บทสักรวาสำหรับร้องลำต่าง ๆ
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระทองหวน๏ สักรวาข้าบาทบงกชมาศ | วงในราชนิเวศน์เฃตรสถาน |
มาพรั่งพร้อมน้อมประนตบทมาลย์ | พระผู้ผ่านภพประเทศเกษประชา |
จะถวายลำนำเปนคำร้อง | แม้นขัดข้องเพี้ยนผิดติดโทสา |
โดยประมาทควรพระราชอาญา | จงทรงพระกรุณาข้าบาท เอย. ๚ |
เทพบรรธม๏ สักรวาอ้าองค์พระจักรกฤษณ์ | ยามสถิตย์ในเกษียรสมุทสถาน |
เหนืออาศน์นาคราชอันโอฬาร | ด้วยสองยอดเยาวมาลย์สำราญรมย์ |
อันองค์พระลักษมีศรีสวัสดิ | แนบสัมผัสขวาชิดสนิทสนม |
ซ้ายสุรัศวดีเคียงผธม | เปนบรมศุขสานต์เบิกบาน เอย. ๚ |
พระยาโศก๏ สักรวาเอนองค์ลงเหนืออาศน์ | ร้อนราชหฤไทยหม่นหมอง |
โอ้อนงค์ทรงลักษณ์นวลลออง | แต่พี่ปองพิศวาศไม่ขาดวัน |
เฝ้าเกิดทุกข์ฉุกเฉินพเอิญขัด | ต้องเพี้ยนผัดหย่อนหยุดสุดผ่อนผัน |
กลัวจะไม่เหมือนหมายเสียดายครัน | เห็นน่าที่ชีวันบรรไลย เอย. ๚ |
คลื่นฟัดฝั่ง๏ สักรวาแสนแค้นแน่นอุระ | น้อยฤาจะจัณฑาลให้การเสีย |
คงจะสู้เสือกสนไปจนเพลีย | ใช่ต่ำเตี้ยสุริวงษ์พงษ์ประยูร |
เหมือนแย่งเนื้อที่เปนเหยื่อสีหราช | คงมุ่งมาดตามไปมิให้สูญ |
อย่าหมายใจว่าจะได้ไปเพิ่มภูล | จะตั้งหน้าอาดูรเดือดร้อน เอย. ๚ |
สร้อยมยุรา๏ สักรวามยุราจำเรียงร่าย | ริมหาดทรายชายฝั่งนทีศรี |
แผ่หางอย่างเขียนเขียวขจี | สลับดอกดังมณีสุวรรณวาม |
อันโลมาสร้อยสอลอออ่อน | ทั้งเส้นหงอนงามสง่ามาสนาม |
มีนางยูงเยื้องย่างสำอางตาม | ดูงามงามน่ารักนักหนา เอย. ๚ |
เทพไสยาศน์๏ สักรวาเทวฤทธิสถิตย์แท่น | พร้อมด้วยแสนสาวสุรางค์นางสวรรค์ |
ลางนางบ้างจับระบำบรรพ์ | บ้างโอดพันบรรสานเสียงสำเนียงนวล |
บ้างบันเลงเพลงพิณไพเราะ | แสนเสนาะรื่นโรยโหยหวน |
ลางนางบ้างทำทีกระบวน | เย้ายวนยินดีปรีดา เอย. ๚ |
จีนแสโศกา๏ สักรวาเกือบปีเข้านี่แล้ว | คิดถึงแก้วแววเนตรของเชษฐา |
ทุกคืนค่ำร่ำนับทิวามา | เห็นสุดช้าจะได้ชมสมจำนง |
เมื่อพบภักตร์เหมือนจะเยื้อนไม่เบือนบิด | จนใกล้ชิดเกือบได้ชมสมประสงค์ |
เมื่อยามใดหนอจะได้มาเคียงองค์ | พี่ร้อนจิตรพิศวงไม่วาย เอย. ๚ |
มาลีหวน๏ สักรวาอาไลยมิใช่เล่น | แต่วันเห็นมิได้วายถวิลถึง |
นอนนั่งตั้งแต่รำพึงตลึง | เพียงปืนตึงตรอมอุราทุกนาที |
ทำไฉนใจเจ้าจะแจ้งเหตุ | ว่าพี่แสนสุดเทวศหม่่นหมองศรี |
จะพักพึ่งผู้ใดก็ไม่มี | ช่วยปรานีนำสารขานไข เอย. ๚ |
เวศุกรรม๏ สักรวาหวนรฦกนึกมานะ | เถิดฤาจะจู่โจมโหมหักหาญ |
สงสารน้องแต่จะต้องอัประมาณ | ให้รำคาญขุ่นข้องหมองอารมณ์ |
จะคิดฉันใดดีกระนี้หนอ | จะสู่ขอเกรงไปจะไม่สม |
นอนนั่งตั้งแต่ทุกข์ทนระทม | ดังเส้นผมบังภูเขาเลากา เอย. ๚ |
ไม้ไทร๏ สักรวาชรอยกรรมมาจำพราก | กำจัดจากดวงใจไกลสถาน |
ปานฉนี้โฉมเฉลาเยาวมาลย์ | จะสำราญฤาอาไลยในพี่ยา |
จะเที่ยวท่องท้องธารสนานน้ำ | แล้วลงถ้ำเทินป่าพนาหนา |
ฤๅคิดถึงพี่อยู่สู้ตามมา | แต่กรรมพาสายสวาดิคลาศไป เอย. ๚ |
อาเฮีย๏ สักรวาเวราสิ่งไรเอ๋ย | ไม่หมดเลยหนอยังจงจำนงผลาญ |
เมื่อครู่เดียวเจียวประสบพอพบพาน | ควรฤารานสายใจให้ไกลตา |
แล้วรื้อพบสบภักตร์อิกสักน้อย | แล้วกลับลอยลับไปไม่มาหา |
แต่เวียนพบเวียนพลาดคลาศเวลา | จนอุราเจ็บระบมกรมหนอง เอย. ๚ |
ลาวพวน๏ สักรวาพวงผกามณฑารัตน์ | พี่สุดแสนปดิพัทธสายสมร |
แม้นสิ้นทุกข์ศุขสบายวายเร่าร้อน | พี่จะช้อนพวงวางไว้ข้างเตียง |
สุคนธ์ปรุงจรุงกลิ่นประทิ่นชื่น | ให้รวยรื่นรศคนธ์จนเฉลียง |
ขอเชิญดวงบุษบงจงเอนเอียง | ให้พอเพียงเชยชมสมรัก เอย. ๚ |
ทยอยเขมร๏ สักรวาเดินพลางทางเทวศ | ถวิลถึงเยาวเรศตลึงหลง |
เห็นพฤกษานานาในแดนดง | หมู่บุหรงจงจับอยู่จอแจ |
คิดคนึงนวลนางอยู่ข้างหลัง | เคยพร้อมพรั่งพูดจ้อประจ๋อประแจ๋ |
เห็นวิหคเคียงคู่อยู่ซ้อแซ้ | ต้องเบือนภักตร์ผันแปรไม่แล เอย. ๚ |
พวงร้อย๏ สักรวากินรินบินเร่ร่อน | จากศิงขรคูหาที่อาไศรย |
ลงเล่นสวนลดาวัลย์อันอำไพ | ล้วนทรงลักษณวิไลยลออตา |
บ้างเด็ดพวงดวงดอกพุทชาด | มลิดาษดกดื่นพื้นบุหงา |
เที่ยวเก็บเล็มเต็มห่อเดินกรอมา | หยุดยังแท่นแผ่นศิลานั่งร้อย เอย. ๚ |
สร้อยสน๏ สักรวาเลือกบุหงาสารพัด | ประจงจัดร้อยกรองต้องประสงค์ |
เปนสร้อยสนสังวาลเฉวียงองค์ | ทั้งบรรจงเปนวไลสวมใส่กร |
บ้างผูกเปนอุณหิศวิจิตรราย | สลับลายระบายสีด้วยเกสร |
ประดับองค์อ้อนแอ้นอรชร | นางกินรร้องรำสำราญ เอย. ๚ |
ฝรั่งใหม่๏ สักรวาอาภัพต้องรับเคราะห์ | มาจำเภาะพ้องกรรมจะทำไฉน |
เมื่อแสนรักฤาว่าเบือนเชือนเฉยไป | ไม่อาไลยแล้วก็เลือกจำนรรจา |
สู้อุส่าห์ฝ่าหนามคืนวันนั้น | ยังเกียจกันเสียมิให้ขึ้นไปหา |
เพราะครูสอนหล่อนจึงทำไม่นำพา | ไปหมายดวงจินดาข้างน่า เอย. ๚ |
ฝรั่งใหม่๏ สักรวาอนิจาช่างว่าได้ | ทำไถลกล่าวความพองามสม |
เปนสัตรีมีแต่ความทุกข์ระทม | เพราะหลงลมแลจึงล้มลงปลายมือ |
เมื่อแรกรักผักขมชมว่าหวาน | แต่น้ำตาลเดี๋ยวนี้อมว่าขมฤๅ |
เอาความอายออกเที่ยวส่ายให้เขาฦๅ | เถอะอย่ารื้อเรื่องร่ำช้ำใจ เอย. ๚ |
สุหรัด๏ สักรวาแสนวิตกอกจะหัก | เพราะริรักไม่รู้สึกนึกเฉลียว |
ไม่เจียมแก่เฝ้าตะกายไปฝ่ายเดียว | พอนึกเสียวขึ้นสิอายเสียหลายคราว |
เหมือนทรงธรรม์สันนุราชมุ่งมาดหมาย | จนได้อายออกชื่อฦๅฉ่าฉาว |
เปนหลาบเข็ดแล้วไม่คิดให้ติดคาว | เห็นสาวสาวก็ไม่แลผันแปร เอย. ๚ |
นารายณ์แปลงรูป๏ สักรวาเคืองข้องดังต้องหนาม | ไม่มีความศุขโสมนัศา |
ตั้งแต่จากจอมขวัญวันนั้นมา | ในอุราร้อนดังจะพังพอง |
แม้นแปลงทรงได้เหมือนองค์พระจักรกฤษณ์ | จะจำแลงแบ่งบิดให้เปนสอง |
ภาคหนึ่งจะไปอยู่เปนคู่ครอง | มิให้น้องแรมร้างห่างรัก เอย. ๚ |
แขกทยอย๏ สักรวาวันพรากจากสถาน | แสนสงสารนุชแลชะแง้หา |
สุชลคลอหล่อเนตรวนิดา | อนิจาเจ้าจะเปนประการใด |
ปานฉนี้จะแน่นอนถอนสอื้น | ไม่มีชื่นซวนซบสลบไสล |
จะตั้งแต่โหยหาเฝ้าอาไลย | สักเมื่อไรจะประสบพบกัน เอย. ๚ |
แป๊ะปลัดแหล๏ สักรวาเห็นอื่นไม่ชื่นจิตร | เหมือนร่วมเรียงเคียงชิดขนิษฐา |
จะฟังอื่นหมื่นแสนในโลกา | ไม่เหมือนคำจำนรรจาเจ้าดวงใจ |
อันสำลีที่ประชีเปนระเบียบ | ไม่นุ่มเปรียบเนื้อสนิทพิศมัย |
เจ้าดีจริงยิงล้ำน้ำหฤไทย | พี่รักใครไม่เทียบเปรียบนาง เอย. ๚ |
ประพาศเภตรา๏ สักรวาน่าเสียดายสายสวาดิ | แรมนิราศเจ้ามาตามแม่น้ำไหล |
จะคิดถึงพี่บ้างฤาอย่างไร | ฤาไปไกลแล้วก็ลืมละเลิงเลย |
เสียแรงรักภัคินีเปนที่ยิ่ง | จะรักจริงตอบบ้างฤๅห่างเฉย |
พี่ไปไกลใครจะลอบประโลมเชย | น้องเสบยแล้วที่ยังคลั่งครวญ เอย. ๚ |
ยีกินหกบท๏ สักรวารักเร้นต้องเม้นเงื่อน | สู้กลบเกลื่อนมิให้เห็นว่าเปนแผล |
ได้บอกแสนเสนหาแต่ตาแล | กลับเซงแซ่ก็เพราะเสียสัจจาจริง |
เกิดวิบัติขัดข้องเปนสองรัก | หม่นหมองภักตร์เพราะไม่รู้เท่าผู้หญิง |
แสร้งชออนอ่อนอ้อนทำวอนวิง | เหมือนน้ำกลิ้งใบบัวกลัวนัก เอย. ๚ |
ดำฤษณา๏ สักรวาใจหญิงนี้จริงหนอ | ไม่พึงพอในสังวาศสวาดิหมาย |
เนตรเปนมันหันร่ารับตาชาย | ทำกรีดกรายย้ายทำนองเล่นลองเชิง |
เปนเข็ดหลาบสาปลาเสียแล้วละ | ไม่ขอปะคนชนิดจิตรใจเหลิง |
ถึงเสียรู้ก็ได้รอยลอยละเลิง | จงค้างเติ่งติดคู่อยู่เถิด เอย. ๚ |
มอญรำดาบ๏ สักรวาน่าน้อยน้ำใจนัก | ไม่ควรชักเชือนแชทำแปรผัน |
เมื่อรับสัตย์ชัดสิ้นทุกสิ่งอัน | ยังไม่ทันถึงไหนสิไหลเลือน |
น้องหมายพึ่งเหมือนหนึ่งผู้จะชูภักตร์ | ควรฤาชักแชไปไม่ได้เหมือน |
ไม่รู้จิตรว่าที่คิดกระบวนเบือน | ถ้าร่วมน้องครองเรือนจึงเชือน เอย. ๚ |
เทพรำจวน๏ สักรวาเอ๊ะอนาถประหลาดนัก | ดูเหมือนจักไม่เปนแกวเสียแล้วแหล |
ยิ่งซ้ำเตือนก็ยิ่งเลื่อนเหมือนเชือนแช | ถ้านึกแน่ก็เห็นสมอารมณ์เรา |
มาหวนคิดผิดสังเกตเหตุไรหนอ | จึงรีรอให้เร่าร้อนลงนอนเหงา |
ฤาแกล้งล่อพอให้หลงด้วยลายเงา | แต่เศร้าเศร้าซูบผอมตรอมใจ เอย. ๚ |
ทองย้อย๏ สักรวาคืนวันนั้นพี่ฝันเห็น | ว่าเนื้อเย็นอิงแอบแนบเขนย |
ความยินดีมิได้มีที่เปรียบเลย | ถนอมเชยแนบชิดสนิทนอน |
พี่สร้วมสอดกอดอยู่จนรู้สึก | ลืมเนตรนึกน้อยฤๅเห็นกลับเปนหมอน |
ประหลาดแท้แต่สุคนธ์กลิ่นขจร | ฤาสมรเย้าพี่กระนี้ เอย. ๚ |
คำหวาน๏ สักรวาบุญใดหนอได้เห็น | นางฟ้าเด่นดูสำอางเหมือนอย่างเขียน |
มาแปลงทรงเหมือนนุชสุดแนบเนียน | จับแสงเทียนทองส่องสอาดตา |
ชรอยบุญหนุนส่งจงจำเภาะ | เพราะบุพเพสันนิวาศพาศนา |
ขอให้เสร็จสมหวังดังจินดา | จะบวงสรวงเทวาขอบคุณ เอย. ๚ |
แขกมอญ๏ สักรวาฟังข่าวให้ผ่าวร้อน | ดังเขาอ่อนเอนทับฤไทยถม |
เปนสิ้นทางที่จะคิดหมายชิดชม | เหมือนตกหล่มลึกลับอับปัญญา |
โอ้ผู้ให้กะไรเปนไปเช่นนี้ | ไม่พอที่จะมาคิดฤษยา |
ชรอยกรรมทำไว้แต่ไรมา | จึงไม่พ้นอิจฉาสาธารณ์ เอย. ๚ |
สะสม๏ สักรวาตั้งแต่เห็นเปนมนุษย์ | ไม่ผ่องผุดเหมือนหนึ่งนางสำอางโฉม |
จะดูไหนก็วิไลยควรประโลม | ดังดวงโสมส่องฟ้านภาพร |
ทั้งท่วงทีกิริยามารยาตร | เอี่ยมสอาดดังอนงค์องค์อับศร |
เมื่อเอื้อนโอษฐพจนาสุนทรวอน | เหมือนคมศรเสียบอุราพี่ยา เอย. ๚ |
หรุ่ม๏ สักรวาจักรแหล่นแล้ววันนั้น | ไม่เกียจกันปานฉนี้แล้วที่ไหน |
คงได้เสร็จสมหวังดังคิดไว้ | นึกเสียใจจริงจริงต้องนิ่งเซา |
มิวันใดก็วันหนึ่งนั่นแหละ | คงแขยะเสียให้หย่อนลงนอนเหงา |
เหมือนเพลิงรุมสุมขอนร้อนไม่เบา | ให้ทุกข์เขาคงให้ได้ทุกข์ เอย. ๚ |
ตามกวาง๏ สักรวารักซ้อนทำซ่อนเงื่อน | น้อยฤๅเกลื่อนกลบทางทำพรางหลุม |
เมื่อวันบอกออกงานการประชุม | เห็นเปนกลุ่มมั่งมีเม่นหมีกอ |
น่าหัวเราะเจียวเนาะนางเจ้าช่างริ | อุตริปิดควันรันฟืนสอ |
น้ำใจหล่อนค่อนข้างเปรียวเหลียวหายอ | ดูดูหน่อยหนึ่งก็ปร๋อไปปราด เอย. ๚ |
สี่เกลอ๏ สักรวาดูเอาเถอะเลอะเสียหละ | อย่างไรละเรื่องนั้นของฉันหนะ |
แม้นไม่ได้ก็ไม่ฟังมั่งแล้วคะ | ถ้าพบปะก็จะนั่นกระนั้นแหละ |
ช่างเปนไรใจฉันมุทลุ | เดี๋ยวนี้ดุขึ้นให้เพราะหัวเราะแหยะ |
นี่คงมีใครซ้ำช่วยนำแนะ | จึงเปื่อยแฉะเสียเช่นนี้เต็มที เอย. ๚ |
สารถีชักรถ๏ สักรวาคุณป้าเมตตาหลาน | อย่าเพ่อรานรักให้ได้อดสู |
คนอื่นไกลไหนเขาจะล่วงรู้ | เมื่อเปนครูฉันอุส่าห์ลงมาเรียน |
เสียแรงรักคุณป้ายิ่งกว่าของ | ชั้นแหวนทองฉันก็ขนออกจนเลี่ยน |
ไม่เมตตาแล้วก็ที่เขาติเตียน | ฉันน้อยใจได้สู้เพียรเรียนมา เอย. ๚ |
แสนเสนาะ๏ สักรวาน่ารักภักตร์สมร | เหมือนจันทรจำรัสรัศมี |
ทุกสิ่งสรรพ์งามสรรพรับอินทรีย์ | ดังกินรีร่อนรำกลางอัมพร |
เมื่อชำเลืองเยื้องชายไนยนา | มาสบตาพี่ข้องดังต้องศร |
แม้นมิเกรงความนินทาจะกล้าจร | ไปชูช้อนโฉมเฉลาขึ้นเพลา เอย. ๚ |
ฝรั่งกินโต๊ะ๏ สักรวาน่าหนาวคราวนี้ฤา | ทำไมรื้อร้อนใจดังไฟเผา |
จะดับพิศม์สักเท่าใดไม่บันเทา | ใครใครเขาหนาวสิ้นแผ่นดินดอน |
แต่ตัวเราเร่าร้อนนอนไม่หลับ | เฝ้ากลิ้งกลับดังเอาไฟใส่สุมขอน |
แม้นเมื่อใดได้น้องมาแนบนอน | จึงจะวายคลายร้อนอาวรณ์ เอย. ๚ |
----------------------------