เล่นถวายที่พระที่นั่งสนามจันทร์ ครั้งที่ ๑
คืนที่ ๑ ณวัน ๔ ๑ฯ ๑๐ ค่ำ ปีวอกจัตวาศก ๑๒๓๔
อาลักษณ๏ สักรวาขอบังคมประนมน้อม | พระจุลจอมเกษกระษัตริย์ฉัตรเฉลิม |
วงอาลักษณ์จักสนองร้องประเดิม | เปนบทเริ่มเพิ่มพระบารมี |
แม้นกล่าวคำลำพองคนองจิตร | มิได้คิดสอบสวนดูถ้วนถี่ |
ขอพระคุณมุลิกาฝ่าธุลี | อย่าได้มีโทษาแก่ข้า เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวามาบังคมประนมบาท | บรมไทธิราชนรังสรรค์ |
มิ่งมงกุฎอยุทธยาทั่วสามัญ | ดังฉัตรแก้วกางกั้นสยามภพ |
ทรงปัญญาดังมหากระแสสินธุ์ | ไม่รู้สิ้นไหลหลั่งพลั่งตระหลบ |
บำรุงเมืองเรืองงามอร่ามครบ | ขจรจบเกียรติยศปรากฎ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามาภิวาทบาทบงกช | ถวายบทบรมกรมอักษร |
เปนอไภยภูวเรศวิเศษกลอน | บทสมรมาลีลำนี้ละ |
พระมหาสงครามว่าตามที่ | เปนอรุณรัศมีทีเถิดหนะ |
สินสมุทกุมารานั้นหนาจ๊ะ | พระองค์ประเสริฐเปนฉันเห็นดี |
เมื่อร่วมลำกำปั่นสุวรรณมาศ | ทรงซ่อนเร้นเล่นพระราชสารศรี |
ทรงโศกเศร้าเข้าหานางมาลี | จบบทนี้พระอไภยว่าไป เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระอไภยวิไลยโฉม | ให้แสนโทมนัศนิ่งอิงเขนย |
แสนรัญจวนป่วนฤไทยไม่เสบย | ด้วยหวังเชยโฉมฉายไม่วายวัน |
หยิบกระดาษมาประดิษฐลิขิตสาร | แล้วสอบทานถูกแน่ไม่แปรผัน |
จึงตรัสเรียกลูกยาเข้ามาพลัน | ส่งสารนั้นรีบไปให้ทรามไวย เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาสินสมุทสุดฉลาด | รับกระดาษอักขราหาช้าไม่ |
แล้วทูลลาวิ่งมาโดยไวไว | ถึงเก๋งใหญ่เข้ามาหาแม่เลี้ยง |
พลางกระซิบกระซาบองค์ส่งกระดาษ | โดยฉลาดทูลไปไม่หลีกเลี่ยง |
แล้วเข้าชิดทรามไวยนั่งใกล้เคียง | ทูลบ่ายเบี่ยงว่าบิดาให้มา เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาพระธิดายุพาผิว | จึงกรีดนิ้วค่อยคำนับรับอักษร |
คลี่กระดาษราชสารออกอ่านกลอน | นางแค้นค้อนเจียนกระดาษขาดกระเด็น |
แล้วตัดภ้อขอสัตย์กลับนัดแนะ | แล้วเคาะแคะคดเคี้ยวขืนเคี่ยวเข็น |
ตรงหนังสือถือจิตรคิดไม่เปน | ไม่อยากเล่นเพลงยาวชื่อฉาว เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาสินสมุทสุดฉลาด | ช่างกริ้วกราดฉีกสาราปาเสียได้ |
จึงอ้อนวอนมารดาประสาใจ | เอออะไรแม่มาเปนไปเช่นนี้ |
ในสาราพระบิดาก็เหลือเอก | ฟังวิเวกแสนเสนาะเพราะเหมือนปี่ |
ท่านอ้อนวอนงอนง้อจะขอดี | ไม่ควรที่จะโกรธพิโรธ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาเคืองขู่ว่าจู้จี้ | อะไรนี่น่าชังมานั่งสอน |
เฝ้าร่ำไรให้แต่คิดแก้กลอน | การก่อนก่อนพ่อก็รู้อยู่ด้วยกัน |
ต้องยงยุทธอุศเรนเกณฑ์อังกฤษ | แทบชีวิตรมารดาจะอาสัญ |
อย่ามาสอนงอนแง่คิดแก้กัน | ไปหาทั่นบิดาต่อว่า เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาได้ฟังนางนั่งขู่ | น้ำตาพรูไหลซาบลงอาบหน้า |
ซ้ำออกชื่ออุศเรนเกณฑ์สาตรา | ยิ่งโกรธาขัดแค้นแน่นฤไทย |
บังคมลามาทูลบิตุเรศ | เอาเรื่องเหตุเล่าแจ้งแถลงไข |
เชิญเสด็จพระบิดารีบคลาไคล | จะกะไรดอกกระมังไปฟัง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระอไภยวิไลยลักษณ์ | ยินดีนักดังได้ชมสมประสงค์ |
จึงรีบรัดจัดแจงตกแต่งองค์ | มาไลยทรงสวมหัดถ์ทัดยาดม |
แล้วนาดกรายตรงกรากออกจากห้อง | ด้วยได้ช่องเรื่องธุระคงจะสม |
ถึงเก๋งใหญ่ใกล้ห้องทองประธม | ถามสนมว่าทรามไวยอยู่ไหน เอย. ๚ |
เจ้าจำเริญ๏ สักรวาพวกเหล่านางสาวศรี | เห็นภูมีแจ้งความถามไถ่ |
เวลาดึกเสด็จมาจะหาใคร | ไม่เกรงใจกระหม่อมฉันเหลือปัญญา |
จะเสด็จไปไหนไม่ทราบกิจ | โดยวิมุติสุจริตไม่กังขา |
จะเสด็จไปไหนไม่ไสยา | เสด็จเข้าไปหาในห้อง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาฟังความที่ถามไถ่ | จึงตอบไปตามจิตรดังคิดหมาย |
พระกล่าวแกล้งแสร้งเสเพทุบาย | เปนแยบคายพรางความที่ตามจริง |
นางโฉมฉายสั่งให้ข้าเข้ามาเฝ้า | ไม่ควรเจ้าจะตะบอยพูดอ้อยอิ่ง |
ใช่จะหมายมุ่งมาดมาพาดพิง | อย่าเกรงกริ่งใจเรานะเจ้า เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาพระบุตรีศรีสมร | เอกนิกรกัลยาใจกล้าหาญ |
แกล้งเดินดัดลัดแลงแฝงทวาร | ด้วยเดือดดาลโดยมานะในพระไทย |
เห็นเที่ยววนค้นหาทำหน้าโง่ | นึกจะโห่ให้ชะงักก็จักได้ |
ฉาช่างแต่งเต็มประดาใส่มาไลย | แล้วเดินไปตรวจทหารทุกด้าน เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระอไภยวิไลยลักษณ์ | ด้วยความรักคลุ้มคลั่งกำลังหลง |
ไม่แจ้งกลทรามสงวนนวลอนงค์ | เสด็จตรงขึ้นบนแท่นคิดแม่นใจ |
จึงเปิดผ้าคลุมประธมที่ห่มหุ้ม | ไม่พบพุ่มพวงขนิษฐพิศมัย |
ออกจากห้องให้ละเหี่ยเศร้าเสียใจ | จึงตรัสใช้ลูกยาเที่ยวหา เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาพระกุมารพานจะเขลา | ไม่รู้เท่าพระบิดาทำหน้าเสีย |
ให้เร่าร้อนฤไทยดังไฟเลีย | คิดละเหี่ยมองหาแม่แลตลึง |
เปิดตะลุ่มพุ่มพานจานฝา | ไม่เห็นหาแสนวิตกตีอกผึง |
ไม่เห็นจริงวิ่งไปใจคนึง | พอไปถึงบอกแม่อรุณ เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาอรุณน้อยกลอยสวาดิ | อยู่บนอาศน์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
นั่งเล่นเย็นลมแลชมจันทร์ | พระพี่นั้นวิ่งมาบอกอาการ |
นางตกใจไหวชะงักพระภักตร์เผือด | ไม่มีเลือดแสนวิโยคโศกสงสาร |
แล้วนางรีบจรดลวิ่งลนลาน | เปิดทวารเที่ยวหาหม่อมป้า เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาโฉมเฉลาเยาวเรศ | ทอดพระเนตรนึกเอนดูแม่หนูหลาน |
มาแอบเมียงเสียงหอบไม่หมอบกราน | ทำฮึกหาญอวดรู้เที่ยวขู่คน |
ติลำอื่นตื่นเต้นเล่นตลก | ทำจิ้งจกเช่นนี้ได้กี่หน |
กลัวจะแพ้แก้หน้าว่าออกลน | อย่าทำกลเกะกะไปนะ เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาตกใจไม่ทันหมอบ | กำลังหอบมืดหน้าตาไม่เห็น |
ลงกราบบาทบาทาน้ำตากระเด็น | ไม่ทันเห็นเลยคุณป้าอย่าถือใจ |
ที่จริงจิตรคิดรักหักวิตก | ไม่เวียนวกกล่าวแกล้งแถลงไข |
อย่าถือโทษโปรดรอขออไภย | ถ้าแม้นไม่เมตตาลาตาย เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาน่าเอนดูแม่หนูหญิง | ทำตุ้งติ้งตีตู้ออกอู้อี้ |
โทนช่างดังจั๋งจ๊ะจังหวะดี | ทั้งฉิ่งตีดีดดิ้นจะสิ้นใจ |
ทำทวนดังฟังดูเหมือนขู่คึก | นี่ไปฝึกสอนรู้แต่ครูไหน |
ฉันขอซื้อปัญญาสักห้าไพ | แล้วแถมให้อิกสักฬศไม่ปด เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาอรุณหลานพานต่ำต้อย | เพราะบุญน้อยนักขอรับยับเหมือนเขียง |
มิใช่จะขันสู้เปนคู่เคียง | ทั้งสุ้มเสียงบทกลอนไม่งอนงาม |
เคยเปนข้าฝ่าลอองฉลองบาท | เกรงอำนาจตรองจิตรให้คิดขาม |
ซึ่งนายภู่คนทวนไม่ลวนลาม | หลานสู้ตามงอนง้ออย่าภ้อ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาฟังว่าน่าหัวร่อ | ทั้งหลอกล้อขอรับสับเปนเขียง |
ไม่ทันไรใจวับดับตะเกียง | แล้วกลับเกี่ยงว่ากล่าวให้ยาวความ |
องค์อาลักษณ์กรมอักษรสาส์น | เปนตระลาการบ้าหลังรับสั่งถาม |
ท่านก็ทรงพระปัญญาสง่างาม | ช่วยห้ามปรามแจหลีสักที เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาองค์อาลักษณ์เคยซักถาม | แต่ถ้อยความข้อคดีที่มีคู่ |
เรื่องแจหลีนี้ทุเรศสังเกตดู | เปนสุดรู้ที่จะเปรียบเทียบสำนวน |
วงท่าพระเคยชำระการวิวาท | จงพันพาดถามซักอย่าหักหวน |
ฟังถ้อยคำสองข้างต่างกระบวน | เห็นจะชวนแล่นเฉียดแซะเสียด เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาน้อมคำนับรับไม่ได้ | ไม่เข้าใจแบบบทเชิงกฎหมาย |
ใช่วิวาทวาทาถึงฆ่าตาย | อย่าวุ่นวายเชิญคัดตัดบทกลอน |
โปรดชำระสะสางวางทำเนียบ | ให้ราบเรียบสอบสวนสำนวนก่อน |
เห็นจะไม่ถึงใบสัตย์จึงตัดรอน | ชำระเถ้าแก่ก่อนเปนไร เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาเปรียบเทียบให้เรียบราบ | ทำกลัวบาปฤๅกะไรจึงไม่สู้ |
ไม่ควรฦๅอื้ออึงถึงพระครู | ถูกตับหมูเข้ากระมังจึงลังเล |
ปากคารมกรมอาลักษณ์เปนหลักโลก | อย่าย้ายโยกอย่างใหญ่พูดไขว้เขว |
ไม่ควรจะฎีกาการฮาเฮ | อย่าโหยกเหยกเฉกเฉไปเลย เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาหลักโลกไม่โหยกเหยก | แต่อย่าเกกมาก่อนเล่นกลอนกล้า |
เปนแต่ชวนสรวลเสพอเฮฮา | อย่าให้จ้าจัดเผ็ดเหมือนเม็ดพริก |
ใช่ว่าเปนตระลาการเคยหาญหัก | อย่าเยื้องยักไม่อยู่ศุขกระตุกกระติก |
นายภู่นั่งรั้งรอหัวร่อคิก | จงกระดิกเอ่ยขึ้นฟังบ้างสิ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาศศิธรก็ร่อนเร่ | คาดคเนดูงามกว่ายามสอง |
ขอถวายบังคมลาฝ่าลออง | อย่าตรึกตรองกริ้วโกรธจงโปรดปราน |
ที่กลอนกล้าว่าเหมือนพริกจุกจิกเจ็บ | อย่าแนมเหน็บว่ากล่าวให้ร้าวฉาน |
ท่านก็ทรงพระปัญญาปรีชาชาญ | อย่าคิดอ่านปรับไหมอไภย เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระอไภยวิไลยลักษณ์ | จะร้างรักใจจะเด็ดลงเจ็ดท่อน |
ยิ่งคิดคิดแล้วยิ่งให้อาไลยวอน | ยิ่งสท้อนถอนฤไทยอาไลยนาง |
ถ้าอยู่ได้แล้วไม่คลาศสวาดิน้อง | จะนั่งร้องสักรวาจนฟ้าสาง |
ค่อยอยู่เถิดดวงใจสไบบาง | จะแรมร้างแก้วตาขอลา เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาขอถวายอภิวาท | พระจอมราชนรินทร์บดินทร์สูร |
ดังจันทรจรฟ้าไม่อาดูร | ให้เพิ่มภูลชันษาสถาพร |
ถ้าใครไม่ดำรงคงพิพัฒน์ | จงวิบัติชีวังถึงสังหร |
ปรปักษ์ย่นย่อไม่ต่อกร | ดังพระจักรารอนอริน เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาอภิวาทจะคลาศแคล้ว | จวนดึกแล้วกลับหลังยังสถาน |
ท่านก็ว่าบ้าบอเสียพอการ | จะคิดอ่านแก้ไขไฉนดี |
พอรุ่งสุริยาจะมาใหม่ | จะแก้ไขดูสักพักไม่ยักหนี |
จะขอสู้ครูไปจนได้ดี | แต่พอมีปัญญาเบื้องน่า เอย. ๚ |
คืนที่ ๒ ณวัน ๕ ๒ฯ ๑๐ ค่ำ ปีวอกจัตวาศก ๑๒๓๔
ช่างเขียน๏ สักรวานอบนบอภิวาท | บรมบาทปรมินทรปิ่นสยาม |
โปรดให้ร้องสักรวาว่าใจความ | ล้วนแต่ตามโวหารสารแสดง |
ว่ากำหนดบทบาทพลั้งพลาดถ้อย | อักษรสร้อยเรียงลำดับในศัพท์แสง |
แม้นประมาทหมิ่นไม่ไหวระแวง | จงโปรดแบ่งโทษที่ถึงเสียกึ่ง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจะกำหนดบทให้เล่น | องค์ระเด่นมนตรีวงนี้ว่า |
ลำท่าพระคนขยันประสันตา | นายหนูเล่นเปนสังคาปรีชาชาญ |
นายภู่ว่านารีสี่พี่เลี้ยง | เล่นเมื่อเสี่ยงเทียนไชยในวิหาร |
ลำวัดหงษ์บุษบายุพาพาล | คุณพุ่มวานกล่าวกลอนมารดร เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีท่วงทีสวย | ตรัสอยู่ด้วยสองยุพานางบาหยัน |
องค์อิเหนาเล่าก็คิดมาติดพัน | จะไปเสี่ยงเทียนสำคัญรู้แยบคาย |
จึงตรัสชวนพระธิดายุพาภักตร์ | จากตำหนักจรจรัลรีบผันผาย |
พร้อมเหล่าสาวสุรางค์เจ้าขรัวนาย | มาถึงท้ายที่สถานลานวัด เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาโฉมยงองค์ระเด่น | หยุดอยู่เล่นยังศาลาน่าวิหาร |
คนึงถึงโฉมเฉลาเยาวมาลย์ | อยากจะพานพบภักตร์สักเวลา |
พอเหลือบเห็นชาววังมาคั่งคับ | พระจึงขับไพร่ให้ซุ่มพุ่มพฤกษา |
ชวนพี่เลี้ยงเคียงประคองกับน้องยา | เข้าแฝงพระปฏิมาไม่ช้า เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีศรีสวัสดิ์ | มาถึงวัดด้วยพลันยิ่งหรรษา |
ค่อยกราบพระลงพลันมิทันช้า | จึงสอนนุชบุษบาให้ว่าไป |
ถ้าจะได้ระตูเปนคู่เคล้า | เทียนอิเหนาให้วับดับไปได้ |
อย่าอุบอิบกระซิบสอนจนอ่อนใจ | นี่อะไรโกรธขึ้งหน้าบึ้ง เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาบุษบามารศรี | พระเสาวนีกราบงามลงสามหน |
แล้วจับเทียนจุดไฟด้วยใจจน | นฤมลกราบพระด้วยยินดี |
แม้นจะได้ข้างไหนไฟสว่าง | แจ่มกระจ่างใสสดหมดศรี |
แม้นจะได้เชษฐาเหมือนพาที | ให้อัคคีกระจ่างสว่าง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระผู้พงษ์วงษ์เทเวศร์ | จึงตอบเหตุทราบไวยที่ไถ่ถาม |
อันนงนุชบุษบาพงางาม | จะได้ตามสุริวงษ์พงษ์เทวา |
ด้วยอิเหนาเล่าก็ชุ่มยังหนุ่มฟ้อ | ควรจะกรอกับอนงค์วัดหงษา |
แม้นยกให้ไปกะจรกา | คงเปนบ้าไปแน่เที่ยงแท้ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีศรีสวัสดิ์ | ได้ฟังพระพูดชัดตรัสมาได้ |
แสนเกษมเปรมปรีดิ์ดีพระไทย | นางยิ้มใหญ่ยิ้มน้อยกว่าร้อยพัน |
บุญของลูกถูกในพระไทยแม่ | จะได้แก่เผ่าพงษ์วงษ์อสัญ |
แล้วถามพระว่าคู่ระตูนั้น | อิกกี่วันจะเปนบ้าเจ้าขา เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาบอกเท่าไรก็ไม่เชื่อ | นึกน่าเบื่อจริงละยังจะถาม |
ข้างอิเหนาเขาอุส่าห์พยายาม | ก็เพราะความรักนุชบุษบา |
แม้นยกไปให้ระตูเปนคู่ชื่น | สักสองคืนก็เห็นจะเปนบ้า |
แล้วกระซิบความสั่งองค์สังคา | หาไม้มาต้อนค้างคาวให้ฉาว เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาองค์สังคาน้องยาสนิท | เข้านั่งชิดรับใช้ได้ขยัน |
จึงร้องเรียกประสันตามาสั่งพลัน | อิเหนาทั่นสั่งให้ไล่ค้างคาว |
จงคิดอ่านหาไม้เที่ยวไล่เคาะ | เสียงโปกเปาะได้ยินคงบินฉาว |
จะนั่งนิ่งอยู่ไยให้ยืดยาว | ไล่ให้กราวเกรียวออกไปไวไว เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาประสันตาคนฉลาด | รับพระราชบรรหารคลานขยาย |
ไม่มีไม้ได้ขาวม้าคว้าสองชาย | โบกขวาซ้ายพัดกระพืออึงอื้อไป |
ค้างคาวหวนเหมาเร่ร่อน | บินวู่ว่อนเลื่อนลอยทั้งน้อยใหญ่ |
ลมปีกพันหันเหียนดับเทียนไชย | ก็สมใจปราถนาไม่ช้า เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาไฟดับระงับเงียบ | ค่อยย่องเกรียบตรงไปดังใจหมาย |
เข้านั่งแอบแนบชิดพอผิดกาย | ไปถูกยายมะเดหวีเสียทีครัน |
ค่อยประโลมลูบหลังเห็นหนังหย่อน | สท้อนถอนทรวงวิโยคเศร้าโศกศัลย์ |
เห็นผิดโฉมพระธิดาวิลาวรรณ | พระก็ผันภักตร์หนีทันที เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีวันนี้เคราะห์ | ช่างจำเภาะให้มาสู้คู่กับหลาน |
จึงหยิบพานพระศรีตลีตลาน | แล้วเอาพานลงยาขว้างปาไป |
ถูกอิเหนาเข้าที่อกจนหกล้ม | จะซานซมมาอิกทีวิ่งหนีได้ |
แล้วเลยออกนอกโบถกระโดดไป | ฉวยได้ไม้คอยจะรับขยับ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาขุนรามเมื่อยามเคราะห์ | ถูกจำเภาะที่พระทรวงลงง่วงหงอย |
นึกจะคิดบุ่มบ่ามติดตามรอย | แล้วท้อถอยเกรงบาปด้วยหยาบคาย |
กระซิบแช่งแต่ในจิตรคิดอาฆาฏ | ให้เปนบ้าห้าร้อยชาติเหมือนมาดหมาย |
พระโฉมยงค่อยประหยัดระมัดกาย | ไม่นาดกรายออกอารามตามมา เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีไม่หนีห่าง | ตั้งท่าทางวางจังหวะแสนสะสวย |
มิได้มีวิตกเคยชกมวย | เสี่ยงบุญช่วยให้ชนะพระนัดดา |
เห็นทำปากอุบอิบกระซิบแช่ง | ดูดู๋แกล้งว่าผู้ใหญ่ให้เปนบ้า |
ไม่กลัวกรรมให้อยัมภทันตา | นานจะว่าให้บ้างเหมือนอย่าง เอย. ๚ |
เจ้าจำเริญ๏ สักรวาบาหยันเข้ากั้นหน้า | แขงใจว่าห้ามปรามตามวิไสย |
เปนคนเก่าชาววังอยู่ข้างใน | สำหรับใช้มะเดหวีบุตรีนาง |
เห็นเอาพานลงยาปาอิเหนา | ก็พลอยเศร้าในจิตรให้คิดหมาง |
จึงตกใจตัวสั่นเข้ากั้นกาง | คุณจงวางไว้เสียทีอย่าตี เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีคนจี้จู้ | กลับเคืองขู่ค้อนเหล่านางสาวสรรค์ |
ดูเถิดคะซะเซอะเงอะงกงัน | ไม่ช่วยกันชกต่อยมาคอยดู |
ช่างสำออยลอยหน้าเข้ามาห้าม | ยิ่งฟังความดีใจเหือยจนเมื่อยหู |
นานจะถอดให้เปนยายนายประตู | กินปลาทูกับเข้าแดงอดแกง เอย. ๚ |
เจ้าจำเริญ๏ สักรวาบาหยันให้หวั่นจิตร | กลัวความผิดด้วยเปนไพร่ให้ขัดสน |
กำลังคลั่งรับเพคะไม่ปะปน | ด้วยเปนคนเจียมตัวต้องกลัวนาย |
ถึงกริ้วกราดด่าว่าก็จะรับ | อย่าให้ยับต้องประสงค์ต้องลงหวาย |
อย่าให้เคืองบาทาระอาอาย | ทั้งสองฝ่ายก็เปนญาติไม่ขาด เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวามะเดหวีมีสง่า | แล้วขึงตาโกรธกริ้วชี้นิ้วก้อย |
เห็นระเด่นสังคาทำตาปรอย | บ่นตะบอยสบิ้งสบัดแล้วตรัสไป |
ช่างมานั่งตั้งปึ่งทำบึ้งบูด | เออไม่พูดกับผู้หญิงนิ่งเสียได้ |
ฤากลัวว่าพระทนต์จะหล่นไป | เปนอย่างไรไม่รับสั่งมาบ้าง เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาองค์สังคาตาไม่ปรอย | ระวังคอยบทว่ามาไม่ถึง |
ไม่ถึงบทจะได้บ้าว่าตะบึง | ใช่จะบึ้งนั่งบูดพูดไม่เปน |
ได้ยินแต่โฉมศรีเดหวีแก่ | มัวแต่แก้กลอนกล้ากับระเด่น |
เห็นงันงกชกมวยช่วยเจ้าเซ็น | ออกมาเต้นอยู่น่าโบถโกรธใคร เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาได้ฟังองค์สังคา | ท่านพูดจาพอประมาณหวานหวานหู |
มะเดหวีนี้เก่งฅอเม่งจู | คุณยายครูเคยมาหนักสักรวา |
แค้นอิเหนาตาครูเจ้าชู้ใหญ่ | เธอเข้าไปในวิหารคลานถลา |
จึงได้ออกนอกโบถโกรธเต็มประดา | ฉันแกล้งมายืนเต้นเจ้าเซ็น เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาองค์สังคาฟังว่าขาน | น่าสงสารมะเดหวีนี้หนักหนา |
เปนกรรมมีบุตรแขกแปลกตำรา | จึงต้องมาโลดเต้นเจ้าเซ็นไป |
ขอเชิญกลับเข้าในโบถได้โปรดฉัน | อย่าหุนหันเคืองขุ่นมุ่นมันไส้ |
องค์ระเด่นเจ้าชู้ดูว่องไว | ท่านจะได้คว้าลูกแขกผิดแผก เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาจะร้องฉลองพระเดช | เบญจเพศหาวนอนจนอ่อนหิว |
ดูดาวเคลื่อนเดือนสว่างน้ำค้างปลิว | อย่าโกรธกริ้วเลยเพคะต้องละลา |
ทูลลอองสองพระองค์พงษ์กระษัตริย์ | จงบำบัดแบ่งทุกข์เปนศุขา |
สงสารแต่แจหลีของพี่ยา | บุษบาบุษเบอะนั่งเคอะ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเวลาก็ดื่นดึก | หวนรฦกแล้วก็ให้ฤไทยโหย |
หนาวน้ำค้างพร่างพรมเมื่อลมโชย | จะต้องโรยแรมรักไปสักคืน |
ด้วยคนร้องเหนื่อยอ่อนหาวนอนนัก | ขอผ่อนพักผูกพันกันวันอื่น |
เล่นกันให้ค่อนรุ่งพรุ่งมะรืน | วันนี้ดื่นดึกหนักหนาขอลา เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาอยู่ดีดีจะลีลาศ | เหมือนเด็ดดอกบุบผชาติไม่ชมกลิ่น |
มัจฉาเมื่อจะคลาจากวาริน | ยังถวิลหวังสั่งฝั่งสาคร |
พระพิรุณเมื่อจะแรมฤดูร้าง | ยังไม่ห่างจากโลกโศกทรวงถอน |
โอ้วิตกใจหายเสียดายกลอน | พรุ่งนี้หล่อนมาร้องฉลอง เอย. ๚ |
คืนที่ ๓ ณวัน ๗ ๔ฯ ๑๐ ค่ำ ปีวอกจัตวาศก ๑๒๓๔
คุณพุ่ม๏ สักรวาอภิวาททุกบาทเบื้อง | จะจับเรื่องริเล่นให้เห็นขัน |
เราคิดกลอนซ่อนหาปิดตากัน | ถ้ากระนั้นนางอนงค์คุณสงคราม |
ออกแรกเริ่มเบิกโรงอยู่โยงก่อน | กรมอักษรภูลสวัสดิกระษัตริย์สยาม |
ประเสริฐทรงองค์จำเริญดำเนินความ | ใครซ่อนตามชอบใจที่ไหน เอย. ๚ |
เจ้าจำเริญ๏ สักรวานารีวงนี้แน่ | ขยับแต่หาที่จะหนีหาย |
ไม่เห็นมีที่ตำแหน่งจะแฝงกาย | เห็นแยบคายที่ลับในทับโทน |
ก็กลัวจะไล่จนคนจะปะ | จะหนีพะทีหนึ่งได้ในกระโถน |
แม้นใครจับแล้วก็หน้าเหมือนทาโคลน | ถึงตะโกนก็ไม่อาจขยาด เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาวงนี้เที่ยวหนีซ่อน | แอบไปนอนอยู่ในใต้กระถาง |
ให้หวาดหวั่นพรั่นจิตรคิดครวญคราง | เปิดกระถางหนีไปเข้าในโทน |
ครั้นเขาตีตัวสั่นอยู่หวั่นไหว | แล้วหนีไพล่เดินตะโพงขึ้นโรงโขน |
กลัวจะจับตัวได้ไพล่ลงโคลน | ร้องตะโกนเพื่อนนารีมานี่ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาให้อยู่โยงโพงไปซ่อน | ทำยอกย้อนโหยกเหยกคนเกกเก๋ |
โกงเกงเกะกอแกแปรปรวนเปร | เกกเกเรเผลไพล่ใช้วิชา |
จึงทูลองค์อุนากรรณท่านเพคะ | ช่วยใช้ทหารหัดผูกมัดคร่า |
ใครลงโคลนท่านเจริญอย่าเนิ่นช้า | ไปเยี่ยวตดรดหน้าสาใจ เอย. ๚ |
เจ้าจำเริญ๏ สักรวาองค์เจริญไม่เนิ่นนิ่ง | แลเห็นหญิงจับหญิงวิ่งมาให้ |
ไม่รู้จักหน้าตาว่าผู้ใด | ครั้นพิศไปรู้ว่าวงคุณสงคราม |
จึงซักไซ้ไล่วงพระองค์กรรณ | โทษเขานั้นเปนอย่างไรจึงไม่ถาม |
มาจะให้เยี่ยวรดไม่งดงาม | จะฦๅนามฉันเปนชายน่าอาย เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาให้เยี่ยวกลับเลี้ยวลด | เสียดายตดกดมะตอมาส่อถาม |
ฤๅกินสินบนปลาร้าไว้ห้าชาม | ท่านเกรงบุญคุณสงครามก็ตามใจ |
จึงหันไปบังคับกรมอักษร | ท่านโปรดก่อนจับตัวมาให้ได้ |
ให้ปิดตาอย่าให้แก้เปรแปรไป | ช่วยเอาไม้กระบองทุบสักอุบ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาขุนเกษแจ้งเหตุผล | ก็รีบร้นจับอนงค์วงนั้นได้ |
จึงพาตัวเข้าไปส่งวงข้างใน | ตามแต่ใจคุณท่านจะบัญชา |
จะคิดดื้อดึงไปเห็นไม่ชอบ | จงยอมยอบโดยดีอย่าหนีหน้า |
ยอมอยู่โยงตามคิดเล่นปิดตา | จะได้พากันไปซุ่มตามพุ่ม เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาได้ตัวหากลัวไม่ | จึงสั่งให้คุณสงครามงามสง่า |
อย่าทำใจหงุดหงิดไปปิดตา | แล้วตัวมายืนนิ่งตรงสิงโต |
แลเห็นไม่ชอบกลเวียนวนวุ่น | ซ่อนใต้ถุนพลับพลาพักไม่ยักโง่ |
ด้วยมีทหารยืนถือปืนโต | แม้นใครโผล่เข้ามาจับคงยับ เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวารับว่าจะอยู่โยง | ไม่คดโกงคุณขอรับอย่าจับส่ง |
อย่าเยี่ยวรดตดใส่หน้านวลอนงค์ | เชิญทุกวงไปซ่อนอย่านอนใจ |
จะเที่ยวไล่จับตัวให้นัวเนีย | เหล่าพวกเมียช่วยกันค้นให้จนได้ |
ที่ท่านแก่จับเอามาอย่าเกรงใจ | จับเอาไปกรมอาลักษณ์ซักถาม เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาวงท่าพระคิดจะหนี | รีบเร็วรี่เวียนวงลงในสระ |
สำรวมจิตรคิดคนึงถึงคุณพระ | คุณกะขะกขจนกกา |
ประเดี๋ยวดูประเดี๋ยวดำละล่ำละลัก | เสียงคึกคักจับกุมกลุ้มหนักหนา |
พลางเด็ดใบบุษบันมากันตา | ถึงค้นหาคงไม่พบประสบ เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาวงนี้วิ่งหนีมั่ง | ไม่นอนนั่งยืนนิ่งหลังพิงฝา |
ไม่ไว้ใจกลัวไม่มิดปิดในตา | วิ่งเอาผ้าห่มคลุมหุ้มห่อตัว |
กลัวไม่พ้นวิ่งผวาหาเจ้าเข่ง | ส่งเสียงเร่งในพระโรงโป้งยังชั่ว |
ถึงจะไล่จับได้เราไม่กลัว | แก่คงรัววนเวียนหันเหียน เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาวงนี้ก็หนีมั่ง | เข้าแอบหลังคุณป้าวางหน้าเฉย |
ถึงใครมาจับตัวไม่กลัวเลย | ด้วยคนเคยเล่นซ่อนแต่ก่อนมา |
แม้นจะจับตัวได้ก็ไข่แตก | ด้วยเสียดแซกอยู่ที่หลังบังคุณป้า |
ซ่อนที่อื่นกลัวไม่พ้นจนปัญญา | จงเมตตาพอให้บังสักครั้ง เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาเที่ยวไล่ค้นไปจนจบ | ไม่พานพบผู้ใดให้ฉงน |
ค่อยเยื้องย่องมองขยับจะจับคน | เที่ยวไล่ด้นค้นไปที่ในวัง |
พอเขม้นเห็นคุณพุ่มนั่งซุ่มซ่อน | บทจรหลีกทหารคลานแอบหลัง |
กระผมจับตัวได้คงไม่ฟัง | อยู่โยงเสียมั่งเถิดนะคุณอย่าวุ่น เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาคุณพุ่มมาซุ่มซ่อน | ใต้บรรจฐรณ์พระที่นั่งบัลลังก์โถง |
ทำบอเบาเข้ามาจับขยับโกง | โกรธออกโผงเรียกทหารคลานเข้ามา |
ต้องปรับไหมไข่แตกให้แบกฟัก | กรมอักษรครูอยู่กับป้า |
ทหารทุบตุบตับจับออกมา | ไปปิดตาเสียดังเก่านะเจ้า เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาถูกทุบเสียงอุบอับ | นอนไม่หลับยังรุ่งสดุ้งโหยง |
ด้วยเจ็บองค์จงปรานีเห็นซี่โครง | ไม่ได้โกงดอกขอรับอย่าปรับมา |
ต้องปิดตาสองหนเที่ยวทนทุกข์ | ไม่มีศุขวิ่งวนเที่ยวค้นหา |
แทบจะล้มคว่ำลงตรงชลา | เที่ยวค้นหาใครไม่พบสลบ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเห็นเปนลมล้มสลบ | นึกปรารภเกรงจะพับดับฉวางค์ |
หยิบชานหมากบดนัดถุ์แก้ขัดพลาง | เห็นค่อยส่างสดชื่นคงคืนมา |
พอลุกนั่งให้ดังก่อนจึงสอนให้ | อยู่โยงใหม่เสียเถิดทั่นฟังฉันว่า |
จงข่มขืนฝืนจิตรนั่งปิดตา | แล้วค้นคว้าเขาให้พบประสบ เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาว่าอย่างนั้นฉันขอขัด | ลมจับวินดิ้นปัดปัดลมขัดขา |
ไม่แก้ไขเสียให้คลายหายมัวตา | เอาผงยาใต้เสื่อมาเจือปรุง |
เอาบดนัดถุ์คุณสงครามเมื่อยามดึก | คงหายคึกเคียดคับหลับยังรุ่ง |
ให้บอกกลอนกลอนก็แตกแบกกระบุง | ชิงกันยุ่งหยำเยอะเหลวเลอะ เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาแกล้งล้มทำลมจับ | คิดขยับไขว่คว้าจับขาหมอ |
พวกเราช่วยกันสิหนาอย่ารั้งรอ | หม่อมฉันล่อครั้งนี้ดีสุดใจ |
เมื่อแต่แรกแอบหลังบังคุณป้า | ต้องออกมาให้ปรับจับองค์ได้ |
เสด็จองค์อาลักษณ์ประจักษ์ใจ | องค์อื่นไม่ประสงค์จำนง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเหวี่ยงวัดสบัดหลุด | ล่อให้ฉุดมาจนใกล้เห็นได้ช่อง |
จึงปราไสไต่ถามตามทำนอง | มาจับต้องมีธุระเรื่องอะไร |
จะได้หย่อนผ่อนตามความประสงค์ | ฤๅว่าจงใจจิตรพิศมัย |
อย่ายื้อยุดฉุดชายไม่อายใจ | ช่างดูได้เห็นความงามฤๅ เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาไม่ธุระอไรหนา | เล่นปิดตาตามรับสั่งเสียงดังโผง |
ฉันจับได้หวังใจให้อยู่โยง | กลับมาโคลงเคลงไปใช้ปัญญา |
แต่แรกเห็นว่าจะเล่นสุจริต | กลับมาคิดเพทุบายไม่ขายหน้า |
กลับมาพูดลดเลี้ยวเกี้ยวพา | ภรรยาหม่อมฉันทั้งนั้น เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจับได้ครั้งไข่แตก | ยังจะแบกหน้ากลับจับอิกเล่า |
อย่าแซ่ซ้องร้องตะโกนพูดโดนเดา | แกล้งว่าเราไม่อยู่โยงทำโคลงเคลง |
ที่จริงจิตรว่าไปโดยใจรัก | มิใช่จักนึกนิยมทำข่มเหง |
ก็ย่อมรู้อยู่ว่าหญิงต้องกริ่งเกรง | แต่กันเองเห็นจะไม่กะไร เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาเวลาดึกสงัด | พระพายแผ้วแผ่วพัดกลิ่นบุบผา |
น้าค้างพรอยหยอยหยิมริมพลับพลา | พระจันทราลอยลับพยับโพยม |
ทั้งเวลาจวนรุ่งยุงก็รุม | สงสารพุ่มพวงผกาสุดาโฉม |
จะจากไปให้ระทดกำสรดโทรม | อย่าทุกข์โทรมนัศหนาขอลา เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจวนจะสางสว่างแล้ว | สกุไณไก่แก้วกระชั้นขัน |
โอ้อาไลยใจหายเสียดายครัน | จะจากขวัญเนตรนุชสุดอาวรณ์ |
นิจาเอ๋ยเคยเล่นจะเว้นว่าง | ต้องเหห่างพุ่มพวงดวงสมร |
ค่อยอยู่เถิดแก้วตาขอลาจร | พอไปนอนระงับจิตรสักนิด เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาอยู่อยู่มาจู่ไป | เหมือนดังเด็ดดอกไม้ไม่แกมก้าน |
พระพิรุณเมื่อจะแรมฤดูกาล | ก็บันดาลสั่งโลกบรรเลงฦๅ |
มัจฉาเมื่อจะคลาจากวนวัง | ก็โศกสั่งฝั่งฟองนั้นน้อยฤๅ |
สักคำเดียวก็ไม่เหลียวมาหารือ | กระนี้ฤาว่ารักสักรวา เอย. ๚ |
คืนที่ ๔ ณวัน ๑ ๕ฯ ๑๐ ค่ำ ปีวอกจัตวาศก ๑๒๓๔
อาลักษณ๏ สักรวาอย่ากระนั้นเลยวันนี้ | เล่นคาวีเถิดให้ขันเปนวันส่ง |
ขอว่าที่นักสิทธิฤทธิรงค์ | มอบให้วงคุณป้าเปนมาลี |
ทัศประสาทพ่อเจริญอย่าเมินเหม็น | วัดหงษ์เปนจันทร์สุดามารศรี |
วงนายหนูถวายว่าที่คาวี | ท่าช้างที่ไวยทัตจัดให้ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาวันนี้ปล่อยให้ลอยเมฆ | เปนองค์เอกอัคเรศมเหษี |
แจ้งว่านางผมหอมยอมยินดี | อยู่ในที่กับองค์พระทรงฤทธิ์ |
ให้สุดแสนแค้นขัดอัดอั้น | มิได้ทันแต่งองค์ทรงภูษิต |
จากตำหนักภักตร์แดงเดินแผลงฤทธิ์ | ถึงบัลลังก์ไม่นั่งชิดยืนพิศ เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาคาวีวิไลยโฉม | งามประโลมล้นเหลือผิวเนื้อเหลือง |
ชำเลืองเห็นท่านผู้เถ้าเมียเจ้าเมือง | ยืนยักเยื้องแยบคายไม่อายใจ |
ยิ่งพินิจพิศดูไม่รู้จัก | ครั้นจะทักกลัวจะผิดคิดขวักไขว่ |
เปนคนแก่เรี่ยวแรงแขงขาตะไกร | สกิดให้ฤาษีห้ามปรามเสีย เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระสิทธาว่าแก่น้อง | เจ้าจงร้องเชื้อเชิญอย่าเมินหมาง |
ชอบมิชอบจำไว้อาไลยนาง | จะระคางเคลือบแคลงกินแหนงเรา |
ถึงขุ่นข้องต้องเอาไว้แต่ในจิตร | จงเร่งคิดเล้าโลมโฉมเฉลา |
นางคนนี้ที่ฉลาดดูลาดเลา | มายืนเง้าบึ้งบูดไม่พูด เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาฟังนักสิทธิจงจิตรรัก | ฤไทยทักนั่งคิดพิศวง |
ไม่เจียมแก่ไว้ตัวมัวเมางง | เหตุว่าหลงหมายว่าผัวของตัวจริง |
ต้องจำจิตรเชื้อเชิญเมินพระภักตร์ | เชิญแม่รักเข้ามาหาอย่ายืนนิ่ง |
อย่าหวั่นวาดหวิวใจไหวประวิง | เชิญแม่หญิงยอดเถ้าเข้ามา เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาฟังทักพยักหน้า | พอปะตาแสนงอนคมค้อนให้ |
ทำตาเฟื้องตาสลึงตาครึ่งไพ | แต่ค้อนใหญ่ค้อนน้อยกว่าร้อยพัน |
ให้หวงหึงตึงตังกำลังโกรธ | ค้อนเปนโบถใบเสมาในตาฉัน |
ค้อนให้คนล้มถลาสักห้าพัน | ค้อนให้ทั่นเหยไปก็ได้ เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาเห็นแต่ค้อนแสนงอนนัก | ไม่รู้จักเล่ห์กลไปหนไหน |
ยืนแต่ค้อนซ้อนซ้ำกระหน่ำไป | แต่นับได้นักหนากว่าหมื่นพัน |
เห็นไม่พูดบูดบึ้งดูขึงขัง | ชะกำลังเถ้าคนนี้ดีขยัน |
ครั้นจะเกี้ยวก็รำคาญป่วยการวัน | ขอเชิญทั่นฤาษีไล่ไปเสีย เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจะให้ไล่ไปเสียนั้น | ให้อ้นอั้นขัดสนเปนจนจิตร |
ด้วยโฉมยงองค์นี้แกมีพิศม์ | หน่อยจะขวิดค้อนขวับเอายับเยิน |
จงกล่าวกลอนวอนไว้อาไลยบ้าง | พออย่าให้นวลนางระคางเขิน |
ไม่ควรคิดมานะหลีกละเมิน | เร่งเชื้อเชิญให้อร่อยสักหน่อย เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาจะให้เชิญให้เกินเหตุ | ผิดสังเกตมากอยู่ไม่รู้ฤๅ |
ฉันเปนเด็กเที่ยวปฤกษาหารือ | กลับมารื้อให้เชิญยับเยินไป |
ขอเชิญท่านธิบดีฤาษีเถ้า | เชื้อเชิญเขาเข้ามานั่งบ้างก็ได้ |
แก่ต่อแก่ลองดูเล่นก็เปนไร | จันทร์สุดาหล่อนจะได้จำไว้ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาให้พี่เชิญนั้นเขินขัด | เกรงอาบัติติดเนื่องไปเบื้องน่า |
ด้วยรูปนี้ถือกิจเปนสิทธา | เขาจะว่าใช่ที่ของชีไพร |
จงเร่งเกริ่นเชิญเชื้ออย่าเบื่อหน่าย | มาโยกย้ายให้นักสิทธิผิดวิไสย |
ทั้งเรื่องราวก็จะเปื้อนเหลวเลื่อนไป | จงแขงใจเชิญนางอย่าหมาง เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวามิได้หน่ายจะหมายมาด | ฉันคิดคาดแก่ต่อแก่พอแก้ไข |
ฉันเชิญแล้วเห็นแต่ค้อนค่อนสายใย | ฉันบอกให้พระพี่เห็นดีจริง |
แม้นพระพี่ไม่เชิญทำเหินห่าง | ขอเชิญนางวงใหม่วิไลยหญิง |
เชิญผู้เถ้ามาให้ได้อย่าไหวติง | แล้วอย่านิ่งเชิญร้องสนอง เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาถึงไม่เชิญเดินไปใกล้ | แล้วค้อนให้เบ็ดเสร็จอิกเจ็ดหน |
แกล้งคิดซ่อนกลอนดั้นให้ทั่นจน | คิดว่าคนแก่วัดจะจัดเจน |
ถึงฤๅษีมีฝีปากจะถากเถือ | ฉันเหมือนเกลือคงจะแจกแลกภิมเสน |
ถูกแต่คำลำค้อนก็อ่อนเอน | ท่านตาเถรตาถั่วออกตัว เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาสีกานี้สาหัส | ปากช่างจัดเจียวหนอเจ้าทำห้าวหาญ |
ว่าฤาษีชีป่าน่ารำคาญ | จะต้องคลานไปนรกหกคะเมน |
ต้องอั้นอัดกลัดกลุ้มด้วยคลุ้มคลั่ง | ลงไปนั่งภาวนากับตาเถร |
อย่าริร่ำทำแสนงอนแสร้งอ่อนเอน | กลัวกรรมเวรบ้างเถิดหนาสีกา เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาหลวงลุงทำยุ่งหยาบ | ไม่กลัวบาปแล้วจะว่าให้หน้าเหย |
ช่างพูดจาน่าเอนดูเหมือนปูทเล | ขอถ่ายเทความคิดเรื่องปิดตา |
ลำอนงค์สงครามมีความคิด | เชิญไปปิดตาทีดีหนักหนา |
ฤๅว่าวงกรมอาลักษณ์สักรวา | เขาฦๅว่าจับตัวได้อย่างไร เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวายอมหมดไม่ถดถอย | จะยืนคอยปิดตาทำหน้าเหย |
แม้นคิดไว้สมมาดคาดคะเน | ได้ฮาเฮครึกครื้นคืนวันนี้ |
เชิญหม่อมป้ารีบไปซ่อนอย่านอนนิ่ง | ทั้งวงหญิงถ้วนหน้าคิดหาที่ |
ถ้ามาทแม้นผู้ใดซ่อนไม่ดี | จับตัวตีเสียให้บอบลงหมอบ เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาพาสมรเที่ยวซ่อนหนี | จรลีลงไปที่ใต้ถาน |
ปะหนอนตัวใหญ่เปนบริวาร | เปนทหารล้อมไว้ระไวระวัง |
เห็นผู้ใดแปลกหน้าเข้ามาถาม | พ่อโฉมงามโปรดด้วยช่วยกันมั่ง |
พ่อจงกัดเข้าที่ฅอให้มรณัง | แล้วก็นั่งดมมะกรูดไม่พูด เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาตัวฉันเที่ยวดั้นด้น | ปีนขึ้นต้นไม้ดัดขัดเขมน |
พรั่นตัวกลัวจะหกตกคะเมน | จึงอ่อนเอนบอบแบบเข้าแอบอิง |
คาดว่ากรมอาลักษณ์จักไม่จับ | คงอายอับไม่เข้าไปใกล้ผู้หญิง |
แม้นกับกุบตุบตับจะจับจริง | คงเอากิ่งไม้ปาลงมา เอย. ๚ |
เจ้าจำเริญ๏ สักรวาวงนี้เที่ยวหนีหลบ | ตลอดจบไม่เห็นมีที่ตรงไหน |
คุณสงครามลงในถานสำราญใจ | ด้วยเธอได้รอบรู้เคยอยู่โยง |
ค่ำวันนี้หามะกรูดมาสูดแก้ | เมื่อคืนแผ่เปนลมล้มดังโผง |
วงเรานี้เล่นติดข้างบิดโกง | ยุดเสาโยงใครอย่าวางให้ห่าง เอย. ๚ |
เจ้าแบน๏ สักรวาซ่อนโฉมริมโคมก๊าด | ให้หวั่นหวาดนึกกริ่งจริงจริงเหนอ |
ถึงจะหาร้อยพักไม่ยักเจอ | หัวร่อเร่อเล่นเปนศุขสนุกใจ |
ตุ๊กตาหินตั้งอยู่ข้างน่า | ใครฉวยคว้าถูกหินเลือดรินไหล |
พวกวงชายข้างน่ารีบคลาไคล | ฉันซ่อนในที่นี่ดีแล้ว เอย. ๚ |
พระองค์เจ้า๏ สักรวาวงนี้หนีเซอะซะ | เดินไปปะผู้หญิงวิ่งไสว |
คนึงนึกตรึกกริ่มอิ่มน้ำใจ | ไม่เปนไรเราครั้งนี้มีเพื่อนมา |
ถึงจะจับเราได้ไข่แตกหละ | เพราะได้คละปนหญิงวิ่งถลา |
เพราะผู้คนล้นหลามตามกันมา | แฝงกายาอยู่กับหญิงแอบอิง เอย. ๚ |
ช่างเขียน๏ สักรวาวงช่างเขียนพากเพียรนัก | ลงคุดคู่อยู่ในกลักภู่กันได้ |
เอามินหม้อกับน้ำมันทากันไว้ | แม้นใครไล่มาจะจับจะกลับมอม |
ไม่เอาอย่างคุณสงครามไม่ตามติด | สิ้นความคิดเต็มทีลงที่หอม |
ต้องกลั้นใจเหลือกำหนดสู้อดออม | เห็นจะงอมอยู่ใต้ถานสงสาร เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาออกจากโยงตะโพงไล่ | เห็นไวไววิ่งวุ่นใต้ถุนถาน |
พอแลพบคุณสงครามงุ่มง่ามคลาน | กับเยาวมาลย์เมียมิ่งเปนสิงคลี |
ทอดตะกางวางลงที่ตรงล่อง | พอเกี่ยวคล้องติดจมูกเห็นถูกที่ |
ฉุดกระชากลากมาล้างวารี | แล้วต้อนตีให้มาปิดตา เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาเห็นเบ็ดไม่เข็ดขาม | เอาไม้ง่ามเชือดสายมิให้ติด |
พวกหนอนรอนแรงสำแดงฤทธิ์ | เที่ยวกัดติดรอบตัวไม่กลัวใคร |
บ้างก็คลานเข้าไปที่ในปาก | ให้เหียนรากเต็มทีวิ่งหนีได้ |
แล้วมาบอกกับเมียอย่าเสียใจ | ไม่เปนไรดอกเจ้าเข้าโยง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจับได้พูดไพล่พลิก | จนนาสิกเว้าโหว่โตถนัด |
เล่นกล่าวความขวางขวางไปทางลัด | ว่าผลุดผลัดไปได้ดังใจจง |
ต้องวิ่งวนค้นไปที่ไฟก๊าด | พบนางนาฏวงใหม่ดังใจประสงค์ |
ตรงเข้าจับตัวกระสันไว้มั่นคง | ทุบหลังลงต้อนมาปิดตา เอย. ๚ |
เจ้าแบน๏ สักรวาจับได้ไม่ถนัด | ฉันสบัดกรหลุดยุดไม่ไหว |
แล้วกลับลงในกระถางที่ตั้งไว้ | แล้วเปิดไฟท่อก๊าดแล้วสาดรด |
แล้วถึงปองจ้องจับกระหม่อมฉัน | ไฟก๊าดนั้นจะพองมัวหมองหมด |
ด้วยไฟก๊าดร้อนเกินขอเชิญงด | แล้วเลี้ยวลดวิ่งเรียงฟังเสียง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักราวารู้ฤาไม่เรื่องไฟก๊าด | อย่ามุ่งมาดน้ำมันมีอยู่ที่ไหน |
ช่างพูดเล่นง่ายง่ายสบายใจ | อย่าโกงไปเลยเจ้าเราไม่ฟัง |
เข้าจับตัวกัลยาคว้าถนัด | แล้วผูกมัดมือไขว่เข้าไพล่หลัง |
ถึงพูดบิดพลิ้วไปก็ไม่ฟัง | จงนิ่งนั่งปิดตาอยู่หนา เอย. ๚ |
เจ้าแบน๏ สักรวาตัวดีฉันทั่นจับได้ | ต้องยอมไปปิดตาน่ากระถาง |
ว่าพวกเราทุกคนทนไปพลาง | วงท่าช้างอยู่ที่นี่นึกดีใจ |
แต่ค้นปะคละอยู่กับผู้หญิง | แล้วพาวิ่งเดินตรงไปจงได้ |
แม้นผิดพลั้งก้ำเกินเชิญอไภย | ฉันจับได้เชิญอยู่โยงอย่าโกง เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาคิดพลางทางรับจ้าง | จะต้องการแพรบางสักสิบผืน |
ให้พวกฉันนั้นชมห่มกลางคืน | จะไปยืนปิดตาว่าแทนไป |
จะให้ฤามิให้ก็ให้ว่า | จวนเวลาจะแจ้งปัจจุสสมัย |
เรื่องไฟก๊าดนั้นก็เซอะเลอะเหลือใจ | น้ำมันมีที่ไหนนะท่าน เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาคิดกลอนซุ่มซ่อนใหม่ | คิดคาดใจว่าไม่พ้นคนตลก |
เห็นต้นไม้ใบเหี่ยวไม่เรี้ยวรก | ก็วิ่งวกเวียนวนด้วยจนใจ |
เห็นฉลองพระบาทคาดชนะ | เอาศีศะเข้าไปสอดพอลอดได้ |
ก็รีบร้นลนลานคลานเข้าไป | กวักมือให้คุณสงครามติดตาม เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาพอขยับจะจับพลาง | ถือไม้ซางคนละอันดูมั่นหมาย |
เที่ยวเตร็จเตร่เร่ตามความสบาย | เห็นคุณยายในฉลองพระบาทา |
จึงชักชวนตำรวจวังไปพรั่งพร้อม | ว่าพระจอมเวียงวังรับสั่งให้หา |
วันนี้ท่านจะทรงฟังสักรวา | จงรีบมาประเดี๋ยวนี้อย่าหนี เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาพูดสับปลับต้องปรับโทษ | ฉันคนโปรดหมอบก๋าน่าที่นั่ง |
พูดพิกลล้นเหลือไม่เชื่อฟัง | ตำรวจวังที่ไหนใครจะมา |
รับสั่งให้อยู่ในฉลองบาท | ทรงกริ้วกราดกลับให้รำระบำป่า |
ทำไว้วางอ้างรับสั่งอหังกา | ให้เขียนหน้าเหมือนเตียวหุยรำซุย เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาซึ่งตำรวจผมอวดเล่น | คุณซ่อนเร้นซึ้งซึกฦกหนักหนา |
จะไปจับก็ต้องเกรงพระอาญา | จึงได้ว่าเดาเดาเปล่าเปล่าไป |
เห็นคุณหมอบในนั้นนานคลานออกเที่ยว | ฉันจึงเหลียวผันแปรพูดแก้ไข |
ผมจะจับคุณจะปรับผมทำไม | ว่าจะให้รำซุยสิ้นคุย เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาอ้างตำรวจพูดอวดโอ้ | น่าเอาโซ่ล่ามพุงพ่อตุ้งเก๋ |
ให้เหมือนลิงวิ่งไล่ชายทเล | อย่าโว้เว้พูดพร่ำจงรำไป |
แล้วผินไปบังคมกรมอักษร | ให้ทรงกลอนบังคับคิดปรับไหม |
ว่าให้รำทำดื้อถืออย่างไร | บังคับให้รำเดี๋ยวนี้ทีเถิด เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาถูกทำนองต้องด้วยบท | ตามกำหนดแบบอย่างในข้างที่ |
ให้ล่ามโซ่พระสงครามสามราตรี | ทั้งเดี๋ยวนี้ต้องเล่นลำยืนรำซุย |
อย่าโกกเกกเกะกะละไม่ได้ | จะปรับให้หน้าเขียวเหมือนเตียวหุย |
จะจวนรุ่งแล้วเจ้าอย่าเฝ้าคุย | จงรำซุยไปเถิดนายอย่าอาย เอย. ๚ |
มหาสงคราม๏ สักรวาผินหน้าหามิ่งมิตร | ไปเที่ยวจับกลับผิดต้องติดโซ่ |
พบคุณพุ่มเนื้อยานพาลพาโล | เปนความโตอยู่นะน้องต้องรำซุย |
ยังซ้ำต้องเขียนหน้าทามินหม้อ | แล้วจะล่อเล่นพลางอย่างเตียวหุย |
ลองตั้งท่าลาน้องต้องรำซุย | เจ้าอย่าคุยบอกใครไปนะ เอย. ๚ |