๔. คราวเปนพระดรุณ
พอสึกจากเณร เจ้าพี่ใหญ่ประทานเงิน ๔๐๐ บาทแก่เรา เพื่อจะได้ซื้อเครื่องแต่งตัว เครื่องใช้แลเครื่องแต่งเรือน เปนของใม่เคยรับ อยู่ข้างตื่นเต้นมาก ฯ ครั้งยังเด็กได้รับพระราชทานเงินแจกตามคราวนั้น ๆ เช่น คราวจันทรคราธได้ ๔ บาท ผู้ใหญ่เก็บเสีย ปล่อยให้จ่ายซื้ออไร ๆ ได้ตามลำพัง แต่เงินสลึงที่ได้รับพระราชทานในคราวทำบุญพระบรมอัฐิ คราวนี้ถึง ๔๐๐ บาท ยายก็ปล่อยใม่เก็บเอาไปเสีย จ่ายอไรต่างๆ เพลิดเพลิน ฯ เรานึกว่าเราเปนหนุ่มขึ้น ควรแท้จริงจะจ่ายเอง แต่โดยที่แท้ ในการจับจ่ายก็ยังเปนเด็กอยู่นั่นเอง ใม่รู้จักของจำเปนหรือใม่ เมื่อจะซื้อ ใม่รู้จักราคาพอดี ใม่รู้จักสิ้นยัง เอาความอยากได้เปนเกณฑ์ เงิน ๔๐๐ บาทนี้เปนปัจจัยยังเราให้สุรุ่ยสุร่ายต่อไปข้างน่าอิก ฯ
ครั้งยังอยู่ในพระบรมหาราชวัง ล้นเกล้า ฯ โปรดให้พวกเราหัดขี่ม้าบ้าง บางคราวออกมาอยู่นอก ใช้ม้าเปนพาหนะไปไหน ๆ เปนต้นว่าเข้าวัง ใม่ช้าเท่าไรเราก็ขี่ชำนาญ พอขึ้นหลังม้าเปนวิ่งหรือห้อ เที่ยวเสียสนุก รู้สึกเปนอิศระด้วยตัวเอง เหมือนพระเปนนิสสัยมุตตกะ ถนนบางรัก ถนนสีลม เปนแดนเที่ยวของเรา เพราะเปนทางไกลที่หาได้ในครั้งนั้นจะได้ห้อม้า ทั้งเปนทางไปห้างเพื่อซื้อของด้วย ฯ ต่อมาเกิดใช้รถกันขึ้น เปนรถโถงสองล้อชนิดที่เรียกว่าดอกก๊าดบ้าง เปนรถประทุนสองล้อก็มี สี่ล้อก็มี ผู้นั่งขับเอง ใช้รถมีสารถีขับเฉพาะเวลาออกงาร เราก็พลอยใช้รถกับเขาด้วย ขับเองเหมือนกัน สนุกสู้ขี่ม้าใม่ได้ ฯ เราตกม้าตั้ง ๙ ครั้งหรือ ๑๐ ครั้ง ใม่เคยมีบาดเจ็บหรือฟกช้ำสักคราวหนึ่ง ม้าดำที่เราขี่มันเชื่อง พอเราตกมันก็หยุดรอเรา ฯ พูดถึงม้าดำตัวนี้ เราอดสงสารมันใม่ได้ คนเลี้ยงดุร้าย คราวหนึ่งเอาบังเหียนฟาดมัน ถูกตาข้างหนึ่งเสีย ฯ เราตกรถครั้งเดียว มีบาดเจ็บเดิรใม่ได้หลายวัน เกือบพาเสดจกรมพระเทววงศ์วโรปการผู้เสดจมาด้วยกันตกด้วย ฯ เที่ยวนี้เราใช้ม้าแซมเทียม ม้าตัวนี้ขนาดสูงลั่ง แต่พยศใช้ขี่ใม่ได้ จึงใช้เทียมรถ ตั้งแต่มันพาเราตกรถแล้ว อย่างไรใม่รู้ พอหายเจ็บ ใช้มันอิก เหนมันกลายเปนสัตว์เชื่องไป ภายหลังใช้ขี่ได้ ใช้มันมาจนถึงเวลาเราบวชพระ ฯ
ตั้งแต่เกิดธรรมเนียมเลี้ยงโต๊ะอย่างฝรั่ง ธรรมเนียมดื่มมัชชะ ก็พลอยเกิดตามขึ้นด้วย แต่ในครั้งนั้นใช้มัชชะเพียงชนิดเปนเมรัย ยังใม่ถึงชนิดสุรา ฯ เราตื่นธรรมเนียมฝรั่ง ปราถนาจะได้ชื่อในทางดื่มมัชชะทน พยายามหัดเท่าไรใม่สำเร็จ รสชาติก็ใม่อร่อย ดื่มเข้าไปมากก็เมาใม่สบาย เพราะเหตุเช่นนี้เราจึงรอดจากติดมัชชะมาได้ ฯ คนติดมัชชะใม่เปนอิศระกับตัว ใม่มีจะกิน เดือดร้อนใม่น้อย เมาแล้วปราศจากสติคุมใจ ทำอไรมักเกินพอดี ที่สุดหน้าตาแลกิริยาก็ผิดปกติ กินเล็กน้อยหรือบางครั้ง ท่านใม่ว่าก็จริง แต่ถ้าเมาแล้วทำเกินพอดี ท่านใม่อภัย ถ้าติดจนอาการปรากฏ ท่านใม่เลี้ยง ศิษย์ของเราผู้แก่วัดสึกออกไป ยังใม่เคยรู้รส จงประหยัดให้มาก เพราะยากที่จะกำหนดความพอดี ฯ
ธรรมเนียมปล่อยให้เล่นการพนันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ ทำให้เราเคยมากับการพนัน โตขึ้นก็ทวีตามส่วนแห่งทุนที่ใช้เล่น เราเคยเล่นมากอยู่ก็ไพ่ต่างชนิด น่าประหลาดความเพลิน เล่นหามรุ่งหามค่ำก็ได้ ใม่เปนอันกินอันนอน ถ้าเพลินในกิจการหรือในกุศลกรรมเหมือนเช่นนี้ก็จะดี อารมณ์ก็จอดอยู่ที่การเล่น อาจเรียกว่ามิจฉาสมาธิเกือบได้กระมัง ฯ อไรเปนเหตุเพลินถึงอย่างนั้น? ความได้ความเสียนี้เอง ฯ เล่นเสมอตัว คือใม่ได้ใม่เสียแทบกล่าวได้ว่าใม่มีเลย เล่นได้ ก็มุ่งอยากให้ได้มากขึ้นไป เล่นเสีย ยังน้อยต้องการแก้ตัวเอากำไร เสียมากเข้า เหนหากำไรใม่ได้แล้ว ต้องการพอเอาทุนคืน เช่นนี้แลจึงเพลินอยู่ได้ ฯ เล่นอย่างเราเสียทรัพย์ใม่ถึงฉิบหาย แต่เสียเวลาอันหาค่ามิได้ของคนหนุ่ม ฯ โปหรือหวยใม่เคยเล่น เพราะเปนการเล่นของคนชั้นเลว ฯ ศิษย์ของเราผู้แก่วัด สึกออกไป ยังใม่เคยเล่น อย่าริเล่นเลย ตกหล่มการพนันแล้ว ถอนตัวออกยาก เพราะเหตุความเพลินนั้นเอง เราเคยพบคนเล่นการพนัน ถึงฉิบหายย่อยยับ แม้อย่างนั้นยังเว้นใม่ได้ คนมีทรัพย์เล่นใม่ถึงฉิบหาย แต่เสียเวลา ฯ ฝ่ายเราได้โอกาศถอนตัวออกได้สดวก ฯ เราตื่นเอาอย่างฝรั่งหนักเข้า ฝรั่งครั้งนั้นที่เรารู้จัก เขาใม่ฝักใฝ่ในการพนัน เล่นจะใม่เหมือนฝรั่ง จึงจืดจางเลิกไปเอง ภายหลังเมื่อตั้งหลักได้แล้วจึงรู้ว่า การพนันก็เปนหล่มอบายมุขที่ฝรั่งตกเหมือนกัน ตกตายก็มี กล่าวคือเล่นจนฉิบหายหมดตัวแล้ว เสียใจฆ่าตัวตาย ไพ่เปนอบายมุขซึ่งขึ้นชื่อของฝรั่งอย่างหนึ่งเหมือนกัน ฯ
เราใม่มีนิสสัยในทางคบสตรี แม้ถูกชวน ก็ยังมีชาตาดี ผเอิญให้คลาดแคล้ว รอดตัวจากอบายมุขอย่างนี้ ฯ แต่เราได้เหนผู้อื่นมีโรคติดตัวมาเพราะเหตุนี้ ทอนชีวิตสังขารแลได้ความลำบาก ฯ แม้แต่ตามประเพณีสตรีถวายตัวเปนหม่อม แต่เรายังใม่มีความรักดำฤษณาในสตรีเลย สุดแต่จะว่า เปนผู้กระดากผู้หญิง หรือเปนชนิดที่เขาเรียกว่าพรหมมาเกิด หรือเปนผู้เกิดมาเพื่อจะบวชอย่างไรก็ได้ เราเหนอยู่เปนชายโสดสดวกสบายกว่ามีคู่ ฯ ศิษย์ของเราผู้แก่วัดสึกออกไป ใม่เคยในทางนี้ จงประหยัดให้มากจากหญิงเสเพล แม้จะหาคู่จงอย่าด่วนจงค่อยเลือกให้ได้คนดี ถูกนักเลงเข้า อาจพาฉิบหาย ตั้งตัวใม่ติด ฯ
ครั้งนั้นยิงนกตกปลาเปนการเล่นที่นิยมของคนหนุ่ม เช่นเราผู้ชอบเอาอย่างฝรั่ง แต่เราเปนผู้ฝึกใม่ขึ้น หรือที่เขาเรียกว่าทำบาปใม่ขึ้น ฯ เรายิงนกใม่ฉมังพอที่ถูกแล้วตายทันทีทุกคราวไป บางคราวนกพิราบอันถูกยิงตกลงมา แต่ยังหาตายใม่ เราเหนตามันปริบ ๆ ออกสงสาร ดังจะแปลความในใจของมันว่า “ใม่ได้ทำอไรให้สักหน่อยยิงเอาได้” ตั้งแต่นั้นมาต้องเลิก แต่เรายังชอบการยิงปืนใม่หาย ต่อมาใช้หัดยิงเป่าเล่น ฯ เราตกเบ็ดใม่เคยได้ปลาจนตัวเดียว จะว่าวัดหรือกระตุกใม่เปนยังใม่ได้ ปลายังใม่เคยมากินเหยื่อที่เบ็ดของเราเลย ฯ
การอันทำให้เรายับเยินมากกว่าอย่างอื่น คือความสุรุ่ยสุร่าย ใม่รู้จักประหยัดทรัพย์ มีเงิน ๔๐๐ บาท นั้นเปนมูล ฯ เราใม่ได้เก็บเงินเองที่จะได้รู้สิ้นยัง แลยังใม่รู้จักหาเงินที่จะได้นึกเสียดาย สำคัญว่ายายมั่งมีจึงซื้อของใม่ประหยัด ฯ จะตัดเสื้อตามร้านเจ๊ก ก็เปนของที่เรียกว่าใม่ได้แก่ตัว ผ้าก็เปนของมีดื่น สรวมอายเขาตัดที่ห้างฝรั่งเสียเงินมากกว่า จึงเปนการที่ปราถนาก่อนโดยความเต็มใจ ฯ เครื่องใช้เครื่องแต่งเรือนตามร้านแขก มีศรีสู้ของห้างใม่ได้ ทั้งใม่พอใจเข้าร้านแขก เหนเสียศรี ทั้งเขาเรียกเงินสดด้วย ฯ ซื้อของห้างไปเองก็ได้ เขาต้อนรับขับสู้ เขาไว้หน้าใม่ต้องซื้อเงินสด เปนแต่เขาจดบาญชีแลให้ลงชื่อไว้ก็พอ ต่อเมื่อมากเข้า จึงส่งใบเสร็จมาเก็บเงินเปนคราวๆ ของที่ขายนั้นเปนของประณีตออกหน้าได้ ที่มีของร้านแขกเหมือน ก็ยังมีศรีว่าเปนของห้าง ด้วยการณะดังนี้ ห้างจึงได้เปนที่โคจรของเรา เหนอไรเข้าชั่งอยากได้ไปทั้งนั้น ซื้อเชื่อเหมือนได้เปล่า จะต่อราคาก็เหนเสียภูมิ์ฐาน ดูเปนคนปอนไป ฯ ถึงคราวเขาตั้งใบเสร็จมาเก็บเงิน ใบเสร็จใบหนึ่ง มีจำนวนเงินนับเปนร้อยๆ ยังเปนบุญที่ใม่ถึงเปนพันๆ นั่นแลจึงรู้สึกความสิ้นหรอคราวหนึ่ง แต่ใม่อไรนัก ขอเงินยายมาใช้เสียก็แล้วกัน ถ้าห้างนั้นๆ ส่งใบเสร็จมาเก็บเงินระยะห่างๆ กันก็ใม่พอเปนอไร แต่ห้างเจ้ากรรม พอรายหนึ่งได้เงินไปแล้วใม่กี่วัน รายที่สอง รายที่สาม ก็ยื่นใบเสร็จเข้ามาขอเก็บเงิน ยายรักเรามาก ขอคราวใดก็ได้คราวนั้น แม้แต่จะปริปากบ่นก็ใม่มี ฝ่ายเราก็รักยายมากเหมือนกัน เหนเช่นนั้นยิ่งเกรงใจยาย ใม่อยากให้ท่านนึกรำคาญใจ จึงขอผัดเขาไว้พอได้ระยะจึงใช้ นี่แลเปนความเดือดร้อนของเรา แต่ใม่ถึงเปนเหตุประหยัดซื้อของ ความลำบากใจนั้นจึงยังใม่วาย คราวหนึ่ง ห้างหนึ่งทนผัดใม่ไหวถึงยื่นฟ้องศาลคดีต่างประเทศขอให้ใช้หนี้ แต่เจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี บอกมาให้รู้ตัวแลขอให้ใช้เสีย เราได้ทำตาม โจทก์เขาก็ถอนฟ้อง ครั้งนั้นอยู่ข้างตกใจ กลัวเสียชื่อเพราะถูกขึ้นศาล เปนที่ใม่มีเงินจะใช้หนี้ แต่อย่างนั้นยังใม่เข็ด เปนแต่โกรธแลสาบห้างนั้น ใม่ซื้อของเขาอิกต่อไป ฯ เปนหนี้เขา ได้ความเดือดร้อนเช่นนี้ เรายังมีทรัพย์สมบัติของตนเอง มีญาติสนิทผู้มีกำลังทรัพย์อาจช่วยใช้หนี้ให้เรา หนี้ของเรา ใม่ใช่สินล้นพ้นตัว เปนแต่เราใม่ปราถนาจะรบกวนยายให้ได้ความรำคาญเพราะถูกขอเงินบ่อยๆ เท่านั้น คนไร้ทรัพย์แลหาคนสนับสนุนมิได้ เปนหนี้เขาถูกเจ้าหนี้ทวง ใม่มีใช้เขา จะเดือดร้อนสักปานไร ถูกเข้าฟ้องต้องขึ้นศาล ถูกเร่งถูกเอาทรัพย์ขายทอดตลาด หรือถูกสั่งให้ล้มลลาย จะได้ความอับอายขายหน้าเขาสักปานไร ความเปนหนี้เปนดุจหล่มอันลึก ตกลงแล้วถอนตัวได้ยากนัก ขอพวกศิษย์ของเราจงรวังให้มาก ฯ
เรายังพอเอาตัวรอด ใม่ปุยี่ปุยำ ในเวลาลำพอง เพราะใม่กล้าทำการที่ยังใม่มีผู้ชั้นเดียวกันทำ หรือมีผู้ทำแต่ยังไว้ใจใม่ได้ เช่นเมื่อครั้งยังเปนเด็ก ฯ
สึกจากเณรแล้ว เรายังได้เรียนภาษาอังกฤษต่อมากับครูแปตเตอร์สัน แต่เรียนส่วนตัวณะที่ประทับของสมเดจเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พร้อมกับพระองค์ท่านแลกรมพระเทววงศ์วโรปการ แต่กำลังลำพอง ทนเรียนอยู่ใม่ได้ต้องเลิก ฯ กำลังนี้เราได้เคยหัดในการประโคมอยู่บ้าง แต่เปนผู้ใม่มีอุปนิสสัยในทางนี้ เรียนใม่เปน ครั้งยังอยู่ในโรงเรียนฝรั่ง หัดดีดหีบเพลง ดีดสองมือใม่ได้ ดูบทเพลงที่เรียกว่าโน้ตใม่เข้าใจ หัดตีรนาด แก้เชือกผู้ไม้ตีเสีย ตีสองมือใม่ได้อิก แต่จำเพลงบางอย่างได้ ฯ
ในเวลานี้ เราใม่มีราชการประจำตัว ล้นเกล้าฯ ใม่ได้ทรงใช้ เหมือนเมื่อเปนเด็ก แต่ได้เข้าเฝ้าเวลาค่ำประจำวัน แลในการพระราชพิธีแลการพระราชกุศลนั้น ๆ เสมอมาใม่ห่าง ฯ
เปนความอภัพของเราผู้ใม่เคยได้เปนทหารสมแก่ชาติขัตติยะกับเขาบ้าง เมื่อครั้งยังเยาว พวกเจ้าพี่ของเราที่จำได้ สมเดจเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช กรมพระเทววงศ์วโรปการ ท่านเคยเปนนายทหารเล็ก ๆ แรกจัดขึ้นในพระบรมมหาราชวังชั้นใน บางทีจะอนุโลมมหาดเล็กไล่กาในรัชกาลที่สามกระมัง ครั้นท่านทรงพระเจริญเสดจออกนอกวังไปแล้ว ทหารชุดนั้นก็เลิกเสียด้วย จัดทหารมหาดเล็กหนุ่มๆ ขึ้นข้างน่า เรายังเปนเด็กอยู่ในปูนนี้ ก็ใม่มีทางจะเข้า ได้เคยเข้าแถวหัดเปนทหารสมัคอยู่พักหนึ่งที่วังสราญรมย์ ในคราวที่สมเดจเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชเสดจประทับ ใม่ทันถึงไหนก็เลิกเสีย หากว่าเราได้เคยเปนทหารมาบ้าง จักรู้สึกมีหน้ามีตาขึ้นกว่านี้ ฯ
นึกถึงยายในเวลานั้น เหนหลานกำลังลำพอง ยังใม่เปนหลักฐาน คงวิตกสักปานไร แต่ใม่รู้จะห้ามปรามอย่างไรกระมัง หรือท่านปลงใจว่าความลเลิงของคนรุ่นหนุ่มคงเปนไปชั่วแล่น แล้วก็ลงรอยเอง ฯ