สักรวาเล่นที่ในสระพระราชวังบางปอิน
คืนที่ ๑ ณวัน ๒ ๑๒ฯ ๑ ค่ำ ปีฉลู จุลศักราช ๑๒๓๙
อาลักษณ๏ สักรวาข้าพระพุทธเจ้า | แต่ล้วนเหล่าตระลาการศาลรับสั่ง |
สมทบอาลักษณ์ด้วยช่วยกำลัง | ถวายบังคมบาทนารถนรินทร์ |
โปรดให้ลองร้องถวายเปนไปรเวต | พอสมเจตนาตรึกนึกถวิล |
สิบสี่ค่ำจำจะร้างบางปอิน | ไปสู่ถิ่นกรุงเก่าเล่นเหมา เอย. ๚ |
สัสดี๏ สักรวาน้อมประนตบทเรศ | ปรเมศโมฬิศทุกทิศสถาน |
ทรงเจริญศุโขมโหฬาร | แด่พระผู้เปนประธานเหล่าประชา |
เกล้ากระหม่อมพึ่งมาเวลานี้ | หมู่นารีเร่าร้อนอ่อนหนักหนา |
เสียงก็แห้งต้องแสงพระสุริยา | จงทรงพระกรุณาข้าบาท เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเคราะห์ดีได้มีเพื่อน | พอได้เอื้อนเอ่ยร้องเปนสองเสียง |
ค่อยหายเหงาเปล่าใจด้วยใกล้เคียง | ได้รอเรียงเรือแอบพอแนบลำ |
อย่าสเทินเมินหมางระคางจิตร | ขอเชิญคิดตอบคารมให้คมขำ |
เหมือนคู่เคยเชยชิดติดประจำ | ไม่ควรอำเอื้อนอางขนาง เอย. ๚ |
สัสดี๏ สักรวามากับท่านในวันนี้ | พอเปนที่เพื่อนร้องพระทองถวาย |
ขอจงได้การุญอย่าวุ่นวาย | หม่อมฉันคลายไม่เจนคำที่สำนวน |
ทั้งบทกลอนอ่อนแอไม่แก่หัด | ยังข้องขัดหนักหนาดูน่าสรวล |
ที่ถ้อยคำตรัสมาเปนกระบวน | สิ่งไม่ควรประทานโทษได้โปรด เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาสรวมชีพบังคมบาท | บรมนาถนฤเบศร์เกษสยาม |
สักรวาพลัดพรายเที่ยวพายตาม | จึงได้ช้ากว่ายามเปนความจริง |
โปรดบังคับจับเรื่องอย่าเคืองขุ่น | ท่านกรมขุนต้นรับสั่งอย่านั่งนิ่ง |
อย่าเชือนแชแง่งอนทำค้อนติง | ฤากริ่งกริ่งในพระไทยอย่างไร เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจะให้จัดเห็นขัดข้อง | เกรงไม่ต้องตามถนัดจะขัดขวาง |
ช่วยกันร้องลำทั้งหลายถวายพลาง | พอถูกทางตามสัมผัสที่หัดปรือ |
ซึ่งจะจัดบทเล่นเห็นดึกนัก | ชวนกันพักผ่อนกำลังมั่งเถิดฤา |
จะบ่งสุ้งเสียงไว้ให้เลื่องฦๅ | ไว้แก้มือวันสมโภชผูกโบถ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาเตือนให้จัดว่าขัดข้อง | ดูทำนองเหมือนจะไม่เต็มใจเล่น |
ชตาตกอกเอ๋ยไม่เคยเปน | ฤๅทรงเห็นว่าไม่เลี้ยงคู่เคียงลำ |
ได้เฝ้าแหนแสนสบายหมายว่าจะ | วิสาสะสู้คารมให้คมขำ |
เหมือนมิใช่เรือนัดคู่มัดจำ | ต้องร้องลำตามตรัสไม่ขัด เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาชิช่างว่านิจาเอ๋ย | ไม่ควรเลยลับปากมาถากถาง |
ยังต้องจิตรติดใจที่ไว้วาง | ไม่จืดจางคิดเรื้อเบื่อกระบวน |
เปนคราวเคราะห์ก็ต้องเฉยเลยสละ | มิใช่จะวายรักคิดหักหวน |
เห็นล่วงฦกดึกนักหนาเวลาจวน | จึงได้ชวนไปนอนพักผ่อน เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาว่าจริงจริงกลับกริ่งตรึก | ฉันไม่นึกลับปากไว้ถากถาง |
วานอย่ายอขอประทานแต่ปานกลาง | ถึงจะจางจืดก็ได้เปนไรมี |
กับคนยากปากคำเหมือนน้ำท่วม | ระบมบวมเบื่อจิตรจึงคิดหนี |
พอรู้เท่าเข้าใจกันในที | ชวนเข้าที่เข้าทางร้อยอย่าง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาใช่จะยอพูดผลอพลอด | ไม่ทิ้งทอดห่างเหเสนหา |
คารมอื่นดื่นไปไม่นำพา | ฝีปากป้าฟังแล้วกริ่มอิ่มอารมณ์ |
อันจะทำใจด่วนหาควรไม่ | ข้างน่าไปเดือนปียังมีถม |
ไม่ย้อนยอกบอกแจ้งแสลงลม | แม้นเกรียมตรมทุกข์ตรอมมักผอม เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาอย่าพิไรเลยไม่เชื่อ | ฉันเหมือนเกลือท่านริมกับภิมเสน |
เปนกาฝากรากกิ่งแอบอิงเอน | มิใช่เกณฑ์เกสรกลีบบีบระบม |
สุริยันต์จันทรีเลื่อนลีลาศ | ศักราชเดือนปีว่ามีถม |
ยิ่งแก่วันฉันยิ่งงอมเกรียมตรอมตรม | ไม่ยอมงมโง่โงกเศร้าโศก เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาว่าเล่นออกเปนฉาก | ถึงกาฝากก็ยังคิดสนิทสนม |
อย่าสร้อยโศกโงกงอมคิดตรอมตรม | บอบระบมบวมนักแล้วมักตาย |
คิดจุกจิกซิกซี้ไว้ดีกว่า | เผื่อเบื้องน่าบุญถึงได้ผึ่งผาย |
อย่าพิโรธโกรธกรุ่นคิดวุ่นวาย | เกลือคงกลายเปนอำพันสักวัน เอย. ๚ |
เล่นคืนที่ ๒ ณวัน ๓ ๑๓ฯ ๑ ค่ำ
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาอัญชลียินดีนบ | โดยเคารพคำนับน้อมจอมสยาม |
ข้าพระบาทมุลิกาพยายาม | แสวงความชอบในใต้ธุลี |
มิได้คิดกายาว่าเหนื่อยเหน็ด | ตามเสด็จพระภูมินทร์ปิ่นเกษี |
ถ้าแม้นโปรดจะได้เปรื่องกระเดื่องดี | จะได้มีชื่อเสียงสำเนียง เอย. ๚ |
หลวงพิไชยเสนา๏ สักรวาข้าพระพุทธเจ้า | ต่างก้มเกล้าประนตบทศรี |
ใต้ลอองบาทาฝ่าธุลี | ซึ่งเปนที่เย็นเกล้าเหล่านิกร |
ขอสิ่งซึ่งเปนใหญ่ที่ในโลก | จงดับโศกบำรุงศุขสโมสร |
แด่พระมิ่งนฤเบศร์เกษนคร | ดังนารายณ์ฤทธิรอนปางก่อน เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาอภิวาทบาทบงกช | จะแจกบทแบ่งบั่นปันให้ว่า |
แม่ลูกจันทน์นั้นที่โฉมสีดา | วงนี้น่าที่บรมพรหมพงษ์ |
สิทธิศรรับบททศภักตร์ | เล่นเมื่อซักสอบความตามประสงค์ |
ลำท่าพระจักรกฤษณ์ฤทธิรงค์ | บทนี้องค์อสุราว่าก่อน เอย. ๚ |
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาทศภักตร์ท้าวยักษา | จึงเข้ามากราบก้มบังคมไหว้ |
ข้านี้เห็นนางหลงในพงไพร | เก็บมาได้โดยชัดเปนสัจจา |
พระราเมศตามข่มเหงคเนงร้าย | มาทำลายฆ่ายักษ์เสียหนักหนา |
ชอบแต่เข้ามาง้อขอสีดา | ตามกิจจาจะได้ให้นางไป เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาองค์บรมพงษ์พรหเมศ | สดับเหตุทศภักตร์ขุนยักษา |
จึงเอื้อนอรรถตรัสถามพระรามา | ที่เขาว่าจริงกระนั้นฤาฉันใด |
เขาว่าเก็บนางได้ที่ในป่า | เจ้าจงว่าไปสินะเปนไฉน |
อย่ายักเยื้องแยบยนต์เปนกลไก | จงว่าไปตามจริงอย่านิ่ง เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาพระอวตารให้การว่า | ฤๅษีพาเดินบกไปยกศิลป์ |
หลานยกได้ให้สีดายุพาพิน | ครั้นเสร็จสรรพกลับบุรินอยุทธยา |
ต้องรับสัตย์ทรงฤทธิบิตุเรศ | พาดวงเนตรมาผนวชบวชในป่า |
ทศภักตร์ยักษ์พาลเจ้ามารยา | ลักสีดาแจ่มจันทร์เมียฉัน เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาภูวไนยครรไลหงษ์ | สดับองค์อวตารให้การแก้ |
ความไม่ถูกต้องกันยังผันแปร | การจะแน่ข้างผู้ใดก็ไม่ชัด |
จึงตรัสถามสีดาว่าไฉน | จงว่าไปให้งามโดยความสัตย์ |
เจ้าคนกลางจงเปนเช่นบันทัด | อย่าเลี้ยวลัดกล่าววาจามุสา เอย. ๚ |
หลวงพิไชยเสนา๏ สักรวาลักษมีสีดานาฏ | บังคมบาททูลความตามประสงค์ |
ข้ากับลักษณ์รามานราพงษ์ | มาดำรงสร้างพรตดาบศนี |
ได้ยลกวางกลางป่าพนาเวศ | เปนบังเหตุที่จะพรากจากถิ่นที่ |
พระราเมศประเวศมฤคี | อยู่ข้างนี้ทศภักตร์ลักมา เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาภูมีมาลีวราช | สถิตย์อาศน์รถอิงพิงเขนย |
ฟังคนกลางอ้างคารมสมจำเลย | จึงเอื้อนเอ่ยมธุรศแก่ทศกรรฐ์ |
อย่าละห้อยละเหี่ยด้วยเมียเขา | จงฟังเราอย่าโกโรมุ่นโมหันธ์ |
เร่งรีบส่งองค์สีดาวิลาวรรณ | ให้ผัวขวัญของเขาเถิดเจ้า เอย. ๚ |
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาฟังโองการบรรหารหัก | พระยายักษ์ทูลลอองสนองไข |
เปนความสัตย์โดยแท้แน่ในใจ | ข้าเก็บได้กลางดงที่พงพี |
นางเห็นองค์พระรามงามสอาด | ข้าเชื้อชาติทศภักตร์เปนยักษี |
ด้วยรูปร่างหม่อมฉันนั้นไม่ดี | ซึ่งนางนี้เห็นพระรามรูปงาม เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพรหมพงษ์ทรงสดับ | เห็นอุบอับขัดบังคับที่รับสั่ง |
ประพฤติการทุจริตให้คิดชัง | ยากจะหยั่งความในให้เห็นจริง |
จึงผินภักตร์ตรัสถามพระราเมศ | จงแจ้งเหตุตามสัจจังอย่านั่งนิ่ง |
เมียคนหนึ่งอย่าอาไลยใจประวิง | คิดทอดทิ้งให้กับเขาเถิดเจ้า เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาพระรามงอนงามขำ | ได้ฟังคำไอยกาบัญชาถาม |
ทศภักตร์เจ้าสำนวนกระบวนความ | ว่ารูปฉันงามคัดค้านให้การยาว |
จึงถวายอภิวาทบาทบรม | เมียกระผมคู่คุมแต่หนุ่มสาว |
อย่าเชื่อโจทย์โปรดรับสั่งสักครั้งคราว | ถามหลานสาวสีดาก่อนหนา เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาสอนให้ก็ไม่เชื่อ | นึกน่าเบื่อยังตะบอยสำออยอ้อน |
แล้วกล่าวถ้อยลอยหน้าสาระวอน | ทำแสนงอนอย่างผู้หญิงจริงจริงเจียว |
นั่งเลือกผ้าท้าวแขนใส่แหวนก้อย | จนเหงื่อย้อยโทรมหน้าลูกตาเขียว |
จงทำยอมให้เมียเสียทีเดียว | ทำลดเลี้ยวจะต้องตีเดี๋ยวนี้ เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาพระรามงามเล็กเล็ก | พบยักษ์เจ๊กเจ้าสำนวนกวนโมโห |
ไอยกาไอยเกก็เฉโก | มาพาโลพาเลอะเซอะสุดใจ |
ว่าเลือกผ้าตาเขียวเหลียวมาขู่ | ฤาพระครูคิดกระดากไม่อยากได้ |
เห็นหมอบยิ้มกริ่มกรุ่นอิ่มอุ่นใจ | คงได้ไปฝากฝังที่หวัง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเห็นไหมเล่าดูเอาสิ | เตือนสติให้ยังมาว่ากันได้ |
ฤาตรองตรึกนึกละเหี่ยเศร้าเสียใจ | เบี้ยหวัดไม่ขึ้นกับเขานั่งเหงางม |
ได้ชั่งเดียวเปรี้ยวจี๋ปีนี้ขัด | เชิญไปวัดริมบ้านหาท่านถม |
แทงธรรมบทดูสักครั้งฟังคารม | อย่านิยมลูกเมียให้เสีย เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาเตือนสติให้บิเบอะ | ตรัสออกเปรอะแประเปราะเยาะขยับ |
ตรงเบี้ยหวัดตัดหมดเพราะยศยับ | คงได้รับห้าชั่งสักครั้งคราว |
ผัดเดือนยี่ปีขาลการที่ว่า | ไปวัดวาจะทำไมมิใช่สาว |
ฟังเทศน์ธรรม์กันชีวิตรให้จิตรยาว | หาไม่คราวนี้หมายจะตาย เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาคิดคาดเอาชาติน่า | คงได้ห้าชั่งบ้างเหมือนอย่างหมาย |
ในชาตินี้แล้วคุณป้าอย่าตะกาย | บนแม่ยายแม่ย่าไม่กล้ารับ |
คิดกำเริบเอิบโอบโลภเปล่าเปล่า | จนแก่เถ้ากร่อนเกรียนเจียนจะดับ |
มีเงินทองกองให้แร้งมันแย่งยับ | กล่องเงินรับเผาผีดีแล้ว เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาคิดคาดในชาตินี้ | ให้ฟ้าผี่เถิดเพคะกรมขุน |
ฉันไม่อวดสวดมนต์ขอผลบุญ | อยากเปนคุณท้าวอนงค์ทรงกันดาล |
ตรงแม่ย่าสีกุกอย่าทุกข์ร้อน | ฉันอ้อนวอนแล้วแกคงจะสงสาร |
ถ้าท่านอยากจะเปนโสดเปรื่องโปรดปราน | จงคิดอ่านบนแม่ย่าล่วงน่า เอย. ๚ |
เล่นคืนที่ ๓ ณวัน ๔ ๑๔ฯ ๑ ค่ำ
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาข้าพระองค์จำนงจิตร | ตั้งหน้าคิดมาฉลองร้องถวาย |
ก้มเศียรคำนับพร้อมโน้มน้อมกาย | ล้วนแต่ชายข้าบาทราชการ |
ฉลองพระเดชพระคุณการุญรัก | สามิภักดิพระภูมินทร์ปิ่นสถาน |
เพิ่มพระยศจอมหล้าสุธาธาร | ไม่เกียจคร้านราชกิจสักนิด เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาน้อมประนตบทเรศ | ฉลองพระเดชพระคุณบุญราษี |
ด้วยพระองค์ทรงพระบารมี | อุทิศที่วิสุงคามอารามเรือง |
ขอเดชะบุญญาอานิสงษ์ | ให้ดำรงโลกฦๅระบือเลื่อง |
ให้ดับทุกข์ยุคเข็ญเย็นใจเมือง | ทั้งฟุ้งเฟื่องฟูพระยศปรากฎ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเคารพน้อมนบบาท | ภูวนารถนฤเบศร์เกษสยาม |
ทรงพระราชศรัทธาพยายาม | ประกอบความสืบบุญอดุลย์ดล |
อนึ่งขอน้อมนบอภิวาทน์ | แทบบัวบาทบรมวงษ์ผู้ทรงผล |
ขอเชิญสิ่งศักดิสิทธิฤทธิรณ | ชูพระชนม์ยืนอย่าถอยจากร้อย เอย. ๚ |
หลวงพิไชยเสนา๏ สักรวาขึ้นสิบสี่ปีฉลู | วันเดือนอ้ายหมายผู้คนพร้อมหน้า |
แรมค่ำศุกรผูกพัทธสีมา | ทรงศรัทธาการสมโภชโปรดสามวัน |
งิ้วหนังลครครบเพลงปรบไก่ | ดอกไม้ไฟพระสวดประกวดประขัน |
ปักฉัตรเบญจรงค์ลายรอบหลายพรรณ | พระสวดฉันไปจนฤกษ์งานเลิก เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจะกำหนดบทให้เล่น | นายฤกษ์เปนพระรามงามสง่า |
วงแม่จันนั้นที่โฉมสีดา | ลำนี้ว่านักพรตกำหนดนาม |
หมื่นนิพนธ์คนดีที่บุตรลบ | เล่นเมื่อพบบิดรวิงวอนถาม |
แต่จะขอย่อกำหนดบทพระราม | พยายามวอนฤๅษีเดี๋ยวนี้ เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาพระรามงามสง่า | เข้าวันทาพระนักพรตสลดจิตร |
จึงวอนว่าข้าแต่พระทรงฤทธิ | ฉันคิดผิดขับหนีแม่สีดา |
ด้วยได้เคยเชยโฉมประโลมเล้า | ครั้นจากเจ้ารัญจวนคร่ำครวญหา |
ขอพึ่งพักนักบุญกรุณา | ช่วยวอนว่าให้หล่อนคืนมาชื่น เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระมุนีฤๅษีแก่ | นั่งยิ้มแต้ป้องภักตร์แล้วซักถาม |
เหตุอะไรไฉนเธอเออพระราม | จะนำความอาบัติมาซัดเรา |
เปนชีบานาสงฆ์ทรงสิกขา | จะพูดจาไม่ถนัดขัดหนาเจ้า |
แม้อ้อนวอนให้หนูลบช่วยรบเร้า | ก็เห็นเขาคงจะดีฟ้าผี่ เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาจักรพงษ์ทรงสดับ | น้อมคำนับพระสิทธาน้ำตาไหล |
หมายพึ่งพักสักคราตัดอาไลย | เสียแรงใช้กระหม่อนฉานเนิ่นนานมา |
จึงเหลียวหน้าไปหาพ่อบุตรลบ | ไปนอบนบมารดรนะหล่อนจ๋า |
ให้แม่คืนชื่นชิดกับบิดา | พระลูกยาได้เปนศุขอย่าทุกข์ เอย. ๚ |
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาฟังบิดาน่าสงสาร | เห็นอาการชนนีไม่ดีด้วย |
จึงเข้ากอดบาทาระร่ารวย | แม่จงช่วยเห็นกับฉันนั้นสักที |
ฉันสงสารพระบิดาน้ำตาเล็ด | ท่านเฝ้าเช็ดน้ำเนตรท่วมจนบวมปี๋ |
เปนลูกกำพร้าพ่อก็ไม่มี | ให้ฟ้าผี่เถิดนะแม่อย่าแช เอย. ๚ |
หลวงพิไชยเสนา๏ สักรวาอัคเรศเกษนารี | องค์พระลักษมีศรีสมร |
ว่าแม่จากทรงฤทธิพระบิดร | ค่อยวายร้อนเพราะมุนีพระชีไพร |
ถนอมลูกเลี้ยงไว้จนใหญ่เติบ | เที่ยวกำเริบเล่นป่าอาว์จับได้ |
เขาทำโทษโทษาแทบคาไลย | ขืนร่ำไรเรื่องนี้จะตี เอย. ๚ |
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาบุตรลบเฝ้ารบเร้า | พระแม่เจ้าไม่เห็นจริงทุกสิ่งสิ้น |
คิดสงสารพระองค์พงษ์นรินทร์ | พระภูมินทร์จงไปหาขรัวตาชี |
ให้อ้อนวอนแล้วคงเปาะเห็นเหมาะเหม็ง | ตะแกเก่งข้างคาถาตาฤๅษี |
เรียนเสน่ห์ท่านขรัวตาเห็นท่าดี | เร็วเร็วซีแม่ท่านโกรธโทษฉัน เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาพระทรงสังข์ได้ฟังบุตร | บอกว่านุชหน่ายจิตรคิดสงไสย |
เจ้างามสรรพลับหลังจะอย่างไร | จึงรีบไปถึงพระคุณพระมุนี |
ฝ่ายลูกอ้อนเข้าไปวอนมารดรแล้ว | พระน้องแก้วก็ยังแกล้งทำแหนงหนี |
ควรดับเข็ญเปนธุระของพระชี | เขาว่ามีเสน่ห์ช่วยฉันด้วย เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาพระมุนีฤาษีเถ้า | ครั้นจะเอาเปนธุระกลัวจะเสีย |
ด้วยเปนการพันพัวเรื่องผัวเมีย | จะไกล่เกลี่ยก็กลัวตัวบาปกรรม |
จึงว่ากับองค์พระหริรักษ์ | รูปนี้จักพูดก็ยากถลากถลำ |
จงไปอ้อนวอนสำออยด้วยถ้อยคำ | เรื่องเสน่ห์รูปทำไม่เปน เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาสดับถ้อยนึกน้อยจิตร | พระนักสิทธิสลัดเสียว่าเมียผัว |
ซึ่งสิกขาอย่าครวญไม่ควรกลัว | ไม่หมองมัวพระบาฬีก็มีมา |
ถ้าเปนเย็นเปนชู้สู่สื่อชัก | บาปกรรมนักอาบัติชัดหนักหนา |
ไม่ถึงสังฆาทิเสสเวทนา | พอปลงอาบัติได้เปนไร เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาเอ้อเฮอเออนั่นแน่ | พูดเปนแง่ยอกย้อนมาตอนตัด |
พระนัดดาเปนมหาวัดสุทัศน์ | ก็เจนจัดรู้จบครบคำพระ |
จะแกล้งให้รูปต้องของหมกมุ่น | เปนของเชื้อเจือเมถุนกุลทูสะ |
รูปอยู่เดียวเปลี่ยวเพื่อนสมณะ | เห็นว่าจะปลงอาบัตินั้นขัด เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาแรกรู้เรียนอยู่มั่ง | ครั้นตกถังก็นับถือพระฤๅษี |
หมายเปนหนึ่งพึ่งพาบารมี | ตรัสพาทีเลอะเทอะว่าเลอะละ |
พระสิทธาก็รักษาเพียงศีลสิบ | ไม่ควรหยิบยกว่าสาธุสะ |
เพราะเห็นไม่มีสำรับคำนับพระ | คอยแต่ใช้ไม่ธุระจริงเจียว เอย. ๚ |
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาเชิญพระองค์ผู้ทรงภพ | ลูกปรารภอยากให้พ่อพูดจ๋อแจ๋ |
ทำเปนเจ้าชู้ป๋อเฝ้ากอแก | พระเจ้าแม่คงเมตตาท่าได้การ |
แล้วพาองค์พระบิดาไปหลังกุฏิ์ | จึงวิ่งผลุดทูลมารดาน่าสงสาร |
มานี่แน่เจ้าขาข้ารำคาญ | จงแก้ง่านข้าสักนิดตามจิตร เอย. ๚ |
เล่นคืนที่ ๔ ณวัน ๕ ๑๕ฯ ๑ ค่ำ
ท่าพระ๏ สักรวามาพร้อมน้อมประนต | บาทบงกชมุลิกาสุธาสวรรค์ |
ทรงพระคุณกรุณาไม่ราวัน | ดังฉัตรกั้นเกษีไม่มีไภย |
ขอปรีชาปรากฎพระยศโยค | สว่างโลกเรืองแลดังแขไข |
ข้าพระบาทพลาดพลั้งเปนอย่างไร | ควรมิควรขอพระได้โปรดโทษ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาจะพิกัดจัดให้เล่น | นายฤกษ์เปนประสันตาปรีชาขยัน |
วงนารีที่มิสาอุนากรรณ | ลำนี้นั้นปันหยีมีศักดา |
สิทธิศรกล่าวคำตำมะหงง | เห็นมั่นคงต้องกระบวนควรหนักหนา |
เล่นเมื่อชนไก่พนันนัดสัญญา | ประสันตารีบไปจัดไก่ เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาประสันตามีมารยาตร | ชวนน้องนารถอนุชาปัญญาขยัน |
จะไปหาไก่ดีที่สำคัญ | จะไปเกณฑ์เล่นพนันเขาวันนี้ |
พอไปพบไก่ดีขันรี่เรื่อย | ดีทั้งเดือยทั้งแข้งเปนแสงศรี |
จับได้ไก่ไม่รอจรลี | มาถึงที่ชนไก่เร็วไว เอย. ๚ |
หลวงสิทธิศร๏ สักรวาตำมะหงงประสงค์ไก่ | แล้วเลือกได้ไก่ประดู่ดูแหลมหลัก |
เกล็ดแข้งนาคราชฉลาดนัก | มีลำหักเปาะได้มาหลายครา |
ทั้งรูปโฉมกลมกล่อมพริ้งพร้อมหมด | ชนก็อดท่วงทีดีหนักหนา |
พอวางหางปล่อยปล้ำต้องตำรา | ตีถูกไก่ประสันตาเสียงฮา เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาประสันตาปรีชาฉลาด | ชะตำมะหงงองอาจไม่อดสู |
ไก่ของเราเล่าก็เอกเศกต่อครู | จะได้ดูสักปึงที่ถึงดี |
เออนี่แน่ตำมะหงงอย่าหลงล้อ | เราจะต่อให้หนาห้าเอาสี่ |
พอไก่เราเข้าท่าเตะตาที | ก็วิ่งหนีเขาไปจนใจ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาปันหยีครูเจ้าชู้ใหญ่ | แลเห็นไก่แพ้วิ่งนึกกริ่งจิตร |
อุนากรรณคนนี้เคยมีฤทธิ | เมื่อครั้งติดสักรวาที่ท่าช้าง |
แต่ยังสาวคราวเปนบุษบา | ยังเข้าคร่าดาบอิเหนาเอามาบ้าง |
อิเหนาเก่านักเลงแท้ยังแพ้นาง | นี่อย่าวางเม็ดเหมือนคราวเปนสาว เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาอุนากรรณเทวัญแปลง | แอบนั่งแฝงมุลี่ทำทีเก้อ |
ไก่ปันหยีตีแพ้ชะแง้ชะเง้อ | คนร้องเออเสียงอึงตลึงแล |
ไก่เปนรองร้องว่าเรื่องท่าพระ | พูดเกะกะว่ากล่าวความเก่าแก่ |
ว่าไปแย่งดาบฝรั่งที่หลังแพ | พูดให้แน่นะปันหยีข้อนี้ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาใช่จะแสร้งกล่าวแกล้งว่า | ที่เจรจานั้นเปนแน่อย่าแก้เกี้ยว |
บุษบาเขาไม่ปดพูดลดเลี้ยว | จริงจริงเจียวความขำข้อสำคัญ |
ถึงไก่แพ้ก็อย่าเยาะเคาะแคะพี่ | ของดีดีมีประจำไว้ทำขวัญ |
จะหาตัวอีหนูจ้างมารางวัล | เหมือนคราวนั้นนึกลองเถิดน้อง เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาอุนากรรณไม่หวั่นหวาด | บรมนารถวังน่าว่าอิเหนา |
ก็ทรงพระสวรรคตหมดสำเนา | ช่างเก็บเอาอะไรมาว่าใส่ความ |
เพราะไก่แพ้แก้เกี้ยวมาเที่ยวขู่ | เอาอีหนูมาบอกออกสนาม |
เปนไฉนนั่นจะไม่ให้ก็ตาม | แต่อย่าลามลวนคำให้ช้ำ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาตัวพี่ก็อิเหนา | คือองค์เก่าแลมาเกิดกำเนิดใหม่ |
ไม่เชือนเฉยเลยลืมที่ปลื้มใจ | พี่คิดไว้หวังจะเลี้ยงเคียงประคอง |
อย่าหวนหุนมุ่นมุทำดุดื้อ | คิดแขงมืออึดอัดตุปัดตุป่อง |
จงปรานีมีอาไลยในทำนอง | อันเงินทองของพี่มีถม เอย. ๚ |
คุณพุ่ม๏ สักรวาสมคิดบพิตรพี่ | คือองค์อีเหนานารถมุ่งมาดหมาย |
กลับมาเกิดเลิศหล้าปรีชาชาย | รักประจำทำให้อายแทบวายชนม์ |
คิดก็สะพระไทยทำได้ฤๅ | จนเสียชื่อพระบุตรีออกปี้ป่น |
อิเหนาเก่าเล่าฉันขู่ก็สู้ทน | ไม่เปนคนบ้ายุดันดุ เอย. ๚ |
คืนที่ ๕ ณวัน ๖ ๑ฯ ๑ ค่ำ
คุณพุ่ม๏ สักรวาทรงตรัสให้จัดเรื่อง | ที่บาทเบื้ององค์สำคัญเปนปันหยี |
ไชยเสนาว่าพลางเปนนางชี | อันลำนี้ตัวขยันประสันตา |
เมื่อจับยามตามหย้าหรันไม่ทันรู้ | พบแอหนังนั่งอยู่บนภูผา |
วงท่าพระจะหรังวิสังกา | ออกเจรจาพากย์หนังให้ฟัง เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาปันหยีไม่มีศุข | ระทมทุกข์ตรึกตรองถึงน้องหาย |
พอได้ฟังประสันตาปรีชาชาย | ทูลขยายความพลางถึงนางชี |
ว่าเหมือนนุชบุษบายุพาภักตร์ | ชื่นใจนักวันนั้นองค์ปันหยี |
จึงตรัสสั่งสังคาไม่ช้าที | ไปจัดรถให้พี่เดี๋ยวนี้ เอย. ๚ |
ท่าพระ๏ สักรวาจะหรังวิสังกา | รีบมาจัดรัถาคว้าพระฉาย |
ทั้งเสื่ออ่อนหมอนอิงพิงสบาย | คนนั่งท้ายนั้นจัดมหาดเล็ก |
ตัวขยันประสันตาเปนสารถี | เอารถที่นั่งทรงเปนกงเหล็ก |
ตำรวจแห่แลเปนพวกใส่หมวกเจ๊ก | ล้วนเด็กเด็กไว้หางหนูคอยอยู่ เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาปันหยีเข้าที่สรง | แต่งพระองค์อย่างฝรั่งเครื่องอังกฤษ |
สำราญรื่นชื่นอารมณ์ด้วยสมคิด | กระหยิ่มจิตรรีบตรงมาทรงรถ |
ครั้นถึงที่เชิงกุหนุงเดินกรุ้งกริ่ง | ไปยืนพิงต้นมะขวิดคิดขี้ปด |
บอกว่าพี่เทวัญอยู่บรรพต | จะพาไปโสฬศให้หมด เอย. ๚ |
หลวงพิไชยเสนา๏ สักรวาพระบุตรีหลวงชีแก่ | จึงยิ้มแต้อยากจะใคร่ไปสวรรค์ |
ด้วยสมนึกตรึกตราปฤกษากัน | ชวนบาหยันเก็บของกินใส่ปิ่นโต |
แล้วรีบออกนอกกุฎีขมีขมัน | ประเสหรันยุ่งยิ่งออกวิ่งโร่ |
คิดถึงสองภูวไนยร้องไห้โฮ | เอ๋ยพุดโท่โอ้อิเหนาคอยเปล่า เอย. ๚ |
อาลักษณ๏ สักรวาปันหยีฤาษีหนุ่ม | จึงโอบอุ้มแอหนังขึ้นนั่งตัก |
แล้วยียวนเยาวยอดกอดสพัก | โอ้นงลักษณ์แม่จงมีไมตรีเรียม |
อย่าขุ่นข้องหมองหมางระคางจิตร | ไม่ควรคิดเคืองระคายเอื้อนอายเหนียม |
สั่งให้ขับรถามีม้าเทียม | ไปตามเหลี่ยมเทินไศลไวไว เอย. ๚ |
----------------------------