากลัวนัก แล้วพวกเรือรบก็แล่นกลับออกไปนอกเกาะข้างบน เรือพระที่นั่งได้แล่นตามพวกเรือรบขึ้นไป พอเลยขึ้นไปได้หน่อยหนึ่ง พวกเรือรบก็หย่อนลูกเหล็กตอปิโตเล็กซึ่งได้มีดินดำในนั้น ๘๐ ปอนดลงไปในแม่น้ำแล้ว มีไม้ยื่นออกไปที่หน้าเรือโบต ล่ามลอดลงไปห่างกับเหล็กประมาณ ๒ วา หมุนไฟฟ้าจุดลงไป ก็เห็นเปนน้ำขาวพลุ่งขึ้นมา ดูพิลึกมากงามเหมือนดังน้ำพุ น้ำก็เปนคลื่นลลอกมาก เรือโบตที่อยู่ใกล้นั้นดูเหมือนเกือบจะล่มทีเดียว แต่ไม่ได้เปนอันตรายเลยแต่สักหน่อยหนึ่ง ด้วยไม่มีแพไม้ไผ่เปนแต่น้ำเปล่า ถ้ามีแพไม้ไผ่มักแตกตกลงมาถูก คราวก่อนจึงต้องจุดห่างลูกเหล็กมาก ครั้นแล้วพวกเรือรบอเมริกันก็มาจอดที่เรือพระที่นั่งนกอินทรี ถวายบังคมลากลับลงไปยังกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงดำรัสสั่งว่าขอบใจกอมมานเดอรมาก ที่ ได้จุดตอปิโดให้ดูเปนการดีปลาดมาก ได้ดูการของคนอเมริกันถึง ๒ ครั้ง ๆ ก่อนเรือรบอเมริกันเข้ามาก็ได้ฝึกหัดเรือรบให้ดู ก็ครั้งนี้ได้มาจุดตอปิโด เปนการดีของเมืองอเมริกามาก ทำให้เปนที่สนุกเจริญใจเรา เราขอบใจท่านมาก ครั้นแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระยาภาสกรวงศ์แปลเปนอักษรอังกฤษบอกแก่ผู้บังคับการเรือรบ ครั้นแล้วเรือพระที่นั่งก็แล่นต่อมาตามลำแม่น้ำ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เรือพระที่นั่งกลไฟนกอินทรีถึงหน้าโรงช้างสำคัญที่บ่อโพง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรลงเรียกถไฟประทีปทัศนาการ เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนโรงช้างสำคัญ ซึ่งได้มาจากเมืองยโศธร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับทอดพระเนตรช้างสำคัญสีขาวปนแดง เปนเผือกโทงามที่สุด แล้วก็เสด็จพระราชดำเนิรประทับบนพลับพลา จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพนักงานกรมข้างนำช้างสำคัญออกมานอกโรง ทอดพระเนตรอาบน้ำให้ศรีเห็นชัด แลพระราชทานกล้วยแด่ช้างสำคัญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ประมาณครู่หนึ่ง เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือประทีป ทัศนาการมาลงเรือพระที่นั่งกลไฟนกอินทรี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ที่ได้ตามเสด็จพระราชดำเนิร เรือพระที่นั่งแล่นต่อมาจนเวลาบ่าย ๔ โมงเศษ ถึงศีร์ษะรอเกาะบางปอินวัดชุมพลนิกายาราม เรือพระที่นั่งติดแล่นไปไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๙๑ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ แรม ๔ ค่ำ

เสด็จลงเรือพระที่นั่งเก๋งเอกาทัศพยาม พายขึ้นมาประทับท่าฉนวนเกาะบางปอิน เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เสด็จขึ้นข้างใน ในเวลาทุ่มเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกท้องพระโรงพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ แลเสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งเอกาทัศพยาม ไปขึ้นท่าฉนวนวัดชุมพลนิกายาราม เสด็จพระราชดำเนิรเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ พระสงฆ์สวดทำวัตร แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกข้างนอกพระอุโบสถ เจ้าพนักงานแจกธุปเทียนแด่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการราษฎรบ้านเกาะบางปอินซึ่งได้มาประชุมในเวลาวิสาขบูชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้แก่ผู้ที่ได้รับเทียน ๆ ก็ได้จุดต่อ ๆ กันมา แลไปพร้อมกันที่ลานพระอุโบสถ พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติจึงกล่าวว่า อรหํ สมมาสมพุทโธ เปนต้น ครั้นแล้วก็ยืนขึ้นพร้อมกัน พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติก็กล่าวบูชานำมี ยมมหโช โส ภควา เปนต้น ครั้นจบแล้ว เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์พิณพาทย์ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการราษฎรทั้งหลายก็เดิรเทียนวงทักษิณรอบพระอุโบสถวัดชุมพลนิกายาราม พอได้ครบ ๓ รอบ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการราษฎรทั้งหลายก็เข้ามาติดเทียนบูชาหน้าพระอุโบสถกระทำวิสาขบูชาในวันที่ ๑ แลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดเทียนตามที่รายไว้บ้าง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์จุดบ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้าพระอุโบสถ พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ แลเสด็จพระราชดำเนิรไปประทับอยู่หน้าพระอุโบสถ เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จ

----------------------------

แผ่นที่ ๙๒ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ แรม ๔ ค่ำ

พระราชดำเนิร ลงเรือพระที่นั่งเอกาทัศพยาม ไปประทับฉนวนเกาะบางปอิน เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เสด็จขึ้นข้างในเวลาครู่หนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกเสด็จพระราชดำเนิรลงชั้นล่างพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ ประทับโต๊ะเสวยพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ อยู่จนเวลา ๕ ทุ่มเศษเสด็จขึ้นข้างใน

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณ วันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิร ลงที่ทรงบาตร์ พระสงฆ์วัดชุมพลนิกายาราม ๒๐ รูป พระพรหมเทพาจารย์วัดเสนาสนารามนำเข้ารับบิณฑบาต เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งไอศวริยทิพยอาสน์ เสด็จพระราชดำเนิรลงเรือพระที่นั่งปิกนิก เรือกลไฟภิรมย์เร็วจรเปนเรือจูง ใช้จักรออกจาณกาะบางปอินเวลา ๔ โมงเศษ แล่นขึ้นไปทางเหนือน้ำเลี้ยวศีร์ษะเกาะ ล่องลงมาตามลำน้ำ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษเสวยในเรือพระที่นั่ง เวลาบ่าย ๔ โมงเศษถึงกรุงเทพมหานคร เรือพระที่นั่งประทับท่าราชวรดิษฐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรขึ้นจากเรือพระที่นั่ง คืนเข้าพระบรมมหาราชวัง

อนึ่งเวลาค่ำวันนี้เปนวันวิสาขบูชา มีการบูชาที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยได้จัดโคมตราตามตำแหน่ง ผูกห้อยพวงดอกไม้มาลัย แขวนบ้างตั้งบ้างตามธรรมเนียม ที่หน้าพระอุโบสถมีกระถางต้นไม้สูงประมาณ ๕ ศอก ห้อยไปด้วยโคมกระดาษใหญ่น้อย แขวนรูปสัตว์แลรูปตุ๊กตา พื้นกระถางเบื้องบนทำเปนรูปภาพต่าง ๆ แลมีตุ๊กตาทำการต่างๆได้ ของเหล่านี้ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ทรงขอแรงพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล กระถางหนึ่ง พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ์ กระถางหนึ่ง พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ กระถางหนึ่ง รวม ๓ กระถาง ในพระอุโบสถมีเทียนรุ่งของพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ประดับประดาตกแต่งด้วยดอกไม้สด ตั้งบูชาไว้ที่หน้าโต๊ะจีนประมาณ ๔๐ เศษ ตรงพระพักตร์พระสัมพุทธพรรณีมเทียนรุ่งทองเงินประดับดอกไม้สดคู่หนึ่งเปนเทียนของหลวง เวลาประมาณ ๒ ทุ่มเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานเพลิงมาจุดเทียนรุ่งซึ่งตั้งอยู่ในพระอุโบสถ

แผ่นที่ ๙๓ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๕ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

เวลายามเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานมาประทับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เสด็จพระราชดำเนิรประทับหน้าพระอุโบสถ ทรงทอดพระเนตรโคมตราแลกระถางต้นไม้เสร็จแล้ว เสด็จขึ้นบนพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนนมัสการพระพุทธปฏิมากรเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรกลับลงมาประทับที่หน้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนรอบพระอุโบสถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการกรมอาลักษณ์ แลกรมราชบัณฑิตเปนต้นจุดธูปเทียนบูชา แลสวดคาถานมัสการพระรัตนตรัย แล้วเดิรถือธูปเทียนทำปทักษิณพระอุโบสถครบ ๓ รอบเสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรขึ้นบนพระอุโบสถ พระอริยมุนีถวายพระธรรมเทศนาปฐมสมโพธิกถาจบแล้ว ทรงถวายจตุปัจจัยทานต่าง ๆ เสร็จแล้ว พระสงฆ์ถวายอติเรกแดาวตุสัพตามธรรมเนียม เวลา ๒ ยามเศษเสด็จขึ้น เวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ขาวพระภูษาแดง พระบรมวงศานุวงศ์ทรงเสื้อทรงขาวผ้าทรงสีแดง ข้าราชการสวมเสื้อขาวนุ่งผ้าขาวบ้าง สวมเสื้อฟร็อกโก๊ตบ้าง

โดย คัคณางคยุคล

ณวันจันทร์ เดือน ๖ แรมค่ำ ๑ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาท เข้าเฝ้าในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาย่ำค่ำเศษกราบถวายบังคมลาออกมา เวลายามหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระที่นั่งราชยานพร้อมด้วยกระบวรแห่หน้าหลัง ไปประทับเกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดดอกไม้เพลิงแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ

----------------------------

แผ่นที่ ๙๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๕ ค่ำ

บูชาพระพุทธปฏิมากรแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรลงมาประทับหน้าพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทซึ่งจะเดิรเทียน แล้วประทับทอดพระเนตรเดิรเทียนอยู่ที่นั้น ครั้นพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเดิรเทียนแล้ว เสด็จพระราชดำเนิรเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องทรงธรรม พระมหาเขียววัดโสมนัสวิหารก็ขึ้นถวายเทศนาในพุทธกิจปรินิพพานจบแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิรไปทรงประเคนเครื่องไทยธรรม แล้วพระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลา เวลาประมาณ ๒ ยาม เสด็จพระราชดำเนิรแต่พระอุโบสถประทับเกยหลังวัด ทรงพระที่นั่งราชยานเข้าประตูพิมานไชยศรี ประทับเกยหน้าประตูพรหมโสภา แล้วเสด็จขึ้น ในเวลาวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ครึ่งยศอย่างทหารราชวัลลภ

โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

ณวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จอยู่หัวเสด็จออกณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เจ้าพระยาไทรบุรีศรีสุลต่านมหมัดกับพระนรินทรเสนี หลวงโกชาอิสหากล่าม กับแขกกรมการอีก ๒ นาย เข้าไปเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทประมาณ ๒๐ นาทีก็กลับออก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสนามหญ้า พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลร้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าอยู่ในที่นั้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคนโททอง ถาดทอง เสื้อเข้มขาบกับผ้า ๒ สำรับ แด่พระยาวิเศษไชยชาญ ผู้ว่าราชการเมืองอ่างทองใหม่ แล้วเสด็จทรงรถพระที่นั่ง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ กับพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ ตามเสด็จพระราชดำเนิรบนรถพระที่นั่ง ไปประพาสสวนสราญรมย์ประมาณ ๒๐ นาที ก็เสด็จพระราชดำเนิรกลับคืนเข้าพระบรมมหาราชวัง ประทับสนามหญ้า พอฝนตกก็เสด็จมาประทับที่โรงแตรใต้เสาธง เวลาทุ่มเศษพระยาพิพัฒนโกษา พระยาไพรัชพากย์ภักดี พระสิริสมบัติ พระศรีธรรมสาสน กัปตันเรือรบอเมริกา แลออฟฟิเซอร์ ๖ นาย กัปตันเดอรชาล่ามรวม ๘ นาย เข้ามาเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมลากลับไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสแก่กัปตันว่า ซึ่งกัปตันเอาตอปิโดมาจุดถวายทอดพระเนตรนั้นเปนที่ชอบพระราชหฤทัยนัก มีความขอบใจกัปตันเปนอันมาก แล้วโปรดพระราชทาน

----------------------------

แผ่นที่ ๙๕ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ แรม ๖ ค่ำ

ซองบุหรี่ถมให้กัปตันซองหนึ่ง แหวนก้านพร้าว ๖ วง พระราชทานให้ออฟฟิเซอร์คนละวง เมื่อพระราชทานของทั้งนี้นั้นรับสั่งว่า ของทั้งนี้ที่พระราชทานให้ไว้เพื่อเปนที่ระฦกถึงกรุงสยามขอให้รับไว้ใช้สรอยเถิด แล้วกัปตันให้ล่ามกราบบังคมทูลพระกรุณาว่าขอบพระเดชพระคุณเปนล้นเกล้า ฯ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่าฝนตกจะกลับก็ไปเถิด เมื่อไปกลางทางนั้นขอให้กัปตันแลออฟฟิเซอรมีความสุขทั่วกัน เทอญ กัปตันแลออฟฟิเซอร์ก็ถวายคำนับพร้อมกัน แล้วก็กราบถวายบังคมลาออกไป เวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

โดย ทองกองก้อนใหญ่

ณวันพุธ เดือน ๖ แรม ๓ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬารมุขด้านตวันตก พระนรินทรเสนีจึงได้อ่านบอกพระยาอมรินทรฦๅไชย ผู้ว่าราชการเมืองราชบุรี บอกส่งเงินค่าทองแดงเซี่ยวอัฐโสพศ ซึ่งได้เบิกออกไปแต่กรุงเทพ ฯ เปนเงิน ๒๓ ชั่ง ๓๕ บาท เวลาทุ่มเศษ เสด็จขึ้น

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

ณวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๕ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ พระยาจ่าแสนยบดี พระยาศรีสิงหเทพ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ณพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร แล้วพระวงศ์เธอพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ขุนหลวงพระยาไกรศรี เจ้าหมื่นเสมอใจราช เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลา ๔ โมงเศษ ถวายบังคมลากลับออกมาแล้ว พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ เฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท

----------------------------

แผ่นที่ ๙๖ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ แรม ๖ ค่ำ

ถวายบังคมลากลับออกมาเวลา ๕ โมงเศษ เวลาย่ำค่ำ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการกราบถวายบังคมลาออกมา

โดย สวัสดิประวัติ

----------------------------

แผ่นที่ ๙๗ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ แรม ๗ ค่ำ

ข่าวราชการกรุงเทพมหานคร

ในเวลาเสด็จพระราชดำเนิรกรุงทวาราวดีศรีอยุธยาโบราณ

ณวันเสาร์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๖๐ รูป มีพระธรรมเจดีย์เปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวังตามธรรมเนียม ครั้นเวลาเช้า ๔ โมงเศษ พระสงฆ์ ๓๐ รูปได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในวันวิสาขบุรณมี ครั้นพระสงฆ์ฉันแล้วก็กลับไปวัด เวลาย่ำค่ำเศษ เจ้าพนักงานได้จัดการในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีจุดโคมไฟเปนต้น แลได้ตั้งหม้อลายครามใส่น้ำพระพุทธมนต์ แลเทียนใส่พานธูปใส่พานโยงสายสิญจน์ไปที่ธรรมาสนพระสงฆ์ ที่จะได้แสดงพระธรรมเทศนาหน้าธรรมาสน์ศิลานั้นตั้งเครื่องนมัสการเครื่องใหญ่ทั้งสองข้าง ตรงพระพักตรพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีเทียนรุ่งประดับด้วยดอกไม้ต่าง ๆ ตั้งเปนอันมาก ซึ่งพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการได้เอามาตั้ง เพื่อบูชาพระพุทธรัตนปฏิมากรแก้วมรกฎ แลในพระอุโบสถมีโต๊ะสี่เหลี่ยมตั้ง ๑ โต๊ะ บนนั้นมีเครื่องกัณฑ์เทศน์ล้วนไปด้วยของโภชนาหารทั้งสิ้น แลมีผ้าขาวเทียน ๑๐๐ ธูป ๑๐๐ หมากพลู แลเงินมูลกับปิยภัณฑ์ ๓ ตำลึงเปนเครื่องกัณฑ์ พระสงฆ์ถวายพระธรรมเทศนา มุขหน้าพระอุโบสถ ประตูพระอุโบสถหน้าหลัง ๖ ประตูแขวนโคมตราแผ่นดินทั้ง ๖ หน้ามุขพระอุโบสถมีต้นไม้ คือ ต้นไม้ไทรต้นกร่างเปนต้น แขวนโคมกระดาษแลตุ๊กตากล เปนที่ขันแลปลาดมาก ทั้ง ๓ ต้น ของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภูวนัยนฤเบนทราธิบาล ๑ ต้น พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ๑ ต้น พระวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ ๑ ต้น ที่ตรงหน้าเสาออกมา มีโคมตราพระจอมเกล้า ๑ โคม ตราพระจุลจอมเกล้า ๑ โคม ตามนอกศาลารายแลพระระเบียง มีโคมตราต่างๆ ตามที่ได้เกณฑพระบรมวงศานุวงศ์

----------------------------

แผ่นที่ ๙๘ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ แรม ๗ ค่ำ

แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย คือ พอเวลาค่ำลงก็ได้จุดไฟพร้อมกันขึ้น ตามอย่างตามธรรมเนียมแต่ก่อนมา ครั้นเวลายามเศษ เจ้าพนักงานก็ประโคมพิณพาทย์ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ แลจุดเทียนรอบพระอุโบสถ ประทานไฟให้ไปจุดดอกไม้พุ่ม ดอกไม้รุ่ง บูชาหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แล้วเสด็จเข้าในพระอุโบสถ เจ้าพนักงานกรมสังฆการียนิมนต์พระสาสนโสภณ ซึ่งได้รับตำแหน่งยศที่พระธรรมวโรดม แลพระถานานุกรม ๔ รูป เข้าไปในพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ทรงจุดเทียนเครื่องทองน้อย พระสาสนโสภณขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ศิลา ถวายพระธรรมเทศนาในชาติคาถา เวลา ๒ ยามเศษจบ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนตรัศมี กรมหลวงจักรพรรดิพงศ์ ถวายผ้าขาวธูปเทียน แลมูลกับปิยภัณฑเสร็จแล้ว พระสงฆ์ถวายพระพรลากลับ การเปนยุติในวันนี้ วิสาขบูชาที่ ๑ ในเวลาวันนี้ พระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการสวมเสื้ออิวนิงเดรศ อนึ่งในเวลาวันนี้ ที่พระพุทธรัตนสถานได้ทำวิสาขบูชาตามข้างในเหมือนกัน มีโคมพระบรมวงศฝ่ายในตั้งตามชลาแลแขวนรอบพระอุโบสถแต่ของดีๆ ปลาดแลงาม ด้วยการในพระอุโบสถนั้น พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นเจริญผลพูลสวัสดิ ได้เข้าไปจัดการทั้งสิ้น เจ้าพนักงานข้างในก็ได้ทำตามอย่างตามธรรมเนียมในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันเสาร์ เดือน ๖ แรม ๖ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ พระสงฆ์วัดอรุณราชวราราม ๓๘ รูป มีพระธรรมเจดีย์ แลพระวิสุทธิสารเถรเปนประธาน ได้เข้ารับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เวลาเช้า ๔ โมง พระสงฆ์วัดเทพธิดา ๑๐ รูป มีพระสุธรรมธีรคุณเปนประธาน ได้รับพระราชทานฉันที่พระที่นั่งดุสิดาภิรมย เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒนเข้าไปข้างในเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท ในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร เวลาบ่าย ๕ โมงก็กลับออกมา พระนรินทรเสนีนำจีนตันเชียงเก้ ซึ่งเปนที่ขุนรัษฎานุกิจบริบาล บุตรพระยาอัสดงค์ทิศรักษา เข้าไปเฝ้าในพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่

----------------------------

แผ่นที่ ๙๙ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ แรม ๘ ค่ำ

ประมาณครู่หนึ่ง พระนรินทรเสนีก็นำจีนตันเชียงเก้ซึ่งเปนที่ขุนรัษฎานุกิจบริบาลกลับออกมาจากที่เฝ้า เวลาย่ำค่ำพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับตรัสอยู่ด้วยราชการอยู่จนเวลาทุ่มเศษ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยก็กราบถวายบังคมลากลับออกมาจากที่เฝ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับอยู่จนเวลา ๒ ทุ่มเศษเสด็จขึ้น พระบรมวงศานุวงศ์พวกมหาดเล็กก็กลับออกมาจากข้างใน

โดย ภาณุรังษีสว่างวงศ์

ณวันอาทิตย์ เดือน ๖ แรม ๗ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ เจ้าพระยาศรีพิพัฒนกับพระยาราชวรานุกูลเข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ กราบถวายบังคมลากลับออกมา แล้วเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ กับเจ้าหมื่นเสมอใจราช เข้าเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท แล้วก็กราบถวายบังคมลาออกมา เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทางประตูพรหมโสภาประทับสนามหน้า พร้อมด้วยข้าราชการใหญ่น้อยเฝ้าทูลลอองธุลีพระบาท เวลาย่ำค่ำเศษเสด็จขึ้น

อนึ่งเวลาเย็นวันนี้ มีการสวดมนต์ที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ในการเลื่อนตำแหน่งยศขึ้นเปนกรมหมื่นพิชิตปรีชากร การซึ่งตั้งพระแท่นมณฑลแลการอื่น ๆ นั้นข้าพเจ้าจะอธิบายมาต่อภายหลัง

โดย มนุษยนาคมานพ (ผู้แทน)

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๐ ออกวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลา ๕ โมงเศษ ที่วังพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสุขสวัสดิ์ สวดพระพุทธมนต์ ในมุขกระสันตั้งแท่นมณฑล บนพระแท่นมณฑลนั้นตั้งม้าหมู่สลักปิดทอง แลสักการต่าง ๆ บนม้าตั้งพระพุทธปฏิมากรพระไชยในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระธรรมจบพระไตรปิฎก (ย่อ) สองห่อ พระเต้าลงพระอักษร ๑ พระเต้ากลีบบัว ๑ หม้อน้ำก้าไหล่ทอง เงิน ๕ หม้อทองเหลืองของกรมพระปวเรศวริยาลงกรณ ๑ ที่หน้าม้าหมู่นั้น ตั้งพานทอง ๒ ชั้นรองพระสุพรรณบัตร ๑ ถาดสรงพระพักตร ๑ พานผ้าทรง ๒ พาน เครื่องพระสำอาง ๑ ที่ใต้ม้ามีถุงใส่เครื่องคชาภรณถุง ๑ ที่เสาพระแท่นมณฑลนั้น ผูกพระแสงง้าว ๔ ทวน ๔ หอก ๔ ขอคร่ำ ๑ ขอไม้เท้า ๑ พระแสงปืน ๒ ครั้นแล้วเวลา ๕ โมงเศษ พระสงฆ์ ๑๐ รูปซึ่งจะได้เจริญพระพุทธมนต์ก็มานั่งตามลำดับแล้ว ก็ถวายไตรแลย่ามจีวรบาตรแล้ว พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ เวลาย่ำค่ำสวดมนต์จบพระก็กลับไปวัดพระที่สวดมนต์นั้นเหมือนที่วังกรมหมื่นพิชิตปรีชากร

ที่ในพระบรมมหาราชวัง ในพระที่นั่งสมมติเทวราชอุปบัติที่มุข มีการสวดมนต์ก่อพระฤกษพระที่นั่งใหม่ ตั้งมาหมู่ทั้งพระพุทธปฏิมาชัยในแผ่นดินประจุบันนี้องค์ ๑ หม้อน้ำเงิน ๘ หม้อ หีบขอบรรจุของสำหรับบรรจุในศิลา ๒ หีบ ศิลาทำแผ่น ๑๒ แผ่น ปิดทอง ๔ เงิน ๔ นาค ๔ พันผ้าสีชมภูทั้งสิ้น พระสงฆ์ ๑๐ รูปมีพระจันทรโคจรคุณเปนต้น ถานานุกรม ๙ รูป อนุจร ๑ รวม ๑๐ รูป (คืออย่างไรจึงได้เอาพระอนุจรเข้ามาในพระที่นั่ง คือว่า หมายเดิมว่าจะสวดมนต์ที่พระที่นั่งอาภรณพิโมกขปราสาท จึงได้นิมนต์แต่ถานา ๆ มาไม่ได้จึงให้อนุจรมาแทน) เวลาย่ำค่ำแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๑ ออกวันอังคาร เดือน ๖ แรม ๙ ค่ำ

พระจันทรโคจรคุณก็ถวายศีลแล้วก็เจริญพระพุทธมนต์ เวลานั้นมีพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยเฝ้าอยู่ในที่นั้นเปนอันมาก เวลาทุ่มเศษสวดมนต์จบแล้วเสด็จขึ้น

เวลา ๒ ทุ่ม เสด็จทางพระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงพระราชยานมาประทับเกยหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงจุดดอกไม้เพลิงบูชาพระพุทธรัตนปฏิมากรเสร็จแล้วเสด็จเข้าในพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแลทรงบูชาที่อื่น ๆ อิก แล้วทรงพระสุหร่ายประเทียนซึ่งจะเดิรนั้น แล้วทรงเอาเทียนชนวนลงมาหน้าพระอุโบสถ ทรงจุดพระราชทานพระบรมวงศานุวงศ์แล้ข้าราชการมีกรมราชบัณฑิตเปนต้น ครั้นจุดทั่วกันแล้ว พระปริยัติธรรมธาดาจารย์ก็สวดนำขึ้น แล้วผู้ที่จะเดิรทั้งหลายสวดตาม ครั้นจบแล้วก็กระทำปทักษิณตติยวารแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนพระอุโบสถ ทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการสำหรับทรงธรรม พระปลัดตาบวัดราชบพิธถวายเทศนาในธาตุวิภัชนคาถา แสดงพระปรินิพานแล้วถวายพระเพลิง เวลา ๕ ทุ่มเศษจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายปัจจัยทานเสร็จแล้ว พระจันทรโคจรคุณก็ถวายอติเรกถวายพระพรลากลับไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทางหลังวัด ทรงพระราชยานเข้าทางประตูพิมานไชยศรี ไปประทับเกยหน้าประตูพรหมโสภา เสด็จขึ้นพระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร

โดย ทองกองก้อนใหญ่

แผ่นที่ ๑๐๒ ออกวันพฤหัสบดี เดือน ๖ แรม ๑๑ ค่ำ

พระราชพิธีจรดพระนังคัล

การสวดมนต์พระราชพิธีจรดพระนังคัลเหมือนอย่างทุกปีนั้น ในปีชวดอัฐศก จุลศักราช ๑๒๓๘ ได้ตกลงในวันพุธ เดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาเย็นเจ้าพนักงานได้เชิญพระพุทธรูปพระคันธารราษฐ ๑ พระพุทธรูปพระไชยในรัชกาลประจุบันนี้ ๑ พระพุทธรูปยืน ๑ พระพุทธรูปแก้วครอบ ๑ ไปตั้งที่เตียงมณฑลณพลับพลาท้องสนามหลวง ครั้นเวลาค่ำ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทเวศวัชรินทร จึงทรงถวายไตรจีวรแก่พระสงฆ์ มีหม่อมเจ้าพระสังวรวรประสาทเปนประธาน กับพระสงฆ์เปรียญอิก ๑๐ รูป รวมเปน ๑๑ รูป ครั้นพระสงฆ์ครองไตรจีวรเสร็จแล้ว จึงมานั่งที่ กรมพระเทเวศวัชรินทรจึงทรงจุดธูปเทียนที่นมัสการ แล้วหม่อมเจ้าพระสังวรวรประสาทจึงถวายศีล ครั้นจบแล้วพระศรีสุนทรโวหารจึงอ่านประกาศว่าด้วยพระราชพิธีจรดพระนังคัล แลกรมพระเทเวศวัชรินทรจึงประทานเทียนชนวนแก่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ไปจุดเทียนนมัสการในหอพระคันธารราษฐ แลที่บูชาพระเทวรูปณพลับพลาหลังเล็กริมสระอิกแห่งหนึ่ง ครั้นพระศรีสุนทรโวหารอ่านประกาศจบแล้ว พระสงฆ์ ๑๐ รูปจึงได้เจริญพระพุทธมนต์ตามธรรมเนียมพระราชพิธีนี้ แลพระยาอภัยรณฤทธิซึ่งจะได้แรกนานั้น กับเจ้าจอมเถ้าแก่ทั้ง ๔ คือ คุณขำ ๑ คุณจีน ๑ คุณทับ ๑ คุณจันทร์ ๑ ซึ่งว่าที่นางเทพีตามวิธีพระราชพิธีนั้น ได้ฟังพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ตามธรรมเนียมเหมือนอย่างทุกปี ครั้นพระสงฆ์ได้เจริญพระพุทธมนต์จบแล้วจึงยถาสัพพีกลับวัด เปนเสร็จการสวดมนต์พระราชพิธีในกรุงเทพมหานครนี้

อนึ่งข้าพเจ้า มีความขอบพระทัยในพระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์เปนอันมาก ด้วยตัวข้าพเจ้าเองนั้นหาได้อยู่ในกรุงเทพ ฯ เมื่อทำการพระราชพิธีไม่ แลเพราะฉนั้น พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ ท่านได้ทรงกรุณาโปรดจัดการเหล่านี้ให้เปนประธาน มิให้การที่จะลงพิมพ์นี้เสียไป

โดย เทวัญอุไทยวงศ์

แผ่นที่ ๑๐๓ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๑๒ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง

ณวันพฤหัสบดี เดือน ๖ ใน ๑๒ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้าพระยาอภัยรณฤทธิ จางวางตำรวจซ้าย ไปสู่ที่โรงพักทุ่งส้มป่อย แต่งตัวนุ่งผ้าบ่าวขุนสวมเสื้อเยียระบับอย่างน้อย สวมเสื้อครุยชั้นนอก ใส่ลำพอกเกี้ยวทองคำ เวลาเช้า ๓ โมง พระยาอภัยรณฤทธิขึ้นนั่งบนเสลี่ยงกง แห่มาเข้าโขลนทวารด้านตวันออกเฉียงเหนือ มาพักอยู่ที่โรงพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระเทวรูป พระมหาราชครูพิธียกพานผ้า ๓ ผืนขึ้นอธิษฐาน แล้วมาวางให้พระยาอภัยรณฤทธิ ๆ จับผ้า ๕ คืบ นุ่งจีบ หลวงธรรมาภิมณฑ์เชิญพระเต้าเทวปิดนำหน้า ขุนศรีสบสมัยเชิญพระโคพระพลเทพ ขุนศรีวาเภา ๑ ขุนจันตารา ๑ เป่าสังข์ หลวงศิวาจารย์ ๑ หลวงสุริยาเทเวศ ๑ คู่เคียงนำหน้าพระยา พระมหาราชครูพิธีถือปโฏทกัณฑส่งให้พระยา แล้วพระยามาถือหางไถ ครั้นได้พรุณฤกษ์ เวลาเช้า ๔ โมง ๑๘ มินิต พระยาบ่ายหน้าไปทิศอิศาณ ไถโดยรี ๓ รอบ เจ้าจอมเถ้าแก่ ๔ คน คุณขำ ๑ คุณจีน ๑ คุณทับ ๑ คุณจันทร์ ๑ เปนนางเทพี หาบกระเช้าเงินคู่ ๑ กระเช้าทองคำ ๑ ช่วยกันหว่านเข้ากับพระยาอภัยรณฤทธิ ๆ ไถโดยแปลง ๓ รอบแล้วไถกลับอีก ๓ รอบ ถ้วนคำรบ ๙ รอบ จึงขึ้นมานั่งบนโรงพิธี หลวงชนานุกูลยกภาชนที่ใส่เข้าเปลือก เข้าโภช ถั่วงา หญ้า น้ำเหล้า เอามาตั้งให้โคกิน โคกินเข้าโภชงาเข้าเปถือกแล้ว แห่พระยากลับมายังโรงที่พัก

อนึ่งเวลาเช้าวันนี้ มีการเลี้ยงพระในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลที่พลับพลาท้องสนามหลวง

ข่าวสิ้นพระชนม์

เวลาเช้า ๕ โมงเศษ พระบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสิทธิสุขุมการ สิ้นพระชนม์ พระชนม์พรรษาได้ ๖๐ ปี

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๔ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๑๒ ค่ำ

แจ้งความ

หนังสือข่าวราชการซึ่งออกในวันจันทร์ เดือน ๖ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ แผ่นที่ ๗๔ ว่าด้วยข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง ใน วันจันทร์ เดือน 6 ขึ้น ๙ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ ว่าด้วยพระยาศรีสิงหเทพนำใบบอกพระยาพนมศก ขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณานั้นผิดไป คือนำใบบอกพระยานุภาพไตรภพ ผู้ว่าราชการเมืองเสียมราบ ขึ้นกราบบังคมทูล

โดย มนุษยนาคมานพ

แผ่นที่ ๑๐๕ ออกวันศุกร์ เดือน ๖ แรม ๑๓ ค่ำ

ข่าวราชการในพระบรมมหาราชวัง ก่อฤกษ์พระที่นั่ง (จักรีมหาปราสาท)

ณวันพุธ เดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ ปีชวดอัฐศก ศักราช ๑๒๓๘ เวลาเช้า เจ้าพนักงานได้จัดการที่ก่อฤกษเสร็จแล้ว เหมือนอย่างที่พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ผู้แทนแต่งข่าวในวันอังคารได้พรรณาไว้แล้วนั้น ครั้นเวลา ๒ โมงครึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทรงเครื่องฉลองพระองค์เต็มยศอย่างทหาร พร้อมด้วยเครื่องราชอิศริยยศอย่างสยามทั้ง ๔ พระองค์ แลสายสพายเครื่องราชอิศริยยศอย่างสูง ชื่อนพรัตนราชวราภรณ์ เสร็จแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรแต่พระที่นั่งบรมราชสถิตย์มโหฬาร ออกทางทวารกลางตรงเฉลียงพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ สมมติเทวราชอุปบัติต่อกันนั้น ประทับที่ทรงนมัสการมีพระพุทธปฏิมากรพระไชยในรัชกาลปัตยุบันนี้เปนประธาน แล้วพระจันทรโคจรคุณจึงถวายศีล ครั้นทรงศีลแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรลงจากที่เฉลี่ยงนั้น ไปประทับเรือนผ้าใบซึ่งปลูกอยู่ตรงหน้าอัฒจันทร์ใหญ่หว่างศิลาฤกษ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์แลข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อย ฝ่ายทหารพลเรือน แต่งเต็มยศแลสวมเครื่องราชอิศริยยศตามตำแหน่งแลที่ได้รับพระราชทาน ครั้นได้เวลาฤกษ์ ๒ โมงกับ ๓๖ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงบ่ายพระพักตร์ไปสู่ทิศพายัพ แล้วจึงเสด็จพระราชดำเนิรประทับแทบที่ศิลาฤกษ์ข้างซ้าย ศิลาฤกษ์นั้นเปนศิลาจีน ๒ แท่ง ๆ หนึ่งกว้างประมาณ ๑ ศอก หนา ๑ ศอก ยาว ๒ ศอก เท่ากันทั้ง ๒ แท่ง ๆ หนึ่งเจาะเปนวงกลาง สำหรับจะได้บรรจุหีบตะกั่วซึ่งประจุหนังสือต่าง ๆ ซึ่งจะได้พรรณาต่อไปภายหลัง ศิลาแท่งนี้ตั้งอยู่ในผนังข้างซ้ายอัฒจันทร์ ผนังนั้นก่อพ้นดินประมาณศอกหนึ่ง หีบตะกั่วนั้นยาว ๑ ศอกกับ ๖ นิ้ว กว้าง ๖ นิ้ว สูง ๔ นิ้ว ปิดทองคำเปลวทั้งข้างนอกข้างใน ๆ หีบนั้นบรรจุรูปตัวอย่างพระที่นั่งซึ่งจะสร้างขึ้นใหม่ในครั้งนี้นั้น ๑ รูป

แผ่นที่ ๑๐๖ ออกวันเสาร์ เดือน ๖ แรม ๑๓ ค่ำ

แบบพระที่นั่งซึ่งปันเปนห้องต่าง ๆ นั้น ๑ รูปสองอย่างนี้มิศเตอร์ยอนคูลนิชนายช่างอังกฤษ ซึ่งเปนนายช่างทำตึกหลวงต่าง ๆ ในกรุงเทพ ฯ แลมีเงินต่าง ๆ ซึ่งจะมีบาญชีต่อไปนี้นั้น บรรจุในหีบนั้นด้วย คือ ทองทศทองพิศทองพัดดึงส์อย่างละเหรียญ ทองพดด้วงเถาตรามงกุฎ คือ ทองบาท ทอง ๒ สลึง ทองสลึง ทองเฟื้อง ทองสองไพ อย่างนี้ ๑ เถา เงินพดด้วงตราสังกระนกฤๅบัวผัน ซึ่งทำแต่ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ๑ บาท เงินพดด้วงตราครุฑ ซึ่งทำขึ้นในเมื่อแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ๑ บาท เงินพดด้วงตราปราสาทในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑ บาท เงินพดด้วงตรามงกุฎ ๑ บาท เงินพดด้วงตรามงกุฎ ๑ สลึง เงินพดด้วงตรามงกุฎ ๑ เฟื้อง เงินเหรียญตรามงกุฎ ๑ บาท เงินเหรียญตรามงกุฎ ๑ สลึง เงินเหรียญตรามงกุฎ ๑ เฟื้อง รวม ๖ อย่างนี้ ได้สร้างขึ้นแต่ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เงินเหรียญตราพระเกี้ยว ๑ บาท เงินเหรียญตราพระเกี้ยว ๑ สลึง เงินเหรียญตราพระเกี้ยว ๑ เฟื้อง เงิน ๓ อย่างนี้ได้สร้างขึ้นแล้วในแผ่นดินปัตยุบันนี้ แลเงิน ๖ อย่างซึ่งสร้างในเบ็ญจรัชกาล ซึ่งกล่าวแต่ต้นก็ดี เงิน ๓ อย่างซึ่งสร้างแล้วในรัชกาลปัตยุบันนี้ซึ่งได้กล่าวแล้วก็ดี รวม ๙ อย่างนี้ ด้านหลังเงินเหรียญเหล่านั้นเปนรูปตราช้างยืนบนแท่น แลมีลายรูปจักรอยู่รอบนอกทั้ง ๙ ดวง เงินเหรียญแผ่นดินสยามด้านหนึ่งเปนพระรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลปัตยุบันนี้ด้านหนึ่งนั้น ๑ บาท เงินเหรียญมีตราแผ่นดินสยามอย่างย่อม แลรูปเหมือนเงินบาทนั้น ๑ สลึง เงินเหรียญมีตราดังเงินสลึง แต่ย่อมกว่านั้น ๑ เฟื้อง เงิน ๓ อย่างนี้จะได้สร้างขึ้นใช้แต่ปีนี้ไป ทองแดงตรามงกุฎด้านหลังเปนรูปช้างยืนแท่นอยู่ในวงจักร แลมอักษรไทยจีนอังกฤษ ๓ ภาษา บอกราคาว่า ๒ อันต่อเฟื้อง ๑ ซีก ทองแดงตราเหมือนทองแดงซีกแต่ย่อมกว่าแลเปลี่ยนราคาที่บอกนั้นเปน ๔ อันต่อเฟื้อง ๑ ซีกตะกั่วตรามงกุฎด้านหนึ่ง ๆ เปนรูปช้างยื่นแทนอยู่ในกงจักร แลมีอักษรไทยจีนอังกฤษ ๓ ภาษาว่าเปนความ ๘ อันเฟื้องอัน ๑ อัฐ ตะกั่วมีตราแลรูปช้างเหมือนกับอัฐ แต่อักษร ๓ ภาษานั้นเปลี่ยนเปน ๑๖ อันเปนเฟื้อง แลรูปก็ยอมกว่าอัฐนั้น ๒ โสพศ ทองแดงแลตะกั่ว ๔ อย่างดังที่ว่าแล้วนั้น เปนของได้สร้างขึ้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๗ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ

ทองแดงตราอักษร จ.ป.ร. แลมีพระเกี้ยวครอบด้านหนึ่ง กับเปนอักษรไทยว่าเซี่ยว ๔ อันต่อเฟื้อง แลมีช่อใบไม้ไชยพฤกษ์วงอยู่รอบนั้นอยู่ด้านหลังอย่างนี้ ๑ เซี่ยว ทองแดงมีตราเหรียญอย่างเซี่ยวแต่ย่อมกว่า แลหนังสือข้างด้านหลังก็บอกเปลี่ยนไปเปนว่าอัฐิ ๘ อันต่อเฟื้องอย่างนี้ ๑ อัฐิ ทองแดงมีตราอย่างเซี่ยวฤๅอัฐิที่ว่าแล้วนั้น แต่ย่อมกว่านั้น แลอักษรข้างด้านหลังก็เปลี่ยนเปนโสฬศ ๑๖ อันต่อ ๑ เฟื้องอย่างนี้ ๑ โสพศ ตะกั่วตราพระเกี้ยวด้านหนึ่งรูปช้างยืนอยู่ในวงจักร แลมีอักษรไทยบอกว่า ๑๖ อันเปนเฟื้อง ๑ โสฬศ รวมทองแดงตะกั่ว ๔ อย่างนี้นั้นได้สร้างขึ้นในรัชกาลปัตยุบันนี้ แลมีรูปถ่ายต่าง ๆ ดังจะได้มีบาญชีบอกต่อไปฉนี้ รูปพระอุโบสถวัดพระเชตุพน ๑ ภายนอกพระบรมมหาราชวัง ตรงหน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๑ รูปช้างกัน ๑ รูปพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ๑ รูปโรงกระสาปน์สิทธิการที่ทำเงินเก่า ๑ รูปพระระเบียงวัดมหาธาตุ ที่สถิตย์แห่งพระพุทธชินราช ณเมืองพิษณุโลก ๑ รูปหอกลอง ๑ รูปพระที่นั่งอาภรณพิโมกข์ปราสาท ๑ รูปวัดศาลาปูนกรุงทวาราวดี ๑ รูปแม่น้ำเจ้าพระยาตรงหน้าพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ๑ ภายในพระที่นั่งอนันตสมาคมตั้งแต่งเครื่องพร้อมเหมือนเวลาเสด็จออก ๑ รูปพระประถมเจดีย์ ๑ รูปพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ แลพระที่นั่งปราโมชมหาสวรรค์ แลพระราชธรรมสภา ที่เมืองเพชรบุรี ๑ รูปเฉลียงพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๑ รูปราชทูตเมืองสเปนแต่งตัวอย่างไทย ขี่ช้างที่ตรงหน้าตำหนักในวังสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระบำราบปรปักษ์ ๑ รูปราษฎรชาวสยาม ๑ รูปพระเถรานุเถรซึ่งได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธรัตนสถาน เมื่อเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกทรงผนวชอยู่ที่นั่น ๑ พระรูปพระมหาพิไชยมงกุฏเปนเครื่องต้นสำหรับ

----------------------------

แผ่นที่ ๑๐๘ ออกวันอาทิตย์ เดือน ๖ แรม ๑๔ ค่ำ

พระเจ้าแผ่นดิน ๑ รูปพระคนโทเครื่องต้นสำหรับพระเจ้าแผ่นดิน ๑ รูปพระเจดีย์ ๓ องค์ในวัดพระเชตุพน ๑ รูป วัดมงคลบพิตรกรุงทวาราวดีศรีอยุธยา ๑ รูปแพจอดในลำแม่น้ำเจ้าพระยา ๑ รูปเรือกำปั่นจอดในลำแม่น้ำเจ้าพระยา ๑ ตึกใหญ่สำหรับเปนที่เก็บของประหลาดต่าง ๆ ที่หลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ๑ รูปในเมืองพิมาย ๒ อย่าง รูปปราสาทหินในเมืองพิมาย ๑ รูปถนนหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท ๑ รูปเจ้าพระยาปราบไตรจักร์ผูกเครื่องอย่างช้างพระที่นั่งละคอ ยื่นแท่นเทียบเกยพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ ๑ รูปพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ๑ รูปเขาพระพุทธบาท ๑ รูปวัดพนมวันเมืองนครราชสีมา ๑ พระรูปพระพุทธรัตนปฏิมากรมรกฏในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๑ รูปท่าราชวรดิษฐ ๑ รูปประตูวัดอรุณราชวราราม ๑ รูปหัวถนนบำรุงเมือง นายห้างลอรีแต่งการเมื่อเฉลิมพระชนม์พรรษา ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๑ รูปวัดประทุมวนารามเมื่อฉลองวัดนั้น ๑ รูปพระอุโบสถพระพุทธรัตนสถาน ๑ รูปพลับพลาหน้าพระที่นั่งสุทไธศวริยปราสาท เมื่อเวลาทหารประชุมพร้อมกันทูลเกล้า ฯ ถวายตราจักรมาลา ๑ รูปปั้นเรื่องเวสสันตรชาดกที่พระประถมเจดีย์ ๑ รูปพระที่นั่งชลังคพิมาน ทิพยสถานเทพสถิตย์ราชกิจวินิจฉัย, อนงคในสราญรมย์ เมื่อเวลาแห่งการเฉลิมพระชนมพรรษา ๑ รูปประตูเมืองลพบุรี ๑ รูปตำบลบ้านลาวเมืองเพ็ชรบุรี ๑ รูปหน้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๑ ภายในพระอุโบสถวัดราชประดิษฐสถิตย์มหาสิมาราม ๑ รูปถนนริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง ใกล้พระที่นั่งสุทไธศวริย์ปราสาท ๑ รูปวัดพนมวันเมืองนครราชสิมาตามยาว ๑ รูปภูเขาทองริมวัดสระเกศ ๑ รูปศิลาประตูปราสาทเมืองพิมาย ๑ รูปหอระฆังคูหาวัดพระยาทำ ๑ รูปหินสลักในเมืองพิมาย ๑ รูปเพนียดช้างที่กรุงทวาราวดีศรีอยุธยา ๑ พระรูปพระพุทธชินศรีในอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ๑ รวมทั้งสิ้นเปน ๕๓ รูป ๆ เหล่านี้ม้วนผูกในถุงเข้มขาบ บรรจุในหีบตะกั่วนั้นเหมือนกัน แลมีหนังสือเรื่องราวว่าด้วยพระที่นั่งนี้ ดังจะได้มีสำเนาความต่อไป แลในหนังสือนั้นมีพระราชลัญจกรประทับอิก ๔ องค์ คือพระราชลัญจกรไอราพตองค์ใหญ่ ๑ พระราชลัญจกรพระบรมราชโองการ ๑ พระราชลัญจกร เปนพระคาถาว่า สฺยามโลกคคราชสส สนเทสลชนํ อิทํ อชฺฌากาสสานุสาสกสส วิชิเต สพฺพชนฺตุนํ รวม ๓ องค์นี้ ประทับที่เบื้องบน หนังสือเรียงเปนลำดับกัน

แผ่นที่ ๑๐๙ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ แรม ๑๕ ค่ำ

คือองค์ซึ่งออกนามครั้งแรกอยู่กลาง ที่ ๒ นั้นอยู่ขวา ที่ ๓ นั้นอยู่ซ้าย อนึ่งข้างท้ายหนังสือนี้นั้นมีพระราชลัญจกรสำหรับกรุงสยามอิก ๑ รวมเปนได้ประทับพระราชลัญจกร ๔ องค์ แลมีสำเนาความดังนี้

ศุภมัสดุ พระพุทธสาสนกาล เปนอดีตภาคล่วงแล้ว ๒๔๑๑ พรรษา จุลศักราช ๑๒๓๐ ปีมะโรงสัมฤทธิศก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชรวิวงศ์ วรุตมพงศ์บริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราหณี จักรีบรมนาถมหามงกุฏราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอรรคอุกฤษฐไพบูลย บูรพาดูลยกฤษดาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผล อุดมบรมสุขุมาลย ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณ อดุลยพิเศษสรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิฐศักดิสมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยาภิรมย์ อุดมเดชาธิการ บริบูรณคุณสาร สยามาทินครวรุตเมกราชดิลก อนันตมหันตวรฤทธิเดช สรรพพิเศษศิรินธร มหาชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพดลเศวตฉัตราติฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชา ภิเษกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลศักดิอัคนเรศราธิบดี เมตากรุณาสีตลหฤทัยอโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราชบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษก สืบบรมราชสันตติพงศ์เปนลำดับพระเจ้าแผ่นดินสยามที่ ๕ ในพระบรมราชวงศ์จักรีมหากษัตริย์ศึก ซึ่งได้

----------------------------

แผ่นที่ ๑๑๐ ออกวันจันทร์ เดือน ๖ แรม ๑๕ ค่ำ

ประดิษฐานแลดำรงกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร มหินทราโยธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน เปนมหานครราชธานใหญ่ในแผ่นดินสยามเหนือใต้ แลประเทศราชซึ่งใกล้เคียง คือ ลาวเฉียง ลาวกาว มาลายู กะเหรียงแลอื่น ๆ ทรงพระราชดำริห์ว่า ที่ตำหนักเดิมซึ่งเปนที่อุดมมหามงคลสถาน ที่ประสูติของพระองค์แต่เดิมนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเปนประถมบรมราชวงศ์นี้ ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติปราบดาภิเษก ดำรงกรุงสยามในพระพุทธสาสนกาล ๒๓๒๕ พรรษา จุลศักราช ๑๓๔๔ ปีขาลจัตวาศก ได้ทรงประดิษฐานพระนครในฟากฝั่งบูรทิศของลำน้ำเจ้าพระยาณตำบลบางกอก แลทรงสร้างพระบรมมหาราชวัง แลพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งพิมานรัตยา พระปรัสเรือนจันทน์น้อยใหญ่ทั้งปวง แลพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหศวริยพิมาน แลพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานฝ่ายใน แต่สรรพสิ่งสำหรับพระนครแลสำหรับราชอิศริยยศทั้งปวง ได้ทรงสร้างพระราชอุทยาน ๒ ข้างพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานเบื้องบุรพทิศ เรียกว่าสวนขวา เบื้องประจิมทิศเรียกว่าสวนซ้ายสืบมา ครั้นสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จสวรรคต พระพุทธสาสนกาลได้ ๒๓๕๒ พรรษา จุลศักราช ๑๑๗๑ ปีมะเสงเอกศก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชมไหศวริยสมบัติ สืบสันตติวงศ์ดำรงพิภพสยาม โดยผาสุกสวัสดิสืบมา ครั้นเสด็จสู่สวรรคตแล้ว สมเด็จพระบรมเชษฐโอรสาธิราชได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ทรงพระนามพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระพุทธสาสนกาล ๒๓๖๗ พรรษา จุลศักราช ๑๑๘๖ ปีวอกฉศก จึงทรงพระกรุณาโปรด ฯ ให้สร้างพระตำหนักถวายสมเด็จพระบรมราชชนนี ซึ่งทรงพระนามกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย ลงในสวนซ้ายนี้ มีพระตำหนักหอหลัง ๑ อยู่ด้านบุรพา แล้วมีชลาในด้านอุดรของชลานั้น มีหอพระหลัง ๑ ด้านทักษิณเปนประตูพระตำหนักด้านประจิมเปนพระตำหนักแฝด แล้วต่อไปเปนชลา มีเรือน ๕ ห้อง เฉลียง ๓ ด้าน ๒ หลังหันหน้าเข้าหากัน มีเรือน ๕ ห้องเฉลียงรอบ ต่อไปข้างตวันตกหลัง ๑ หลังต่อมีเรือนในระวาง ๕ ห้องเฉลียงรอบกับ ๕ ห้องเฉลียง ๓ ด้านข้างทิศทักษิณมีอิกหลัง ๑ ห้องเครื่อง ๕ ห้องหลัง ๑ ประตูมาจากชลาประตู ๑ ด้านอุดรหลังโรงพระยาช้างเผือกมีเขื่อนเพ็ชร

----------------------------

  1. ๑. คำสปิชอยู่ในแผ่นที่ ๗๐

  2. ๒. ตรงนี้ผิดมีบอกแก้ในแผ่นที่ ๑๐๔

  3. ๓. ตรงนี้ผิด มีบอกแก้ในแผ่นที่ ๑๒๑

  4. ๔. ตรงนี้ผิด มีบอกแก้ในแผ่นที่ ๑๒๑

  5. ๕. คือสหทัยสมาคมบัดนี้ ครั้งจัดเปนพิพิธภัณฑ์สถาน

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ